สถานที่ท่องเที่ยว

✨ ปฏิทินท่องเที่ยวเดือนพฤษภาคม ✨

เดือนพฤษภาคม บางพื้นที่เริ่มมีฝนพรำ แต่ไม่ว่าจะฤดูไหน ๆ ก็เที่ยวได้ เพื่อน ๆ คนไหนยังไม่ได้วางแผนหรือยังไม่มีไอเดียว่าจะไปไหนดี มาชมแหล่งท่องเที่ยวตามพิกัดนี้กันได้เลย  เทศกาลชมผีเสื้อ อุทยานแห่งชาติปางสีดา จังหวัดสระแก้ว  เมื่อมาเที่ยวจังหวัดสระแก้วช่วงเดือนพฤษภาคม คงไม่มีใครอยากพลาดชมสีสันแห่งปางสีดาอย่างผีเสื้อป่านับร้อยที่กระพือปีกบินอวดโฉมไปทั่วอุทยานฯ โดยจุดที่นิยมไปชมฝูงผีเสื้อนั้นคือบริเวณ ลานน้ำตกปางสีดา และโป่งผีเสื้อ ช่วงที่เหมาะแก่การชมผีเสื้อ คือช่วงเดือนพฤษภาคม – สิงหาคม อย่ารอช้า รีบ ๆ มาชมกันนะ อัตราค่าบริการ ชาวไทย ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาท สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมอุทยานแห่งชาติปางสีดา จังหวัดสระแก้ว 0 3724 7948, 08 1862 1511  ตำบลท่าแยก อำเภอเมืองสระแก้ว จังหวัดสระแก้วhttps://goo.gl/maps/vVYQAna5zocCh9dv5  เขื่อนรัชชประภา จังหวัดสุราษฎร์ธานี  พักผ่อนหย่อนใจแบบชิล ๆ กันที่เขื่อนรัชชประภา เป็นเขื่อนอเนกประสงค์ของภาคใต้ที่ใช้ผลิตกระแสไฟฟ้า และกักเก็บน้ำเพื่อทำการเกษตร รวมทั้งเป็นแหล่งประมงน้ำจืดอีกด้วย เดิมเขื่อนนี้ชื่อว่า “เขื่อนเชี่ยวหลาน” และภายหลังก่อสร้างเสร็จ จึงได้รับพระราชทานชื่อใหม่จากพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ว่า “เขื่อนรัชชประภา” มีความหมายว่า “แสงสว่างแห่งราชอาณาจักร”  กิจกรรมท่องเที่ยวเขื่อนรัชชประภา นอนแพกลางน้ำ เล่นน้ำเหนือเขื่อน นั่งเรือหางยาวชมทะเลสาบ ล่องแพไม้ไผ่ชมป่าสีเขียว และสัตว์ป่าหายาก เช่น กระทิง กวาง หมูป่า นกเงือก สมเสร็จ เป็นต้น พายเรือคายักกลางธรรมชาติ เดินป่าชมความงามของถ้ำปะการัง ระยะทางประมาณ 1.5 กม. และล่องแพไม้ไผ่อีก 15 นาที ไปยังถ้ำปะการัง  เนื่องจากกิจกรรมส่วนใหญ่เป็นกิจกรรมทางน้ำ แนะนำให้สวมชูชีพตลอดเวลาขณะลงเล่นน้ำเพื่อความปลอดภัย ที่นี่มีสัญญาณโทรศัพท์แค่บางจุด สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติเขาสก (บริการที่พัก) 0 7739 5154-5การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (บริการเรือเที่ยวชม) 0 7724 2560-1  หมู่ 3 ตำบลเขาพัง อำเภอบ้านตาขุน จังหวัดสุราษฎร์ธานีhttps://goo.gl/maps/wtvxgpPXZeD2  บ้านสลักคอก  พาเพื่อน ๆ มาล่องเรือชมป่าชายเลน สัมผัสวิถีชีวิตชาวประมงที่ชุมชนหมู่บ้านสลักคอก หมู่บ้านชาวประมงแห่งนี้ตั้งอยู่ภายในอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง ซึ่งซ่อนตัวอยู่ในช่องแคบ มีลักษณะเป็นเวิ้งขนาดใหญ่คล้ายคอกสัตว์ จึงเป็นที่มาของชื่อหมู่บ้าน รอบ ๆ รายล้อมไปด้วยแนวป่าชายเลนซึ่งเป็นพื้นที่ทำกิน แหล่งประมงพื้นบ้าน และยังเป็นที่อนุบาลพันธุ์สัตว์น้ำต่าง ๆ  นักท่องเที่ยวนิยมมาล่องเรือมาด หรือ กอนโดลา  เพื่อชมบรรยากาศของป่าชายเลนที่มีความอุดมสมบูรณ์ และเงียบสงบ พร้อมรับประทานอาหารบนเรือแบบชิล ๆ ค่าบริการล่องเรือมาด ลำละ 800 บาท นั่งได้ 4 คน ใช้เวลาล่องเรือราว ๆ 40 นาที นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมอื่น ๆ ได้แก่ พายเรือคายัก : อัตราค่าบริการ 200 บาท / 2 คน / 1 ชั่วโมง พายซับบอร์ด : อัตราค่าบริการ 600 บาท / 1 คน / 2 ชั่วโมง (มีเจ้าหน้าที่ของชมรมคอยติดตาม) สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมชมรมนำเที่ยวพื้นบ้านสลักคอก เกาะช้างใต้ 08 7748 9497  ตำบลเกาะช้างใต้ อำเภอเกาะช้าง จังหวัดตราดhttps://goo.gl/maps/FdCnNVFfniCmEkqB7  น้ำตกขุนกรณ์ จังหวัดเชียงราย  เข้าสู่เดือนฝนพรำ น้ำตกก็เริ่มมีน้ำมากแล้ว ที่น้ำตกขุนกรณ์ เป็นน้ำตกซึ่งตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติลำน้ำกก ขึ้นชื่อว่าเป็นน้ำตกที่สวยที่สุดในจังหวัดเชียงราย นักท่องเที่ยวที่มาเชียงรายจะนิยมมาที่น้ำตกแห่งนี้เพราะเป็นน้ำตกที่ลำธารใสสะอาด น้ำไหลเย็นตลอดทั้งปี เมื่อถึงหน่วยพิทักษ์อุทยานฯ จะต้องเดินเท้าเข้าไปประมาณ 1.5 กิโลเมตร สองข้างทางเดินเป็นป่าร่มรื่น มีที่พักเหนื่อยเป็นระยะ บางช่วงจะค่อนข้างชันแนะนำให้เดินด้วยความระมัดระวัง สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมอุทยานแห่งชาติลำน้ำกก 08 3764 6475  ตำบลแม่กรณ์ อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงรายhttps://goo.gl/maps/fpVvuj6Bce4ZZ7fv5  ฤดูกาลชมวาฬบรูดา ทะเลอ่าวไทย  วาฬบรูดา พี่ใหญ่แห่งท้องทะเลไทย อาศัยอยู่ทั่วบริเวณน่านน้ำอ่าวไทย มีลักษณะตัวสีเทาเข้มออกดำอมน้ำเงิน รูปร่างเพรียวยาวกว่า 15 เมตร กินปลาเล็กจำนวนมากเป็นอาหาร ในช่วงนี้ เหล่าวาฬบรูดาก็จะออกมาเผยโฉมอันมหึมาให้เราได้ชมเป็นระยะ ๆ จากข้อมูลของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งระบุว่า ช่วงเวลาที่พบบ่อยคือช่วงเดือนเมษายน – กันยายนของทุกปี ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มีปลากะตักและกุ้งเคยอุดมสมบูรณ์ และเป็นอาหารมื้อใหญ่ของเจ้าวาฬบรูดา กิจกรรมในการไปชมวาฬบรูดานั้น เพื่อน ๆ จะต้องนั่งเรือออกไปกลางทะเล ในบริเวณที่มีวาฬบรูดากำลังหม่ำปลาน้อย ๆ กันอย่างอิ่มอกอิ่มใจ อย่างไรก็ตาม ช่วงที่มีมรสุม เป็นช่วงที่ไม่เหมาะแก่การออกไปล่องเรือกลางทะเล ดังนั้น หากเพื่อน ๆ อยากไปชม แนะนำให้โทรสอบถามกับศูนย์บริการนักท่องเที่ยวและศูนย์นำเที่ยวชมวาฬบรูดาก่อน พิกัดจุดล่องเรือทะเลอ่าวไทยชมวาฬบรูดา ปากแม่น้ำบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา โทร. 08 1488 8618คลองประมง จังหวัดสมุทรสาคร โทร. 09 8589 2550 (ร้านครัวบ้านประมง), 09 8795 4563 (ร้านเจ๋ง ครัวชายทะเล)บ้านบางตะบูน จังหวัดเพชรบุรี โทร. 0 3258 1233, 08 9796 5506, 08 2499 9993 (บางตะบูนเบย์)ชมรมวาฬบรูด้าแหลมผักเบี้ย จังหวัดเพชรบุรี โทร. 08 1865 4939 

✨ ปฏิทินท่องเที่ยวเดือนพฤษภาคม ✨ อ่านเพิ่มเติม

พิธีอัญเชิญพระพุทธสิหิงค์ ออกจากวิหารลายคำขึ้นประดิษฐานบนรถบุษบก

✨ ช่วงเช้า พิธีอัญเชิญพระพุทธสิหิงค์ ออกจากวิหารลายคำขึ้นประดิษฐานบนรถบุษบก เพื่อเตรียมเข้าร่วมขบวนแห่สรงน้ำพระในช่วงบ่ายของวัน ✨ จากนั้นในเวลา 14.09 น. เคลื่อนขบวนแห่พระพุทธสิหิงค์ ร่วมกับพระพุทธรูปสำคัญของวัดต่าง ๆ ให้ประชาชนได้สรงน้ำพระ ✨ ช่วงเย็น อัญเชิญพระพุทธสิหิงค์ ขึ้นประดิษฐานบนแท่นกลางวงเวียนด้านหน้าวิหารหลวง ณ วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร หลังจากเสร็จสิ้นขบวนแห่ เพื่อให้ประชาชนได้สักการะและสรงน้ำตลอดช่วงเทศกาลสงกรานต์ บรรยากาศเต็มไปด้วยความคึกคัก สนุกสนาน เล่นน้ำคลายร้อนกันตลอดสาย ตั้งแต่บริเวณสี่แยกสันป่าข่อย ประตูท่าแพ จนถึงวัดพระสิงห์วรมหาวิหาร 💦🎉

พิธีอัญเชิญพระพุทธสิหิงค์ ออกจากวิหารลายคำขึ้นประดิษฐานบนรถบุษบก อ่านเพิ่มเติม

ขบวนแห่อัญเชิญน้ำทิพย์นมัสการพระพุทธสิหิงค์ “ไหว้สาจุมสะหรีน้ำทิพย์ปี๋ใหม่เมือง ปี 2566”

ชวนชมภาพบรรยากาศขบวนแห่อัญเชิญน้ำทิพย์นมัสการพระพุทธสิหิงค์ “ไหว้สาจุมสะหรีน้ำทิพย์ปี๋ใหม่เมือง” จัดขึ้นในวันที่ 12 เมษายน 2566 เวลา 16.00 น. ที่ผ่านมา 💦✨ นับว่าเป็นกิจกรรมสุดพิเศษที่ในปีนี้มีการแห่อัญเชิญน้ำทิพย์ที่ผ่านการประกอบพิธีหุงน้ำทิพย์ปีใหม่เมือง ซึ่งเป็นน้ำจากแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 9 แห่ง ในจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อความเป็นสิริมงคลในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี๋ใหม่เมือง 2566 และแจกจ่ายให้ประชาชนที่เดินทางมาท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงใหม่ วันที่ 12-16 เมษายน 2566 (หรือจนกว่าจะหมด) 🎉 สำหรับเพื่อน ๆ ที่อยู่ในพื้นที่เมืองเชียงใหม่ หรือใครที่กำลังเดินทางมาเที่ยวเชียงใหม่ในวันที่ 13 เมษายน 2566 นี้ ยังมีกิจกรรมตลอดทั้งวัน ได้แก่⏰ เวลา 08.00 น. สรงน้ำและทำพิธีอาราธนาพระพุทธสิหิงค์ ณ วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร จังหวัดเชียงใหม่ ลงจากบุษบกเพื่อเตรียมสำหรับพิธีการแห่ในช่วงบ่าย⏰ เวลา 14.09 น. เคลื่อนขบวนแห่ ณ บริเวณสี่แยกสันป่าข่อย สิ้นสุดที่วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร

ขบวนแห่อัญเชิญน้ำทิพย์นมัสการพระพุทธสิหิงค์ “ไหว้สาจุมสะหรีน้ำทิพย์ปี๋ใหม่เมือง ปี 2566” อ่านเพิ่มเติม

✨ Van Gogh Alive Bangkok @ ICON SIAM ✨

วันนี้จะเป็นการนำเสนอนิทรรศการศิลปะจากศิลปินชื่อดังระดับโลก “ฟินเซนต์ วิลเลิม ฟัน โคค” หรือที่พวกเราเรียกกันติดปากว่า “วินเซนต์ แวนโกะห์” ศิลปินชาวดัตช์ผู้ยิ่งใหญ่ที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดคนหนึ่งในวงการศิลปะ พร้อมกับสไตล์งานที่โดดเด่นในยุคนั้น ทั้งการใช้สีสันและฝีแปรงที่ถ่ายทอดอารมณ์ของคนวาดลงไปอย่างเต็มที่ จนหลายคนมองว่าเขาเป็นคนสติเฟื่อนและมีภาพจำว่าเขาเป็นเพียงศิลปินที่มีปัญหาทางอารมณ์ที่เกินควบคุมจนถึงขนาดกล้าตัดหูตัวเอง คอนเทนต์ในวันนี้ จะเป็นการนำเสนอประวัติของ แวนโกะห์ ผ่านนิทรรศการภาพวาดของตัวเขาเอง ที่ไม่อยากให้ใครหลายคนพลาด ตามมาดูเรื่องราวของความมหัศจรรย์บนผืนผ้าใบยุคก่อนบนจอสกรีนขนาดใหญ่ในยุคนี้ไปพร้อมกัน ว่าจะพาเราให้รู้จักเรื่องราวของศิลปินคนนี้ได้อย่างไรบ้าง เอาล่ะ มาเริ่มเดินทางเข้าสู่นิทรรศการนี้ไปพร้อมกัน เพื่อน ๆ สามารถซื้อบัตรเข้างานออนไลน์ได้ที่ https://www.thaiticketmajor.com/van-gogh-alive/…หรือหากใครไม่สะดวก ก็เดินไปซื้อที่งานได้เลย งานจัดอยู่ที่ Attraction Hall ชั้น 6 ณ ศูนย์การค้าไอคอนสยาม (นิทรรศการจัดใกล้ ๆ โรงหนัง SF) เมื่อเข้ามาแล้ว ในโซนแรกจะเป็นห้องที่บอกเล่าประวัติของ แวนโกะห์ คร่าว ๆ เผื่อใครเพิ่งเริ่มติดตามจะได้ทราบประวัติของเขาแบบย่อ ๆ ซึ่งการได้รู้ประวัติของตัวศิลปินก่อนเข้าชมนิทรรศการ สามารถเพิ่มอรรถรสในการชมห้องต่อไปได้มากทีเดียว โดย แวนโกะห์ มีประวัติย่อ ๆ ดังนี้ แวนโกะห์ เกิดวันที่ 30 มีนาคม ค.ศ. 1853 ที่เมืองซึนเดิร์ต (Zundert) ในประเทศเนเธอร์แลนด์ มีพ่อเป็นนักบวชหลวงนิกายโปรแตสแตนท์ แม่และครอบครัวฝั่งแม่ทำงานด้านศิลปะ มีพี่น้องด้วยกันทั้งหมด 6 คน โดยมีน้องชายที่เขาสนิทชื่อ ธีโอ ตลอดชีวิตในวัยเด็ก เขาคลุกคลีและได้เรียนรู้ถึงความเป็นอยู่ระหว่างชนชั้นกลางของทางบ้านเขาและเหล่าเกษตรกร กรรมกร ว่าต่างกันขนาดไหน ซึ่งประสบการณ์ในช่วงนี้จะเป็น 1 ในอิทธิพลที่ส่งผลต่อผลงานการวาดภาพช่วงแรก ๆ ของเขา หลังจากเรียนจบ เขาได้ทำงานที่ Goupil & Cie ห้องภาพแห่งหนึ่งที่ญาติเขาเป็นหุ้นส่วนตั้งแต่อายุ 16 ปี และเมื่อเขามีอายุได้ 18 ปี เขาถูกส่งตัวไปยังห้องภาพสาขาปารีส ด้วยความที่เขาเป็นคนซื่อและพูดตรง เขาจะบอกลูกค้าไม่ให้ซื้อภาพนั้นหากเป็นภาพที่ไม่คุ้มค่ากับราคา จนสร้างความไม่พอใจให้ทางร้านและไล่เขาออกในที่สุด ในช่วงอายุ 20 เป็นช่วงที่เขาทั้งผิดหวังจากความรักและมีภาวะซึมเศร้า เขาจึงเริ่มมองหาเส้นทางใหม่ ๆ ให้กับตัวเอง อย่างการลองศึกษาศาสนาและเป็นผู้เผยแพร่ แต่ก็ไปไม่รอดเพราะเขาเป็นคนที่พูดจูงใจคนไม่เก่ง แถมยังอุทิศเงินส่วนตัวให้กับคนทุกข์ยากจนตัวเองลำบาก ต้องกินแค่เศษขนมปัง ทำให้ร่างกายผอมลงและเป็นพิษไข้ สุดท้ายเขาก็ถูกไล่ออกจากการเป็นผู้เผยแพร่ศาสนา จนกระทั่งเขาอายุได้ 27 ปี เป็นช่วงที่เขาได้พบกับเส้นทางที่เขาตามหา เขาเริ่มหันมาสนใจในศิลปะอีกครั้ง จากการพบเห็นผลงานศิลปะแบบ Impression ในยุคนั้น เขาเริ่มเรียนรู้ที่จะวาดและถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกของเขาลงไปในภาพวาด โดยมีน้องชายของเขา ธีโอ เป็นนายหน้าขายภาพให้ หากเทียบกับศิลปินคนอื่น ถือว่าเขาเริ่มต้นวาดภาพช้าและมีเวลาในการวาดรูปเพียง 10 ปีเท่านั้น เพราะในช่วงวัย 37 ปี เขาได้เสียชีวิตลงจากสาเหตุยิงตัวเองเข้าที่กลางลำตัว หลายคนก็ตั้งข้อสันนิษฐานว่าเขาน่าจะเสียชีวิตจากอุบัติเหตุเพราะมีปากเสียงกับเด็กหนุ่มวัยคึกคะนองในละแวกนั้นมากกว่า แต่ใน 10 ปีนี้ เขามีผลงานศิลปะราว 2,100 ชิ้น เป็นภาพวาดสีน้ำมันกว่า 900 ชิ้น และภาพวาดลายเส้นอีกประมาณ 1,100 ชิ้น ซึ่งส่วนใหญ่เขาวาดในช่วงเวลาสองปีสุดท้ายก่อนเสียชีวิต หลังจากเขาเสียชีวิตไปแล้ว 6 เดือนต่อมา ธีโอ น้องชายผู้สนับสนุนและคอยผลักดันเส้นทางการเป็นศิลปินของแวนโกะห์ ก็เสียชีวิตจากโรคทางสมอง โจฮันนา ภรรยาหม้ายของธีโอ ที่ยังเชื่อมั่นในตัวของแวนโกะห์ ก็ต่อสู้ผลักดันผลงานของเขาต่อไป จนผลงานของเขาเป็นที่นิยมขึ้นมา และกลายเป็นของล้ำค่าราคาสูงจนถึงปัจจุบัน ในห้องเดียวกันมีประวัติของภาพวาดอย่าง The Starry Night, Café Terrace At Night, Sunflowers, Almod Blossom, Portrait Of Dr.Garchet, Wheat Field With Crow ให้อ่านด้วยนะ นอกจากนี้ ภายในโซนแรก เพื่อน ๆ จะพบกับห้องนอนจำลอง ที่มีต้นแบบมาจากภาพวาด Bedroom in Arles ภาพห้องนอนของ แวนโกะห์ ในบ้านหลังสีเหลือง ที่เขาอาศัยร่วมอยู่กับเพื่อนศิลปิน พอล โกแกง (Paul Gauguin) ที่ทำให้ต่อมามีรูปที่มีชื่อเสียงมาก ๆ อีกรูปก็คือ “ดอกทานตะวัน” นั่นเอง จากนั้นจะเป็นการเดินทางเข้าสู่โซนที่ 2 ไฮไลท์ของนิทรรศการนี้ ซึ่งจะมีป้ายแจ้งข้อมูลก่อนเดินเข้าไป ว่าทางนิทรรศการแนะนำให้ผู้เข้าชมใช้เวลาอย่างน้อย 40 นาทีในการชมโซนที่ 2 นี้ การเล่าเรื่องของโซนนี้ จะเป็นการนำเสนอประวัติของ แวนโกะห์ ที่เราอ่านกันในโซนที่ 1 ผ่านภาพวาดของเขาตามช่วงอายุ ด้วย Immersive Multi-Sensory Experience ที่จะเริ่มฉายภาพไปทั่วกำแพงและพื้น มีตั้งแต่ภาพที่เขาเริ่มวาดด้วยสีทึมทะมึน อย่างภาพ The potato eaters ที่บอกเล่าเรื่องราวที่เขาพบเจอมาในช่วงเด็ก ที่นำเสนอภาพชีวิตของครอบครัวชาวนาล้อมวงกินอาหารมื้อค่ำอย่างสมถะ ซึ่งภาพนี้เป็นอีกภาพที่ทำให้คนเริ่มหันมามองเขาในฐานะศิลปิน ไปจนถึงภาพที่เขาหัดวาดดอกไม้ และวาดภาพเหมือนของตัวเอง บรรยากาศรอบตัวจะเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ จากภาพวาดของเขาที่มีอยู่หลายพันภาพ ให้ความรู้สึกเหมือนตัวเราเป็นส่วนหนึ่งของภาพวาด ที่สำคัญในบางช่วงจะมี “กลิ่น” ที่ทางงานปล่อยออกมา เพื่อให้ผู้เข้าชมได้รับประสบการณ์ในการชมที่มากขึ้นอีกด้วย ภาพที่ฉายออกมา หากไปดูใกล้ ๆ จะเห็นรายละเอียดของฝีแปรงจากตัวศิลปินได้อย่างชัดเจน อย่างภาพ Starry Night Over the Rhône ก็เห็นรายละเอียดนี้ชัดมาก ต้องชมความเก่งและความทันสมัยของเทคโนโลยีและผู้จัดงานนี้จริง ๆ ที่ถ่ายทอดประสบการณ์ดี ๆ มาให้ผู้ชมงานได้มากขนาดนี้ โซนต่อมา เป็น Installation Art ที่จะจำลองภาพวาดของเขาออกมาเป็นพื้นที่จริง ให้ผู้เข้าชมได้ไปถ่ายรูปอย่างใกล้ชิด ซึ่งเมื่อก้าวเข้าสู่ห้องนี้ เพื่อน ๆ จะเจอกับภาพ Noon, Rest

✨ Van Gogh Alive Bangkok @ ICON SIAM ✨ อ่านเพิ่มเติม

✨ ประเพณีปอยส่างลอง หรือ บวชลูกแก้ว ✨

การบรรพชาสามเณรตามแบบฉบับของชาวไทยใหญ่ ซึ่งเชื่อกันว่าได้กุศลแรงกว่าการบวชพระ โดยเด็กที่เข้าพิธีบรรพชาจะเรียกว่า “ส่างลอง” เมื่อถึงกำหนดจัดงานจะมีการโกนผมส่างลอง แต่จะไม่โกนคิ้ว (เพราะพระภิกษุพม่าไม่โกนคิ้ว) แล้วแต่งกายอย่างสวยงามด้วยเครื่องประดับอันมีค่า เช่น สวมสายสร้อย กำไล แหวน และใช้ผ้าโพกศีรษะแบบพม่า สวมถุงเท้ายาว นุ่งโสร่ง ทาแป้งขาว เขียนคิ้ว ทาปาก จากนั้นพาไปขึ้นขี่บนหลังม้า ถ้าไม่มีม้าก็จะขี่คอคน ซึ่งเรียกว่า “พี่เลี้ยง” หรือ “ตะแปส่างลอง” แล้วแห่ไปตามถนนสายต่าง ๆ มีกลดทองหรือ “ทีคำ” แบบพม่า กางเพื่อกันแดด ปัจจุบันประเพณีได้มีการกำหนดรูปแบบให้เป็นการบรรพชาสามเณรแบบสามัคคี คือ จัดให้มีการบรรพชาส่างลองจำนวนมากในคราวเดียวกัน โดยมักจัดเป็นประจำทุกปีในช่วงปลายเดือนมีนาคม-ต้นเดือนเมษายน หรือช่วงระหว่างปิดภาคการศึกษาของเด็ก ๆ นั่นเอง ทำให้ประเพณีปอยส่างลองของจังหวัดแม่ฮ่องสอนมีความยิ่งใหญ่และงดงามเป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยว ภาพชุดนี้เป็นบรรยากาศส่วนหนึ่งของประเพณีปอยส่างลอง ที่จัดขึ้น ณ วัดปางล้อ อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน จังหวัดแม่ฮ่องสอน เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2566 ที่ผ่านมา เป็นประเพณีที่แสดงให้เห็นถึงศรัทธาอันแรงกล้าในพระพุทธศาสนาของชุมชนท้องถิ่น ตลอดจนการสืบทอดประเพณีจากรุ่นสู่รุ่น ซึ่งควรค่าแก่การอนุรักษ์สานต่อให้คงอยู่สืบไป สำหรับนักท่องเที่ยวและผู้สนใจจะมาชมประเพณีปอยส่างลองที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน ยังมีอีกหลายวัดที่กำลังจะจัดขึ้นในเดือนเมษายน 2566 นี้ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ททท. สำนักงานแม่ฮ่องสอน โทร. 0 5361 2982

✨ ประเพณีปอยส่างลอง หรือ บวชลูกแก้ว ✨ อ่านเพิ่มเติม

✨ บ้านมุง เนินมะปราง จ.พิษณุโลก ✨

ถ้าพูดถึงเพลงดังในช่วงนี้ หลายคนคงนึกถึงเพลงฮิตติดหูอย่างเพลง “นะหน้าทอง” ของ “โจอี้ – ภูวศิษฐ์” ที่สร้างปรากฏการณ์ความนิยม จนยอดชมในยูทูปทะลุถึง 175 ล้านวิวไปแล้ว (ณ วันที่ 31 มีนาคม 2566) ซึ่งสถานที่ถ่ายทำสุดสวยและบรรยากาศที่เต็มไปด้วยธรรมชาติของทุ่งกว้างและภูเขาสูงที่เห็นในเพลงนั้น เป็นสถานที่ท่องเที่ยวมีชื่อ ของ จ.พิษณุโลก นั่นก็คือ ต.บ้านมุง อ.เนินมะปราง ตามมาอ่านรายละเอียดกันได้เลย ต.บ้านมุง ห่างจากตัวเมืองพิษณุโลก 80 กิโลเมตรนิด ๆ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง ที่นี่เป็นชุมชนที่โอบล้อมด้วยภูเขาหินปูนขนาดใหญ่ มีหลักฐานด้านธรณีวิทยาบอกว่ามีอายุมากกว่า 300 ล้านปี ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง พื้นที่รอบหมู่บ้านเป็นทุ่งนา ไร่ข้าวโพด แปลงดอกไม้ มีเส้นทางเดินเขาและชมถ้ำ ที่เป็นบ้านของค้างคาวนับล้าน ที่จะออกหากินในช่วงเย็น หนึ่งกิจกรรมเด่นของคนมาเยือนหมู่บ้านแห่งนี้ เมื่อมาถึงหมู่บ้าน เพื่อน ๆ จะพบกับ “แลนด์มาร์คบ้านมุง” ซึ่งเป็นจุดนัดพบของกิจกรรมแรกที่จะมานำเสนอ นั่นก็คือ การนั่งรถอีแต๊กเที่ยวรอบหมู่บ้าน โดยคุณตุ่น แอดมินกลุ่มคนรักเนินมะปรางจะเป็นไกด์นำเที่ยว ซึ่งกิจกรรมนี้จะใช้เวลาราว ๆ หนึ่งชั่วโมงครึ่ง แต่หากใครไม่อยากนั่งรถอีแต๊ก ก็สามารถหาเช่ารถจักรยานได้เช่นกัน รถอีแต๊กนำเที่ยว ที่ปรับมาจากรถที่ใช้ในการเกษตร ในช่วงแรกของการนั่งรถชมหมู่บ้าน จะเป็นการพาชมถ้ำหินต่าง ๆ ที่กระจายตัวอยู่ทั่วชุมชน ทั้งถ้ำหลวงพ่อบุญมี ถ้ำนางสิบสอง รวมไปถึงถ้ำที่เหล่าค้างคาวอาศัยอยู่ ใครอยากตามรอย MV เพลงนะหน้าทอง ตามมาถ่ายได้เลย จากนั้นจะเป็นการนั่งรถชมบรรยากาศรอบหมู่บ้าน บอกเลยว่าอากาศดีมาก รอบข้างก็มีแต่ธรรมชาติ มองไปทางไหนก็สบายตาไปหมด จุดต่อมา คุณตุ่นพาไปชมจุดตั้งแคมป์ เช่น บ้านมุงแคมป์และแคมป์หมาบ้าใจดี ที่พักแนวตั้งแคมป์กางเต็นท์ ที่นำรายได้ไปช่วยเหลือสุนัขจรจัด แต่สำหรับใครที่อยากทำกิจกรรมเเนวเเอดเวนเจอร์มากกว่าแค่นอนเต็นท์ สามารถสอบถามข้อมูลพิชิตยอดเขาหินปูนและจองล่วงหน้าที่คุณตุ่นได้เลย ในตอนนั่งรถกลับ จะเป็นการชมเส้นทางภูเขาหินรอบเนินมะปรางในอีกเส้นทาง ซึ่งคุณตุ่นเล่าให้ฟังว่า ภูเขาหินที่เรียงกันเนี่ย ยาวถึง 13.5 กิโลเมตรเลยนะ แต่หากใครมาช่วงเย็นอาจต้องทำเวลาหน่อย เพราะในเวลาประมาณ 18.00 น. เป็นช่วงเวลาหากินของค้างคาว ซึ่งจุดชมค้างคาวก็ไม่ใช่ที่ไหน ตรงจุดแลนมาร์คที่ขึ้นรถกันนี่แหละ ในช่วง 15-20 นาทีแรกจะเห็นค้างคาวบินออกมาเยอะมากและค่อย ๆ ดูบางตาลงในช่วงเวลา 19.00 น. การเดินทางไปบ้านมุงที่อยากแนะนำคือ การเช่ารถ หรือถ้าเพื่อน ๆ เป็นสายลุย ก็สามารถนั่งรถโดยสารสายพิษณุโลก – เนินมะปราง จากสถานี บขส.เก่ามาได้ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง ค่ารถ 70 บาท

✨ บ้านมุง เนินมะปราง จ.พิษณุโลก ✨ อ่านเพิ่มเติม

ชวนใช้รถสาธารณะ นั่งรถไฟเที่ยวไทย ไปที่ไหนได้บ้าง? 🚞

ชวนเพื่อน ๆ นักเดินทาง #ลดมลพิษ หันมาใช้รถสาธารณะเดินทางไปท่องเที่ยวทั่วไทย ซึมซับบรรยากาศ และความสวยงามของประเทศไทย ด้วยการนั่ง #รถไฟ ไปเที่ยวด้วยกัน แต่เชื่อว่าหลาย ๆ คนน่าจะยังรู้สึกงงกันอยู่ หากเราต้องการนั่งรถไฟไปเที่ยวนั้น สรุปแล้วต้องไปขึ้นที่ไหน? หัวลำโพงยังเปิดอยู่ไหม? หรือย้ายไปที่สถานีกรุงเทพอภิวัฒน์หมดแล้ว? แชร์ไว้เลยโพสต์นี้มีคำตอบให้ค่ะ ตอนนี้หากเราต้องการจะนั่งรถไฟไปต่างจังหวัด สามารถขึ้นได้ทั้งที่ #สถานีหัวลำโพง และ #สถานีกรุงเทพอภิวัฒน์​ (สถานีกลางบางซื่อ) เลยค่ะ แต่ต้องดูว่าเราจะไปภาคไหน เพราะตอนนี้สายเหนือ สายใต้ และสายตะวันออกเฉียงเหนือ ย้ายไปอยู่ที่สถานีกรุงเทพอภิวัฒน์แล้วนั่นเองค่ะ นอกจากนี้ใครที่ต้องการเดินทางท่องเที่ยวในทริปสั้น ๆ เช่น ไปนครปฐม ไปกาญจนบุรี ไปชุมพร ก็สามารถขึ้นรถไฟที่ #สถานีธนบุรี ได้อีกด้วยค่ะ 😊 สถานีรถไฟหัวลำโพงยังไม่ปิด ยังคงให้บริการขบวนรถไฟชานเมือง ขบวนรถธรรมดา ขบวนรถท่องเที่ยว และขบวนรถไฟสายตะวันออก สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ หรือสถานีกลางบางซื่อ ให้บริการสำหรับขบวนรถไฟทางไกล กลุ่มขบวนรถด่วนพิเศษ และรถด่วนรถเร็ว สายเหนือ ใต้ และอีสาน สถานีธนบุรี ให้บริการสำหรับขบวนรถพิเศษชานเมือง และรถธรรมดา เหมาะสำหรับทริปท่องเที่ยวไม่ไกลกรุงฯ

ชวนใช้รถสาธารณะ นั่งรถไฟเที่ยวไทย ไปที่ไหนได้บ้าง? 🚞 อ่านเพิ่มเติม

🌿 กาลิเลโอเอซิส : GalileOasis 🌿

หากวันหยุดเพียงระยะเวลาสั้น ๆ อาจไม่เป็นใจให้ใครหลาย ๆ คนออกเดินทางไปพักผ่อนในต่างจังหวัด…อยากลองเปลี่ยนบรรยากาศมาพักผ่อนในเมืองกรุงฯ กันดูไหม เพราะในกรุงเทพฯ เมืองที่เต็มไปด้วยอาคารมากมายกระจายตัวอยู่ทั่วเมือง ยังมีมุมลับสีเขียวที่หลบซ่อนอยู่ในซอยเล็ก ๆ ย่านบรรทัดทอง กาลิเลโอเอซิส เป็นอาร์ตสเปซขนาดย่อม ตั้งอยู่ในซอยเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยความแออัดและทรุดโทรมอย่างมากก่อนจะทำการรีโนเวทใหม่ให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ปัจจุบันได้กลายเป็นแหล่งรวมร้านอาหาร คาเฟ่ ที่พัก ร้านเสื้อผ้าแฟชั่น แต่งแต้มสีสันภายในโครงการฯ ด้วยศิลปะจากอาร์ตแกลเลอรี่ นิทรรศการหมุนเวียน และโรงละคร หากพร้อมแล้ว จะพาไปชมบรรยากาศภายในโครงการกัน กาลิเลโอเอซิส ตั้งอยู่ในซอยโรงเรียนกิ่งเพชร ที่นี่ไม่มีที่จอดรถ  แนะนำการเดินทางโดยรถไฟฟ้า BTS ลงสถานีราชเทวี ทางออก 1 ปักหมุดกาลิเลโอเอซิส เดินเข้าซอยพญานาคไปเรื่อย ๆ จนถึงแยกซอยโรงเรียนกิ่งเพชร เดินเข้าซอยไปเพียงนิดเดียวก็จะเห็นป้ายโครงการฯ ระยะทางรวม 800 เมตร  ซอยโรงเรียนกิ่งเพชร ถนนบรรทัดทอง แขวงถนนเพชรบุรี เขตราชเทวี กรุงเทพมหานครhttps://goo.gl/maps/3dBgDVdzoLoYzjXZ7 เมื่อเดินมาถึง มองเห็น  Piccolo Vicolo Café (พิคโคโล่ วิโคโล่ คาเฟ่) ตั้งเด่นอยู่หน้าโครงการฯ จนต้องเดินเข้าไปทันที ภายในร้านตกแต่งสไตล์วินเทจ ติดกระจกรอบด้าน ทำให้รู้สึกโปร่งสบาย ไม่อึดอัด  เช้า ๆ แบบนี้ ไม่ว่าจะวันไหน ๆ แค่ได้กลิ่นกาแฟก็หอมชื่นใจ ไม่รีรอที่จะสั่งเครื่องดื่มสักแก้ว  หลาย ๆ คนที่มา มักจะแนะนำเมนู “กาแฟมะพร้าว” เพราะเป็นกาแฟที่ใช้ความหวานจากน้ำมะพร้าวแท้ ทำให้กาแฟมีรสหวาน กลิ่นหอมสดชื่น  นอกจากนี้ยังมีเครื่องดื่มอีกหลายชนิดให้ลอง สั่งกาแฟแล้วก็ไม่พลาดที่จะสั่งขนมหวานมาลองชิมคู่กัน  เมนูนี้คือ Flourless Chocolate Cake หรือเค้กช็อกโกแลตไร้แป้ง สายคนรักสุขภาพไม่พลาดแน่นอน รสชาติเข้มข้น หวานน้อย ราดซอสราสป์เบอร์รีฉ่ำ ๆ  บรรยากาศภายร้านแต่ละมุมก็น่านั่งไปหมด เหมาะแก่การมานั่งชิล ๆ ในช่วงวันหยุดสั้น ๆ จิบกาแฟเพลิน ๆ แค่คิดก็ฟินน่าดู  Piccolo Vicolo Café บอกก่อนว่าที่นี่ยังมีมุมลับ ๆ อยู่อีก เดี๋ยวจะพาขึ้นไปชมที่ชั้น 2 กัน บริเวณชั้นที่ 2 ของร้าน Piccolo Vicolo Cafe’ เป็นอาร์ตแกลเลอรี่แบบหมุนเวียน แถมยังได้รับความนิยมไม่น้อย ในภาพนี้คือนิทรรศการ “ดิน นํ้า ลม ไฟ กับใจสองดวง” ที่รวบรวมผลงาน ของ คุณอรพินท์ กุศลรุ่งรัตน์ และ คุณอรพรรณ ลีทเกนฮอสท์ งานเซรามิกที่โดดเด่นด้วยลวดลายจากธรรมชาติ สู่กระบวนการปั้นและเผาจนเกิดเป็นเซรามิกที่สวยงาม แม้ว่างานจะจบลงไปแล้ว แต่เพื่อน ๆ ยังสามารถติดตามงานต่อ ๆ ไปรวมถึงอัปเดตกิจกรรมกันได้ที่https://www.facebook.com/GalileOasis-106387081866312/ ภายในโครงการกาลิเลโอเอซิส มีที่นั่งด้านนอกให้เพื่อน ๆ ได้นั่งพักผ่อนชิล ๆ กันด้วย ไม่ต้องกลัวว่าจะร้อน เพราะที่นี่มีบรรยากาศร่มรื่นมาก ๆ เลยล่ะ

🌿 กาลิเลโอเอซิส : GalileOasis 🌿 อ่านเพิ่มเติม

☀️ หาดเสาเอียง @ เพชรบุรี ☀️

🌴 ที่นี่ตั้งอยู่ระหว่างหาดเจ้าสำราญและหาดชะอำ เป็นชายหาดที่มีเสาหลายต้นตั้งเรียงกันจากหาดลงสู่ทะเล นัยว่าแต่ก่อนคงมีการพยายามจะสร้างสะพานหรือจุดชมวิวยื่นไปในทะเลบริเวณนี้ แต่สุดท้ายก็สร้างไม่เสร็จ พื้นที่บริเวณนี้จึงรกร้างไปตามกาลเวลา รวมทั้งสภาพของเสาแต่ละต้นที่เริ่มเอนเอียงไปตามกระแสลมและคลื่น จนกลายเป็นที่มาของชื่อ “หาดเสาเอียง” ⏱️ ช่วงเวลาที่แนะนำให้มาเที่ยว คือ ช่วงเช้าเพื่อมาชมพระอาทิตย์ขึ้น และช่วงเวลาเย็นยามแดดร่มลมตก บรรยากาศดูสวยงามไปอีกแบบ 🚙 การเดินทาง : จากตัวเมืองเพชรบุรี ใช้ทางหลวงหมายเลข 3177 ผ่านหน้ามหาวิทยาลัยราชภัฎเพชรบุรี ตรงไปจนถึงสี่แยกวงเวียนปลาหาดเจ้าสำราญ จากนั้นเลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 4028 (ทางไปหาดชะอำ) ตรงไปประมาณ 5.5 กิโลเมตร จะพบทางเลี้ยวเข้าหาดเสาเอียงทางซ้ายมือ จุดสังเกตคือมีหอถังประปาสูงเด่นอยู่บริเวณทางเลี้ยวเข้าหาด เมื่อเลี้ยวเข้ามาในซอยทางซ้ายมือจะเป็นตึกแถวร้าง ตรงไปราว 300 เมตร จนสุดทางถนนคือหาดเสาเอียง รวมระยะทางจากตัวเมืองเพชรบุรีประมาณ 24 กิโลเมตร

☀️ หาดเสาเอียง @ เพชรบุรี ☀️ อ่านเพิ่มเติม

ชุมชนแหลมมะขาม จ. ตราด 🧺💚

ชวนแพลนทริปเที่ยวภาคตะวันออก ที่ ‘ชุมชนแหลมมะขาม’ จังหวัดตราด เรียนรู้หัตถกรรมจักรสาน ชมหุ่นไม้กระดาน สัมผัสวิถีชุมชน บอกเลยว่าภาคตะวันออกไม่ได้มีดีแค่ทะเล เพราะมีสถานที่ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ที่น่าสนใจด้วยนั่นเอง ชุมชนแหลมมะขาม ตั้งอยู่ที่ อ. แหลมงอบ ห่างจากตัวเมืองตราดประมาณ 10 กิโลเมตร เป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่มีพื้นที่ติดกับทะเล และป่าชายเลน ถึงจะเป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ แต่ก็มีกิจกรรมให้เราเรียนรู้ไม่น้อยเลยค่ะ เช่น การเรียนรู้หัตถกรรมจักสาน การชมหุ่นไม้กระดาน การเรียนรู้การทำขนมพื้นบ้าน เรียนรู้ระบบนิเวศป่าโกงกาง นั่งเรือชมเกาะ เป็นต้น กิจกรรมไฮไลต์ของ ‘ชุมชนแหลมมะขาม’ ที่ห้ามพลาด1. หัตถกรรมจักสานจากต้นคลุ้ม – เรียนรู้ภูมิปัญญาพื้นถิ่น ทดลองทำจักสานจากต้นคลุ้ม ต้นไม้ที่นิยมปลูกในภาคตะวันออก2. พิพิภัณฑ์บ้านหุ่นไม้กระดาน – ชมเพื่อเรียนรู้และอนุรักษ์เครื่องมือช่างไม้โบราณ โดย คุณปู่ สงกรานต์ ไรนุชพงศ์ ชมหุ่นไม้กระดาน ที่ พิพิธภัณฑ์หุ่นไม้กระดาน ชุมชนแหลมมะขาม ที่นี่เป็นการสร้างสรรค์งานศิลปะจากภูมิปัญญาชาวบ้าน เพื่อนำมาเล่าเรื่องราวความเป็นชุมชนแหลมมะขามผ่านแผ่นไม้กระดาน รวมถึงการอนุรักษ์ไว้เพื่อให้คนรุ่นหลังได้มาเรียนรู้ ศึกษา เครื่องมือช่างโบราณ โดยมีการถ่ายทอดเรื่องราวผ่านหุ่นไม้กระดานด้วยนั่นเองค่ะ อีกหนึ่งกิจกรรมไฮไลต์ คือ เรียนรู้ภูมิปัญญาหัตถกรรมจักสานงอบใบจากและสานคลุ้ม ซึ่งถือว่าเป็นอาชีพที่สร้างรายได้ให้กับคนในชุมชนเลยก็ว่าได้ค่ะ โดยเฉพาะหมวกใบจาก หรือ เหละ ผลิตภัณฑ์จักสานที่สร้างชื่อเสียงให้กับชาวบ้าน เป็นศิลปหัตถกรรมพื้นบ้านที่สืบต่อกันมากว่าร้อยปี เหมาะสำหรับใช้กันแดด กันฝน สำหรับชาวสวน ชาวนา คนทั่วไปก็อุดหนุนมาใส่ได้เหมือนกันนะคะ นอกจากนี้ก็ยังมีสานข้าวของเครื่องใช้อีกหลาย ๆ รูปแบบ เช่น พัด พวงกุญแจ เป็นต้น ได้มาเรียนรู้ พูดคุย การทำหัตถกรรมจักสานกับชาวบ้าน สนุก เพลิน ๆ แถมยังได้ของติดไม้ติดมือกลับบ้านด้วยนะคะ นอกจากสานคลุ้มแล้ว ยังมีการเย็บงอบใบจาก ทำเสวียนงอบด้วยค่ะ ซึ่งการเย็บงอบนี่ก็ทำเพื่อนำไปสร้างเป็นที่กันแดด กันฝน หรือเย็บเป็นหมวกได้ด้วยนั่นเองค่ะ ส่วนตัวเสวียนงอบ ก็จะเป็นอุปกรณ์ส่วนหนึ่งในการประกอบทำหมวกงอบค่ะ ใครสนใจหมวกงอบ ที่สานโดยฝีมือของชาวบ้านแหลมมะขาม ก็อุดหนุนสินค้าชุมชน สินค้าชาวบ้านได้นะคะ มาชมวิถีชีวิตผ่านหุ่นไม้กระดาน ที่ พิพิธภัณฑ์หุ่นไม้กระดาน ได้เลยค่ะ นอกจากวิถีชีวิตชาวบ้าน ก็ยังได้เห็นว่าในอดีตเขามีเครื่องมือ เครื่องใช้อะไรบ้าง และสิ่งที่ห้ามพลาดที่สุด คือ การชิมอาหารพื้นบ้าน อาหารพื้นถิ่นนั่นเองค่ะ เพราะอาหารไทยเรามีเสน่ห์ มีเอกลักษณ์ในแต่ละพื้นที่ ใครที่มองหาสถานที่ท่องเที่ยวเพื่อพักผ่อน ที่ ‘ชุมชนแหลมมะขาม’ ตอบโจทย์มาก ๆ เลยค่ะ เงียบ สงบ ได้สัมผัสวิถีชีวิตชาวบ้าน ครบมาก ๆ หรือครอบครัวที่มีเด็กที่อยู่ในวัยเรียนรู้ ที่นี่เป็นแหล่งเรียนรู้นอกสถานที่ดีมาก ๆ อีกที่หนึ่งเลยค่ะ 💚 📌 ชุมชนแหลมมะขาม อ. แหลมงอบ จ. ตราด : https://goo.gl/maps/9mR43L431b5SiMLx6☎ โทร: 098-860-2914Facebook: https://www.facebook.com/baanlaemmakham

ชุมชนแหลมมะขาม จ. ตราด 🧺💚 อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top