Travelling

ตามรอย ‘เรื่องเล่าวีรชนบ้านบางระจัน’ ณ ศูนย์ศึกษาประวัติศาสตร์และพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์วีรชนค่ายบางระจัน

ทราบกันหรือไม่ว่า 12 กรกฎาคม 2568 (แรม 2 ค่ำ เดือน 8) เป็นวันแห่งการเฉลิมฉลอง 260 ปี แห่งประวัติศาสตร์ชาวบ้านบางระจัน ซึ่งในอดีตค่ายบางระจันมีความสำคัญยิ่งทางประวัติศาสตร์ของผืนแผ่นดินแห่งนี้ ได้บันทึกเหตุการณ์ความกล้าหาญและเสียสละของวีรชนไทย ที่เกิดขึ้นเมื่อเดือน 3 ปีระกา พ.ศ. 2308 ใน ครั้งนั้นชาวบ้านบางระจันได้รวมพลังกันต่อสู้กับกองทัพข้าศึกซึ่งมีจำนวนมากมายมหาศาล โดยข้าศึกต้องยกทัพเข้าตีหมู่บ้านนี้ถึง 8 ครั้ง ใช้เวลา 5 เดือน จึงเอาชนะได้ เมื่อวันจันทร์แรม 2 ค่ำ เดือน 8 ปีจอ พ.ศ. 2309 ⚔️ วันนี้บัดดี้เลยขอรับหน้าที่ไกด์ส่วนตัว ชวนเพื่อน ๆ ไปตามรอย ’เรื่องเล่าวีรชนบ้านบางระจัน’ ณ ศูนย์ศึกษาประวัติศาสตร์และพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์วีรชนค่ายบางระจัน อ.ค่ายบางระจัน จ.สิงห์บุรี และมาร่วมกันสร้างความรักและความหวงแหนต่อผืนแผ่นดินไทยไปด้วยกัน 🇹🇭❤️ ⏰ เปิดทุกวัน (ไม่เว้นวันหยุดราชการ) เวลา 08.30-16.30 น.☎️ สอบถามข้อมูล โทร. 0 3652 030 ที่นี่มีพื้นที่ทั้งหมดกว่า 115 ไร่ แบ่งเป็นอาคารจัดแสดงและอนุเสาวรีย์ ประกอบด้วย 🏫 ศูนย์ศึกษาประวัติศาสตร์และพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์วีรชนค่ายบางระจัน ภายในอาคารจัดแสดงนิทรรศการบอกเล่าเรื่องราววีรชนบ้านบางระจัน แบ่งเป็น 3 โซน ได้แก่ โซนเรื่องราวของค่ายบางระจัน โซนมรดกเมืองสิงห์บุรี และโซนวิถีชีวิตและของดี เมืองสิงห์บุรี 🏫 พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์วีรชนค่ายบางระจัน เป็นอีกพื้นที่จัดแสดง เรื่องราวประวัติ ศาสตร์การสู้รบของชาวบ้านบางระจัน 11 โซน เช่น โซนจำลองเหตุการณ์สำคัญในสมัยกรุงศรี อยุธยา โซนอุโมงค์เวลา โซนจำลองการสร้างค่าย การฝึกรบและยุทธวิธีที่ชาวบ้านใช้ในการต่อสู้ ข้าศึก โซนจำลองวัดโพธิ์เก้าต้น และภาพวาดสามมิติ ฯลฯ ⚔️ อนุสาวรีย์วีรชนค่ายบางระจัน มีรูปหล่อประติมากรรมวีรชนค่ายบางระจันทั้ง 11 คน สร้างโดยกรมศิลปากร ปรากฏเด่นเป็นสง่าอยู่ในสวน ซึ่งหัวหน้าชาวค่ายบางระจัน 11 คน ได้แก่ นายแท่น นายอิน นายเมือง นายโชติ นายดอกไม้ นายทองแก้ว ขุนสรรค์สรรพกิจ นายพันเรือง นายทองแดงใหญ่ นายจันเขียว (นายจันหนวดเขี้ยว) และนายทองเหม็น

ตามรอย ‘เรื่องเล่าวีรชนบ้านบางระจัน’ ณ ศูนย์ศึกษาประวัติศาสตร์และพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์วีรชนค่ายบางระจัน อ่านเพิ่มเติม

1 กรกฎาคม 2568 อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว เปิดฤดูกาลท่องเที่ยวแล้ว!!

เชื่อว่านักท่องเที่ยวสายเดินป่าทุกคน ต่างเฝ้ารอคอยการเปิดฤดูกาลท่องเที่ยวของอุทยานแห่งชาติภูสอยดาวกันอย่างใจจดใจจ่อ และแล้ววันที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง เพราะ 1 กรกฎาคม 2568 นี้ อุทยานแห่งชาติภูสอยดาวเปิดฤดูกาลท่องเที่ยวแล้วจ้าาาาา ✨ บัดดี้เองก็ตื่นเต้นที่จะได้กลับไปพิชิตลานสนภูสอยดาวไม่แพ้กัน ระหว่างที่บัดดี้กำลังแพลนทริปพิชิตลานสนภูสอยดาว บัดดี้ขอนำภาพบรรยากาศอันเขียวขจีในพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติภูสอยดาวมาให้เพื่อน ๆ ได้ชื่นชมความงดงามอย่างน่ามหัศจรรย์ ระหว่างการเดินป่าไปพร้อม ๆ กัน 💚🌿 ทั้งนี้ เพื่อให้ความสวยงามตามธรรมชาติยังคงอุดมสมบูรณ์ต่อไป บัดดี้ขอรณรงค์ให้เพื่อน ๆ ร่วมปฏิบัติตามกฏของอุทยานแห่งชาติอย่างเคร่งครัด ดังนี้✅ ห้ามออกนอกเส้นทาง ที่จัดไว้โดยไม่จำเป็น เพื่อความปลอดภัยของตัวเองและธรรมชาติ✅ ห้ามหัก เด็ด ดอกไม้ ต้นไม้ หรือรบกวนสัตว์ป่าใด ๆ ปล่อยให้พวกเค้าได้อยู่กับธรรมชาติอย่างอิสระ✅ ห้ามเก็บสิ่งใดออกจากป่า ให้ทุกอย่างยังคงอยู่ในที่ของมันดีที่สุด✅ ห้ามส่งเสียงดัง เพื่อไม่ให้รบกวนสัตว์ป่าและนักเดินทางคนอื่น ๆ✅ ไม่ทิ้งขยะมูลฝอย พกถุงขยะส่วนตัวไปทิ้งด้านล่าง✅ สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติม: https://www.facebook.com/share/p/1BYKCceAh6/ 📌อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว: https://maps.app.goo.gl/PcLKnyXS3jcnYWEQ9👉Facebook: อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว – Phu soi dao National Park

1 กรกฎาคม 2568 อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว เปิดฤดูกาลท่องเที่ยวแล้ว!! อ่านเพิ่มเติม

เที่ยวปั๊บ รับปุ๊บ @เมืองน่าเที่ยว Art Toy Journey ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ แจก Art Toy ฟรี 300 ตัว!!

📣 สำหรับใครที่กำลังวางแผนไปเที่ยวในจังหวัดเมืองน่าเที่ยวของ “ภาคอีสาน“ ได้แก่ จังหวัดชัยภูมิ นครพนม บุรีรัมย์ มหาสารคาม มุกดาหาร ยโสธร ร้อยเอ็ด เลย สกลนคร สุรินทร์ หนองคาย อุดรธานี และอุบลราชธานี ตั้งแต่วันที่ 16 กรกฎาคม – 15 สิงหาคม 2568 นี้ รับฟรี! Art Toy Journey จำกัด 300 สิทธิ์เท่านั้น สำหรับ 2 คนแรกที่ทำตามกติกาถูกต้อง ครบถ้วน รับ Voucher ที่พักจังหวัดนครพนมเพิ่มไปเลย! บัดดี้ขอชวนมาร่วมสนุกกับกิจกรรม “เที่ยวปั๊บ รับปุ๊บ @เมืองน่าเที่ยว” Art Toy Journey เพื่อรับของรางวัลสุดพิเศษ Art Toy Journey “เด็กหญิงหูยาว (Huuyaow)” และ “เวิลด์บอย (World Boy)” จาก ททท. 🎉 นอกจากนี้ สำหรับ 2 ท่านแรก ที่เข้าร่วมกิจกรรมและทำตามกติกาถูกต้อง รับไปเลย Voucher ที่พักในตัวเมืองนครพนม ท่านละ 1 ใบ 📌 กติกาการร่วมสนุก 1. เข้าพักกับโรงแรม/ที่พักต่าง ๆ ในจังหวัดเมืองน่าเที่ยวของภาคอีสาน (จังหวัดชัยภูมิ นครพนม บุรีรัมย์ มหาสารคาม มุกดาหาร ยโสธร ร้อยเอ็ด เลย สกลนคร สุรินทร์ หนองคาย อุดรธานี และอุบลราชธานี) โดยต้องเป็นโรงแรม/ที่พัก ที่เข้าร่วมโครงการ Sustainable Tourism Acceleration Rating (STAR) กับ ททท. เท่านั้น สามารถตรวจสอบรายชื่อที่พักได้ที่ https://taturl.org/S1cdt2. มีค่าใช้จ่ายการเข้าพักกับโรงแรม/ที่พักต่าง ๆ ในจังหวัดเมืองน่าเที่ยวตามที่ระบุในข้อที่ 1 มูลค่ามากกว่า 3,500 บาท/ใบเสร็จ3. กดไลค์และกดติดตาม Facebook: 1672 Travel buddy และแชร์โพสต์กิจกรรมเป็นสาธารณะ4. สแกน QR Code ที่อยู่ใน Banner เพื่อลงทะเบียนรับ Art Toy Journey หรือคลิกลิงก์ https://eform.tourismthailand.org/public/arttoyjourney จากนั้นเข้าไปกรอกข้อมูลส่วนตัวของผู้ร่วมกิจกรรม เช่น ชื่อ-สกุล/เบอร์โทรศัพท์/ที่อยู่ปัจจุบัน (สถานที่จัดส่ง Art Toy Journey)/ภูมิภาคที่เข้าร่วมกิจกรรม/จังหวัดที่เข้าพักในภูมิภาคนั้น/ชื่อโรงแรมที่พัก/วันที่และจำนวนวันเข้าพัก และแนบหลักฐานการเข้าพักโรงแรม/ที่พักต่าง ๆ ได้แก่ โฟลิโอโรงแรม (Folio) หรือ ใบเสร็จ ลงในช่องที่กำหนดให้5. นักท่องเที่ยวสามารถลงทะเบียนรับ Art Toy Journey ได้เพียงภูมิภาคละ 1 ตัว/ท่าน/ครั้ง/สิทธิ์/Folio หรือใบเสร็จ เท่านั้น6. หลักฐานการเข้าพักโรงแรม/ที่พักต่าง ๆ ในเมืองน่าเที่ยว 1 ใบ สามารถนำมาลงทะเบียนรับ Art Toy Journey ได้เพียง 1 ท่านเท่านั้น ไม่สามารถให้ผู้อื่นนำมาใช้ซ้ำได้ แม้ว่าจะมีชื่อเข้าพักในห้องเดียวกันก็ตาม7. ในกรณีที่นักท่องเที่ยวเป็นคนไทย จะต้องเข้าพักกับโรงแรม/ที่พักในเมืองน่าเที่ยว ที่ไม่ตรงกับที่อยู่ปัจจุบัน/สถานที่จัดส่ง Art Toy Journey8. ททท. ขอสงวนสิทธิ์ในการสุ่มแจก Art Toy Journey โดยผู้เข้าร่วมกิจกรรมไม่สามารถเลือก Art Toy ได้ และไม่สามารถนำ Art Toy มาแลกหรือนำมาเปลี่ยนแปลงได้9. ททท. ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขของกิจกรรมโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า 📅 ระยะเวลาร่วมสนุกกับกิจกรรม “เที่ยวปั๊บ รับปุ๊บ @เมืองน่าเที่ยว” Art Toy Journey ที่ผ่านมาและในอนาคต ททท. จัดกิจกรรมแบ่งเป็นช่วงละ 1 ภูมิภาค รวม 5 ภูมิภาค ได้แก่– ภาคตะวันออก: ระหว่างวันที่ 17 พฤษภาคม – 30 มิถุนายน 2568 ✅ (จบแล้ว)– ภาคกลาง: ระหว่างวันที่ 16 มิถุนายน – 15 กรกฎาคม 2568 ✅ (จบแล้ว)– ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (อีสาน): ระหว่างวันที่ 16 กรกฎาคม – 15 สิงหาคม 2568– ภาคเหนือ: ระหว่างวันที่ 16 สิงหาคม – 15 กันยายน 2568 🔜– ภาคใต้: ระหว่างวันที่ 16 กันยายน – 15 ตุลาคม 2568 🔜 👉 โดยขอสงวนสิทธิ์ในการแจก Art Toy Journey ให้แก่ผู้เข้าร่วมกิจกรรมภูมิภาคละไม่เกิน 300

เที่ยวปั๊บ รับปุ๊บ @เมืองน่าเที่ยว Art Toy Journey ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ แจก Art Toy ฟรี 300 ตัว!! อ่านเพิ่มเติม

ชวนเที่ยวไทยเชิงอนุรักษ์ ที่ หมู่บ้านอนุรักษ์ควายไทย จ.สุพรรณบุรี

ปัจจุบัน จำนวนประชากรควายได้ลดน้อยลงเป็นอย่างมาก หลายคนอาจไม่ได้เห็นควายตัวเป็น ๆ มานานแล้ว บัดดี้เลยขอพาเพื่อน ๆ ไปที่ “หมู่บ้านอนุรักษ์ควายไทย จ.สุพรรณบุรี” สถานที่เพาะเลี้ยงและให้ความรู้เกี่ยวกับควายไทย รวมไปถึงโซนคาเฟสุดชิค “กินแฟ ดูฟาย” ที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร 🐃 “หมู่บ้านอนุรักษ์ควายไทย” หรือที่เรียกสั้น ๆ ว่า “บ้านควาย” แหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์วัฒนธรรมไทยที่ปัจจุบันมีควายไทยกว่า 80 ตัว ในพื้นที่กว่า 70 ไร่ของที่นี่ จะแบ่งออกเป็นโซนต่าง ๆ ได้แก่ บ้านไทยรีสอร์ท หมู่บ้านชาวนา โซนแปลงนา พิพิธภัณฑ์ขนาดเล็ก ลานการแสดง และคาเฟ “กินแฟ ดูฟาย” 🐃💚 “กินแฟ ดูฟาย” เป็นคาเฟริมน้ำ มีชานไม้และเปลเชือกให้ไนั่งชิล สามารถจิบเครื่องดื่มเย็น ๆ ขนมอร่อย ๆ ไปพร้อม ๆ กับดูควายไทยหลายสิบตัวเล่นน้ำคลายร้อน หรือหากใครอยากใกล้ชิดควายมากขึ้น ก็สามารถซื้อหญ้าของทางร้านเพื่อป้อนควายได้ บอกเลยว่าควายแต่ละตัวหน้าตาน่ารักและขี้อ้อนสุด ๆ 🐃☕️ อีกไฮไลต์สำคัญของที่นี่คือ การแสดงความสามารถของควายแสนรู้ ที่จะมีให้ชมทุกวัน โดยการแสดงจะเป็นการให้ความรู้ทั้งประวัติความเป็นมา สายพันธุ์และลักษณะของควายไทย รวมไปถึงการสาธิตขึ้นควาย ซึ่งเมื่อโชว์จบแล้ว ทุกคนสามารถลองขึ้นควายได้ด้วยนะ ✨ รอบการแสดง– รอบการแสดงวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา 11.00 น. และ 13.00 น.– รอบการแสดงวันเสาร์-วันอาทิตย์ และวันนักขัตฤกษ์ เวลา 11.00 น. 13.30 น. และ 15.00 น. ⏰ เปิดทุกวัน เวลา 09.00-18.00 น.💸 อัตราค่าเข้าชม ชาวไทย ผู้ใหญ่ 50 บาท เด็ก 30 บาท | ชาวต่างชาติ 150 บาท☎️ 03 5582 591-2, 08 13587347-8📌 https://maps.app.goo.gl/kWe5uavgzdvfQv8J8

ชวนเที่ยวไทยเชิงอนุรักษ์ ที่ หมู่บ้านอนุรักษ์ควายไทย จ.สุพรรณบุรี อ่านเพิ่มเติม

ชวนเที่ยว ‘โป่งลึก บางกลอย’ แก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี

บัดดี้พาเข้าป่า ไปนอนกางเต็นท์ริมลำธาร ต้นกำเนิดแม่น้ำเพชรบุรี ล่องแพไม้ไผ่ชมความสวยงามของธรรมชาติ สัมผัสวิถีชีวิตชาวปกาเกอะญอ ณ หมู่บ้านโป่งลึกและหมู่บ้านบางกลอย ใกล้แนวเขตชายแดนไทย-เมียนมา ผืนป่าใหญ่ในความดูแลของอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน อำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี 🏕 📌 บ้านโป่งลึก และบ้านบางกลอยhttps://maps.app.goo.gl/Cd7GThJugx8QkKfz9 🚗 การเดินทาง: บ้านโป่งลึก-บางกลอย อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานประมาณ 40 กิโลเมตร ระยะทาง 10 กิโลเมตรแรก เป็นถนนลาดยาง แต่อีก 30 กิโลเมตรที่เหลือเป็นทางวิบาก ต้องใช้รถขับเคลื่อนสี่ล้อในการเดินทาง ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง 🧳 การเตรียมตัวก่อนเดินทาง 🧳1. จองบริการรถขับเคลื่อนสี่ล้อของชาวบ้านในพื้นที่ จุดนัดหมายในการเปลี่ยนรถรับส่ง คือ บริเวณศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ที่ทำการอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน หรือใครที่มีรถขับเคลื่อนสี่ล้อและอยากขับไปเองก็สามารถทำได้ แต่ต้องใช้ความระมัดระวังในเส้นทางและสภาพถนนพอสมควร2. เตรียมอุปกรณ์กางเต็นท์และแคมปิงให้พร้อม รวมทั้งเสบียงอาหาร กรณีไม่มีเต็นท์สามารถเช่าเต็นท์และเครื่องนอนของอุทยานฯ ได้ ที่จุดกางเต็นท์บ้านโป่งลึกมีศูนย์บริการนักท่องเที่ยวของอุทยานฯ สามารถติดต่อเจ้าหน้าที่ ณ จุดนั้นได้เลย3. ระหว่างเดินทางไปกลับบ้านโป่งลึก-บางกลอย ตลอดเส้นทางวิบาก 30 กิโลเมตร จะมีฝุ่นเยอะมาก แนะนำให้ใส่หน้ากาก หมวก แว่นตา เสื้อคลุม เพื่อกันฝุ่น 4. จากที่ทำการอุทยานฯ เมื่อนั่งรถขับเคลื่อนสี่ล้อมาได้ประมาณ 10 กิโลเมตร ก่อนจะเข้าเส้นทางวิบาก จะพบด่านเก็บค่าธรรมเนียมเข้าอุทยานฯ นักท่องเที่ยวชาวไทย ผู้ใหญ่ คนละ 60 บาท เด็กคนละ 30 บาท นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ คนละ 300 บาท เด็ก คนละ 150 บาท อัตราค่าพักแรม 30 บาท/คน/คืน อัตราค่ารถยนต์เข้าไปในพื้นที่ 30 บาท/คัน5. บ้านโป่งลึกและบ้านบางกลอยไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ ไฟฟ้ามาจากโซล่าร์เซลล์โดยพลังงานแสงอาทิตย์ ผู้ที่มานอนกางเต็นท์ค้างแรม ต้องเตรียมอุปกรณ์ส่องสว่างมาด้วย เช่น ไฟฉาย ตะเกียง เป็นต้น6. กิจกรรมล่องแพไม้ไผ่ สามารถล่องได้ในช่วงฤดูร้อน เดือนมีนาคม-กรกฎาคม เป็นช่วงที่ดีที่สุด ระดับน้ำไม่สูงจนเกินไป อัตราค่าล่องแพ แพละ 550 บาท นั่งได้แพละ 2-3 คน มีคนถ่อแพให้ มีเสื้อชูชีพให้บริการ สามารถติดต่อล่องแพได้ตลอดทั้งวัน บริเวณศูนย์บริการนักท่องเที่ยวใกล้กับลานกางเต็นท์ แพจะล่องตามลำธารที่เป็นต้นแม่น้ำเพชรบุรี จุดเริ่มล่องแพอยู่บริเวณลานกางเต็นท์บ้านโป่งลึก ระยะทางล่องประมาณ 2 กิโลเมตร ไปสิ้นสุดบริเวณสะพานแขวนของหมู่บ้าน ใช้เวลาล่องแพประมาณ 1-1.30 ชั่วโมง ระหว่างทางสามารถแวะพักเล่นน้ำตามเกาะแก่งต่าง ๆ ได้ 7. หลังขึ้นจากแพบริเวณสะพานแขวน สามารถเดินขึ้นไปชมทิวทัศน์บนสะพานแขวนได้ และเดินข้ามสะพานไปอีกฝั่งจะเป็นหมู่บ้านบางกลอย สามารถเดินเที่ยวชมในหมู่บ้านได้ มีร้านขายชากาแฟ ร้านจำหน่ายสินค้าที่ระลึกชุมชน เช่น ผ้าทอ เสื้อชาวปกาเกอะญอ พวงกุญแจ พริกแห้ง เป็นต้น8. ขากลับไปลานกางเต็นท์ รถขับเคลื่อนสี่ล้อคันเดิมที่ให้บริการรับส่งตั้งแต่อุทยานฯ มาที่บ้านโป่งลึก จะมารับกลับไปที่พัก และระหว่างทางจะผ่านชุมชนในหมู่บ้านโป่งลึก สามารถแวะชมหมู่บ้าน มีร้านอาหารตามสั่ง ร้านกาแฟ ร้านขายของชำด้วย9. บริเวณลานกางเต็นท์มีทั้งห้องน้ำและห้องอาบน้ำแบบแยกชายหญิงให้บริการหลายจุด มีไฟจากโซล่าร์เซลล์ส่องสว่างในเวลากลางคืน 10. ในหมู่บ้านมีจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นและทะเลหมอกในยามเช้า ชื่อว่า “เขาโทรศัพท์” หากอยากไปชมพระอาทิตย์ขึ้น ต้องให้รถขับเคลื่อนสี่ล้อไปส่ง ณ จุดเริ่มเดิน และเดินเท้าขึ้นเขา 1 กิโลเมตร ถึงจุดชมวิว แนะนำให้ออกจากเต็นท์ตั้งแต่ตี 511. สามารถติดต่อรถขับเคลื่อนสี่ล้อ ซึ่งเป็นชาวบ้านในพื้นที่และมีความชำนาญเส้นทางได้ที่ ลุงถึก โทร. 08 7913 6581 ค่ารถไปกลับ คันละ 2,500 บาท คนขับจะไปค้างคืนดูแลคณะที่ลานกางเต็นท์ด้วย หรือ Facebook page: โป่งลึก ต้นน้ำเพชรบุรี อย่าลืมหาโอกาสและเวลาไปผจญภัยใกล้ชิดธรรมชาติกันที่บ้านโป่งลึก-บางกลอยนะคะ 💚✨

ชวนเที่ยว ‘โป่งลึก บางกลอย’ แก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี อ่านเพิ่มเติม

เส้นทางเที่ยว “สมุย” 3 วัน 2 คืน สวรรค์แห่งการพักผ่อนระดับโลกที่คุณต้องไปสัมผัส

บัดดี้ขอแนะนำเส้นทางเที่ยว “สมุย” 3 วัน 2 คืน สวรรค์แห่งการพักผ่อนระดับโลกที่คุณต้องไปสัมผัส เปิดประสบการณ์การท่องเที่ยวที่หลากหลาย ทั้งชมหาดทรายขาว น้ำทะเลใส ดำน้ำชมปะการัง และสัมผัสวิถีชีวิตชาวเกาะ พร้อมตามรอยซีรีส์ชื่อดัง “The White Lotus” ซีซั่น 3 Day 1📌 วัดคีรีวงการาม📌 ศูนย์ศิลปวัฒนธรรม DUSIT DHEVA เกาะสมุย📌 บ้านสวนลางสาด📌 วัดภูเขาทอง📌 วัดพระใหญ่📌 หาดเชิงมน Day 2📌 อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง📌 ร้านอาหารเพ็ญศิริ เกาะสมุย Day 3📌 เกาะมัดสุม📌 เกาะแตน📌 Kamalaya Koh Samui📌 CoCo Tam’s ✨ รายละเอียดเพิ่มเติม: TAT Koh Samui x Koh Phangan x Koh Tao

เส้นทางเที่ยว “สมุย” 3 วัน 2 คืน สวรรค์แห่งการพักผ่อนระดับโลกที่คุณต้องไปสัมผัส อ่านเพิ่มเติม

เที่ยวเหมือง ร่อนแร่ ของมีค่าใต้ผืนโลก

วันนี้บัดดี้จะพาเพื่อน ๆ มาเที่ยวในแหล่งที่มีหนึ่งในสิ่งมีค่ามากที่สุดที่โลกมอบให้กับมนุษย์ นั่นก็คือ “แร่” นั่นเอง แม้ว่าปัจจุบันจะผ่านยุคตื่นทอง-ตื่นพลอยมาแล้ว แต่การหาทองและพลอยในไทยก็แทบจะเป็นเรื่องที่หาข้อมูลหรือไปสัมผัสประสบการณ์ด้วยตัวเองได้ยากสุด ๆ วันนี้บัดดี้เลยขอนำเสนอแหล่งท่องเที่ยวบางแห่งที่จะมอบประสบการณ์เหล่านี้ให้ได้อย่างสนุกสนาน ศูนย์เรียนรู้บ้านทองเม็ด อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ แหล่งร่อนทองโบราณที่มีประวัติความเป็นมากว่า 300 ปี มีความเชื่อว่าหากครอบครองแล้วจะมีโชคลาภ ค้าขายดี ป้องกันสิ่งไม่ดีได้เหมือนเหล็กไหล “ทองบางสะพาน” จะมีลักษณะเป็นทองเม็ด (Crystalline Gold Nuggets) ที่รูปทรงสวยงาม มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว แถมยังแฝงไปด้วยคุณค่าของวิถีชุมชนที่ยังคงสืบสานการร่อนทองแบบโบราณให้ยังคงอยู่ต่อไปอีกยาวนาน ศูนย์เรียนรู้บ้านทองเม็ด มีกิจกรรมทั้งการฝึกร่อนทองคำ การพาชมพิพิธภัณฑ์ทองคำ และการให้ความรู้เรื่องทองต่าง ๆ รวมไปถึงการจำหน่ายเครื่องประดับจากทองคำบางสะพาน ทั้งแบบแปรรูปและไม่แปรรูป 📌 25 หมู่ 8 ตำบลพงศ์ประศาสตร์ อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์: https://maps.app.goo.gl/WM9VajdtKWLFpT1f8⏰ เปิดบริการทุกวันเวลา 08.30-17.00 น.☎️ โทร. 08 7556 5697 บ้านภูเขาทอง อำเภอสุคิริน จังหวัดนราธิวาส ดินแดนกลางหุบเขาและป่าลึก ที่ตั้งของเหมืองแร่ทองคำโต๊ะโมะ โดยชาวฝรั่งเศสเป็นผู้ดำเนินการรับสัมปทานตั้งแต่ปี พ.ศ. 2474 ก่อนปิดกิจการลงภายหลังจากเกิดสงครามมหาเอเชียบูรพา แม้เหมืองทองคำจะปิดตัวไปแล้ว แต่ความอุดมสมบูรณ์ของแร่ทองคำยังคงอยู่ และด้วยเรื่องราวในอดีตรวมกับวิถีชีวิต วัฒนธรรม ที่ยังคงเดิมอยู่ แถมที่นี่ยังเป็นสถานที่สร้างแรงบันดาลใจให้นักเขียนระดับตำนานของไทยอย่าง พนมเทียน เขียนนิยายชื่อดังอย่างเรื่อง เพชรพระอุมา จึงไม่แปลกใจ ที่ทั้งแฟนนักเขียนและผู้หลงไหลในประวัติศาสตร์หลายคนต่างตั้งหมุดหมายในการเดินทางมาที่นี่ให้ได้สักครั้งในชีวิต เพื่อน ๆ สามารถชมการร่อนทองและร่วมทดลองร่อนหาทองกับชาวบ้านได้ นอกจากนี้ยังสามารถชมเหมืองทองคำโต๊ะโมะและอุโมงค์ลำเลียงทอง รวมไปถึงเดินชมเส้นทางศึกษาธรรมชาติระยะสั้นในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฮาลา-บาลา และชมต้นกะพงษ์ยักษ์ ที่อยู่ตรงข้ามหน่วยพิทักษ์ภูเขาทองได้อีกด้วย 📌 ตำบลภูเขาทอง อำเภอสุคิริน จังหวัดนราธิวาส☎️ โทร. 09 3725 0969 ศูนย์เรียนรู้ภูมิปัญญาการร่อนแร่ กลุ่มการท่องเที่ยวโดยชุมชนบ้านหาดส้มแป้น จังหวัดระนอง ชุมชนทำเหมืองเก่าที่สำคัญของจังหวัดระนองมาตั้งแต่อดีต โดยมีแร่สำคัญ คือ แร่ดีบุกและแร่ดินขาว โดยชื่อ “หาดส้มแป้น” เพี้ยนมาจากคำว่า “ห้วยซัมเปียน” ในภาษาจีน ที่แปลว่าลึกเข้าไปในหุบเขา เนื่องจากการค้นหาแร่ดีบุกจะต้องเดินลึกเข้าไปเพื่อหาแร่ในหุบเขานั่นเอง ปัจจุบันแม้แร่ดีบุกจะลดน้อยลง แต่ก็มีการค้นพบแร่ดินขาวคุณภาพดีอันดับต้น ๆ ของเอเชีย ที่มีชื่อเสียงด้านความโปร่งใสของเนื้อดิน สามารถส่งออกขายทั้งในและต่างประเทศได้ หากมาที่นี่ เพื่อน ๆ สามารถทดลองร่อนแร่ที่ลำธารได้ด้วยตัวเองโดยการใช้ “เลียง” อุปกรณ์ในการร่อนแร่ของชาวบ้าน มีลักษณะเป็นถาดไม้โค้งลึกตรงส่วนกลาง จุ่มน้ำตักทรายและหินที่อยู่ในลำธารสายแร่ขึ้นแล้วค่อย ๆ โยกหมุนวัตถุเลียงวนมือเป็นวงกลม และปล่อยให้น้ำไหลผ่านไปเรื่อย ๆ จนเศษหินเศษทรายลอยไปตามสายน้ำ และเหลือแค่ผงดีบุกสีดำขนาดอยู่บนเลียง 📌 ตำบลหาดส้มแป้น อำเภอเมือง จังหวัดระนอง: https://maps.app.goo.gl/e9wnL4g4nByQDhzB8⏰ เปิดทุกวันเวลา 09.00-16.00 น. (นัดล่วงหน้าอย่างน้อย 3 วัน)☎️ โทร. 08 0040 2425, 09 0424 8513 (พี่สมโชค) บ่อพลอยเหล็กเพชร จังหวัดจันทบุรี บ่อพลอยที่เป็นสถานที่ที่ใช้ประกอบอาชีพขุดพลอย ที่เหลือเพียงไม่กี่แห่งใน จังหวัดจันทบุรี นักท่องเที่ยวสามารถเรียนรู้และสัมผัสวิธีการหาพลอยอย่างใกล้ชิดจากชาวเหมืองตัวจริงเสียงจริงได้ที่นี่ การขุดเหมืองที่นี่ จะใช้เสียมและจอบเป็นอุปกรณ์ช่วยขุดลงไปที่ชั้นดิน เมื่อได้ปริมาณที่เยอะพอสมควร เจ้าหน้าที่เหมืองจะหย่อนถังน้ำใบไม่ใหญ่มากลงมาให้โกยเศษดินเศษหินที่ขุดขึ้นไปฉีดล้างด้วยน้ำเพื่อหาก้อนแร่นั่นเอง หากขุดเจอพลอย ทางบ่อพลอยจะอนุญาตให้นักท่องเที่ยวนำติดตัวกลับไปเป็นของที่ระลึกได้คนละ 1 เม็ด 📌 สีพยาล่าง 11 หมู่ 8 ซอย 15 อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี: https://maps.app.goo.gl/pZP5nFxMvhNiPpnL8⏰ เปิดทุกวันเวลา 08.30-16.30 น.☎️ 08 6157 6665 อุโมงค์เหมืองแร่ ดร.ผล กลีบบัว (อุโมงค์ 3 มิติ) อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี สถานที่สุดท้าย เป็นอุโมงค์เหมืองแร่ตะกั่ว ที่ปัจจุบันสัมปทานได้สิ้นสุดลงไปแล้ว ปัจจุบันเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้ 4 อุโมงค์ ตลอดเส้นทาง เพื่อน ๆ จะต้องนั่งรถ 4 Wheels มีบางจุดที่สามารถถ่ายรูปได้ บางจุดมีหินกองก่ายกันสวยงาม บางจุดมืดและชื้นชวนตื่นเต้น บางจุดมองลงไปเห็นแนวป่าครึ้มเขียวตัดกับท้องฟ้าสีสด ถือเป็นอุโมงค์ที่ทำให้สนุกสนานและตื่นตาตื่นใจตลอดทั้งเส้นทางเลยล่ะ ✨ ไม่มีเงื่อนไขในการเข้าชม ยกเว้นเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัว หรือผู้ที่กลัวที่มืดและแคบ🚗 ค่าเช่ารถ 4 Wheels ประมาณ 1,300 บาท (8-10 คน) ใช้เวลาเดินทางทั้งหมดราว 2 ชม 📌 ตำบลหินดาด อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี: https://maps.app.goo.gl/xisWqWEHSAxZepJf6☎️ สนใจเข้าเยี่ยมชม ติดต่อ ททท. สำนักงานกาญจนบุรี โทร. 0 3451 1200

เที่ยวเหมือง ร่อนแร่ ของมีค่าใต้ผืนโลก อ่านเพิ่มเติม

ชวนเที่ยว ‘อุทยานแห่งชาติเขาพนมเบญจา’ จังหวัดกระบี่

อุทยานแห่งชาติเขาพนมเบญจา หนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่นักท่องเที่ยวหลายคนเมื่อมาเที่ยวจังหวัดกระบี่อาจมองข้ามหรือผ่านเลยไป แต่ถ้าลองหาโอกาสแวะมาเที่ยวชมภายในอุทยานฯ ซึ่งมีทั้งป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์ น้ำตกสวย ๆ และเส้นทางศึกษาธรรมชาติ ก็จะพบว่าที่นี่ถือเป็นสถานที่ฮีลใจ เป็นแหล่งโอโซน และบำบัดความเครียดได้เป็นอย่างดี อุทยานแห่งชาติเขาพนมเบญจา มีเนื้อที่ครอบคลุมท้องที่อำเภออ่าวลึก อำเภอเขาพนม และอำเภอเมืองกระบี่ จังหวัดกระบี่ เขาพนมเบญจาเป็นสัญลักษณ์แห่งความงามที่โดดเด่นอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดกระบี่ สภาพป่าอุดมสมบูรณ์ประกอบด้วยเทือกเขาสูงสลับซับซ้อน มีไอหมอกปกคลุมตลอดทั้งปี มีทิวทัศน์ธรรมชาติที่สวยงาม เช่น ลำธาร น้ำตก ถ้ำต่าง ๆ และสัตว์ป่านานาชนิด มีเนื้อที่ประมาณ 31,325 ไร่ หรือ 50.12 ตารางกิโลเมตร ลักษณะภูมิประเทศเป็นเทือกเขาที่เขียวชอุ่มสลับซับซ้อน มีหน้าผาสูงชัน ประกอบด้วยเขาพนมและเขาพนมเบญจา เทือกเขาเหล่านี้มีลักษณะเป็นแนวยาวตลอดจากเหนือจรดใต้ ซึ่งมียอดเขาสูงสุด คือ “ยอดเขาพนมเบญจา” มีความสูง 1,397 เมตรจากระดับน้ำทะเล ถือเป็นยอดเขาสูงเป็นอันดับที่ 2 ของภาคใต้ เป็นต้นกำเนิดแหล่งน้ำสายสำคัญที่ใช้ในการอุปโภคบริโภคของประชาชนในตัวเมืองกระบี่ ได้แก่ คลองกระบี่ใหญ่ ซึ่งไหลลงสู่ทะเลอันดามันที่ตำบลปากน้ำ อำเภอเมืองกระบี่ นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งกำเนิดของต้นน้ำลำธารหลายสาย เช่น คลองโตน คลองกระบี่น้อย คลองพอทาก ห้วยสะเค ห้วยส้าน และห้วยไผ่ ลักษณะภูมิอากาศ อุทยานแห่งชาติเขาพนมเบญจาอยู่ในเขตมรสุมเมืองร้อน ได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ และลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้อากาศอบอุ่นและชุ่มชื้นตลอดปี ประกอบด้วย 2 ฤดู คือ ฤดูร้อนระหว่างเดือนมกราคม-เมษายน และฤดูฝน ระหว่างเดือนพฤษภาคม-ธันวาคม จะมีฝนตกชุกในเดือนมิถุนายน-ตุลาคม สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจในพื้นที่อุทยานฯ มีดังนี้“น้ำตกห้วยโต้” น้ำตกขนาดใหญ่ มีทั้งหมด 11 ชั้น ลงเล่นน้ำได้ 5 ชั้น ได้แก่ วังชก วังสามหาบ วังจงลอย วังปรงและวังเทวดา มีเส้นทางศึกษาธรรมชาติแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์น้ำตกห้วยโต้ ระยะทาง 3.87 กิโลเมตร เส้นทางผ่านจุดชมวิวและแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเป็นน้ำที่นำไปประกอบพิธีเสกน้ำพระพุทธมนต์ศักดิ์สิทธิ์เพื่อทูลเกล้าถวายในพระราชพิธีต่าง ๆ “น้ำตกห้วยสะเค” น้ำตกขนาดเล็ก มีทั้งหมด 3 ชั้น สภาพป่าสองข้างทางขึ้นน้ำตกมีความชุ่มชื้นและอุดมสมบูรณ์ มีพันธุ์ไม้นานาชนิด “ต้นสมพง” รุกขมรดกแห่งผืนป่าเขาพนมเบญจา ต้นสมพงต้นนี้ เป็นต้นไม้ที่หากวัดรอบโคนต้นจะมีความกว้างถึง 35 เมตร สูงกว่า 30 เมตร มีความสูงพอ ๆ กับตึก 10 ชั้น และมีอายุประมาณ 120 ปี นับเป็นรุกขมรดกหรือต้นไม้ใหญ่ที่ทรงคุณค่า สามารถใช้เส้นทางศึกษาธรรมชาติน้ำตกห้วยสะเค ผ่านที่ทำการอุทยานแห่งชาติเขาพนมเบญจา เพียงไม่กี่นาที ก็จะพบกับต้นสมพง สัญลักษณ์ความอุดมสมบูรณ์หนึ่งแห่งผืนป่าเขาพนมเบญจา “ยอดเขาพนมเบญจา” หากว่าใครอยากวัดกำลังขาและความอึดของตัวเอง สามารถเดินป่าพิชิตยอดเขาพนมเบญจา มีระยะทางไป-กลับประมาณ 10 กิโลเมตร ก็เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ท้าทาย โดยทางอุทยานฯ เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเดินแค่ 1-2 กลุ่มต่อเดือนเท่านั้น จะเห็นได้ว่าตลอดทางเดินจะมีใบไม้ปกคลุมเยอะ การเดินทางขึ้นไปถึงยอดเรียกได้ว่าค่อนข้างลำบาก มีทางราบไม่ถึง 100 เมตร บวกกับทางเดินที่ชันถึง 45-60 องศาเลยก็ว่าได้ และบางช่วงเป็นหินที่จะต้องปีนป่าย แต่ถึงอย่างนั้นระหว่างทางค่อนข้างร่มรื่น ระหว่างทางจะมีจุดให้เติมน้ำ จุดตั้งแคมป์จะตั้งอยู่ริมน้ำ สามารถผูกเปลและกางเต็นท์ได้ สัมภาระทุกอย่างจะต้องแบกเอง เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเส้นทางเดินป่าแดนใต้ที่มีความท้าทาย และอาจไม่เหมาะกับนักเดินป่ามือใหม่สักเท่าใดนัก นักท่องเที่ยวที่สนใจพิชิตยอดเขาพนมเบญจา จำเป็นต้องทำการจองกับทางอุทยานฯ ล่วงหน้า อุทยานแห่งชาติเขาพนมเบญจามีสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับบริการนักท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางที่สะดวก มีศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ลานกางเต็นท์ บ้านพักรับรอง ห้องน้ำ ร้านอาหาร ร้านค้าสวัสดิการ ใครที่คิดว่ามาเที่ยวอุทยานแห่งชาติเขาพนมเบญจาแล้วต้องสมบุกสมบัน เห็นทีต้องเปลี่ยนความคิดแล้ว สอบถามข้อมูลการจองที่พักอุทยานแห่งชาติ☎️ โทร. 0 2562 0760 ถึง 3 หรือ 0 2561 0777 ต่อ 1743, 1744📌 https://maps.app.goo.gl/aXQ4LWAWc9HwyReR9

ชวนเที่ยว ‘อุทยานแห่งชาติเขาพนมเบญจา’ จังหวัดกระบี่ อ่านเพิ่มเติม

2 วัน 1 คืน “เที่ยวชล…ยลระยอง” กับเพื่อนร่วมทาง

สำหรับใครที่พลาดกับกิจกรรม “เที่ยวชล…ยลระยอง กับเพื่อนร่วมทาง” บอกเลยว่าไม่ต้องเสียใจ เพราะบัดดี้จัดทำเส้นทางท่องเที่ยว 2 วัน 1 คืน ชวนเพื่อน ๆ ออกเที่ยวตามรอย “เที่ยวชล…ยลระยอง กับเพื่อนร่วมทาง” เพื่อให้เพื่อน ๆ ได้ออกไปสัมผัสประสบการณ์ท่องเที่ยวที่คุ้มค่า สนุกสนานกับกิจกรรมในสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ที่อยู่ภายในจังหวัดชลบุรีและจังหวัดระยอง 📸🧳 ทริปนี้บัดดี้คัดสรรแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ 5 สถานที่ เพื่อให้เพื่อน ๆ ได้สัมผัสประสบการณ์ท่องเที่ยวที่ครบรสแบบ 5 Must do (Must Taste, Must Try, Must Seek, Must See และ Must Buy) 💚✨ 📌 อรุณฟาร์มวิลเลจเริ่มต้นกันที่แรกกับแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร ที่ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ มีกิจกรรมสำหรับเด็กและครอบครัว อีกทั้งเป็นศูนย์การเรียนรู้ ทัศนศึกษา เรียนรู้ และดูงาน ท่องเที่ยวเชิงเกษตร นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์มากกว่า 20 กิจกรรม ที่สำคัญที่ได้รับรางวัล TTA อีกด้วย 📌 สวนยายดา เจ๊บุญชื่นสวนผลไม้ที่ได้รับรางวัล TTA ในสาขาแหล่งท่องเที่ยวเพื่อการเรียนรู้และการท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำเพื่อความยั่งยืน เป็นสวนผลไม้ที่ขึ้นชื่อตามฤดูกาล เช่น เงาะ ทุเรียน มังคุด สละ โดยมีกิจกรรม เดินเที่ยวชมสวน ชิมผลไม้จากต้น บุฟเฟต์ผลไม้ หรือที่เรียกว่ากิจกรรม “ เรียนรู้ ดู ชิม” 📌 ทุ่งโปรงทองแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในจังหวัดระยอง และเป็นป่าชายเลนผืนใหญ่ที่สุดในจังหวัดระยอง มีเส้นทางศึกษาธรรมชาติบนสะพานไม้ระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร ซึ่งมีต้นโกงกางและต้นโปรงขึ้นเป็นจำนวนมาก เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สามารถท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี 📌 วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยววิถีชุมชนตำบลปากน้ำประแสชุมชนที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม ชาวบ้านในชุมชนรวมกลุ่มกันอนุรักษ์วิถีชีวิตดั้งเดิมที่เป็นเอกลักษณ์ ในพื้นที่มีบ้านพักโฮมสเตย์ไว้รองรับนักท่องเที่ยวและมีกิจกรรมในชุมชนที่น่าสนใจ ได้แก่ ชมทุ่งโปรงทอง เดินตลาดเก่า 100 ปี เรียนรู้วิถีชาวบ้าน ทำแจงลอนย่าง นั่งสามล้อชมวิถีชีวิตชุมชน ชมเรือรบหลวงประแส และสักการะศาลเสด็จเตี่ย (พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์) 📌 ตลาด 100 เสาปิดท้ายทริปด้วยการชอปปิงของกิน ของฝาก และของที่ระลึก ตลาดที่มีทั้งของกิน ของที่ระลึก มีร้านขายผลิตภัณฑ์ทะเลแบบตากแห้งมากมาย ผลไม้แปรรูปเพื่อเป็นของกินเล่น พวกทุเรียนทอดกรอบ ทุเรียนกวน เป็นต้น ครบรสขนาดนี้ เพื่อน ๆ อย่าลืมหาเวลาว่างไปท่องเที่ยวตามรอย และอย่าลืมมาแชร์ประสบการณ์ท่องเที่ยวของเพื่อน ๆ ให้บัดดี้ฟังกันน๊า ✨ 📸 ภาพกิจกรรม ”เที่ยวชล…ยลระยอง กับเพื่อนร่วมทาง” ที่จัดขึ้นในวันที่ 17-18 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา ภายใต้โครงการ Customer Relationship Management (CRM) เพื่อเชื่อมความสัมพันธ์กับผู้ใช้บริการ 1672 Travel buddy: https://www.facebook.com/1672Travelbuddy/posts/1155799006591765 🏆 TTA คือ รางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย (Thailand Tourism Awards) ซึ่งเป็นรางวัลที่รับรองคุณภาพสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวด้วยมาตรฐานการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน รวมทั้งส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม (Responsible Tourism)

2 วัน 1 คืน “เที่ยวชล…ยลระยอง” กับเพื่อนร่วมทาง อ่านเพิ่มเติม

ททท. และ Wall’s Thailand แจกพิกัดเที่ยวคลายร้อน ตามรอย PROXIE ที่จังหวัดตราด

ทริปนี้บัดดี้จะพาไปเที่ยวแบบไม่ต้องนั่งเรือข้ามเกาะ เพื่อน ๆ สามารถตามแพลนเป็นทริปเที่ยวแบบ 2 วัน 1 คืน หรืออาจเพิ่มโปรแกรมเที่ยวต่อไปยังจุดอื่น ๆ ในจังหวัดตราดได้อีก เช่น นั่งเรือข้ามไปเกาะช้าง เกาะหมาก เกาะกูด เป็นต้น จะสนุกขนาดไหน ไปตามรอย PROXIE กันนนน~ ประภาคารแหลมงอบ ตั้งอยู่ตำบลแหลมงอบ อำเภอแหลมงอบ จังหวัดตราด เป็นท่าเรือเก่าแก่ของจังหวัดตราด มีประภาคารสูงตั้งเด่นตระหง่าน มีป้ายสุดแผ่นดินตะวันออกให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูป ถือเป็นสัญลักษณ์การมาถึงจุดสิ้นสุดเขตของภาคตะวันออก และมีอนุสาวรีย์รัชกาลที่ 5 ให้สักการะ จุดนี้ยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกดินได้อย่างสวยงามอีกแห่งทางฝั่งตะวันออก และด้านข้างของประภาคารมีสะพานท่าเทียบเรือแหลมงอบที่ชาวประมงบางส่วนยังใช้ท่าเรือนี้อยู่ และบริเวณชุมชนก่อนถึงประภาคาร มีร้านจำหน่ายของฝากให้บริการหลายร้าน อย่าลืมจัดไอกรีมวอลล์มาชิมให้ชื่นใจ และเป็นพร็อพถ่ายภาพเช็กอินสุดคูลกันด้วยล่ะ 🚗 การเดินทาง: จากตัวเมืองตราด ใช้ทางหลวงหมายเลข 3148 ระยะทางประมาณ 17 กิโลเมตร ถึงประภาคารแหลมงอบ 📌 พิกัด: https://maps.app.goo.gl/mvipZZipQKL7C6xR6 วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวบ้านน้ำเชี่ยว ตั้งอยู่ตำบลน้ำเชี่ยว อำเภอแหลมงอบ จังหวัดตราด เป็นชุมชนท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่นำเสนอเรื่องราวของวิถีชีวิตชุมชนสองศาสนา สามวัฒนธรรม คือ ศาสนาพุทธและอิสลาม จากวัฒนธรรมชาวไทย ชาวจีน และชาวมุสลิม กิจกรรมท่องเที่ยวของชุมชน ได้แก่ ถ่ายรูปกับสะพานวัดใจ (ดวงตาบ้านน้ำเชี่ยว) เดินชมป่าโกงกาง นั่งเรือชมเหยี่ยวแดงและวิถีชีวิตชาวประมง ทริคถ่ายรูปสุดคูล นำไอศกรีมวอลล์มาต่อกันเป็นรูปสะพานวัดใจ ซึ่งเป็นแลนด์มาร์กของ วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวบ้านน้ำเชี่ยว นอกจากนี้ในชุมชนบ้านน้ำเชี่ยวยังมีกิจกรรมสาธิตและทดลองทำงอบใบจาก การทำตังเมกรอบ การทำข้าวเกรียบยาหน้า กิจกรรมทำเครื่องประดับจากเปลือกหอย ชมมัสยิดมัสยิดอัลกุบรอ และล่องเรือเล็กชมวิถีชีวิตชาวประมง สามารถโทรไปสอบถามกิจกรรมท่องเที่ยวก่อนเดินทางได้ที่ โทร. 08 9244 6702 🚗 การเดินทาง: จากตัวเมืองตราด ใช้ทางหลวงหมายเลข 3148 ประมาณ 9 กิโลเมตร จะพบทางให้เลี้ยวซ้ายเข้าไปที่ชุมชนบ้านน้ำเชี่ยว 📌 พิกัด: https://maps.app.goo.gl/zp4A7bsUWHTVVoRD6 หาดทรายดำ ตั้งอยู่ตำบลแหลมงอบ อำเภอแหลมงอบ จังหวัดตราด เป็นพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ มีลักษณะเป็นป่าชายเลน ที่มีความอุดมสมบูรณ์และความหลากหลายทางชีวภาพสูง เป็นแหล่งอนุบาลสัตว์น้ำ นักท่องเที่ยวสามารถเดินชมบรรยากาศตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติได้ พื้นที่หาดทรายดำมีลักษณะเป็นสันทรายความยาว 1 กิโลเมตร ตลอดแนวเต็มไปด้วยเม็ดทรายสีดำละเอียด ถือเป็นความมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ภายในบริเวณหาดทรายดำยังมีการทำ “สปาหาดทรายดำ” โดยมีความเชื่อว่าการนอนแช่ตัวในทรายดำจะช่วยรักษาและบรรเทาอาการปวดเมื่อยตามร่างกายและยังรักษาโรคได้ และยังมีการนวดแผนไทยสูตรนวดของบ้านยายม่อม นักท่องเที่ยวที่เหนื่อยล้าจากการเดินทางสามารถมานวดคลายเส้นได้ อีกทั้งยังมีสปากะลาหน้าเด้ง โดยคุณสมบัติของโคลนที่เอามาพอกหน้า จะช่วยดูดสารพิษออกมาจากผิวหน้า 🚗 การเดินทาง: จากตัวเมืองตราด ใช้ทางหลวงหมายเลข 3148 ประมาณ 15 กิโลเมตร จนผ่านหน้าที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบลแหลมงอบประมาณ 1 กิโลเมตร จะพบทางเลี้ยวเข้าหาดทรายดำอยู่ริมถนนทางซ้ายมือ ให้เลี้ยวซ้ายตามป้ายและตรงเข้าไปอีก 1 กิโลเมตร ถึงหาดทรายดำ 📌 พิกัด: https://maps.app.goo.gl/vd9tvC61aXmyygYdA หาดบานชื่น ตั้งอยู่ตำบลไม้รูด อำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด ลักษณะเป็นเป็นชายหาดยาว มีถนนเลียบขนานไปกับชายหาด บรรยากาศเงียบสงบ เหมาะแก่การพักผ่อนหย่อนใจ เม็ดทรายละเอียดและน้ำทะเลใสสะอาด สามารถเล่นน้ำได้อย่างปลอดภัย มีที่พักและร้านอาหารให้บริการตลอดแนวหาด นำไอศกรีมวอลล์มาต่อกันเป็นรูปเตียงชายหาดก็ดูสดใส หรือจะเนรมิตให้ไอศกรีมวอลล์เป็นต้นมะพร้าวก็ย่อมได้~ 🚗 การเดินทาง: จากตัวเมืองตราด ใช้ทางหลวงหมายเลข 3 (ตราด-คลองใหญ่) ช่วงกิโลเมตรที่ 59-60 จากนั้นเลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 318 ตรงไป 2 กิโลเมตร ถึงหาดบานชื่น 📌 พิกัด: https://maps.app.goo.gl/DapPuGGGAixXTNHc7 ส่วนที่แคบที่สุดในประเทศไทย ตั้งอยู่บ้านโขดทราย ตำบลหาดเล็ก อำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด ทางหลวงหมายเลข 3 (ตราด-คลองใหญ่) ช่วงกิโลเมตรที่ 81-82 ซึ่งสามารถวัดระยะความกว้างจากชายฝั่งทะเลถึงทิวเขาบรรทัดซึ่งเป็นเส้นแบ่งเขตแดนไทย-กัมพูชา ได้เพียง 450 เมตรเท่านั้น นักท่องเที่ยวจึงนิยมมาเก็บภาพ ชมพระอาทิตย์ตกดินกันที่นี่ และยังสามารถมองเห็นเกาะกูดได้อีกด้วย 🚗 การเดินทาง: จากตัวเมืองตราด ใช้ทางหลวงหมายเลข 3 (ตราด-คลองใหญ่) ช่วงกิโลเมตรที่ 81-82จะพบป้ายส่วนที่แคบที่สุดในประเทศไทยอยู่ริมถนนทางซ้ายมือ 📌 พิกัด: https://maps.app.goo.gl/vgFvFk7YJ9irZqR47 บัดดี้หวังว่าบทความนี้จะสร้างแรงบันดาลใจในการออกเดินทางท่องเที่ยวในช่วงฤดูร้อนให้เพื่อน ๆ และชาว USER (ยูสเซอร์: ชื่อแฟนคลับของ PROXIE) ได้บ้างนะคะ จัดไอศกรีมวอลล์มาดับร้อนและถ่ายรูปสุดคูลตามรอย PROXIE กันค่ะ~ 🥰

ททท. และ Wall’s Thailand แจกพิกัดเที่ยวคลายร้อน ตามรอย PROXIE ที่จังหวัดตราด อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top