สถานที่ท่องเที่ยว

ถาม-ตอบ คลายข้อสงสัยโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3

สำหรับเพื่อน ๆ ที่มีข้อข้องใจนอกเหนือจากที่แอดนำเสนอในบทความนี้ สามารถอ่านเพิ่มเติมได้จากบทความด้านล่างได้เลย ถาม-ตอบ คลายข้อสงสัยโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3 EP 2

ถาม-ตอบ คลายข้อสงสัยโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3 อ่านเพิ่มเติม

5 ร้านคาเฟ่จากคนพิเศษ 🥰

ปัจจุบันมีคาเฟ่เกิดใหม่ขึ้นมากมาย มากจนแอดคิดว่าคงตามไปชิมได้ไม่ครบแน่ ๆ แต่ละร้านก็มีเอกลักษณ์ มีสไตล์ และเรื่องราวของตัวเองที่ไม่เหมือนใคร วันนี้แอดมี 5 คาเฟ่น่าสนใจมาแนะนำค่ะ เป็นคาเฟ่ที่ให้บริการโดยผู้พิการ แต่บอกเลยว่า รสชาติอาหารและเครื่องดื่มไม่แพ้คาเฟ่ไหน ๆ เป็นการยืนยันให้เห็นว่า แม้จะมีข้อจำกัดทางร่างกาย แต่เหล่าบาริสต้าและนักทำขนมที่เป็นคนพิเศษเหล่านี้ก็มีฝีมือและมีความสามารถไม่แพ้คนทั่วไปเลย ไปดูกันดีกว่าว่า 5 ร้านที่แอดจะมาแนะนำมีที่ไหนบ้าง 1. 60 Plus Bakery & Chocolate Caféคาเฟ่นี้อยู่ในความดูแลของมูลนิธิศูนย์พัฒนาและฝึกอบรมคนพิการแห่งเอเชียและแปซิฟิก หรือ APCD ที่สนับสนุนการสร้างงาน สร้างอาชีพ และให้ผู้พิการได้แสดงศักยภาพของตัวเองได้อย่างเต็มที่ ร้านมีการออกแบบพิเศษเพื่อเพิ่มความสะดวกให้ลูกค้าและพนักงาน เช่น มีทางลาดสำหรับเข็นวีลแชร์เข้าร้าน มีสัญญาณไฟกะพริบพร้อมเสียงแจ้งเตือนสำหรับพนักงานที่พิการทางการได้ยินและการมองเห็น ให้รู้ว่ามีลูกค้าเข้า-ออกร้าน โต๊ะก็ออกแบบมาให้มีความสูงพอดีกับวีลแชร์ ส่วนชั้นขนมก็ถูกปรับให้เตี้ยลง ผู้พิการจะได้หยิบได้สะดวก  ขอบคุณรูปภาพจากร้าน 60 Plus Bakery & Chocolate Café ภายในร้านจำหน่ายขนมปัง เบเกอรี่ กาแฟ และช็อกโกแลต ซึ่งขนมทั้งหมดทำขึ้นจากฝีมือของผู้พิการทั้งหมด โดยได้ผู้เชี่ยวชาญจากบริษัทขนมปังยามาซากิ มาสอนการทำขนมปัง และผู้เชี่ยวชาญจาก MarkRin Chocolate มาสอนการทำช็อกโกแลต  ขอบคุณรูปภาพจากร้าน 60 Plus Bakery & Chocolate Café ขอบอกเลยว่าขนมและเครื่องดื่มน่ากินมาก ๆ เห็นถึงความตั้งใจของคนทำเลยล่ะ ร้านอยู่ย่านราชวิถี สามารถไปอุดหนุนกันได้ หรือถ้าไม่สะดวกเดินทาง สั่งขนมผ่านเพจเฟสบุ๊คของร้านได้เลย https://www.facebook.com/60PlusBakeryandCafe  ถนนราชวิถี แขวงดุสิต เขตดุสิต กรุงเทพมหานครเปิดทุกวัน เวลา 07.00 – 17.00 น. 0 2354 7508https://goo.gl/maps/cWKch3MJhyxiPtKy7  ขอบคุณรูปภาพจากร้าน 60 Plus Bakery & Chocolate Café  2. Dots Coffeeร้านกาแฟแห่งนี้อาจจะเป็นร้านกาแฟทั่วไป แต่เมื่อคุณกาวิน ผู้ร่วมก่อตั้งร้านมีความคิดที่จะนำผู้พิการทางสายตามาเป็นพนักงาน ร้านกาแฟแห่งนี้จึงกลายเป็นร้านกาแฟสุดพิเศษ  ขอบคุณรูปภาพจากร้าน Dots Coffee  พนักงานทุกคนภายในร้านเป็นผู้พิการทางสายตา ทุกคนได้ฝึกวิธีการชงกาแฟนานหลายเดือน จนสามารถชงกาแฟได้คล่องแคล่ว ทีเด็ดคือการทำลาเต้อาร์ท ที่ทำออกมาได้สวยมาก  ขอบคุณรูปภาพจากร้าน Dots Coffee  นอกจากนี้ ทางร้านยังใช้เมล็ดกาแฟพันธุ์อาราบิก้าคุณภาพดีจากจังหวัดเชียงรายอีกด้วย เรียกได้ว่า พิเศษทั้งกาแฟและคนทำเลยล่ะ  อาคาร KX-Knowledge Exchange Center ถนนกรุงธนบุรี เปิดวันจันทร์-เสาร์ เวลา 08.00-16.00 น. 080 339 7869https://g.page/DotsCoffeeKX?share  ขอบคุณรูปภาพจากร้าน Dots Coffee  3. Mute Mute Caféร้าน Mute Mute Café เป็นความคิดริเริ่มของ“น้องเซี้ยง” ซึ่งเป็นผู้พิการทางการได้ยิน เขาอยากให้มีพื้นที่สำหรับผู้พิการได้มาพบปะสังสรรค์กัน จึงทำร้านคาเฟ่เพื่อผู้พิการทางการได้ยินแห่งนี้ขึ้น แต่คนทั่วไปก็สามารถเข้าไปใช้บริการได้นะคะ ภายในร้านตกแต่งสไตล์บูติคผสมผสานกับสไตล์ Loft มีความอบอุ่นและเป็นกันเอง  ขอบคุณรูปภาพจาก ร้าน Mute Mute Café  ร้าน Mute Mute Café มีเมนูให้เลือกหลากหลาย มีทั้งของว่าง ของหวาน ขนมอบ เบเกอรี่ต่าง ๆ รวมทั้งเครื่องดื่ม ซึ่งมีหลาย ๆ เมนูเลยที่น้องเซี้ยง เจ้าของร้านลงมือทำด้วยตัวเอง  ขอบคุณรูปภาพจาก ร้าน Mute Mute Café  ที่นี่นอกจากจะเป็นคาเฟ่แล้ว ยังเป็นสถานที่นัดรวมตัวเล่นบอร์ดเกมอีกด้วย และถึงแม้บรรยากาศในการเล่นจะเป็นไปอย่างเงียบ ๆ แต่เราก็ได้รับรู้ถึงความสนุกสนานที่เกิดขึ้น ผ่านทางรอยยิ้มของพวกเขาทุกคน  ซอยเจริญนคร 4 ถนนเจริญนคร แขวงคลองต้นไทร เขตคลองสาน กรุงเทพฯ เปิดวันพุธ-วันเสาร์ เวลา 10.30-17.00 น. 08 9668 3639, 06 5612 8980https://g.page/MuteMuteCafe?share 4. Yimsoo Farm at Mae Rimหลายคนอาจจะเคยได้ยินชื่อของ ยิ้มสู้ คาเฟ่ ที่ตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ มาบ้างแล้ว ครั้งนี้ ยิ้มสู้ คาเฟ่ได้เปิดสาขาใหม่ที่อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งอยู่ในความดูแลของศูนย์ฝึกอาชีพคนพิการอาเซียน โดยเปิดคาเฟ่แห่งนี้ขึ้นเพื่อฝึกอาชีพให้แก่ผู้พิการ  ขอบคุณรูปภาพจาก Yimsoo Farm at Mae Rim ศูนย์ฝึกอาชีพคนพิการอาเซียน อำเภอแม่ริม Yimsoo Farm at Mae Rim เป็นคาเฟ่สไตล์ Farm & Café บรรยากาศร่มรื่น พนักงานเป็นผู้พิการหลากหลายรูปแบบ ส่วนใหญ่เป็นผู้พิการทางการได้ยิน ซึ่งทำหน้าที่เป็นบาริสต้าและพนักงานเสิร์ฟ ทางร้านจึงมีสโลแกนว่า “ร้านกาแฟจากบาริสต้าที่เงียบที่สุด แต่ส่งมอบความสุขเสียงดังมาก”   ขอบคุณรูปภาพจาก Yimsoo Farm at Mae Rim ศูนย์ฝึกอาชีพคนพิการอาเซียน อำเภอแม่ริม นอกจากกาแฟแล้ว ที่นี่ยังมีก๋วยเตี๋ยวเรือรสชาติเข้มข้น ถือเป็นเมนูเด็ดที่ไปแล้วต้องลองชิม  ขอบคุณรูปภาพจาก Yimsoo Farm at Mae Rim ศูนย์ฝึกอาชีพคนพิการอาเซียน อำเภอแม่ริม บริเวณร้านมีแปลงปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ ซึ่งผลผลิตนำไปส่งขายยังห้างสรรพสินค้า และนำมาทำก๋วยเตี๋ยวเรือในร้าน  ตำบลเหมืองแก้ว อำเภอแม่ริม เชียงใหม่ เปิดทุกวัน เวลา 07.30 -16.00 น. 08 3200 1115https://goo.gl/maps/eyvdxi8M734bjbAR9  ขอบคุณรูปภาพจาก

5 ร้านคาเฟ่จากคนพิเศษ 🥰 อ่านเพิ่มเติม

เทศกาลไหว้พระจันทร์🌙

เทศกาลไหว้พระจันทร์มาถึงแล้ว…วันนี้ แอดมีเกร็ดความรู้เรื่องเทศกาลไหว้พระจันทร์มาให้อ่านกันเพลิน ๆ ด้วยค่ะ 🙂 เทศกาลไหว้พระจันทร์นับเป็นอีกหนึ่งเทศกาลที่ชาวจีนหรือคนไทยเชื้อสายจีนให้ความสำคัญและปฏิบัติสืบต่อกันมานาน ถือเป็นประเพณีการแสดงความขอบคุณต่อเทพเจ้าในช่วงสิ้นสุดการเก็บเกี่ยวในฤดูใบไม้ร่วง และเป็นการเฉลิมฉลองกับครอบครัวและเพื่อน ๆ ที่จะมาร่วมจิบชาและทานขนมไหว้พระจันทร์ด้วยกัน วันไหว้พระจันทร์จะตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 ตามปฏิทินจีน ซึ่งเป็นช่วงที่ดวงจันทร์สว่างที่สุด โต๊ะเครื่องไหว้จะตระเตรียมไว้กลางแจ้ง และเริ่มต้นไหว้หลังพระอาทิตย์ตกดิน เมื่อดวงจันทร์เริ่มปรากฏบนท้องฟ้า ✨ 👉สิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ในเทศกาลไหว้พระจันทร์ก็คือ ขนมไหว้พระจันทร์ โดยขนมไหว้พระจันทร์ในประเทศไทย เป็นรูปแบบกวางตุ้ง ปัจจุบันมีการปรับให้ทันสมัย ทั้งรูปลักษณ์ และรสชาติ แต่โดยทั่วไปแล้ว ตัวขนมจะทำจากแป้งและมีไส้อยู่ภายใน ซึ่งแต่ละไส้มีความหมายต่างกันออกไป 🥮ไส้ไข่เค็ม หมายถึง ความสุกสว่าง เสมือนกับพระจันทร์เต็มดวง 🥮ไส้เม็ดบัว หมายถึง ความบริสุทธิ์ อายุยืน และความสงบสุข 🥮ไส้ธัญพืช หมายถึง โชคลาภ และความอุดมสมบูรณ์ 🥮ไส้ถั่วแดง หมายถึง ความกล้าหาญ และการขจัดความกลัว 🥮ไส้ลูกพลัม หมายถึง ความหวัง เหมือนดอกพลัมบานในฤดูหนาว

เทศกาลไหว้พระจันทร์🌙 อ่านเพิ่มเติม

“ วิ ถี ค น กั บ ช้ า ง “ 🐘

สัมผัสวิถีถิ่นคนกับช้าง ณ เมืองสะเร็น #สุรินทร์ถิ่นช้างใหญ่ คนที่นี่ “ชาวกูย” เลี้ยงช้างเปรียบเสมือนสมาชิกในครอบครัว ที่รอให้ทุกคนมาเปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ ได้สัมผัสการใช้ชีวิตกับช้างอย่างใกล้ชิด นอกจากจะได้สัมผัสเสน่ห์คนเลี้ยงช้างแล้วยังได้ชมกับแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของจังหวัดสุรินทร์ นั่นก็คือ โครงการโลกของช้าง (Elephant World) ประกอบด้วย สนามแสดงช้าง หอชมวิว โรงภาพยนตร์ และพิพิธภัณฑ์ช้าง ด้วยการออกแบบที่แปลกตาของตัวอาคารพิพิธภัณฑ์ช้าง บรรยากาศโดยรอบที่ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ท่ามกลางทะเลทราย ตัวอาคารทำด้วยอิฐแดงมากกว่า 480,000 ก้อน หลายคนให้ชื่อว่าอียิปต์สุรินทร์ด้วยโทนสีของอิฐแดงการมาแต่ละช่วงเวลาของวัน แสงก็จะเปลี่ยนไป ดูแล้วมีมิติ ชักจูงให้เรากลับมาหลายครั้ง จังหวัดสุรินทร์ยังคงรอคอยให้ทุกคนได้มาเปิดประสบการณ์ท่องเที่ยวสัมผัสวิถีคนเลี้ยงช้างที่อยู่คู่กันมาอย่างเนิ่นนาน อีกทั้งยังได้ชมความงดงามยิ่งใหญ่ของสถาปัตยกรรมการออกแบบที่ผสมผสานระหว่างความเป็นวิถีถิ่นและความร่วมสมัยอย่างลงตัว 📍 โครงการโลกของช้าง (Elephant World) ณ ศูนย์คชศึกษา บ้านตากลาง ต.กระโพ อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์🗺 แผนที่การเดินทาง >> https://goo.gl/maps/warohe8qKEuVcoUx7📲 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ทาง Facebook Page : ททท.สำนักงานสุรินทร์ TAT Surin☎️ โทร. 0 4451 4447📧 E-mail : tatsurin@tat.or.th

“ วิ ถี ค น กั บ ช้ า ง “ 🐘 อ่านเพิ่มเติม

✨ ยโสฯ โซไซตี้ ✨

ยโสธรเป็นเมืองน่ารักมีเสน่ห์ ทั้งฟากสิ่งเก่าที่ชวนให้คิดถึงประเพณี วัฒนธรรม งานบุญต่าง ๆ และฝั่งของใหม่ ที่หากได้ผ่านไปช่วงหลังมานี้ จะพบว่ามีหลายสิ่งเปลี่ยนไปจากแต่ก่อน ไม่ว่าจะเป็นการขยายตัวของบ้านเมือง ตึกรามบ้านช่อง ผู้คนหน้าใหม่ที่เข้ามาเปิดกิจการ รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นหลายรูปแบบ แปลงโฉมเมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องงานบุญบั้งไฟนี้ให้ดูร่วมสมัยน่าสนใจ TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง ร่วมกับ The Cloud นำเสนอคอลัมน์ Take Me Out ขอพาเลาะเที่ยวชมประเพณีที่มีแค่ที่นี่ที่เดียว ชอปปิงหมอนขิดเจ้าต้นตำรับที่ดังไกลในระดับโลก คาเฟ่ไซส์มินิที่อยากเปิดเป็นคอมมูนิตี้ให้ชาวชุมชน ไปจนถึงร้านปังปิ้งและสโลว์บาร์ที่อยากชวนมาสัมผัสบรรยากาศท้องถิ่น 😊 ท่ามกลางกระแสการพัฒนา มวลความน่ารักเรียบง่ายของวิถีชีวิตคนรุ่นเก่า กลับไม่ได้รุดหน้ารวดเร็วตามไปด้วย ยังคงอัตลักษณ์ดั้งเดิมแบบค่อยเป็นค่อยไป ขณะที่ชาวยโสธรนิวเจนก็กำลังเริ่มขยับตัวทีละน้อย หลายคนเปิดกิจการร้านรวงเก๋ไก๋ บ้างก็กลับมาสร้างสรรค์กิจกรรมแปลกใหม่ให้บ้านเกิด เป็นความเคลื่อนไหวครั้งใหม่ของคนในพื้นที่ที่ร่วมด้วยช่วยกันแต่งแต้มให้จังหวัดเล็ก ๆ แห่งนี้มีสีสันยิ่งขึ้น  คอลัมน์ Take Me Out ชวนทำความรู้จักยโสฯ โซไซตี้ ให้มากกว่าเดิม ผ่าน 10 สถานที่ทั่วเมืองบั้งไฟโก้ ชิมเมนูเด็ดแบบคนยโสฯ ในเขตเมืองเก่า ชอปปิงหมอนขวานผ้าขิดฝีมือชาวบ้าน ตบท้ายด้วยชีวิตสุดฮิป ทั้งชมโบสถ์คริสต์ เลาะพิพิธภัณฑ์ แล้วตามฮอปปิงนานาคาเฟ่ที่ผสานวัฒนธรรมใหม่เก่าได้เข้ากั๊นเข้ากันอย่างไม่เคอะเขิน ถ้าพร้อมม่วนแท้ม่วนหลาย ก็ตามมาดูกันได้เลย! 1 ร้านหมวยก๋วยจั๊บญวน ✨ กวยจั๊บญวนสูตรต้นตำรับในอาคารสไตล์ชิโนยูโรเปียน จังหวัดเล็ก ๆ รูปพระจันทร์เสี้ยวแห่งนี้ก่อกำเนิดขึ้นจากชุมชนการค้าชื่อ ‘บ้านสิงห์ท่า’ แหล่งรวมผู้คนมากหน้าหลายตาที่เข้ามาค้าขายกันอย่างคึกคักเมื่อกว่าร้อยปีก่อน แม้ปัจจุบันบรรยากาศจอแจนั้นจะแปรสภาพเป็นความสงบเงียบ ที่แฝงตัวอยู่ในทุกอณูของอาคารเก่าแบบชิโน-ยูโรเปียน แต่ร่องรอยความรุ่งเรืองก็ยังทาบทับสตัฟฟ์อยู่บนร้านรวงดั้งเดิมอยู่เช่นวันวาน เจ๊หมวย-สุวรรณ แสนพันธ์ คือผู้กุมสูตรลับกวยจั๊บญวนมาเป็นรุ่นที่ 3 ผ่านเวลากว่า 40 ปี นับตั้งแต่ชาวเวียดนามอพยพมาลงหลักปักฐานที่บ้านสิงห์ท่าแห่งนี้ ด้วยวิธีการทำอันเป็นเอกลักษณ์และแตกต่างจากกวยจั๊บญวนของเจ้าอื่น เคี่ยวน้ำซุปด้วยกระดูกหมูเป็นวัน ๆ ได้รสนัวแบบโบราณ ใส่เพียงแค่หมูยอ หมูสับ และไข่นกกระทาต้ม ไม่ปรุงแต่งสิ่งอื่นจนเกินงาม เป็นสูตรออริจินอลที่อาจไม่ค่อยเห็นกันบ่อยนัก เมื่อ East Meets West อาหารตะวันออกพบกับอาคารแบบตะวันตก ภายใต้ชายคาสถาปัตยกรรมเก่าอายุเกือบร้อยปี มีภาพถ่ายเก่าระบุ พ.ศ. 2474 เป็นเครื่องยืนยันถึงความโบราณและทรงคุณค่าของอาคารห้องนี้ พร้อมกับนั่งสังเกตการณ์วิถีชีวิตชาวเมืองเก่า เป็นบรรยากาศการกินที่ไม่ต้องพูดถึง นั่งซดน้ำซุปเข้มข้นกลมกล่อมของกวยจั๊บญวนหรือที่ในภาษาถิ่นเรียกกันว่า ‘ข้าวเปียก’ กินกับแหนมคลุก อีกเมนูเด็ดมรดกจากชาวเวียตที่ปรับปรุงสูตรให้ถูกปากคนไทย ใส่ใบมะกรูดและมะพร้าวขูด ซึ่งเจ๊หมวยรับรองว่าสูตรนี้มีที่เดียวในยโสธร ที่ตั้ง : 83 ถนนวิทยะธำรงค์ ตำบลในเมือง อำเภอเมืองยโสธร จังหวัดยโสธร 35000 พิกัด : https://goo.gl/maps/cHroMsKN8FNx1zxX7 วัน-เวลา : เปิดบริการทุกวัน เวลา 08.30 – 18.00 น. โทรศัพท์ : 09 3384 8557 2 ข้าวปุ้นน้ำงัวยายนาง ✨ ร้านดั้งเดิมประจำถิ่นมีทั้งคาวและหวานแบบคนยโสธร ลัดเลาะเข้าซอยไปในชุมชนหลังวัดมหาธาตุ วัดสำคัญคู่บ้านใจกลางเมือง มีอีกสถานที่ฝากท้องของชาวยโสธรแท้ ๆ ที่ควรไปลองชิมสักครั้งหากได้มาเยือน นอกจากกวยจั๊บญวนแล้ว อีกหนึ่งของดีอร่อยปากที่ติดสอยตามมากับชาวเวียดนามพลัดถิ่น ผ่านการปรับปรุงผสมผสานกับอาหารอีสานจนลงตัว คือข้าวปุ้นน้ำงัว เมนูที่ปรุงอย่างใส่ใจโดย ยายนาง-ประนอม พรมชาติ ผู้เลื่อนตำแหน่งจากเคยเป็นลูกมือให้คุณแม่มารับช่วงกิจการต่อได้ 10 ปีแล้ว ว่ากันซื่อ ๆ ข้าวปุ้นน้ำงัว คือขนมจีนใส่น้ำซุปเนื้อวัวคล้ายก๋วยเตี๋ยว ตุ๋นเนื้อด้วยเตาถ่านกว่าค่อนวัน จนเนื้อนุ่มและน้ำซุปมีกลิ่นหอม แค่แตะจมูกก็ชวนน้ำลายสอ ใส่กะหล่ำซอยและสะระแหน่เป็นหน้าข้าวปุ้น โรยหอมเจียวปิดท้าย กินเคียงกับผักแพว ผักพื้นบ้านของชาวอีสาน รสชาติติดใจจนเคยมีนักชิมจากเมืองหลวง เอ่ยปากขอสูตรกลับไปทำกินเอง อีกเมนูควรลองคือหมี่กะทิ แนวกินตำรับอีสานให้ชิมร่วมด้วย แม้ชื่อจะเหมือนกัน แต่หน้าตาต่างจากของภาคกลางแบบคนละฝา เพราะทำจากเส้นเล็กราดด้วยน้ำแกงรสชาติออกหวาน เป็นเมนูท้องถิ่นที่แซ่บอีหลีสูสีตีคู่มาพร้อมกัน เมื่อกินอาหารคาวเสร็จสรรพ อย่าลืมต่อด้วยขนมหวานชื่อดังของจังหวัด ลอดช่องจากแป้งข้าวเจ้าที่บีบด้วยมือ ออกมาเป็นเส้นเล็กบ้างยาวบ้าง ให้สัมผัสเหนียวนุ่ม หอมกลิ่นกะทิ ซดหมดถ้วยก็ชื่นใจดับร้อนได้ชะงัด ผู้ใดสนใจอยากลองลิ้มรสชาติฉบับชาวยโสฯ ขอกำชับว่ารีบไปก่อนเที่ยง เพราะพอตะเว็นตรงหัว เพิงเล็ก ๆ ขนาด 4 โต๊ะม้าหินของยายนางจะคลาคล่ำไปด้วยขาประจำ ยังไม่ทันบ่าย 2 โมง อาหารก็ทยอยหมด เตรียมคว่ำหม้อเก็บร้านกลับบ้านแล้ว ที่ตั้ง : ใกล้วัดมหาธาตุ ถนนธาตุพิทักษ์ ตำบลในเมือง อำเภอเมืองยโสธร จังหวัดยโสธร 35000 พิกัด : https://goo.gl/maps/QjHP5P4erU8AxYE99 วัน-เวลา : เปิดบริการวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 09.00 – 14.00 น. ปิดวันเสาร์-อาทิตย์ โทรศัพท์ : 09 9026 0848 3 แม่แย้มหมอนขิด  ร้านของฝากจากหัตถกรรมประจำจังหวัดที่ดังไกลทั่วโลก หากนึกถึงของดีเมืองไทยที่โกอินเตอร์ไปยังต่างประเทศ หนึ่งสิ่งที่แวบเข้ามาในหัวของใครหลายคนคือหมอนขิดลายช้างอย่างไม่ต้องสงสัย แย้ม จันใด เจ้าของกิจการแม่แย้มหมอนขิดบอกว่า ต้นตำรับหมอนขิดที่เป็นเสมือนไอเท็มสามัญประจำบ้านทั่วไทยและดังไกลไปทั่วโลก แท้จริงอยู่ที่บ้านศรีฐาน อำเภอป่าติ้ว จังหวัดยโสธร ตั้งแต่เกิดมาก็เห็นผู้ฒ่าผู้แก่ในหมู่บ้านทำกันจนชินตา ถ่ายทอดภูมิปัญญาจากรุ่นสู่รุ่น เป็นกิจกรรมยามว่างพักระหว่างรอหน้านาของชาวอีสาน จนปัจจุบันกลายเป็นธุรกิจทำเงินเข้าหมู่บ้านเป็นกอบเป็นกำ แต่เดิมหมอนขิดจะใช้ผ้าฝ้ายทอยกดอกที่ทำกันเองภายในหมู่บ้าน เป็นของสูง นิยมนำไปถวายพระ งานมงคล หรือมอบกันเป็นของที่ระลึก เมื่อลูกค้าเพิ่มขึ้น มีออเดอร์เยอะจนผลิตไม่ทัน จึงให้โรงงานรับหน้าที่ทอต่อ แต่ยังคงลวดลายแบบเดิมไว้ คือลายดอกและลายช้าง รวมทั้งเพิ่มสีสันให้หลากหลายโดนใจผู้ซื้อ ส่วนไส้ของหมอนขิดก็ใช้ฟางข้าว ผลพลอยได้จากนาในท้องถิ่น  ความพิเศษอยู่ที่หมอนขวานรูปสามเหลี่ยม แม่แย้มบอกว่าทำได้เฉพาะในหมู่บ้านศรีฐาน แม้จะมีคนมาขอเรียนวิชาแต่ก็ไม่ชำนาญมือเท่าแม่ ๆ ของบ้านนี้ เพราะเป็นสกิลล์เฉพาะตัวที่ต้องสอยและขึ้นรูปด้วยมือ ที่นี่ใช่ว่ามีแต่หมอนขวาน หมอนขิดแบบเดิมที่เคยเห็น เพราะปัจจุบันสินค้าภูมิปัญญาชาวบ้านศรีฐานมีหลายขนาด หลากรูปทรง และมากด้วยฟังก์ชันการใช้งาน ทั้งเบาะรองนั่ง หมอนหนุน หมอนอิงรูปผลไม้ จนถึงหมอนเพื่อสุขภาพ ถ้าอยากได้หน้าตาที่ออกแบบเอง

✨ ยโสฯ โซไซตี้ ✨ อ่านเพิ่มเติม

✨ เที่ยวทิพย์ from home…เปลี่ยนบ้านให้น่าเที่ยว ✨

แอดเชื่อว่าช่วงนี้เพื่อน ๆ หลายคนยังต้อง Work Form Home กันอยู่ เพราะสถานการณ์การแพร่เชื้อโควิด 19 เบื่อกันบ้างไหม แอดนี่คิดถึงบรรยากาศการเดินทางท่องเที่ยว และการพบปะสังสรรค์กับเพื่อนฝูงมากเลย ไปไหนไม่ได้แบบนี้ ก็เที่ยวจากที่บ้านนี่แหละ!! แอดมีไอเดีย “เที่ยวทิพย์ from home” มาฝาก ลองเปลี่ยนบรรยากาศในบ้าน ให้เป็นที่เที่ยวกันดีกว่า ถือเป็นการทำกิจกรรมแก้เบื่อไปในตัว มีไอเดียอะไรบ้าง ตามไปดูกันเลย ทำ Home camping 🏕 ใครที่เป็นสายเดินป่า กางเต็นท์ ได้เวลาเอาอุปกรณ์ออกมาใช้แล้ว เคลียร์พื้นที่ในบ้าน อาจจะเป็นลานหน้าบ้าน สวนหลังบ้าน ห้องนอน หรือห้องนั่งเล่น แล้วเปลี่ยนให้เป็นลานตั้งแคมป์ กางเต็นท์ จัดวางอุปกรณ์ให้เหมือนตอนเราไปตั้งแคมป์จริง อย่าลืมแต่งตัวเป็นชาวแคมป์ให้เข้ากับบรรยากาศ ถ้ามีเครื่องโปรเจ็คเตอร์ก็ยิ่งเหมาะ เอามาฉายภาพดาวหรือท้องฟ้าสวย ๆ ขึ้นผนังห้อง จะยิ่งสร้างบรรยากาศให้ดูสมจริงมากยิ่งขึ้น จัดสวนในบ้าน 🌿 เปลี่ยนบรรยากาศภายในบ้านให้กลายเป็นสวนขนาดย่อม ด้วยการหาต้นไม้มาประดับตามมุมต่าง ๆ ของบ้าน หรือจัดโซนสำหรับวางต้นไม้โดยเฉพาะ เพิ่มบรรยากาศด้วยเก้าอี้ในสวนสำหรับนั่งชมสวน เพื่อน ๆ ที่อยู่ในคอนโดหรืออพาร์ทเมนท์ก็สามารถทำได้ แอดแนะนำว่าตรงระเบียงคอนโดเหมาะมากที่จะจัดสวน ช่วงนี้ต้นไม้เล็ก ๆ อย่างต้นกระบองเพชร หรือต้นไม้ฟอกอากาศกำลังได้รับความนิยม เพราะดูแลง่ายและหาซื้อได้ง่ายอีกด้วย ปลูกผักสวนครัว 🥬🥗 การปลูกผักสวนครัวก็เหมือนกับการจำลองบรรยากาศการท่องเที่ยวเชิงเกษตรมาไว้ที่บ้าน ถึงแม้เราจะมีพื้นที่ภายในบ้านจำกัด แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะเราสามารถปลูกผักในกระถางหรือภาชนะรีไซเคิล อย่างขวดน้ำ กล่องพลาสติก กล่องโฟมได้ นอกจากนี้ยังเป็นการช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายแล้ว ยังจะได้กินผักที่สด สะอาด ปลอดภัยอีกด้วย จัดมุมกาแฟเก๋ ๆ ☕️ ใครที่โหยหาการไปนั่งจิบกาแฟและดื่มด่ำกับบรรยากาศร้านคาเฟ่ ช่วงนี้คงต้องพักไว้ก่อน แล้วยกคาเฟ่มาไว้ที่บ้านให้หายคิดถึง เริ่มจากหาชั้นวางหรือโต๊ะเล็ก ๆ สำหรับวางอุปกรณ์ชงกาแฟ กาต้มน้ำร้อน และแก้วกาแฟ นำไปจัดวางไว้ในมุมใดมุมหนึ่งของบ้าน อาจจะเป็นบริเวณใกล้โต๊ะกินข้าว ในห้องครัว หรือห้องนั่งเล่น เพิ่มลูกเล่นด้วยการประดับต้นไม้เล็ก ๆ หรือแจกันดอกไม้สวย ๆ เพื่อทำให้มุมกาแฟของเราดูน่าสนใจมากยิ่งขึ้น

✨ เที่ยวทิพย์ from home…เปลี่ยนบ้านให้น่าเที่ยว ✨ อ่านเพิ่มเติม

✨ เกาะไหง จ.กระบี่ ✨

ไหน… ร่างกายใครต้องการทะเล อยากโดนลมโดนแดดที่ชายหาดบ้าง? ยกมือขึ้นแล้วตามแอดมา แอดจะพาไปเกาะไหง เกาะเล็ก ๆ แต่สวยสุด ๆ ในท้องทะเลอันดามัน เป็นเกาะที่ใครได้ไปก็ต้องประทับใจทั้งนั้น เกาะไหง เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา จังหวัดกระบี่ เป็นเกาะขนาดเล็ก ตั้งอยู่ห่างจากเกาะลันตาประมาณ 15 กิโลเมตร มีพื้นที่ประมาณ 4.8 ตารางกิโลเมตร แม้ว่าเกาะไหงจะตั้งอยู่ในจังหวัดกระบี่ แต่ก็มีพื้นที่คาบเกี่ยวกับจังหวัดตรัง และอยู่ห่างจากท่าเรือปากเมง จังหวัดตรัง เพียง 13 กิโลเมตร ทำให้นักท่องเที่ยวนิยมขึ้นเรือมาเที่ยวจากจังหวัดตรัง จุดเด่นของที่นี่คือชายหาดสีขาว น้ำทะเลใส มีแนวปะการังทางปลายเกาะ เงียบสงบ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการความเป็นส่วนตัว ไม่ชอบความวุ่นวาย ช่วงที่เหมาะกับการท่องเที่ยว คือ เดือนพฤศจิกายน-เมษายน ด้วยความที่เกาะไหงเป็นเกาะเล็ก ๆ จึงมีที่พักบนเกาะแค่ไม่กี่แห่งเท่านั้น ใครอยากมาต้องจองล่วงหน้ากันหลายเดือน นักท่องเที่ยวสามารถซื้อแพ็คเกจท่องเที่่ยวได้จากโรงแรมบนเกาะ มีให้เลือกหลายแพ็คเกจ เช่น เที่ยวชมถ้ำมรกต ดำน้ำตามเกาะที่อยู่บริเวณรอบ ๆ เช่น เกาะเชือก เกาะม้า เกาะแหวน และเกาะมุก เพื่อชมประการัง ดอกไม้ทะเล และฝูงปลาหลากสี ถ้าไม่อยากซื้อแพ็คเกจ สามารถเพายเรือแคนูเล่น เช่าอุปกรณ์ดำน้ำตื้นจากที่พักไปชมโลกใต้น้ำบริเวณรอบเกาะ หรือติดต่อเจ้าหน้าที่อุทยานฯ เพื่อไปเดินศึกษาเส้นทางธรรมชาติในป่าบนเกาะก็ได้ (หากโชคดีอาจจะได้เห็นฝูงนกเงือก) หรือถ้าไม่อยากไปไหน ก็ยังสามารถเดินเปลือยเท้าเหยียบทรายเล่นที่ชายหาดหน้าเกาะได้ รายละเอียดเพิ่มเติม เกาะไหงสามารถไปเที่ยวได้ทั้งปีก็จริง แต่บางส่วนของเกาะจะอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเกาะลันตา ทำให้เที่ยวในเขตอุทยานบนเกาะได้เฉพาะช่วงเปิดเกาะลันตา คือ 15 ตุลาคม – 16 พฤษภาคม เท่านั้น โดยมีค่าเข้าชมอุทยานฯ สำหรับคนไทย ผู้ใหญ่ 40 บาท/คน เด็ก 20 บาท/คน (นักท่องเที่ยวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 400 บาท/คน เด็ก 200 บาท/คน) การเดินทาง ขึ้นเรือจากท่าเรือปากเมง จังหวัดตรัง ใช้เวลาประมาณ 1 ชม. – มีเรือทัวร์ลำใหญ่ออกวันละ 1 รอบ เวลา 12.00 ราคาคนละ 350 บาท (130 ที่นั่ง) – เช่าเหมาลำเรือหางยาว เดืนทางได้ทั้งวัน ราคาลำละ 1,200 บาท (20 ที่นั่ง)  : ตำบลเกาะลันตาใหญ่ อำเภอเกาะลันตา จังหวัดกระบี่ , ตำบลไม้ฝาด อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง  : เปิดทุกวัน  : 0 7565 6576 (ที่ทำการอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา) 

✨ เกาะไหง จ.กระบี่ ✨ อ่านเพิ่มเติม

✨ “เรือหัวโทง” ภูมิปัญญาแดนใต้ ✨

เรือหัวโทง เป็นเรือที่นิยมใช้ในทะเลภาคใต้ฝั่งอันดามัน ตั้งแต่จังหวัดภูเก็ต พังงา กระบี่ ระนอง ตรัง สตูล การต่อเรือหัวโทง แรกเริ่มเกิดขึ้นที่ “จังหวัดกระบี่” โดยใช้เป็นเรือประมงพื้นบ้าน นอกจากจะใช้ออกหาปลา ก็ยังใช้สัญจรเดินทาง ที่สำคัญ เป็นเรือที่ถูกออกแบบมาอย่างมีเอกลักษณ์ และเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นของจังหวัดกระบี่ที่สืบต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น เรือหัวโทง เป็นเรือขนาดเล็ก ถูกออกแบบให้มีลักษณะพิเศษ ด้านหัวที่เป็นที่มาของชื่อเรียก มีลักษณะเชิดสูงขึ้น ใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง สามารถฝ่าแรงลมจากคลื่นทะเลฝั่งอันดามันที่มีคลื่นลมแรง ใช้เป็นเข็มทิศในการนำทาง และป้องกันน้ำทะลักเข้าเรือได้ ปัจจุบัน เรือหัวโทงเข้ามามีบทบาทในด้านการท่องเที่ยวด้วย โดยมีการปรับใช้มาเป็นเรือท่องเที่ยว ล่องไปยังสถานที่ต่าง ๆ รวมทั้งยังมีการทำ “เรือหัวโทงจำลอง” จำหน่ายเป็นของที่ระลึก โดยกลุ่มชาวบ้านที่มีอาชีพต่อเรือหัวโทง สามารถเพิ่มรายได้ให้ชุมชนได้อย่างมากเลยทีเดียว 😮 นอกจากนี้ เรือหัวโทงยังถูกเลือกให้เป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดกระบี่ โดยนำเรือหัวโทงมาเพิ่มสีสัน วาดลวดลายต่าง ๆ ที่สะท้อนถึงเอกลักษณ์เฉพาะถิ่น ไม่ว่าจะเป็นดอกไม้ หรือสัตว์พื้นถิ่น ปัจจุบันมีเรือหัวโทงกว่า 30 ลำที่ปรับโฉมแล้วและให้บริการนักท่องเที่ยวอยู่ใน 4 ชุมชนของจังหวัดกระบี่ ได้แก่ บ้านเกาะกลาง ชุมชนบ้านแหลมสัก ชุมชนบ้านไหนหนัง และบ้านทุ่งหยีเพ็ง

✨ “เรือหัวโทง” ภูมิปัญญาแดนใต้ ✨ อ่านเพิ่มเติม

เมด อิน สระแก้ว

เวลาพูดถึงสระแก้ว นอกจากสถานที่ที่พอเป็นที่รู้จักอย่างน้ำตก ปราสาท และตลาดโรงเกลือแล้ว หลายคนคงนึกไม่ออกว่าควรไปจับจ่ายใช้สอย ใช้เวลาที่ไหนดี อาจด้วยความเป็นจังหวัดเมืองรองที่ดูเงียบสงบ แต่จริง ๆ แล้ว จังหวัดติดเขตบูรพาของประเทศไทยนี้ยังมีสถานที่น่าแวะเวียนไปเยี่ยมชม ทานอาหาร พักผ่อน สำรวจภูมิปัญญาท้องถิ่น ออกกำลังกาย พูดคุยกับชาวบ้านและผู้คนที่สร้างอาชีพจากสิ่งที่มีอยู่ ซึ่งแต่ละแห่งมีการปรับตัว เปลี่ยนแปลงให้เข้ากับยุคสมัยตามกาลเวลาที่เปลี่ยนไป TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง ร่วมกับ The Cloud นำเสนอคอลัมน์ Take Me Out จะพาไปเยี่ยมชม 10 สถานที่กิจการของคนหลากวัยเมืองสระแก้ว พร้อมเรื่องราวเบื้องหลังของกิจการและของชุมชนเหล่านั้น ซึ่งช่วยสร้างภาพจำมุมใหม่ของจังหวัดสระแก้วให้ชัดแจ๋วขึ้น สระแก้วไม่ได้มีแค่น้ำตกหรือปราสาท แต่เมืองเล็กแดนตะวันออกแห่งนี้ยังมีที่น่าแวะไปเช็กอินอีกเพียบ ถ้าอยากรู้แล้ว ก็ตามมากิน ช้อป เที่ยว ให้คึกคัก ผ่านสวนผลไม้สุดแปลกตา คาเฟ่ฟิวชันกลางทุ่งนา หรือปิกนิกและกางเต็นท์ที่อ่างเก็บน้ำชมวิวสุดสวยก็ได้ ไม่แน่นะว่าคุณอาจเห็นสระแก้วในมุมใหม่ จนอยากบึ่งรถไปเดี๋ยวนี้เลย ! ตรวจสอบมาตรการการเดินทางเข้าพื้นที่ได้ที่ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสระแก้ว : https://www.facebook.com/sakaeo.moph 1 More Fin Gym & More Fin Cafe ฟิตเนสและร้านอาหารอิตาเลียนโฮมเมดของคนรักสุขภาพ สายรักสุขภาพต้องไม่พลาดร้านนี้ ที่เข้าใจความสำคัญของการรักษาสุขภาพเป็นอย่างดี ตู่-พิชัย แสงโรจน์เพิ่มสุข คืออดีตช่างภาพและเจ้าของสตูดิโอถ่ายภาพ ในช่วงที่กิจการถ่ายภาพพรีเวด ดิ้งกำลังเป็นที่นิยม แต่ตู่กลับพบปัญหาสุขภาพ จึงเริ่มหันมาดูแลตัวเองเพื่อฟื้นฟูร่างกาย ออกกำลัง วิ่งเพื่อลดน้ำหนัก แต่เมื่อวิ่งไปเรื่อย ๆ เขาฝึกซ้อมอย่างจริงจังจนกลายเป็นนักวิ่งมาแรงที่กวาดถ้วยรางวัลจากงานในภูมิภาคมากมายภายในเวลาไม่กี่ปี เมื่อคนรักการออกกำลังกายอย่างตู่เห็นว่าสระแก้วยังไม่มีฟิตเนสแบบที่ตัวเองต้องการ เขาจึงผันตัวมาเปิด ‘More Fin Gym’ ฟิตเนสและยิมแบบมืออาชีพแห่งแรกในจังหวัด และไปอบรบเพื่อเป็น Personal Trainer มืออาชีพ จนมีฉายาว่า ‘โค้ชตู่’ ของทุกคน หลังจากผู้คนให้ความสนใจในการออกกำลังกาย การรับประทานอาหารเพื่อดูแลสุขภาพก็เข้ามามีบทบาท เริ่มแรกตู่เปิดเป็นคาเฟ่เล็ก ๆ ที่มีผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อสุขภาพวางขาย และศึกษาการทำอาหารโฮมเมดหลากหลายอย่างจริงจัง โดยใช้เวลาช่วงที่ฟิตเนสปิดจากสถานการณ์โควิด-19 ฝึกฝน สรรหาแหล่งวัตถุดิบ และพัฒนาฝีมือการทำอาหาร ต่อยอดเป็น ‘More Fin Cafe’ ร้านอาหารอิตาเลียนโฮมเมดที่อร่อยสุด ๆ พร้อมด้วยฉายา ‘เชฟตู่’ เพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งตำแหน่ง ที่ตั้ง : ข้างโรงเรียนมัธยมสระแก้ว ถนนสุวรรณศร 56 ตำบลสระแก้ว อำเภอเมืองสระแก้ว จังหวัดสระแก้ว 27000 พิกัด : https://goo.gl/maps/eDz9XrkQ6LesCwaRA วัน-เวลาทำการ : เปิดทุกวัน 08.00 – 21.00 น. โทรศัพท์ : 08 4599 4165 Facebook : More Fin Gym & More Fin Cafe 2 อ่างเก็บน้ำท่ากระบาก แหล่งพักผ่อนหย่อนใจ ปิกนิกสัมผัสธรรมชาติ อ่างเก็บน้ำท่ากระบากเป็นอ่างเก็บน้ำขนาดเล็ก ในโครงการพัฒนาด้านแหล่งน้ำของกรมชลประทาน ที่จัดหาน้ำให้เกษตรกรในพื้นที่ ใช้ทำเกษตรกรรมและบริโภคตลอดทั้งปี รวมถึงเป็นแหล่งเพาะขยายพันธุ์ปลาน้ำจืดอีกด้วย  จุดเด่นของที่นี่คือ เมื่อขึ้นไปบนสันอ่าง จะมองเห็นภาพกว้างโล่งของผืนน้ำ ท้องฟ้า มีภูเขาเป็นฉากหลัง เป็นจุดเช็กอินที่สวยงามทุกครั้งที่ได้ผ่านไป ตัวสถานที่มีการใช้จัดกิจกรรมทางกีฬามากมาย เช่น แข่งขันวิ่ง แข่งขันปั่นจักรยาน ถนนหนทางสะดวกสบายจากการจราจรที่ไม่วุ่นวาย ห่างจากแหล่งชุมชน รอบพื้นที่มีแปลงปลูกป่าและศูนย์เพาะพันธุ์สัตว์ อุดมไปด้วยพื้นที่สีเขียวร่มรื่น สบายตา สบายใจ  พิกัดนี้ยังเป็นแหล่งที่คนเข้ามาแคมปิงในช่วงก่อนที่จะมีสถานการณ์โควิด-19 ด้วยบรรยากาศที่เหมาะแก่การกางเต็นท์รับลมธรรมชาติ ใครเป็นสายแคมปิงและปิกนิกที่มีเวลาว่างช่วงระหว่างวัน หอบหิ้วอุปกรณ์มาสัมผัสความสบาย จิบกาแฟยามบ่ายเพลิน ๆ ได้ที่อ่างเก็บน้ำท่ากระบาก ช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ ตอนกลางวันจะมีร้านอาหารริมน้ำเปิดให้บริการ รอต้อนรับอีกด้วย ที่ตั้ง : ตำบลท่าแยก อำเภอเมืองสระแก้ว จังหวัดสระแก้ว 27000 (ห่างจากอุทยานแห่งชาติปางสีดา 6 กิโลเมตร) พิกัด : https://goo.gl/maps/SqSUEVTZJshFfSQRA วัน-เวลาทำการ : เปิดทุกวัน 08.30 – 18.00 น.  3 ตลาดนัดดอกแก้ว ตลาดนัดชุมชนรวมของดีสระแก้วในบรรยากาศผ้าไทย ตลาดนัดดอกแก้ว คือตลาดประจำเช้าวันศุกร์ที่จัดขึ้นบริเวณอาคารหอประชุม ศาลากลางจังหวัดสระแก้ว โดยหน่วยงานสำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดสระแก้ว เสน่ห์ของตลาดแห่งนี้คือการรวมร้านค้าของพ่อค้า แม่ค้า เกษตรกรตัวจริงที่ปลูกเอง ขายเอง แปรรูปเอง มีทั้งพืช ผัก ผลไม้ สมุนไพร อาหารพร้อมทาน เครื่องดื่ม ขนม ผ้าไทย และสินค้าโอทอปให้เลือกสรร  ในช่วงการแพร่ระบาดโควิด-19 ที่ร้านค้ารายย่อยได้รับผลกระทบจำนวนมาก ภาครัฐสนับสนุนตลาดนี้โดยจัดสรรและขยายพื้นที่ให้ร้านค้าขายได้มากขึ้น เป็นที่มาของชื่อใหม่ ‘ตลาดคนไทยยิ้มได้’ นอกจากความคึกคักในยามเช้าของตลาดนัด ที่มีผู้ซื้อส่วนใหญ่เป็นคนทำงานจากหลากหลายหน่วยงาน ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ศูนย์ราชการจังหวัดสระแก้ว มีนโยบายแต่งชุดผ้าไทยมาทำงานกันทุกวันศุกร์ ยิ่งทำให้ตลาดมีความน่ารักแบบวิถีไทย เหมือนเป็นรันเวย์ของสายแฟชันผ้าไทยไปโดยปริยาย  หนึ่งในร้านค้าโดดเด่นที่มาตั้งขายสินค้าที่ตลาดคือ OTOP Outlet ของ นาย-สุพัตรา วงศ์โกเมศ รวบรวมสินค้าน่าสนใจจากทั่วจังหวัด ทั้งของกิน ของใช้ เครื่องประดับ ของที่ระลึก และงานแฮนด์เมดสารพัด เรียกได้ว่าเป็นร้านค้า Made in Sa Kaeo ได้เลย ด้วยความชื่นชอบในงานแบบแฮนด์เมด ประกอบกับมีความรู้ความเข้าใจในด้านธุรกิจ เพราะเคยทำงานเป็นพนักงานธนาคารมาก่อน สุพัตราจึงเริ่มเข้ามาทำงานด้านโอทอปร่วมกับทางราชการอย่างเต็มตัว โดยมีความมุ่งมั่นช่วยส่งเสริมการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชน หาช่องทางการตลาดในสินค้าที่น่าสนใจ ถือเป็นผู้เชี่ยวชาญในการแสวงหาสินค้าที่เป็นหน้าเป็นตาให้กับจังหวัดสระแก้ว สร้างงาน อาชีพ รายได้ให้กับชุมชน และช่วยส่งเสริมภูมิปัญญาท้องถิ่นได้อย่างยั่งยืน ที่ตั้ง : ศาลากลางจังหวัดสระแก้ว ตำบลท่าเกษม

เมด อิน สระแก้ว อ่านเพิ่มเติม

✨ ลดขยะด้วยไอเดีย 3Rs ✨

ในช่วงที่ต้องทำงานที่บ้านแบบนี้ หลายคนคงรู้สึกเหมือนแอดว่าในแต่ละวัน เรามีขยะที่ต้องจัดการค่อนข้างเยอะทีเดียว แล้วเราจะเริ่มจากตรงไหนดี แอดเชื่อว่า หลาย ๆ คนคงเคยได้ยินแนวคิด 3Rs ที่เป็นแนวทางการลดปริมาณขยะมาบ้างแล้ว ซึ่ง 3Rs นี้ก็คือ Reduce, Reuse, Recycle นั่นเอง แอดว่าเผลอ ๆ เพื่อน ๆ ก็คงทำกันไปบ้างแล้ว วันนี้ แอดจะทบทวนและเสนอไอเดียเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เราสามารถทำได้จากที่บ้านในช่วงสถานการณ์แบบนี้กันอีกครั้ง ลองมาอ่านกัน แนวคิดของกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม (สส.) ซึ่งเป็นแนวทางในการลดการเกิดขยะตั้งแต่ต้นทาง ด้วยหลักการ 3Rs ได้แก่ ✨ Reduce คือ ลดการใช้แบบไม่จำเป็น เพื่อช่วยลดปริมาณขยะลง โดยมีไอเดียดังนี้ ✨ 1. ลดการสร้างขยะในที่ทำงาน ลดการใช้กระดาษในการจัดเก็บข้อมูล หันมาใช้ไฟล์อิเล็คโทรนิคส์ เปลี่ยนวิธีการส่งเอกสารแบบดั้งเดิม มาเป็นการส่งทางอีเมล นอกจากจะลดขยะ ยังช่วยประหยัดเงิน ประหยัดเวลา แถมลดโอกาสในการเจอผู้คนในสถานการณ์แบบนี้ด้วย หากจำเป็นต้องพิมพ์งาน ลองเปลี่ยนระยะขอบบนเอกสาร Word เช่น เปลี่ยนระยะขอบหน้ากระดาษจาก 1.25 นิ้วเป็น 0.75 นิ้ว จะช่วยลดปริมาณกระดาษที่ใช้ลงได้ ใช้กระดาษ 2 ด้าน 2. ลดการสร้างขยะในชีวิตประจำวัน พกถุงผ้า หรือใช้ตะกร้าเมื่อออกไปซื้อของ เพื่อลดการใช้ถุงพลาสติก ใช้ผ้าเช็ดหน้าแทนการใช้กระดาษทิชชู่ หากสั่งอาหารจาก App กดไม่รับช้อนส้อมพลาสติก เลือกซื้อผลิตภัณฑ์จากร้านรีฟิว (Refill Shop) เพื่อลดขยะจากบรรจุภัณฑ์ ✨ Reuse คือ การใช้ซ้ำ เป็นการใช้ทรัพยากรให้คุ้มค่าสูงสุดและประหยัดค่าใช้จ่าย โดยมีไอเดียดังนี้ ✨ นำขวดแก้ว หรือขวดพลาสติก มาใช้ซ้ำ เลือกใช้ถ่านไฟฉายแบบชาร์จได้ ดัดแปลงของใช้แล้วให้เกิดประโยชน์ เช่น นำขวดพลาสติกไปทำกระถางต้นไม้ นำกล่องอาหารมาใส่ของจุกจิก ฯลฯ นำเสื้อผ้าเก่าไปบริจาค หรือดัดแปลงเป็นผ้าเช็ดโต๊ะ ผ้าถูพื้น หรืออื่น ๆ ✨ Recycle คือ การนำกลับมาใช้ใหม่ ✨ เช่น การนำขยะอินทรีย์มาทำปุ๋ยหมัก น้ำหมักชีวภาพ หรือส่งต่อขยะเข้าสู่กระบวนการ Recycle อย่างเช่น การนำกระดาษที่ใช้แล้วไปผ่านกระบวนการผลิตซ้ำกลับมาเป็นกระดาษใหม่อีกครั้ง หรือนำขยะพลาสติกไปเข้ากระบวนการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์พลาสติกอีกครั้ง จุดสำคัญของกระบวนการนี้คือ การแยกขยะแต่ละประเภทให้ถูกต้อง เพื่อให้ผู้จัดการขยะในขั้นต่อไปสามารถทำงานได้ง่ายขึ้น โดยทั่วไปจะแยกได้ 4 ประเภท คือ ถังขยะมีพิษ (สีเทา ฝาแดง) เช่น กระป๋องสี สีสเปรย์ แบตเตอรี่ ยาฆ่าแมลง ถังขยะย่อยสลาย (สีเขียว) เช่น เศษอาหาร กิ่งไม้ ใบไม้ ผัก ถังขยะรีไซเคิล (สีเหลือง) เช่น กระดาษ ขวดน้ำ แก้วน้ำ เศษเหล็ก ถังขยะมูลฝอยทั่วไป ที่ย่อยสลายไม่ได้ (สีฟ้า) เช่น โฟมเปื้อนเศษอาหาร ถุงขนม พลาสติกใส่อาหาร หากไม่มีถังขยะแยกประเภท เราก็สามารถใช้วิธีแยกถุงแทน นอกจากนี้ แอดมีข้อแนะนำเล็ก ๆ น้อย ๆ ในการทิ้งหน้ากากอนามัยมาฝาก ดังนี้ รวบรวมและแยกหน้ากากอนามัยที่ใช้แล้วลงในถุงพลาสติกหรือถุงซิปล็อค ปิดปากถุงให้สนิทก่อนทิ้งลงถังขยะ หากทิ้งรวมในถุงดำ แปะโน้ตระบุสักนิด ว่าภายในมีหน้ากากอนามัยใช้แล้ว เพื่อช่วยในการคัดแยกให้ถูกวิธีและป้องกันพนักงานเก็บขยะหยิบจับโดยไม่รู้ตัว

✨ ลดขยะด้วยไอเดีย 3Rs ✨ อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top