สถานที่ท่องเที่ยว

✨ เที่ยว “พะงัน” ในวันที่ธรรมชาติฟื้นฟู ✨

ถ้าพูดถึง เกาะพะงัน เชื่อว่าคงเป็นชื่อที่คุ้นหูนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเป็นอย่างดี ด้วยบรรยากาศของชายหาดสวย ๆ จุดเช็คอินชิค ๆ ที่เป็นเสน่ห์ของเกาะพะงัน ทำให้นักท่องเที่ยวต่างก็เดินทางกันมาไม่เคยขาด ในขณะที่ทุกคนอยากกลับมาเที่ยวพะงันอีกครั้ง ธรรมชาติสวย ๆ ของที่นี่ก็กำลังฟื้นฟูรอต้อนรับนักท่องเที่ยวกลับมาเช่นกัน ก่อนเก็บกระเป๋าออกเดินทาง แอดอยากให้ลองเช็คมาตรการเข้าจังหวัดสักนิดโดยคลิกอ่านรายละเอียดตามลิงก์นี้ได้เลย Link : www.facebook.com/1494662884151960/posts/3055039341447632/?d=n(ข้อมูล ณ วันที่ 22 กรกฏาคม 2564)Link : www.facebook.com/100647765328624/posts/202148225178577/?d=n(ข้อมูล ณ วันที่ 23 กรกฎาคม 2564) . สำหรับใครที่ยังไม่พร้อมหรือยังไม่สะดวกเดินทาง สามารถอ่านได้จาก eBook จังหวัดสุราษฎร์ธานีได้ที่ Link : www.amazingthailandebook.com/issue/171 หรือสามารถดาวน์โหลดในรูปแบบ Application : Amazing Thailand eBook ได้ทั้งระบบ iOS และ Android Link : mobile.amazingthailandebook.com/redirect ที่แรกที่แอดจะพาเพื่อน ๆ มาเที่ยวก็คือ อ่าวท้องศาลา หากเพื่อน ๆ นั่งเรือมายังเกาะพะงัน จะมีจุดจอดเรือ 2 จุดด้วยกัน คือ อ่าวท้องศาลา และหาดริ้น แต่แอดขอแนะนำว่าให้มาลงเรือที่ท้องศาลาจะดีกว่า เพราะที่นี่เป็นท่าเรือขนาดใหญ่ และมีแหล่งชุมชน เหมือนเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวของเกาะพะงัน เพราะเมื่อเพื่อน ๆ ลงเรือ จะพบทั้งรถเช่า รถสองแถว ร้านค้าต่าง ๆ ที่จะอำนวยความสะดวกทำให้ทริปพะงันของเพื่อน ๆ สนุกตั้งแต่เริ่มต้นจนจบทริปแน่นอน ถัดจากอ่าวท้องศาลามาประมาณ 17 กิโลเมตร เพื่อน ๆ ก็จะถึง หาดขวด ที่นี่มี จุดชมวิวที่เป็นไฮไลท์ห้ามพลาดเมื่อมาเยือนหาดนี้ เพราะถือเป็นจุดชมวิวที่สวยอันดับต้น ๆ ของพะงันเลยก็ว่าได้ ระหว่างทางจากหาดขวดขึ้นไปยังจุดชมวิวจะมีต้นไม้สูงใหญ่ร่มรื่นมากมาย แต่หากเพื่อน ๆ ไม่อยากเดินไปจุดชมวิว ริมหาดขวดก็มีร้านอาหาร และกิจกรรมทางน้ำต่าง ๆ ให้เลือกทำอีกด้วย แต่ไหน ๆ มาถึงหาดขวดทั้งที แอดก็อยากให้เพื่อน ๆ ลองขึ้นไปชมวิวพะงันจากมุมสูงดู รับรองว่าสวยจนหายเหนื่อยเลยล่ะ เที่ยวพะงันทั้งที จะไม่พูดถึงหาดริ้นก็ไม่ได้ เพราะเสน่ห์ ความสวยงามของหาดริ้นที่มีหาดทรายสีขาวละเอียดยาวกว่า 2 กิโลเมตร กับน้ำทะเลสีเขียวมรกตที่ทำให้อยากลงไปเล่นน้ำทั้งวัน ที่นี่เลยขึ้นชื่อว่าเป็นหาดที่สวยที่สุดของเกาะพะงัน แถมยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหารซีฟู้ด ร้านขายเสื้อผ้า ร้านอินเตอร์เนต จึงไม่แปลกใจที่จะเป็นหาดที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวมากที่สุดอีกหาดนึง เกาะราฮัม อีกหนึ่งสถานที่สุดชิคของพะงัน แต่จริง ๆ แล้วเกาะราฮัมไม่ใช่เกาะ แต่เป็นร้านอาหารที่ตั้งอยู่บริเวณหาดสน ที่เรียกว่าเกาะก็เพราะพื้นดินที่ยื่นออกไปในทะเลเหมือนกับอยู่ในเกาะกลางทะเล ที่นี่ตกแต่งด้วยสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ ใช้วัสดุง่าย ๆ เช่น เชือกประมง ไม้ สร้างเป็นบังกะโลให้เหมาะกับการพักผ่อนริมทะเล นอกจากจะให้บริการอาหาร ที่นี่ยังเป็นจุดที่เพื่อน ๆ สามารถกระโดดน้ำ ว่ายดูฝูงปลาได้อีกด้วย เปลนอน มุมถ่ายรูปยอดฮิตของเกาะราฮัม ที่นักท่องเที่ยวแวะเวียนมาถ่ายรูปเช็คอินจุดนี้อยู่เสมอ โดยเฉพาะช่วงเย็นสามารถมานอนเล่นฟังเสียงคลื่น นั่งชิล ชมพระอาทิตย์ตกก่อนจะหมดวัน อ่าวโฉลกหลำ จุดจอดเรือประมงของชาวบ้านบนเกาะพะงัน ด้วยความเว้าของอ่าว ทำให้เป็นแนวกำบังลมของเรือประมงได้ดี ที่นี่ถือเป็นชุมชนประมงที่ใหญ่ที่สุดของเกาะ หากเพื่อน ๆ อยากรับประทานอาหารทะเลสด ๆ ในราคาที่เป็นมิตร ที่นี่เหมาะที่จะมาซื้อที่สุด นอกจากนี้ยังมีอาหารทะเลตากแห้งไว้ซื้อติดไม้ติดมือกลับบ้าน หรือจะซื้อไปเป็นของฝากก็มีให้บริการ หาดท้องนายปาน เป็นหาดที่ใหญ่ที่สุดของเกาะพะงันฝั่งตะวันออก ถือเป็นอีกหาดที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว เพราะมีหาดทรายที่ขาวละเอียด สามารถดำน้ำชมปะการังน้ำตื้น ดูฝูงปลาสีสันสวยงาม แถมยังมีที่พักให้เพื่อน ๆ เลือกพักกันหลากหลายราคา เป็นหาดที่เหมาะแก่การพักผ่อนที่สุด เกาะม้า – หาดแม่หาด จุดเช็คอินยอดฮิตอีกจุดนึงของเกาะพะงัน เพราะในยามเช้าจะมีทะเลแหวกยาวประมาณ 300-400 เมตรจากหาดแม่หาด เดินไปยังเกาะม้า บริเวณเกาะม้ายังเป็นจุดดำน้ำที่สวยที่สุดของเกาะพะงัน เพราะน้ำใส สามารถมองเห็นปะการังและฝูงปลาได้อย่างชัดเจน หรือจะเลือกพายเรือคายัคจากหาดแม่หาดไปยังเกาะม้าก็ยังได้ อ่าวเจ้าเภา ที่มีบรรยากาศค่อนข้างแตกต่างจากหาดอื่น ๆ เพราะที่นี่จะต้นมะพร้าวให้ความร่มรื่นเป็นแนวยาวตลอดหาด นักท่องเที่ยวจะชอบมานอนเล่น มองทะเลชิล ๆ หรือจะนอนอ่านหนังสือเพลิน ๆ ก็ยังได้ และเพื่อน ๆ รู้มั้ยว่า นอกจากที่เกาะพะงันจะมีชายหาดสวย ๆ น้ำทะเลใส ๆ แล้ว มะพร้าวของที่นี่ปลูกในระบบอินทรีย์ทั้งหมด ไม่มีการสารเคมี จนได้ขึ้นทะเบียนกับกรมทรัพย์สินทางปัญญา เป็นสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (Geographical Indications) หรือที่เรียกกันสั้น ๆ ว่า มะพร้าวGI นั่นเอง เป็นทั้งพืชเศรษฐกิจที่ควบคู่ไปกับการท่องเที่ยวของเกาะพะงันได้อย่างดีเลยล่ะ ก่อนจะหมดวัน แอดพาเพื่อน ๆ มาถ่ายรูปชิค ๆ อีกจุดถ่ายรูปยอดฮิตของเกาะพะงันอีกจุดนึง นั่นคือ มะพร้าวเอน อ่าววกตุ่ม ที่มีอายุเกือบ 100 ปี เป็นจุดถ่ายรูปที่ทั้งช่างภาพและนักท่องเที่ยวห้ามพลาดเมื่อมาถึงพะงัน ถึงแม้ว่าจะเอนจนเกือบจะติดพื้นทะเล แต่ก็ยังไม่โค่นล้มลงมาง่าย ๆ ยังอยู่รอวันให้นักท่องเที่ยวกลับมาถ่ายรูปเพื่อยืนยันว่า พะงันในวันที่ธรรมชาติได้ฟื้นฟูช่างสวยงามสมการรอคอย

✨ เที่ยว “พะงัน” ในวันที่ธรรมชาติฟื้นฟู ✨ อ่านเพิ่มเติม

✨ เที่ยวเมืองมรดกโลกที่อุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร ✨

เมื่อพูดถึงจังหวัดกำแพงเพชร หลายคนอาจจะเคยผ่านเพื่อไปที่อื่น แต่คราวนี้แอดจะไม่ยอมให้ใครผ่านไปเฉย ๆ ละค่ะ จะขอชวนทุกคนมาเที่ยวที่กำแพงเพชรกัน กำแพงเพชรเป็นเมืองเก่าที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน มีเมืองมรดกโลกที่น่าทึ่งมาก รวมทั้งมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงามไม่ควรพลาดหลายแห่งเลย แม้ช่วงนี้เราจะต้องชะลอการเดินทางท่องเที่ยวไว้ก่อน ตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 รวมทั้งแหล่งท่องเที่ยวหลายพื้นที่ก็ยังไม่เปิดให้บริการ แต่เพื่อน ๆ เก็บข้อมูลเส้นทางเหล่านี้ไว้ได้นะคะ รอให้สถานที่ท่องเที่ยวเหล่านี้กลับมาเปิดต้อนรับเราอีกครั้ง เส้นทางท่องเที่ยว 2 วัน 1 คืน วันที่ 1อุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชรวัดพระบรมธาตุนครชุมตลาดย้อนยุคนครชุม วันที่ 2บ่อน้ำพุร้อนพระร่วงน้ำตกคลองลานช่องเย็น อุทยานแห่งชาติแม่วงก์ตลาดมอกล้วยไข่ ก่อนเข้าไปชมอุทยานฯ แนะนำให้เพื่อน ๆ แวะศูนย์บริการข้อมูลท่องเที่ยว เพื่อช่วยให้เราเข้าใจข้อมูลประวัติศาสตร์คร่าว ๆ ซึ่งจะทำให้สนุกมากขึ้นเมื่อได้เห็นสถานที่จริงค่ะ ภายในอุทยานฯ เราจะพบแนวกำแพงเมืองที่ทำจากศิลาแลงรูปสี่เหลี่ยมคางหมู วางแนวยาวขนานไปกับลำน้ำปิง เนื่องจากบริเวณนี้เคยเป็นแหล่งศิลาแลงสำคัญ โบราณสถานบางส่วนภายในกำแพงเมือง อุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร วัดพระแก้ว เป็นวัดสำคัญที่อยู่ในบริเวณวัง เหมือนกับวัดมหาธาตุ จังหวัดสุโขทัย หรือวัดพระศรีสรรเพชญ์ จังหวัดพระนครศรีอยุธยานั่นเอง หากเพื่อน ๆ ได้มาชมจะเห็นว่าพระพุทธรูปปูนปั้น 3 องค์ที่ก่อด้วยศิลาแลง งามมาก ๆ เลยค่ะนอกจากนี้ยังมีเจดีย์ประธานทรงระฆัง เจดีย์ช้างล้อม วิหาร มณฑป อุโบสถ และเจดีย์ราย ล้อมรอบด้วยกำแพงศิลาแลงทั้งหมด วัดพระธาตุ อยู่ติดกับวัดพระแก้ว ภายในมีเจดีย์ทรงระฆัง ล้อมรอบด้วยระเบียงคด สวยงามและยิ่งใหญ่มาก โดยเฉพาะเมื่อมองจากระยะไกล โบราณสถานในเขตอรัญญิกนอกกำแพงเมือง วัดพระนอน ภายในวัดพระนอน มีวิหารพระนอนที่สร้างด้วยศิลาแลง แต่ที่พิเศษมาก ๆ ก็คือ เสาของวิหารที่สูงและมีขนาดใหญ่มากนี้เป็นเสาศิลาแลงก้อนเดียว ไม่ใช่การนำศิลาแลงมาต่อกันเป็นเสาสูง เรียกได้ว่ายิ่งใหญ่มาก ควรค่าแก่การไปชมสักครั้งในชีวิต วัดพระสี่อิริยาบถ หรือ วัดพระยืน ภายในวัดนี้มีมณฑปขนาดใหญ่ ประดิษฐานพระพุทธรูป 4 อิริยาบถ คือ เดิน นั่ง ยืน และนอน ตามลำดับจากทิศตะวันออกไปยังทิศเหนือ แต่ปัจจุบันเหลือเพียงพระพุทธรูปยืนที่ยังคงอยู่ในสภาพค่อนข้างสมบูรณ์ให้เราได้ชมกัน วัดช้างรอบ วัดนี้สร้างอยู่บนเนินเขาเตี้ย ๆ มีเจดีย์ทรงระฆังขนาดใหญ่ แต่ปัจจุบันเหลือเพียงส่วนฐานเท่านั้น รอบๆ ฐานเจดีย์ประดับด้วยช้างทรงเครื่องครึ่งตัว จำนวน 68 เชือก นอกเหนือจากวัดที่แอดพาไปชม ยังมีโบราณสถานที่น่าสนใจอีกหลายแห่ง หากใครมีเวลาอยากจะเก็บให้ได้ทุกวัดภายในอุทยานฯ แนะนำให้ไปกันแต่เช้าเลยนะ จะได้ถ่ายรูปสวย ๆ พร้อมกับเก็บบรรยากาศได้ครบถ้วน.ค่าธรรมเนียมบุคคล– ชาวไทย 20 บาท– ชาวต่างชาติ 100 บาท ค่าธรรมเนียมยานพาหนะ– รถจักรยาน คันละ 10 บาท– รถจักรยานยนต์ คันละ 20 บาท– รถยนต์ คันละ 50 บาท– ค่าเช่าจักรยาน ชั่วโมงละ 30 บาท อุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร ตำบลหนองปลิง อำเภอเมืองกำแพงเพชร จังหวัดกำแพงเพชร เปิดทุกวัน เวลา 08.00 – 16.30 น. 0 5561 6228-9 ททท. สำนักงานสุโขทัย (ดูแล สุโขทัย กำแพงเพชร และ อุตรดิตถ์) 0 5585 4736-7 อุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชรhttps://goo.gl/maps/XzNBE8QPtdsQHnKQ6 วัดพระบรมธาตุนครชุม เมื่อมาถึงเมืองกำแพงเพชรก็ต้องแวะสักการะวัดคู่บ้านคู่เมืองกันก่อน วัดพระบรมธาตุนครชุมเป็นวัดสำคัญเก่าแก่ มีมหาเจดีย์สูงใหญ่ สีทองอร่ามทั้งองค์ สถาปัตยกรรมเหมือนกับเจดีย์ชเวดากองในเมืองพม่า บูรณะขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 โดยนายห้างค้าไม้ชาวพม่า ซึ่งเป็นการบูรณะจากเจดีย์องค์เดิมที่สร้างในสมัยพระเจ้าลิไทแห่งกรุงสุโขทัยภายในเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ 9 องค์ เชื่อว่าหากใครได้มากราบไหว้ก็เสมือนกับได้สักการะพระพุทธเจ้าด้วยตนเอง. ตำบลนครชุม อำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร 08 1785 3826https://goo.gl/maps/g4nGhZiDcNdNHfGm9 ตลาดย้อนยุคนครชุม เป็นตลาดที่จำลองบรรยากาศย้อนยุค พ่อค้าแม่ขายแต่งไทยมาออกร้านขายของกินอร่อย ๆ มากมาย ทั้งอาหารถิ่น อาหารร่วมสมัย เลือกซื้อเลือกชิมกันไม่หวาดไม่ไหวทีเดียว นอกจากนี้ ยังมีเวทีแสดงดนตรีสลับการแสดงพื้นบ้าน คนมาเที่ยวได้ทั้งอิ่มท้องและอิ่มสุขจากเสียงดนตรี จัดโดยเทศบาลเมือง มีเฉพาะวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์แรกของเดือน เปิดตลาดตอนเย็นตั้งแต่ประมาณ 17.00 น. ไปจนค่ำ เนื่องจากนครชุมในอดีต เป็นเมืองค้าขาย โดยเฉพาะค้าไม้และของจำเป็นอื่นๆ จึงมีทั้งพ่อค้าและแรงงานจากต่างถิ่นหลากหลายชนเผ่า ทั้งไทย จีน กะเหรี่ยง มอญ ลาว จึงทำให้มีวัฒนธรรมที่หลากหลาย รวมถึงวัฒนธรรมการกินที่ตกทอดมาถึงปัจจุบัน ขอบคุณรูปภาพจากเพจ ตลาดย้อนยุคนครชุม บรรยากาศในเมืองเก่านครชุม ยังปรากฎร่องรอยความเจริญในฐานะอดีตเมืองศูนย์กลางการค้าขายที่สำคัญแห่งหนึ่งของภาคเหนือตอนล่าง นครชุมเป็นอีกหนึ่งชุมชนที่มีประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจ เป็นอีกย่านที่เดินเที่ยวชมได้ชิล ๆ ได้เห็นร้านค้าเก่าแก่ตามอาคารไม้วินเทจและได้เห็นวิถีชีวิตผู้คนในท้องถิ่นอีกด้วย บ้านพะโป้ บ้านห้าง ร.5 หรือบ้านพะโป้ อาคารไม้สัก 2 ชั้น รูปแบบไทยผสมตะวันตก พะโป้ คือคหบดีชาวพม่า มีอาชีพค้าไม้ที่บริเวณคลองสวนหมาก นครชุม ในสมัยรัชการที่ 5 และเป็นผู้บูรณะพระบรมธาตุนครชุมอีกด้วย ในนิยายคลาสสิคของไทย เรื่องชั่วฟ้าดินสลาย โดยครูมาลัย ชูพินิจ ซึ่งเป็นชาวนครชุม ก็ได้นำคาแรคเตอร์ของพะโป้มาเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างงานเขียน รวมทั้งใช้ชื่อพะโป้มาเป็นชื่อของตัวละครสำคัญในเรื่องด้วย. ตำบลนครชุม อำเภอเมืองกำแพงเพชร จังหวัดกำแพงเพชรhttps://goo.gl/maps/7v7XgFav5UhaLQTd6 วันที่ 2บ่อน้ำพุร้อนพระร่วง เช้าตรู่ก่อนจะออกเดินทางไปเที่ยวน้ำตกที่อำเภอคลองลาน เราจะไปผ่อนคลายกันที่บ่อน้ำพุร้อนพระร่วง หรือบึงสาปกันค่ะ ที่แห่งนี้เคยเป็นทุ่งนา ก่อนจะค้นพบว่ามีน้ำร้อนผุดขึ้นมา ความร้อนประมาณ 40-65 องศาเซลเซียส ปัจจุบัน บ่อน้ำพุร้อนพระร่วง ได้รับการพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวแนวสุขภาพ ที่เปิดให้บริการอาบน้ำแร่ แช่ฝ่าเท้า และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เช่น จักรยานน้ำ บ้านพัก ลานกางเต็นท์ และนวดแผนไทย ถ้าได้มาตอนหน้าหนาวคงจะสบายสุดๆ ค่ะ. ตำบลลานดอกไม้ อำเภอเมืองกำแพงเพชร จังหวัดกำแพงเพชรhttps://goo.gl/maps/B5t1FZ5ViWVMdart9 ขอบคุณรูปภาพจากเพจ

✨ เที่ยวเมืองมรดกโลกที่อุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร ✨ อ่านเพิ่มเติม

🌼 ตักบาตรดอกไม้ ถวายดอกพรรษา 🌼

วันเข้าพรรษาถือเป็นวันสำคัญวันหนึ่งในทางพุทธศาสนา ซึ่งชาวพุทธในแต่ละท้องถิ่นก็จะมีประเพณีที่แตกต่างกันออกไป อย่างเช่นจังหวัดสระบุรีที่มี “ประเพณีตักบาตรดอกไม้” และในสัปดาห์หน้าก็จะถึงวันเข้าพรรษาแล้ว แอดเลยนำเกร็ดความรู้เกี่ยวกับประเพณีตักบาตรดอกไม้มาฝากเพื่อน ๆ กันค่ะ 😊.ประเพณีตักบาตรดอกไม้ เป็นประเพณีประจำจังหวัดสระบุรีที่ยึดถือและปฏิบัติกันมานาน โดยจะถือเอาวันเข้าพรรษาของทุกปีเป็นวันตักบาตรดอกไม้ จัดขึ้นที่ “วัดพระพุทธบาท ราชวรมหาวิหาร” ช่วงเข้าพรรษานั้นตรงกับฤดูฝน พรรณไม้ต่าง ๆ กำลังงอกงามดี รวมไปถึง “ต้นหงส์เหิน” ไม้ตระกูลกระชายหรือขมิ้น ที่เติบโตได้ดีในพื้นที่ชุ่ม มีน้ำขัง ลักษณะดอกเป็นพวง มี 3 สี ได้แก่ สีขาว สีเหลือง สีม่วง แต่สีที่นิยมและหาได้ง่ายคือดอกสีขาวและสีเหลือง ชาวบ้านมักเรียกว่า “ดอกเข้าพรรษา” เพราะเป็นดอกไม้ที่บานในช่วงวันเข้าพรรษาพอดี มีการนำดอกไม้ชนิดนี้มาถวายแด่พระสงฆ์ที่กำลังจะไปพระอุโบสถเพื่อเข้าพรรษา ให้ได้มีดอกไม้ไปสักการบูชารอยพระพุทธบาท.จนเมื่อปี พ.ศ. 2544 ทางจังหวัดต้องการส่งเสริมการท่องเที่ยวในช่วงวันเข้าพรรษา โดยเพิ่มวันตักบาตรดอกไม้เข้าพรรษาจากปกติ 1 วันเป็น 3 วัน และมีการถวายเทียนพรรษาร่วมด้วย จัดเป็นพิธีการใหญ่ มีรถแห่ของแต่ละอำเภอที่ตกแต่งกันอย่างสวยงาม ทำให้นักท่องเที่ยวสนใจมาร่วมชมประเพณีนี้กันอย่างล้นหลาม แม้ในปีนี้ สถานการณ์ยังไม่ค่อยสู้ดีนัก แต่ประเพณีไทยอันทรงคุณค่าแบบนี้จะคงอยู่ต่อไป รอโอกาสอันเหมาะสมที่จะกลับมาจัดอีกครั้ง 🥰

🌼 ตักบาตรดอกไม้ ถวายดอกพรรษา 🌼 อ่านเพิ่มเติม

🍜รวมอาหารถิ่นภูเก็ต🍜

พูดถึงเรื่องของกิน…ใคร ๆ ก็ชอบ วันนี้แอดรวมอาหารถิ่นอร่อย ๆ ของเมืองภูเก็ตมาฝากค่ะ อาหารของเมืองภูเก็ตเป็นอาหารที่ผสมผสานวัฒนธรรมการกินของชาวไทย- มลายู และชาวจีน อาหารภูเก็ตจึงมีรสจัดแบบอาหารใต้ทั่วไป แต่มีกลิ่นอายของความเป็นจีนผสมอยู่ ใครชอบเรื่องของกิน มีโอกาสไปเยือนเมืองภูเก็ต อย่าลืมไปลิ้มลองความอร่อยกันด้วยน้า 🍝หมี่ฮกเกี้ยน อาหารดั้งเดิมที่โดดเด่นของภูเก็ต ใช้หมี่เหลืองเส้นใหญ่มาผัดกับเครื่องต่าง ๆ อย่างเนื้อหมู กุ้ง ปลาหมึก ปลา ปรุงรสด้วยซีอิ๊วและน้ำซุปกระดูกหมู โปะด้วยหมูแดงและไข่ไก่ ความอร่อยของเมนูนี้อยู่ที่ต้องคลุกไข่แดงกับหมี่ให้เข้ากันก่อนรับประทาน เอกลักษณ์ของหมี่ฮกเกี้ยนคือการผัดด้วยเตาถ่าน ซึ่งจะเพิ่มความหอมมากยิ่งขึ้น.🍜ร้านหมี่ต้นโพธิ์📌 ถนนภูเก็ต ตรงวงเวียนหอนาฬิกา อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต⏰ เปิดทุกวัน ยกเว้นวันพระใหญ่ เวลา 09.30-18.30 น.📞 08 9729 9638, 08 7474 9923.🍜ร้านหมี่โกล้าน ลกเทียนเจ้าเก่า📌 ถนนสตูล ใกล้สามแยกถนนสตูล-ถนนแม่หลวน ตำ⏰ เปิดวันจันทร์-เสาร์ เวลา 10.30-16.00 น. (ปิดวันอาทิตย์) หมูฮ้อง เป็นเมนูที่ร้านอาหารในภูเก็ตมีแทบทุกร้าน ตอนเห็นหน้าตาของหมูฮ้องครั้งแรก แอดคิดว่าเป็นพะโล้เสียอีก แต่จริงๆ แล้วหมูฮ้องทำมาจากหมูสามชั้นที่นำมาต้มเคี่ยวกับซีอิ๊วขาว น้ำตาล กระเทียม พริกไทย และใส่ซีอิ๊วดำเพื่อให้มีสีเข้มน่ารับประทาน เคี่ยวจนเนื้อหมูเริ่มเปื่อย มีน้ำพอขลุกขลิกไม่แห้งจนเกินไป กินกับข้าวสวยร้อน ๆ คือดีงาม หากใครอยากจะลิ้งลอง หมูฮ้องสามารถหารับประทานได้ตามร้านอาหารพื้นเมืองภูเก็ตหลาย ๆ ร้านเลยค่ะ. ร้านวันจันทร์ ถนนเทพกระษัตรี อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต เปิดทุกวัน เวลา 10.00-22.00 น. 0 7635 5909 หมี่หุ้นกระดูกหมู เมนูที่ได้รับความนิยมอย่าง หมี่หุ้นหรือหมี่ขาวผัดซีอิ๊ว คือการนำเส้นหมี่ขาว เหนียวนุ่มมาผัดกับซีอิ๊วและปรุงรสจนได้ที่ โรยด้วยต้นหอมซอยและหอมเจียวทอด ยิ่งได้ซดกับน้ำซุปกระดูกหมูร้อน ๆ ที่ต้มจนเปื่อยกำลังดี บอกเลยว่าเข้ากันมาก ๆ.หมี่หุ้นป้าฉ่าง ซอยตะกั่วทุ่ง ตำบลตลาดใหญ่ อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต เปิดทุกวัน เวลา 14.00-20.00 น. 08 5786 8656.หมี่หุ้นกระดูกหมู บางเหนียว ซอยโรงเรียนเทศบาลบ้านบางเหนียว ร้านกาแฟตรงข้ามศาลเจ้าผ้อต่อก้ง อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต เปิดทุกวัน เวลา 13.00-18.00 น. 0 7624 2040 โอต้าว เมนูนี้มีหน้าตาคล้ายกับหอยทอด โดยนำเผือกหั่นเป็นลูกเต๋าลงไปผัดกับแป้ง ใส่หอยติบหรือหอยนางรมตัวเล็ก และใส่ไข่ ใส่กระเทียมสับปรุงรสให้เข้ากัน โรยด้วยกากหมูและหอมแดงเจียว ราดด้วยน้ำจิ้ม บอกเลยว่าฟินมาก.โอวต้าวบางเหนียว ซอยตะกั่วทุ่ง ตำบลตลาดใหญ่ อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต เปิดทุกวัน เวลา 14.00-20.00 น. 08 5786 8656 โลบะ ถึงชื่อจะไม่คุ้นหู แต่คนที่ชอบหมูต้องลองชิมเมนูนี้นะ โลบะ เป็นการนำเครื่องในหมูและเนื้อหมูมาต้มกับเครื่องพะโล้ จากนั้นนำมาทอดในน้ำมันร้อน ๆ จนเนื้อหมูกรอบนอก แต่เนื้อในยังนุ่ม นิยมกินคู่กับน้ำจิ้มและเต้าหู้ทอด อย่าพลาดเชียว.ร้านโลบะบางเหนียว (โลบะเขารัง) ถนนแม่หลวน อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต เปิดทุกวัน เวลา 11.00-18.00 น. โอ้เอ๋ว มาดูของหวานกันบ้าง ใครไปเที่ยวภูเก็ตต้องหาโอกาสทานโอ้เอ๋วให้ชื่นใจกันนะ โอ้เอ๋ว เป็นวุ้นใส ๆ ที่ทำมาจากเมล็ดโอ้เอ๋ว (เมล็ดอ้ายอวี่) คล้ายกับเมล็ดแมงลัก เมื่อแช่น้ำแล้วจะใช้เมือกของเมล็ดโอ้เอ๋วมาผสมกับเมือกของกล้วยน้ำว้า ใส่เจี่ยกอเพื่อให้โอ้เอ๋ว เกาะตัวเป็นก้อนคล้าย ๆ วุ้น นำมาใส่เครื่องเคียง น้ำเชื่อมและน้ำแข็ง เป็นเมนูน้ำแข็งไสสไตล์ภูเก็ตนิยมทานดับร้อน แก้ร้อนในและช่วยลดการกระหายน้ำได้อีกด้วย.ร้านโอ้เอ๋ว บางเหนียว ซอยตะกั่วทุ่ง ตำบลตลาดใหญ่ อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต เปิดทุกวัน เวลา 14.00-20.00 น. 08 5786 8656 ขนมอาโป้ง ขนมพื้นเมืองที่หาทานได้เฉพาะภูเก็ต หน้าตาคล้ายกับขนมเบื้อง แต่ต่างกันที่ไม่มีไส้นั่นเอง ความอร่อยของขนมอาโป้งอยู่ตรงที่ความกรอบของแป้งขอบนอก ส่วนตรงกลางจะเป็นแป้งนุ่ม ๆ ตัวแป้งผสมไข่ น้ำตาลทราย น้ำกะทิ มีรสชาติของกะทิและความหอมของเตาถ่าน นิยมทานเล่นกับชาหรือกาแฟ ถือว่าเป็นของว่าง.ร้านแม่สุณี เป็นร้านรถเข็นเปิดมานานกว่า 30 ปีแล้ว ซอยสุ่นอุทิศ (ซอยข้างร้านลกเที้ยน ศูนย์รวมอาหารพื้นเมืองภูเก็ต) ถนนเยาวราช อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต เปิดทุกวัน เวลา 10.30-17.00 น. น้ำพริกกุ้งเสียบ น้ำพริกกุ้งเสียบถือเป็นเมนูแรกๆ ที่นักท่องเที่ยวมักจะนึกถึงเมื่อไปภูเก็ต รสชาติอร่อยเป็นเอกลักษณ์ คือมีความเผ็ดเปรี้ยว หวานนิดๆ ตัดกับความเค็มของกะปิแบบภูเก็ต มีกุ้งเสียบให้เคี้ยวกรุบ ๆ ใครมาภูเก็ตก็อย่าลืมซื้อน้ำพริกกุ้งเสียบติดไม้ติดมือเป็นของฝากกันน้า.ร้านคุณแม่จู้ 159/21 หมู่ที่ 5 ถนนเทพกระษัตรี ตำบลเทพกระษัตรี อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต เปิดทุกวัน เวลา 07.00-19.00 น. 0 7662 1226-7.ร้านแม่กุ่ย 31 ถ.ตะกั่วทุ่ง ตำบลตลาดใหญ่ อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต เปิดทุกวัน เวลา 07.00-19.00 น. 0 7622 1710, 08 1396 3030

🍜รวมอาหารถิ่นภูเก็ต🍜 อ่านเพิ่มเติม

10 ที่เที่ยวเมืองร้อยเอ็ด

📌 ปักหมุดไว้ สถานการณ์โควิดคลี่คลาย แล้วไปเที่ยวกันนะ 😉 พูดถึงร้อยเอ็ด คุณนึกถึงอะไร? บึงพลาญชัย หนองน้ำแห่งใหญ่ใจกลางเมือง หอโหวด แลนด์มาร์กใหม่ประจำร้อยเอ็ด หรือทุ่งกุลาร้องไห้ ที่ราบผืนใหญ่ที่กินพื้นที่หลายจังหวัดภาคอีสาน แหล่งกำเนิดข้าวหอมมะลิพันธุ์เด็ด ของดีเมืองสิบเอ็ดประตู… TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง ร่วมกับ The Cloud ขอนำเสนอคอลัมน์ Take Me Out เที่ยวบ้านเพื่อนมื้อนี้ชวนเที่ยว ‘ร้อยเอ็ด’ สัมผัสวิถีเมืองเกินร้อย จากทั้งคนรุ่นเก่าและเด็กรุ่นใหม่ไฟแรง ปรับเปลี่ยนให้ร้อยเอ็ดเด็ดดวงไปด้วยไอเดียเก๋ไก๋ และชุบชีวิตเมืองโหวดให้กลายเป็นโหมดคึกคักยิ่งกว่าเดิมไปกับ 10 สถานที่ กิน เที่ยว พัก ที่ควรเช็กอินเมื่อไปถึง ร้อยเอ็ดวันนี้ที่เราพบ ช่างเป็นเมืองที่แสนคึกคักน่ารัก ไม่เฉพาะเวลาลงเล่น เห็นจะเป็นเพราะมีสถานที่ดีศรีจังหวัดมากมายเต็มไปหมด ตั้งแต่กิจการห้างร้านที่คนรุ่นใหม่ไฟแรงกลับมาพลิกแดนเกิดเมืองนอนให้ฟุ้งไปด้วยไอเดียสร้างสรรค์ ต่อยอดข้าวหอมมะลิเป็นเบเกอรี ทายาทนายฮ้อยดีกรีปริญญาโทจากอเมริกาหันมาพัฒนาพันธุ์ควาย ของดีที่บรรพบุรุษทิ้งไว้ให้ มัณฑนากรสาวเปลี่ยนบ้านเก่าเป็นคาเฟ่ แหล่งรวมของใช้ย้อนวัยที่หวนบรรยากาศครั้งอดีตกลับมาอีกครั้ง ไปจนถึงร้านกาแฟในเรือนเก่าริมบึงพลาญชัยของศิลปินแห่งชาติ เราขอพาทุกท่านตะลุย 10 สถานที่ ทั้งวิถีวัฒนธรรมและเชิงนิเวศ จากคนมีฝันและคนมีไฟ กลับมาชุบชีวิตให้ร้อยเอ็ดเป็นเมืองแห่งแรงบันดาลใจของภาคอีสาน ตามมาเช็กอินพร้อมกันเลย 1 พอดิน Clay Studio  ห้องเรียนศิลปะโอเพ่นแอร์ที่เชื่อว่าแค่มีดินก็เพียงพอ วอร์มมือให้พร้อมแล้วมาสนุกกับการปั้นที่ ‘พอดิน Clay Studio’ ห้องเรียนศิลปะโอเพ่นแอร์ที่เชื่อว่าแค่มีดิน ก็เพียงพอจะสร้างงานศิลปะขึ้นมาได้  ‘พอดิน’ มาจากภาษาอีสานว่า ‘พ้อดิน’ แปลว่า เจอดินแล้ว แต่อีกความหมายที่ ตี๋เล็ก-บุญกิจ พันธุ์ศรีศักดิ์ ตั้งใจซ่อนไว้ในชื่อ คือ มีแค่ดินก็เพียงพอแล้วที่จะสร้างงานศิลปะสักชิ้นหนึ่ง ตี๋เล็กคืออดีตเด็กสถาปัตย์ผู้เคยติด F วิชางานปั้นสมัยเรียน ปัจจุบันกลับมาเป็นเจ้าของ ‘พอดิน Clay Studio’ โรงเรียนสอนศิลปะงานปั้นดินเผาไซส์จิ๋วแห่งเมืองร้อยเอ็ด เพราะฝึกทักษะพื้นฐานและปรับทัศนะให้หันมาเห็นคุณค่าของดินกับปราชญ์ชาวบ้าน จากนั้นจึงหันมาเรียนรู้ฝึกฝนด้วยตัวเอง จนมีโอกาสไปอวดโฉมผลงานในงาน ‘ร้อยเอ็ดเจ็ดย่านอาร์ต’ งานเทศกาลศิลปะครั้งใหญ่ที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยจัดขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2562 พอดิน Clay Studio แฝงตัวอยู่กับ Skipper Garden ใช้พื้นที่กลางสวนเป็นห้องเรียนเปิดโล่ง พร้อมแวะเวียนไปเยี่ยมเยียนตามงานเทศกาลต่าง ๆ เพื่อกระจายโอกาสให้ผู้คนหลากหลายได้เข้ามาสัมผัสงานฝีมือแขนงนี้ แทนที่จะอยู่นิ่งอยู่กับที่ ขอบอกเลยว่าไม่จำเป็นพื้นฐานมาก่อนก็ร่วมสนุกไปด้วยกันได้นะ ที่ตั้ง : ตำบลเหนือเมือง อำเภอเมืองร้อยเอ็ด จังหวัดร้อยเอ็ด 45000 พิกัด : https://goo.gl/maps/MDkhSKj2bwJqzSHh7 โทรศัพท์ : 06 1542 2394 Facebook : พอดิน Clay Studio 2 Skipper Garden  ร้านกาแฟกลางป่ากึ่งพื้นที่สาธารณะ ซึ่งมีต้นไม้เยอะที่สุดในร้อยเอ็ด ธรรมชาติบำบัดคนได้  กิ่ง-ปฏิญญากร บุราณรมย์ เจ้าของร้าน ‘Skipper Garden’ เชื่ออย่างนั้น เพราะเขามีคุณพ่อคอยปลูกฝังให้รักต้นไม้ตั้งแต่เด็ก วันเวลาล่วงไป จากดินรกร้าง ลูกหลานทอดทิ้งไปอยู่เมืองหลวง พร้อมป้ายประกาศให้เช่า กิ่งเปลี่ยนบ้านเป็นสวนส่วนตัว แต่เพราะอยากให้คนอื่นเข้ามาสูดไอดิน ดมกลิ่นหญ้า จึงปรับเป็นร้านกาแฟกลางป่า แผ่ร่มเงาแห่งการรักษ์ป่าครอบคลุมทั่วร้อยเอ็ดอย่างที่เห็น กิ่งปลูกปั้น Skipper Garden ขึ้นเพราะต้องการให้แขกไปใครมาได้รับพลังบวกจากต้นไม้พวกนี้ วางตัวเป็นแหล่งชาร์จแบตธรรมชาติ เปิดพื้นที่ป่ากลางเมืองให้ทุกคนมาพักผ่อนหย่อนใจ จิบกาแฟ นอนเปล รับลมกลางวันอุ่น ๆ มีสุมทุมพุ่มไม้เป็นเครื่องกีดกั้นความเครียดทิ้งไปตั้งแต่หน้าร้าน ร่มไทรใบบังเป็นร่มกางกั้นแสงแดดให้ต้องผิวแต่พอดี “อาจจะไม่นาน ครู่สั้น ๆ แต่หากเยียวยาจิตใจคนได้ก็คุ้มแล้ว” ที่ตั้ง : ตำบลเหนือเมือง อำเภอเมืองร้อยเอ็ด จังหวัดร้อยเอ็ด 45000 พิกัด : https://goo.gl/maps/MDkhSKj2bwJqzSHh7 เวลาเปิด-ปิด : 8.00 – 18.00 น. โทรศัพท์ : 08 5135 7752 Facebook : Skipper Garden 3 Hommali Story  แป้งข้าวหอมมะลิของดีเมืองร้อยเอ็ด สู่เมนูเบเกอรีแสนอร่อย ‘เขตกว้างไกลทุ่งกุลา โลกลือชาข้าวหอมมะลิ’  ใคร ๆ ก็รู้ว่าข้าวหอมมะลิคือของดีประจำเมืองหอโหวดแห่งภาคอีสาน แต่ครั้นจะปล่อยของดีอยู่บนหอคอยงาช้าง ไม่คิดคัดดัดแปลงให้งอกเงยงอกงามขึ้นก็น่าเสียดาย ภูมิ กองทุ่งมน แห่ง ‘Hommali Cafe’ ลูกร้อยเอ็ดที่ทดลองทำธุรกิจมาหลากหลายแขนง จึงหยิบแป้งข้าวหอมมะลิ ผลิตภัณฑ์ขึ้นชื่อจากกลุ่มวิสาหกิจชุมชนมาต่อยอด ผสานกับทักษะการทำขนมอบแบบฝรั่งที่เจ้าตัวไปเรียนมา ลองผิดลองถูกจนได้สูตรเบเกอรีแป้งข้าวหอมมะลิ เคล็ดลับเฉพาะหอมมะลิคาเฟ่เท่านั้น  ร้านขนมแห่งนี้ไม่ได้มีดีแค่บรรยากาศอบอุ่น สีสว่างสะอาดตา และเรื่องราวแห่งการสานต่อภูมิปัญญา แต่ยังแฝงไปด้วยวิสัยทัศน์ของเจ้าของร้าน ภูมิแบไต๋ว่าอยากพัฒนาสูตรให้เด็ดดวงจนวางขายตามร้านสะดวกซื้อ เสิร์ฟบนเครื่องบิน และส่งออกไปอวดของดีให้ชาวโลกได้ชิม ความฝันนี้ดูไม่ไกลเกินเอื้อมนัก เพราะเขาได้ แป้ง-พักตร์จิรา กองทุ่งมน ศรีภรรยา มาช่วยดูแลแผนการตลาดและกลยุทธ์ Hommali Cafe คือคาเฟ่แห่งภูมิปัญญา เป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ว่าร้อยเอ็ดคือเมืองแห่งความคิดสร้างสรรค์แห่งอีสาน  ที่ตั้ง : ตำบลรอบเมือง อำเภอเมืองร้อยเอ็ด จังหวัดร้อยเอ็ด 45000 พิกัด : https://goo.gl/maps/vWVLe8ma1JTM81mY8 เวลาเปิด-ปิด : 8.30 – 18.30 น. โทรศัพท์ : 09 9610 5986 Facebook : Hommali Story  4 อาร์ต ละ วาด Arts Space & Cafe

10 ที่เที่ยวเมืองร้อยเอ็ด อ่านเพิ่มเติม

วิธีแก้รสเผ็ดบนโต๊ะอาหาร

ช่วงนี้เพื่อน ๆ คงเห็นว่ามีโครงการ Phuket Sandbox และ Samui Plus ที่มีการเปิดพื้นที่ให้เที่ยวภายใต้มาตรการ เพื่อให้มีการท่องเที่ยวที่ปลอดภัยและปลอดเชื้อมากขึ้นแล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเป็นเสน่ห์ของภาคใต้ก็คือรสชาติของอาหารที่มีรสเผ็ด อร่อยจัดจ้าน อย่างแกงเหลือง แกงไตปลา ขนมจีนน้ำยาปู คั่วกลิ้ง ซึ่งถึงจะเผ็ดยังไง ก็ยังหรอยอย่างแรงอยู่ดี!! แต่ถึงจะ หรอยแรง ยังไง พอกินเยอะ ๆ ก็ทำเอาร้อนปากร้อนคอใช่เล่น วันนี้แอดมีวิธีแก้รสเผ็ดง่าย ๆ บนโต๊ะอาหารมาแนะนำ ลองมาอ่านกันดูได้เลย แต่แอดขอบอกไว้ก่อนว่า ความเผ็ดร้อนของพริก มาจากฤทธิ์ของสารที่ชื่อว่าแคปไซซิน (Capsaicin) เมื่อเราตักพริกเข้าปาก สารชนิดนี้ก็จะเข้าไปกระตุ้นปลายประสาท ทำให้เกิดความรู้สึกแสบร้อน ดังนั้น วิธีแก้รสเผ็ดก็คือการทำให้เจ้าแคปไซซินหายไปจากปากนั่นเอง จะมีวิธีไหนบ้าง ตามมาอ่านกัน นมในน้ำนมมีโปรตีนชื่อ คาเซอิน (Casein) ที่สามารถดึงแคปไซซินออกจากปลายประสาทบนลิ้นได้ ทำให้ความเผ็ดหายไป วิธีการคือให้อมน้ำนมไว้ในปากสักพัก เพื่อให้นมทำปฏิกิริยาภายในช่องปาก นอกจากนี้ นมยังช่วยเคลือบกระเพาะ สามารถลดอาการแสบท้องตอนกินเผ็ดได้อีกด้วย โยเกิร์ตโยเกิร์ตช่วยแก้เผ็ดได้คล้ายกับนม แต่เป็นการแก้เผ็ดเวอร์ชั่นอัพเกรด เพราะโยเกิร์ตจะมีกรดแลคติกและไขมันนม ซึ่งช่วยละลายสารแคปไซซินได้ดีกว่า น้ำมะนาว, น้ำส้มหลายคนอาจสงสัยว่าทำได้จริงเหรอ ความจริงคือรสเปรี้ยวช่วยให้หายเผ็ดได้ดีไม่น้อย เพราะแคปไซซินในพริกเป็นด่าง รสเปรี้ยวมีฤทธิ์เป็นกรด ทำให้ความเผ็ดลดลงได้ น้ำอุ่น, น้ำซุปร้อน ๆหลายคนนิยมดื่มน้ำเย็นเพื่อดับเผ็ด แต่ลองดื่มน้ำอุ่น หรือซุปร้อนดูก่อน แม้จะรู้สึกเผ็ดร้อนขึ้นตอนซุปเข้าปาก แต่พอกลืนน้ำอุ่นหรือซุปร้อนลงไป ความเผ็ดจะลดลงอย่างรวดเร็ว เพราะความอุ่นของน้ำจะช่วยละลายแคปไซซินให้จางลง รสเผ็ดก็จะเบาลง ข้าว, ขนมปังอีกวิธีหนึ่งที่ง่ายและได้ผลก็คือ ข้าวและขนมปัง ให้เคี้ยวข้าวหรือขนมปังจนมีความหวาน ความหวานจากแป้งจะเข้าไปช่วยซับรสเผ็ด ทำให้ความเผ็ดลดลง

วิธีแก้รสเผ็ดบนโต๊ะอาหาร อ่านเพิ่มเติม

✨ ที่เที่ยวห้ามพลาด สุราษฏร์ฯ – สมุย ✨

เที่ยวทิพย์รอบนี้ แอดจะพาเพื่อน ๆ มาล่องใต้กันบ้าง ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นอีกจังหวัดที่มีสถานที่ท่องเที่ยวสวย ๆ หลากหลายบรรยากาศที่ห้ามพลาดเลยล่ะ หรือใครอยากจะออกเดินทางไปเห็นที่เที่ยวสวย ๆ กับตา แอดอยากให้ลองเช็คมาตรการเข้าจังหวัดสักนิด โดยคลิกอ่านรายละเอียดตามลิงก์นี้ได้เลย https://www.facebook.com/1494662884151960/posts/3038833813068185/?d=n (ข้อมูล ณ วันที่ 1 กรกฎาคม 2564) สำหรับใครที่ยังลังเล ยังไม่พร้อมเดินทาง หรืออยากจะหาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนเดินทาง สามารถอ่านได้จาก eBook จังหวัดสุราษฎร์ธานีได้ที่ https://www.amazingthailandebook.com/issue/171 หรือสามารถดาวน์โหลดในรูปแบบ Application : Amazing Thailand eBook ได้ทั้งระบบ iOS และ Android https://mobile.amazingthailandebook.com/redirect มาเที่ยวสุราษฎร์ธานีทั้งที ที่แรกที่ห้ามพลาดคือเขื่อนรัชชประภา หรือที่เรียกกันติดปากว่า เขื่อนเชี่ยวหลาน กิจกรรมยอดฮิตของที่นี่คือการล่องเรือชมความงามท่ามกลางบรรยากาศของทะเลสาบที่โอบล้อมไปด้วยเขาหินปูนน้อยใหญ่ หรือใครจะเลือกพายคายักก็ได้ ที่นี่เที่ยวได้ทั้งแบบวันเดย์ทริป หรือจะนอนพักค้างก็มีที่พักให้เลือกมากมาย แอดขอแนะนำว่าให้พักค้างดีกว่านะ เพราะบรรยากาศช่วงเช้าของที่นี่อากาศดีสุด ๆ เลยล่ะ อุทยานธรรมเขานาในหลวง ตั้งอยู่บนยอดเขาหินปูนสูงจากพื้นดินเกือบ 300 เมตร ที่นี่เป็นสถานที่ตั้งของเจดีย์ลอยฟ้า พระพุทธศิลาวดี ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และสำนักสงฆ์ในจังหวัดสุราษฎ์ธานี นอกจากนี้ยังเป็นอุทยานฯที่มีสถาปัตยกรรมสวย ๆ ที่น่าสนใจมากมาย สำหรับช่วงเวลาเที่ยว แอดแนะนำให้มาช่วงเช้าตรู่ของวัน เพราะวันไหนโชคดีเพื่อน ๆ จะได้เห็นหมอกที่ลอยอยู่รอบ ๆ อุทยานฯ เป็นอีกหนึ่งที่เที่ยวที่ถูกใจทั้งสายบุญ และสายถ่ายรูปแน่นอน.Cr. รูปภาพ https://www.facebook.com/TATPhotographSection ขอนั่งเรือข้ามมาเกาะสมุยกันบ้าง ก่อนจะลัดเลาะรอบเกาะ แอดอยากพาเพื่อน ๆ มาชมความงามของเกาะสมุยที่จุดชมวิวลาดเกาะ อยู่ระหว่างหาดเฉวงและหาดละไม เป็นหน้าผาหินริมทะเล ที่นี่มีทางเดินที่สามารถเดินลงไปชมวิว ถ่ายรูปได้อย่างสะดวกสบาย มาถึงแล้วห้ามพลาด รีบเก็บภาพสวย ๆ ของทะเลสมุยและชายหาดเฉวง ที่มองเห็นได้รอบทิศแบบ 360 องศาเลยทีเดียว ใครบอกว่าเกาะสมุยมีดีแค่ทะเล ที่นี่ยังมีวิถีชีวิตของชาวบ้านบนเกาะที่ยังคงอนุรักษ์ไว้ในบ้านโบราณ ณ สมุย บ้านโบราณที่มีอายุร่วม 180 ปี เก่าแก่ที่สุดบนเกาะสมุย ที่นี่รวบรวมข้าวของเครื่องใช้โบราณไว้เป็นเหมือนพิพิธภัณฑ์ขนาดย่อม ให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามาเยี่ยมชม นอกจากนี้ยังมีกิจกรรม workshop มากมายให้เพื่อน ๆ ได้เลือกทำ ทั้งทำขนมพื้นบ้าน อาหารคาว และเคี่ยวน้ำมันมะพร้าวสกัดร้อนอีกด้วย ข้าวของเครื่องใช้โบราณ ในวิถีชีวิตประจำวันของคนบนเกาะสมุยที่เก็บรวมรวบไว้ในบ้านโบราณ ณ สมุย วัดปลายแหลม (วัดแหลมสุวรรณาราม) ตั้งซึ่งอยู่ปลายแหลมตอนเหนือสุดของเกาะสมุย เป็นวัดเก่าแก่อายุกว่า 100 ปีที่ห้ามพลาดบนเกาะสมุย ไฮไลท์ของที่นี่คือเจ้าแม่กวนอิมพันมือ ที่ตั้งอยู่กลางสระน้ำ สีขาวสวยงาม สูง 20 เมตร แต่ละแขนแสดงถึงแต่ละด้านของศาสนาพุทธ นอกจากนี้ยังมีพระสังกัจจายน์ ที่นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางมาสักการะ ขอให้ร่ำรวยและมีความสุข บางคนเชื่อว่าจะสามารถขอบุตรได้ด้วย มาเที่ยวเกาะสมุยทั้งที ถ้าไม่ได้เหยียบหาดทราย เล่นน้ำทะเลใส ก็คงมาไม่ถึงสมุย โดยเฉพาะบรรยากาศยามเย็น พระอาทิตย์ตกริมทะเล ณ หาดตลิ่งงาม จุดชมพระอาทิตย์ตกน้ำที่สวยที่สุดของเกาะสมุย เป็นบรรยากาศที่มองแล้วผ่อนคลาย หายเหนื่อย ถือเป็นการได้พักผ่อนที่คุ้มค่าจริง ๆ สำหรับทริปนี้

✨ ที่เที่ยวห้ามพลาด สุราษฏร์ฯ – สมุย ✨ อ่านเพิ่มเติม

✨ กาฬเก่า-กาฬใหม่ ✨

TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง ร่วมกับ The Cloud ขอนำเสนอคอลัมน์ Take Me Out ชวนพิสูจน์ความเก๋ไก๋ของ ‘บึงกาฬ’ จังหวัดน้องใหม่ ที่แฝงความร่วมสมัยได้อย่างลงตัว ไม่แพ้จังหวัดพี่ ๆ อย่างแน่นอน ตั้งแต่ล่องเรือผ่านลุ่มแม่น้ำโขง สัมผัสเมืองบึงกาฬเก่า-ใหม่ กิน เที่ยว พัก และเรียนรู้วัฒนธรรมอย่างครบรส รับรองว่าจะฮักที่นี่หล้ายหลาย บึงกาฬ คือจังหวัดน้องใหม่ เกิดจากการมัดรวมบรรดา 8 อำเภอน้อยใหญ่ในจังหวัดหนองคาย และยกสถานะขึ้นเป็นจังหวัดลำดับที่ 77 ของประเทศไทย เวลาเอ่ยถึงจังหวัดนี้คนส่วนใหญ่คงคิดว่ามีอะไร ๆ คล้ายหนองคายไปเสียหมด ตั้งแต่วิถีชุมชน สัมพันธ์ไทย-ลาวเลาะริมโขง อาหารการกิน วัฒนธรรมที่เกี่ยวเนื่องกับพญานาค ไปจนถึงเกาะแก่งแหล่งน้ำตามธรรมชาติ หากปรับจูนโฟกัสให้แคบลงเข้าหาบึงกาฬสักนิด แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ทั้งหินสามวาฬ ในเขตพื้นที่อนุรักษ์เขตป่าสงวนแห่งชาติป่าดงดิบกะลา ป่าภูสิงห์ ป่าดงสีชมพู และถ้ำนาคา ในอุทยานแห่งชาติภูลังกา ซึ่งกำลังเป็นที่นิยม ก็ฟังดูคุ้นหูผู้คนในปัจจุบันนี้มากขึ้นหน่อย  แต่บึงกาฬที่เรารู้จักไม่ใช่แบบนั้น… นอกเหนือจากความดีงามที่ว่ามาแล้ว บึงกาฬยังเป็นเมืองซึ่งสอดแทรกความใหม่ร่วมสมัยเข้ากับความเก่าแก่เก๋ไก๋ได้อย่างแนบเนียน เต็มไปด้วยคนรุ่นใหม่ที่โยกย้ายกลับแดนเกิด เปิดกิจการห้างร้านเจ๋ง ๆ เลียบเคียงไปกับวิถีชีวิตดั้งเดิมของชาวบึงกาฬ ชุบชีวิตให้จังหวัดกลับมาคึกคัก เคียงคู่กับวัฒนธรรมดั้งเดิมทรงคุณค่าได้อีกครั้ง  สถานีต่อไป ‘บึงกาฬ’ เก็บสัมภาระให้พร้อมแล้วไปเที่ยวให้ม่วนซื่นนำกันโลด เพราะเราพามาตกหลุมรักจังหวัดน้องใหม่ลำดับที่ 77 ของไทย ดูทั้งเมืองบึงกาฬเก่า-กาฬใหม่ ที่สอดแทรกความร่วมสมัยได้อย่างลงตัว เราคัดมาแล้วว่าม้วนแท้แน่นอน  1 พิพิธภัณฑ์ชุมชนมีชีวิต  พิพิธภัณฑ์บ้านอีสานโบราณอายุ 60 ปีที่พลิกจาก Local สู่เลอค่า  ก้าวแรกที่ย่างกรายเข้าเขตบ้านเก่า ที่ตั้งของ พิพิธภัณฑ์ชุมชนมีชีวิต ก็หวนให้คิดถึงความทรงจำเมื่อครั้งวัยเยาว์ ผู้เฒ่าผู้แก่ และกลิ่นถ่านไม้ยามนึ่งข้าวเหนียว  พิพิธภัณฑ์นี้เกิดขึ้นด้วยความตั้งใจของ ขาบ-สุทธิพงษ์ สุริยะ ฟู้ดสไตลิสต์ชื่อดังผู้ประสบความสำเร็จในระดับโลก เขาเปลี่ยนบ้านเก่าที่ตัวเองเติบใหญ่มาเป็นพิพิธภัณฑ์กึ่งศูนย์การเรียนรู้ประจำชุมชน ต่อยอดความดีงามทุกด้านในหมู่บ้านขี้เหล็กใหญ่ อำเภอโซ่พิสัย จังหวัดบึงกาฬ ตั้งแต่สถาปัตยกรรม อาหารการกิน วิถีชีวิต และความเชื่อเรื่องพญานาค ปรับปรุงให้อยู่ในรูปแบบที่หวือหวาน่าสนใจ สมกับคอนเซ็ปต์ ‘จาก Local สู่เลอค่า’  ห้องหับยังคงจัดวางข้าวของดั้งเดิมไว้อยู่กับที่ ราวกับใช้งานอยู่เป็นนิตย์ สะท้อนชีวิตชาวบึงกาฬขนานแท้ พื้นที่จัดสรรปันส่วนให้เป็นระเบียบน่าชมสมกับเป็นพิพิธภัณฑ์ มีบริเวณกว้างโดยรอบสำหรับทำกิจกรรมที่จะสับเปลี่ยนเวียนหมุนไปตามโอกาส แถมด้วยพญานาค 4 ตระกูลสุดป๊อป สีเขียวตัดม่วงชวนมอง มื้ออาหารท้องถิ่นเสิร์ฟแบบทันสมัย เครื่องจักสานสะท้อนวัฒนธรรม สิ่งเหล่านี้คือการปรับตัวที่ฟู้ดสไตลิสต์คนเก่งประสานมือกับน้องพี่ในชุมชน   ตำบลหนองพันทา อำเภอโซ่พิสัย จังหวัดบึงกาฬ https://goo.gl/maps/ac8nDK7i6PpsfNXbA  เปิดบริการทุกวัน เวลา 08.00 – 18.00 น.  08 6229 7626  พิพิธภัณฑ์ชุมชนมีชีวิต จ.บึงกาฬ  2 สตรีทอาร์ตชุมชนบ้านขี้เหล็กใหญ่  คืนชีพชุมชนทางผ่านด้วยสตรีตอาร์พญานาคสุดจ๊าบ  มาเพลิดเพลินเจริญตาไปกับสตรีทอาร์ตแห่งหมู่บ้านขี้เหล็กใหญ่ เป็นการรวมพลังของคนในชุมชนนำคติความเชื่อเรื่องพญานาคมาดัดแปลงเป็นตัวการ์ตูนน่ารัก เพนต์ลงบนผนังเหย้าเรือนของพี่น้องชาวขี้เหล็กใหญ่ เพื่อสร้างบรรยากาศชุมชนให้มีชีวิตชีวา อบอวลด้วยมวลแห่งความคิดสร้างสรรค์ สะท้อนแนวคิดการปรับตัวให้เท่าทันสังคมที่เปลี่ยนไป โดยใช้สตรีทอาร์ตเป็นเครื่องมือสร้างสุข  แนะนำให้เดินทอดน่องลัดเลาะทั่วชุมชนทักทายแม่ป้า ด้วยรอยยิ้มบ้าง เสียงหัวเราะบ้าง คำโอภาปราศรัยจากใจบ้าง และอย่าลืมตามหา Easter Egg ที่ซุกซ่อนอยู่ตามซอกมุมทั่วหมู่บ้านนี้ล่ะ  ตำบลหนองพันทา อำเภอโซ่พิสัย จังหวัดบึงกาฬ https://goo.gl/maps/ac8nDK7i6PpsfNXbA 3 ศิลปะบำบัดในโรงพยาบาลโซ่พิสัย  ศิลปะสุดคิวต์แต่งแต้มโรงหมอ ชุบชูจิตใจทั้งคนไข้และญาติ ถ้าเบื่อบรรยากาศโรงพยาบาลรัฐแบบเดิม ๆ ลองเปลี่ยนมาใช้เวลาที่ ‘โรงพยาบาลโซ่พิสัย’ กันไหม เพราะที่นี่มีงานศิลปะสุดคิวต์ เต็มเปี่ยมไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ ลบภาพจำโรงพยาบาลรัฐแบบเดิม ๆ จนสิ้น  จากวิสัยทัศน์ของ นายแพทย์สุรพงษ์ ลักษวุธ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลโซ่พิสัย ที่ตั้งใจเปลี่ยนโรงหมอแห่งนี้เป็นบ้านหลังอบอุ่น ไม่ว่าผู้ป่วยมากน้อยรายไหนได้เข้าเขตแดนนี้มา ล้วนต้องแข็งแรงทั้งกายและใจกลับไป ญาติพี่น้องมาเฝ้าไข้ก็ต้องมีกำลังใจดี  มุมมองนี้เปิดโอกาสให้ โบ-อิสรีย์ ฉัตรดอกไม้ไพร นักเรียนจิตอาสาผู้มาฝึกงานที่พิพิธภัณฑ์ชุมชนมีชีวิต ร่วมมือกับขาบ ฟู้ดสไตลิสต์เจ้าถิ่น มาผัดแป้งแปลงโฉม แต่งแต้มสีสันเรื่องราวลงบนผืนผนังทั่วทั้งสถานพยาบาลประจำอำเภออายุ 30 ปี ให้มีชีวิตชีวา  143 หมู่ที่ 2 ตำบลโซ่ อำเภอโซ่พิสัย จังหวัดบึงกาฬ https://goo.gl/maps/w59LsSevzHSssuTp9  เปิดทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง  0 4248 5100  โรงพยาบาลโซ่พิสัย  4 วัดพระแม่ถวายพระกุมารในวิหาร โบสถ์คริสต์ริมโขงอายุ 200 ปี ศูนย์รวมจิตใจชาวคริสต์บุ่งคล้า สองข้างทางในอำเภอบุ่งคล้าเต็มไปด้วยโบสถ์คริสต์สลับกับวัดไทย ผู้คนที่นี่ต่างศาสนาแต่อยู่ร่วมกันด้วยความเคารพอย่างน่าประทับใจ ริมแม่น้ำโขง ใจกลางตัวอำเภอ คือที่ตั้งของโบสถ์คริสต์เก่าแก่อายุกว่า 200 ปี  อาจารย์โชคดี คุณโดน เล่าตำนานว่า ที่นี่เกิดขึ้นจากนักบุญชาวคริสต์ไถ่ตัวข้าไทจากเมืองลาว แล้วข้ามฟากมาตั้งรกรากที่บ้านภูสวาท ทำให้ชาวบ้านศรัทธา พร้อมเปลี่ยนมานับถือคริสต์ศาสนา และกระจายความเชื่อออกไปทั่วบริเวณหมู่บ้าน ประจักษ์หลักฐานคือโบสถ์ตรงหน้า ลำพังสถาปัตยกรรมอาจบอกเล่าเรื่องราวได้ไม่ชัดเจน แต่หากมาถูกช่วง ตรงกับหน้าเทศกาล จะได้สัมผัสประเพณีชาวคริสต์ โดยเฉพาะเทศกาลอีสเตอร์ ที่จะแห่กันขึ้นเขาไปทำพิธี หรือเทศกาลแห่ดาวในวันคริสต์มาสอีฟ  ไม่ไกลกันมี ‘คักแท๊ะ แสนพันโฮมสเตย์’ ที่พร้อมนำเที่ยวชุมชนบุ่งคล้าระดับมืออาชีพ สัมผัสสินค้าโอทอปท้องถิ่น พร้อมฟังประวัติศาสตร์เล่าขานที่ไม่ได้จดจารึกไว้ที่ไหน แต่มาจากปากผู้เฒ่าผู้แก่ในชุมชน  วัดพระแม่ถวายพระกุมารในวิหาร  ตำบลหนองเดิ่น อำเภอบุ่งคล้า จังหวัดบึงกาฬ https://goo.gl/maps/4wWW1XWhmdUZPLir6 5 กว้างคูณยาว คาเฟ่ของลูกหลานบึงกาฬที่ตั้งใจให้เป็นแลนด์มาร์กจังหวัด เขาว่ากันว่า หากคนรุ่นใหม่บึงกาฬกลับมาทุ่มทุนลงมือทำกิจการสักแห่ง ต้องเป็นเพราะความรักล้วน ๆ กว้างคูณยาว คาเฟ่ของ ธี-พิพัฒน์พงศ์ นาใจปัด ชาวบึงกาฬรุ่นใหม่คือเครื่องยืนยัน อดีตนักเรียนเบเกอรี่จากเลอ กอร์ดอง เบลอ ผู้เริ่มต้นทำร้านกาแฟและขนมหวานที่จังหวัดชลบุรีด้วยความรัก ประสบความสำเร็จมากมายจนต้องขยายสาขา สู่หัวเรี่ยวหัวแรงสร้างสรรค์คาเฟ่แห่งนี้ให้เป็นแลนด์มาร์กท้องถิ่น

✨ กาฬเก่า-กาฬใหม่ ✨ อ่านเพิ่มเติม

✨ ฮักนะ “บึงกาฬ” ✨

บึงกาฬ จังหวัดเล็กๆที่อยู่เหนือสุดของภาคอีสาน ที่ถึงแม้จะเป็นจังหวัดเล็ก ๆ แต่มีที่เที่ยวทางธรรมชาติที่ใหญ่โต อลังการหลายแห่งเลย แอดเลยอยากพาเพื่อน ๆ มาเที่ยวทิพย์ ทำความรู้จักบึงกาฬ ที่รับรองว่าจะต้องประทับใจจนต้องตะโกนบอกรักบึงกาฬออกมาดัง ๆ แน่นอน ก่อนจะออกเดินทาง อยากให้ลองเช็คมาตรการเข้าจังหวัดบึงกาฬกันก่อน โดยคลิกอ่านรายละเอียดตามลิงก์นี้ได้เลย https://www.facebook.com/RADIOBUENGKAN104.25MHZ/posts/804358170269641 (ข้อมูล ณ วันที่ 28 มิถุนายน 2564) สำหรับใครที่ยังลังเล ยังไม่พร้อมเดินทาง หรืออยากจะหาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนเดินทาง สามารถอ่านได้จาก eBook จังหวัดบึงกาฬที่ https://www.amazingthailandebook.com/issue/96 หรือสามารถดาวน์โหลดในรูปแบบ Application : Amazing Thailand eBook ได้ทั้งระบบ iOS และ Android บึงกาฬ จังหวัดที่ 77 ของประเทศไทย หลายคนส่วนใหญ่จะรู้จักจังหวัดนี้เพราะแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังอย่าง หินสามวาฬ ที่ว่ากันว่ามีอายุกว่า 75 ล้านปี ตั้งอยู่ในภูสิงห์ ที่นี่เป็นจุดชมวิวที่เพื่อน ๆ สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์กว้างไกลสุดลูกหูลูกตา เห็นผืนป่าสีเขียว ไปจนถึงเมืองปากกระดิ่ง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวเลยล่ะ ภาพมุมสูงของหินขนาดใหญ่ที่เรียงตัวกัน มองแล้วเหมือนวาฬที่แหวกว่ายอยู่ท่ามกลางป่าเขียวขจี ทั้งพ่อวาฬ แม่วาฬ และลูกวาฬ ที่จะถูกเรียกตามขนาดของหินแต่ละก้อน เป็นที่มาของชื่อ หินสามวาฬ นั่นเอง ถ้ำนาคา เป็นส่วนหนึ่งของภูเขาหินทรายชื่อ “ภูลังกา” มีอายุกว่า 70 ล้านปี ที่มาของชื่อ มาจากลักษณะลวดลายของหินและผนังถ้ำที่มีลักษณะเป็นเกล็ด คล้ายเกล็ดพญานาคที่กำลังนอนขดตัว ซึ่งทางวิทยาศาสตร์เรียกกระบวนการนี้มีว่า “ซันแครก” ( Sun Cracks) เกิดจากการขยายตัวและหดตัวของผิวหน้าของหิน ถึงแม้จะมีตะไคร้ขึ้นเขียวครึ้ม แต่ก็ให้ความรู้สึกเหมือนพญานาคจริง ๆ เลยล่ะ Cr.รูปภาพจาก https://www.facebook.com/TATPhotographSection เที่ยวทิพย์บึงกาฬทั้งที จะไม่พูดถึงภูทอกก็ไม่ได้ วัดเจติยาคีรีวิหาร หรือวัดภูทอก สถานที่ท่องเที่ยวสุด unseen อีกแห่งของบึงกาฬ ที่เพื่อน ๆ ต้องเดินลัดเลาะบนทางเดินไม้เลียบหน้าผา เพื่อขึ้นมาสักการะพระบรมสารีริกธาตุ ที่ประดิษฐาน ณ พุทธวิหาร พร้อมชมวิวที่ทั้งสูงและสวย ถึงแม้ช่วงนี้จะยังไม่เปิดให้เที่ยว แต่แอดก็อยากให้เพื่อน ๆ เตรียมร่างกายให้พร้อม ถึงฤดูกาลท่องเที่ยวของภูทอก 10 -16 เมษายนของทุกปีเมื่อไหร่ จะได้พร้อมออกเดินทางทันที ปิดท้ายกันที่บึงโขงหลง ทะเลสาบขนาดใหญ่และมีน้ำตลอดปีไม่เคยแห้ง และยังเป็นพื้นที่อนุรักษ์พันธุ์นกอีกด้วย การนั่งชมนก ดูพระอาทิตย์ตกริมบึง พร้อมกับชมวิถีชีวิตของชาวบ้าน ถือเป็นการจบทริปที่อิ่มใจ จนทำให้อยากบอกว่า ฮักนะ บึงกาฬ ดัง ๆ เลยทีเดียว

✨ ฮักนะ “บึงกาฬ” ✨ อ่านเพิ่มเติม

เสม็ดนางชี…มันดีมาก ☀

จุดชมวิวเสม็ดนางชี เป็นจุดที่สามารถมองเห็นวิวของอ่าวพังงาได้อย่างกว้างขวาง ทั้งป่าชายเลน ทะเล สลับกับภูเขาหินปูนน้อยใหญ่ ที่สำคัญ ยังเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นทางทะเลที่สวยงามมากแห่งหนึ่งของภาคใต้

เสม็ดนางชี…มันดีมาก ☀ อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top