สถานที่ท่องเที่ยว

บ้านป่าบงเปียง ชมวิวนาขั้นบันไดในอ้อมกอดขุนเขา

ในช่วงปลายฝนต้นหนาวแบบนี้ ทำให้แอดคิดถึงความชุ่มฉ่ำและธรรมชาติอันเขียวขจีที่บ้านป่าบงเปียง จังหวัดเชียงใหม่ ที่รายล้อมไปด้วยภูเขาและนาขั้นบันได ถึงปีนี้บ้านป่าบงเปียงจะยังไม่เปิดให้ท่องเที่ยว แต่แอดจะพาทุกคนไปเที่ยวทิพย์ที่หมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งนี้ให้หายคิดถึงกันค่ะ บ้านป่าบงเปียง เป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ตั้งอยู่ในอำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ จุดเด่นคือ ความสวยงามของนาขั้นบันไดและแนวเทือกเขาสุดลูกหูลูกตา ที่นี่เหมาะกับคนที่อยากใกล้ชิดธรรมชาติ และต้องการพักผ่อนแบบสงบ ที่พักในบ้านป่าบงเปียงเป็นแบบโฮมสเตย์ มีทั้งหมด 27 แห่ง แต่ละแห่งสามารถมองเห็นวิวได้ เพื่อน ๆ ลองนึกดูสิว่า ตื่นเช้ามานั่งจิบกาแฟ ทานอาหารเช้าพร้อมชมวิวนาขั้นบันได มันจะฟินขนาดไหน !! ถ้าใครเป็นสายแคมป์ปิ้ง ชอบกางเต็นท์ ทางที่พักก็มีลานกางเต็นท์พร้อมให้บริการด้วยนะ บ้านป่าบงเปียงสามารถไปเที่ยวได้เกือบทั้งปี โดยเราจะได้เห็นบรรยากาศนาขั้นบันไดที่แตกต่างกันไปตามช่วงเวลา อย่างเดือนกรกฏาคม-สิงหาคม เป็นช่วงที่ชาวบ้านเริ่มปักดำข้าว ต้นกล้าเพิ่งยืนต้น จะยังเห็นพื้นน้ำของนาข้าวอยู่ ในเวลาเย็น เมื่อแสงอาทิตย์ส่องมา จะสะท้อนกับพื้นน้ำเป็นสีทอง ส่วนเดือนกันยายน- ต้นเดือนตุลาคม ทุ่งนาเขียวขจีตัดกับสีฟ้าแจ่มๆ ของท้องฟ้า ถ่ายรูปออกมาสวยแน่นอน และถ้าวันไหนฝนตก อาจจะมีโอกาสได้เห็นหมอกอย่างใกล้ชิดอีกด้วย ปลายเดือนตุลาคม นาข้าวเป็นสีเหลืองทองอร่าม โดยชาวบ้านจะเริ่มเก็บเกี่ยวข้าวช่วงเดือนพฤศจิกายนเป็นต้นไป

บ้านป่าบงเปียง ชมวิวนาขั้นบันไดในอ้อมกอดขุนเขา อ่านเพิ่มเติม

1 วัน…ที่หนองบัวลำภู

หนองบัวลำภูเป็นจังหวัดลำดับที่ 76 โดยแยกมาจากจังหวัดอุดรธานีเมื่อปี พ.ศ. 2536 หลายคนอาจจะยังไม่ค่อยรู้จักจังหวัดนี้เท่าไหร่ แต่แอดบอกได้ว่า หนองบัวลำภูมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าเที่ยวไม่แพ้จังหวัดไหนในอีสานเลย ครบถ้วนทั้งธรรมชาติ วัฒนธรรม และวิถีชุมชน แถมด้วยผู้คนที่น่ารัก อาหารอร่อย บรรยากาศไม่พลุกพล่าน เป็นเมืองรองที่น่าเที่ยวจริง ๆ สถานที่่ท่องเที่ยว 1. วัดป่าพรหมวิหาร 2. บ้านตาดไฮ 3. บ้านท่าลาด 4.จุดชมวิวช่องเขาขาด วัดป่าพรหมวิหาร เริ่มทริปกันที่วัดป่าพรหมวิหาร ซึ่งเป็นวัดป่าสายธรรมยุตินิกาย ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2524 โดยหลวงปู่สาย เขมธมฺโม พระเกจิชื่อดังสายพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ จุดเด่นที่ดึงดูดเหล่าผู้มีศรัทธาให้มาที่นี่ก็คือ “พรหมวิหารย์เจดีย์ (เขมธัมมาเถรานุสรณ์)” องค์เจดีย์สีทองงามสง่า ชั้นล่างตั้งหุ่นรูปเหมือนหลวงปู่สาย และพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ ส่วนชั้นบนเป็นที่เก็บอัฐิของพระเถระสำคัญ และพระบรมสารีริกธาตุ ให้ประชาชนได้เข้าไปสักการะบูชา และขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคล แม้ที่นี่จะขึ้นชื่อว่าเป็นวัดป่า แต่เดินทางสะดวก สามารถขับรถไปถึงวัดได้เลย บริเวณวัดสงบร่มรื่น เหมาะกับการมาปฏิบัติธรรม จึงมีทั้งผู้ใหญ่สูงอายุ และคนหนุ่มสาวเข้ามานั่งสมาธิดับร้อนในใจกันมากมาย หากเพื่อน ๆ มาที่นี่ อย่าลืมแต่งกายให้เรียบร้อย และที่สำคัญ ใส่หน้ากากอนามัยและพกเจลล้างมือกันด้วยล่ะ : ตำบล โคกม่วง อำเภอ โนนสัง หนองบัวลำภู 39140 : เปิดทุกวัน เวลา 07:00 – 16:00 น. บ้านตาดไฮ จุดหมายต่อไปคือ บ้านตาดไฮ (ห่างจากวัดป่าพรหมวิหาร ประมาณ 4 กิโลเมตร) แอดจะพาไปชม “อ่างเก็บน้ำห้วยน้ำบองอันเนื่องมาจากพระราชดำริ” ก่อนจะเข้าหมู่บ้าน เพื่อน ๆ จะได้พบกับชิงช้าต้นตาล อยู่ริมทุ่งนา น่าถ่ายรูปมาก…งั้นก็จอดรถแวะถ่ายรูปละกัน…ฮ่าๆๆ หลังจากถ่ายรูปไปหลายแชะ แอดก็ขับรถเข้ามาในหมู่บ้าน (ประมาณ 1 กิโลเมตร) เพื่อไปชม“อ่างเก็บน้ำห้วยน้ำบองอันเนื่องมาจากพระราชดำริ” และ “สะพานเชื่อมฮัก” สะพานแพไม้ไผ่ยาวกว่า 200 เมตร ที่เกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของชาวบ้าน สร้างให้เป็นจุดเช็คอินของนักท่องเที่ยว นอกจากจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวแล้ว อ่างเก็บน้ำฯ นี้ยังเป็นแหล่งกักเก็บน้ำ ช่วยสนับสนุนการเกษตรกรรม และการอุปโภค-บริโภค เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของสัตว์น้ำช่วยเสริมอาชีพของราษฎรให้มีรายได้จากการทำประมง ช่วยพื้นที่อุทยานฯ ให้เกิดความชุ่มชื้น เป็นแหล่งอาหารสัตว์ป่า และช่วยบรรเทาอุทกภัยอีกด้วย บริการนำเที่ยว 50 บาท/คน เหมาลำเที่ยวละ 200 บาท (นั่งได้ 8 คน) เหมาลำเที่ยวถ้ำ 300 บาท (นั่งได้ 8 คน) : ตำบล โคกม่วง อำเภอ โนนสัง หนองบัวลำภู 39140 : เปิดทุกวัน : 0 4281 2812 (ททท. สำนักงานเลย-หนองบัวลำภู) บ้านท่าลาด จากบ้านตาดไฮ ขับรถไปตามถนนสาย 3002 แอดจะพาไป “บ้านท่าลาด” ชมวิถีชีวิตชาวประมง และทิวทัศน์รอบเขื่อนอุบลรัตน์ พร้อมไปแวะชมการปรุงและแปรรูปปลาที่กลุ่มแปรรูปปลาบ้านท่าลาด มีทั้งปลาส้ม ปลาร้า ปลาวง ปลาพวง ฯลฯ มากมายสมกับฉายาคลังปลาแห่งที่ราบสูงเลยล่ะ ที่แอดว่าเด็ดสุดก็คือ “ปลาส้มสายดี่ยว” ที่ใช้ปลาน้ำจืดจากอ่างเก็บน้ำเขื่อนอุบลรัตน์มาปั้นเป็นก้อน พันด้วยใบตองฉีกเพื่อไม่ให้เนื้อปลาติดกัน เวลากินก็แค่นำไปทอด กินกับข้าวเหนียว แซ่บทีเดียว นอกจากชมการแปรรูปปลาแล้ว แอดจะพาเพื่อน ๆ นั่งเรือเข้าไปชมกลุ่มแพยอยักษ์ (ยอสะดุ้ง) จำนวนหลายร้อยลำ ที่ลอยจับปลาอยู่บนผิวน้ำของเขื่อนอุบลรัตน์ฝั่งโนนสัง วิวสวย ลมดีไม่แพ้ที่ไหน  ค่าบริการนั่งเรือ เหมาลำละ 500 บาท นั่งได้ 4 คน  ตำบล หนองเรือ อำเภอ โนนสัง หนองบัวลำภู 39140  เปิดทุกวัน  0 4281 2812 (ททท. สำนักงานเลย-หนองบัวลำภู) ถ้าเพื่อน ๆ ยังช้อปปิ้งผลิตภัณฑ์ปลาได้ไม่หนำใจ สามารถไปช้อปเพิ่มที่ “บ้านท่าศิลา” บนถนนสาย 2146 (โนนสัง-อุบลรัตน์) ซึ่งเป็นที่ตั้งของ “ถนนสายปลา” ที่นี่มีจำหน่ายทั้งปลาสด และผลิตภัณฑ์ปลาแปรรูปให้เลือก จุดชมวิวช่องเขาขาด ที่สุดท้ายที่แอดจะพาเพื่อน ๆ มาก็คือ “จุดชมวิวช่องเขาขาด” นอกจากจะเป็นจุดที่สามารถชมวิวตอนเย็นของเขื่อนอุบลรัตน์ได้สวยสุด ๆ แล้ว ที่นี่เป็นจุดแบ่งเขตจังหวัด ระหว่างจังหวัดหนองบัวลำภูกับจังหวัดขอนแก่น และอยู่ใกล้กับอุทยานแห่งชาติภูเก้า-ภูพานคำอีกด้วย ถ้าเพื่อน ๆ เป็นสายตั้งแคมป์ก็สามารถมากางเต็นท์ที่แหลมสำราญภายในอุทยานได้เลย โดยจะมีค่าบริการดังนี้ อัตราค่าบริการ คนไทยผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท ชาวต่างชาติผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาท ค่าบริการพาหนะ/คัน จักรยาน ฟรี จักรยานยนต์ 20 บาท รถยนต์ 4 ล้อ 30 บาท รถยนต์ 6 ล้อ 100 บาท รถยนต์ 6 ล้อขึ้นไป 200 บาท ค่าค้างคืนละ 30 บาท/คน วิวพระอาทิตย์ตกของช่องเขาขาด

1 วัน…ที่หนองบัวลำภู อ่านเพิ่มเติม

ปลายฝนต้นหนาว ดอกไม้ผลิบาน 🌸🍃

การไปเที่ยวช่วงหน้าฝน นอกจากเราจะได้สัมผัสความสดชื่นชุ่มฉ่ำ ได้เห็นวิวสวย ๆ หมอกเยอะ ๆ แล้ว ก็ยังเป็นช่วงที่ดอกไม้สวยไม่แพ้หน้าหนาวเลย โดยเฉพาะดอกไม้ที่ออกดอกหน้าฝน แต่ละต้นแข่งกันสวยไม่มีแผ่ว วันนี้แอดจะพาไปชมดอกไม้บานยามหน้าฝนกันเพลิน ๆ ค่ะ มีที่ไหนบ้าง ไปดูกัน🌿 🌷 ไม่ว่าเพื่อน ๆ จะเดินทางไปเที่ยวสวนดอกไม้ที่ไหน ก็ต้องปฏิบัติตามป้ายคำแนะนำของสถานที่อย่างเคร่งครัด ไม่ทำลายหรือเด็ดดอกไม้กันน้า 😊 ดอกลิ้นมังกร น้ำตกหมันแดง อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า จังหวัดพิษณุโลก ดอกลิ้นมังกร หรือสังหิน หรือปัดแดง หรือว่านยานกเว้ เป็นกล้วยไม้ดินที่มีหลากหลายสี ทั้งสีส้ม สีแดง และสีชมพู ฤดูฝนจะเป็นช่วงเดียวของปีที่เราจะได้พบลิ้นมังกรบานสะพรั่งในป่าดิบตามโขดหินใกล้ ๆ น้ำตกหมันแดง การไปชมดอกลิ้นมังกร จะต้องเดินเท้าเข้าไปยังน้ำตกหมันแดงชั้นที่ 5 ระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร และต้องติดต่อเจ้าหน้าที่นำทางไปด้วยนะคะ ช่วงฤดูออกดอก : ปลายเดือนกรกฎาคม – กลางเดือนสิงหาคม สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า อ.นครไทย จ.พิษณุโลกโทร.0 5535 6607, 08 1596 5977ททท.สำนักงานพิษณุโลกโทร.0 5525 2742-3 ดอกหงอนนาค จังหวัดอุตรดิตถ์ ที่สุดของความสวยงามบนลานสนภูสอยดาว จังหวัดอุตรดิตถ์ เพื่อน ๆ ห้ามพลาดกันเลยนะ เพราะดอกหงอนนาคจะบานในหน้าฝนเท่านั้นดอกหงอนนาคเป็นพืชล้มลุก มีดอกเล็ก ๆ สีม่วงอ่อน แอดขอเรียกว่าเป็นสีม่วงพาสเทลแล้วกัน น่ารักมินิมอลมากค่ะ ใครมีแพลนพิชิตยอดภูสอยดาว เก็บภาพความประทับใจกับดอกหงอนนาค อย่าลืมเตรียมร่างกายให้พร้อม เพราะกว่าเราจะขึ้นไปถึงก็ต้องใช้พลังกายเยอะสักหน่อย ควรติดต่อกับทางอุทยานฯ เรื่องเจ้าหน้าที่นำทางและลูกหาบล่วงหน้ากันไว้ด้วยค่ะ ช่วงฤดูออกดอก : เดือนสิงหาคม – กันยายน (ดอกหงอนนาคจะบานในช่วงสาย ประมาณ 9 โมงไปจนถึงเที่ยงวัน) สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโทร. 095 629 9528, 095 024 7633, 091 024 7633 ดอกเปราะภูขาว อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า จังหวัดพิษณุโลก ดอกเปราะภู เป็นดอกไม้อีกชนิดหนึ่งที่หาชมได้แค่ช่วงฤดูฝน พบมากบริเวณทางเดินไปยังลานหินปุ่มและบริเวณผาชูธง อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า จังหวัดพิษณุโลก เปราะภูจะออกดอกเป็นช่อ ขึ้นแทรกตามกอหญ้าสีเขียว สีตัดกันสวยงามมาก ปกติเปราะภูจะมีสีขาว และสีชมพู แต่ที่ภูหินร่องกล้าจะเป็นสีขาวเท่านั้น นอกจากที่อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้าแล้ว สามารถชมเปราะภูสีชมพูได้ที่อุทยานแห่งชาติภูกระดึง ยอดภูเรือ และภูหลวง จังหวัดเลย ช่วงฤดูออกดอก : กลางเดือนมิถุนายน – กลางเดือนกรกฎาคม จะเป็นช่วงที่ดอกเปราะภูขาวสวยที่สุด ขอบคุณรูปภาพจากอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า อ.นครไทย จ.พิษณุโลกโทร.0 5535 6607, 08 1596 5977ททท.สำนักงานพิษณุโลกโทร.0 5525 2742-3 ดอกเทียนปีกผีเสื้อ จังหวัดตาก เทียนปีกผีเสื้อ หรือ เทียนอุ้มผาง เป็นพืชเฉพาะถิ่น พบเฉพาะที่จังหวัดตาก ตามลานหินปูนของบริเวณดอยหัวหมด ดอกเทียนปีกผีเสื้อมีสีชมพูอมม่วง กลีบดอกมีลักษณะกางออกคล้ายผีเสื้อ เมื่อถึงช่วงดอกบานเต็มทุ่ง บนดอยนี้จะเหมือนมีผีเสื้อบินอยู่เต็มไปหมด นอกจากเราจะได้ชมดอกเทียนปีกผีเสื้อบนดอยหัวหมดแล้ว ในอำเภออุ้มผางยังขึ้นชื่อในเรื่องของแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติอีกด้วย ช่วงฤดูออกดอก : ปลายเดือนกรกฎาคม – เดือนกันยายน สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมททท. สำนักงานตากโทร.0 5551 4341-3

ปลายฝนต้นหนาว ดอกไม้ผลิบาน 🌸🍃 อ่านเพิ่มเติม

ข้อควรปฏิบัติในการขับขี่รถยนต์เมื่อพบสัตว์ป่าในเขตอุทยานแห่งชาติ

หลังจากไม่ได้ออกไปเที่ยวหลายเดือน เพื่อน ๆ หลายคนน่าจะโหยหาธรรมชาติ ซึ่งอุทยานแห่งชาติก็เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่ให้เราได้ไปสัมผัสธรรมชาติสวย ๆ เวลาขับรถไปเที่ยวในเขตอุทยานฯ บางครั้งเราอาจจะพบกับสัตว์ป่าที่ออกมาเดินตามถนน อย่าง ช้าง ลิง และกวาง แอดจึงมีคำแนะนำในการขับรถในเขตอุทยานฯ เพื่อความปลอดภัยของเพื่อน ๆ และสัตว์ป่ามาฝากค่ะ เมื่อขับรถในเขตอุทยานฯ ควรใช้ความเร็วไม่เกิน 60 กิโลเมตร/ชั่วโมง เพื่อความปลอดภัยของผู้ขับขี่และสัตว์ป่าที่อาจจะมาเดินบนถนน ไม่ส่งเสียงดังหรือบีบแตรไล่สัตว์ เพราะอาจจะเป็นการยั่วยุ หรือดึงดูดให้สัตว์เข้ามาหา ควรติดเครื่องยนต์ไว้ตลอด หากสัตว์เข้ามาใกล้และมีท่าทีคุกคาม จะได้เคลื่อนรถหนีได้ทัน งดใช้แฟลชในการถ่ายรูป และไม่ควรลงจากรถมาถ่ายรูปสัตว์ ถ้าต้องขับรถในเวลากลางคืน ให้เปิดไฟหน้าไว้เสมอ เพื่อสามารถเห็นพฤติกรรมและทิศทางการเดินของสัตว์ หากพบช้างป่า ให้หยุดรถห่างจากช้างอย่างน้อย 50 เมตร หากช้างเข้าใกล้ให้เคลื่อนรถหนี หรือรอให้ช้างเดินหลบไปก่อน แล้วค่อยออกรถ หากมีเหตุฉุกเฉินให้โทรแจ้งเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ที่นักท่องเที่ยวเดินทางไปเที่ยว ฝึกสังเกตอารมณ์ของช้าง ถ้าช้างอารมณ์ดี หูจะสะบัดไปมา หางจะแกว่งและใช้ง่วงสะบัดไปมา ไม่ค่อยสนใจเรา ถ้าช้างอารมณ์ไม่ดี หูจะกาง หางชี้ ง่วงจะนิ่งแข็งแตะอยู่ที่พื้น หรือใช้ง่วงตีพื้น และจ้องมาที่เรา ขอบคุณข้อมูลจาก สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า

ข้อควรปฏิบัติในการขับขี่รถยนต์เมื่อพบสัตว์ป่าในเขตอุทยานแห่งชาติ อ่านเพิ่มเติม

ถาม-ตอบ คลายข้อสงสัยโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3 EP 3

สำหรับเพื่อน ๆ ที่มีข้อข้องใจนอกเหนือจากที่แอดนำเสนอในบทความนี้ สามารถอ่านเพิ่มเติมได้จากบทความด้านล่างได้เลย ถาม-ตอบ คลายข้อสงสัยโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3 ถาม-ตอบ คลายข้อสงสัยโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3 EP 2

ถาม-ตอบ คลายข้อสงสัยโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3 EP 3 อ่านเพิ่มเติม

ส่องสัตว์ซาฟารีเมืองไทย อุทยานแห่งชาติกุยบุรี 🐘🌿

มุ่งหน้าสู่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ที่ไม่ได้มีแค่ทะเล วันนี้แอดจะชวนเพื่อน ๆ เปลี่ยนบรรยากาศเข้าป่ามาส่องสัตว์กันค่ะ “อุทยานแห่งชาติกุยบุรี” เป็นถิ่นอาศัยของสัตว์ป่า มีพรรณไม้หายาก และยังเป็นสวรรค์ของสายเที่ยว Wildlife เลยล่ะ เพราะเราจะได้เห็นสัตว์ป่าจำนวนมากท่ามกลางธรรมชาติแบบใกล้ชิด ที่สำคัญอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ อีกด้วย ยิ่งในสถานการณ์ช่วงนี้ นั่งทำงานกันอยู่บ้านกันนาน ๆ คงจะเบื่อกันใช่มั้ย แต่เราคงต้องชะลอการเดินทางท่องเที่ยวไว้ก่อน แหล่งท่องเที่ยวหลายพื้นที่ก็ยังไม่เปิดให้บริการ แต่เพื่อน ๆ เก็บข้อมูลเส้นทางเหล่านี้ไว้ได้นะคะ รอให้สถานที่ท่องเที่ยวเหล่านี้กลับมาเปิดต้อนรับเราอีกครั้ง ออกไปเปิดหูเปิดตากับธรรมชาติเขียว ๆ กันนะ หากใครยังไม่เคยมา ต้องลองไปเห็นกับตาดูสักครั้งบอกเลยว่า feel good มาก ๆ : ) สำหรับทริปนี้ เพื่อความสะดวก เพื่อน ๆ สามารถเริ่มต้นจากอำเภอหัวหิน ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่งก็จะถึงอุทยานแห่งชาติกุยบุรีแล้วค่ะ อุทยานแห่งชาติกุยบุรีมีพื้นที่ครอบคลุมอำเภอปราณบุรี อำเภอสามร้อยยอด อำเภอกุยบุรี และอำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ สภาพแวดล้อมโดยรอบเป็นเทือกเขาสลับซับซ้อนและเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาตะนาวศรีค่าบริการเข้าอุทยานฯ: ผู้ใหญ่ 200 บาท อุทยานแห่งชาติกุยบุรี บ้านย่านซื่อ ตำบลหาดขาม อำเภอกุยบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์โทร. 08 1776 2410, 0 3251 0453https://goo.gl/maps/e6V5B3n6zgrJiHuy7 ในอดีตพื้นที่ป่ากุยบุรี เกิดความขัดแย้งระหว่างคนกับช้างป่า พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ได้พระราชทานแนวพระราชดำริว่า ควรฟื้นฟูป่า สร้างแหล่งอาหารแหล่งน้ำให้ช้างป่า เพื่อไม่ให้ช้างป่าออกมาหาอาหารในเขตการเกษตรของชาวบ้าน “โครงการอนุรักษ์และฟื้นฟูสภาพป่า บริเวณป่าสงวนแห่งชาติกุยบุรี อันเนื่องมาจากพระราชดำริ” จึงถือกำเนิดขึ้น และประสบความสำเร็จอย่างดี ช้างป่าเพิ่มจำนวน พืชไร่ของชาวบ้านปลอดภัย และผืนป่าก็กลับมาสมบูรณ์ กิจกรรมที่ห้ามพลาดคือ กิจกรรมชมช้างป่าและชมกระทิง ที่จะออกมาหากินเป็นฝูงแบบนี้ หากโชคดีอาจได้เห็น วัวแดง ที่อาศัยรวมอยู่ในฝูงกระทิงอีกด้วย แอดบอกเลยว่า หากใครเป็นสายถ่ายรูป Wildlife ต้องไม่พลาดที่นี่ คือดีงามสุด ๆ ขอบคุณรูปภาพจากเพจ อุทยานแห่งชาติกุยบุรี – Kui Buri National Park กิจกรรมชมสัตว์ป่าที่นี่จะอยู่ภายใต้การควบคุมความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่อุทยานฯ นักท่องเที่ยวต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด สำหรับการเดินทางเข้าไปชมสัตว์ ทางอุทยานฯ ไม่อนุญาตให้นำรถยนต์ส่วนตัวเข้าไปเอง เนื่องจากสัตว์ป่าภายในอุทยานฯ มีจำนวนมากและออกหากินกระจายในพื้นที่ อาจทำให้เกิดอันตรายได้ หากไม่ชำนาญเส้นทาง นักท่องเที่ยวสามารถเหมารถของชมรมท่องเที่ยวอนุรักษ์สัตว์ป่ากุยบุรี ซึ่งเป็นชาวบ้านที่ผ่านการอบรมและทำหน้าที่ร่วมกับอุทยานฯ พานักท่องเที่ยวเข้าไปชมสัตว์ตามจุดต่าง ๆ ขอบคุณรูปภาพจากเพจ อุทยานแห่งชาติกุยบุรี – Kui Buri National Park ข้อปฏิบัติในการเข้าชมสัตว์ป่า หากเจอสัตว์ป่าระหว่างทาง นักท่องเที่ยวต้องอยู่บนรถ ไม่ควรเข้าไปใกล้กับช้างป่าหรือสัตว์ป่าทุกชนิด ไม่ส่งเสียงดัง ใช้กล้องไม่เปิดแฟลช และไม่ควรให้อาหารสัตว์ป่า เนื่องจากทางอุทยานฯ จะทำแหล่งอาหารและแหล่งน้ำให้กับสัตว์ป่าอยู่แล้ว เช่น โป่งเทียม หรือการทำแปลงหญ้า ช่วงเวลาที่อนุญาตให้เข้าชมสัตว์ป่า คือ 14.00-17.00 น. ใช้เวลาประมาณ 3-4 ชั่วโมงในการชม (ขึ้นอยู่กับการตกลงกันว่าจะชมนานแค่ไหน) กิจกรรมชมสัตว์ป่า นักท่องเที่ยวสามารถมาเที่ยวได้ภายใน 1 วัน หรือหากอยากจะพักค้างคืนก็มีที่พักโฮมสเตย์ให้บริการ ขอบคุณรูปภาพจากเพจ ชมรมท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์สัตว์ป่ากุยบุรี ค่าบริการรถเข้าชมรวมไกด์นำเที่ยว-คันละ 850 บาท นั่งไม่เกิน 8 คน ขอบคุณรูปภาพจากเพจ ชมรมท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์สัตว์ป่ากุยบุรี นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวยังสามารถชื่นชมธรรมชาติไปตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติต่าง ๆ ภายในอุทยานแห่งชาติกุยบุรี ระยะทางประมาณ 800 เมตร ถึง 3,000 เมตร หนึ่งในเส้นทางที่น่าสนใจก็คือ การไปชมตอไม้จันทน์หอม ที่ใช้สร้างพระบรมโกศของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ไม้จันทน์หอม จัดเป็นไม้มีค่าและหายาก มีกลิ่นหอมทุกส่วนของลำต้น ตั้งแต่ แก่น เปลือก กระพี้ พบมากที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรีนี่เอง อีกจุดที่แนะนำก็คือ น้ำตกแพรกตะคร้อ น้ำตกขนาดใหญ่ เป็นต้นน้ำลำธารของลุ่มน้ำปราณบุรี แตกแขนงเป็นลำธารไหลคดเคี้ยวไปทั่ว ทิวทัศน์สวยงาม ความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่าทำให้น้ำตกแพรกตะคร้อมีน้ำใส ไหลเย็นตลอดทั้งปี แต่ถ้ามาเที่ยวช่วงฤดูฝน แนะนำให้ใช้รถ 4WD ชมรมท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์สัตว์ป่ากุยบุรี บ้านรวมไทยมีกิจกรรมเกี่ยวกับการอนุรักษ์หลายอย่าง หากสนใจลองติดต่อได้ค่ะโทร. 08 5266 1601 (พี่บัว) ช้างป่าโฮมสเตย์ค่าที่พัก คนละ 200 บาท ไม่รวมอาหารค่าที่พัก คนละ 750 บาท รวมอาหาร 2 มื้อ (พาขึ้นไปชมพระอาทิตย์ยามเช้า บริการชา กาแฟ) ขอบคุณรูปภาพจากเพจ อุทยานแห่งชาติกุยบุรี – Kui Buri National Park

ส่องสัตว์ซาฟารีเมืองไทย อุทยานแห่งชาติกุยบุรี 🐘🌿 อ่านเพิ่มเติม

ถาม-ตอบ คลายข้อสงสัยโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3 EP 2

สำหรับเพื่อน ๆ ที่มีข้อข้องใจนอกเหนือจากที่แอดนำเสนอในบทความนี้ สามารถอ่านเพิ่มเติมได้จากบทความด้านล่างได้เลย ถาม-ตอบ คลายข้อสงสัยโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3

ถาม-ตอบ คลายข้อสงสัยโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3 EP 2 อ่านเพิ่มเติม

✨ เขาล้อมหมวก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ✨

เขาล้อมหมวกเป็นสถานที่ปีนเขาที่ไม่ได้เปิดตลอด 365 วัน โดยปกติจะเปิดเป็นรอบ ๆ ตามประกาศของกองบิน 5 ให้นักท่องเที่ยวได้ขึ้นไปชมความงามของธรรมชาติ แต่จากสถานการณ์ปัจจุบัน ทำให้เดินทางไปได้ยาก แอดเลยจะพาเพื่อน ๆ มาปีนเขาทิพย์กันก่อน ตามมาปีนด้วยกันได้เลย 📍 ตำบลเกาะหลัก อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์⏰ เปิดให้เข้าชม เวลา 06.00-10.00 น. (สอบถามรอบวันขึ้นเขาได้จากหน่วยงานที่ดูแล)📞 0 3261 1017 ต่อ (60202)(60215) , 08 0373 1876🌐 https://goo.gl/maps/cPWrGC9aQ7sqSAEd9 อย่าลืมเช็คมาตรการในการเดินทางเข้าจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้ที่ https://www.facebook.com/ssjpcko/ สำหรับใครที่ยังไม่พร้อมหรือยังไม่สะดวกเดินทาง สามารถอ่าน eBook จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้ที่ https://www.amazingthailandebook.com/issue/32 หรือสามารถดาวน์โหลดในรูปแบบ Application : Amazing Thailand eBook ได้ทั้งระบบ iOS และ Android https://mobile.amazingthailandebook.com/redirect/ ก่อนอื่นแอดขอแนะนำเขาล้อมหมวกสำหรับคนที่ไม่รู้จักก่อน เขาล้อมหมวก  ตั้งอยู่ในเขตกองบิน 5 ระหว่างอ่าวมะนาวและอ่าวประจวบ เป็นภูเขาหินปูนสูง 902 ฟุต บนยอดเขาสามารถชมวิวได้แบบ 360 องศา วิวอลังการสุด ๆ สามารถมองเห็นอ่าวของประจวบคีรีขันธ์ทั้งหมดได้แบบพาโนราม่าเลยล่ะ การเดินทาง แอดขอแนะนำรถยนต์ส่วนตัว สะดวกที่สุด จากตัวเมืองประจวบคีรีขันธ์ ใช้เวลาประมาณ 10 นาทีเท่านั้น (4-5 กิโลเมตรจากตัวเมือง) ขับเลาะทะเลมาเพื่อเข้าสู่กองบินที่ 5 ขับตามป้าย “เขาล้อมหมวก” มาเรื่อย ๆ จนถึงเต็นท์กองอำนวยการ แถว ๆ ลานกิจกรรมบริเวณศาลเจ้าพ่อเขาล้อมหมวก ซึ่งเป็นจุดลงทะเบียนได้เลย ก่อนขึ้นเขาล้อมหมวก เพื่อน ๆ สามารถไปที่ศาลเจ้าพ่อเขาล้อมหมวก ศาลที่ชาวบ้านในพื้นที่เชื่อว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ผู้ดูแลคุ้มครองพื้นที่แห่งนี้ สามารถเข้าไปสักการะภายในศาลได้เลย จะมีดอกไม้ธูปเทียนเตรียมไว้ให้  หากพร้อมแล้ว เริ่มเดินกันได้เลยเส้นทางขึ้นสู่เขาล้อมหมวก แบ่งเป็น 8 จุดบริการ มีเจ้าหน้าที่ประจำอยู่ทุกจุด โดย 3 จุดแรก เป็นทางเดินแบบขั้นบันไดจำนวน 496 ขั้น (เดินง่ายแต่เหนื่อยมาก) ส่วนระยะทางที่เหลืออีก 5 จุดนั้น ต้องใช้มือและเท้าพยุงตัวไต่ไปตามแนวหิน ระดับความชันมีตั้งแต่ 45-90 องศา โดยจะมีเชือกให้เกาะไปตามเส้นทาง (เดินยากแต่สนุกมาก)  ระหว่างทางเดินขึ้นเขา เราจะพบกับฝูงค่างแว่นถิ่นใต้เป็นระยะ  เนื่องจากค่างเเว่นถิ่นใต้เป็นสัตว์ป่า จึงไม่ควรให้อาหาร เพราะอาจเกิดอันตราย และมีผลต่อพฤติกรรมของสัตว์ได้  ขอบคุณรูปรูปภาพสวย ๆ จากช่างภาพ : ธเนศ งามสม  เมื่อเริ่มขึ้นสูงวิวก็ยิ่งสวย หลังจากใช้เวลาไปประมาณ 1.30 ชั่วโมง แอดก็มาถึงยอดเขา บอกเลยว่าสวยมาก วิวประทับใจคุ้มค่ากับความเหนื่อยจริง ๆ  หากสถานการณ์ดีขึ้น เพื่อน ๆ ที่สนใจ สามารถติดตามประกาศขึ้นเขาล้อมหมวก และข่าวสารต่าง ๆ ได้ที่ : https://www.facebook.com/กิจกรรมพิชิตยอดเขาล้อมหมวก  รายละเอียดการขึ้นยอดเขาล้อมหมวก– เปิดลงทะเบียน ณ จุดขึ้นเขา เวลา 06.00 – 10.30 น. (หากมาหลัง 10.30 น. จะไม่อนุญาตให้ขึ้นเขา)– ลงทะเบียนแล้วขึ้นได้เลยภายในเวลาที่กำหนด ไม่มีรอบ ไม่ต้องจองล่วงหน้า– ไม่จำกัดจำนวนคนขึ้นเขา– เวลา 12.00 น. เจ้าหน้าที่จะให้ลงจากยอดเขาทุกคน– ไม่มีค่าใช้จ่าย– ขึ้นได้ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ– แจ้งขอรับใบประกาศนียบัตรที่ระลึกได้ มีค่าธรรมเนียม 40 บาท (ไม่บังคับ)– ขาขึ้นใช้เวลาประมาณ 40 นาที- 2 ชั่วโมง (ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกาย) ขาลงใช้เวลาประมาณ 20 – 40 นาที  สิ่งที่ต้องเตรียม– ฟิตร่างกายให้พร้อม– เตรียมน้ำดื่มไปจิบระหว่างทาง (แต่ต้องนำลงมาทิ้งข้างล่างด้วยนะ)– สวมถุงมือ (กันเชือกบาด) มีขาย 20 บาท บริเวณร้านค้าด้านล่าง– สวมชุดทะมัดทะแมง และรองเท้าผ้าใบ  ทั้งนี้แอดมีข้อแนะนำเพิ่มเติมคือ กิจกรรมนี้ไม่เหมาะสำหรับเด็กและผู้สูงอายุ ผู้ที่มีโรคประจำตัวเช่น โรคหัวใจและโรคหอบหืด 

✨ เขาล้อมหมวก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ✨ อ่านเพิ่มเติม

✨ คำแนะนำพาสัตว์เลี้ยงเที่ยว ✨

แอดเชื่อว่าเพื่อน ๆ ที่มีสัตว์เลี้ยง ต้องมีสักครั้งที่คิดอยากจะพาน้อง ๆ ไปเที่ยวด้วย แต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มยังไง วันนี้แอดมีคำแนะนำเล็ก ๆ น้อย ๆ ในการพาน้อง ๆ ออกไปเที่ยวด้วย ตามไปอ่านกันเลยยย 1.ตรวจสุขภาพก่อนเดินทาง 🐦 แนะนำให้พาน้อง ๆ ไปตรวจสุขภาพกับสัตวแพทย์ก่อน เพื่อให้มั่นใจว่าแข็งแรงและพร้อมที่จะเดินทาง เพราะถ้าพาเขาไปตอนป่วยคงไม่ดีแน่ ที่สำคัญ อย่าพาน้อง ๆ ที่กำลังตั้งท้องออกเดินทางนะ 2.เตรียมรถยนต์ 🐈 แนะนำให้ใช้เบาะหลัง โดยสวมปลอกคอและผูกสายจูงไว้กับที่จับด้านข้างประตู เพื่อให้เขาอยู่กับที่ หรือจะคาดเข็มขัดนิรภัยสำหรับสัตว์เลี้ยงก็ได้ ถ้าตัวเล็ก แนะนำให้อยู่ในกรง เนื่องจากสัตว์เลี้ยงบางตัวชอบวิ่งเล่น หรือปีนป่าย อาจรบกวนสมาธิคนขับ หรือเกิดอุบัติเหตุได้ ในการเดินทางด้วยรถ ไม่ควรเดินทางทันทีที่กินอิ่ม ควรให้น้อง ๆ กินก่อนขึ้นรถไม่น้อยกว่า 2 ชั่วโมง ป้องกันการเมารถและอาเจียน 3.เตรียมปลอกคอ สายจูง เหรียญระบุตัวสัตว์เลี้ยง 🐕‍🦺 เมื่อพาสัตว์เลี้ยงออกนอกบ้าน ควรใช้ปลอกคอและสายจูงเสมอ รวมทั้งห้อยเหรียญระบุตัวที่ใส่ชื่อและเบอร์ติดต่อของเจ้าของ หากพลัดหลง ผู้พบเห็นจะได้ติดต่อเจ้าของได้ ปัจจุบันยังมีอีกหนึ่งทางเลือกก็คือ การฝังไมโครชิพให้สัตว์เลี้ยง ซึ่งภายในชิพจะระบุข้อมูลเพื่อสืบค้นเมื่อเกิดกรณีสัตว์เลี้ยงหาย โดยไมโครชิพจะมีรหัสเป็นตัวเลข 15 หลักตามมาตรฐานสากล รหัส 3 ตัวแรกเป็นรหัสประเทศที่สัตว์อยู่ ส่วนรหัสอีก 12 ตัวจะเป็นข้อมูลเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง เช่น ชนิด สายพันธุ์ สี อายุ เพศ ตำหนิ รวมไปถึงข้อมูลเจ้าของ ทั้งชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ และช่องทางติดต่ออื่น ๆ หากเพื่อน ๆ ต้องการฝังไมโครชิพให้น้อง ๆ สามารถทำได้โดยการแจ้งความประสงค์แก่สถานพยาบาลสัตว์หรือคลินิกสัตวแพทย์ และทำการนัดหมายเวลา พร้อมเตรียมเอกสาร อย่าง สำเนาบัตรประชาชนของเจ้าของ สำเนาทะเบียนบ้านที่สัตว์เลี้ยงอาศัยอยู่ หนังสือรับรองทะเบียนตัวสัตว์เลี้ยงที่จะฝังไมโครชิพ ซึ่งหลังจากตรวจเอกสารเรียบร้อยแล้ว เจ้าหน้าที่จะดำเนินการฝังไมโครชิพ พร้อมออกเอกสารรับรองการฉีดไมโครชิพให้ เป็นอันเสร็จเรียบร้อย 4.น้ำดื่ม อาหาร 🦮 แนะนำให้เพื่อน ๆ เตรียมน้ำและอาหารให้เพียงพอสำหรับการเดินทางในแต่ละครั้ง ถ้าเดินทางในช่วงอากาศร้อน ควรเตรียมน้ำเผื่อให้มากขึ้นอีกสักหน่อย เพราะน้อง ๆ อาจต้องการดื่มน้ำมากกว่าปกติ อย่าลืมชามอาหาร และชามใส่น้ำ (ถ้าเป็นแบบมีฝาปิดจะสะดวกในการใช้งานมาก) 5.ถุงพลาสติกสำหรับเก็บขยะ กระดาษทิชชู่ 🐩 เป็นสิ่งสำคัญมากในการพาน้อง ๆ เที่ยว ควรเก็บกวาดหลังการขับถ่ายของน้อง ๆ ให้เรียบร้อย เพื่อรักษาความสะอาด ลดกลิ่นไม่พึงประสงค์ และช่วยรักษาบรรยากาศที่ดีของสถานที่ท่องเที่ยวอีกด้วย 6. วางแผนล่วงหน้าไว้ทุกเส้นทาง 🐕 ทุกครั้งก่อนออกเดินทาง เพื่อน ๆ ต้องหาข้อมูลและตรวจสอบก่อนทุกครั้ง ว่าสถานที่เราจะไปสามารถพาสัตว์เลี้ยงไปด้วยได้ ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร โรงแรม บังกะโล หรือแม้แต่การนอนเต็นท์ ต้องมั่นใจว่าสถานที่นั้นอนุญาตจริง ๆ ที่สำคัญ อย่าลืมเตรียมเอกสารสำคัญ เช่น ใบรับรองการฉีดวัคซีน ประวัติการแพ้ยา เบอร์โทรศัพท์ของสัตวแพทย์ประจำ และสถานพยาบาลปลายทางสำหรับกรณีฉุกเฉินไว้ด้วย

✨ คำแนะนำพาสัตว์เลี้ยงเที่ยว ✨ อ่านเพิ่มเติม

✨ อ่างเก็บน้ำแก่งกระจาน ✨

สุดสัปดาห์นี้แอดจะชวนไปเที่ยว “อ่างเก็บน้ำแก่งกระจาน” สถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตสำหรับชาวแคมป์ปิ้ง อยู่ใกล้กรุงเทพฯ เหมาะกับการพักผ่อนทริปสั้น ๆ นอกจากนี้ แอดยังมีอัปเดตมาตรการ New Normal มาฝากด้วย อย่าลืมเช็คมาตรการในการเดินทางเข้าจังหวัดเพชรบุรี ได้ที่ https://www.facebook.com/phetburihealth/สำหรับใครที่ยังไม่พร้อมหรือยังไม่สะดวกเดินทาง สามารถอ่าน eBook จังหวัดเพชรบุรีได้ที่ https://www.amazingthailandebook.com/issue/33 หรือสามารถดาวน์โหลดในรูปแบบ Application : Amazing Thailand eBook ได้ทั้งระบบ iOS และ Android https://mobile.amazingthailandebook.com/redirect/ อ่างเก็บน้ำแก่งกระจาน ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ซึ่งเป็นอุทยานที่มีพื้นที่กว้างใหญ่ที่สุดของไทย อีกทั้งยังเป็นป่าต้นน้ำลำธารของแม่น้ำเพชรบุรี และแม่น้ำปราณบุรี มีพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขาสลับซับซ้อนอยู่ในแนวทิวเขาตะนาวศรี อ่างเก็บน้ำแก่งกระจาน เกิดจากการสร้างเขื่อนดินปิด 3 ช่องทางระหว่างหุบเขา ทำให้น้ำเอ่อล้นท่วมแก่งน้ำเดิม กลายเป็นผืนน้ำขนาดกว้างใหญ่ กลางอ่างเก็บน้ำมีเกาะแก่งโผล่พ้นน้ำกระจายตัวอยู่หลายจุด ทำให้เกิดทิวทัศน์ที่สวยงาม นอกจากนี้ยังเป็นที่ตั้งของที่ทำการอุทยานฯ อีกด้วย  มาเที่ยวอ่างเก็บน้ำแก่งกระจาน ทำกิจกรรมอะไรได้บ้าง กางเต็นท์ ถือเป็นกิจกรรมไฮไลต์สำหรับนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เลยทีเดียว ในช่วงหน้าฝนนี้ อากาศเริ่มเย็นลง หากไปจังหวะดี ๆ อาจจะได้เห็นหมอกบาง ๆ  ค่าธรรมเนียมกางเต็นท์ 30 บาท/หลัง/คืนแต่ถ้าอยากพักในบ้านพัก ที่นี่ก็มีบ้านพักให้บริการ มีทั้งหมด 15 หลัง ราคาประมาณ 800-3,000 บาท  สามารถจองบ้านพัก ลานกางเต็นท์ ผ่านเว็บไซต์ของกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้ที่ https://nps.dnp.go.th/ ดูนก อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานได้ชื่อว่าเป็นแหล่งดูนกที่มีชื่อเสียงมาก ด้วยสภาพธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ทำให้มีนกหลากหลายชนิด จุดยอดนิยมจุดหนึ่งก็คือบริเวณริมอ่างเก็บน้ำ ซึ่งมีนกหลายชนิดอาศัยอยู่ แม้จะเป็นมือใหม่หัดดูนก ก็สามารถเห็นนกได้ไม่ยาก หากเพื่อน ๆ ตั้งใจจะมาดูนกด้วย แอดก็มีข้อมูลเล็ก ๆ เกี่ยวกับข้อปฏิบัติและเทคนิคในการดูนกแบบง่าย ๆ จากกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช มาฝากค่ะhttp://portal.dnp.go.th/Content/nationalpark?contentId=1146 ขอบคุณรูปภาพสวย ๆ จาก ชมรมภาพถ่ายเพชรบุรี ล่องเรือชมวิวอ่างเก็บน้ำแก่งกระจาน เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่เหมาะแก่การพักผ่อนหย่อนใจ แถมคนที่ชื่นชอบการตกปลาก็สามารถมาตกปลาที่นี่ได้นะสามารถติดต่อเช่าเรือได้ที่ร้านอาหารหรือชมรมเรือที่อยู่บริเวณที่ทำการอุทยานฯ ราคาประมาณ 500-700 บาท ขึ้นอยู่กับระยะทาง ชมพระอาทิตย์ตกดินตรงบริเวณสันเขาตะนาวศรี ถ้ามากางเต็นท์ค้างแรมที่นี่ไม่ควรพลาดกิจกรรมนี้ รับรองวิวสวยประทับใจ และมีรูปสวย ๆ กลับบ้านเป็นที่ระลึกแน่นอน **สะพานแขวนปิดปรับปรุง** สิ่งอำนวยความสะดวก– ร้านค้าสวัสดิการ (ร้านอาหาร) ให้บริการทุกวัน วันอาทิตย์-ศุกร์ เวลา 08.00-18.00 น. / วันเสาร์ เวลา 08.00-19.00 น.– Wi-fi– ตู้ ATM– ห้องน้ำในเขตอุทยานฯ– เต็นท์ให้เช่า (ขนาดพัก 2-4 คน) ราคา 120-250 บาท/คืน มาตรการในการเข้าพื้นที่อุทยานฯ  ค่าธรรมเนียมเข้าพื้นที่อุทยานฯ ผู้ใหญ่ 100 บาท / เด็ก 40 บาท ค่าธรรมเนียมสำหรับพาหนะ รถจักรยานไม่เสียค่าบริการ/ รถจักรยานยนต์ 20 บาท / รถยนต์ 30 บาท ลงทะเบียนจองเข้าอุทยานล่วงหน้า ผ่านแอพพลิเคชัน QueQ ควรมาถึงก่อนเวลาอย่างน้อย 10 นาที แสดงตัวตนต่อเจ้าหน้าที่ด้วยรหัสการจองและเอกสารยืนยันตัวตน กรณีไม่ได้จองล่วงหน้า สามารถ Walk-in ได้ แต่จะให้สิทธิ์ผู้จองล่วงหน้าก่อน หากจำนวนนักท่องเที่ยวในช่วงเวลานั้นไม่เกินจำนวนที่รองรับได้ จึงจะให้สิทธิ์นักท่องเที่ยวที่ไม่ได้ทำการจอง มีการตรวจวัดอุณหภูมิที่บริเวณด่านทางเข้า นักท่องเที่ยวต้องสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า หมั่นล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ และเว้นระยะห่าง Check-in และ Check-out ผ่านแอพพลิเคชัน ไทยชนะ  ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน 032 772 311 หรือ inbox Facebook : https://www.facebook.com/Kaengkrachannationalparkofficial/

✨ อ่างเก็บน้ำแก่งกระจาน ✨ อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top