สถานที่ท่องเที่ยว

✨ ลดขยะด้วยไอเดีย 3Rs ✨

ในช่วงที่ต้องทำงานที่บ้านแบบนี้ หลายคนคงรู้สึกเหมือนแอดว่าในแต่ละวัน เรามีขยะที่ต้องจัดการค่อนข้างเยอะทีเดียว แล้วเราจะเริ่มจากตรงไหนดี แอดเชื่อว่า หลาย ๆ คนคงเคยได้ยินแนวคิด 3Rs ที่เป็นแนวทางการลดปริมาณขยะมาบ้างแล้ว ซึ่ง 3Rs นี้ก็คือ Reduce, Reuse, Recycle นั่นเอง แอดว่าเผลอ ๆ เพื่อน ๆ ก็คงทำกันไปบ้างแล้ว วันนี้ แอดจะทบทวนและเสนอไอเดียเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เราสามารถทำได้จากที่บ้านในช่วงสถานการณ์แบบนี้กันอีกครั้ง ลองมาอ่านกัน แนวคิดของกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม (สส.) ซึ่งเป็นแนวทางในการลดการเกิดขยะตั้งแต่ต้นทาง ด้วยหลักการ 3Rs ได้แก่ ✨ Reduce คือ ลดการใช้แบบไม่จำเป็น เพื่อช่วยลดปริมาณขยะลง โดยมีไอเดียดังนี้ ✨ 1. ลดการสร้างขยะในที่ทำงาน ลดการใช้กระดาษในการจัดเก็บข้อมูล หันมาใช้ไฟล์อิเล็คโทรนิคส์ เปลี่ยนวิธีการส่งเอกสารแบบดั้งเดิม มาเป็นการส่งทางอีเมล นอกจากจะลดขยะ ยังช่วยประหยัดเงิน ประหยัดเวลา แถมลดโอกาสในการเจอผู้คนในสถานการณ์แบบนี้ด้วย หากจำเป็นต้องพิมพ์งาน ลองเปลี่ยนระยะขอบบนเอกสาร Word เช่น เปลี่ยนระยะขอบหน้ากระดาษจาก 1.25 นิ้วเป็น 0.75 นิ้ว จะช่วยลดปริมาณกระดาษที่ใช้ลงได้ ใช้กระดาษ 2 ด้าน 2. ลดการสร้างขยะในชีวิตประจำวัน พกถุงผ้า หรือใช้ตะกร้าเมื่อออกไปซื้อของ เพื่อลดการใช้ถุงพลาสติก ใช้ผ้าเช็ดหน้าแทนการใช้กระดาษทิชชู่ หากสั่งอาหารจาก App กดไม่รับช้อนส้อมพลาสติก เลือกซื้อผลิตภัณฑ์จากร้านรีฟิว (Refill Shop) เพื่อลดขยะจากบรรจุภัณฑ์ ✨ Reuse คือ การใช้ซ้ำ เป็นการใช้ทรัพยากรให้คุ้มค่าสูงสุดและประหยัดค่าใช้จ่าย โดยมีไอเดียดังนี้ ✨ นำขวดแก้ว หรือขวดพลาสติก มาใช้ซ้ำ เลือกใช้ถ่านไฟฉายแบบชาร์จได้ ดัดแปลงของใช้แล้วให้เกิดประโยชน์ เช่น นำขวดพลาสติกไปทำกระถางต้นไม้ นำกล่องอาหารมาใส่ของจุกจิก ฯลฯ นำเสื้อผ้าเก่าไปบริจาค หรือดัดแปลงเป็นผ้าเช็ดโต๊ะ ผ้าถูพื้น หรืออื่น ๆ ✨ Recycle คือ การนำกลับมาใช้ใหม่ ✨ เช่น การนำขยะอินทรีย์มาทำปุ๋ยหมัก น้ำหมักชีวภาพ หรือส่งต่อขยะเข้าสู่กระบวนการ Recycle อย่างเช่น การนำกระดาษที่ใช้แล้วไปผ่านกระบวนการผลิตซ้ำกลับมาเป็นกระดาษใหม่อีกครั้ง หรือนำขยะพลาสติกไปเข้ากระบวนการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์พลาสติกอีกครั้ง จุดสำคัญของกระบวนการนี้คือ การแยกขยะแต่ละประเภทให้ถูกต้อง เพื่อให้ผู้จัดการขยะในขั้นต่อไปสามารถทำงานได้ง่ายขึ้น โดยทั่วไปจะแยกได้ 4 ประเภท คือ ถังขยะมีพิษ (สีเทา ฝาแดง) เช่น กระป๋องสี สีสเปรย์ แบตเตอรี่ ยาฆ่าแมลง ถังขยะย่อยสลาย (สีเขียว) เช่น เศษอาหาร กิ่งไม้ ใบไม้ ผัก ถังขยะรีไซเคิล (สีเหลือง) เช่น กระดาษ ขวดน้ำ แก้วน้ำ เศษเหล็ก ถังขยะมูลฝอยทั่วไป ที่ย่อยสลายไม่ได้ (สีฟ้า) เช่น โฟมเปื้อนเศษอาหาร ถุงขนม พลาสติกใส่อาหาร หากไม่มีถังขยะแยกประเภท เราก็สามารถใช้วิธีแยกถุงแทน นอกจากนี้ แอดมีข้อแนะนำเล็ก ๆ น้อย ๆ ในการทิ้งหน้ากากอนามัยมาฝาก ดังนี้ รวบรวมและแยกหน้ากากอนามัยที่ใช้แล้วลงในถุงพลาสติกหรือถุงซิปล็อค ปิดปากถุงให้สนิทก่อนทิ้งลงถังขยะ หากทิ้งรวมในถุงดำ แปะโน้ตระบุสักนิด ว่าภายในมีหน้ากากอนามัยใช้แล้ว เพื่อช่วยในการคัดแยกให้ถูกวิธีและป้องกันพนักงานเก็บขยะหยิบจับโดยไม่รู้ตัว

✨ ลดขยะด้วยไอเดีย 3Rs ✨ อ่านเพิ่มเติม

🌿 เที่ยวเชี่ยวหลาน จังหวัดสุราษฎร์ธานี 🌿

แอดเชื่อว่าคนที่เคยไปเที่ยวเขื่อนเชี่ยวหลานมาแล้ว คงอดคิดถึงบรรยากาศการเดินทาง การกระโดดน้ำ การนอนแพ ฯลฯ กับแก๊งค์เพื่อน ๆ ไม่ได้แน่ แต่ถ้ายังไม่เคยไป แอดจะบอกว่ามันสนุกมาก ถ้ามีโอกาสเหมาะ ๆ ลองไปสักครั้งนะ หากใครอยากจะเดินในช่วงนี้สามารถเดินทางไปเที่ยวได้แล้วนะคะ ก่อนจะออกเดินทาง อย่าลืมวางแผนการเดินทางล่วงหน้า เช็คมาตรการเดินทางเข้าจังหวัดูสุราษฎร์ธานีได้ที่ https://web.facebook.com/sasuksuratNews สนใจข้อมูลท่องเที่ยวเพิ่มเติม สามารถอ่าน eBook จังหวัดสุราษฎร์ธานีได้ที่ https://www.amazingthailandebook.com/issue/171 หรือสามารถดาวน์โหลดในรูปแบบ Application : Amazing Thailand eBook ได้ทั้งระบบ iOS และ Android https://mobile.amazingthailandebook.com/redirect เขื่อนเชี่ยวหลาน หรือเขื่อนรัชชประภา เป็นเขื่อนอเนกประสงค์ ที่ใช้ประโยชน์ทั้งผลิตไฟฟ้า ชลประทาน ประมง และอื่น ๆ เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติเขาสก ที่ได้รับขนานนามว่าเป็นขุนเขาแห่งป่าฝน เพราะเป็นพื้นที่ป่าดิบชื้น อุดมไปด้วยพืชพรรณเฉพาะถิ่นและหายาก เช่น บัวผุด รวมถึงทิวทัศน์ที่สวยงามแปลกตาอย่างเทือกเขาหินปูนที่อยู่เหนือผืนน้ำของอ่างเก็บน้ำเขื่อนเชี่ยวหลาน ที่ทำให้ที่นี่กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม นอกจากนี้ ในอุทยานแห่งชาติเขาสก ยังมีสถานที่และกิจกรรมท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย ไม่ว่าจะเป็น จุดชมวิวไกรสร ป่าที่คลองแสง ล่องเรือชมถ้ำ พายเรือแคนู หรือนอนแพอุทยานเขื่อนเชี่ยวหลานกับแก๊งค์เพื่อน บอกเลย สนุกไม่ไหว!!  เราสามารถมาเที่ยวเขื่อนเชี่ยวหลานได้ตลอดทั้งปี ไม่ว่าช่วงฤดูไหน ที่นี่ก็จะมีอากาศเย็น ๆ มีหมอกจาง ๆ มีฝนบ้างประปราย บรรยากาศเหมือนกับอยู่ต่างประเทศเลยล่ะ ถ้ามีเวลาเที่ยวแบบจำกัด สามารถเลือกเที่ยวแบบ One day trip ได้ มีหลายแพคเกจให้เลือก ราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 450 – 2,200 บาท/คน แต่ถ้ามีเวลามากกว่านั้น อยากพักค้างคืนก็มีที่พักให้เลือกพักมากมาย ซึ่งที่พักส่วนใหญ่มักจะมีบริการพาเที่ยวไว้คอยอำนวยความสะดวกอยู่ด้วย ไม่ว่าจะเป็นการล่องเรือชมเขาสามเกลอ เที่ยวชมถ้ำปะการัง ฯลฯ ถ้ามาพักค้าง ขอแนะนำกิจกรรมพายเรือ เพื่อน ๆ จะได้สัมผัสบรรยากาศดี ๆ เต็มอิ่มไปตลอดทาง : ) นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นเรือได้ที่ ท่าเรือเทศบาลเขื่อนเชี่ยวหลานhttps://goo.gl/maps/rg6p8ae9tb5uSJmm9 จุดถ่ายรูปเขาสามเกลอ ถือเป็นไฮไลท์ของที่นี่เลยทีเดียว ใครมาเที่ยวก็ต้องแวะมาชมกัน วิวกลุ่มภูเขาหินปูน ที่มีลักษณะสูงแหลม กระจายอยู่หลาย ๆ จุด ไม่ว่าเราจะหยุดถ่ายรูปตรงไหน มุมไหนก็สวยไปหมด จนมีคนเปรียบว่าที่นี่คือกุ้ยหลินเมืองไทย นอกจากนี้ยังมี ถ้ำปะการัง ที่ต้องเข้าไปชมกัน ภายในถ้ำมีหินงอกหินย้อยที่คล้ายกับปะการังใต้ท้องทะเล สวยงามแปลกตา น่าไปชมสักครั้ง การเดินทางไปถ้ำปะการังนี้จะต้องนั่งเรือไปที่บริเวณจุดทางเข้า และเดินเท้าต่ออีกประมาณ 1.5 กิโลเมตร ภายในถ้ำค่อนข้างมืด ควรมีไกด์นำทาง และควรนำไฟฉายไปด้วย งดถ่ายรูปโดยใช้แฟลช เพราะแฟลชมีผลเสียต่อหินงอกหินย้อยในถ้ำค่ะ การเที่ยวชมภายในถ้ำต้องระมัดระวังและปฏิบัติตามกฎกันด้วยนะคะ อุทยานแห่งชาติเขาสก  ค่าบริการเข้าอุทยานแห่งชาติ ชาวไทย : ผู้ใหญ่ 40 บาท ชาวต่างชาติ : ผู้ใหญ่ 300 บาท เขื่อนเชี่ยวหลาน  ตำบลเขาพัง อำเภอบ้านตาขุน จังหวัดสุราษฎร์ธานี https://goo.gl/maps/c9zhTTjMpm77nRm19

🌿 เที่ยวเชี่ยวหลาน จังหวัดสุราษฎร์ธานี 🌿 อ่านเพิ่มเติม

✨ เที่ยวแบบชิลล์ ๆ ที่นครชัยศรี ✨

อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม เป็นอีกหนึ่งแห่งที่มีสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลาย เหมาะแก่การพักผ่อน เป็นทริปสั้น ๆ ใกล้กรุงเทพฯ ไปเช้า-เย็นกลับได้สบาย วันนี้แอดมีเส้นทางท่องเที่ยวชิลล์ ๆ มาแนะนำ แม้ช่วงนี้เราจะต้องชะลอการเดินทางท่องเที่ยวไว้ก่อน ตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 รวมทั้งแหล่งท่องเที่ยวหลายพื้นที่ก็ยังไม่เปิดให้บริการ แต่เพื่อน ๆ เก็บข้อมูลเส้นทางเหล่านี้ไว้ได้ รอให้สถานที่ท่องเที่ยวเหล่านี้กลับมาเปิดต้อนรับเราอีกครั้ง ก่อนจะออกเดินทาง อย่าลืมวางแผนการเดินทางล่วงหน้า เช็คมาตรการเดินทางเข้าจังหวัดนครปฐมได้ที่ https://www.facebook.com/PRCovid-นครปฐม-103309634646876 สนใจข้อมูลท่องเที่ยวเพิ่มเติม สามารถอ่าน eBook จังหวัดนครปฐมได้ที่ https://www.amazingthailandebook.com/issue/247 หรือสามารถดาวน์โหลดในรูปแบบ Application : Amazing Thailand eBook ได้ทั้งระบบ iOS และ Android https://mobile.amazingthailandebook.com/redirect เส้นทางท่องเที่ยวนครชัยศรี  1 สวนส้มโอไทยทวี  2 วัดศีรษะทอง  3 ตลาดท่านา  4 ดูบัว คาเฟ่  สวนส้มโอไทยทวี  แอดขอเริ่มต้นทริปด้วยการพาไปชมสวนส้มโอค่ะ ส้มโอเป็นผลไม้ขึ้นชื่อในอำเภอนครชัยศรี มีความเฉพาะตัวจนได้รับตราสัญลักษณ์ GI จากกรมทรัพย์สินทางปัญญา ส้มโอนครชัยศรีนั้นหมายถึง ส้มโอพันธุ์ทองดี และพันธุ์ขาวน้ำผึ้ง มีรสชาติคล้ายกันคือ หวานอมเปรี้ยว ไม่มีรสขม รสซ่า  ช่วงนี้อยู่ในช่วงฤดูเก็บเกี่ยว แต่กินที่บ้านคงไม่หนำใจ แอดเลยจะพามาชิมถึงสวนแบบบุฟเฟ่ต์ สวนที่แอดพามานี้ก็คือ สวนส้มโอไทยทวี ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงเกษตร ที่ให้นักท่องเที่ยวได้ไปเที่ยวชมพร้อมเรียนรู้เรื่องการปลูกส้มโอไปด้วย “คุณธนกฤต ไทยทวี” ทายาทรุ่นที่ 2 เล่าว่า ที่นี่เป็นสวนส้มโอที่ไม่มีการใช้สารเคมีใด ๆ เป็นการปลูกแบบเกษตรอินทรีย์ ใช้ธรรมชาติคุมธรรมชาติ  ขอบคุณรูปภาพสวย ๆ จาก สวนส้มโอไทยทวี ในสวนส้มโอไทยทวี มีกิจกรรมเที่ยวชมสวนให้นักท่องเที่ยวได้สนุกสนานกัน มีทั้งแบบครึ่งวัน และเต็มวัน ซึ่งแอดเลือกแบบครึ่งวันค่ะ เริ่มต้นด้วยการนั่งเรือชมสวนส้มโอกันแบบใกล้ชิดติดธรรมชาติ และฟังบรรยายจากผู้เชี่ยวชาญด้านส้มโอ จากนั้นเป็นการรับประทานบุฟเฟ่ต์ส้มโอกันอย่างจุใจ ก่อนจะแยกย้ายกันเดินเที่ยวเล่นในสวน และถ่ายรูปเก๋ ๆ ในมุมต่าง ๆ   ค่าบริการชมสวนและทำกิจกรรม สำหรับครึ่งวัน ผู้ใหญ่ 300 บาท นักเรียน/นักศึกษา 200 บาท **กรณีชมแบบเต็มวัน 500 บาท แนะนำให้ติดต่อล่วงหน้า **กรณีมาเป็นหมู่คณะ ให้ติดต่อล่วงหน้า ขอบคุณรูปภาพสวย ๆ จาก สวนส้มโอไทยทวี ส้มโอของที่นี่มีทั้งหมด 6 สายพันธุ์ คือ สายพันธุ์ขาวน้ำผึ้ง ทองดี ขาวหอม ขาวพวง ขาวแป้น และทับทิมสยาม ในเซ็ตบุฟเฟ่ต์นี้ เราได้ชิมส้มโอขาวน้ำผึ้งและทับทิมสยาม ขาวน้ำผึ้งจะมีรสหวานอมเปรี้ยว ส่วนทับทิมสยามที่มีเนื้อสีแดงรสชาติจะหวานฉ่ำ ถ้าถามแอดว่าชอบพันธุ์ไหนมากที่สุด บอกเลยว่าเลือกไม่ได้จริง ๆ อร่อยทั้งสองแบบเลยค่ะ  ขอบคุณรูปภาพสวย ๆ จาก สวนส้มโอไทยทวี มาเที่ยวชมสวนแล้วก็สามารถซื้อส้มโอกลับไปเป็นของฝากกันได้นะคะ นอกจากนี้ ทางสวนยังมีสินค้าแปรรูปอื่น ๆ ให้เลือกช้อปปิ้งอีกด้วย เช่น สเปรย์หอมกันยุงจากเปลือกส้มโอที่ขายดิบขายดี เปลือกส้มโออบแห้งที่มีรสชาติเปรี้ยวอมหวานน่ารับประทาน เรียกว่าเป็นการนำวัตถุดิบจากส้มโอมาใช้ประโยชน์อย่างคุ้มค่าเลยทีเดียว ใครยังไม่พร้อมเดินทางไปสวนแต่อยากรับประทานส้มโอ ทางร้านก็มีบริการจัดส่งให้ถึงบ้านเลยค่ะ สั่งซื้อได้ที่ http://line.me/ti/p/~tanakitthaitawee ขอบคุณรูปภาพสวย ๆ จาก สวนส้มโอไทยทวี หลังจากจบกิจกรรมชมสวนครึ่งวัน ก็ได้เวลาอาหารกลางวันพอดี เพื่อน ๆ สามารถกินมื้อเที่ยงที่ร้านอาหารและคาเฟ่ของสวนส้มโอไทยทวีได้เลย มีเมนูให้เลือกทั้งอาหารไทย-ตะวันตก ของว่าง และเครื่องดื่ม เมนู Signature ที่ไม่ควรพลาดคือ ยำส้มโอสูตรไทยทวี ที่การันตีด้วยรางวัลมากมาย  ในช่วงสถานการณ์โควิด 19 แนะนำให้โทรสอบถามเรื่องมาตรการการให้บริการอีกครั้งก่อนเดินทาง ขอบคุณรูปภาพสวย ๆ จาก สวนส้มโอไทยทวี  ตำบลสัมปทวน อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม  เปิดทุกวัน เวลา 08.00-17.00 น. (ในช่วงสถานการณ์โควิดสวนเปิดเฉพาะเสาร์-อาทิตย์)  083 626 5499 https://goo.gl/maps/Ry7uTUJXNcC6y2yV6 ขอบคุณรูปภาพสวย ๆ จาก สวนส้มโอไทยทวี  ตลาดท่านา  จังหวัดนครปฐมมีตลาดน่าเที่ยวอยู่หลายแห่ง ทั้งตลาดบก และตลาดน้ำ คราวนี้แอดจะพาไปชมตลาดเก่าแก่อายุกว่าร้อยปีค่ะ ตลาดท่านา เป็นตลาดที่อยู่เคียงคู่กับวิถีชีวิตของชุมชนริมแม่น้ำนครชัยศรีมานานกว่า 140 ปี จุดเด่นคือ สถาปัตยกรรมเก่าแก่อย่างอาคารตึกแถวไม้อายุกว่า 90 ปีที่อยู่รอบตลาดสด สวยคลาสิคทีเดียว ในตลาดและรอบ ๆ มีทั้งร้านอาหาร ร้านขนม และร้านของฝากต่าง ๆ ของนครปฐม น่าซื้อน่ากินไปหมด นอกจากนี้ยังมีร้านขายของโบราณที่นักสะสมไม่ควรพลาดอีกด้วย   ถนน ธรรมสพน์ ตำบลนครชัยศรี อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม  เปิดทุกวัน เวลา 09.00-17.00 น. https://goo.gl/maps/ZhuyVkCVTfC2  วัดศีรษะทอง  วัดแห่งนี้เป็นวัดเก่าแก่อายุกว่า 200 ปี สร้างขึ้นในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น โดยชาวลาวเวียงจันทน์ที่อพยพมาตั้งถิ่นฐาน มีการขุดพบเศียรพระพุทธรูปทองจมดินอยู่ ถือเป็นนิมิตที่ดี จึงตั้งเป็นชื่อว่า “วัดหัวทอง” ต่อมาทางการได้ขุดคลองเจดีย์บูชา แยกจากแม่น้ำนครชัยศรีไปองค์พระปฐมเจดีย์ เพื่อความสะดวกในการเสด็จพระราชดำเนินไปนมัสการองค์พระปฐมเจดีย์ คลองนี้ผ่านพื้นที่ทางตอนใต้ของวัดหัวทอง ชาวบ้านจึงอพยพไปตั้งบ้านเรือนอยู่ใกล้คลอง เพราะสะดวกในการคมนาคม และได้ย้ายวัดนี้มาตั้งอยู่ใกล้คลองเจดีย์บูชาด้วย จากนั้นก็ได้เปลี่ยนชื่อเป็น “วัดศีรษะทอง” วัดแห่งนี้มีประวัติศาสตร์ยาวนาน จึงมีทั้งโบราณวัตถุ และโบราณสถานสำคัญ ๆ มากมาย อีกทั้งมีการศึกษาเรื่องราวของดาราศาสตร์ โหราศาสตร์ และสมุนไพรมาตั้งแต่อดีต ที่สำคัญยังขึ้นชื่อเรื่องการไหว้บูชา “พระราหู” โดยมี หลวงพ่อน้อย นาวารัตน์ เจ้าอาวาสวัด เป็นผู้ฟื้นฟูเรื่องพระราหู และมีชื่อเสียงมาจนถึงปัจจุบัน สิ่งที่ตราตรึงใจแอดมาก ๆ ก็คือสถาปัตยกรรมร่วมสมัยของวัดแห่งนี้ กำแพงลายหินอ่อน ประดับประติมากรรมปูนปั้นรูปต่าง ๆ สวยงามไม่แพ้ที่ใดเลยล่ะ  ตำบลศรีษะทอง

✨ เที่ยวแบบชิลล์ ๆ ที่นครชัยศรี ✨ อ่านเพิ่มเติม

✨ประเพณีตักบาตรขนมครกและน้ำตาลทราย หนึ่งเดียวของจังหวัดสมุทรสงคราม✨

ประเพณีการทำบุญตักบาตรอยู่คู่กับคนไทยมายาวนาน เพื่อน ๆ อาจจะเคยได้ยินประเพณีตักบาตรข้าวเหนียว หรือประเพณีตักบาตรดอกไม้กันมาบ้าง แต่ทราบไหมว่า เรายังมีประเพณีตักบาตรขนมครกและน้ำตาลทรายอีกด้วย ประเพณีนี้มีแห่งเดียวในประเทศไทย คือที่วัดแก่นจันทร์เจริญ ตำบลบางพรม อำเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงคราม โดยจะจัดขึ้นในวันขึ้น 8 ค่ำเดือน 10 ของทุกปี ประเพณีนี้มีที่มาย้อนไปไกลถึงสมัยกรุงศรีอยุธยา สมัยนั้นมีการกำหนดพระราชพิธีที่พระมหากษัตริย์ต้องปฏิบัติในแต่ละเดือน เรียกว่า พระราชพิธีสิบสองเดือน ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ พระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลเลี้ยงขนมเบื้องพระสงฆ์ภายในพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย โดยปฏิบัติสืบทอดมาจนถึงสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ในช่วงปลายรัชสมัยรัชกาลที่ 5 พระครูสุนทรสุตกิจ (หลวงปู่โห้) เจ้าอาวาสวัดแก่นจันทร์เจริญ ต้องการสืบสานประเพณีตักบาตรขนมเบื้องนี้ไว้ แต่สมัยนั้นขนมเบื้องต้องใช้วัตถุดิบมากมายและทำยาก หลวงปู่จึงปรับเปลี่ยนมาเป็นการตักบาตรขนมครก เพราะขนมครกทำง่ายและหาวัตถุดิบไม่ยาก เริ่มแรกพ่อค้าแม่ค้าจะพายเรือมาขายขนมครกให้ชาวบ้านที่มาใส่บาตรที่วัด ต่อมาเมื่อการค้าขายทางเรือไม่เป็นที่นิยม ชาวบ้านจึงเปลี่ยนมาทำขนมครกกันที่วัดแทน เริ่มตั้งแต่การหมักข้าวสารเอาไว้ 1 คืน พอรุ่งเช้าก็จะช่วยกันโม่แป้ง คั้นน้ำกะทิ และหยอดแป้งทำขนมครก จากนั้นก็ร่วมกันตักบาตรพระสงฆ์ ดังนั้นขนมครกจึงเป็นสัญลักษณ์ของความสามัคคี และเป็นที่มาของคำว่า ขนมครก “ขนมของ คน-รัก-กัน” อีกด้วย 👉 ปัจจุบันในงานประเพณี นอกจากพิธีตักบาตรแล้ว ยังมีกิจกรรมสนุกสนานที่สร้างสีสันภายในงานอีก เช่น การประกวดทำขนมครก การแข่งขูดมะพร้าว และแข่งกินขนมครก เป็นต้น 🙏 ขอบคุณรูปภาพจาก ททท. สำนักงานสมุทรสงคราม

✨ประเพณีตักบาตรขนมครกและน้ำตาลทราย หนึ่งเดียวของจังหวัดสมุทรสงคราม✨ อ่านเพิ่มเติม

มาหา…สารคาม

คนสารคามมักบอกว่า มหาสารคามเป็นเมืองรองของรองอีกทีหนึ่ง เพราะไม่ค่อยมีสถานที่ท่องเที่ยวอะไรมากมายเหมือนเพื่อนจังหวัดข้างเคียง ภูเขาก็ไม่มีอย่างใครเขา แต่เสน่ห์ของที่นี่คือความเป็นเมืองทางผ่านที่สงบเงียบ ใช้ชีวิตแบบคนพื้นถิ่นที่ผูกพันกับวัดวาในพระพุทธศาสนา มีพระบรมธาตุนาดูนเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวบ้าน สะท้อนความสำคัญในอดีตของพื้นที่จังหวัดมหาสารคามที่มีมานานนับพันปี แต่คนสารคามก็ภูมิอกภูมิใจที่บ้านของพวกเขาเป็น ‘เมืองการศึกษา’ ไม่ว่าจะโรงเรียนประถม มัธยม วิทยาลัยอาชีวะ และมหาวิทยาลัยชั้นนำ ต่างอัดแน่นกันอยู่ในตักสิลานครนี้ จนเป็นแหล่งผลิตกำลังสำคัญในการพัฒนาท้องถิ่นและประเทศชาติมาช้านาน ไม่เพียงแต่การศึกษาสมัยใหม่ ตามบ้านต่าง ๆ ก็ยังเป็นเหมือนขุมทรัพย์ที่รวมภูมิปัญญา หัตถกรรมพื้นบ้านที่ขึ้นชื่อ อย่างผ้าไหมทอมือและงานจักสานที่มีเอกลักษณ์ เป็นองค์ความรู้ที่สืบทอดต่อกันมาแต่โบราณ TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง ร่วมกับ The Cloud นำเสนอคอลัมน์ Take Me Out ครั้งนี้เราขออาสาแง้มม่านบ้านเพื่อนถิ่นสะดืออีสาน ที่ดูเหมือนหน้าฉากจะขึ้นชื่อแต่เรื่องการเรียนการศึกษา เสาะหากิจการและกิจกรรมของคนรุ่นใหม่ที่อยู่เบื้องหลัง น่าสังเกตว่าหลายคนเป็นลูกหม้อที่เล่าเรียนจากสถานศึกษาในจังหวัด ซึ่งพวกเขามีความตั้งใจอยากผลักดันให้คนภายนอกรู้ว่า แม้จะเป็นเมืองรองแต่ก็มีดีไม่แพ้ใคร นอกจากขึ้นชื่อเรื่องการศึกษา มหาสารคามยังเป็นเมืองตาฮักแท้ ลูกหลานเมืองสารคามนำเสนอเรื่องราวบ้านเกิดผ่านร้านกาแฟหลายสไตล์ที่ผลัดกันหยิบเอากลิ่นอายลูกอีสานมาใช้อย่างสนุก เฟอร์นิเจอร์เครื่องหวายดีไซน์ร่วมสมัยจากวัสดุในพื้นที่ สวนผักอินทรีย์กลางผืนดินแล้งที่ส่งขึ้นห้างถึงเมืองหลวง และคณะหมอลำหุ่นที่ถ่ายทอดศิลปกรรมของเมืองสารคามด้วยการแสดงของเยาวชนในท้องถิ่น ตามเราเก็บทั้ง 10 สถานที่เข้าลิสต์ หลังโควิด-19 เตรียมตัวให้พร้อม รับรองคุณจะฮักนะ … สารคาม  1 Friends film lab แล็บล้างฟิล์มของหนุ่มสารคามที่อยากสนับสนุนวงการฟิล์มในบ้านเกิด หลายปีมานี้กระแสกล้องฟิล์มกลับมาบูมอีกครั้ง แล็บล้างฟิล์มตามหัวเมืองใหญ่เหมือนฟื้นคืนชีวิต อำนวยความสะดวกให้สายสแน็ปทั้งรุ่นใหม่รุ่นเก่าในท้องถิ่นได้มีร้านล้าง-สแกน และเลือกซื้อฟิล์มถ่ายภาพกันได้ง่ายขึ้น หลังจาก เล็ก-เอกพงษ์ เลิศสกุณี โลดแล่นอยู่ในบริษัทใหญ่ที่จำหน่ายเครื่องล้าง-สแกนฟิล์มมากว่าสิบปี เมื่อถึงจุดอิ่มตัวจึงลาออกมาเป็นเจ้านายตัวเอง พร้อมกับความคิดอยากเปิดร้านฟิล์มเล็ก ๆ ที่บ้านเกิด ก่อนเปิดร้านเขาทำการบ้านอยู่พักใหญ่ คอยดูทิศทางลมของกระแสการถ่ายภาพฟิล์มว่าจะพัดผ่านเมืองรองแห่งนี้แรงแค่ไหน เล็กพบว่าคึกคักไม่ต่างจากเมืองอื่น Friends film lab แล็บล้างฟิล์มกลางเมืองมหาสารคามจึงเกิดขึ้น โดยมีโจทย์ตั้งต้นว่าอยากช่วยนักเรียนนักศึกษาในพื้นที่ให้มีแล็บล้างฟิล์มใกล้ ๆ ไม่ต้องเอาม้วนฟิล์มข้ามแดนไปล้าง-สแกนไกลถึงจังหวัดข้างเคียง ไม่ว่าจะเป็นฟิล์มสี ฟิล์มขาว-ดำ หรือฟิล์มสไลด์ จนกระทั่งฟิล์มหนัง ฟิล์มบูด แล็บเพื่อมิตรภาพแห่งนี้ยินดีรับล้างและสแกนด้วยราคาฉันเพื่อนสมชื่อ แถมเรื่องคุณภาพวางใจได้ เพราะเล็กยังเป็นผู้อยู่เบื้องหลังงานซ่อมและดูแลเครื่องล้างฟิล์มในกรุงเทพฯ อีกหลายร้านที่ถ้าเอ่ยชื่อต้องมีร้องอ๋อ และเล็กกำลังมองหาจุดดร็อปม้วนฟิล์มถ่ายแล้วให้ใกล้กับสถานศึกษาต่าง ๆ ในจังหวัดมากที่สุด เพื่อเพิ่มช่องทางให้ลูกค้าได้ฝากฟิล์มมาล้างที่นี่กันง่ายขึ้น เล็กเล่าว่าการเปิดแล็บฟิล์มทำให้พบปะกับเพื่อนวัยเด็กอีกครั้ง รวมถึงเพื่อนใหม่ในนามลูกค้าที่แวะมาขอคำปรึกษาเรื่องกล้อง เรื่องฟิล์ม อยู่เนือง ๆ เป็นความสุขที่ได้รับ พร้อมกับรันวงการฟิล์มในท้องถิ่นให้มีชีวิตชีวาอีกครั้ง ที่ตั้ง : 10 ซอยนครสวรรค์ 32 ตำบลตลาด อำเภอเมืองมหาสารคาม จังหวัดมหาสารคาม พิกัด : https://goo.gl/maps/JsBKKUmr4NoW6Cgi6 วัน-เวลาทำการ: ทุกวัน เวลา 11.00 – 20.00 น. โทรศัพท์ : 08 6332 1691 Facebook : Friends film lab 02 โรงละคร หมอลำหุ่น คณะเด็กเทวดา โรงละครกลางบ้านสุดม่วนกุ๊บ ของลูกอีสานผู้เปลี่ยนกระติ๊บเป็นหุ่นหมอลำ เสียงแคนคลอเสียงพิณ เคล้าคำร้องหมอลำลอยมาจากหมู่บ้าน เป็นสัญญาณว่า คณะหมอลำหุ่น เด็กเทวดา กำลังจะเริ่มทำการแสดงแล้ว ย้อนที่มาไปหลายปีก่อน ครูเซียง-ปรีชา การุณ นักทำหุ่นกระบอก ได้เข้ามาเจอเข้ากับละครเงาอีสานหรือหนังบักตื้อ มรดกของบ้านดงน้อย อำเภอนาดูน ซึ่งแต่เดิมหนังชนิดนี้นิยมเล่นในท้องเรื่อง สังข์สินไซ วรรณกรรมท้องถิ่นที่มักเขียนเป็นภาพฮูปแต้มอยู่ตามสิมเก่าแก่ของวัดต่าง ๆ ในภาคอีสาน เมื่อมาลงพื้นที่เต็มตัว ครูเซียงเห็นว่าพ่อใหญ่แม่ใหญ่แห่งบ้านดงน้อยมีความสามารถด้านงานจักสาน ทำตะกร้า และกระติ๊บใช้กันในชีวิตประจำวัน เลยปิ๊งไอเดียเกิดเป็นหุ่นกระติ๊บที่ใช้วัสดุจากท้องถิ่น สวมผ้าซิ่น พาดผ้าขาวม้า มองแวบแรกก็รู้ว่ามาจากถิ่นที่ราบสูง ส่วนเรื่องราวที่เลือกมาใช้ทำการแสดง นอกจาก สังข์สินไซ สุดฮิตที่รีเมกเล่นซ้ำกันอยู่บ่อย ๆ แล้ว หมอลำหุ่นรุ่นใหม่ยังเพิ่มเรื่องราวให้ม่วนยิ่งขึ้น ทั้งเรื่องเล่า ตำนาน และวรรณกรรมพื้นบ้านทั้งหลาย ในรูปแบบของหมอลำ โดยขอแรงพ่อครูแม่ครูในหมู่บ้านช่วยถ่ายทอดทักษะการร้องลำ และการเล่นดนตรีพื้นบ้านให้กับเด็ก ๆ ในท้องถิ่น กลายเป็นคณะหมอลำที่ทุกคนในชุมชนมีส่วนร่วม ทุกวันนี้โรงละครหมอลำประจำบ้านดงน้อยทำหน้าที่เป็นพื้นที่สาธารณะของหมู่บ้านไว้คอยต้อนรับแขกที่มาเยี่ยมเยือน หากดูหมอลำหุ่นจบแล้วติดลม อยากใช้ชีวิตท่ามกลางท้องนา ก็มีโฮมสเตย์ที่ชวนสัมผัสวิถีชาวอีสานอย่างเต็มอิ่ม และเสิร์ฟอาหารพื้นบ้านให้ได้ลองด้วย ตอนนี้โรงละครหมอลำหุ่น คณะเด็กเทวดา กำลังปรับปรุง เพิ่มแสงสีที่นั่งใหม่ เมื่อสถานการณ์โควิด-19 ผ่านพ้นไป คงเสร็จสมบูรณ์พร้อมพอดี รอให้ทุกคนได้ไปพบกับความม่วนกุ๊บฉบับคนนาดูนอีกครั้ง ที่ตั้ง : บ้านดงน้อย ตำบลนาดูน อำเภอนาดูน จังหวัดมหาสารคาม พิกัด : https://goo.gl/maps/WMAZVy1HJmEexyC3A วัน-เวลาทำการ : ติดต่อล่วงหน้า โทรศัพท์ : 09 3083 5298 Facebook : หมอลำหุ่น คณะเด็กเทวดา 3 Miso home cafe 미소 홈 카페 โฮมคาเฟ่สไตล์เกาหลี ที่มีมาการองเป็นทีเด็ดประจำร้าน 미소 (Miso) ในภาษาเกาหลี แปลว่า รอยยิ้ม และยังเป็นชื่อลูกคนเล็กของ แตงโม-อภิญญา เอ ออร์เดรย์ เธอเลือกเอาคำนี้มาตั้งเป็นชื่อร้าน เพราะอยากเชื่อมโยงรอยยิ้มเข้ากับความสุขของตัวเองและลูกค้าที่ได้มาเจอกัน “เราทำเพราะมันเป็นความสุข ยิ่งเห็นคนกินขนมและเครื่องดื่มของเรา เขามีความสุข เราก็ยิ่งดีใจ” ที่มาที่ไปเกิดจากประสบการณ์เที่ยวมาแล้วทั่วโลก พบเจอร้านรวงมากมาย สร้างแรงบันดาลใจให้อยากมีคาเฟ่เมื่อกลับเมืองไทย จึงลงมือรีโนเวตโรงรถของบ้านให้กลายเป็นร้านสีขาวสะอาดตา บวกกับแตงโมมีแฟนเป็นชาวเกาหลี ร้านเลยปกคลุมไปด้วยมวลของคาเฟ่เกาหลี ตั้งแต่ภายนอกร้าน การตกแต่ง จนถึงเมนูเครื่องดื่มและขนม คาเฟ่แห่งนี้ต่อท้ายด้วยโฮมคาเฟ่ ไม่ใช่เพียงเพราะร้านอยู่ในบริเวณบ้านเท่านั้น แต่ขนมก็เป็นโฮมเมดสไตล์ฝรั่งเศสตามที่แตงโมสังเกตมาจากร้านในเกาหลี โดยจะลงมือทำเองทุกวัน ส่วนกาแฟประจำร้าน ก็เลือกใช้เมล็ดกาแฟที่ดื่มง่ายเพียงชนิดเดียว แต่ถูกปากสำหรับคนทั่วไป หากอยากดื่มรสเข้มขึ้น หวานน้อยลง หรือต้องการรสชาติแบบไหน เพียงกระซิบบอกบาริสต้าประจำร้านได้เลย เป็นความตั้งใจที่อยากให้ลูกค้ารู้สึกเหมือนชงดื่มเองที่บ้าน แต่ที่ไม่พูดถึงไม่ได้ คือความเด็ดดวงของมาการองประจำร้าน มีมากมายควรค่าแก่การลิ้มลองถึง 10 รสชาติ อาทิ

มาหา…สารคาม อ่านเพิ่มเติม

🌿 สมุนไพรเสริมภูมิคุ้มกัน 🌿

จากสถานการณ์ในช่วงนี้ ทำให้หลายคนหันมาดูแลสุขภาพตัวเองมากขึ้น โดยเฉพาะการเพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย เพราะภูมิคุ้มกันที่ดี เปรียบเสมือนด่านแรกของการมีสุขภาพดีนั่นเอง วิธีหนึ่งที่นิยมกันในขณะนี้ก็คือการใช้สมุนไพรไทย ทั้งกินเป็นอาหารเสริม และนำมาประกอบอาหาร หากมีการติดเชื้อก็สามารถช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิดอาการรุนแรงได้ 💪 👇 วันนี้แอดมีข้อมูลเล็ก ๆ น้อย ๆ เกี่ยวกับสมุนไพรไทยเสริมภูมิคุ้มกันมาฝากเพื่อน ๆ ค่ะ 🌿สมุนไพรเสริมภูมิคุ้มกัน ✨ขมิ้นชัน มีฤทธิ์ต้านการอักเสบของปอด ✨ชะเอมเทศ มีสารไฟโตเอสโตรเจนและฟลาโวนอยด์ มีคุณสมบัติช่วยต้านอนุมูลอิสระ และเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ✨มะขามป้อม มีวิตามินซีสูง ช่วยต้านอนุมูลอิสระ มีฤทธิ์เพิ่มภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย ✨ขิง เมื่อนำมาต้มน้ำเดือดนาน 30 นาที มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ ทำให้เม็ดเลือดขาวชนิดแมคโครฟาสจับกินไวรัสไข้หวัดใหญ่ได้ดีขึ้น ✨ขลู่ มีฤทธิ์ช่วยต้านอนุมูลอิสระ สรรพคุณของสมุนไพรที่กล่าวไปนั้น มีฤทธิ์เสริมภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย และช่วยต้านอนุมูลอิสระ แต่อย่างไรก็ตาม ในสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 เพื่อน ๆ ควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรงด้วยการกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ กินผักผลไม้ 5 สี พักผ่อนให้เพียงพอ วันละ 6-8 ชั่วโมง และออกกำลังกายเป็นประจำนะคะ 🙂 🙏 ขอบคุณข้อมูลจาก สถาบันการแพทย์แผนไทยอภัยภูเบศร โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร

🌿 สมุนไพรเสริมภูมิคุ้มกัน 🌿 อ่านเพิ่มเติม

🌱 เส้นทางเที่ยวธรรมชาติจังหวัดอุทัยธานี 🌱

อุทัยธานีเป็นจังหวัดหนึ่งที่ขึ้นชื่อเรื่องวัดวาอารามและอาหารการกิน แต่ขณะเดียวกันก็มีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่โดดเด่นน่าไปเที่ยวด้วยเช่นกัน วันนี้แอดเอาใจสายธรรมชาติ ด้วยการพาขับรถออกนอกตัวเมืองอุทัยธานี ไปเที่ยวแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติต้อนรับหน้าฝน ทริปนี้เหมาะกับการขับรถเที่ยว เพราะจังหวัดอุทัยธานีอยู่ไม่ไกลจากกรุงเพทฯ ขับรถประมาณ 4 ชั่วโมงก็ถึงแล้ว และการขับรถเที่ยวยังทำให้เราเข้าถึงสถานที่ท่องเที่ยวได้ง่ายขึ้น และอาจจะได้พบมุมมองใหม่ ๆ ในการท่องเที่ยวอีกด้วย แม้ช่วงนี้เราจะต้องชะลอการเดินทางท่องเที่ยวไว้ก่อน ตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด 19 รวมทั้งแหล่งท่องเที่ยวหลายแห่งยังไม่เปิดให้บริการ แต่เพื่อน ๆ เก็บข้อมูลเส้นทางเหล่านี้ไว้ก่อน แล้วค่อยไปเที่ยวทีหลังได้ค่ะ 🙂 ทริปเที่ยวอุทัยธานี 3 วัน 2 คืนครั้งนี้ เราจะไปเที่ยว 2 อำเภอที่อยู่นอกตัวเมืองกัน นั่นคืออำเภอบ้านไร่ และอำเภอลานสัก อำเภอบ้านไร่อยู่ห่างจากอำเภอเมืองประมาณ 80 กิโลเมตร ถ้าเดินทางจากกรุงเทพก็ประมาณ 250 กิโลเมตร วันที่ 1 วัดถ้ำเขาวง ตลาดซาวไฮ่ ต้นไม้ยักษ์ วัดผาทั่ง วันที่ 2 ฝายกั้นน้ำปางสวรรค์ น้ำตกปางสวรรค์ จุดชมวิวบ้านชายเขา หุบป่าตาด วันที่ 3 อ่างเก็บน้ำทับเสลา เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง 🔸วันที่ 1🔸 วัดถ้ำเขาวง จุดหมายแรกของเราคือ วัดถ้ำเขาวง ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่สวยงาม มีฉากหลังเป็นภูเขาหินสูงตระหง่าน ด้านหน้าเป็นสระน้ำขนาดใหญ่ และมีสวนดอกไม้ที่ตกแต่งสวยงาม สร้างความร่มรื่นให้กับวัดได้เป็นอย่างดี วัดถ้ำเขาวง มีลักษณะเป็นเรือนไทยประยุกต์ 4 ชั้น สร้างด้วยไม้สักและไม้มะค่าที่ได้รับบริจาคจากชาวบ้าน รวมทั้งไม้เก่าจากเรือนไทยที่นำมาจากจังหวัดต่าง ๆ อีกด้วยค่ะ ภายในวัดประดิษฐานพระประธานปางมารวิชัย รอยพระพุทธบาทจำลอง และมีหออริยบูชา ไว้สำหรับปฏิบัติธรรม  ตำบลบ้านไร่ อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี https://goo.gl/maps/r57dTrGspaPWeUHA6 ตลาดซาวไฮ่ ตลาดยอดฮิตที่แอดอยากให้แวะ ตลาดนี้เกิดจากการรวมตัวของกลุ่มคนที่ทำเกษตรอินทรีย์ ชาวสวน ชาวไร่ และศิลปิน เพื่อเปิดพื้นที่ให้ชาวบ้านจากชุมชนต่าง ๆ นำสินค้ามาขาย บรรยากาศภายในตลาดร่มรื่น มีพ่อค้าแม่ค้ามาออกร้านจำหน่ายสินค้าทางการเกษตร สินค้าพื้นบ้าน อาหาร รวมไปถึงงานศิลปะและงานคราฟต์เก๋ ๆ นอกจากนี้ยังมีนักดนตรีมาเล่นดนตรีให้ฟังสด ๆ อีกด้วย เรียกว่าเป็นตลาดสำหรับคนรักธรรมชาติและความชิลล์เลยล่ะ  92 ตำบลบ้านไร่ อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี เปิดทุกวันเสาร์-วันอาทิตย์ เวลา 08.00-16.00 น. 08 4337 3505 https://goo.gl/maps/53pB4XupE7dQ4Rp88 ต้นไม้ยักษ์ บ้านสะนำ ต้นไม้ยักษ์ หรือต้นเซียงยักษ์ต้นนี้ ถือเป็น รุกขมรดกของแผ่นดิน มีอายุประมาณ 300-400 ปี ลำต้นกว้างขนาด 40 คนโอบ ยืนต้นเด่นอยู่ท่ามกลางป่าหมากหลายร้อยต้น ต้นเซียงในพื้นที่บ้านสะนำ ส่วนใหญ่ถูกตัดนำไปใช้จนเกือบหมด ลุงเจียงผู้ที่ไปพบต้นเซียงยักษ์ต้นนี้จึงได้ร่วมมือกับชาวบ้านทำการอนุรักษ์เอาไว้  ตำบลบ้านไร่ อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี https://goo.gl/maps/jbXsafKd9zbzWQf69 วัดผาทั่ง เป็นวัดที่ชาวบ้านนิยมมากราบสักการะและชมความงดงามของหลวงพ่อโต พระพุทธรูปปางประธานพรองค์ใหญ่ที่ประดิษฐานอยู่ในวัด ถือเป็นพระพุทธรูปที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดอุทัยธานีเลยล่ะ  ตำบลห้วยแห้ง อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี https://goo.gl/maps/jbXsafKd9zbzWQf69 ร้านรุ่งโภชนา เที่ยวมาหลายที่ อาจจะเริ่มหิวกันแล้ว ในตัวอำเภอบ้านไร่ มีร้านอาหารอร่อยอยู่หลายร้าน ร้านที่แอดอยากแนะนำให้ลองไปชิมคือ ร้านรุ่งโภชนา เป็นร้านปลาจุ่มรสเด็ดของอำเภอบ้านไร่ ด้วยน้ำซุปที่หอมกลิ่นสมุนไพร เนื้อปลานิลแน่น ๆ และน้ำจิ้มสุดแซ่บ ทำให้ยากที่จะวางตะเกียบ นอกจากปลาจุ่มแล้ว ยังมีเมนูอาหารไทยอีกหลายเมนูให้เลือกทาน  ตำบลทัพหลวง อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี เปิดวันพฤหัส-วันอังคาร (หยุดวันพุธ) เวลา 08.00-21.00 น. 06 1486 3665 https://goo.gl/maps/q6u3SyTq1rizFk5a6  ขอบคุณรูปภาพจาก ร้านรุ่งโภชนา วันที่ 2 ฝายกั้นน้ำปางสวรรค์ วันนี้เราจะไปเที่ยวที่ ฝายกั้นน้ำปางสวรรค์ หนึ่งจุดเช็กอินสุดฮิตของอำเภอบ้านไร่ ฝายกั้นน้ำปางสวรรค์ เป็นฝายกั้นน้ำของชุมชนที่สร้างขึ้นเพื่อกักเก็บน้ำและชะลอการไหลของน้ำ ซึ่งหากน้ำมีปริมาณมากเกินความจุของฝาย น้ำก็จะไหลล้นข้ามสันฝายลงสู่ด้านล่าง เกิดเป็นม่านน้ำที่สวยงาม ใครเป็นสายถ่ายรูปต้องห้ามพลาดเลยล่ะ  ตำบลคอกควาย อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี https://goo.gl/maps/3VGj6bNKZXhJuGtB7  ขอบคุณรูปภาพจาก ททท.สำนักงานอุทัยธานี น้ำตกปางสวรรค์ น้ำตกอยู่ไม่ไกลจากฝายกั้นน้ำปางสวรรค์ ขับรถประมาณ 5 นาทีก็ถึง จากจุดจอดรถ ต้องเดินเท้าเข้าไปที่ตัวน้ำตก ระยะทางประมาณ 300-400 เมตร น้ำตกแห่งนี้สามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปี ถ้าใครอยากสัมผัสบรรยากาศเงียบสงบและชมความสวยงามของน้ำตก ก็แวะมาเที่ยวกันได้เลย  ตำบลคอกควาย อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานีhttps://goo.gl/maps/2h2r3JtaeCKVMkGm7  ขอบคุณรูปภาพจาก ททท.สำนักงานอุทัยธานี เรามุ่งหน้าไปเที่ยวต่อกันที่อำเภอลานสัก ซึ่งเป็นอีกหนึ่งอำเภอที่มีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติอยู่หลายแห่ง จุดชมวิวบ้านชายเขา เป็นจุดชมวิวที่โอบล้อมไปด้วยแนวภูเขาหินปูนขนาดใหญ่สุดลูกหูลูกตา ถ้าเพื่อน ๆ ไปเที่ยวในช่วงฤดูฝนและฤดูหนาวจะยิ่งฟิน เพราะจะได้เห็นหมอกตรงแนวภูเขา และได้เห็นความเขียวขจีของธรรมชาติ บริเวณจุดชมวิวมีร้านอาหารและเครื่องดื่มให้บริการ ทีเด็ดอยู่ที่ส้มตำ ถ้าเกิดหิวขึ้นมาก็สามารถแวะทานได้เลยค่ะ  บ้านชายเขา ตำบลทุ่งนางาม อำเภอลานสัก จังหวัดอุทัยธานี เปิดทุกวัน เวลา 06.00-18.00 น. 08 5731 0853 https://goo.gl/maps/TT4XLBiSZyoJQ7sN9 หุบป่าตาด อยู่ห่างจากจุดชมวิวบ้านชายเขาประมาณ 2 กิโลเมตร มีลักษณะเป็นป่าดงดิบ มีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติระยะทางประมาณ 700 เมตร โดยพื้นที่ส่วนใหญ่ปกคลุมไปด้วยต้นตาด ธรรมชาติที่นี่อุดมสมบูรณ์ มีพันธุ์ไม้หายากหลายชนิด กรมอุทยานแห่งชาติจึงประกาศให้เป็นพื้นที่อนุรักษ์ บรรยากาศที่นี่เหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในยุคดึกดำบรรพ์เลยล่ะ เสียดาย ขาดแต่ไดโนเสาร์  หุบป่าตาด เป็นหุบเขาที่เกิดจากการยุบตัวของภูเขาหินปูน สันนิษฐานว่าในอดีตบริเวณนี้อาจเป็นทะเลหรือแหล่งน้ำ เนื่องจากพบฟอสซิลของหอยน้ำจืดฝังอยู่ในหิน เดิมไม่มีทางเข้า จะต้องปีนข้ามเขาแล้วค่อยๆ ปีนลงไป ต่อมา มีการเจาะถ้ำที่ตันให้ทะลุเข้าไปในหุบได้ ภายในถ้ำเป็นที่อาศัยของค้างคาวกินแมลง ถ้ำจะมีหินย้อยที่สวยงาม ภายในหุบมีต้นตาดจำนวนมาก พืชภายในหุบจะได้รับแสงแดดประมาณวันละ 2-3 ชั่วโมง ส่วนใหญ่จะมีลำต้นสูงเพื่อแย่งกับรับแสงแดด ไฮไลท์ของหุบป่าตาดคือ

🌱 เส้นทางเที่ยวธรรมชาติจังหวัดอุทัยธานี 🌱 อ่านเพิ่มเติม

✨ขนมอังกู๊ ขนมเต่าโบราณเมืองภูเก็ต ✨

มารู้จักขนมโบราณที่ขึ้นชื่อของเมืองภูเก็ตกันค่ะ “ขนมอังกู๊” หรือ “ขนมเต่า” หลาย ๆ คนอาจจะไม่เคยเห็นมาก่อน วันนี้แอดมีเกร็ดความรู้เรื่องขนมอังกู๊มาให้อ่านกันเพลิน ๆ ค่ะ 🙂 ขนมอังกู๊เป็นขนมมงคลที่ชาวภูเก็ตเชื้อสายจีนฮกเกี้ยนและกวางตุ้ง นำมาใช้ในพิธีไหว้บรรพบุรุษ ไหว้เทวดา ไหว้วันสารท เป็นต้น เพราะเชื่อว่าสีแดงเป็นสีแห่งมงคล ลักษณะขนมเป็นรูปเต่า หมายถึงอายุมั่นขวัญยืน 🥳 🍞 ขนมอังกู๊ทำจากแป้งข้าวเหนียวนวดกับน้ำ น้ำมันพืช และน้ำตาล เติมสีผสมอาหารเพื่อให้เกิดสีแดงอ่อน ๆ นวดจนแป้งไม่ติดมือ แล้วจึงนำไส้ถั่วทองที่สุกกวนกับน้ำตาลจนแห้ง มาห่อกับแป้งที่เตรียมไว้ นำไปใส่พิมพ์อัดเป็นรูปเต่าแล้วนำไปนึ่งจนสุก ออกมาเป็นเต่าแดงน่าทานมาก ๆ ปัจจุบัน เราสามารถรับประทานขนมอังกู๊ได้แค่ในช่วงเทศกาลไหว้เจ้า ตรุษจีน สารทจีน ใครแวะไปภูเก็ตในช่วงเทศกาล ต้องลองไปชิมกันนะคะ : )

✨ขนมอังกู๊ ขนมเต่าโบราณเมืองภูเก็ต ✨ อ่านเพิ่มเติม

✨ อดีต…อุดร ✨

📍 อุดรธานี 📍 เมืองที่ซ่อนประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมหลากหลายเอาไว้ในพื้นที่มากมาย เหมือนกับแต่ละสถานที่ในจังหวัดต่อไปนี้ ที่น่าจะช่วยฉายภาพให้เห็นสภาพความเป็นอยู่และตัวตนของคนอุดรฯ ที่กล่าวได้ว่า มีประวัติศาสตร์เป็นเอกลักษณ์ และน่าเดินทางไปเยี่ยมชมมากที่สุดจังหวัดหนึ่งในประเทศไทย TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง ร่วมกับ The Cloud นำเสนอคอลัมน์ Take Me Out เที่ยวบ้านเพื่อน รอบนี้พาทัวร์อุดรธานีผ่านกลิ่นอายความเก่าแก่กับ 10 สถานที่ที่เราขอพาเช็กอินให้ชม เที่ยว ช้อปกันแบบจุใจ ในรูปแบบพิพิธภัณฑ์ที่เคยล้ำสมัยที่สุดในโลก ศาลเจ้าสองวัฒนธรรม ไปจนถึงร้านส้มตำเจ้าเด็ด 📌 ใครพร้อมเที่ยวแล้ว เตรียมปักหมุดได้เลย ✳ ตรวจสอบมาตรการการเดินทางเข้าพื้นที่ได้ที่ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดอุดรธานี : https://www.facebook.com/udpho ข้อมูลจากพิพิธภัณฑ์เมืองอุดรธานีบอกว่า แท้จริง “อุดรธานีไม่เคยมีอยู่” ที่ตั้งของจังหวัดในปัจจุบันนี้ เป็นถิ่นฐานที่เดิมตั้งบนพื้นที่ชายขอบรกร้าง ในฐานะกองบัญชาการ ‘มณฑลลาวพวน’ หรือ ‘มณฑลฝ่ายเหนือ’ ในช่วงราว พ.ศ. 2436 ภายใต้เหตุพิพาทสำคัญกับฝรั่งเศสในยุคอาณานิคมอย่างเหตุการณ์ ร.ศ.112 มณฑลฝ่ายเหนือนี้ภายหลังได้เปลี่ยนชื่อเป็น ‘มณฑลอุดร’ และเริ่มเป็นศูนย์กลางการเดินทางและการค้า จนกระทั่งหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองใน พ.ศ. 2475 มณฑลอุดรจึงถูกยกเลิก แล้วยกฐานะเป็น ‘จังหวัดอุดรธานี’ เรื่อยมาจนหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ถนนมิตรภาพนำความเจริญมาสู่จังหวัดพร้อมสหรัฐอเมริกาและทหาร G.I. ด้วยการเป็นพื้นที่ตั้งฐานทัพโจมตีทางอากาศในสงครามเวียดนาม G.I. ได้เปลี่ยนสภาพสังคมและเศรษฐกิจของจังหวัดไปอย่างมาก จากการทำเกษตรและกิจการขนาดเล็ก ๆ สู่การเกิดขึ้นของโรงแรม โรงภาพยนตร์ สถานบันเทิง อาบอบนวด และตึกแถวสองข้างทางในตัวเมืองก็อัดแน่นไปด้วยร้านค้าหลากหลาย ทั้งร้านสูท เครื่องประดับ ห้องถ่ายภาพ ร้านเสริมสวย และร้านค้าอื่น ๆ มากมาย การเติบโตของเมืองจากเหตุความขัดแย้งภายนอกแต่ละครั้ง ประกอบกับการมีผู้อพยพย้ายถิ่นฐานเข้ามาเป็นจำนวนมาก ทำให้อุดรธานีประกอบด้วยผู้คนหลากหลายเชื้อชาติ ที่ต่างพกพาประวัติศาสตร์และความเชื่อของตัวเอง ประกอบสร้างเป็นเรื่องราวของจังหวัดจนถึงทุกวันนี้ ถ้าพร้อมแล้วเราจะพาไปย้อนดูอุดรในอดีต ตั้งแต่พิพิธภัณฑ์ ศาลเจ้าจีน ค่ายทหารสงครามเย็น จนถึงร้านอาหาร 1 แหล่งโบราณคดีบ้านเชียง หลักฐานแรกตั้งถิ่นฐานในอุดรธานีที่เป็นมรดกโลก “ถ้าคนอุดรฯ ไปอยู่ในดงคนอื่น หรือถ้ามีคนนอกถามว่าพูดถึงจังหวัดอุดรฯ ต้องพูดถึงอะไร คนอุดรฯ จะยังคงนึกถึงบ้านเชียงอยู่” กนกวลี สุริยะธรรม ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติบ้านเชียง ให้ความคิดเห็นถึงแหล่งอารยธรรมโบราณอายุกว่า 5,000 ปี ในฐานะส่วนหนึ่งของตัวตนคนอุดรฯ สถานที่นี้ถูกขุดค้นเจอเมื่อ พ.ศ. 2517 ในอำเภอหนองหาน จังหวัดอุดรธานี ก่อนจะได้รับเลือกเป็นมรดกโลกลำดับที่ 359 ใน พ.ศ. 2535 บ้านเชียงได้ถูกพัฒนาเป็นพิพิธภัณฑ์ให้คนทั่วไปเข้าชมได้ โดยแบ่งเป็น 2 ส่วนหลัก ๆ คือส่วนอาคารพิพิธภัณฑ์ เนื้อหาครอบคลุมเรื่องพัฒนาการทางยุคสมัย วิถีชีวิต การขุดค้น และจัดแสดงโบราณวัตถุ ทั้งเครื่องปั้นดินเผา สำริด เหล็ก รวมถึงโครงกระดูกที่ขุดพบ กับอีกจุดจัดแสดงแหล่งการขุดค้น ณ วัดโพธิ์ศรีที่ตั้งอยู่ห่างไป 900 เมตร ปัจจุบันนอกจากงานให้บริการพิพิธภัณฑ์ ที่นี่ได้ให้บริการในด้านการวิจัยและงานวิชาการ อย่างการเป็นคลังเก็บโบราณวัตถุ งานสำรวจทำบัญชีโบราณวัตถุในพื้นที่ ให้บริการออกใบอนุญาตส่งโบราณวัตถุ ร่วมจัดงานมรดกโลกซึ่งเป็นงานประจำปีที่จะจัดร่วมกับหน่วยงานรัฐและชุมชน รวมถึงสนับสนุนข้อมูลเชิงวิชาการให้การท่องเที่ยวของชุมชน โดยรอบมีโฮมสเตย์ ร้านค้า กลุ่มทอผ้า กลุ่มปั้นหม้อ ซึ่งเป็นกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่ดำเนินสอดคล้องกับเรื่องราวในพื้นที่มาโดยตลอด  หมู่ที่ 13 ถนนสุทธิพงษ์ ตำบลบ้านเชียง อำเภอหนองหาน จังหวัดอุดรธานี 41320 https://goo.gl/maps/xpBzAH9RCyne3vMb9  วัน-เวลาทำการ : พิพิธภัณฑ์ วันพุธ-วันอาทิตย์ เวลา 09.00 – 16.00 น. (ปิดวันจันทร์และวันอังคาร) หลุมขุดค้น วัดโพธิ์ศรีใน ทุกวัน เวลา 09.00 – 16.00 น.  0 4223 5040  Facebook : พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ บ้านเชียง : Banchiang National Museum 2 กลุ่มทอผ้าโบราณบ้านโนนกอก ชุมชนตำหูกที่ย้อมสีผ้าด้วยดอกบัว จากความทรงจำวัยเด็กที่ได้เห็นการทอผ้าใต้ถุนบ้านเป็นภาพชินตา อภิชาติ พลบัวไข ผู้ใหญ่บ้านโนนกอก หลังจากเรียนจบปริญญาโท คณะรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยพิษณุโลก ต้องการกลับบ้านเกิดมาพัฒนาชุมชนด้วยสิ่งที่เขารักและผูกพันมาตั้งแต่วัยเยาว์ เมื่อภาพที่จำได้เหล่านั้นกลับหายไปเมื่อเขาเริ่มเติบโตขึ้น “บ้านโนนกอกเลิกทอผ้ามายี่สิบกว่าปีแล้ว ผมต้องเริ่มจากหาช่างทอลูกหลานที่ยังหลงเหลือ เรามารวมกลุ่มกันทอผ้าแบบโบราณ จากคนเดียวเป็นสอง สาม สี่ ห้า จนปัจจุบันยี่สิบห้าคน รวมถึงเรามีเครือข่ายขยายไปสองร้อยกว่าคนในหมู่บ้านต่าง ๆ” ผู้ใหญ่บ้านยังเล่าว่า การทอผ้าหรือภาษาอีสานเรียก ‘ตำหูก’ เป็นวิถีชีวิตที่มีอยู่ทั่วทุกพื้นที่ในภาคอีสาน โดยเฉพาะจังหวัดอุดรธานีที่มีผ้าทอลายขิดเป็นภูมิปัญญาและมีลวดลายสวยงามเป็นเอกลักษณ์ นอกจากตั้งใจรื้อฟื้นการใช้กี่ทอผ้าแบบโบราณโดยไม่ใช้เครื่องจักร เขายังต้องการสร้างเอกลักษณ์ในด้านสีสันและเรื่องราวของท้องถิ่นให้ฝ้ายและไหมด้วย เอกลักษณ์ของที่นี่คือการนำส่วนต่าง ๆ ของดอกบัวมาเป็นวัตถุดิบย้อม โดยค้นพบว่า ดอกบัวตากแห้งจะได้สีน้ำตาลทอง สายบัวจะได้สีเทาเงิน กลีบได้สีชมพู จนภายหลังก็ได้พัฒนาเช่นพบว่า เมื่อใช้น้ำปูนกับมะขามเปียกผสมจะได้สีเขียวขี้ม้า หรือที่นิยมมากคือการหมักกับโคลน ที่จะทำให้ย้อมดอกบัวได้สีดำ นำมาซึ่งความแตกต่างของเอกลักษณ์สีธรรมชาติที่ทำให้ที่นี่เป็นที่รู้จักไปไกล  ชุมชนบ้านโนนกอก 63 หมู่ที่ 18 ตำบลหนองนาคำ อำเภอเมืองอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี 41000 https://goo.gl/maps/achU8sf5SgrSRWVq5  วัน-เวลาทำการ : ทุกวัน 08.00 – 17.00 น.  06 1942 8808  Facebook : กลุ่มทอผ้าโบราณบ้านโนนกอก จ.อุดร 3 ส้มตำเบญจางค์ ร้านส้มตำเก่าแก่แห่งบ้านโนน อร่อยมาตั้งแต่รุ่นยาย ถ้าถามคนอุดรฯ ว่าร้านส้มตำร้านไหนอร่อยที่สุด ว่ากันตามตรงแต่ละคนก็อาจตอบร้านโปรดของตัวเองที่มีอยู่ทั่วทุกมุมเมือง แต่ถ้าถามว่าร้านไหนเปิดมายาวนานที่สุด

✨ อดีต…อุดร ✨ อ่านเพิ่มเติม

รู้หรือไม่! ทำไมถึงมีการห้ามให้อาหารปลาในทะเล 🐟

“การดำน้ำ” 🤿 เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ได้รับความนิยมอย่างมากเมื่อเราได้ไปทะเล ไม่ว่าจะเป็นการดำน้ำตื้นหรือดำน้ำลึก เราจะสามารถมองเห็นความงดงามทางธรรมชาติ ปะการังต่าง ๆ ปลา และสัตว์ทะเลอีกมากมาย.ในระหว่างดำน้ำอาจมีกิจกรรม “การให้อาหารกับปลาในทะเล” ซึ่งเพื่อน ๆ ส่วนใหญ่อาจจะทราบกันอยู่แล้วว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ ซึ่งวันนี้แอดจะมาบอกเหตุผลว่า ทำไมเราถึงไม่ควรให้อาหารปลาในทะเล 🚫.อาหารส่วนใหญ่ที่มีการนำไปให้ปลาในทะเลกินเป็นจำพวกแป้ง ซึ่งเป็นอาหารโปรดของปลาสลิดหินบั้งเขียวเหลือง ถึงแม้ว่าหน้าตามันออกจะน่ารัก แต่ด้วยนิสัยตามธรรมชาติ ปลาชนิดนี้มีนิสัยดุร้ายและชอบยึดอาณาเขตในพื้นที่ที่มีอาหารโปรดของมันอยู่เยอะ.โดยปกติตามแนวปะการังจะมีปลาและสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่และทำหน้าที่รักษาสมดุลของระบบนิเวศน์ คือ ปลาที่อาศัยอยู่ตามแนวปะการังหาอาหารจากการกินสาหร่ายและสิ่งมีชีวิตที่ปกคลุมปะการัง ซึ่งถือว่าเป็นการทำความสะอาดปะการังด้วยนั่นเอง.หากเจ้าปลาสลิดหินบั้งเขียวเหลืองมากินอาหารที่มนุษย์ให้ตามแนวปะการัง จะเกิดอะไรขึ้น?📍 ปลาชนิดนี้ก็จะเริ่มมีจำนวนเยอะมากขึ้น เริ่มยึดอาณาเขต และขับไล่ปลาตัวอื่นออกจากพื้นที่📍 สิ่งมีชีวิตที่ปกคลุมแนวปะการัง รวมถึงแบคทีเรียที่เกิดจากการขับถ่ายของปลาสลิดหินบั้งเขียวเหลืองเพิ่มมากขึ้น และทำให้ปะการังสกปรก📍 แนวปะการังที่มีระบบนิเวศน์ค่อนข้างซับซ้อนและอ่อนไหวเริ่มเสื่อมโทรม ล้มตายและไม่สามารถเกิดขึ้นใหม่ได้เนื่องจากสภาพแวดล้อมไม่เอื้ออำนวย📍 ปลาบางชนิดกินแต่ขนมปังที่มนุษย์ให้ ไม่สามารถหาอาหารเอง แถมยังทำให้ขาดสารอาหารและป่วยตายได้ง่าย.เพียงแค่ไม่กี่ข้อที่แอดกล่าวมา ก็ทำให้เห็นแล้วว่าเมื่อระบบนิเวศน์เสียสมดุล ความงดงามทางทะเลก็จะค่อย ๆ หายไป แน่นอนว่าเพื่อน ๆ ก็อยากให้ธรรมชาติเหล่านี้คงอยู่ เพื่อให้คนอื่น ๆ หรือแม้แต่ตัวเราเองได้กลับมาดูอีกครั้ง การอนุรักษ์ไว้จึงไม่ใช่แค่เรื่องของใครบางคน แต่เป็นสิ่งที่เราเองมีส่วนช่วยได้ มาช่วยกันนะคะ 😉.อ้างอิงข้อมูลจาก : กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง

รู้หรือไม่! ทำไมถึงมีการห้ามให้อาหารปลาในทะเล 🐟 อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top