เขื่อนรัชชประภา ฉบับ Backpacker

ภูเขาสูงชันและหน้าผาหินปูนรูปทรงแปลกตา ตั้งตระหง่านและโอบล้อมผืนน้ำสีเขียวใส ยามเช้าและหลังฝนตกมักปรากฎสายหมอกลอยละล่องผ่านทิวเขา ให้ความสดชื่น เย็นตา สบายใจอย่างบอกไม่ถูก ที่กล่าวมานี้คือคำจำกัดความส่วนหนึ่งของ “เขื่อนรัชชประภา” ซึ่งได้รับการเปรียบเปรยว่าเป็น “กุ้ยหลินเมืองไทย”

จุดท่องเที่ยวและถ่ายรูปเช็กอินเขื่อนรัชชประภามีมากมายหลายจุด เช่น จุดชมทิวทัศน์เหนือสันเขื่อน ประตูกุ้ยหลิน เขาสามเกลอ ทะเลใน 500 ไร่ ถ้ำปะการัง จุดชมวิวไกรสร ถ้ำประกายเพชร ถ้ำน้ำทะลุ จุดส่องสัตว์ป่า (ช้างป่า กระทิง กวาง หมูป่า ชะนี นกเงือก) เป็นต้น

เขื่อนรัชชประภาเป็นเขื่อนหินแกนดินเหนียว มีความสูง 94 เมตร ความยาวสันเขื่อน 761 เมตร ความกว้างสันเขื่อน 12 เมตร มีพื้นที่อ่างเก็บน้ำ 185 ตารางกิโลเมตร สามารถเก็บกักน้ำได้สูงสุด 5,639 ล้านลูกบาศก์เมตร

พื้นที่บริเวณสันเขื่อนและช่องทางระบายน้ำอยู่ภายใต้การบริหารจัดการของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ส่วนพื้นที่ทะเลสาบเหนือเขื่อนอยู่ภายใต้การดูแลของอุทยานแห่งชาติเขาสก น้ำในเขื่อนนอกจากใช้ผลิตกระแสไฟฟ้าแล้ว ยังใช้ประโยชน์ในด้านเกษตรกรรม การประมง การท่องเที่ยว และบรรเทาอุทกภัย

การเดินทางมายังเขื่อนรัชชประภา

จากตัวเมืองสุราษฎร์ธานี ใช้ทางหลวงหมายเลข 401 (สุราษฎร์ธานี-พังงา) จนถึงสามแยกไฟแดงในตัวอำเภอบ้านตาขุน จะพบป้ายทางเข้าเขื่อนรัชชประภาอยู่บริเวณแยกทางขวามือ ให้เลี้ยวขวาเข้าทางหลวงชนบท สฎ.3062 ตรงไป 13 กิโลเมตร ถึงเขื่อนรัชชประภา ระยะทางรวมจากตัวเมืองสุราษฎร์ธานี ประมาณ 78 กิโลเมตร

การนั่งเรือท่องเที่ยวในเขื่อนรัชชประภา
สามารถลงเรือได้ที่ ท่าเรือท่องเที่ยวเทศบาลบ้านเชี่ยวหลาน สอบถามข้อมูล โทร. 0 7791 8036, 08 3300 1730 ซึ่งท่าเรือห่างจากจุดชมทิวทัศน์เหนือสันเขื่อน 2 กิโลเมตร หากจองที่พักกับแพพักที่ตั้งอยู่ในเขื่อนไว้แล้ว แพพักส่วนใหญ่จะมีบริการเรือรับส่งระหว่างท่าเรือกับที่พักด้วย

บริเวณท่าเรือท่องเที่ยวเทศบาลบ้านเชี่ยวหลานมีจุดรับฝากรถแบบทั้งวันและแบบค้างคืน หากเป็นรถยนต์สี่ล้อ อัตราค่ารับฝากรถแบบทั้งวันคันละ 40 บาท และแบบค้างคืนคันละ 80 บาท

อัตราค่าบริการเรือนำเที่ยวทะเลสาบเหนือเขื่อนรัชชประภา มีการกำหนดเกณฑ์ราคาเป็นมาตรฐานสำหรับนักท่องเที่ยว แบ่งออกเป็น เรือยนต์เหมาลำขนาดเล็ก (ไม่เกิน 10 คน) และเรือยนต์เหมาลำขนาดใหญ่ (ไม่เกิน 20 คน) ทั้งยังมีอัตราค่าบริการแบบเช้าไปเย็นกลับในวันเดียว และแบบค้างคืนคือไปส่งแพพักวันนี้และไปรับกลับขึ้นฝั่งวันถัดไป

นักท่องเที่ยวต้องชำระค่าธรรมเนียมใช้บริการท่าเรือท่องเที่ยวเทศบาลเขื่อนรัชชประภาก่อนลงเรือด้วย
อัตราค่าธรรมเนียม
– ชาวไทย ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท
– ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท
พิกัดท่าเรือท่องเที่ยวเทศบาลบ้านเชี่ยวหลาน
https://maps.app.goo.gl/aANwaLLJgSrJcBSo6

เนื่องด้วยพื้นที่ทะเลสาบเหนือเขื่อนรัชชประภา อยู่ในความดูแลของอุทยานแห่งชาติเขาสก นักท่องเที่ยวที่เดินทางล่องเรือเที่ยวทั้งแบบเช้าไปเย็นกลับและแบบค้างคืนในเขื่อน จะต้องชำระค่าธรรมเนียมเข้าอุทยานฯ ณ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวของอุทยานแห่งชาติเขาสก ที่ตั้งอยู่บริเวณท่าเรือท่องเที่ยวเทศบาลเขื่อนเชี่ยวหลาน

อัตราค่าธรรมเนียม
– นักท่องเที่ยวชาวไทย ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท
– นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 300 บาท เด็ก 150 บาท

แนะนำให้นักท่องเที่ยวพกบัตรค่าธรรมเนียมเข้าอุทยานฯ ติดตัวไว้เสมอ เพราะเจ้าหน้าที่อุทยานฯ อาจเรียกตรวจได้ทุกเมื่อ

ทะเลสาบเหนือเขื่อนมีที่พักให้บริการหลายแห่ง ทั้งที่ดำเนินการโดยอุทยานแห่งชาติเขาสกและผู้ประกอบการเอกชน
แพพักของอุทยานฯ มี 4 แห่ง ได้แก่
1. แพนางไพร (หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติเขาสกที่ ขส.3 อ่าวสมเด็จ)
2. แพคลองคะ (ศูนย์พัฒนาการท่องเที่ยวคลองคะ อุทยานแห่งชาติเขาสก)
3. แพโตนเตย (หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติเขาสกที่ ขส.4 คลองแปะ)
4. แพไกรสร (หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติเขาสกที่ ขส.7 ไกรสร)

จองแพพักอุทยานฯ ได้ที่
https://nps.dnp.go.th/reservation.php?option=home

สอบถามข้อมูล อุทยานแห่งชาติเขาสก ที่ทำการอุทยานฯ ตั้งอยู่หมู่ที่ 6 ตำบลคลองศก อำเภอพนม จังหวัดสุราษฎร์ธานี 84250 โทร. 0 7739 5139, 0 7739 5154-5, 09 6329 6583

แหล่งท่องเที่ยวและจุดไม่ควรพลาดไปเช็กอินของเขื่อนรัชชประภา มีอยู่ด้วยกันหลายจุด เช่น จุดชมทิวทัศน์เหนือสันเขื่อน ประตูกุ้ยหลิน เขาสามเกลอ ทะเลใน 500 ไร่ ถ้ำปะการัง จุดชมวิวไกรสร ถ้ำประกายเพชร ถ้ำน้ำทะลุ จุดส่องสัตว์ป่า (ช้างป่า กระทิง กวาง หมูป่า ชะนี นกเงือก) เป็นต้น

“จุดชมทิวทัศน์เหนือสันเขื่อน”
สามารถชมทัศนียภาพอ่างเก็บน้ำเหนือเขื่อนและสันเขื่อน พื้นที่บริเวณนี้กว้างขวาง มีสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับนักท่องเที่ยว เช่น ศูนย์อาหาร ร้านค้า ร้านกาแฟ ห้องละหมาด ห้องน้ำ และลานจอดรถกว้างขวางให้บริการ

พิกัดจุดชมทิวทัศน์เหนือสันเขื่อนรัชชประภา
https://maps.app.goo.gl/jqTWQQqTSeihZwPH8

“พระพุทธสิริสัตตราช (หลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์)”
พระพุทธรูปที่ประดิษฐานอยู่บนเนินสูง บริเวณจุดชมทิวทัศน์เหนือสันเขื่อน นักท่องเที่ยวที่มาเขื่อนรัชชประภา นิยมเดินขึ้นมาสักการะขอพรก่อนลงเรือไปเที่ยวและเดินทางกลับภูมิลำเนา

ศูนย์อาหารและร้านกาแฟคุณสายชล จะตั้งอยู่บริเวณจุดชมทิวทัศน์เหนือสันเขื่อน

ปกตินักท่องเที่ยวที่จะนั่งเรือท่องเที่ยวในทะเลสาบเหนือเขื่อน มักลงเรือกันในช่วงสายประมาณ 09.00 น. ไปแล้ว และนักท่องเที่ยวที่จองแพพักค้างคืนในเขื่อน มักเดินทางมาถึงท่าเรือและลงเรือในช่วง 13.00 น. ไปแล้ว

เมื่อเรือแล่นออกจากท่าเรือมาได้ไม่นาน จะมองเห็นจุดชมทิวทัศน์บริเวณเหนือสันเขื่อนในมุมมองจากบนเรือ เมื่อแล่นเรือต่อจนเข้ามาในพื้นที่ทะเลสาบเหนือเขื่อน จะเริ่มเห็นภูเขาหินปูนรูปทรงแปลกตาและน้ำสีเขียวใส

“ประตูกุ้ยหลิน”
ลักษณะเป็นเขาหินปูนสองลูกตั้งตระหง่านอยู่กลางน้ำ คล้ายบานประตูขนาดใหญ่นำทางให้เรือแล่นเข้าไปสู่พื้นที่ตอนในของทะเลสาบ เป็นจุดถ่ายรูปที่สวยงามอีกแห่ง

“เขาสามเกลอ”
ลักษณะเป็นเขาหินปูนสามหน่อตั้งเรียงกันอยู่กลางน้ำในทะเลสาบเหนือเขื่อน ภูมิประเทศโดยรอบโอบล้อมด้วยกำแพงภูเขาหินปูนสูงตระหง่าน มีแมกไม้เขียวชอุ่มปกคลุมภูเขา ท่ามกลางผืนน้ำสีเขียวมรกต จุดนี้ถือเป็นสัญลักษณ์ของเขื่อนรัชชประภา ใครที่นั่งเรือมาเที่ยวทะเลสาบเหนื่อเขื่อน จะต้องไม่พลาดมาถ่ายรูปจุดนี้

“ทะเลใน 500 ไร่”
ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเขื่อน เป็นพื้นที่ในความดูแลของหน่วยพิทักษ์ป่าห้วยถ้ำจันทร์ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองแสง การเดินทางมายังทะเลใน 500 ไร่ จากท่าเรือท่องเที่ยวเทศบาลเขื่อนเชี่ยวหลานหรือจากแพพักต่าง ๆ ภายในเขื่อน นักท่องเที่ยวต้องนั่งเรือมายังยังบริเวณจุดทางเข้า จากนั้นเดินเท้าตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติระยะทาง 1.5 กิโลเมตร ข้ามเขาไปยังทะเลใน เส้นทางเดินเป็นทางลูกรัง มีขึ้นลงเนินเล็กน้อยแต่ไม่ชันมาก เส้นทางนี้เคยเป็นทางที่ช้างใช้ลากซุงในสมัยก่อน เมื่อเดินข้ามเขามาจะพบกับที่ตั้งของหน่วยพิทักษ์ป่าห้วยถ้ำจันทร์ จุดนี้มีร้านค้าขายขนมกับเครื่องดื่ม และมีห้องน้ำให้บริการ

เหตุที่ต้องใช้วิธีเดินเท้าข้ามเขามายังทะเลใน ไม่สามารถนั่งเรือเข้ามาได้ เพราะจุดนี้ไม่เชื่อมต่อกับผืนน้ำเขื่อนรัชชประภาที่อยู่ด้านนอก โดยน้ำที่เข้ามาสู่จุดนี้จะลอดถ้ำใต้เขาเข้ามา จึงเกิดเป็นทะเลสาบอีกแห่งหนึ่ง เรียกว่า ทะเลใน 500 ไร่ นั่นเอง

ทัศนียภาพของทะเลใน 500 ไร่นั้นสวยงามมาก ผืนน้ำสีเขียวมรกตสงบนิ่ง โอบล้อบด้วยกำแพงภูเขารอบทิศ ธรรมชาติโดยรอบยังคงความสมบูรณ์อยู่มาก เป็นอีกจุดหนึ่งที่ไม่ควรพลาดมาเที่ยวชม

“ถ้ำปะการัง”
ลักษณะคล้ายถ้ำน้ำลอดหรือถ้ำทะลุ อยู่บริเวณทะเลใน 500 ไร่ เหตุที่เรียกว่า “ถ้ำปะการัง” เนื่องจากภายในถ้ำมีหินงอกหินย้อยรูปร่างสวยงามแปลกตา คล้ายปะการังใต้ทะเล ซึ่งเป็นปรากฎการณ์ทางธรรมชาติ เกิดจากการตกตะกอนของน้ำหินปูนบวกกับสภาพอากาศภายในถ้ำ นอกจากนี้ยังมีการพบฟอสซิลสัตว์ทะเลเซลล์เดียว อายุประมาณ 250-400 ล้านปี ฝังอยู่ในหินปูนภายในถ้ำ จึงมีข้อสันนิษฐานว่าพื้นที่บริเวณนี้เคยเป็นทะเลดึกดำบรรพ์ของโลกมาก่อน

การไปชมถ้ำปะการัง เมื่อเดินเท้าข้ามเขาเข้ามาที่ทะเลใน 500 ไร่แล้ว ต้องนั่งแพไม้ไผ่แบบติดเครื่องยนต์จากบริเวณหน่วยพิทักษ์ป่าห้วยถ้ำจันทร์ไปยังอีกฝั่งของทะเลใน ใช้เวลานั่งแพประมาณ 10 นาที เมื่อมาถึงอีกฝั่ง ต้องเดินขึ้นเนินเขาไปอีก 50 เมตร ไปยังปากถ้ำปะการัง

การเข้าชมภายในถ้ำปะการัง ต้องติดต่อเจ้าหน้าที่อุทยานฯ เพื่อนำทางทุกครั้ง ข้อควรระวัง คือ ไม่ควรแตะต้องหรือสัมผัสหินงอกหินย้อยภายในถ้ำ และเวลาถ่ายภาพควรงดใช้แสงแฟลช เพราะจะส่งผลเสียต่อการงอกของหิน อย่าลืมเตรียมไฟฉายไปด้วย เพราะภายในถ้ำนั้นค่อนข้างมืด รวมทั้งควรสวมรองเท้าที่กระชับและกันลื่น

ในทริปนี้ พวกเราเลือกพักกันที่ “แพคลองคะ” ซึ่งเป็นแพพักของอุทยานแห่งชาติเขาสก ใช้เวลานั่งเรือจากท่าเรือท่องเที่ยวเทศบาลเขื่อนเชี่ยวหลานมายังที่นี่ประมาณ 1 ชั่วโมง

แพคลองคะมีแพพักหลายประเภท ทั้งแบบมีห้องน้ำในตัวและใช้ห้องน้ำรวม ปกตินอนได้แพละ 2 คน และสามารถเสริมฟูกนอนได้แค่แพละ 1 ที่เท่านั้น ที่นี่มีไฟฟ้าให้ใช้ระหว่างเวลา 18.00-06.00 น. เพราะใช้เครื่องปั่นไฟ

สำหรับอาหาร มีบริการอาหารค่ำและอาหารเช้าสำหรับผู้เข้าพัก โดยต้องแจ้งกับทางแพพักล่วงหน้าหลังจากที่จองแพพักได้แล้ว นอกจากนี้ทางแพยังมีเครื่องดื่มร้อนและเย็นจำหน่าย เช่น น้ำอัดลม ชา กาแฟ น้ำผลไม้ปั่น ยกเว้นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

ระหว่างพักอยู่ที่แพ มีกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวได้สนุกและเพลิดเพลิน เช่น เล่นน้ำ พายคายัก เป็นต้น

เข้าไปจองแพพักได้ที่เว็บไซต์ของกรมอุทยานฯ คลิก https://nps.dnp.go.th/reservation.php?option=home
สอบถามข้อมูล โทร. 09 6329 6583, 0 7739 5139, 0 7739 5154-5

อีกหนึ่งกิจกรรมที่น่าสนใจหากมาพักแพในเขื่อนก็คือ การนั่งเรือยนต์เพื่อไปส่องสัตว์ป่า ซึ่งคนขับเรือจะพาออกเรือไปชมในช่วงเวลาเย็น ๆ ราว 5 โมงเย็น ซึ่งเป็นเวลาที่สัตว์ป่าจะออกมาหากินบริเวณชายป่าของทะเลสาบเหนือเขื่อน

นับว่าเป็นโชคดีของทีมเรา ที่ได้เจอเจ้ากระทิงป่าตัวนี้ และเหตุที่สามารถพบสัตว์ป่าได้บ่อยครั้ง เนื่องจากพื้นที่ทะเลสาบเหนือเขื่อนมีแนวเขตติดกับทิวเขาของอุทยานแห่งชาติเขาสก ซึ่งมีผืนป่าที่อุดมสมบูรณ์มากนั่นเอง

เช้าวันถัดมา ตื่นมาพบกับริ้วหมอกสีขาวลอยพาดผ่านทิวเขา สีเขียวของต้นไม้ตัดกับสีขาวนวลของไอหมอก สดชื่นสุด ๆ จากนั้น นั่งเรือจากแพคลองคะกลับมายังท่าเรือฯ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง

หวังว่ารีวิวนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับเพื่อน ๆ ที่อยากไปเที่ยว “เขื่อนรัชชประภา” ไม่มากก็น้อยนะคะ อ่านจบแล้วอย่าลืมรีบหาวันหยุดและจัดกระเป๋าไปเที่ยวกันนะ

Scroll to Top