ใกล้วันหยุดยาวแบบนี้ บัดดี้มีเส้นทางท่องเที่ยว 2 วัน 1 คืนที่สุโขทัยมาแนะนำซึ่งขอบอกเลยว่าได้ทั้งความสนุก ได้ความรู้ แถมยังได้รูปสวยๆ ไปอวดเพื่อน ๆ อีกเพียบแน่นอน ถ้าไม่เชื่อ ก็ลองชวนเพื่อนๆ ชวนครอบครัว หรือชวนคนรู้ใจ ไปเที่ยวตามบัดดี้ดูสิ 😘
วันที่ 1
1. อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย
– วัดมหาธาตุ
– วัดสระศรี
– วัดศรีชุม
2. ก๋วยเตี๋ยวสุโขทัย เจ๊แฮ
3. ศูนย์การเรียนรู้บ้านพระพิมพ์ หรือ บ้านพระพิมพ์ลักษมณศิลป์
วันที่ 2
4. วัดตระพังทอง
5. อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย
– วัดเจดีย์เจ็ดแถว
– วัดนางพญา
– วัดช้างล้อม
6. ข้าวเปิ๊บยายเครื่อง
เราเริ่มกันที่อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ที่เต็มไปด้วยร่องรอยอดีตและความงดงามของโบราณสถานแห่งสุโขทัย
อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยเป็นมรดกทางประวัติศาสตร์สมัยเริ่มสร้างอาณาจักรของไทยที่ยังหลงเหลืออยู่ ได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกเมื่อ ปี พ.ศ. 2534
โบราณสถานสำคัญที่อยู่ในอุทยานฯ ชั้นในมีอยู่หลายแห่ง แต่บัดดี้จะพาไปชมจุดหลัก ๆ ที่ต้องห้ามพลาดกัน โดยที่แรกก็คือ
วัดมหาธาตุ สร้างขึ้นสมัยสุโขทัยตอนต้น ตั้งอยู่บริเวณกลางเมืองสุโขทัย จุดเด่นอยู่ที่เจดีย์มหาธาตุทรงดอกบัวตูม ซึ่งเป็นเจดีย์ประธานของวัด รายรอบด้วยเจดีย์ 8 องค์
ใกล้กับเจดีย์ประธานมีวิหารขนาดใหญ่ก่อด้วยศิลาแลง มีแท่นซึ่งเคยเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปสัมฤทธิ์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย คือ พระศรีศากยมุนี ปัจจุบันประดิษฐานอยู่ในโบสถ์วัดสุทัศน์เทพวราราม กรุงเทพฯ ด้านเหนือและด้านใต้ของเจดีย์มหาธาตุ มีพระพุทธรูปยืนขนาดใหญ่อยู่ภายในซุ้ม เรียกว่า “พระอัฎฐารส”
วัดสระศรี เป็นโบราณสถานสำคัญซึ่งตั้งอยู่บนเกาะกลางน้ำขนาดใหญ่ ที่เรียกว่า “ตระพังตระกวน”
สิ่งที่น่าชมในวัดนี้คือ “เจดีย์ประธานทรงลังกา” ด้านหน้าเจดีย์มีวิหารขนาดใหญ่ประดิษฐานพระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัย ทางทิศใต้ของเจดีย์ประธาน มีเจดีย์ศิลปะศรีวิชัยผสมลังกาขนาดเล็ก มีซุ้มพระพุทธรูป 4 ทิศ
ส่วนด้านหน้าของวิหารเป็นเกาะกลางน้ำขนาดย่อมซึ่งเป็นที่ตั้งของพระอุโบสถขนาดเล็ก ถือว่าเป็นวัดที่มีจุดชมทัศนียภาพสวยงามมากแห่งหนึ่ง
ถัดออกไปไม่ไกลทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือนอกกำแพงเมืองสุโขทัย ไปเที่ยวชมกันต่อที่ วัดศรีชุม เป็นโบราณสถานที่สำคัญและโดดเด่นแห่งหนึ่งในเขตอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย คำว่า “ศรี” หมายถึง ต้นโพธิ์ ดังนั้นชื่อ “ศรีชุม” จึงหมายถึง ดงของต้นโพธิ์ นั่นเอง
วัดศรีชุมได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์ในปี พ.ศ.2495 หลังถูกทิ้งร้างมานาน โดยเริ่มจากการบูรณะพระอจนะ ตามด้วยส่วนอื่น ๆ ของวัด จนเป็นอย่างที่เราเห็นในปัจจุบัน
ภายในมณฑป ประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัยองค์ใหญ่ นามว่า “พระอจนะ” มาจากคำในภาษาบาลีว่า “อจละ” ซึ่งแปลว่า “ผู้ไม่หวั่นไหว มั่นคง” หรือ “ผู้ที่ควรแก่การเคารพกราบไหว้”
ด้วยความที่พระอจนะเป็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่ประดิษฐานอยู่ในมณฑปขนาดเล็ก ทำให้การถ่ายภาพที่นี่ถือเป็นเรื่องท้าทายอย่างยิ่งว่าจะถ่ายภาพอย่างไรให้สวย
ผนังมณฑปมีความพิเศษ คือก่อเป็น 2 ชั้น และมีเป็นทางเดินขึ้นไปด้านบน ซึ่งสามารถขึ้นไปยังบริเวณด้านหลังพระเศียรของพระอจนะได้ จุดนี้เองที่เป็นที่มาของตำนานพระพูดได้แห่งเมืองพระร่วง เมื่อครั้งสมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงยกทัพไปปราบเมืองสวรรคโลก ได้ทรงแวะพักที่วัดนี้ และได้ให้ทหารปีนขึ้นไปพูดเรียกขวัญกำลังใจแก่เหล่าทหารอยู่ทางด้านหลังขององค์พระ ทำให้ทหารเชื่อว่าพระอจนะพูดได้ จึงเกิดความเลื่อมใสและรู้สึกฮึกเหิมที่จะต่อสู้ จนได้รับชัยชนะในที่สุด
ปัจจุบันกรมศิลปากรได้ปิดทางเข้าอุโมงค์นี้แล้วเพื่อความปลอดภัย
อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยแบ่งการเก็บค่าธรรมเนียมเข้าชมออกเป็น 3 เขต คือ
1. เขตอุทยานฯ ชั้นใน (ที่มีวัดมหาธาตุ) **ไม่อนุญาตให้นำรถเข้าไป แต่สามารถใช้บริการรถราง เช่าจักรยาน หรือรถกอล์ฟได้**
2. เขตทิศเหนือ (วัดศรีชุม และวัดพระพายหลวง)
3. เขตอรัญญิก (วัดสะพานหิน ฯลฯ)
อัตราค่าเข้าชม : ชาวไทย 20 บาท ชาวต่างชาติ 100 บาท
ค่าธรรมเนียมยานพาหนะ
– รถยนต์ 50 บาท
– รถจักรยานยนต์ 20 บาท
– รถจักรยาน 10 บาท
อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย
อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ต.เมืองเก่า อ.เมือง จ.สุโขทัย
เปิดทุกวัน ตั้งแต่ 06.00-18.00 น.
0 5569 7241
https://goo.gl/maps/zUHC1mKjAKcJDToe6
หลังจากเที่ยวกันรัว ๆ เราแวะไปเติมพลังกันที่ “ก๋วยเตี๋ยวสุโขทัย เจ๊แฮ”
ร้านนี้โดดเด่นด้วยเส้นบะหมี่ที่ทำเอง สีเหลืองทองน่าทาน มีความเหนียวนุ่ม ทำสดใหม่ทุกวัน
เราสั่งก๋วยเตี๋ยวต้มยำมาทานกัน รสชาติอร่อยทีเดียว น้ำซุปกลมกล่อม เครื่องแน่นจัดเต็ม อิ่มกันแบบจุก ๆ ไปเลย
ก๋วยเตี๋ยวสุโขทัย เจ๊แฮ
ต.บ้านกล้วย อ.เมือง จ.สุโขทัย
เปิดทุกวัน ตั้งแต่ 07.00-16.00 น.
0 5561 1901
https://goo.gl/maps/x8ECActqs272
จากนั้น บัดดี้จะพาเดินทางไป “ศูนย์การเรียนรู้บ้านพระพิมพ์ จ.สุโขทัย” ที่ให้เราได้ทดลองทำพระพิมพ์ด้วยตนเอง
ศูนย์การเรียนรู้บ้านพระพิมพ์ หรือ บ้านพระพิมพ์ลักษมณศิลป์ ก่อตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ.2550 โดยมีที่มาจากการรวบรวมพระพิมพ์ที่ค้นพบจากเมืองเก่าสุโขทัยและศรีสัชนาลัย รวมทั้งประวัติของพระพิมพ์ เพื่อให้เป็นแหล่งแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้านประวัติศาสตร์และประวัติศาสตร์ศิลปะของเมืองสุโขทัย
นอกจากได้เรียนรู้เรื่องพระพิมพ์แล้ว ที่นี่ยังสอนการทำพระพิมพ์ให้แก่ผู้ที่สนใจอีกด้วย
ซึ่งการทำพระพิมพ์นั้น พี่กบ ณรงค์ชัย โตอินทร์ ผู้ก่อตั้งศูนย์การเรียนรู้แห่งนี้ จะลงมือสอนด้วยตัวเอง รวมทั้งให้เกร็ดความรู้ต่าง ๆ ด้วย
และนี่ก็คือ พระพิมพ์ฝีมือของเราเอง
ซึ่งหลังจากทำเสร็จแล้ว จะต้องนำพระไปตากให้แห้งเพื่อรอการเผา ซึ่งจะใช้เวลาอย่างน้อย 1 วัน เมื่อเผาเสร็จแล้วพี่กบก็จะส่งไปให้เราทางไปรษณีย์ทีหลัง
ถ้าเพื่อน ๆ สนใจอยากเรียนรู้การทำพระพิมพ์ สามารถติดต่อพี่กบ (คุณณรงค์ชัย โตอินทร์) หรือพี่แก้ม (คุณญาณภัทร์ โตอินทร์) ได้เลย โดยติดต่อล่วงหน้าอย่างน้อย 1 วัน พี่ ๆ จะได้เตรียมอุปกรณ์ไว้ให้เราได้อย่างครบถ้วน
ศูนย์การเรียนรู้บ้านพระพิมพ์เมืองสุโขทัย (บ้านพระพิมพ์ลักษมณศิลป์)
ค่าทำกิจกรรมพิมพ์พระ คนละ 250 บาท
ศูนย์การเรียนรู้บ้านพระพิมพ์
51/7 ม.8 บ้านเชตุพน ต.เมืองเก่า อ.เมือง จ.สุโขทัย
เปิดทุกวัน ตั้งแต่ 08.00-17.00 น.
08 9643 6219, 08 1197 0535
https://goo.gl/maps/hH92GHQT8Lm
เริ่มต้นวันที่สองด้วยการตื่นมาเติมพลังแห่งความสุขกับ “กิจกรรมตักบาตรวิถีไทย รับรุ่งอรุณแห่งความสุข” ณ วัดตระพังทอง อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ซึ่งจัดขึ้นในยามเช้าของทุก ๆ วัน โดยพระสงฆ์จะเริ่มเดินบิณฑบาตเวลา 07.00 น.
ใกล้ ๆ กับวัดมีตลาดสด หากไม่ได้เตรียมของสำหรับใส่บาตรมา ก็สามารถเลือกซื้อจากตลาดได้เลย
วัดตระพังทอง
ต.เมืองเก่า อ.เมืองสุโขทัย จ.สุโขทัย
เปิดทุกวัน ตั้งแต่ 06.00-18.00 น.
https://goo.gl/maps/uhefjKbRZ852
หลังจากตักบาตรแล้ว บัดดี้จะพานั่งรถกันยาว ๆ ประมาณ 1 ชั่วโมง จนมาถึงสถานที่ถัดไป “อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย”
ศรีสัชนาลัย มีฐานะเป็นเมืองลูกหลวงของสุโขทัย มีความสำคัญควบคู่กัน จนเรียกว่าเป็น “ราชธานีแฝด” กับสุโขทัยเลยทีเดียว
ภายในบริเวณอุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย มีโบราณสถานต่าง ๆ มากมาย บรรยากาศโดยรอบร่มรื่นไปด้วยต้นไม้
อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก พร้อมกับอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย และอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร โดยปัจจุบันได้มีการจัดระเบียบพื้นที่ภายในอุทยานฯ ให้เป็นพื้นที่โลว์คาร์บอน คือ เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมโดยการเดินเท้า ปั่นจักรยาน หรือนั่งรถรางไฟฟ้าแทนการใช้รถยนต์นั่นเอง
ทางอุทยานฯ มีรถรางนำชมโบราณสถาน โดยเริ่มที่ “วัดเจดีย์เจ็ดแถว” เป็นวัดที่โดดเด่นอีกแห่งหนึ่งของอุทยานฯ เพราะมีเจดีย์หลากหลายรูปแบบเรียงรายกันถึง 33 องค์
โบราณสถานที่สำคัญคือ เจดีย์ประธานทรงยอดดอกบัวตูม หรือทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ ซึ่งเป็นเจดีย์ที่เป็นเอกลักษณ์ของสุโขทัย
ด้านหลังเจดีย์ประธานมีเจดีย์รายองค์หนึ่งที่น่าสนใจคือ เป็นมณฑปยอดเจดีย์ หรือ เจดีย์ทรงปราสาทยอด ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปยืนปูนปั้นและมีจิตรกรรมเป็นภาพอดีตพระพุทธเจ้า ซึ่งปัจจุบันลบเลือนมากแล้ว
ส่วนด้านหลังของเจดีย์ในส่วนเรือนธาตุทำเป็นซุ้มประดิษฐานพระพุทธรูปนาคปรกที่สวยงาม
สาเหตุที่วัดนี้ได้ชื่อว่าวัดเจดีย์เจ็ดแถวนั้น ก็เนื่องจากภายในวัดมีเจดีย์จำนวนมากเรียงรายกันหลายแถว สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงสันนิษฐานว่าเจดีย์รายเหล่านี้เป็นที่ประดิษฐานพระอัฐิของพระราชวงศ์สุโขทัย
สถานที่ถัดไปคือ วัดนางพญา
วัดแห่งนี้โดดเด่นที่ลวดลายปูนปั้นประดับผนังด้านนอกของวิหาร ซึ่งปัจจุบันเหลืออยู่เพียงด้านเดียว จึงมีการสร้างหลังคาคลุมเพื่อป้องกันแดดฝน
วิหารหลังนี้ไม่มีหน้าต่าง แต่ใช้เทคนิคการเจาะผนังเป็นช่อง เพื่อให้แสงลอดเข้าไปภายใน แบบที่นิยมกันในสมัยอยุธยาตอนต้น
ลวดลายปูนปั้นที่ยังคงหลงเหลืออยู่ได้แก่ รูปกึ่งมนุษย์กึ่งวานรกำลังวิ่ง รูปเทพนมและลายพรรณพฤกษาต่าง ๆ
เจดีย์ประธานของวัดเป็นเจดีย์ทรงระฆังฐานสูง ด้านหน้ามีบันไดขึ้นไปยังซุ้ม ซึ่งภายในเป็นคูหาที่มีแกนอยู่ตรงกลาง แกนดังกล่าวมีร่องรอยว่าเคยเป็นซุ้มประดิษฐานพระพุทธรูป 4 ด้าน
ถัดมาที่ วัดช้างล้อม
เป็นวัดสำคัญที่ตั้งอยู่เกือบกึ่งกลางเมือง สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยพญาลิไท
โบราณสถานที่สำคัญของวัดนี้คือ เจดีย์ประธานทรงระฆัง ที่ตั้งอยู่บนฐานสี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาดใหญ่ซ้อนกันหลายฐาน ด้านหน้าเจดีย์มีบันไดขึ้นสู่ชั้นบนซึ่งเป็นลานประทักษิณ เหนือลานประทักษิณเป็นฐานสี่เหลี่ยมที่มีซุ้มประดิษฐานพระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัยด้านละ 5 ซุ้ม ที่ผนังด้านหลังพระพุทธรูปมีลวดลายปูนปั้นรูปต้นโพธิ์ประดับอยู่ด้วย
ที่ฐานเจดีย์มีช้างปูนปั้นประดับโดยรอบ รวมทั้งหมด 39 เชือก ซึ่งลักษณะเด่นของช้างล้อมที่นี่คือ ช้างจะยืนเต็มตัวแยกออกจากผนัง และมีขนาดสูงใหญ่กว่าช้างจริง ต่างจากช้างล้อมที่อื่น ๆ ที่ช้างจะโผล่พ้นผนังออกมาเพียงครึ่งตัวเท่านั้น
นอกจากนี้ช้างที่มุมทั้ง 4 ยังมีขนาดใหญ่กว่าช้างที่ประดับที่ด้านข้าง และเป็นช้างทรงเครื่อง คือมีการประดับลวดลายปูนปั้นที่คอ ต้นขา และข้อเท้า อย่างวิจิตรงดงาม
นอกจากทั้ง 3 จุดที่บัดดี้แนะนำไปแล้ว ภายในอุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย ก็ยังมีโบราณสถานที่น่าสนใจอีกหลายแห่ง เช่น วัดเขาสุวรรณคีรี วัดเขาพนมเพลิง ฯลฯ รวมทั้งโบราณสถานที่อยู่นอกกำแพงเมืองศรีสัชนาลัย หรือในเขตเมืองเชลียง อย่างวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ เชลียง และวัดชมชื่น เป็นต้น
อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย
💵 อัตราค่าเข้าชม ชาวไทย 20 บาท ชาวต่างชาติ 100 บาท
📍 อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย
📞 055 950 714, 061 268 6383
⏰ เปิดทุกวัน ตั้งแต่ 08.00-17.00 น.
🌐 https://goo.gl/maps/QdbJ9pW2FP42
ก่อนกลับ บัดดี้อยากแนะนำให้แวะไปชิม “ข้าวเปิ๊บยายเครื่อง” อีกหนึ่งอาหารถิ่นของสุโขทัยหากินที่ไหนไม่ได้
“ข้าวเปิ๊บ” ก็คือก๋วยเตี๋ยวชนิดหนึ่ง ที่มีวิธีการทำคล้ายข้าวเกรียบปากหม้อ คือนำแป้งข้าวเจ้าที่ผ่านการโม่และกรองจนได้เป็นเนื้อครีมข้นแล้ว มาละเลงบนผ้าขาวบางที่ขึงบนปากหม้อดิน จากนั้นเติมผักต่าง ๆ ได้แก่ กะหล่ำปลี ผักบุ้ง ถั่วงอก ตำลึง และวุ้นเส้น พับแผ่นแป้งเพื่อห่อเครื่องทั้งหมดไว้ด้วยกัน นึ่งต่อไปสักพัก ก่อนตักใส่ชามแล้วราดด้วยน้ำซุปกระดูกหมูร้อน ๆ โปะไข่ดาวนึ่ง และเติมเครื่องต่าง ๆ ลงไป ก็เป็นอันเรียบร้อย
นอกจากข้าวเปิ๊บแล้ว ยังมีก๋วยเตี๋ยวแบและหมี่พันให้เลือกสั่ง รสชาติดี อร่อยจนบัดดี้ต้องสั่งเพิ่มเลยล่ะ ว่ากันว่าหากใครมาแล้วไม่ได้แวะชิม ก็เหมือนมาไม่ถึงสุโขทัย อย่าลืมมาลองกันล่ะ
ข้าวเปิ๊บยายเครื่อง
ต.บ้านตึก อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย
เปิดทุกวัน ตั้งแต่ 08.30-17.00 น.
https://goo.gl/maps/4diVn5TDokA2