สถานที่ท่องเที่ยว

🐦ดูนก ณ บางปู🌿

ช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา เพื่อน ๆ หลายคนคงเดินทางท่องเที่ยวทริปยาว ๆ กันอย่างเต็มที่ไปแล้ว วันนี้แอดเลยจะมาชวนเที่ยวชิลล์ ๆ กันบ้าง ด้วยการไปรับลมชมนกนางนวลริมทะเล ที่สถานตากอากาศบางปู ใกล้ ๆ กรุงเทพฯนี่เอง ช่วงนี้นกนางนวลกำลังเยอะ บรรยากาศดีสุด ๆ ลองดูภาพที่แอดเอามาฝากกันได้ “บางปู” หรือ “สถานตากอากาศบางปู” สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2480 ตามดำริของจอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ตั้งอยู่ในพื้นที่ของกรมพลาธิการทหารบก บางปูเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากตั้งแต่อดีต จนปัจจุบันก็ยังใช้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวตากอากาศ และเป็นแหล่งดูนกที่ขึ้นชื่ออย่างมาก : )  เช็คอินกันก่อนที่สะพานสุขตา สะพานคอนกรีตที่ยื่นออกไปในทะเลอ่าวไทย เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวจะมาดูนก ให้อาหารนก และชมพระอาทิตย์ตก ช่วงเดือนตุลาคม-มีนาคมของทุกปี ฝูงนกนางนวลจำนวนมากกว่า 5,000 ตัวจะอพยพหนีหนาวมาจากแถบมองโกเลีย ทิเบต ไซบีเรีย จีน มาอาศัยอยู่บริเวณบางปูแห่งนี้ ถือเป็นไฮไลท์ของที่นี่เลยก็ว่าได้  เราจะเห็นเหล่านกนางนวลบินวนไปมา บ้างก็พักลอยตัวอยู่เหนือน้ำ  เหล่านกนางนวลจะออกหาอาหารกินเองตามธรรมชาติ แต่ก็มีบ้างที่จะมากินอาหารจากนักท่องเที่ยว สำหรับคนที่อยากให้อาหารนก บริเวณสะพานสุขตาจะมีหนังไก่และกากหมูขาย เวลาให้อาหาร จะโยนขึ้นไปบนฟ้าหรือจะยื่นมือออกไปก็ได้  ช่วงเวลาแนะนำ คือช่วงเช้าตรู่ที่สามารถเดินเล่นได้จนถึงช่วงสาย แดดไม่ร้อนมาก และช่วงสี่โมงเย็นเป็นต้นไปที่ แดดร่มลมตก อากาศกำลังดีเหมาะแก่การมารอชมนก  หากรู้สึกหิว แอดแนะนำ “ศาลาสุขใจ” ร้านอาหารทะเลที่อยู่บริเวณปลายสะพาน นอกจากอาหารจะรสชาติดีแล้ว เรายังสามารถชมวิวทะเลและชมนกนางนวลโบยบินได้อีกด้วย สำหรับการเดินทาง หากไม่มีรถยนต์ส่วนตัว สามารถใช้บริการรถสาธารณะได้ค่ะ รถไฟฟ้า BTS ลงสถานีเคหะฯ จากนั้นต่อรถสองแถว จุดขึ้นรถสองแถวจะอยู่ใต้สถานีเคหะฯ สาย 36 ราคา 10 บาท ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 นาทีก็จะถึง จากนั้นข้ามสะพานลอยไปอีกฝั่ง ก็จะพบกับทางเข้าสถานตากอากาศบางปู สถานตากอากาศบางปู  164 ถนนสุขุมวิท ตำบลบางปูใหม่ อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ  เปิดทุกวัน เวลา 10.00-20.00 น.  02 323 9911, 02 323 1213 https://goo.gl/maps/1YYQGs9mmBtZTXrD6

🐦ดูนก ณ บางปู🌿 อ่านเพิ่มเติม

วันเดียวเที่ยวฉะเชิงเทรา

วันนี้แอดมีเส้นทางท่องเที่ยวจังหวัดฉะเชิงเทรามาแนะนำ เดินทางง่าย ไม่ไกล เหมาะจะเป็นทริปสั้นในวันหยุดสุดสัปดาห์ ไม่ว่าจะไปกับเพื่อน ครอบครัว หรือคนรู้ใจ ก็เที่ยวได้อย่างเพลิดเพลินทั้งนั้น แถมยังมีมุมถ่ายรูปสวย ๆ มาอวดลงโซเชี่ยลกันได้ไม่อั้น 1. สักการะพระคู่บ้านคู่เมือง ณ วัดโสธรวราราม 2. เที่ยวชมและเรียนรู้หลักปรัชญาพอเพียงที่ ศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ 3. อิ่มอร่อยที่ Life House Café & Kitchen 4. สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ พร้อมชมสถาปัตยกรรมสุดอลังการที่ วัดปากน้ำโจ้โล้ 5. สนุกกับการปั้นดินที่ คุ้มวิมานดิน การเดินทาง  นอกจากรถยนต์ส่วนตัวแล้ว ยังสามารถเดินทางได้อีกหลายวิธี รถตู้ – มินิบัส : รถตู้สายรังสิต – ฉะเชิงเทรา วินหน้าค่าย โทร.086 369 3881 รถตู้สายกรุงเทพฯ (หมอชิต) – ฉะเชิงเทรา บริษัท สันทัด (2011) จำกัด โทร. 089 498 5678 รถไฟ : ออกจากสถานีรถไฟกรุงเทพ (หัวลำโพง) ไปฉะเชิงเทรา ทุกวัน สอบถามข้อมูลตารางเดินรถ โทร. 1690 หรือเว็บไซต์ของการรถไฟ www.railway.co.th หากเริ่มต้นทริปออกจากกรุงเทพฯตั้งแต่ตอนเช้าด้วยรถยนต์  เราสามารถแวะหาของอร่อยระหว่างทางก่อนไปถึงวัดโสธรฯ ได้ที่ตลาดคลองสวน 100 ปี ฉะเชิงเทรา ตลาดเก่าแก่ที่ตั้งอยู่ริมคลองประเวศบุรีรมย์ มีร้านอาหารและของกินเยอะมาก หรือจะไปแวะหาร้านอร่อยแถว ๆ วัดเลยก็ได้นะ มีให้เลือกเยอะมากเช่นกัน  เปิดทุกวัน เวลา 08.00-16.00 น. https://goo.gl/maps/RSztC3W33nDTNLqN9 วัดโสธรวราราม  วัดโสธรวราราม หรือวัดหลวงพ่อโสธร ตั้งอยู่ริมแม่น้ำบางประกง เป็นวัดเก่าแก่สร้างขึ้นในสมัยอยุธยาตอนปลาย เป็นที่ประดิษฐาน “หลวงพ่อโสธร” พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองอันเป็นที่เคารพนับถือของชาวจังหวัดฉะเชิงเทรา ผู้คนที่เดินทางมาท่องเที่ยวก็มักจะมากราบไหว้ขอพรกับหลวงพ่อโสธรกัน ที่สำคัญ สถาปัตยกรรมของวัดแห่งนี้มีความงดงามวิจิตรน่าชมมาก ตามตำนานเล่าว่า พระพุทธรูปเกิดปาฏิหาริย์ลอยทวนน้ำมา และมีผู้อันเชิญขึ้นมาประดิษฐานที่วัดแห่งนี้ ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2313 สมัยธนบุรีตอนต้น ที่วัดหลวงพ่อโสธรยังมีอีกหนึ่งกิจกรรมที่น่าสนใจก็คือ “ล่องเรือเที่ยวแม่น้ำบางปะกง” ให้บริการท่องเที่ยวไปยังแหล่งท่องเที่ยวริมน้ำ เช่น ตลาดน้ำบ้านใหม่ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมจากวัดได้เลย  ถนนเทพคุณากร ตำบลหน้าเมือง อำเภอเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา  038 511 048 https://goo.gl/maps/UorJm23oh2JwvnCj6 ศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ  ศูนย์การเรียนรู้แห่งนี้ เดิมทีเป็นพื้นที่เสื่อมโทรม ไม่สามารถทำการเพาะปลูกได้ ต่อมา ในหลวงรัชกาลที่ 9 ได้พระราชทานพระราชดำริให้พัฒนาพื้นที่ สภาพแวดล้อม และระบบนิเวศนบริเวณนี้ให้กลับมาอุดมสมบูรณ์ พัฒนาแหล่งน้ำ แหล่งเพาะปลูก และปศุสัตว์ จนกลายเป็นพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติที่มีชีวิตและเป็นศูนย์รวมการพัฒนาแบบเบ็ดเสร็จ บูรณาการซึ่งกันและกัน ภายใต้หลักปรัชญาพอเพียง ถือเป็นต้นแบบในการพัฒนาที่ยั่งยืนให้แก่พื้นที่อื่น ๆ พื้นที่ภายในศูนย์ฯออกเป็นโซนต่าง ๆ อาทิ พิพิธภัณฑ์ดิน แปลงสาธิต ทดลองงานต่าง ๆ ทั้งด้านการเพาะปลูก การทำฟาร์มปศุสัตว์ งานศิลปาชีพ โครงการสวนป่าสมุนไพร ฯลฯ นอกจากจุดเยี่ยมชมต่าง ๆ ที่ว่ามาแล้ว ที่นี่ยังมีศูนย์อบและนวดสมุนไพรด้วย ใครที่อยากผ่อนคลายก็สามารถเข้ารับบริการได้ เปิดให้บริการเฉพาะ เสาร์-อาทิตย์ เวลา 08.00-16.00 น. แนะนำให้ติดต่อสอบถามล่วงหน้า บรรยากาศภายในศูนย์ฯ ทั้งร่มรื่น เย็นสบาย มองไปทางไหนก็มีแต่ธรรมชาติ เหมาะแก่การพักผ่อนหย่อนใจจริง ๆ นอกจากนี้ ยังมีร้านของที่ระลึกของฝากอยู่ภายในศูนย์อีกด้วย ก่อนกลับก็สามารถแวะซื้อกันได้ สำหรับคนที่มาเยี่ยมชมที่นี่สามารถอุ่นใจได้ เพราะศูนย์การเรียนรู้แห่งนี้ได้ตราสัญลักษณ์ SHA+ จากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยด้วย หากสนใจศึกษาดูงานและทำกิจกรรมของศูนย์ฯ ต้องการเข้าชมเป็นหมู่คณะ แนะนำให้ติดต่อล่วงหน้าอย่างน้อย 1 สัปดาห์  7 หมู่ 2 ตำบลเขาหินซ้อน อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา  เปิดทุกวันเวลา 08.00-17.00 น.  038 554 982, 038 554 983, 081 686 0639 https://goo.gl/maps/2nfKcSQie8KLGNqm8 Life House Café & Kitchen  สำหรับมื้อเที่ยง หากยังไม่มีไอเดียว่าจะไปร้านไหน แอดขอชวนเพื่อน ๆ มารับประทานอาหารอร่อย ๆ ในบ้านสวนกัน Life House Café & Kitchen ตั้งอยู่ไม่ไกลจากสี่แยกพนมสารคาม เป็นคาเฟ่และร้านอาหารในบ้านไม้สไตล์ Homey Loft ที่ให้ความรู้สึกอบอุ่น ตั้งอยู่ท่ามกลางสวนที่ร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่ และดอกไม้หลากสีสัน เสิร์ฟความอร่อยด้วยอาหารสไตล์ฟิวชั่น มีทั้งอาหารไทย อาหารอิตาเลียน ของหวาน เบเกอรี่ และเครื่องดื่ม รับรองว่าอิ่มครบจบในร้านเดียว บรรยากาศด้านในร้านอบอุ่น ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังรับประทานอาหารอยู่ในบ้านตัวเอง  ด้านนอกร้าน นอกจากสวนขนาดใหญ่ ยังมีบ้านต้นไม้ ภาพเขียนกำแพงน่ารัก ๆ ให้เพื่อน ๆ ได้ออกไปเก็บภาพมุมต่าง ๆ กันสนุกมือเลย แถมใครมีน้องหมาน้องแมว ก็สามารถพามาที่ร้านได้เช่นกัน แต่อย่าลืมดูแลน้องอย่าให้รบกวนคนอื่นด้วยนะ  ตำบลท่าถ่าน อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา  คาเฟ่ เปิดทุกวัน เวลา 08.30-17.00 น. (หยุดวันอังคารที่ 3 ของเดือน)  ครัว เปิดวันพุธ-จันทร์ (ปิดวันอังคาร)

วันเดียวเที่ยวฉะเชิงเทรา อ่านเพิ่มเติม

ฮาลา-บาลา อัญมณีแห่งแดนใต้

“ฮาลา-บาลา” หรือ “เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฮาลา-บาลา” เป็นป่าดิบชื้นบริเวณเทือกเขาสันกาลาคีรี ตามแนวชายแดนไทย-มาเลเซีย ประกอบไปด้วยผืนป่าฮาลา ในเขตอำเภอเบตง จังหวัดยะลา และอำเภอจะแนะ จังหวัดนราธิวาส กับป่าบาลา ซึ่งเป็นส่วนที่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าศึกษาธรรมชาติได้ มีพื้นที่ครอบคลุมอำเภอแว้งและอำเภอสุคิริน จังหวัดนราธิวาส ฮาลา-บาลา เป็นผืนป่าที่มีความชื้นสูงตลอดทั้งปี เป็นแหล่งกำเนิดของแม่น้ำ 3 สายคือ แม่น้ำปัตตานี แม่น้ำสายบุรี แม่น้ำสุไหงโก-ลก ด้วยลักษณะเชิงนิเวศที่เป็นป่าดิบชื้นที่มีความอุดมสมบูรณ์มากที่สุดแห่งหนึ่งของไทย ทั้งยังมีความหลากหลายทางชีวภาพสูง “ฮาลา -บาลา” จึงเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าหลายชนิด สัตว์ป่าสงวน เช่น เลียงผา สมเสร็จ แมวลายหินอ่อน และกระซู่ รวมถึงสัตว์ป่าหายากในไทย เช่น ชะนีดำใหญ่ กบทูด และนกเงือก นกหายากที่เป็นดัชนีชี้วัดความสมบูรณ์ของผืนป่า ที่นี่พบนกเงือกมากถึง 10 ใน 13 ชนิดที่เราพบในไทย นอกจากนี้ ที่นี่ยังถือเป็นสวรรค์ของนักดูนก เพราะเป็นที่อยู่อาศัยของนกกว่า 200 ชนิด นอกจากนี้ ยังมีพันธุ์ไม้หลากหลายชนิด ไม้ที่สำคัญ ได้แก่ ตะเคียนชันตาแมว สยา กุหลิม หลุมพอ ขนุนป่า ศรียะลา ประ ทุเรียนป่า และไม้ประดับที่มีค่าทางเศรษฐกิจ ได้แก่ ปาล์ม บังสูรย์ ใบไม้สีทอง เฟิร์นยักษ์ และหวายชนิดต่างๆ ช่วงเวลาที่เหมาะแก่การท่องเที่ยวฮาลา- บาลา คือ ตั้งแต่ปลายเดือนกุมภาพันธ์ จนถึงเดือนกันยายน ซึ่งเป็นช่วงที่ฝนตกไม่มากเกินไปนัก เขตรักษาพันธุ์สัตวป่าฮาลา-บาลา 4062 ตำบลโละจูด อำเภอแว้ง จังหวัดนราธิวาส https://goo.gl/maps/7SpcAqo3DHR4Z63JA นักท่องเที่ยวที่สนใจเข้าเที่ยวชมศึกษาธรรมชาติ สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เพจเฟซบุ๊ก ” เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฮาลา-บาลา จ.นราธิวาส Hala-bala Wildlife Sanctuary “

ฮาลา-บาลา อัญมณีแห่งแดนใต้ อ่านเพิ่มเติม

จิบชา ชมหมอก ที่บ้านรักไทย จังหวัดแม่ฮ่องสอน

ถ้าพูดถึงหมู่บ้านที่อากาศเย็นตลอดปี วิวสวย มีกิจกรรมให้ทำมากมายต้องนึกถึงที่นี่เลย “บ้านรักไทย” แม่ฮ่องสอน หมู่บ้านบนยอดเขาที่หลายคนต่างประทับใจในความอลังการของวิวหมู่บ้านบนไร่ชาและทิวหมอกที่ลอยล่องอยู่เหนือทะเลสาบ อาหารการกินก็อร่อยฟินตามแบบฉบับวัฒนธรรมของชาวจีนยูนนาน อย่างชาและขาหมูหมั่นโถว มาเที่ยวที่นี่ที่เดียวเรียกว่าครบครัน ได้ทั้งภาพสวยลงโซเชียล แถมมีกิจกรรมให้ทำอีกมากมาย คุ้มค่ากับเดินทางที่ต้องฝ่าโค้งมาหลายพันโค้ง แต่รับรองว่าถ้าหากได้มาเที่ยวที่นี่แล้วต้องหลงเสน่ห์แน่นอน ไฮไลท์ ห้ามพลาด! สัมผัสวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวจีนยูนนาน ชิมชา ชมไร่ชา ทานอาหารจีนยูนนาน ชมไอหมอกที่ลอยอยู่เหนือน้ำ นั่งเรือ จิบชาในทะเลสาบ คาเฟ่แนะนำ JIN MEI ร้านสวย บรรยากาศดี มีทั้งเครื่องดื่มและอาหารเพื่อสุขภาพให้เลือกทาน สายรักสุขภาพห้ามพลาด LIANG LIANG Moka pot คอกาแฟห้ามพลาด ร้านแนว Slow Bar เหมาะแก่การมานั่งชิลล์ๆ มีเมล็ดกาแฟหลากหลายแบบให้เลือกทาน เวลารักไทยคาเฟ่ แลนด์มาร์คประจำบ้านรักไทย เป็นคาเฟ่สไตล์จีนโบราณประยุกต์ มีขายทั้งอาหารและของฝาก การเดินทาง รถส่วนตัว สามารถมาได้ 2 เส้นทางเส้นทางที่ 1 ใช้เส้นเชียงใหม่ – ปาย – ปางอุ๋ง (1095) เส้นทางที่ 2 ใช้เส้นตาก – แม่สะเรียง – แม่ฮ่องสอน – ปางอุ๋ง (108) รถโดยสารประจำทาง (รถสองแถว) ขึ้นที่ตลาดสายหยุด ในตัวเมืองแม่ฮ่องสอนมายังบ้านรักไทย วันละ 1 รอบออกจากจากแม่ฮ่องสอน เวลา 12.00 น.ออกจากบ้านรักไทย เวลา 08.00 น.สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม 089-7597981 , 081-0848804 ที่พักแนะนำ ลีไวน์รักไทยรีสอร์ท ที่พักบ้านดินสไตล์จีนยูนนานกลางไร่ชา ตื่นเช้ามาพร้อมชมวิวทะเลสาบที่ปกคลุมไปด้วยไอหมอก Wojia我家 บ้านพักน่ารักๆ วิวทะเลสาบ สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เหมาะแก่การมานอนเล่น และชาร์ตพลังให้ร่างกาย ชาสารักไทยรีสอร์ท ที่พักมีให้เลือกทั้งห้องแบบบ้านดินและแบบห้องแถว บริเวณด้านล่างของที่พักมีร้านอาหารจีนยูนนาน สะดวกสบายสุดๆ

จิบชา ชมหมอก ที่บ้านรักไทย จังหวัดแม่ฮ่องสอน อ่านเพิ่มเติม

ผลไม้ตามฤดูกาล ที่ออกผลช่วงเดือนกุมภาพันธ์

เมืองไทยเป็นประเทศที่ขึ้นชื่อในเรื่องผลไม้ ว่ามีรสชาติดีและมีหลากชนิด หมุนเวียนตามฤดูกาลตลอดปีไม่มีขาด แน่นอนว่าผลไม้ตามฤดูกาลก็จะมีราคาย่อมเยา และรสชาติหวานอร่อยกว่าผลไม้นอกฤดู วันนี้แอดมีรายชื่อผลไม้ที่ออกผลในช่วงต้นฤดูร้อนเดือนกุมภาพันธ์นี้ 3-4 ชนิดมาแนะนำให้เป็นไอเดียในการเลือกซื้อ เลือกชิมกัน ใครยังคิดไม่ออก ว่าช่วงนี้จะกินผลไม้อะไรดี เชิญทางนี้เลยค่ะ มะขามหวาน พูดถึงมะขามหวาน ที่ขึ้นชื่อที่สุดก็ต้องยกให้ “มะขามหวานเพชรบูรณ์” ซึ่งมีหลากหลายสายพันธุ์ ไม่ว่าจะเป็นพันธุ์สีทอง พันธุ์ประกายทอง พันธุ์ศรีชมภู แต่ที่ได้รับความนิยมที่สุด ก็คือพันธุ์สีทอง เพราะมีเนื้อหนา รสชาติหวานจัด วิธีเลือกคือให้เลือกที่ฝักกลมใหญ่ โค้งงอเป็นครึ่งวงกลม เปลือกเป็นสีเหลืองทอง มะขามพันธุ์นี้จะสุกในช่วงปลายเดือนมกราคม ถึงต้นเดือนกุมภาพันธ์ ราคาเริ่มตั้งแต่กิโลกรัมละ 50 บาท ไปจนถึงเกือบ 100 บาท ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ แม้ปัจจุบันเราจะหาซื้อมะขามหวานจากที่ต่าง ๆ ได้ไม่ยากนัก แต่ถ้าใครมีโอกาสไปเที่ยวจังหวัดเพชรบูรณ์ ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ก็อย่าลืมแวะซื้อมะขามหวานติดไม้ติดมือมาเป็นของฝากกันนะคะ ไปถึงถิ่นแล้วทั้งที มะขามเทศ เป็นผลไม้ท้องถิ่นที่ชาวบ้านปลูกกันทั่วไปในต่างจังหวัด แต่ปัจจุบันมะขามเทศได้รับความนิยมมากขึ้น จึงมีการปลูกเพื่อส่งขายมากขึ้น มีการพัฒนาสายพันธุ์ให้รสชาติอร่อย หวานมัน รับประทานง่ายขึ้น พันธุ์ที่คนนิยม เช่น พันธุ์เจ็ดเสมียน พันธุ์เขียวใหญ่ เป็นต้น บางคนที่ยังไม่เคยลองเพราะไม่คุ้นเคย อยากชวนให้เปิดใจลองชิม เพราะนอกจากจะมีรสชาติอร่อยแล้ว ยังเป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุต่างๆ ช่วยบำรุงผิวพรรณ ช่วยระบบขับถ่าย คนโบราณใช้เป็นสมุนไพรรักษาโรคปากนกกระจอก และแก้ปวดฟัน ปัจจุบันมีการปลูกมะขามเทศเพื่อส่งขายมากมายในหลายจังหวัด เช่น อำเภอดำเนินสะดวก จังหวัดราชบุรี อำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร ถ้าไปเที่ยวตามถิ่นเหล่านี้ ลองซื้อหามาลองชิม หรือเป็นของฝาก รับรองว่าจะติดใจ ราคาในท้องตลาดราว กิโลกรัมละ 60 บาท ไปจนถึง 130 บาท ลูกตาลอ่อน ใครไปเที่ยวจังหวัดเพชรบุรี รับรองว่าต้องเคยเห็นลูกตาลอ่อนวางขายอยู่ทั่วไปในฤดูนี้ หลายคนอาจเคยทานลูกตาลลอยแก้ว เมนูของหวานเรียกความสดชื่นมาแล้ว แต่ถ้าได้ลิ้มรสลูกตาลอ่อน สดจากต้น ก็จะได้สัมผัสรสชาติของเนื้อตาล รสหวานอ่อนๆ นุ่มละมุนลิ้น ลูกตาลสดนั้นหาซื้อได้ทั่วไป แทบทุกที่ที่มีการปลูกต้นตาลโตนด ถ้าเห็นริมถนนเส้นไหนมีลูกตาลสดขาย มองเข้าไปในท้องทุ่งด้านหลัง ก็จะเห็นมีต้นตาลยืนเด่นอยู่ เรียกว่าขึ้นต้นเก็บกันแล้วก็เฉาะขายกันสดๆเลย เนื้อลูกตาลมีแร่ธาตุและวิตามิน ช่วยแก้ไข้ แก้กระหายน้ำ และแก้ไออีกด้วย ชมพู่ ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ คือช่วงที่ชมพู่อร่อยที่สุด เพราะไม่มีฝน สีจะเข้ม รสชาติดี ทั้งหวานทั้งกรอบ พันธุ์ที่คนนิยมรับประทานกัน ได้แก่ ชมพู่เพชรบุรี ผลเป็นสีเขียวอ่อน ชมพู่ทับทิมจันท์ ผลมีสีแดงเหมือนทับทิม และชมพู่พันธุ์เพชรสามพราน ปัจจุบันชมพู่ปลูกกันมากแถวอำเภอดำเนินสะดวก จังหวัดราชบุรี จังหวัดนครปฐม และจังหวัดเพชรบุรี ชมพู่นั้นมีประโยชน์มากมาย ช่วยบำรุงสายตาและผิวพรรณ ต่อต้านอนุมูลอิสระ แถมยังช่วยระดับลดคอเลสเตอรอลอีกด้วย

ผลไม้ตามฤดูกาล ที่ออกผลช่วงเดือนกุมภาพันธ์ อ่านเพิ่มเติม

รวมพิกัด Street Art กันตัง

อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง เป็นแหล่งท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม ไม่เพียงตึกรามบ้านช่องที่คลาสสิกสวยงาม กันตังยังมี Street Art สนุก ๆ ที่สะท้อนถึงวิถีชีวิตของชาวกันตังอยู่ทั่วเมืองอีกด้วย วันนี้ แอดมินมีจุดถ่ายรูป Street Art ในตัวอำเภอกันตังกันมาฝาก เช็คพิกัดแล้วก็ไปลุยกันเลย เพื่อให้เพื่อน ๆ หา Street Art ที่ซ่อนตัวอยู่ในกันตังได้ง่ายขึ้น แอดเลยนำพิกัดมาแจก มีด้วยกันทั้งหมด 8 จุด (12 ภาพ) เรียงลำดับตามการเดินทางแบบง่าย ๆ และไม่ต้องย้อนไปมาด้วยจ้า หรือเพื่อน ๆ สะดวกตรงไหนก่อน ก็คลิกไปตามลิงก์ต่าง ๆ ได้ พร้อมกับชมสถานที่ท่องเที่ยว อาคารเก่าแก่บริเวณใกล้เคียง และร้านอาหารอร่อย ๆ ได้อีกด้วย  จุดที่ 1 https://goo.gl/maps/vwruQJ8EYiGSk65E8  จุดที่ 2 https://goo.gl/maps/USxLBqZ6szpE4bXUA  จุดที่ 3 https://goo.gl/maps/7gtPioht6N14LwcU9  จุดที่ 4 https://goo.gl/maps/rqtnRUuyFR6NGzkz7  จุดที่ 5 https://goo.gl/maps/tBZVaC4nH7wcze9Y9  จุดที่ 6 https://goo.gl/maps/jZcDTtuNBKuLf21u5  จุดที่ 7 https://goo.gl/maps/c7qbjPRX7bWoVGVH7  จุดที่ 8 https://goo.gl/maps/2rnN6eJacq8iC5Zi6 Street Art ในกันตัง บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับวิถีชีวิต ความเป็นอยู่ และวัฒนธรรมของชาวกันตัง ผ่านภาพวาดอย่างลงตัว แต่ละภาพวาดโดยศิลปินจิตอาสา ภายใต้แนวคิด “วิถีกันตังคัลเลอร์ฟูล”  ที่เห็นอยู่นี้คือภาพหญิงสาวแสนสวยในชุดจีนที่วาดลงบนกำแพงไม้เก่า ๆ สวยและมีเสน่ห์จนใครเห็นเป็นต้องแวะถ่ายภาพ  ระยะทางชม Street Art โดยรวมประมาณ 2.5 กิโลเมตร โดยระยะห่างระหว่างภาพต่อภาพบางจุดก็สามารถเดินถึงกันได้ หรือถ้าอยากเช่ารถกบชมเมืองไปเรื่อย ๆ ก็ได้ แล้วแต่ตกลงราคากับคนขับได้เลย ภาพนกนางแอ่นน้อยน่ารักที่กำลังร้องเพลง  สื่อให้นึกถึงชาวกันตังที่ประกอบอาชีพเก็บรังนกนางแอ่น บนเกาะลิบง ซึ่งเป็นอาชีพที่สืบทอดกันมายาวนาน แถมข้าง ๆ ภาพนกนางแอ่น ยังมีภาพวาดบนกำแพงอีก 2 ภาพให้เพื่อน ๆ ได้เช็คอินถ่ายรูปกันด้วย อีกอาชีพของชาวกันตังคือทำประมง  เนื่องจากที่อำเภอกันตังมีแม่น้ำตรังไหลผ่าน นอกจากจะเป็นแม่น้ำสายสำคัญแล้ว ยังอุดมสมบูรณ์ไปด้วยพันธุ์ปลาและสัตว์น้ำหลากชนิด สร้างรายได้ให้แก่ชาวประมงมาตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน ส่วนเจ้าสล็อตจอมเฉื่อยตัวนี้ก็คงกำลังหาปลาไปขายอยู่สินะ ระหว่างเดินเที่ยวเล่น เพื่อน ๆ สามารถพักเหนื่อยเติมพลังแถวนี้ได้เลย บริเวณนี้มีร้านอาหารให้เลือกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหารทั่วไป อาหารซีฟู้ดส์ ติ่มซำ หรือคาเฟ่เก๋ ๆ  ภาพวาดมังกรแดงนี้ สื่อให้เห็นว่า ครั้งหนึ่งตรังก็ได้รับอิทธิพลจีนด้วย ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมการค้าต่าง ๆ การอพยพเข้ามาอาศัยอยู่ในจังหวัดตรัง ตลอดจนการเข้ามามีบทบาทในการสร้างเมืองและพัฒนาเศรษฐกิจ สร้างวัฒนธรรมผสมผสานไทย-จีนในรูปแบบต่าง ๆ ทั้งอาคาร สถาปัตยกรรม ศาลเจ้า และติ่มซำ ยังมี Street Art อีกหลายจุดให้เพื่อน ๆ ตามไปเก็บ เช็คอิน และถ่ายรูปกันอย่างต่อเนื่อง ใครที่ยังไม่เคยไป แอดแนะนำเลยค่ะ หรือใครที่เคยไปมาแล้ว ก็เอารูปมาอวดกันได้นะ 

รวมพิกัด Street Art กันตัง อ่านเพิ่มเติม

#ปางอุ๋งแม่ฮ่องสอน มากี่รอบก็ชอบเหมือนเดิม

#ปางอุ๋งแม่ฮ่องสอน มากี่รอบก็ชอบเหมือนเดิม กางเต็นท์ ล่องแพท่ามกลางสายหมอกสุดฟิน เมื่อไหร่ที่ร่างกายต้องการพักผ่อน “แม่ฮ่องสอน” มักเป็น Dream Destination ที่หลายคนอยากเดินทางมาสัมผัสมนต์เสน่ห์ความสวยงามอันน่าหลงใหล ซึ่งหนึ่งในไฮไลท์ สถานที่ที่ต้องมาปักหมุดให้ได้ คือ ปางอุ๋ง หรือโครงการพระราชดำริปางตอง 2 ที่มีบรรยากาศเหมาะกับการพักผ่อนสุด ๆ วิวทะเลสาบที่ถูกโอบล้อมด้วยต้นสนท่ามกลางขุนเขาสุดโรแมนติก ต้องมากางเต็นท์ เเคมป์ปิ้ง สัมผัสธรรมชาติ ล่องเเพไม้ไผ่ลำน้อยท่ามกลายสายหมอกในช่วงเช้าเเบบชิลล์ ๆ ฟีลสวิตเซอร์แลนด์สักครั้ง หากได้ลองมาสัมผัสแล้วจะหลงรักจนสุดหัวใจ กิจกรรมห้ามพลาด ล่องแพไม้ไผ่ชมทะเลสาบ กางเต็นท์แคมป์ปิ้ง ถ่ายรูปกับน้องหงส์ ที่พัก นำเต็นท์ส่วนตัวมาเอง เช่าเต็นท์อุทยานฯ โฮมสเตย์ การเดินทาง รถยนต์ส่วนตัว ใช้ถนนหมายเลข 107 จากอำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่เข้าสู่ถนนเส้น 1095 ผ่านอำเภอปายมายังปางอุ๋ง จังหวัดแม่ฮ่องสอน รถโดยสารประจำทาง (รถสองแถว) ขึ้นที่ตลาดสายหยุด อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน มี 2 เที่ยว/วัน เวลา 8.00 น. และ 15.00 น. สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม 053 – 611244 ศิลปาชีพ 096 – 9786312 สอบถามที่พัก 082 – 19111746 จองเต็นท์ของอุทยานฯ 086 – 4247371 โออุทยานฯ 053 – 061533 สภ.หมอกจำแป่ 083 – 0711356 กางเต็นท์หน้าหมู่บ้าน (พี่เล็ก)

#ปางอุ๋งแม่ฮ่องสอน มากี่รอบก็ชอบเหมือนเดิม อ่านเพิ่มเติม

✨ ทริปเพิ่มพลัง ลุยไม่ยั่น เดินสามย่าน-บรรทัดทอง ✨

วันหยุดสุดสัปดาห์นี้ แอดมีเส้นทางเดินเที่ยวกรุงเทพฯ อย่าง “สามย่าน-บรรทัดทอง” มาแนะนำ เพื่อน ๆ ที่รู้สึกเบื่อ ๆ ไม่รู้จะไปไหนดี ตามลิสต์ของแอดไปได้เลย นอกจากจะเป็น 1 day trip ที่เดินทางสะดวก อยู่กลางเมืองสุด ๆ แล้ว ยังช่วยเพิ่มพลังให้เราด้วยนะ เพิ่มพลังยังไงบ้าง ลองตามไปอ่านกัน เส้นทางเดินเที่ยว 1. ไหว้พระที่วัดหัวลำโพง 2. เพิ่มความรู้รอบตัวที่สวนงู สถานเสาวภา สภากาชาดไทย 3. เพิ่มลิสต์จุดถ่ายรูปที่ Dragon Town 4. เติมออกซิเจนให้ปอดที่อุทยาน 100 ปี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 5. อิ่มอร่อยสุขภาพดีที่ร้านน้ำเต้าหู้เจ้วรรณ  1. ไหว้พระที่วัดหัวลำโพง  จุดแรกของวันนี้คือ วัดหัวลำโพง เดินทางสะดวกมาก เรียกว่าพอพ้นประตูทางออกที่ 1 ของ MRT สามย่าน เราก็เจอวัดทันที กิจกรรมทำบุญที่คนนิยมมาทำกันมากก็คือ การบริจาคโลงศพให้ศพไร้ญาติที่มูลนิธิร่วมกตัญญูซึ่งอยู่ภายในบริเวณวัดหัวลำโพงนั่นเอง เพื่อน ๆ สามารถเข้ามาบริจาคได้ 24 ชั่วโมงเลย นอกจากนี้ ภายในอาคารยังมีเทพยดาฟ้าดิน (ทีกง) เจ้าแม่กวนอิม เจ้าพ่อเสือ หรือหากใครไม่สบายใจเพราะเป็นปีชง ก็มาไหว้ได้เช่นกัน ในบริเวณวัด เพื่อน ๆ จะเจอเทพมากมาย ทั้งเทพจีน เทพฮินดู รวมทั้งจุดทำบุญสะเดาะเคราะห์ ไถ่ชีวิตโคกระบือ ฯลฯ เรียกว่าถ้าเกิดความไม่สบายใจ อยากไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อปลอบประโลมใจ เลือกทำตามความสบายใจได้ที่นี่ อีกจุดที่แอดอยากแนะนำคือ ขึ้นไปไหว้พระในอุโบสถที่อยู่บนชั้น 2 คนไทยสามารถขึ้นไปได้ฟรี แต่ชาวต่างชาติต้องซื้อตั๋ว ราคา 40 บาท เมื่อเดินขึ้นมา เพื่อน ๆ จะพบกับพระอุโบสถ วิหาร และเจดีย์ ภายในพระอุโบสถ มีพระประธานเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ชื่อ พระพุทธมงคล ตามความเชื่อหากขอพรกับพระพุทธรูปปางมารวิชัย จะช่วยปกป้องภัยจากศัตรู ช่วยให้การงานราบรื่น บนชั้น 2 นี้ เพื่อน ๆ สามารถซึมซับความสงบ และชมวิวเมืองที่อยู่ท่ามกลางตึกสูงของสามย่านได้ แม้การทำบุญจะไม่ได้เห็นผลทันตา แต่ก็ได้ความสบายใจทันทีที่ทำ ต้นปีแบบนี้ เพิ่มพลังใจกันหน่อยก็น่าจะดีนะแอดเลยอยากพาเพื่อน ๆ มาที่นี่ก่อนนั่นเอง หลังทำบุญแล้ว หากใครอยากหาที่นั่งพักสักครู่ แอดแนะนำให้เข้าไปที่ “ซอยหน้าวัดหัวลำโพง” ที่นี่มีสวนสาธารณะเล็ก ๆ ชื่อ สวนวัดหัวลำโพงรุกขนิเวศน์ เปิดบริการ 05.00-20.00 น. ลองมาดูกันได้นะ  : 728 ถนนพระราม 4 แขวงสี่พระยา เขตบางรัก กรุงเทพฯ  : 0 2233 8109 2. เพิ่มความรู้รอบตัวที่สวนงู สถานเสาวภา สภากาชาดไทย จุดต่อไป แอดจะพาไปสภากาชาดไทย ไม่ได้พามาบริจาคเลือด แต่จะพามาดูงู!! ซึ่งจริง ๆ แอดเป็นคนที่กลัวงูมาก ๆ แต่ที่อยากมาก็เพราะอยากมาเรียนรู้ และได้ยินมาว่ากลัวอะไรให้ลองเผชิญหน้าดู ไปดูกันว่าที่นี่มีอะไรให้เราเรียนรู้บ้าง จากวัดหัวลำโพง ใช้ทางลอดใต้ถนน MRT เดินไปทางจามจุรีสแควร์ ระยะทางประมาณ 750 เมตร ใช้เวลาประมาณ 10 นาที ก่อนอื่นแอดขอแนะนำสวนงู สถานเสาวภาสักนิด ที่นี่ทำงานเกี่ยวกับงูหลายด้าน หลักๆที่เรารู้กันดีก็คือผลิตเซรุ่มแก้พิษงู และเป็นแหล่งเพาะเลี้ยงงูพิษเพื่อเอามาทำเซรุ่ม นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งให้ความรู้เรื่องงูที่ถูกต้อง มีการทำวิจัยเรื่องงูและพิษงู รวมทั้งมีการเพาะเลี้ยงเพื่อการอนุรักษ์อีกด้วย หลังจากซื้อตั๋วแล้ว แอดก็แอบหวั่น ๆ แต่พอเข้าไปในสวนงูแล้ว แต่ละส่วนจัดพื้นที่เป็นอย่างดี ทำให้แอดรู้สึกปลอดภัยเบาใจไปได้เยอะเลย โดยในสวนงูจะแบ่งเป็นสองส่วน คือ ส่วน indoor และ ส่วน outdoor โซน outdoor บรรยากาศร่มรื่นมาก ตามทางเดินจะมีป้ายให้ความรู้เป็นระยะ ตั้งแต่แหล่งที่อยู่อาศัยของงู รวมถึงประเภทของงู ส่วนลานข้างหน้าจะเป็นเวทีโชว์งูพร้อมให้ความรู้ ซึ่งบอกเลยว่าพิธีกรเก่งมาก พูดจาลื่นไหล พาให้บรรยากาศสนุกสนาน ใครมีเพื่อนต่างชาติก็พาไปได้ เพราะเขาพูดทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษเลย พิธีกรกำลังสอนว่าเจองูเห่าให้อยู่นิ่ง ๆ อย่าขยับมาก เดี๋ยวมันก็ไปเอง หลังจบโชว์ จะมีน้องงูหลามเผือกที่ทางสวนงูเลี้ยงมาตั้งแต่เด็กมาให้ถ่ายรูปด้วย ไม่เสียเงินเพิ่มแต่อย่างใด แต่ถ้าหากเพื่อน ๆ อยากสนับสนุนกิจกรรมที่นี่ก็สามารถไปหย่อนตู้บริจาคได้เลย ส่วนโซน indoor อยู่ที่อาคารสี่มะเสง จะมีโชว์รีดพิษงูในวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 11.00 น. ส่วนอาคารชั้น 2 จะเป็นส่วนให้ความรู้ มีการจัดแสดงซากงูนานาชนิดในขวดโหล แถมยังจัดแสดงโครงกระดูกงูอีกด้วย แอดเดินชมเพลินจนลืมกลัวไปเลยล่ะ โครงกระดูกงู ที่นี่ได้รับตรา SHA ปลอดภัยหายห่วง แถมยังมีห้องน้ำและทางลาดสำหรับผู้ใช้รถเข็นด้วย สำหรับแอดแล้ว ถือเป็นแหล่งที่ทำให้แอดได้ความรู้รอบตัวหลายเรื่องเลย บางเรื่องที่เคยรู้เคยลืมก็กลับมาจำได้ใหม่ เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ให้ทั้งความรู้ ความตื่นเต้น และยังเหมาะกับนักท่องเที่ยวทุกกลุ่มทุกวัยอีกด้วย  ค่าเข้าชม  คนไทย : ผู้ใหญ่ 40 บาท | นักเรียน-นักศึกษา 20 บาท | เด็ก 10 บาท ต่างชาติ : ผู้ใหญ่ 200 บาท | เด็ก 50 บาท ตารางการแสดง จันทร์ – ศุกร์ 11.00 น.

✨ ทริปเพิ่มพลัง ลุยไม่ยั่น เดินสามย่าน-บรรทัดทอง ✨ อ่านเพิ่มเติม

🌸 2 พิกัดชม #ดอกพญาเสือโคร่ง ทิ้งท้ายลมหนาว ที่ #เชียงใหม่ โค้งสุดท้าย พลาดแล้วพลาดเลย 🌸

ในช่วงฤดูหนาวเดือนมกราคมของทุกปี นับว่าเป็นช่วงเวลาแห่งการบานสะพรั่งของดอกไม้นานาชนิด โดยเฉพาะดอกไม้ที่ได้รับฉายาว่าเป็นดอกซากุระเมืองไทย อย่าง “ดอกนางพญาเสือโคร่ง” ก็กำลังเบ่งบานเผยความสวยงามท่ามกลางลมหนาวอยู่เช่นกัน โดยเฉพาะที่จังหวัด “เชียงใหม่” เราจึงมี 2 พิกัดชมดอกพญาเสือโคร่งมาแนะนำ ซึ่งความพิเศษแบบนี้ หนึ่งปีมีเพียงครั้งเดียวเท่านั้นนะครับ! ดอยอ่างข่าง เป็นแหล่งชมดอกซากุระที่ขึ้นชื่อเรื่องความงดงามของดอกไม้เมืองหนาว ไฮไลท์คือ มีต้นซากุระแท้จากญี่ปุ่นให้ชมด้วย ขุนช่างเคี่ยน ชุมชนชาวม้งกลางอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพและดอยปุย ที่ปกคลุมไปด้วยความงดงามของดอกนางพญาเสือโคร่งในทุกฤดูหนาว ก่อนลมหนาวจะผ่านไป ต้องรีบจูงมือคนรู้ใจไปดื่มด่ำบรรยากาศสุดโรแมนติก ท่ามกลางความบานสะพรั่งของดอกนางพญาเสือโคร่ง ที่จังหวัดเชียงใหม่กันครับ สามารถรับชมรูปภาพเพิ่มเติมได้ที่ : https://www.facebook.com/TATContactcenter/posts/6904514926287195

🌸 2 พิกัดชม #ดอกพญาเสือโคร่ง ทิ้งท้ายลมหนาว ที่ #เชียงใหม่ โค้งสุดท้าย พลาดแล้วพลาดเลย 🌸 อ่านเพิ่มเติม

🌳 พิพิธภัณฑ์วังสวนผักกาด ความงดงามใจกลางเมืองหลวง 🌳

ใจกลางเมืองหลวง มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย วันนี้เราจะชวนไปหลบร้อน ชมหมู่เรือนไทยโบราณเก่าแก่ ที่รวบรวมโบราณวัตถุและของสะสมมีค่าให้เราได้ชื่นชมและเรียนรู้ น่าสนใจใช่ไหม ตามแอดมาได้เลยค่ะ “พิพิธภัณฑ์วังสวนผักกาด” เดินทางสะดวกมากๆ ด้วยรถไฟฟ้า BTS ซึ่งจะช่วยลดจำนวนรถยนต์บนท้องถนน และช่วยลดปริมาณมลพิษในอากาศไปด้วยในคราวเดียวกัน พิพิธภัณฑ์วังสวนผักกาด หรือ วังสวนผักกาด ตั้งอยู่บนถนนศรีอยุธยา ห่างจากสถานีรถไฟฟ้า BTS พญาไท ประมาณ 450 เมตร แต่เดิมเคยเป็นสวนผักกาดของชาวจีน ก่อนที่พลตรี พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุมภฏพงษ์บริพัตร กรมหมื่นนครสวรรค์ศักดิพินิต พระนัดดาในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5 ) จะสร้างเป็นตำหนักที่ประทับ และย้ายเข้ามาประทับอยู่เป็นการถาวรพร้อมชายา คือ หม่อมราชวงศ์พันธุ์ทิพย์ บริพัตร ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ต่อมาในพ.ศ. 2495 หม่อมราชวงศ์พันธุ์ทิพย์ ได้เปิดวังสวนผักกาดให้บุคคลภายนอกมีโอกาสเข้าชมศิลปะและโบราณวัตถุที่ท่าน และเสด็จในกรมฯสะสมไว้ ซึ่งถือว่าเป็นสถานที่แห่งแรกในประเทศไทยที่เจ้าของบ้านเปิดให้บุคคลภายนอกเข้าชม ในขณะที่เจ้าของบ้านยังคงใช้เป็นที่พำนัก ภายในพิพิธภัณฑ์วังสวนผักกาด ประกอบด้วยเรือนไทยโบราณ 8 หลัง เรือนหลังที่ 1-4 เป็นหมู่เรือนไทยที่มีอายุเก่าแก่กว่า 100 ปี โดยเรือนหลังแรกมีสะพานเชื่อมไปสู่เรือนหลังที่ 2, 3 และ 4 ซึ่งอยู่ทางทิศใต้ตามลำดับ ส่วนเรือนหลังที่ 5 – 8 ปลูกอยู่ห่างกันทางทิศตะวันตก และมีหอเขียนอยู่ทางทิศใต้ ทุกเรือนมีการจัดแสดงโบราณวัตถุ และของสะสมมีค่า แบ่งหมวดหมู่ชัดเจน น่าชมทุกเรือน ตั้งแต่เรือนพิพิธภัณฑ์โขน ห้องดนตรีไทย ห้องจัดแสดงเครื่องใช้ส่วนพระองค์ เครื่องถ้วยเบญจรงค์ เครื่องชามสังคโลก ห้องจัดแสดงโบราณวัตถุสมัยก่อนประวัติศาสตร์ เรือนต้อนรับ และส่วนจัดแสดงเรือพระที่นั่ง เป็นต้น ในเรือนไทยหลังที่ 1 เป็นการจัดแสดงโบราณวัตถุในยุคต่างๆ รวมทั้งพระพุทธรูป เทวรูปพระอุมา และเทวรูปพระอรรธนารีศวร ตะลุ่มและเตียบประดับมุก ตลับงาช้าง และขวดน้ำหอมจากต่างประเทศ ทุกชิ้นสวยงาม จัดแสดงอยู่บนเรือนไทยหลังที่ 2 โบราณวัตถุสมัยก่อนประวัติศาสตร์ สมัยวัฒนธรรมบ้านเชียง จัดแสดงอยู่บนเรือนไทยหลังที่ 5 ในเรือนไทยหลังที่ 6 เป็น“พิพิธภัณฑ์โขน” มีเรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับการแสดงโขน รวมทั้งหัวโขน หุ่นละครเล็ก และตุ๊กตาดินเผาจากเรื่องรามเกียรติ์ เครื่องชามสังคโลกจากสุโขทัย เครื่องถ้วยจีน เครื่องเคลือบสีเขียว ของสะสมหายาก จัดแสดงอยู่บนเรือนไทยหลังที่ 7 เครื่องใช้ส่วนพระองค์ ทั้งที่เป็นเครื่องแก้วลายทอง เครื่องแก้วคริสตัล เครื่องเงิน และเครื่องลายครามจากทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงแจกันรูปผักกาดที่เป็นสัญลักษณ์ของวัง จัดแสดงอยู่บนเรือนไทยหลังที่ 8 หอเขียน ถือเป็นสถาปัตยกรรมชิ้นเอกของพิพิธภัณฑ์วังสวนผักกาด และเป็นเรือนที่สวยที่สุดในพิพิธภัณฑ์ฯ โดย พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหมื่นนครสวรรค์ศักดิพินิต นำโครงเรือนมาจาก หอไตรเก่าที่วัดบ้านกลิ้ง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมื่อ พ.ศ. 2501 กำหนดอายุราวช่วงสมัยอยุธยาตอนปลาย ก่อนจะนำมาอนุรักษ์ซ่อมแซมจนสำเร็จ เพื่อมอบให้เป็นของขวัญวันเกิดแก่ชายาของท่าน เนื่องในวันครบรอบอายุ 50 ปี ภายในหอเขียน มีภาพเขียนลายรดน้ำ สมัยอยุธยาตอนปลาย เป็นเรื่องราวหลักๆ 2 เรื่อง คือพุทธประวัติและรามเกียรติ์ ถือเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของชาติที่ยังหลงเหลือให้คนรุ่นใหม่ได้ศึกษาต่อไป ปัจจุบันพิพิธภัณฑ์วังสวนผักกาด อยู่ภายใต้การดูแลของ มูลนิธิจุมภฏ – พันธุ์ทิพย์ ซึ่งก่อตั้งโดยหม่อมราชวงศ์พันธุ์ทิพย์ บริพัตร  การเดินทาง BTS : สถานีพญาไท รถโดยสารประจำทางสาย 14, 17, 72, 74, 77, 159, 164, 204, 536, 539  พิพิธภัณฑ์วังสวนผักกาด   ถนนศรีอยุธยา เขตราชเทวี กรุงเทพฯ เปิดทุกวัน เวลา 09.00 -16.00 น.  0 2246 1775-6 ต่อ 229, 0 2245 4934 https://goo.gl/maps/EbgXwiv2NDcPY7LE8  ขอบคุณรูปภาพจากเพจ พิพิธภัณฑ์วังสวนผักกาด

🌳 พิพิธภัณฑ์วังสวนผักกาด ความงดงามใจกลางเมืองหลวง 🌳 อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top