สถานที่ท่องเที่ยว

ถาม-ตอบ คลายข้อสงสัยโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3 EP 3

สำหรับเพื่อน ๆ ที่มีข้อข้องใจนอกเหนือจากที่แอดนำเสนอในบทความนี้ สามารถอ่านเพิ่มเติมได้จากบทความด้านล่างได้เลย ถาม-ตอบ คลายข้อสงสัยโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3 ถาม-ตอบ คลายข้อสงสัยโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3 EP 2

ถาม-ตอบ คลายข้อสงสัยโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3 EP 3 อ่านเพิ่มเติม

ส่องสัตว์ซาฟารีเมืองไทย อุทยานแห่งชาติกุยบุรี 🐘🌿

มุ่งหน้าสู่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ที่ไม่ได้มีแค่ทะเล วันนี้แอดจะชวนเพื่อน ๆ เปลี่ยนบรรยากาศเข้าป่ามาส่องสัตว์กันค่ะ “อุทยานแห่งชาติกุยบุรี” เป็นถิ่นอาศัยของสัตว์ป่า มีพรรณไม้หายาก และยังเป็นสวรรค์ของสายเที่ยว Wildlife เลยล่ะ เพราะเราจะได้เห็นสัตว์ป่าจำนวนมากท่ามกลางธรรมชาติแบบใกล้ชิด ที่สำคัญอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ อีกด้วย ยิ่งในสถานการณ์ช่วงนี้ นั่งทำงานกันอยู่บ้านกันนาน ๆ คงจะเบื่อกันใช่มั้ย แต่เราคงต้องชะลอการเดินทางท่องเที่ยวไว้ก่อน แหล่งท่องเที่ยวหลายพื้นที่ก็ยังไม่เปิดให้บริการ แต่เพื่อน ๆ เก็บข้อมูลเส้นทางเหล่านี้ไว้ได้นะคะ รอให้สถานที่ท่องเที่ยวเหล่านี้กลับมาเปิดต้อนรับเราอีกครั้ง ออกไปเปิดหูเปิดตากับธรรมชาติเขียว ๆ กันนะ หากใครยังไม่เคยมา ต้องลองไปเห็นกับตาดูสักครั้งบอกเลยว่า feel good มาก ๆ : ) สำหรับทริปนี้ เพื่อความสะดวก เพื่อน ๆ สามารถเริ่มต้นจากอำเภอหัวหิน ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่งก็จะถึงอุทยานแห่งชาติกุยบุรีแล้วค่ะ อุทยานแห่งชาติกุยบุรีมีพื้นที่ครอบคลุมอำเภอปราณบุรี อำเภอสามร้อยยอด อำเภอกุยบุรี และอำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ สภาพแวดล้อมโดยรอบเป็นเทือกเขาสลับซับซ้อนและเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาตะนาวศรีค่าบริการเข้าอุทยานฯ: ผู้ใหญ่ 200 บาท อุทยานแห่งชาติกุยบุรี บ้านย่านซื่อ ตำบลหาดขาม อำเภอกุยบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์โทร. 08 1776 2410, 0 3251 0453https://goo.gl/maps/e6V5B3n6zgrJiHuy7 ในอดีตพื้นที่ป่ากุยบุรี เกิดความขัดแย้งระหว่างคนกับช้างป่า พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ได้พระราชทานแนวพระราชดำริว่า ควรฟื้นฟูป่า สร้างแหล่งอาหารแหล่งน้ำให้ช้างป่า เพื่อไม่ให้ช้างป่าออกมาหาอาหารในเขตการเกษตรของชาวบ้าน “โครงการอนุรักษ์และฟื้นฟูสภาพป่า บริเวณป่าสงวนแห่งชาติกุยบุรี อันเนื่องมาจากพระราชดำริ” จึงถือกำเนิดขึ้น และประสบความสำเร็จอย่างดี ช้างป่าเพิ่มจำนวน พืชไร่ของชาวบ้านปลอดภัย และผืนป่าก็กลับมาสมบูรณ์ กิจกรรมที่ห้ามพลาดคือ กิจกรรมชมช้างป่าและชมกระทิง ที่จะออกมาหากินเป็นฝูงแบบนี้ หากโชคดีอาจได้เห็น วัวแดง ที่อาศัยรวมอยู่ในฝูงกระทิงอีกด้วย แอดบอกเลยว่า หากใครเป็นสายถ่ายรูป Wildlife ต้องไม่พลาดที่นี่ คือดีงามสุด ๆ ขอบคุณรูปภาพจากเพจ อุทยานแห่งชาติกุยบุรี – Kui Buri National Park กิจกรรมชมสัตว์ป่าที่นี่จะอยู่ภายใต้การควบคุมความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่อุทยานฯ นักท่องเที่ยวต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด สำหรับการเดินทางเข้าไปชมสัตว์ ทางอุทยานฯ ไม่อนุญาตให้นำรถยนต์ส่วนตัวเข้าไปเอง เนื่องจากสัตว์ป่าภายในอุทยานฯ มีจำนวนมากและออกหากินกระจายในพื้นที่ อาจทำให้เกิดอันตรายได้ หากไม่ชำนาญเส้นทาง นักท่องเที่ยวสามารถเหมารถของชมรมท่องเที่ยวอนุรักษ์สัตว์ป่ากุยบุรี ซึ่งเป็นชาวบ้านที่ผ่านการอบรมและทำหน้าที่ร่วมกับอุทยานฯ พานักท่องเที่ยวเข้าไปชมสัตว์ตามจุดต่าง ๆ ขอบคุณรูปภาพจากเพจ อุทยานแห่งชาติกุยบุรี – Kui Buri National Park ข้อปฏิบัติในการเข้าชมสัตว์ป่า หากเจอสัตว์ป่าระหว่างทาง นักท่องเที่ยวต้องอยู่บนรถ ไม่ควรเข้าไปใกล้กับช้างป่าหรือสัตว์ป่าทุกชนิด ไม่ส่งเสียงดัง ใช้กล้องไม่เปิดแฟลช และไม่ควรให้อาหารสัตว์ป่า เนื่องจากทางอุทยานฯ จะทำแหล่งอาหารและแหล่งน้ำให้กับสัตว์ป่าอยู่แล้ว เช่น โป่งเทียม หรือการทำแปลงหญ้า ช่วงเวลาที่อนุญาตให้เข้าชมสัตว์ป่า คือ 14.00-17.00 น. ใช้เวลาประมาณ 3-4 ชั่วโมงในการชม (ขึ้นอยู่กับการตกลงกันว่าจะชมนานแค่ไหน) กิจกรรมชมสัตว์ป่า นักท่องเที่ยวสามารถมาเที่ยวได้ภายใน 1 วัน หรือหากอยากจะพักค้างคืนก็มีที่พักโฮมสเตย์ให้บริการ ขอบคุณรูปภาพจากเพจ ชมรมท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์สัตว์ป่ากุยบุรี ค่าบริการรถเข้าชมรวมไกด์นำเที่ยว-คันละ 850 บาท นั่งไม่เกิน 8 คน ขอบคุณรูปภาพจากเพจ ชมรมท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์สัตว์ป่ากุยบุรี นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวยังสามารถชื่นชมธรรมชาติไปตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติต่าง ๆ ภายในอุทยานแห่งชาติกุยบุรี ระยะทางประมาณ 800 เมตร ถึง 3,000 เมตร หนึ่งในเส้นทางที่น่าสนใจก็คือ การไปชมตอไม้จันทน์หอม ที่ใช้สร้างพระบรมโกศของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ไม้จันทน์หอม จัดเป็นไม้มีค่าและหายาก มีกลิ่นหอมทุกส่วนของลำต้น ตั้งแต่ แก่น เปลือก กระพี้ พบมากที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรีนี่เอง อีกจุดที่แนะนำก็คือ น้ำตกแพรกตะคร้อ น้ำตกขนาดใหญ่ เป็นต้นน้ำลำธารของลุ่มน้ำปราณบุรี แตกแขนงเป็นลำธารไหลคดเคี้ยวไปทั่ว ทิวทัศน์สวยงาม ความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่าทำให้น้ำตกแพรกตะคร้อมีน้ำใส ไหลเย็นตลอดทั้งปี แต่ถ้ามาเที่ยวช่วงฤดูฝน แนะนำให้ใช้รถ 4WD ชมรมท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์สัตว์ป่ากุยบุรี บ้านรวมไทยมีกิจกรรมเกี่ยวกับการอนุรักษ์หลายอย่าง หากสนใจลองติดต่อได้ค่ะโทร. 08 5266 1601 (พี่บัว) ช้างป่าโฮมสเตย์ค่าที่พัก คนละ 200 บาท ไม่รวมอาหารค่าที่พัก คนละ 750 บาท รวมอาหาร 2 มื้อ (พาขึ้นไปชมพระอาทิตย์ยามเช้า บริการชา กาแฟ) ขอบคุณรูปภาพจากเพจ อุทยานแห่งชาติกุยบุรี – Kui Buri National Park

ส่องสัตว์ซาฟารีเมืองไทย อุทยานแห่งชาติกุยบุรี 🐘🌿 อ่านเพิ่มเติม

ถาม-ตอบ คลายข้อสงสัยโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3 EP 2

สำหรับเพื่อน ๆ ที่มีข้อข้องใจนอกเหนือจากที่แอดนำเสนอในบทความนี้ สามารถอ่านเพิ่มเติมได้จากบทความด้านล่างได้เลย ถาม-ตอบ คลายข้อสงสัยโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3

ถาม-ตอบ คลายข้อสงสัยโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3 EP 2 อ่านเพิ่มเติม

✨ เขาล้อมหมวก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ✨

เขาล้อมหมวกเป็นสถานที่ปีนเขาที่ไม่ได้เปิดตลอด 365 วัน โดยปกติจะเปิดเป็นรอบ ๆ ตามประกาศของกองบิน 5 ให้นักท่องเที่ยวได้ขึ้นไปชมความงามของธรรมชาติ แต่จากสถานการณ์ปัจจุบัน ทำให้เดินทางไปได้ยาก แอดเลยจะพาเพื่อน ๆ มาปีนเขาทิพย์กันก่อน ตามมาปีนด้วยกันได้เลย 📍 ตำบลเกาะหลัก อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์⏰ เปิดให้เข้าชม เวลา 06.00-10.00 น. (สอบถามรอบวันขึ้นเขาได้จากหน่วยงานที่ดูแล)📞 0 3261 1017 ต่อ (60202)(60215) , 08 0373 1876🌐 https://goo.gl/maps/cPWrGC9aQ7sqSAEd9 อย่าลืมเช็คมาตรการในการเดินทางเข้าจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้ที่ https://www.facebook.com/ssjpcko/ สำหรับใครที่ยังไม่พร้อมหรือยังไม่สะดวกเดินทาง สามารถอ่าน eBook จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้ที่ https://www.amazingthailandebook.com/issue/32 หรือสามารถดาวน์โหลดในรูปแบบ Application : Amazing Thailand eBook ได้ทั้งระบบ iOS และ Android https://mobile.amazingthailandebook.com/redirect/ ก่อนอื่นแอดขอแนะนำเขาล้อมหมวกสำหรับคนที่ไม่รู้จักก่อน เขาล้อมหมวก  ตั้งอยู่ในเขตกองบิน 5 ระหว่างอ่าวมะนาวและอ่าวประจวบ เป็นภูเขาหินปูนสูง 902 ฟุต บนยอดเขาสามารถชมวิวได้แบบ 360 องศา วิวอลังการสุด ๆ สามารถมองเห็นอ่าวของประจวบคีรีขันธ์ทั้งหมดได้แบบพาโนราม่าเลยล่ะ การเดินทาง แอดขอแนะนำรถยนต์ส่วนตัว สะดวกที่สุด จากตัวเมืองประจวบคีรีขันธ์ ใช้เวลาประมาณ 10 นาทีเท่านั้น (4-5 กิโลเมตรจากตัวเมือง) ขับเลาะทะเลมาเพื่อเข้าสู่กองบินที่ 5 ขับตามป้าย “เขาล้อมหมวก” มาเรื่อย ๆ จนถึงเต็นท์กองอำนวยการ แถว ๆ ลานกิจกรรมบริเวณศาลเจ้าพ่อเขาล้อมหมวก ซึ่งเป็นจุดลงทะเบียนได้เลย ก่อนขึ้นเขาล้อมหมวก เพื่อน ๆ สามารถไปที่ศาลเจ้าพ่อเขาล้อมหมวก ศาลที่ชาวบ้านในพื้นที่เชื่อว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ผู้ดูแลคุ้มครองพื้นที่แห่งนี้ สามารถเข้าไปสักการะภายในศาลได้เลย จะมีดอกไม้ธูปเทียนเตรียมไว้ให้  หากพร้อมแล้ว เริ่มเดินกันได้เลยเส้นทางขึ้นสู่เขาล้อมหมวก แบ่งเป็น 8 จุดบริการ มีเจ้าหน้าที่ประจำอยู่ทุกจุด โดย 3 จุดแรก เป็นทางเดินแบบขั้นบันไดจำนวน 496 ขั้น (เดินง่ายแต่เหนื่อยมาก) ส่วนระยะทางที่เหลืออีก 5 จุดนั้น ต้องใช้มือและเท้าพยุงตัวไต่ไปตามแนวหิน ระดับความชันมีตั้งแต่ 45-90 องศา โดยจะมีเชือกให้เกาะไปตามเส้นทาง (เดินยากแต่สนุกมาก)  ระหว่างทางเดินขึ้นเขา เราจะพบกับฝูงค่างแว่นถิ่นใต้เป็นระยะ  เนื่องจากค่างเเว่นถิ่นใต้เป็นสัตว์ป่า จึงไม่ควรให้อาหาร เพราะอาจเกิดอันตราย และมีผลต่อพฤติกรรมของสัตว์ได้  ขอบคุณรูปรูปภาพสวย ๆ จากช่างภาพ : ธเนศ งามสม  เมื่อเริ่มขึ้นสูงวิวก็ยิ่งสวย หลังจากใช้เวลาไปประมาณ 1.30 ชั่วโมง แอดก็มาถึงยอดเขา บอกเลยว่าสวยมาก วิวประทับใจคุ้มค่ากับความเหนื่อยจริง ๆ  หากสถานการณ์ดีขึ้น เพื่อน ๆ ที่สนใจ สามารถติดตามประกาศขึ้นเขาล้อมหมวก และข่าวสารต่าง ๆ ได้ที่ : https://www.facebook.com/กิจกรรมพิชิตยอดเขาล้อมหมวก  รายละเอียดการขึ้นยอดเขาล้อมหมวก– เปิดลงทะเบียน ณ จุดขึ้นเขา เวลา 06.00 – 10.30 น. (หากมาหลัง 10.30 น. จะไม่อนุญาตให้ขึ้นเขา)– ลงทะเบียนแล้วขึ้นได้เลยภายในเวลาที่กำหนด ไม่มีรอบ ไม่ต้องจองล่วงหน้า– ไม่จำกัดจำนวนคนขึ้นเขา– เวลา 12.00 น. เจ้าหน้าที่จะให้ลงจากยอดเขาทุกคน– ไม่มีค่าใช้จ่าย– ขึ้นได้ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ– แจ้งขอรับใบประกาศนียบัตรที่ระลึกได้ มีค่าธรรมเนียม 40 บาท (ไม่บังคับ)– ขาขึ้นใช้เวลาประมาณ 40 นาที- 2 ชั่วโมง (ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกาย) ขาลงใช้เวลาประมาณ 20 – 40 นาที  สิ่งที่ต้องเตรียม– ฟิตร่างกายให้พร้อม– เตรียมน้ำดื่มไปจิบระหว่างทาง (แต่ต้องนำลงมาทิ้งข้างล่างด้วยนะ)– สวมถุงมือ (กันเชือกบาด) มีขาย 20 บาท บริเวณร้านค้าด้านล่าง– สวมชุดทะมัดทะแมง และรองเท้าผ้าใบ  ทั้งนี้แอดมีข้อแนะนำเพิ่มเติมคือ กิจกรรมนี้ไม่เหมาะสำหรับเด็กและผู้สูงอายุ ผู้ที่มีโรคประจำตัวเช่น โรคหัวใจและโรคหอบหืด 

✨ เขาล้อมหมวก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ✨ อ่านเพิ่มเติม

✨ คำแนะนำพาสัตว์เลี้ยงเที่ยว ✨

แอดเชื่อว่าเพื่อน ๆ ที่มีสัตว์เลี้ยง ต้องมีสักครั้งที่คิดอยากจะพาน้อง ๆ ไปเที่ยวด้วย แต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มยังไง วันนี้แอดมีคำแนะนำเล็ก ๆ น้อย ๆ ในการพาน้อง ๆ ออกไปเที่ยวด้วย ตามไปอ่านกันเลยยย 1.ตรวจสุขภาพก่อนเดินทาง 🐦 แนะนำให้พาน้อง ๆ ไปตรวจสุขภาพกับสัตวแพทย์ก่อน เพื่อให้มั่นใจว่าแข็งแรงและพร้อมที่จะเดินทาง เพราะถ้าพาเขาไปตอนป่วยคงไม่ดีแน่ ที่สำคัญ อย่าพาน้อง ๆ ที่กำลังตั้งท้องออกเดินทางนะ 2.เตรียมรถยนต์ 🐈 แนะนำให้ใช้เบาะหลัง โดยสวมปลอกคอและผูกสายจูงไว้กับที่จับด้านข้างประตู เพื่อให้เขาอยู่กับที่ หรือจะคาดเข็มขัดนิรภัยสำหรับสัตว์เลี้ยงก็ได้ ถ้าตัวเล็ก แนะนำให้อยู่ในกรง เนื่องจากสัตว์เลี้ยงบางตัวชอบวิ่งเล่น หรือปีนป่าย อาจรบกวนสมาธิคนขับ หรือเกิดอุบัติเหตุได้ ในการเดินทางด้วยรถ ไม่ควรเดินทางทันทีที่กินอิ่ม ควรให้น้อง ๆ กินก่อนขึ้นรถไม่น้อยกว่า 2 ชั่วโมง ป้องกันการเมารถและอาเจียน 3.เตรียมปลอกคอ สายจูง เหรียญระบุตัวสัตว์เลี้ยง 🐕‍🦺 เมื่อพาสัตว์เลี้ยงออกนอกบ้าน ควรใช้ปลอกคอและสายจูงเสมอ รวมทั้งห้อยเหรียญระบุตัวที่ใส่ชื่อและเบอร์ติดต่อของเจ้าของ หากพลัดหลง ผู้พบเห็นจะได้ติดต่อเจ้าของได้ ปัจจุบันยังมีอีกหนึ่งทางเลือกก็คือ การฝังไมโครชิพให้สัตว์เลี้ยง ซึ่งภายในชิพจะระบุข้อมูลเพื่อสืบค้นเมื่อเกิดกรณีสัตว์เลี้ยงหาย โดยไมโครชิพจะมีรหัสเป็นตัวเลข 15 หลักตามมาตรฐานสากล รหัส 3 ตัวแรกเป็นรหัสประเทศที่สัตว์อยู่ ส่วนรหัสอีก 12 ตัวจะเป็นข้อมูลเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง เช่น ชนิด สายพันธุ์ สี อายุ เพศ ตำหนิ รวมไปถึงข้อมูลเจ้าของ ทั้งชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ และช่องทางติดต่ออื่น ๆ หากเพื่อน ๆ ต้องการฝังไมโครชิพให้น้อง ๆ สามารถทำได้โดยการแจ้งความประสงค์แก่สถานพยาบาลสัตว์หรือคลินิกสัตวแพทย์ และทำการนัดหมายเวลา พร้อมเตรียมเอกสาร อย่าง สำเนาบัตรประชาชนของเจ้าของ สำเนาทะเบียนบ้านที่สัตว์เลี้ยงอาศัยอยู่ หนังสือรับรองทะเบียนตัวสัตว์เลี้ยงที่จะฝังไมโครชิพ ซึ่งหลังจากตรวจเอกสารเรียบร้อยแล้ว เจ้าหน้าที่จะดำเนินการฝังไมโครชิพ พร้อมออกเอกสารรับรองการฉีดไมโครชิพให้ เป็นอันเสร็จเรียบร้อย 4.น้ำดื่ม อาหาร 🦮 แนะนำให้เพื่อน ๆ เตรียมน้ำและอาหารให้เพียงพอสำหรับการเดินทางในแต่ละครั้ง ถ้าเดินทางในช่วงอากาศร้อน ควรเตรียมน้ำเผื่อให้มากขึ้นอีกสักหน่อย เพราะน้อง ๆ อาจต้องการดื่มน้ำมากกว่าปกติ อย่าลืมชามอาหาร และชามใส่น้ำ (ถ้าเป็นแบบมีฝาปิดจะสะดวกในการใช้งานมาก) 5.ถุงพลาสติกสำหรับเก็บขยะ กระดาษทิชชู่ 🐩 เป็นสิ่งสำคัญมากในการพาน้อง ๆ เที่ยว ควรเก็บกวาดหลังการขับถ่ายของน้อง ๆ ให้เรียบร้อย เพื่อรักษาความสะอาด ลดกลิ่นไม่พึงประสงค์ และช่วยรักษาบรรยากาศที่ดีของสถานที่ท่องเที่ยวอีกด้วย 6. วางแผนล่วงหน้าไว้ทุกเส้นทาง 🐕 ทุกครั้งก่อนออกเดินทาง เพื่อน ๆ ต้องหาข้อมูลและตรวจสอบก่อนทุกครั้ง ว่าสถานที่เราจะไปสามารถพาสัตว์เลี้ยงไปด้วยได้ ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร โรงแรม บังกะโล หรือแม้แต่การนอนเต็นท์ ต้องมั่นใจว่าสถานที่นั้นอนุญาตจริง ๆ ที่สำคัญ อย่าลืมเตรียมเอกสารสำคัญ เช่น ใบรับรองการฉีดวัคซีน ประวัติการแพ้ยา เบอร์โทรศัพท์ของสัตวแพทย์ประจำ และสถานพยาบาลปลายทางสำหรับกรณีฉุกเฉินไว้ด้วย

✨ คำแนะนำพาสัตว์เลี้ยงเที่ยว ✨ อ่านเพิ่มเติม

✨ อ่างเก็บน้ำแก่งกระจาน ✨

สุดสัปดาห์นี้แอดจะชวนไปเที่ยว “อ่างเก็บน้ำแก่งกระจาน” สถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตสำหรับชาวแคมป์ปิ้ง อยู่ใกล้กรุงเทพฯ เหมาะกับการพักผ่อนทริปสั้น ๆ นอกจากนี้ แอดยังมีอัปเดตมาตรการ New Normal มาฝากด้วย อย่าลืมเช็คมาตรการในการเดินทางเข้าจังหวัดเพชรบุรี ได้ที่ https://www.facebook.com/phetburihealth/สำหรับใครที่ยังไม่พร้อมหรือยังไม่สะดวกเดินทาง สามารถอ่าน eBook จังหวัดเพชรบุรีได้ที่ https://www.amazingthailandebook.com/issue/33 หรือสามารถดาวน์โหลดในรูปแบบ Application : Amazing Thailand eBook ได้ทั้งระบบ iOS และ Android https://mobile.amazingthailandebook.com/redirect/ อ่างเก็บน้ำแก่งกระจาน ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ซึ่งเป็นอุทยานที่มีพื้นที่กว้างใหญ่ที่สุดของไทย อีกทั้งยังเป็นป่าต้นน้ำลำธารของแม่น้ำเพชรบุรี และแม่น้ำปราณบุรี มีพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขาสลับซับซ้อนอยู่ในแนวทิวเขาตะนาวศรี อ่างเก็บน้ำแก่งกระจาน เกิดจากการสร้างเขื่อนดินปิด 3 ช่องทางระหว่างหุบเขา ทำให้น้ำเอ่อล้นท่วมแก่งน้ำเดิม กลายเป็นผืนน้ำขนาดกว้างใหญ่ กลางอ่างเก็บน้ำมีเกาะแก่งโผล่พ้นน้ำกระจายตัวอยู่หลายจุด ทำให้เกิดทิวทัศน์ที่สวยงาม นอกจากนี้ยังเป็นที่ตั้งของที่ทำการอุทยานฯ อีกด้วย  มาเที่ยวอ่างเก็บน้ำแก่งกระจาน ทำกิจกรรมอะไรได้บ้าง กางเต็นท์ ถือเป็นกิจกรรมไฮไลต์สำหรับนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เลยทีเดียว ในช่วงหน้าฝนนี้ อากาศเริ่มเย็นลง หากไปจังหวะดี ๆ อาจจะได้เห็นหมอกบาง ๆ  ค่าธรรมเนียมกางเต็นท์ 30 บาท/หลัง/คืนแต่ถ้าอยากพักในบ้านพัก ที่นี่ก็มีบ้านพักให้บริการ มีทั้งหมด 15 หลัง ราคาประมาณ 800-3,000 บาท  สามารถจองบ้านพัก ลานกางเต็นท์ ผ่านเว็บไซต์ของกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้ที่ https://nps.dnp.go.th/ ดูนก อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานได้ชื่อว่าเป็นแหล่งดูนกที่มีชื่อเสียงมาก ด้วยสภาพธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ทำให้มีนกหลากหลายชนิด จุดยอดนิยมจุดหนึ่งก็คือบริเวณริมอ่างเก็บน้ำ ซึ่งมีนกหลายชนิดอาศัยอยู่ แม้จะเป็นมือใหม่หัดดูนก ก็สามารถเห็นนกได้ไม่ยาก หากเพื่อน ๆ ตั้งใจจะมาดูนกด้วย แอดก็มีข้อมูลเล็ก ๆ เกี่ยวกับข้อปฏิบัติและเทคนิคในการดูนกแบบง่าย ๆ จากกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช มาฝากค่ะhttp://portal.dnp.go.th/Content/nationalpark?contentId=1146 ขอบคุณรูปภาพสวย ๆ จาก ชมรมภาพถ่ายเพชรบุรี ล่องเรือชมวิวอ่างเก็บน้ำแก่งกระจาน เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่เหมาะแก่การพักผ่อนหย่อนใจ แถมคนที่ชื่นชอบการตกปลาก็สามารถมาตกปลาที่นี่ได้นะสามารถติดต่อเช่าเรือได้ที่ร้านอาหารหรือชมรมเรือที่อยู่บริเวณที่ทำการอุทยานฯ ราคาประมาณ 500-700 บาท ขึ้นอยู่กับระยะทาง ชมพระอาทิตย์ตกดินตรงบริเวณสันเขาตะนาวศรี ถ้ามากางเต็นท์ค้างแรมที่นี่ไม่ควรพลาดกิจกรรมนี้ รับรองวิวสวยประทับใจ และมีรูปสวย ๆ กลับบ้านเป็นที่ระลึกแน่นอน **สะพานแขวนปิดปรับปรุง** สิ่งอำนวยความสะดวก– ร้านค้าสวัสดิการ (ร้านอาหาร) ให้บริการทุกวัน วันอาทิตย์-ศุกร์ เวลา 08.00-18.00 น. / วันเสาร์ เวลา 08.00-19.00 น.– Wi-fi– ตู้ ATM– ห้องน้ำในเขตอุทยานฯ– เต็นท์ให้เช่า (ขนาดพัก 2-4 คน) ราคา 120-250 บาท/คืน มาตรการในการเข้าพื้นที่อุทยานฯ  ค่าธรรมเนียมเข้าพื้นที่อุทยานฯ ผู้ใหญ่ 100 บาท / เด็ก 40 บาท ค่าธรรมเนียมสำหรับพาหนะ รถจักรยานไม่เสียค่าบริการ/ รถจักรยานยนต์ 20 บาท / รถยนต์ 30 บาท ลงทะเบียนจองเข้าอุทยานล่วงหน้า ผ่านแอพพลิเคชัน QueQ ควรมาถึงก่อนเวลาอย่างน้อย 10 นาที แสดงตัวตนต่อเจ้าหน้าที่ด้วยรหัสการจองและเอกสารยืนยันตัวตน กรณีไม่ได้จองล่วงหน้า สามารถ Walk-in ได้ แต่จะให้สิทธิ์ผู้จองล่วงหน้าก่อน หากจำนวนนักท่องเที่ยวในช่วงเวลานั้นไม่เกินจำนวนที่รองรับได้ จึงจะให้สิทธิ์นักท่องเที่ยวที่ไม่ได้ทำการจอง มีการตรวจวัดอุณหภูมิที่บริเวณด่านทางเข้า นักท่องเที่ยวต้องสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า หมั่นล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ และเว้นระยะห่าง Check-in และ Check-out ผ่านแอพพลิเคชัน ไทยชนะ  ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน 032 772 311 หรือ inbox Facebook : https://www.facebook.com/Kaengkrachannationalparkofficial/

✨ อ่างเก็บน้ำแก่งกระจาน ✨ อ่านเพิ่มเติม

กินลม ชมวิว ใกล้เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์

เมื่อพูดถึงสถานที่ท่องเที่ยวของจังหวัดลพบุรี หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่ใคร ๆ ต้องนึกถึงก็คือเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ที่ตั้งอยู่ในอำเภอพัฒนานิคม ซึ่งหลายคนน่าจะเคยไปเที่ยวตั้งแต่ยังเป็นเด็ก แต่เพื่อน ๆ รู้ไหมว่าใกล้กับเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกหลายแห่ง วันนี้แอดจะพาไปดูว่า ใน 1 วัน เราจะไปเที่ยวที่ไหนกันได้บ้าง แม้ว่าหลายคนอาจจะต้องชะลอการเดินทางท่องเที่ยวไว้ก่อน เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด 19 แต่เพื่อน ๆ สามารถเก็บข้อมูลเส้นทางนี้ไว้ แล้วค่อยไปเที่ยวทีหลังได้ค่ะ เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ ใช้เวลาขับรถประมาณ 2-3 ชั่วโมง สามารถท่องเที่ยวแบบไปเช้า-เย็นกลับได้สบาย ๆ ทริปนี้แอดแนะนำให้ขับรถไปเที่ยว เพราะสถานที่ท่องเที่ยวบางแห่งไม่มีรถโดยสารหรือรถประจำทางเข้าถึงค่ะ สถานที่ท่องเที่ยวที่เราจะไปปักหมุดกันในทริปนี้ 1. ไร่ทรัพย์ประยูร 2. บ้านกล้วย & ไข่ คาเฟ่ 3. เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ 4. ทะเลน้ำจืดมะนาวหวาน 5. หน่วยพิทักษ์ป่าท่าฤทธิ์ 6. น้ำตกวังก้านเหลือง 7. จุดชมวิวเขาพระยาเดินธง ไร่ทรัพย์ประยูร เป็นสวนเฟิร์นขนาด 4 ไร่ ที่เกิดจากความชื่นชอบเฟิร์นของคุณโย เจ้าของร้าน จึงค่อย ๆ ศึกษา จนเกิดเป็นธุรกิจจำหน่ายเฟิร์นทั้งในและต่างประเทศ ที่นี่มีเฟิร์นหลายขนาดให้ชม รวมทั้งยังมีต้นไม้ที่น่าสนใจอื่น ๆ อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเคราฤาษีขนาดใหญ่ สับปะรดอากาศ และกระบองเพชร ในช่วงประมาณเดือนตุลาคม – พฤศจิกายน จะมีทุ่งดอกคอสมอสและดอกทานตะวันบานสะพรั่งสวยงาม มีฉากหลังเป็นทางรถไฟ ถ้าโชคดีอาจได้เห็นรถไฟวิ่งผ่านด้วย ใครเป็นสายถ่ายรูปต้องไม่พลาดค่ะ ถึงตอนนี้ไร่ทรัพย์ประยูรจะยังไม่เปิดให้บริการเต็มรูปแบบ เนื่องจากกำลังปรับปรุงส่วนของร้านอาหารและคาเฟ่อยู่ ซึ่งคาดว่าจะเปิดภายในเดือนธันวาคมนี้ แต่เพื่อน ๆ ยังสามารถไปซื้อต้นไม้และชมทุ่งดอกคอสมอสได้ค่ะ นอกจากนี้ ภายในสวนมีฟาร์มสัตว์ขนาดเล็ก เช่น หมู กระต่าย นกแก้ว และปลาคาร์ฟด้วยนะ น่ารักสุด ๆ  51 หมู่ 6 ตำบลหนองบัว อำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี  เปิดทุกวัน เวลา 08.00 – 17.30 น.  094 392 9552 คุณนราพล บุญขยาย (คุณโย) https://goo.gl/maps/nJt5NdqKBntXfarE8  ขอบคุณรูปภาพจาก ไร่ทรัพย์ประยูร บ้านกล้วย & ไข่ คาเฟ่  ก่อนจะไปเที่ยวกันต่อ เราแวะหาของอร่อยกินที่ ร้านบ้านกล้วย & ไข่กัน คาเฟ่นี้มีรูปปั้นผลไม้หลากชนิดอยู่หน้าร้านเป็นจุดสังเกต เรียกว่า ไม่ต้องกลัวหาร้านไม่เจอเลยล่ะ ร้านกาแฟตกแต่งแบบเรียบง่าย มีทั้งอาหารไทย อาหารฝรั่ง และเครื่องดื่มให้บริการ นอกจากนี้ ยังมีผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรและผักปลอดสารพิษที่ทางร้านปลูกเองวางจำหน่ายอีกด้วย  ขอบคุณรูปภาพจากร้าน บ้านกล้วย & ไข่ คาเฟ่ เมื่อเดินไปหลังร้าน จะพบกับบ่อปลาขนาดใหญ่ มีสวนร่มรื่น เหมาะกับการนั่งพักผ่อนหย่อนใจ นอกจากนี้ยังมีสวนผัก และสวนผลไม้นานาชนิด เช่น สวนกล้วย ลำไย และมะม่วง ที่เพื่อน ๆ สามารถไปเดินชมได้  ตำบลหนองบัว อำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี  เปิดทุกวัน เวลา 07.00 – 18.00 น.  08 9896 1107, 08 9890 6616 https://goo.gl/maps/K56BLTdNfX9Vcnqd8  ขอบคุณรูปภาพจากร้าน บ้านกล้วย & ไข่ คาเฟ่ เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เขื่อนป่าสักฯ เป็นเขื่อนดินที่สร้างขึ้นเพื่อป้องกันอุทกภัย และกักเก็บน้ำจากแม่น้ำป่าสัก เอาไว้ให้ประชาชนใช้ในการอุปโภค บริโภค และทำการเกษตร กิจกรรมที่น่าสนใจภายในเขื่อน นั่งรถรางชมทัศนียภาพรอบเขื่อน ใช้เวลาไป-กลับรอบละประมาณ 40 นาที ระหว่างทางจะมีมัคคุเทศก์น้อยคอยบรรยายประวัติความเป็นมา และเกร็ดความรู้เกี่ยวกับเขื่อน รถรางจะวิ่งไปตามสันเขื่อน และสิ้นสุดที่องค์พระพุทธรัตนมณีมหาบพิตรชลสิทธิ์มงคลชัย หรือหลวงปู่ใหญ่ป่าสัก ซึ่งเป็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่ประดิษฐานอยู่บริเวณท้ายสันเขื่อน พระพุทธรูปองค์นี้สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2554 เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เนื่องในโอกาสทรงเจริญพระชนมพรรษา 84 พรรษา นอกจากนี้ ยังมีหอคอยเฉลิมพระเกียรติ ที่สามารถขึ้นไปชมวิวด้านบนได้ และมีพิพิธภัณฑ์ลุ่มแม่น้ำป่าสักที่จัดแสดงความรู้ด้านธรรมชาติและวัฒนธรรมในพื้นที่กักเก็บน้ำเขื่อนป่าสักฯ อีกหนึ่งกิจกรรมที่เป็นที่นิยมคือ การนั่ง “รถไฟลอยน้้ำ” ชมวิวเขื่อนป่าสักฯ ซึ่งขบวนรถไฟลอยน้ำนี้ เป็นขบวนรถไฟนำเที่ยวเส้นทาง กรุงเทพฯ – เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ซึ่งมีช่วงที่รถไฟวิ่งข้ามเขื่อน และจะจอดแวะให้นักท่องเที่ยวถ่ายรูปและชมวิวกลางเขื่อน ขบวนรถไฟนำเที่ยว กรุงเทพฯ – เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ปกติจะให้บริการในช่วงเดือนพฤศจิกายน-เดือนมกราคมของทุกปี สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ การรถไฟแห่งประเทศไทย โทร. 1690 หรือ https://www.facebook.com/pr.railway เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์  ตำบลหนองบัว อำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี  เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 06.00 – 18.00 / รถรางเปิดให้บริการทุกวัน เวลา 08.00 – 17.00 น.  0 3649 4031-4, 036 494 243 https://goo.gl/maps/1CvxtPYFJH6yTTsMA ถ้ายังไม่สามารถมูฟออนจากการชมวิวสวย ๆ ของเขื่อนป่าสักฯ ได้ บริเวณท้ายเขื่อนมีจุดชมวิวที่น่าไปนั่งชิลล์ นั่นคือ ทะเลน้ำจืดมะนาวหวานและหน่วยพิทักษ์ป่าท่าฤทธิ์ ทะเลน้ำจืดมะนาวหวานและหน่วยพิทักษ์ป่าท่าฤทธิ์ เป็นทุ่งหญ้าโล่งกว้างริมเขื่อนป่าสักฯ จะปรากฎขึ้นประมาณ เดือนมีนาคม-เดือนกันยายน ซึ่งเป็นช่วงที่น้ำในเขื่อนลดระดับลง นักท่องเที่ยวนิยมมานั่งปิกนิคหรือตั้งแคมป์ตอนแดดร่มลมตก และถ้าไปตอนเย็นจะได้เห็นบรรยากาศพระอาทิตย์ตก ซึ่งเป็นภาพที่สวยงามมาก ๆ

กินลม ชมวิว ใกล้เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ อ่านเพิ่มเติม

✨ วัดป่าวิเวกวัฒนาราม จ.มุกดาหาร ✨

วันนี้แอดจะมาแนะนำวัดแห่งหนึ่งใน จ.มุกดาหาร ให้รู้จัก เป็นพุทธสถานที่สวยงาม และเป็นสถานที่ที่เคยมีพระเกจิอาจารย์ชื่อดังจำนวนมากมาปฎิบัติธรรมและจำพรรษา นั่นก็คือ “วัดป่าวิเวกวัฒนาราม” วัดดังแห่ง อ.คำชะอี จุดเด่นของวัดนี้คือ “เจดีย์บู่ทองกิตติ” เป็นเจดีย์ที่สวยงาม รูปทรงแปลกตา มีลักษณะห้ายอด สร้างตามรูปแบบที่หลวงปู่จาม มหาปุญโญ อดีตเจ้าอาวาส (ปัจจุบันละสังขารแล้ว) ฝันเห็น เจดีย์นี้สร้างแล้วเสร็จใน พ.ศ. 2530 โดยใช้เป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุและพระธาตุของอรหันต์สาวกของพระพุทธองค์ รวมถึงวัตถุโบราณอีกหลายอย่างที่หลวงปู่จามได้รับมา ไม่ไกลจากเจดีย์คือพระอุโบสถสีออกม่วงและสีส้มอ่อน แวดล้อมด้วยต้นไม้ บรรยากาศร่มรื่น ภายในประดิษฐานพระประธานปางมารวิชัย และพระพุทธรูปอื่นอีกหลายองค์ รวมทั้งมีส่วนจัดแสดงชีวประวัติของหลวงปู่จามและหลักธรรมคำสอนของท่านด้วย วัดนี้ไม่เคยขอรับบริจาค ไม่มีการจำหน่ายวัตถุมงคล ดังนั้นภายในวัดป่าวิเวกวัฒนารามจึงไม่มีตู้รับบริจาค ชาวบ้านที่นี่ให้ความเคารพความศรัทธากับหลวงปู่จามมาก จนต่างพากันเรียกชื่อวัดป่าวิเวกวัฒนารามว่า วัดหลวงปู่จาม เนื่องจากที่นี่เป็นสถานปฏิบัติธรรม หลายคนมาเพราะต้องการความสงบและมานั่งสมาธิ หากเพื่อน ๆ สนใจมาเที่ยวที่นี่ แอดแนะนำให้มาด้วยความสำรวม หลีกเลี่ยงการใช้เสียงที่ดังและที่สำคัญ ปฏิบัติตัวตามมาตรการป้องกันโควิด 19 กันด้วยล่ะ วัดป่าวิเวกวัฒนาราม📍 : 3 หมู่ 9 บ้านห้วยทราย ถนนคำชะอี-กุฉินารายณ์ คำชะอี คำชะอี มุกดาหาร 49110🌐 : https://goo.gl/maps/C3eRc2HYM2K2

✨ วัดป่าวิเวกวัฒนาราม จ.มุกดาหาร ✨ อ่านเพิ่มเติม

ยโสธรการเกษตร

คนยโสธรเป็นสายกรีนมาแต่กำเนิด พวกเขายึดถือการทำนาข้าวเป็นอาชีพเลี้ยงตัวมาแต่เก่าก่อน ผูกพันกับชีวิตชนิดแยกกันไม่ขาด ที่สำคัญคือต่อยอดเป็นเมืองเกษตรอินทรีย์มาสักพักใหญ่แล้ว จากความร่วมมือของชาวนาชาวไร่ที่ผันตัวมาใช่วิธีดูแลพืชพรรณให้ปลอดภัยทั้งกับตัวเองและผู้บริโภค ขณะเดียวกันทางจังหวัดก็ส่งเสริมเต็มที่ เกิดเป็นตราบั้งไฟหลากสี แบ่งตามมาตรฐานอินทรีย์แต่ละขั้น เพื่อช่วยรับรองผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรโดยเฉพาะ TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง ร่วมกับ The Cloud นำเสนอคอลัมน์ Take Me Out เที่ยวบ้านเพื่อนทริปนี้ เอาใจคนรักสุขภาพ พาไปเที่ยว 10 พื้นที่สีเขียววิถีเกษตรอินทรีย์ ตั้งแต่ลองดำนาปลูกข้าวหอมมะลิ เช็กอินที่นาบัวหวาน ฟาร์มปศุสัตว์หลากหลายแนว และคาเฟ่ออร์แกนิกสุดชิลล์มองวิวทุ่งนาและกินของดี เมื่อได้พูดคุยกับพี่น้องเกษตรกรชาวยโสฯ พบว่าพวกเขาช่วยกันขับเคลื่อนสังคมเกษตรอินทรีย์กันอย่างคึกคัก สร้างช่องทางส่งขายอย่างเป็นระบบ รวมกลุ่มกันเป็นเครือข่ายมากมายในพื้นที่ ตั้งเป็นศูนย์เรียนรู้ด้านการปลูกพืชและปศุสัตว์ ทั้งยังมีตลาดให้จำหน่ายผลิตผลแทบทุกอำเภอ สับเปลี่ยนสถานที่ เวียนวันกันไปไม่ซ้ำในแต่ละอาทิตย์ คอลัมน์นี้จะพาไปสัมผัสสารพัดพื้นที่สีเขียวปลอดสารพิษของชาวยโสฯ สายกรีน มาดูกันว่ามีที่ไหนให้คนรักสุขภาพได้ปักหมุดท่องเที่ยวอย่างปลอดภัยและรื่นรมย์กันในเที่ยวบ้านเพื่อนรอบนี้ 1 บัวหวานยโสธร นาบัวอินทรีย์ที่รักษาความหวานกรอบเหมือนเพิ่งเก็บจากบึง จากอาชีพทำนาข้าวและแม่ค้ารับบัวมาขายตามตลาด จันทร์-ธนพร จันทร์หอม ผันตัวเริ่มทำนาบัวด้วยตัวเองเพราะความหลงใหลในรสชาติ เลือกแนวทางอินทรีย์ในการปลูก โดยมีเหตุผลเพียงไม่อยากทำร้ายสัตว์ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลายเป็นเม็ดบัวที่มีคุณภาพดีตามไปด้วย เพราะระบบนิเวศสมบูรณ์ ทำให้เหล่าผึ้งและชันโรงที่อยู่กันอย่างสบายใจก็เป็นลูกมือช่วยผสมเกสร จึงได้หน้าบัวที่เต็ม กลมสวยไม่เว้าแหว่ง และขายได้ราคาดี เมื่อผลตอบรับดีจนไม่พอขาย จันทร์จึงเพิ่มบ่อบัวให้มากขึ้น วางแผนปลูกแต่ละบ่อให้บานไล่เลี่ยกันจะได้มีผลผลิตเก็บเกี่ยวทั้งปี นอกจากประคบประหงมด้วยความใส่ใจ บำรุงด้วยน้ำหมักสูตรพิเศษ และดูแลอย่างไร้สารเคมีแล้ว เคล็ดไม่ลับอยู่ในขั้นตอนสุดท้าย คือการแช่น้ำแข็งทันทีตั้งแต่เก็บขึ้นจากบ่อ ทำให้หวานกรอบจนถึงมือลูกค้า และนอกจากเม็ดบัวสดที่คนนิยมกิน จันทร์มีเมนูแนะนำด้วย นั่นคือ ส้มตำเม็ดบัว อีกทางเลือกที่แซ่บหลายใช้ได้ไม่แพ้กัน หากสนใจอยากมาพิสูจน์ความหวาน เข้ามาอุดหนุนได้ทุกเมื่อ หรือถ้าอยากมาเที่ยวถ่ายรูปกับดอกบัวสีขาวเต็มบ่อ ลองติดต่อมาถามจันทร์ล่วงหน้าได้ว่าดอกบัวเริ่มบานแล้วหรือยัง จะได้มาแล้วไม่เสียเที่ยว ที่ตั้ง : ตำบลค้อเหนือ อำเภอเมืองยโสธร จังหวัดยโสธร 35000 พิกัด : https://goo.gl/maps/m5QvKdZaf4s8jLXE8 วัน-เวลาทำการ : ติดต่อนัดหมายล่วงหน้า โทรศัพท์ : 06 2990 1395 Facebook : บัวอินทรีย์ บัวหวานยโสธร 2 บ้านไร่รุ้งตะวัน ฟาร์มเมล่อนญี่ปุ่น นาข้าวอินทรีย์ และคาเฟ่กลางทุ่งนา เอก-ธนิสร จิตตะมา ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านไร่รุ้งตะวัน กลับมาอำเภอเลิงนกทาบ้านเกิดอีกครั้ง หลังจากทำงานในกรุงเทพฯ กว่า 20 ปี เขาเล็งเห็นว่าตำบลที่อาศัยอยู่มีทรัพยากรธรรมชาติสมบูรณ์ สถานที่ท่องเที่ยวก็พอมีอยู่บ้าง น่าจะต่อยอดที่ดิน 20 กว่าไร่ของตนให้มีประโยชน์มากกว่าการปลูกข้าว หลังจากหาข้อมูลอยู่นานว่าจะปลูกพืชอะไร เอกก็พบว่าเมล่อนญี่ปุ่นเป็นพืชที่น่าสนใจ ปลูกได้ง่ายทั่วประเทศ เจริญเติบโตไวเพียง 3 เดือนก็เก็บเกี่ยวผลผลิตได้ รวมถึงมีมูลค่าในท้องตลาดสูง จากคนไม่มีความรู้เรื่องเกษตร เขาทำการบ้านอย่างจริงจัง ลองผิดลองถูก หาความรู้เพิ่มเติมจากอินเทอร์เน็ตและเข้าอบรมตามที่ต่าง ๆ ลองปลูกทั้งสายพันธุ์ราคาแพงและถูกเพื่อเปรียบเทียบ ก่อนพบว่าคุณภาพต่างกันโดยสิ้นเชิง ทั้งรูปร่างของลูกและรสชาติ เขาเลือกพันธุ์ที่ดีที่สุด แม้ราคาสูงแต่ใครได้ลองลิ้มก็ติดใจ บางครั้งต้องรีบจองไว้ก่อนก็มี แถมเอกยังมองการณ์ไกลแชร์พื้นที่นาที่ไม่ได้ใช้ให้กับสมาชิกวิสาหกิจชุมชน โดยเขาช่วยจัดการ ให้คำปรึกษา และควบคุมวิธีการทำให้เป็นอินทรีย์ 100 เปอร์เซ็นต์ ก่อนจะรวบรวมผลผลิตไปจำหน่ายให้ ภายใต้แบรนด์บ้านไร่รุ้งตะวัน ที่มีสารพัดใบรับรองอินทรีย์ทั้งภายในจังหวัดและเกรดส่งออกเป็นเครื่องการันตี หลังจากทำมาพักใหญ่ เพิ่มนู่นเติมนี่ในพื้นที่จนทุกอย่างเปลี่ยนไปแทบไม่เหลือเค้าเดิม เขาแบ่งพื้นที่ส่วนหนึ่งเป็นคาเฟ่เล็กกลางท้องทุ่ง นอกจากจะมีเมล่อนคุณภาพดีรสชาติหวานไว้ชูโรง ยังมีไอศกรีมข้าวเม่าอินทรีย์ที่อยากให้ลอง รวมถึงเครื่องดื่มอื่น ๆ ที่เอกอยากชวนให้นั่งลงมองนาข้าว พักเหนื่อยสักประเดี๋ยว แล้วค่อยออกเดินทางไปเที่ยวต่อ ที่ตั้ง : 203 หมู่ 5 ตำบลบุ่งค้า อำเภอเลิงนกทา จังหวัดยโสธร 35120 พิกัด : https://goo.gl/maps/NhFqJ8bJ3iPN8ejg7 วัน-เวลาทำการ : เปิดบริการทุกวัน เวลา 08.00 – 20.00 น. โทรศัพท์ : 09 8232 8961 Facebook : บ้านไร่รุ้งตะวัน Baan Rai Rung Tawan 3 ดอกกระเจียวหวานอินทรีย์ บ้านโคกนาโก ฟาร์มดอกกระเจียวหวาน อีกสัญลักษณ์ใหม่ของเมืองบั้งไฟ หลายคนรู้จักดอกกระเจียวในฐานะพืชดอกสวยงามที่จะบานเต็มทุ่งในช่วงฤดูฝน แต่สำหรับชาวบ้านโคกนาโก อำเภอป่าติ้ว กลับให้นิยามต่างออกไป เพราะดอกกระเจียวคือพืชเศรษฐกิจที่นำเม็ดเงินเข้าสู่หมู่บ้านตลอดปี “เราผลักดันจนเป็นสัญลักษณ์ของจังหวัด เดี๋ยวนี้พูดถึงยโสธร คนไม่นึกถึงบุญบั้งไฟแล้ว นึกถึงดอกกระเจียว” โบ้-เมืองชัย ทองลา เล่าด้วยน้ำเสียงภูมิใจ ก่อนชวนเราย้อนไปเมื่อหลายปีก่อน ตอนบัณฑิตด้านเกษตรตั้งใจแน่วแน่ว่าจะไม่เดินทางสายงานประจำ แต่อยากมาทำสวนเกษตรตามความถนัดที่บ้านเกิด วันนั้นเขามองเห็นอรรถประโยชน์หลายอย่างของดอกกระเจียว พืชท้องถิ่นคู่วิถีชีวิตลูกอีสานมาตั้งแต่เด็ก จึงลองหยิบเอาพันธุ์จากป่ามาสู่เมือง นำมาปรับเข้ากับวิธีการสมัยใหม่ที่ได้เล่าเรียนมา ปลูกบนโคกควบคู่ไปกับนาข้าว วันนี้เขายังคงดูแลแบบปลอดสารเหมือนเดิม บำรุงด้วยปุ๋ยคอกปุ๋ยหมัก ใช้ฟางข้าวมาคลุมดินเพื่อจัดการวัชพืช ทำให้ไม่ต้องพึ่งยาฆ่าหญ้า ด้วยความตั้งใจอยากควบคุมระบบการปลูกแบบอินทรีย์ จึงได้ผลผลิตออกมาดีและปลอดภัย เป็นที่สนใจของชาวบ้านทั้งในและนอกพื้นที่ ถึงขั้นซื้อพันธุ์และขอคำแนะนำลงใต้ไปปลูกถึงอำเภอเบตงเลยก็มี โบ้ให้ความรู้เพิ่มเติมว่า ดอกกระเจียวมีหลายพันธุ์ รสชาติแตกต่างกันออกไป ทั้งเผ็ดซ่าคล้ายหน่อข่าจนถึงหวานกรอบอร่อยกินง่าย สำหรับฟาร์มของโบ้เลือกปลูกพันธุ์อย่างหลัง หากใครถูกใจรสชาติหรืออยากลองปลูก ไม่ว่าจะแปลงเล็ก ๆ กินในครัวเรือน หรือทำเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ ก็ขอคำแนะนำได้ถึงฟาร์ม หนุ่มบ้านโคกนาโกยินดีต้อนรับ ที่ตั้ง : บ้านโคกนาโก อำเภอโคกนาโก อำเภอป่าติ้ว จังหวัดยโสธร 35150 พิกัด : https://goo.gl/maps/yR1Ls4ZQyXisDPCH7 วัน-เวลาทำการ : ติดต่อนัดหมายล่วงหน้า โทรศัพท์ : 09 5593 9010 Facebook : ดอกกระเจียวหวาน บ้านโคกนาโก 4 นัธรินทร์ฟาร์มปูนา ฟาร์มและศูนย์การเรียนรู้เรื่องปูนาแห่งแรกของยโสธร นัธรินทร์ฟาร์ม ศูนย์เรียนรู้เรื่องการเลี้ยงปูนาที่เกิดจากความชอบกิน ตั้งต้นจากการเลี้ยงไว้แค่พอกินในครอบครัว ก่อนต่อยอดเป็นธุรกิจเสริมเพาะปูขยายพันธุ์จนเกินกิน นัท-นัฐวุฒิ เงาฉาย

ยโสธรการเกษตร อ่านเพิ่มเติม

✨ List อาหารแห้งสำหรับเดินป่า พกพาง่าย สะดวกต่อการเดินทาง ✨

วันนี้แอดมีคำแนะนำสำหรับเพื่อน ๆ ที่กำลังวางแผนไปเดินป่า ตั้งแคมป์ค้างคืน โดยเฉพาะคนที่ไม่เคยเดินป่า จะเตรียมตัวอย่างไรหากจะต้องเตรียมอาหารการกินไปด้วย ทั้งยังต้องให้สะดวกกับการเดินทางด้วย 📍 บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป : เป็นเมนูที่ไม่ยุ่งยาก หาซื้อได้ง่าย ราคาประหยัด📍 ข้าวสาร : เพื่อน ๆ ที่ขาดข้าวไม่ได้จริง ๆ ก็สามารถนำไปหุงระหว่างพักกลางป่าได้ หรือจะเลือกเป็นข้าวสวยสำเร็จรูปก็ได้📍 ขนมปัง : เหมาะจะเป็นอาหารยามเช้า สำหรับเพื่อน ๆ ที่ไม่ชอบกินอาหารที่หนักท้องจนเกินไป📍 น้ำพริกแห้ง : เป็นเมนูคู่ข้าวสวยร้อน ๆ มีน้ำพริกแห้งอย่างเดียวก็อร่อยได้📍 อาหารกระป๋อง/ซองสำเร็จรูป : ปัจจุบันมีให้เลือกหลายเมนู ไม่ว่าจะเป็นแกงเผ็ด ผัดเผ็ด พะโล้ ฯลฯ📍 อาหารปรุงสุกที่สามารถเก็บได้นาน เช่น เนื้อสัตว์ทอด/รวน ไข่เค็มต้ม ถั่ว📍 เนื้อสัตว์อบแห้ง เช่น หมูแผ่น หมูฝอย หมูทุบ ไก่หย็อง📍 ผลไม้ : อาจจะเน้นผลไม้ที่เก็บได้นาน ไม่ต้องล้าง ปลอกเปลือกง่าย เช่น กล้วย ส้ม อาหารเหล่านี้เป็นเพียงตัวอย่างที่แอดยกมา เพื่อน ๆ สามารถนำไปปรับใช้ตามความสะดวกของแต่ละคนได้เลย ที่สำคัญ อย่าลืมรักษาความสะอาด เก็บขยะกลับไปให้เรียบร้อย ไม่ลืมทิ้งไว้ในป่า เพื่อไม่ให้เกิดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม หรือเป็นอันตรายต่อสัตว์ป่าที่อาจมากินโดยเข้าใจว่าเป็นอาหาร 😉

✨ List อาหารแห้งสำหรับเดินป่า พกพาง่าย สะดวกต่อการเดินทาง ✨ อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top