สถานที่ท่องเที่ยว

Stand Up Paddle Board

Stand Up Paddle Brord หรือ SUP Board กิจกรรมทางน้ำสุดฮิตที่ในหลายจังหวัดมีกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวได้เปิดประสบการณ์การพาย SUP Board ชมแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ ภายในจังหวัด และในจังหวัดกาญจนบุรี ก็มี SUP Board ให้ได้พายตามเส้นทางแม่น้ำแคว ชมความสวยงามของสองฝั่งแม่น้ำ ซึ่งก็สามารถเลือกได้ว่าจะพายรอบเช้าหรือรอบเย็น ไฮไลท์คือจุดสิ้นสุดเส้นทางที่จะได้ชมรถไฟแล่นผ่านสะพานข้ามแม่น้ำแควจากบน SUP Board ด้วยนะ และสำหรับคนที่ไม่เคยเล่นกิจกรรมนี้หรือว่ายน้ำไม่เป็น ไม่ต้องกลัวเลยค่ะเพราะมีเจ้าหน้าที่คอยสอนวิธีการเล่นและดูแลอย่างใกล้ชิด อย่ารอช้ารีบตามแอดมินมาชมความสนุกกับการพาย SUP Board กันเลย! ใครไม่เคยพาย SUP Board ไม่ต้องกังวลนะจ้ะ ที่นี่มีเจ้าหน้าที่คอยดูแลความปลอดภัยตลอดเส้นทางด้วยนะ.การพาย SUP Board ที่กาญจนบุรีมีหลายเจ้าให้บริการ ซึ่งครั้งนี้เราใช้บริการของ SEDS Kanchaburi >>https://seds-kanchanaburi.com ก่อนลงไปพาย เจ้าหน้าที่จะให้ความรู้ สอนวิธีการพาย และการขึ้นบอร์ด กรณีตกน้ำเบื้องต้นให้กับนักท่องเที่ยว จุดเริ่มต้น ที่ท่าน้ำวัดน้ำตื้น เริ่ม!! การพาย SUP Board สามารถพายแบบยืนหรือจะนั่งพายก็ได้นะ ระหว่างพาย SUP Board มีเจ้าหน้าที่คอยถ่ายภาพสวย ๆ ให้เราด้วย โพสท่ากันได้เต็มที่เลย วิวสองข้างทางสวยมาก ๆ เลยค่ะ บางคนถ้าเหนื่อยหรือเมื่อย ก็นั่งพักและพายไปเรื่อยได้นะ พาย SUP Board มาใกล้สะพานข้ามแม่น้ำแคว วิวดี มุมดีมาก เหมาะกับการถ่ายภาพสุด ๆ จุดไฮไลท์ของทริปนี้แหละ นั่งมองรถไฟที่กำลังเคลื่อนตัวช้า ๆ ข้ามสะพานแม่น้ำแคว บรรยากาศยามเย็นที่พระอาทิตย์กำลังตกดิน กับวิวสะพานข้ามแม่น้ำแคว สวยงามมาก ๆ เลยจ้า

Stand Up Paddle Board อ่านเพิ่มเติม

คำแนะนำการท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติ

การท่องเที่ยวสายเดินป่าตั้งแคมป์กำลังมาแรง หลาย ๆ คนอยากหลีกหนีความวุ่นวายไปสัมผัสความสงบ และธรรมชาติอันสวยงาม ดังนั้น อุทยานแห่งชาติจึงเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ตอบโจทย์นักท่องเที่ยวสายธรรมชาติไปเที่ยวแล้ว อย่าลืมปฏิบัติตามกฎระเบียบของอุทยานฯ กันด้วยนะ จะได้เที่ยวอย่างสนุกตลอดทริปค่ะ.1. เนื่องจากทางอุทยานฯ มีมาตรการจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้าใช้บริการ ดังนั้น นักท่องเที่ยวจึงต้องลงทะเบียนจองคิวการเข้าอุทยานฯ ผ่าน Application QueQ 2. ศึกษาข้อมูลก่อนท่องเที่ยวอุทยานฯ แต่ละแห่ง เช่น เวลาเปิด/ปิด หรือฤดูกาลที่เหมาะสำหรับการท่องเที่ยว 3. เดินตามเส้นทางที่อุทยานฯ กำหนด ไม่ออกนอกเส้นทาง เพราะอาจหลงทาง หรือเจอสัตว์ดุร้ายที่เป็นอันตรายได้ 4. ไม่ขีดเขียนบนหินและต้นไม้ 5. ไม่ส่งเสียงดังรบกวนนักท่องเที่ยวคนอื่น 6. ไม่พกอาวุธ ไม่ล่าสัตว์ในเขตอุทยานฯ 7. ไม่นำสิ่งใด ๆ ออกจากเขตอุทยานฯ ไม่ว่าจะเป็นก้อนหิน พืชพรรณ หรือสัตว์ป่า 8. ไม่ก่อกองไฟในเขตอุทยานฯ นอกจากจะได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ และหากต้องก่อกองไฟ ควรก่อไฟเท่าที่จำเป็น เพื่อเป็นการรักษาธรรมชาติ 9. ไม่ดื่มสุราและของมึนเมาระหว่างท่องเที่ยวในอุทยานฯ เพราะอาจนำไปสู่การขาดสติ และเกิดการทะเลาะวิวาทได้ 10. ไม่ทิ้งขยะในเขตอุทยานฯ และช่วยกันลดการสร้างปริมาณขยะ ด้วยการใช้ภาชนะที่สามารถนำกลับไปใช้ใหม่ได้

คำแนะนำการท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติ อ่านเพิ่มเติม

RakDok Lalagoon

RakDok Lalagoon  ภายในแบ่งเป็น 2 โซน ได้แก่ โซน RakDok Studio และโซน Food Villageโซน RakDok Studio (โซนสตูดิโอและนิทรรศการกรุ่นกลิ่น) โซนสตูดิโอ เป็นโซนที่ใช้จัดนิทรรศการดอกไม้กลางแจ้ง เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปเที่ยวชม และถ่ายรูป มีมุมถ่ายรูปสวย ๆ เยอะเลย อลังการทุกมุม ผลัดกันถ่ายรูปจนเหนื่อยแน่ หรือถ้าไปคนเดียวก็ไม่ต้องห่วงว่าจะไม่ได้รูปสวย ๆ เพราะที่รักดอกเขามีช่างภาพมืออาชีพไว้ให้บริการค่ะ สามารถติดต่อสอบถามค่าบริการได้ นอกจากนี้ ยังสามารถใช้สถานที่จัดงานหรือถ่ายพรีเวดดิ้งได้ สนใจติดต่อที่สำนักงานรักดอกได้เลย แล้วก็อย่าลืมเอารูปสวย ๆ มาอวดแอดกันบ้างน้า มุมนี้ต้องห้ามพลาด มุมนี้เป็นอุโมงค์ดอกกุหลาบ น่ารักมาก ๆ ทางนิทรรศการได้มีร้านเสื้อผ้า ของตกแต่งน่ารัก ๆ จำหน่ายด้วยนะ ใครไม่ได้เตรียมชุด พร็อบไม่แน่นมาจัดเต็มที่นี่ได้เลย แอบบอกสำหรับคนรักสัตว์ จะพาน้องแมวน้องหมาไปเก็บภาพสวย ๆ ไว้เป็นที่ระลึกด้วยกันก็ได้นะคะ ที่นี่อนุญาตให้น้อง ๆ เข้าไปเป็นแบบร่วมเฟรมได้ด้วยค่ะ โซน RakDok Studioเปิดวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 09.00-18.00 น. วันเสาร์ – วันอาทิตย์ 08.00-18.00 น.ค่าเข้าชมนิทรรศการ คนละ 150 บาท (ได้รับเครื่องดื่มชาดอกไม้ 1 แก้ว) โซน Food Village (ร้านอาหาร คาเฟ่ และร้านค้า)หลังจากเดินเล่นและถ่ายรูปกันเหนื่อย ๆ สามารถแวะมาที่โซน Food Village กันได้ มีทั้งอาหารและเครื่องดื่มบริการ.เปิดวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา 11.30 – 21.00 น. (ครัวปิด 20.00 น.) / วันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 10.00 – 21.00 น. (ครัวปิด 20.00 น.) การเดินทางBTS-สถานีคูคต ต่อรถตู้ BTS คูคต – ลำลูกกาคลอง 8 นั่งจนสุดสายรถตู้แล้วต่อด้วยรถแท็กซี่ รถตู้-นั่งรถตู้มาลงที่มีนบุรี ต่อรถแดง มีนบุรี-ลำลูกกาคลอง 9-ฟิวเจอร์ปาร์ครังสิตสาย 6250 ไปลงที่คลอง 7, ตลาดใหญ่ลำลูกกา จากนั้นต่อแท็กซี่หรือรถแดง ตรงปากทางเข้าลำลูกกาคลอง 9 รอรถที่มาจากมีนบุรี รถจะผ่านสถานที่จัดนิทรรศการ

RakDok Lalagoon อ่านเพิ่มเติม

เกาะไข่แมว จ.พังงา

เกาะไข่ในอยู่เขตปกครองของจังหวัดพังงาก็จริง แต่ในแง่ระยะทาง เกาะไข่ในอยู่ใกล้ จังหวัดภูเก็ตมากกว่า (เดินทางแค่ 20 นาที) นักท่องเที่ยวจึงนิยมเดินทางจาก จังหวัดภูเก็ตมากกว่า เพื่อน ๆ สามารถสอบถามและซื้อแพ็กเกจทัวร์ไปเที่ยวเกาะได้จากบริษัทเรือนำเที่ยวบริเวณท่าเรือบางโรง ท่าเรืออ่าวฉลอง และท่าเทียบเรือรัษฎา เพื่อน ๆ อาจสงสัยว่า ทำไมที่นี่ถึงมีแมวเยอะ?  จริง ๆ แล้วเกาะไข่ในเป็นเกาะเล็ก ๆ ที่มีร้านอาหารเยอะ ผลที่ตามมาก็คือมีหนูเยอะ ชาวบ้านจึงมีความคิดในการนำแมวมาช่วยกำจัดหนู แต่ชาวบ้านลืมควบคุมประชากรแมว เจ้าเหมียวทั้งหลายเลยเพิ่มจำนวนอย่างที่เห็นกันนี่แหละ แต่ปัจจุบันมีหน่วยงานเข้ามาช่วยเหลือทำหมันน้อง ๆ บ้างแล้วนะ ใครที่อยากสนิทกับน้อง แอดแนะนำให้พกขนมแมวเลียมาด้วย น้อง ๆ ชอบกันมาก แต่ก็อย่าให้ตัวใดตัวหนึ่งเยอะเกินไปนะ เดี๋ยวตัวอื่น ๆ จะน้อยใจ น้องแมวมีจำนวนมาก แต่ละตัวนิสัยต่างกัน มีทั้งที่เป็นมิตรมาก ๆ และไม่ค่อยเป็นมิตร เพื่อน ๆ สังเกตกันด้วย สำหรับเพื่อน ๆ ที่ห่วงเรื่องอาหารการกินของเจ้าเหมียว หรือกังวลว่ามีใครมาดูแลไหม ก็สบายใจได้เพราะในแต่ละเดือน จะมีการระดมทุนนำอาหารไปให้น้อง ๆ อยู่แล้ว นอกจากนี้ยังมีคนเฝ้าเกาะคอยดูแลน้อง ๆ อยู่แล้ว เพราะฉะนั้น หายห่วงได้เลย เกาะไข่ในเป็นเกาะเล็ก ๆ เล็กขนาดเดินแค่ 5-6 นาทีก็ทั่วเกาะแล้ว เพื่อน ๆ สามารถนั่งปล่อยใจมองคลื่นชิลล์ ๆ จะเดินเล่นที่ชายหาด เล่นน้ำทะเลใส ๆ หรือแม้แต่เล่น บานานาโบ๊ท เจ็ทสกี พายเรือคายัค กิจกรรมดำน้ำตื้น ฯลฯ ก็ยังได้ ถือเป็นการอุดหนุนกิจกรรมและการกระจายรายได้ให้ชาวบ้านได้ทางหนึ่งเลยยย ที่ตั้ง ตำบลพรุใน อำเภอเกาะยาว จังหวัดพังงาเวลาเปิด-ปิด 08:00-18:00 น. (เวลาเปลี่ยนแปลงตามโปรแกรมทัวร์)สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ททท.สำนักงานพังงา โทร. 0 7641 3400-2 ททท.สำนักงานภูเก็ต โทร. 0 7621 1036, 0 7621 2213 

เกาะไข่แมว จ.พังงา อ่านเพิ่มเติม

วันเบา ๆ กับตลาดเก่าหัวตะเข้

ชุมชนหัวตะเข้ตั้งอยู่ริมคลองประเวศบุรีรมย์ เขตลาดกระบัง เป็นชุมชนเก่าแก่ดั้งเดิมโดยมีศูนย์กลางของชุมชนคือตลาดเก่าริมน้ำหัวตะเข้ที่สันนิษฐานว่ามีมาตั้งแต่ยุคสมัยรัชกาลที่ 5 ซึ่งเคยเป็นศูนย์กลางของชานเมืองกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออก เนื่องด้วยเป็นจุดตัดของคลอง 3 คลอง คือ คลองจระเข้ คลองปลาทิว และคลองประเวศ ต่อมาเมื่อมีการตัดถนนต่าง ๆ มากขึ้น ตลาดริมน้ำก็เริ่มซบเซาและคลายความคึกคักลง วันนี้ เราจะพาไปเดินเยี่ยมชมบรรยากาศ ย้อนรอยอดีตความทรงจำครั้งวันวานของตลาดโบราณที่ยังมีชีวิต ต่อด้วยตามหางานศิลปะกราฟิตี้ในชุมชน พายเรือชมบรรยากาศริมคลอง และปิดท้ายวันด้วยการชมพระอาทิตย์ตกในบรรยากาศย้อนอดีตอันแสนประทับใจ ตามไปชมกันเลย การเดินทางไปตลาดเก่าหัวตะเข้ทำได้หลายรูปแบบ1. รถยนต์ส่วนตัว เข้าทางซอยลาดกระบัง 17 ผ่านตลาดสดเข้าไปจนสุดทาง มีที่จอดรถมากมาย2. รถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเรลลิ้งค์ ลงที่สถานีลาดกระบัง ต่อรถสองแถวสาย 333 ราคา 8 บาท มาลงลงปากซอยลาดกระบัง 17 แล้วเดินเข้ามาจนสุดซอย3. รถไฟสายตะวันออก ต้นทางจากสถานีหัวลำโพง มาลงที่สถานีหัวตะเข้ แล้วเดินลัดเลาะริมคลอง ซึ่งวันนี้เราเลือกที่จะเดินทางโดยรถไฟ เพื่อจะได้สัมผัสบรรยากาศย้อนวันวานกันอย่างเต็มที่ ระหว่างทางเดินไปตลาดหัวตะเข้ เราจะพบกับบรรยากาศที่ไม่เหมือนอยู่ในกรุงเทพฯ  เช่น สถานีตำรวจนครบาลจระเข้น้อยแห่งนี้ เมื่อใกล้ถึงตลาดเก่าหัวตะเข้ เราจะพบกับงานกราฟิตี้ซ่อนอยู่ตามจุดต่าง ๆ เช่น ชิ้นนี้เป็นรูปหงอคงขี่หลังตะเข้ แล้วเราก็มาถึงตลาดเก่าหัวตะเข้ บรรยากาศพาย้อนวัยสมัยเรายังเด็ก บ้านเรือนร้านค้าไม้เก่าเรียงเป็นทางยาวริมน้ำ หลาย ๆ ร้านก็ปรับปรุงเป็นคาเฟ่ย้อนยุคสุดเก๋ไก๋ เดินชมและถ่ายภาพกันได้เพลิน ๆ เดินลัดเลาะได้ทุกซอย ซึ่งจะมีเส้นทางสำหรับเดินชมวิถีชุมชน ร้านค้าเหล่านี้ยังเปิดตามปกติไม่ได้ปิดร้างแต่อย่างใด แต่วันที่เราไปเป็นวันหยุดของบางร้านจ้า เมื่อเดินมาจนสุดตลาดแล้วข้ามสะพานมาจะพบกับกำแพงกราฟิตี้สุดเท่ ให้ได้มาถ่ายภาพกันสวย ๆ จะมีเจ้าถิ่นมาต้อนรับ สำหรับใครที่เป็นทาสแมว หรืออยากลองพายเรือชมบรรยากาศสองฝั่งคลอง ต้องมาที่ร้าน “สี่แยกหัวตะเข้ Café and Guesthouse” ที่นี่มีเรือให้พายเล่นได้ฟรี รวมถึงมีเจ้าแมวเหมียวมาคอยต้อนรับอยู่ในร้าน ซึ่งตอนเย็น ๆ เจ้าของจะพามันลงเรือไปพายเล่นโชว์ให้ได้ถ่ายรูปกัน เจ้าของแอบกระซิบว่ามันว่ายน้ำเป็นด้วยนะ หนึ่งวันกับการมาสัมผัสบรรยากาศย้อนยุคของตลาดเก่าหัวตะเข้ ไม่ไกลจากใจกลางกรุงเทพฯ แนะนำว่ามาสักช่วงบ่าย ๆ แดดร่มลมตกจะได้ไม่ร้อนกันจนเกินไปค่ะ ปิดท้ายวันด้วยการชมพระอาทิตย์ตกจากสะพานข้ามคลองตลาดเก่าหัวตะเข้ แล้วพบกันใหม่

วันเบา ๆ กับตลาดเก่าหัวตะเข้ อ่านเพิ่มเติม

นั่งเรือไฟฟ้าคลองผดุงฯ ตะลุยเที่ยว 3 ย่านดัง

ตลาดเทเวศร์– Unbranded Café ในโรงแรมพระนครนอนเล่น– ผัดไทยเจ๊น้อย– ข้าวซอยเชียงใหม่แม่สุภาพ (เจ้าเก่า)– ชิฟฟ่อน เบเกอรี.ตลาดนางเลิ้ง– Buddha & Pals– เนื้อตุ๋นนางเลิ้ง– มณฑา ขนมถ้วยตะไล– ร้านนางเลิ้งอาร์ต.ย่านยศเส– เอลวิสสุกี้– เสน่ห์หน้าเนื้อ– ไอติมหม้อไฟยศเส ก่อนจะไปเที่ยว เรามาทำความรู้จักคลองผดุงกรุงเกษมกับเรือพลังงานไฟฟ้ากันก่อนดีกว่าค่ะ.คลองผดุงกรุงเกษมเป็นคลองคูเมืองชั้นนอก ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้ขุดขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2394 เพราะทรงเห็นว่า บ้านเมืองกำลังเจริญก้าวหน้า ผู้คนเข้ามาอาศัยในเมืองมากขึ้น จึงควรขยับขยายพื้นที่ของพระนครออกไป คลองผดุงฯ มีความยาว 5.5 กิโลเมตร ตลอดสองข้างทางมีสถานที่สำคัญตั้งอยู่มากมาย เช่น วัดเทวราชกุญชรวรวิหาร วังเทเวศร์ วัดมกุฏกษัตริยารามราชวรวิหาร สถานีรถไฟหัวลำโพง เป็นต้น ส่วนเรือพลังงานไฟฟ้าเส้นทางคลองผดุงกรุงเกษม ใช้พลังงานไฟฟ้าจากแผงโชล่าเซลล์ 10-15% และจากการชาร์จไฟอีก 80% ข้อดีคือไม่มีเสียงดังหนวกหู ไม่มีควัน ไม่มีกลิ่นน้ำมันชวนเวียนหัว ความเร็วกำลังดี ได้นั่งรับลมชมบ้านเรือนสองฝั่งคลองไปเรื่อย ๆ เพลินมากกกก ถ้าใครสนใจประวัติศาสตร์ แนะนำให้มีแผนที่สถานที่สำคัญริมคลองไปด้วย จะทำให้เที่ยวสนุกยิ่งขึ้น เพราะเรือนี้เป็นเรือโดยสารประจำทาง ไม่มีไกด์นำชมค่ะ เรือไฟฟ้าเปิดให้บริการทั้งหมด 11 ท่าเรือ ได้แก่ ท่าตลาดเทวราช ท่าเทเวศร์ ท่าประชาธิปไตย ท่าราชดำเนินนอก ท่านครสวรรค์ ท่าแยกหลานหลวง ท่ากระทรวงพลังงาน ท่ายศเส ท่านพวงศ์ ท่าหัวลำโพง และท่าสถานีรถไฟฟ้าหัวลำโพง เรือออกทุก 15 นาที ใช้เวลาเดินทาง 30 นาที/เที่ยว เปิดให้บริการทุกวัน วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 06.00-19.00 น. วันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 08.00-19.00 น. ปัจจุบันเรือเปิดให้บริการฟรี และในอนาคตจะเก็บค่าโดยสารในราคาไม่เกิน 10 บาทตลอดสาย แอดเริ่มต้นทริปนี้ที่ท่าเรือตลาดเทวราช ย่านนี้เป็นย่านประวัติศาสตร์ เพราะมีสถานที่สำคัญอย่างวังเทวะเวศม์ วังบางขุนพรหม และวังเทเวศร์ ซึ่งพระตำหนักใหญ่ของวังเทเวศร์มีการบูรณะใหม่และเปิดเป็น Deva Manor Café นอกจากวังสวยงามทั้ง 3 วังแล้ว ยังมีวัดเทวราชกุญชรวรวิหาร วัดนรนาถสุนทริการาม และตลาดต้นไม้ที่สามารถแวะเข้าไปเที่ยวได้.เอาล่ะ ได้เวลาไปตามหาของกินอร่อยกันแล้ว จากท่าเรือตลาดเทวราช สามารถนั่งเรือไฟฟ้าหรือเดินไปที่ย่านเทเวศร์ได้ เพราะระยะทางไม่ไกล จะได้ชมสถานที่ต่างๆ ไปด้วยค่ะ ย่านเทเวศร์เป็นย่านที่มีร้านอาหารเก่าแก่หลายร้าน ทั้งสุกี้ ผัดไทย หอยทอด ข้าวหมูแดง ข้าวมันไก่ และร้านขนมอร่อย ๆ อีกมากมาย จะช้าอยู่ไย ไปหาอะไรกินกันเถอะ.เริ่มจากร้านนี้ก่อนเลย Unbranded Cafe ร้านกาแฟที่ตั้งอยู่ภายในพระนครนอนเล่น Phranakorn-Nornlen เกสต์เฮาส์สุดเก๋ที่ดัดแปลงมาจากโรงแรมเก่า ร้านกาแฟแห่งนี้มีทั้งเครื่องดื่ม อาหารคาว และของหวาน ที่สำคัญ!! สาวกครัวซองต์ต้องห้ามพลาด ครัวซองต์แสนอร่อยที่ทางร้านอบใหม่ทุกวัน.46 ซอยเทเวศร์ 1 ถนนกรุงเกษม แขวงบางขุนพรหม เขตพระนคร กรุงเทพมหานครhttps://goo.gl/maps/KGE1LxCCk8DBULTk6 เปิดทุกวัน 08.30-18.00 น. (หยุดทุกวันศุกร์ที่ 3 ของเดือน)08 2424 2265 คราวนี้ถึงคิวอาหารหลักกันบ้าง ร้านผัดไทยเจ๊น้อย เป็นร้านที่ซ่อนตัวอยู่ในซอยวงศ์ภักดี มีเมนูหลากหลาย ทั้งผัดไทย หอยทอด ข้าวผัดกะเพรา และปอเปี๊ยะสด แอดสั่งผัดไทยมาชิมค่ะ เส้นเหนียวนุ่มมาพร้อมกุ้งตัวโต รสชาติกลมกล่อม อร่อยเต็มปากเต็มคำจริง ๆ อีกหนึ่งเมนูเด็ดก็คือ “หอยทอด” กัดเข้าไปคำแรกคือ แป้งกรอบมาก ไม่อมน้ำมัน เจ๊น้อยใส่หอยแมลงภู่มาให้แบบแน่น ๆ โรยพริกไทย และใส่ซอสพริกเพิ่มเข้าไปอีกนิด โอ๊ยยย ฟินมาก ใครชอบเมนูผัดไทยและหอยทอดต้องมาลองชิมร้านนี้เลยค่ะ.ซอยวงศ์ภักดี แขวงบางขุนพรหม เขตพระนคร กรุงเทพฯhttps://goo.gl/maps/Qetz4D92W5pviXjHAเปิดทุกวัน เวลา 06.00-15.00 น. เดินออกจากซอยวงศ์ภักดีมาจนถึงถนนสามเสน ข้ามถนนไปฝั่งธนาคารแห่งประเทศไทยก็จะเจอกับร้านข้าวซอยเชียงใหม่แม่สุภาพ (เจ้าเก่า).ข้าวซอยสูตรเชียงใหม่แท้ ๆ เปิดขายมานานกว่า 50 ปี เคล็ดลับความอร่อยอยู่ที่เส้นข้าวซอยที่ทางร้านทำเอง น้ำกะทิคั้นสดใหม่ทุกวัน ทำให้รสชาติเข้มข้น ไก่เนื้อนุ่ม เปื่อยกำลังดี หลุดจากกระดูกอย่างง่ายดาย ไม่ต้องออกแรงแกะให้เหนื่อย นอกจากข้าวซอย ยังมีเมนูอื่น ๆ อีก เช่น ขนมจีนน้ำเงี้ยว สะเต๊ะไก่ และสะเต๊ะเนื้อ ใครอยากทานข้าวซอยรสชาติเหนือแท้ ๆ ไม่ต้องไปไหนไกล มาที่ร้านแม่สุภาพได้เลยค่ะ.283 ถนนสามเสน แขวงวัดสามพระยา เขตพระนคร กรุงเทพฯhttps://goo.gl/maps/xWzNqLP6ZQna6dRq5เปิดวันอาทิตย์-ศุกร์ (หยุดวันเสาร์) เวลา 08.00-16.00 น.02 280 7130 ก่อนจะไปย่านอื่นต่อ อย่าลืมแวะร้านชิฟฟ่อน เบเกอรี่ ชิฟฟ่อนชื่อดังแห่งเทเวศร์ หลายคนติดใจกับรสชาติอันแสนอร่อย เนื้อเค้กนุ่มละมุน ไม่ฝืดคอ ไม่มีไขมันทรานส์ แถมยังมีหลายรสให้เลือก ไม่ว่าจะเป็นใบเตย ช็อกโกแลต วานิลลา สดใหม่จากเตาทุกเช้าเลยจ้า ราคาเริ่มต้นชิ้นละ 12 บาทเท่านั้น.ถนนสามเสน แขวงดุสิต เขตดุสิต กรุงเทพฯ (ตรงข้ามมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร)https://goo.gl/maps/G129WTCKp892เปิดทุกวัน เวลา 09.00-12.00 น. และ 14.00-19.30 น.02 281 1315 ย่านต่อไปที่เราจะไปเดินเที่ยวคือตลาดนางเลิ้งค่ะ ตลาดนางเลิ้งถือเป็นตลาดบกแห่งแรกของประเทศไทย มีอายุกว่า 100 ปี ที่สำคัญของอร่อยเยอะมาก สายกินอย่างเราจะพลาดได้ไง เราใช้บริการเรือไฟฟ้า โดยขึ้นจากท่าเทเวศร์ไปท่านครสวรรค์ เยื้องกับท่าเรือ เราจะเห็นโฮสเทลสวยคลาสสิค Kanvela House ที่ดัดแปลงมาจากตึกแถวเก่าที่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5

นั่งเรือไฟฟ้าคลองผดุงฯ ตะลุยเที่ยว 3 ย่านดัง อ่านเพิ่มเติม

พักผ่อนหย่อนใจ…ไป “เกาะระยั้ง

เกาะระยั้ง แบ่งเป็น 2 เกาะ คือเกาะระยั้งใน และเกาะระยั้งนอก  เกาะระยั้งใน จะเป็นเกาะที่ไม่มีทั้งหาดและที่พัก แต่เพื่อน ๆ สามารถไปชมโลกใต้ทะเลได้ที่นี่ ส่วนเกาะระยั้งนอก เป็นเกาะที่มีหาดทรายขาว น้ำทะเลสีฟ้าครามสดใส และสงบมากกก เพราะมีที่พักเพียงแห่งเดียวคือ “Rayang Private Island” แถมที่พักก็มีเพียงแค่ 3 หลังเท่านั้น!!! ซึ่งก็เหมาะกับเพื่อน ๆ ที่ชอบความสงบ หลีกความวุ่นวายมาพักกายพักใจได้อย่างเต็มที่  บ้านพักบนเกาะระยั้งนอกมี 2 ประเภทคือแบบ 1 ห้องนอนราคา 3,500 บาทแบบ 2 ห้องนอนราคา 6,000 บาท– เสริมเตียงได้ห้องละ 1 คน ราคา 500 บาท โดยค่าบริการห้องพักจะรวมอาหารเช้า ค่าอุปกรณ์ดำน้ำตื้น ให้เพื่อน ๆ ได้ดำน้ำดูปะการังรอบ ๆ เกาะ และรวมค่ากิจกรรมพายเรือคายักไว้เรียบร้อยแล้ว  สำหรับเพื่อน ๆ ที่ไม่ได้จองที่พักบนเกาะ ก็สามารถนั่งเรือมาเที่ยวบนเกาะนี้แบบ One day trip ได้เหมือนกัน ค่าธรรมเนียมขึ้นเกาะคนละ 200 บาทก่อนการเดินทาง อย่าลืมสอบถามกับทางเกาะด้วยนะคะ ว่าในช่วงนั้นเปิดอยู่หรือไม่  พายเรือคายัคท่ามกลางน้ำทะเลใส ๆ การเดินทางไปเกาะระยั้งนอก เพื่อน ๆ ที่นำรถส่วนตัวไป สามารถจอดที่ท่าเรือ มีบริการที่จอดรถอยู่ห่างจากท่าเรือไม่เกิน 500 เมตร ส่วนใครที่ไม่ได้ขับรถส่วนตัวไป ก็สามารถนั่งรถโดยสารสาธารณะ ไปลงที่สถานีขนส่งตราด จากนั้นขึ้นรถสองแถวสีฟ้า สายตราด-แหลมงอบ-ท่าเรือเกาะช้าง ใช้เวลาเดินทางประมาณ 40 นาทีก็จะถึงท่าเรือ ตารางเวลารอบเรือจากท่าเรือไปและกลับ แหลมงอบ – เกาะระยั้งนอกที่ท่าเรือมีเรือสปีดโบ้ตเอกชนให้บริการหลายบริษัทขาไป เวลา 10.30 น. / 11.30 น. / 14.00 น.ขากลับ เวลา 08.00 น. / 10.30 น. / 11.30 น.ค่าบริการ 450 บาท/คน/เที่ยวแนะนำให้โทรอัปเดตรอบเรือกับทางที่พักก่อนเดินทางอีกครั้ง หรือให้ทางที่พักช่วยจองเรือให้ก็สะดวกดี นอกจากนี้ยังมีบริการอื่น ๆ ได้แก่ร้านอาหารของรีสอร์ท เปิด 07.00-19.00 น.มีสัญญาณโทรศัพท์ทุกค่าย มีสัญญาณ Wifiบริการเรือยนต์ขนาดเล็กสำหรับรับ-ส่ง ระหว่างเกาะระยั้งนอก-เกาะหมาก ซึ่งเพื่อน ๆ สามารถข้ามไปเที่ยวเกาะหมากได้ ระยะทางเพียง 2 กิโลเมตร หมายเหตุ : บนเกาะมีไฟฟ้าให้ใช้ตลอดเวลา แต่ทางที่พักจะขอความร่วมมือผู้เข้าพักให้งดเปิดแอร์ช่วงกลางวัน เนื่องจากว่าบนเกาะนั้นใช้เครื่องปั่นไฟและโซล่าเซลล์  Rayang Private Island โทร. 090 990 0888ที่ตั้ง เกาะระยั้งนอก ต.เกาะหมาก อ.เกาะกูด จ.ตราดFB : www.facebook.com/rayangprivateislandเพื่อน ๆ สามารถโทรจองหรือจองผ่านเฟสบุ้คได้เลยค่ะ 

พักผ่อนหย่อนใจ…ไป “เกาะระยั้ง อ่านเพิ่มเติม

เที่ยวชุมชน ชมต้นไม้ยักษ์ สัมผัสวิถีลาวครั่ง ณ บ้านสะนำ จังหวัดอุทัยธานี

บ้านสะนำ เป็นชุมชนที่อยู่อาศัยของชาวลาวครั่งโบราณ ที่อพยพย้ายถิ่นฐานมาตั้งรกรากกันอยู่ที่นี่ ตั้งอยู่ที่อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี เป็นชุมชนที่มีเอกลักษณ์และอัตลักษณ์ด้านประเพณีและศิลปวัฒนธรรม มีศิลปะการทอผ้าพื้นเมืองที่มีลวดลายเก่าแก่และงดงาม อีกทั้งบ้านสะนำยังมีวิถีชุมชนที่เรียบง่าย มีต้นไม้ยักษ์ที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศ ล้อมรอบไปด้วยป่าหมากที่เป็นแลนด์มาร์กที่สำคัญแห่งหนึ่งของชุมชน และวันนี้แอดมินจะพาเพื่อน ๆ ไปทำความรู้จักกับชุมชนแห่งนี้กัน ไปกันเลย ! เริ่มด้วยพิพิธภัณฑ์บ้านเล่าเรื่อง แหล่งเรียนรู้ของหมู่บ้าน เป็นบ้านไม้โบราณดั้งเดิมของชาวลาวครั่ง มีการจัดแสดงความเป็นมา และอุปกรณ์การดำรงชีวิตของชาวลาวครั่ง ผลิตภัณฑ์จานกาบหมากจากกลุ่มใบไม้เปลี่ยนเมือง ชุมชนบ้านสะนำ เนื่องจากที่นี่ได้ชื่อว่าเป็นชุมชนหมากล้านต้น จึงได้มีการนำกาบหมากมาใช้ให้เกิดประโยชน์โดยแปรรูปเป็นภาชนะต่าง ๆ เช่น จานข้าว ช้อน ถ้วย เป็นต้น หากใครได้มาเที่ยวที่นี่สามารถมา Workshop ทำจานกาบหมากได้ด้วยนะ ต้นไม้ยักษ์หรือต้นเชียงยักษ์ที่มีอายุหลายร้อยปี ตั้งตระหง่านท่ามกลางป่าหมากล้านต้น ที่โอบล้อมต้นไม้ยักษ์ไว้อย่างสวยงาม เมื่อเข้าไปใกล้จะสัมผัสได้ถึงความใหญ่โตของลำต้น สามารถไปยืนถ่ายรูปคู่ตามซอกต่าง ๆ ของต้นไม้ได้เลย ระหว่างทางเดินเข้าไปชมต้นไม้ยักษ์จะมีชาวบ้านนำสินค้าชุมชนมาขายเรียงรายตามสองข้างทาง หลังจากเดินชมต้นไม้ยักษ์เสร็จ เราก็จะพาไปแวะพักจิบกาแฟที่ สะนำ คาเฟ่ คาเฟ่สไตล์ลอฟท์ติดริมน้ำ สามารถนั่งชมวิวต้นไม้ยักษ์หรือป่าหมากล้านต้นได้อย่างชิลล์ ๆ กลุ่มทอผ้านาตาโพ เป็นกลุ่มทอผ้าที่อยู่ใกล้ ๆ ชุมชนบ้านสะนำ อัตลักษณ์ของที่นี่คือผ้าซิ่นตีนจก ที่คงความดั้งเดิมทั้งลวดลาย และสีสันที่สวยงาม ปิดท้ายด้วยตลาดซาวไฮ่ แหล่งรวบรวมสินค้าชุมชนสุดน่ารักและราคาย่อมเยา มีสินค้าให้เลือกซื้อหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น ผักสดพื้นบ้าน ขนมโบราณ ผ้าทอ เครื่องจักสาน เสื้อผ้างานคราฟท์ ผ้ามัดย้อมต่าง ๆ ห้ามพลาดเด็ดขาด

เที่ยวชุมชน ชมต้นไม้ยักษ์ สัมผัสวิถีลาวครั่ง ณ บ้านสะนำ จังหวัดอุทัยธานี อ่านเพิ่มเติม

เคล็ด(ไม่)ลับ กับเทคนิคการจัดกระเป๋าก่อนไปเที่ยว

วันนี้ แอดมีเทคนิคดี ๆ เกี่ยวกับการจัดกระเป๋าไปเที่ยวมาฝากเพื่อน ๆ ค่ะ ช่วยประหยัดเวลา ข้าวของครบ ไม่ตกหล่น จะมีอะไรบ้าง มาดูกัน.1 เขียน Checklist ของใช้จำเป็นที่จะจัดลงกระเป๋า เทคนิคนี้ช่วยให้เราไม่พลาด หรือลืมโน่นลืมนี่ให้หงุดหงิดใจ 2 เลือกขนาดกระเป๋าให้พอดีกับสัมภาระ ช่วยให้คล่องตัวในการเดินทาง และสะดวกในการจัดของเข้าออก 3 ม้วนเสื้อผ้าแทนการพับ ช่วยประหยัดเนื้อที่และยับน้อยกว่า 4 หาขวดเล็ก ๆ เพื่อแบ่งของใช้ที่เป็นของเหลว แทนการเอาไปทั้งขวด ช่วยลดน้ำหนักกระเป๋าได้ แนะนำให้ใส่ถุงซิปล็อคอีกชั้นเพื่อป้องกันการหกเลอะเทอะ 5 จัดวางของในกระเป๋าให้เป็นหมวด หรืออยู่ฝั่งเดียวกัน ช่วยให้หยิบง่ายขึ้น 6 เตรียมถุงพลาสติกสำหรับแยกเสื้อผ้าที่ใส่แล้ว ไม่ให้ปนกับเสื้อผ้าที่ยังไม่ได้ใส่ กันกลิ่นอับโชยในกระเป๋า 7 เลือกรองเท้าที่ใส่ได้ทุกโอกาส เพื่อลดจำนวนรองเท้าที่ต้องเตรียมไป 8 แยกของจำเป็นที่ต้องหยิบใช้บ่อย ๆ ไว้ในเป้ หรือกระเป๋าสะพาย เพราะบางทีเราอาจต้องเก็บกระเป๋าเดินทางไว้ท้ายรถ ทำให้หยิบใช้ลำบาก.เพียง 8 ขั้นตอนง่าย ๆ ลองปรับใช้ดูนะคะ . อย่าลืมสวมหน้ากากอนามัย และพกเจลล้างมือทุกครั้งที่ออกเดินทาง.สอบถามข้อมูลท่องเที่ยวเพิ่มเติมCall Center 1672IG : 1672travelbuddyTwitter : tat1672Line : @tatcontactcenterWeChat : VisitThailand

เคล็ด(ไม่)ลับ กับเทคนิคการจัดกระเป๋าก่อนไปเที่ยว อ่านเพิ่มเติม

6 เกาะใต้ ทะเลสวยสุดปัง

ช่วงนี้ทะเลบ้านเรากำลังสวย โดยเฉพาะทะเลทางภาคใต้ น้ำใสมากกกกก อาจเป็นเพราะจำนวนนักท่องเที่ยวไม่หนาแน่นเหมือนแต่ก่อน ธรรมชาติจึงได้ฟื้นฟูกลับมาสวยงามอีกครั้ง . ก่อนจะหมดฤดูท่องเที่ยวทะเลใต้ แอดจะพาไปเที่ยว 6 เกาะสวยสุดปังที่ต้องห้ามพลาด ใครไปเที่ยวช่วงนี้ถือว่าคุ้มมาก ๆ เพราะทะเลก็สวย นักท่องเที่ยวก็น้อย ถ่ายรูปออกมารับรองว่าเป๊ะปังอลังเว่อร์แน่นอน . อย่าลืมสวมหน้ากากอนามัย และพกเจลล้างมือทุกครั้งที่ออกเดินทาง . สอบถามข้อมูลท่องเที่ยวเพิ่มเติม Call Center 1672 IG : 1672travelbuddy Twitter : tat1672 Line : https://line.me/ti/p/@tatcontactcenter WeChat : VisitThailand 1. อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน จังหวัดพังงา2. หมู่เกาะสุรินทร์ จังหวัดพังงา3. เกาะหลีเป๊ะ จังหวัดสตูล4. หมู่เกาะพีพี จังหวัดกระบี่5. เกาะมุก จังหวัดตรัง6. อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง จังหวัดสุราษฎร์ธานี 1. อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน จังหวัดพังงา.หมู่เกาะสิมิลันมีเกาะเล็ก ๆ รวมกัน 9 เกาะ คือ เกาะหูยง เกาะปาหยัง (เกาะสอง) เกาะปาหยัน (เกาะสาม) เกาะเมี่ยง (เกาะสี่) สวนปลาไหล (เกาะห้า) เกาะปายู (เกาะหก) เกาะปูซา (เกาะเจ็ด) เกาะสิมิลัน (เกาะแปด) เกาะบางู นอกจากนี้ยังมีเกาะที่อยู่ในพื้นที่อุทยานฯ อีก นั่นก็คือ เกาะตาชัยและเกาะบอน อุทยานฯ จะเปิดให้ท่องเที่ยวในช่วงเดือนตุลาคม- พฤษภาคมของทุกปี.ไฮไลท์ของการมาเที่ยวหมู่เกาะสิมิลันคือ การมาดำน้ำดูปะการังและปลาทะเลสายพันธุ์ต่าง ๆ เพราะบริเวณนี้น้ำใสสุด ๆ และแนวปะการังก็สวยงามสมบูรณ์มาก จุดดำน้ำที่แอดแนะนำ มีดังนี้ จุดดำน้ำตื้น สามารถดำน้ำได้บริเวณรอบเกาะทุกเกาะจุดดำน้ำลึก – เกาะบอน กองหินคริสต์มาส อ่าวกวางเอน หมู่เกาะสิมิลันมีจุดท่องเที่ยวอยู่หลายจุด เช่น – เกาะสิมิลัน (เกาะแปด) เป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุด เป็นที่ตั้งของหน่วยพิทักษ์อุทยานหมู่เกาะสิมิลัน มีสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ มากมาย และมีสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลาย ทั้งชายหาด จุดชมวิว จุดดำน้ำดูปะการัง และเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ มาถึงเกาะแปด ก็อย่าลืมถ่ายรูปกับหินเรือใบ แลนมาร์กของเกาะกันนะ.– เกาะเมี่ยง (เกาะสี่) เกาะใหญ่อันดับ 2 เป็นที่ทำการของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน มีชายหาดสำคัญ 2 หาด คือ หาดเล็กและหาดหน้า นักท่องเที่ยวสามารถพักค้างคืนที่หาดหน้าได้ มีบ้านพัก ลานกางเต็นท์ และร้านอาหารพร้อมต้อนรับ นอกจากนี้ยังมีจุดชมวิวสวยงาม คือ จุดชมวิวลานข้าหลวง สามารถมองเห็นวิวของหาดเล็ก สวนปลาไหล และเกาะปายู การเดินทาง นักท่องเที่ยวสามารถซื้อแพ็คเกจท่องเที่ยวจากบริษัทนำเที่ยวไปล่วงหน้า และไปขึ้นเรือสปีดโบ๊ทที่ท่าเรือทับละมุ ใช้เวลาเดินทางไปยังหมู่เกาะสิมิลันประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที . อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน ที่ตั้ง : เลขที่ 93 หมู่ที่ 5 บ้านทับละมุ ถนนเพชรเกษม ตำบลลำแก่น อำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา โทร : 0 7645 3272 เว็บไซต์ : https://www.facebook.com/MuKoSimilanNationalPark 2. หมู่เกาะสุรินทร์ จังหวัดพังงา การเดินทาง สำหรับผู้ที่ไม่ได้ซื้อแพ็คเกจทัวร์ – ขึ้นเรือสปีดโบ๊ทที่ท่าเรือคุระบุรี ใช้เวลาเดินทางประมาณ 50 นาที – หากต้องการดำน้ำตื้น ทางอุทยานฯ มีเรือเมล์บริการ ค่าใช้จ่ายคนละ 200 บาท/ทริป ใช้เวลา 2 ชั่วโมง – สอบถามข้อมูลบริษัทเรือนำเที่ยวได้ที่ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ โทร. 0 7647 2145-6 . หมู่เกาะสุรินทร์เปิดฤดูการท่องเที่ยววันที่ 15 ตุลาคม – 15 พฤษภาคมของทุกปี ประกอบด้วยเกาะสำคัญ 5 เกาะ คือ เกาะสุรินทร์เหนือ เกาะสุรินทร์ใต้ เกาะไข่ (เกาะตอรอนลา) เกาะกลาง (เกาะปาจุมบา) และเกาะรี (เกาะสต็อร์ค) เป็นหมู่เกาะที่เหมาะทั้งดำน้ำตื้นและน้ำลึก เพราะมีแนวปะการังที่สมบูรณ์ จุดดำน้ำตื้น – เกาะสต็อร์ค อ่าวจาก แหลมไทรเอน แหลมแม่ยาย อ่าวไม้งาม แหลมช่องขาด หินกอง อ่าวสุเทพ อ่าวบอน อ่าวสับปะรด อ่าวเต่า อ่าวผักกาด จุดดำน้ำลึก – เกาะสต็อร์ค แหลมช่องขาด หินกอง อ่าวเต่า กองหินริเชลิว อ่าวผักกาด เกาะตอรินลา จุดท่องเที่ยวแนะนำ เกาะสุรินทร์เหนือ เป็นที่ตั้งของที่ทำการอุทยานฯ (ฝั่งทะเล) มีศูนย์บริการนักท่องเที่ยว บ้านพัก จุดกางเต็นท์ เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ และมีอ่าวที่สวยงามหลายแห่ง ได้แก่ อ่าวแม่ยาย อ่าวไม้งาม อ่าวช่องขาด อ่าวจาก และแหลมไทรเอน เป็นต้น เกาะสุรินทร์ใต้ บริเวณอ่าวบอนเป็นที่อยู่ของชาวมอแกนหรือชาวเล โดยเราจะเห็นบ้านเรือนของพวกเขาตั้งเรียงรายตลอดแนวชายหาด ชาวมอแกนมีนามสกุลเดียวกันหมดทุกคนคือ “กล้าทะเล” ซึ่งเป็นนามสกุลพระราชทานจากสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี นอกจากทำประมงแล้ว ชาวมอแกนยังทำงานผีมือด้วย เช่น กำไลสาน งานแกะสลัก

6 เกาะใต้ ทะเลสวยสุดปัง อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top