สถานที่ท่องเที่ยว

🌳6 สวนในกรุง ใกล้รถไฟฟ้า🌳

สวัสดีเพื่อน ๆ ทุกคน วันหยุดนี้ หากใครอยากออกไปเจอธรรมชาติ แต่ไม่ได้มีเวลามากพอที่จะเดินทางไกล บัดดี้รวมสวนเขียวในกรุงเทพมหานครมา 6 แห่ง ที่เป็นทั้งสวนสาธารณะ สถานที่ออกกำลังกายและแหล่งพักผ่อนหย่อนใจของใครหลายคนมานำเสนอ หากใครกำลังมองหาสถานที่ที่สามารถมอบออกซิเจนให้ร่างกายในวันหยุด ลองตามมาอ่านได้เลย  1. สวนเบญจกิติ สวนเบญจกิติ ป่าใหญ่ใจกลางกรุง ที่ปัจจุบันมีการก่อสร้างส่วนขยายและออกแบบปรับปรุงเพื่อรองรับผู้คนทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นผู้พิการทางสายตา ผู้ที่ใช้บริการรถเข็น (Wheelchair) รวมไปถึงกลุ่มผู้สูงอายุ กลุ่มคนรักสุขภาพและกลุ่มคนรักสัตว์ ที่นี่แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ สวนน้ำและสวนป่า บริเวณโดยรอบสวนน้ำ เป็นจุดที่ผู้คนมักจะมาออกกำลังกายกัน มีทั้งคนเดิน วิ่ง หรือใครชอบปั่นจักรยานก็มีเส้นทาง Bike Lane สำหรับปั่นจักรยาน สำหรับโซนสวนป่าจะประกอบด้วยอาคารพิพิธภัณฑ์ อาคารแสดงศิลปะ หอสมุด ลานกิจกรรมกลางแจ้ง และเส้นทางปั่นจักรยานระยะทาง 3.5 กิโลเมตร เส้นทางวิ่งระยะทาง 3 กิโลเมตร รวมถึงไฮไลต์อย่างเส้นทางสกายวอล์ก ที่มีการเชื่อมกับสกายวอล์กเดิมที่มาจากสวนลุมพินี (สะพานเขียว) แถมยังมีการจำลองระบบนิเวศ ที่สร้างเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำ (Wet Land) มีการปลูกพันธุ์ไม้หายากเพื่อการอนุรักษ์  สวนเบญจกิติ การเดินทางMRT : สถานีสุขุมวิท ทางออก 3  2. อุทยาน 100 ปี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อุทยาน 100 ปี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หรืออุทยานจุฬาฯ 100 ปี ตั้งอยู่บริเวณซอยจุฬาฯ 5 (ระหว่างซอยจุฬาฯ 9 กับถนนบรรทัดทอง) ติดกับศูนย์การค้า I’m Park เป็นสวนสาธารณะแห่งใหม่ ที่สร้างขึ้นเนื่องในโอกาสครบรอบ 100 ปี แห่งการสถาปนาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อปี พ.ศ. 2560  สวนแห่งนี้มีลักษณะลาดเอียง สองข้างปลูกต้นไม้ใหญ่สลับกับไม้ประดับ เกิดขึ้นจากนโยบายการสร้างเมือง GREEN & CLEAN CITY ที่มีแรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากการเติบโตของกิ่งรากต้นไม้สัญลักษณ์ประจำของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ต้นจามจุรี รวมกับแนวคิดของโครงการแก้มลิง ที่ตัวของสวนสามารถรับน้ำและหมุนเวียนทรัพยากรน้ำเพื่อใช้ภายในสวนได้ หากมาที่นี่แล้ว เพื่อน ๆ สามารถเลือกนั่งใต้ร่มไม้ในสนามหญ้าสีเขียว ยิ่งช่วงเย็นจะเห็นทั้งคนวิ่งออกกำลังตามทางเดินลาดชัน ผู้คนจับกลุ่มถ่ายรูป นั่งเล่นกีตาร์กับเพื่อน หรือพาลูกหลานเดินดูต้นไม้ต่าง ๆ ซึ่งจะมีป้ายชื่อและข้อมูลติดไว้ให้ความรู้อยู่เต็มไปหมด  ริมสระน้ำ จะมีเครื่องออกกำลังกายที่ประยุกต์มาจากเครื่องบำบัดน้ำ “กังหันน้ำชัยพัฒนา” ที่เอาไว้ปั่นออกกำลังกายและเพิ่มออกซิเจนให้น้ำในสระไปในเวลาเดียวกัน  การเดินทางMRT : สถานีสามย่าน ทางออก 2  3. สวนลอยฟ้าเจ้าพระยา (พระปกเกล้า สกายปาร์ค) สวนลอยฟ้าเจ้าพระยา (Chao Phraya Sky Park) ตั้งอยู่บริเวณกลางสะพานพระปกเกล้า ที่ดัดแปลงมาจากโครงสร้างของรางรถไฟฟ้าลาวาลินที่ถูกปล่อยทิ้งร้างเอาไว้มานานกว่า 30 ปี ให้กลายเป็นสวนสาธารณะลอยฟ้า ที่เชื่อมฝั่งธนบุรีกับฝั่งพระนครเข้าด้วยกัน  ในสวนสาธารณะแห่งนี้ มีทางเดินและเลนจักรยาน ระยะทางกว่า 280 เมตร รวมไปถึงลิฟต์สำหรับผู้พิการและผู้สูงอายุ เพื่อให้ทุกคนสามารถมาใช้บริการได้ทุกเพศทุกวัย ที่สำคัญที่นี่ยังเป็นจุดชมวิวแม่น้ำเจ้าพระยาที่สวยที่สุดอีกจุดของกรุงเทพฯ แถมยังมองเห็นพระปรางค์วัดอรุณฯ พระบรมธาตุมหาเจดีย์ที่วัดประยุรฯ วัดซางตาครู้ส ชุมชนกุฎีจีน สะพานพุทธฯ ไอคอนสยาม ยิ่งช่วงเย็น จะมีทั้งลมเย็น ๆ และวิวพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าให้ชม รับรองได้ว่ามาแล้วประทับใจแน่นอน  การเดินทางMRT : สถานีสนามไชย ทางออก 5  4. สวนลุมพินี สวนลุมพินี เป็นสวนสาธารณะแห่งแรกของกรุงเทพฯ มักเรียกกันสั้น ๆ ว่า สวนลุม เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2468 บนถนนพระรามที่ 4 เป็นจุดพักผ่อนหย่อนใจของทั้งชาวกรุงเทพฯ และชาวต่างชาติ ร่มรื่นด้วยต้นไม้ขนาดใหญ่ ภายในสวนมีสวนปาล์ม สระน้ำขนาดใหญ่ เป็นจุดนัดพบของคนรักสุขภาพ เป็นที่พบปะสังสรรค์ พักผ่อน ออกกำลังกายยอดฮิตของคนเมือง   สวนลุมพินี  การเดินทางMRT : สถานีสีลม ทางออก 1 และ สถานีลุมพินี ทางออก 3BTS : สถานีศาลาแดง ทางออก 5  5. สวนวชิรเบญจทัศ (สวนรถไฟ) สวนวชิรเบญจทัศ หรือที่หลายคนคุ้นเคยในชื่อ สวนรถไฟ เป็นสวนสาธารณะใจกลางกรุงเทพฯ ที่ในอดีตเคยเป็นสนามกอล์ฟรถไฟของการรถไฟแห่งประเทศไทย ที่ต่อมามีการสร้างเป็นสวนสาธารณะเพื่อใช้เป็นสถานที่พักผ่อนและออกกำลังกายของประชาชนทั่วไป  ภายในสวนรถไฟมีสวนป่าใหญ่ในเมือง ที่รวบรวมพันธุ์ไม้หลายชนิด มีการจำลองระบบนิเวศของป่าเพื่อการเรียนรู้ มีเลนจักรยานที่มีความยาวถึง 3 กิโลเมตร มีศูนย์กีฬาที่มีทั้งสระว่ายน้ำ สนามฟุตบอล ฟิตเนส ฯลฯ สนามเด็กเล่น และเมืองจราจรจำลองท่ามกลางธรรมชาติสีเขียว ให้คนที่มาได้เลือกกิจกรรมที่สนใจได้ตามสะดวก   สวนวชิรเบญจทัศ (สวนรถไฟ)  การเดินทางMRT : สถานีจตุจักร ทางออก 1 และ 2BTS : สถานีหมอชิต ทางออก 1 และ 3  6. สวนจตุจักร สวนจตุจักร อีกหนึ่งสวนสำหรับการพักผ่อนหย่อนใจทางตอนเหนือของกรุงเทพฯ สร้างขึ้นโดย พลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ ซึ่งเกิดจากการรถไฟแห่งประเทศไทยได้น้อมเกล้าฯ ถวายที่ดิน 100 ไร่ เพื่อสร้างสวนสาธารณะตามพระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 4 รอบ เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2518 เมื่อสร้างสวนเสร็จ สวนแห่งนี้ได้รับพระราชทานนามว่า “สวนจตุจักร” และต่อมาถูกใช้เป็นชื่อของเขต และชื่อของแขวงที่เป็นที่ตั้งของสวน 

🌳6 สวนในกรุง ใกล้รถไฟฟ้า🌳 อ่านเพิ่มเติม

ปักหมุดเที่ยวตลาดน้ำ เย็นใจในเมืองกรุง 📌🚣‍♀

เที่ยวหน้าร้อนต้องใกล้น้ำ ชวนนักเดินทางปักหมุดเที่ยวตลาดน้ำในเมืองกรุง สัมผัสวิถีชีวิตริมน้ำของชุมชนริมคลอง ซึ่งหลายแห่งยังคงเห็นวิถีดั้งเดิม ที่สืบเนื่องถึงปัจจุบันเช่นเดียวกับสายน้ำที่ยังคงไหลรินเรื่อยมาแต่อดีต รื่นรมย์กับบรรยากาศที่ชวนย้อนเวลาราวกับยังมีชีวิต ลิ้มรสอาหารพื้นบ้าน ชมภูมิปัญญาท้องถิ่น สนับสนุนรายได้สู่ชุมชน แบ่งปันความสุขพร้อมมองสายน้ำไหลผ่านที่พาให้ใจร่มเย็นไปด้วยกัน 💗 เที่ยวตลาดน้ำในกรุงฯ มีกิจกรรมอะไรน่าสนใจบ้าง…1. ชิมอาหารพื้นบ้าน และอุดหนุนสินค้าชุมชน จากพ่อค้าแม่ค้าที่เป็นคนในพื้นที่2. เรียนรู้งานหัตถกรรม ภูมิปัญญาชาวบ้าน และเอกลักษณ์ประจำถิ่นของแต่ละพื้นที่3. นั่งเรือชมวิถีชีวิตของชาวบ้านริมสองฝั่งน้ำ  ตลาดน้ำคลองบางหลวง ตลาดน้ำท้องถิ่นเล็ก ๆ ริมคลองบางกอกใหญ่ เขตภาษีเจริญ เรือนไม้ ร้านกาแฟ งานศิลป์ หุ่นละครเล็ก และวัดเก่าตั้งแต่กรุงศรีอยุธยา กลายเป็นมนต์เสน่ห์ของชุมชนแห่งนี้ ผู้ชื่นชอบงานศิลป์และรักสงบเราขอแนะนำเลย  ตลาดน้ำวัดสะพาน ตลาดน้ำย่านราชพฤกษ์ ที่ชวนให้เพลิดเพลินกับรสมือของชาวชุมชนริมคลอง ข้าวหม้อแกงหม้อต่างล่องเรือมาขายให้นักท่องเที่ยวในราคาย่อมเยา มีบริการนั่งเรือชมวิว 2 ฝั่งคลองด้วย  ตลาดน้ำตลิ่งชัน ตลาดกึ่งชนบทผสมผสานระหว่างชีวิตริมคลองชักพระกับธรรมชาติ อยู่บริเวณหน้าสำนักงานเขตตลิ่งชัน นอกจากอาหารการกิน ยังมีงานหัตถกรรมภูมิปัญญาชาวบ้าน หรือจะนั่งเรือหางยาวไปตลาดน้ำแห่งอื่น ๆ ต่อก็ได้เช่นกัน  ตลาดน้ำสองคลอง อยู่ใกล้กับตลาดน้ำตลิ่งชันเพียงข้ามคลองวัดตลิ่งชันเท่านั้น ตั้งอยู่ในเขตวัดตลิ่งชัน ลิ้มรสอาหารไทยพื้นบ้านท่ามกลางบรรยากาศตลาดริมน้ำหลังคามุงแฝก ชมวิหารเก่า ให้อาหารปลาริมคลอง อิ่มใจ ได้บุญ  ตลาดน้ำคลองลัดมะยม แดนสวรรค์สำหรับสายกิน นักชิม หรือนักชอปสายอาหาร เพราะบรรดาร้านรวงในตลาดน้ำแห่งนี้ มีอาหารน่าอร่อยมากมาย เตรียมจับจ่ายพร้อมหิ้วกลับบ้านแบบจัดเต็ม

ปักหมุดเที่ยวตลาดน้ำ เย็นใจในเมืองกรุง 📌🚣‍♀ อ่านเพิ่มเติม

🌈🌴 หาดฟรีด้อม (Freedom Beach) 🌴🌈

หาดฟรีด้อม (Freedom Beach) จังหวัดภูเก็ต หาดสวยในอันดับที่ 18 จากการจัดอันดับชายหาดที่ดีที่สุดในโลก ประจำปี 2566 (Top 100 beaches on Earth 2023) โดยเว็บไซต์ World Beach Guide ของประเทศอังกฤษ 🌴 ทางลงหาดตั้งอยู่บนเขาระหว่างหาดป่าตองและหาดกะรน เป็นชายหาดที่มีความโค้งยาวประมาณ 500 เมตร ทรายเม็ดละเอียดขาวสะอาด น้ำทะเลสีฟ้าอมเขียว ชายหาดมีความลาดชันพอสมควร รวมทั้งคลื่นจะมีความแรงในบางช่วงเวลา จึงควรเล่นน้ำด้วยความระมัดระวัง บริเวณริมหาดมีร้านขายเครื่องดื่มให้บริการ\ ✨ หากใครได้มาเที่ยวและสัมผัสบรรยากาศของหาดนี้ด้วยตนเอง รับรองว่าต้องประทับใจในความเป็นธรรมชาติ หาดสะอาด น้ำทะเลสวยใส และผู้คนไม่พลุกพล่านจนเกินไป 🚗 การเดินทาง: จากถนนเส้นหลักคือทางหลวงหมายเลข 4030 หาดป่าตอง ขับลงมาทางตอนใต้ของหาด ผ่านท่าเทียบเรือหาดป่าตอง ข้ามสะพานคอนกรีตข้ามคลอง และแยกซ้ายใช้ถนนทวีวงศ์ตรงขึ้นเขาไปจนพบสามแยก 7-11 จากนั้นเลี้ยวซ้ายเข้าใช้ถนนส่วนบุคคลประมาณ 2 กิโลเมตร จะพบทางเดินลงหาดฟรีด้อมอยู่ทางขวามือ ปัจจุบันมีทางเดินลงหาด 2 จุด โดยจุดที่ 1 มีระยะทาง 1 กิโลเมตร และจุดที่ 2 มีระยะทาง 600 เมตร📍พิกัดทางเดินลงหาดฟรีด้อม จุดที่ 1https://goo.gl/maps/M2W6VVebndQtUgkx5📍พิกัดทางเดินลงหาดฟรีด้อม จุดที่ 2https://goo.gl/maps/tqKaUALMML6uDzfm9

🌈🌴 หาดฟรีด้อม (Freedom Beach) 🌴🌈 อ่านเพิ่มเติม

✨ ประเพณีบวชนาคช้าง จังหวัดสุรินทร์ ✨

บวชนาคช้าง 🐘 ประเพณีอันเก่าแก่และมีเอกลักษณ์อย่างยิ่งของชาวจังหวัดสุรินทร์ ทั้งเขมร ลาว กูยหรือกวย ที่นับถือพุทธศาสนาปฏิบัติสืบทอดกันมาอย่างยาวนาน เป็นที่ทราบกันดีว่า คนและช้างมีความสัมพันธ์กันมานานนับตั้งแต่ในอดีต และช้างสำหรับชาว สุรินทร์ เป็นเสมือนส่วนหนึ่งของครอบครัวเลยก็ว่าได้ 🎊 ตามความเชื่อของชาวสุรินทร์นั้น ชายหนุ่มที่อายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ จะต้องบวชเพื่อศึกษาธรรมวินัยก่อนที่จะมีเหย้ามีเรือน การบวชของชาวกูยนั้นถือเป็นงานบุญใหญ่ เมื่อถึงวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ของทุกปี (วันเพ็ญเดือน 6) ซึ่งเป็นวันคล้ายวันที่พระพุทธเจ้าทรงประสูติ ตรัสรู้ ปรินิพพาน ผู้ได้มาบูชาด้วยการปฏิบัติตาม ถือว่าได้เห็นพระพุทธเจ้า หนุ่มชาวกูยที่อายุครบ 20 ปี จะนัดกันไปบวชที่วัดแจ้งสว่าง และก่อนบวช 1 วัน นาคของแต่ละหมู่บ้านจะจัดขบวนแห่โดยมี “ช้าง” ร่วมขบวนเป็นจำนวนมาก โดยเชื่อว่าการบวชนี้ ถ้าจะให้ได้ชื่อเสียงหรือได้บุญหนัก จะต้องนั่งช้างแล้วแห่ไปเป็นระยะทางไกล ๆ ผู้คนก็จะมาร่วมขบวนแห่เป็นจำนวนมากด้วยเช่นกัน แต่ละขบวนจะแห่มารวมกันที่บริเวณวังทะลุ ซึ่งเป็นจุดที่แม่น้ำชีและแม่น้ำมูลมาบรรจบกัน เพื่อทำพิธีเซ่นศาลปู่ตาและขอขมา “ครูปะกำ” สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวบ้านนับถือ พร้อมประกอบพิธีอุปสมบทที่บริเวณดอนบวช (วังทะลุ) 🗓 ในปี พ.ศ. 2566 นี้ การบวชนาคช้างจัดขึ้นอีกปีอย่างยิ่งใหญ่ในวันที่ 2-4 พฤษภาคม⭐ ที่สำคัญ จะมีขบวนแห่บวชนาคช้างในวันที่ 3 พฤษภาคม สามารถชมและเข้าร่วมขบวนแห่นาคช้าง ได้ โดยจะเคลื่อนขบวน ตั้งแต่เวลา 13.30 น. เป็นต้นไป📍 วัดแจ้งสว่าง และศูนย์คชศึกษา บ้านตากลาง ตำบลกระโพ อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์ 📞 เพื่อน ๆ สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทาง Inbox https://www.facebook.com/tatsurin หรือโทรศัพท์ 0 4451 4447-8

✨ ประเพณีบวชนาคช้าง จังหวัดสุรินทร์ ✨ อ่านเพิ่มเติม

พระนคร Walking 🚶‍♀️

พระนคร Walking ส่องตึกเก่าย่านสามแพร่ง เดินเลาะเลียบถนนตะนาว ✨ สามแพร่ง ย่านชุมชนเก่าแก่บริเวณถนนตะนาว ในเขตพระนคร กรุงเทพฯ ในอดีต เป็นกลุ่มวังที่ประทับของเจ้านายในสมัยรัชกาลที่ 4 ได้แก่ วังกรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ วังกรมหมื่นภูธเรศธำรงศักดิ์ และวังกรมหลวงสรรพสาตรศุภกิจ จนกระทั่งสมัยรัชกาลที่ 5 มีการตัดทางผ่านกลางพื้นที่กลุ่มวังนี้ เพื่อเชื่อมถนนอัษฎางค์กับถนนตะนาว จนเกิดเป็นทางสามแพร่ง และตั้งชื่อถนนในย่านนี้ตามพระนามเจ้าของวัง คือ ถนนแพร่งสรรพศาสตร์ ถนนแพร่งนรา และถนนแพร่งภูธร เลียบถนนตะนาว เลาะไปตามซอยต่าง ๆ มีตึกรามบ้านช่องมากมาย เป็นทั้งแหล่งทำมาค้าขาย ที่พักอาศัย และที่ดินทรัพย์สินของเชื้อพระวงศ์ในสมัยนั้น วันเวลาผ่านไป อาคารเหล่านี้ก็เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย และยังคงมีอาคารดั้งเดิมที่ซ่อนตัวท่ามกลางชุมชน วันนี้ จะพาเพื่อน ๆ ไปเดินชมตึกเก่า ชี้พิกัดร้านอาหาร เพราะในย่านนี้ ได้ชื่อว่าเป็นแหล่งรวมร้านอร่อยอีกย่านหนึ่งในพระนครเลยล่ะ 😋  เส้นทางเดินเที่ยวลัดเลาะในทริปนี้ บัดดี้จะพาเพื่อน ๆ เดินทางโดยขนส่งสาธารณะแบบง่าย ๆ โดยรถไฟใต้ดิน MRT มาที่สถานีสามยอด  จากนั้นเดินเท้า มุ่งหน้าไปทางแยกสี่กั๊กพระยาศรี เลี้ยวขวาเข้าถนนเฟื่องนคร เดินตรงไปเรื่อย ๆ ก็จะมาถึงแยกสี่กั๊กเสาชิงช้า ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของถนนตะนาว หากมาตามแผนที่ที่แนะนำไว้ เพื่อน ๆ จะถึงที่แพร่งภูธรเป็นจุดแรก สามารถเดินเข้าได้ 2 ทางคือทางเข้าฝั่งถนนตะนาว และทางเข้าฝั่งถนนบำรุงเมือง เราจะพาเพื่อน ๆ มาเดินเข้าฝั่งถนนบำรุงเมืองเพื่อชม เดอะไนท์เฮ้าส์ (The Knight House)  อาคารสีเหลืองหลังคาจั่ว ลายฉลุแบบเรือนขนมปังขิง ผสมผสานศิลปะแบบโคโลเนียลเข้าด้วยกัน ในอดีตบนที่ดินผืนนี้เป็นตึกแถวของเจ้าจอมมารดาชุ่ม ในรัชกาลที่ 5 จากนั้นก็เปลี่ยนผู้ถือครองและเปิดเป็นร้าน “ไนท์ บาร์เบอร์” ที่อยู่คู่แพร่งภูธรมาราว ๆ 30 ปี ก่อนจะกลายมาเป็นเดอะไนท์เฮ้าส์ ซึ่งเป็นอาคารที่สร้างขึ้นใหม่และมีความสวยอย่างมาก ที่นี่เปิดให้บริการที่พักและคาเฟ่ หากเพื่อน ๆ มาเที่ยวชมแถวนี้ อย่าลืมแวะมาที่นี่กันนะ ฝั่งขวามือที่เรากำลังจะเดินเข้าไปในซอย มีป้ายชื่อถนนแพร่งภูธร ตัดกับอาคารสีเหลือง เหมาะจะเป็นมุมเช็กอินถ่ายรูปปัง ๆ แพร่งภูธร หรือในอดีตคือ “วังสะพานช้างโรงสี” ซึ่งเจ้านายพระองค์สุดท้ายที่ประทับที่วัง คือ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นภูธเรศธำรงศักดิ์ ซึ่งต่อมาเมื่อกรมหมื่นภูธเรศฯ สิ้นพระชนม์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 จึงโปรดเกล้าฯ ให้แบ่งพื้นที่ทำเป็นตึกแถว และยังคงรักษาสถาปัตยกรรมแบบเดิมไว้ เดินจากปากซอยตรงเข้ามาเพียงแค่นิดเดียว มองเห็น อาคารสีเหลือง 2 ชั้น ครอบด้วยหลังคาสีแดงดูสะดุดตา ที่นี่คือ “สุขุมาลอนามัย” สถานีกาชาดที่ 2 ที่ตั้งอยู่กลางแพร่งภูธร สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2471 เพื่อเป็นอนุสาวรีย์เชิดชูพระเกียรติคุณสมเด็จพระปิตุจฉาเจ้าสุขุมาลมารศรี พระอัครราชเทวี เดิมที อาคารสุขุมาลอนามัยเป็นตึกสีขาว ภายหลังมีการซ่อมแซมและทาสีใหม่จนเป็นที่โดดเด่นท่ามกลางตึกแถวในย่านนี้ เพื่อน ๆ บางคน โดยเฉพาะเพื่อน ๆ สายซีรีส์เกาหลีอาจจะคุ้น ๆ มุมภาพนี้ จริง ๆ แล้วตรงนี้เคยเป็นจุดที่มีถ่ายทำซีรีส์เกาหลีแนวคอมเมดี้ ฉายเมื่อปี ค.ศ. 2016 ซึ่งเป็นฉากที่พระเอก นางเอก และพระรอง กางร่มท่ามกลางสายฝนนั่นเอง  ตึกแถวในบริเวณนี้ รวมทั้งตึกแถวในซอยแพร่งนราจะมีลักษณะคล้ายคลึงกัน เป็นสถาปัตยกรรมสไตล์ยุโรปผสมจีนตั้งเรียงยาวทั้ง 2 ฝั่ง ตรงหน้านี้คือ 1905 เฮอริเทจ คอร์นเนอร์ (1905 Heritage Corner)  เป็นลักซูรี่เกสต์เฮาส์ขนาด 3 ห้อง ที่รีโนเวทมาจากตึกเก่าอย่างประณีต อยู่ใกล้ ๆ กับสุขุมาลอนามัยเพียงไม่กี่สิบก้าว จากการสืบค้นประวัติศาสตร์ เจ้าของเกสต์เฮาส์พบว่าที่นี่เคยเป็นโรงน้ำชามาก่อน จึงรีโนเวทและตกแต่งที่พักแห่งนี้ในคอนเซ็ปต์โรงน้ำชา มีกลิ่นอายความเป็นจีนผสมกับความเป็นโคโลเนียลตามยุคสมัยรัชกาลที่ 5 อย่างลงตัว นอกจากนี้ ที่นี่ยังมีร้านกาแฟและร้านขายงานคราฟต์ท้องถิ่นให้เราได้ไปชอปปิงเพลิน ๆ อีกด้วย เดินมาจนสุดทางแพร่งภูธร บรรจบกับถนนตะนาว ฝั่งตรงข้ามเป็นตึกเก่าเช่นกัน แม้ว่าจะดูหน้าตาคล้าย ๆ กัน แต่ก็มีลวดลายที่แตกต่างกันไป 2 คูหาในตึกแถวหลังนี้ คือที่ตั้งของร้านข้าวเหนียวมะม่วงเจ้าดังในย่านพระนคร “ก.พานิช”  ที่เปิดขายมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2485 แถมยังได้รับรางวัลการันตีความอร่อยมามากมาย รวมทั้งรางวัลบิบ กรูมองต์ ของมิชลิน รวมถึงในปีนี้ด้วย แค่เห็นหน้าตาข้าวเหนียวมะม่วงกล่องนี้ ก็เดาได้เลยว่าต้องอร่อย หวานฉ่ำแน่ ๆ ใครมาย่านนี้ อย่าลืมมาแวะซื้อที่ ก.พานิช กันนะ เดินชมกันต่อที่แพร่งนรา นอกจากอาคารตึกแถวสีเหลืองที่ตั้งเรียงทั้งสองฝั่งแล้ว ยังมีอาคารเก่าที่มีรูปแบบสวยงามไม่แพ้กัน ที่นี่คือ “โรงเรียนตะละภัฏศึกษา”  ในอดีตคือ “วังวรวรรณ” ที่ประทับของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ ผู้ทรงปรีชาสามารถมากในด้านการประพันธ์ ทรงเป็นผู้นิพนธ์บทละครร้อง และสร้างโรงละครปรีดาลัยซึ่งเป็นโรงละครร้องแห่งแรกของไทยขึ้นภายในวังของพระองค์ท่าน ลักษณะอาคารเป็นกึ่งปูนกึ่งไม้ มีระเบียงไม้ฉลุลายอย่างสวยงาม โรงเรียนแห่งนี้ปิดทำการไปเมื่อปี พ.ศ. 2538 แม้ปัจจุบันจะชมได้แค่ภายนอกเท่านั้น แต่ก็คุ้มค่าแก่การมาชม เพลิดเพลินกับศิลปะผ่านสถาปัตยกรรมกันมาพอสมควรแล้ว บัดดี้ขอปักหมุดร้านอร่อยในย่านนี้ให้เพื่อน ๆ ได้ลิสต์ไว้ มีทั้งคาวหวาน คาเฟ่น่านั่ง และอื่น ๆ อีกมากมาย ใครมีร้านเด็ดในย่านนี้ คอมเมนต์มาบอกได้เลยนะ  เดินเลียบถนนตะนาวมาจนถึงแพร่งสรรพศาสตร์ มองเห็นซุ้มประตูตั้งอยู่ด้านหน้า ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ “วังสรรพสาตรศุภกิจ” ซึ่งเดิมเคยเป็นที่ประทับของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงสรรพสาตรศุภกิจ ซุ้มประตูนี้มีรูปแบบสถาปัตยกรรมสไตล์ยุโรป หน้าบันเจาะเป็นวงกลม มีประติมากรรมรูปผู้หญิงในท่ายืนถือคบไฟ รอบ ๆ ประดับกระจกสี ต่อมาภายหลังได้เกิดเหตุเพลิงไหม้เสียหายจนหมด เหลือเพียงซุ้มประตูวังเก่าที่ยังคงความสวยงามให้คนรุ่นหลังได้ชม และเปรียบเสมือนเป็นสัญลักษณ์ของย่านสามแพร่ง เดินถัดจากซุ้มประตูไปไม่ไกล คือ “ศาลเจ้าพ่อเสือ”  มาถึงย่านนี้ สายมูห้ามพลาด ศาลเจ้าพ่อเสือ หรือที่ชาวจีนเรียกว่า “ตั่วเหล่าเอี้ย”

พระนคร Walking 🚶‍♀️ อ่านเพิ่มเติม

✨ รวมร้านเที่ยว-กิน ย่านท่าดินแดง ✨

วันนี้บัดดี้มีรูทเดินเที่ยวสั้น ๆ สำหรับคนที่มีเวลาน้อยและต้องการการเดินทางที่สะดวกมานำเสนอ ซึ่งรูทนี้จะเน้นที่กินเป็นหลัก ใครหาไอเดียเที่ยวง่าย ๆ ในเมืองกรุงแล้วยังไม่รู้จะไปที่ไหน ตามไปอ่านรายละเอียดกันได้ โดยวันนี้จะมีทั้งหมด 15 พิกัด การเดินทางรถประจำทาง สาย 6,42,43รถส่วนตัว จอดได้บริเวณวัดใกล้เคียง (วัดอนงคาราม,วัดทองนพคุณ) ทางเรือ1. เรือด่วนเจ้าพระยา ลงท่าราชวงศ์ จากนั้นโดยสารเรือข้ามฟากไปยังท่าดินแดง ราคา 4 บาท2. เรือบริการฟรี จากท่าไอคอนสยาม จอดส่งท่าดินแดง และท่าศาลเจ้ากวนอู รถไฟฟ้า BTS1. สายสีเขียวอ่อน(สีลม) ลงสถานีสะพานตากสิน ลงเรือด่วนเจ้าพระยา 15 บาท มาขึ้นที่ท่าราชวงศ์ จากนั้นโดยสารเรือข้ามฟากไปยังท่าดินแดง2. สายสีทอง ลงสถานีคลองสานแล้วเดินต่อไปทางถนนท่าดินแดง 1. ตรอกดิลกจันทร์ สถานที่แรกที่บัดดี้จะพาเพื่อน ๆ มาก็คือ ตรอกดิลกจันทร์ หรืออีกชื่อหนึ่งคือ ชุมชนสมเด็จย่า ในอดีตเป็นย่านธุรกิจที่คึกคักมาก มีกิจการขนาดใหญ่มากมาย ทั้งโรงสีข้าว โรงงานน้ำปลา โรงเกลือ โรงทำชันยาเรือ โรงงานทอผ้า ฯลฯ ก่อนจะซบเซาไป หลายกิจการปิดตัว หลายกิจการย้ายออก แต่ก็ยังมีตึกเก่าสวยคลาสสิคจากสมัยนั้นหลงเหลือให้ได้เห็นกันอยู่ นอกจากนี้ ที่นี่ยังเป็นชุมชนที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม เห็นได้จากที่มีทั้งวัดไทย ศาลเจ้าจีน และมัสยิดอยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืน บ้านเรือนในชุมชนส่วนใหญ่จะเป็นอาคารพาณิชย์ บรรยากาศไม่พลุกพล่าน มีร้านอาหาร ร้านรถเข็นให้เห็นหลายร้าน หลังจากเดินเล่นเรื่อยไปจนถึงกลาง ๆ ซอย เราก็ได้เจอกับ “ร้านขาหมูเจ๊นง” เป็นร้านรถเข็นเล็ก ๆ เจ้าของร้านอัธยาศัยดีเยี่ยม ยิ้มแย้มทักทายมาแต่ไกลเลยทีเดียว บัดดี้สั่งข้าวขาหมู และข้าวหมูแดงหมูกรอบมาลองชิม รสชาติอร่อยมาก ขาหมูไม่หวานจนเลี่ยน หมูกรอบเนื้อแน่น กรอบอร่อย หมูแดงเนื้อนุ่มหอมกลิ่นควันที่ใช้ย่าง สมกับที่เป็นเจ้าเก่าเปิดมากว่า 32 ปี ระหว่างที่กิน เจ๊นงก็ชวนคุยและเล่าความเป็นมารวมถึงแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในแถบนี้ให้ฟังซะเพลินเลย เจ๊นงบอกว่า มาย่านนี้ต้องไปไหว้ศาลเจ้าให้ครบ 2 แห่ง บัดดี้เลยมุ่งหน้าไปสักการะศาลเจ้าแห่งแรกก่อน นั่นคือ ศาลเจ้าพ่อเสือ(คลองสาน) ที่เดินจากร้านเจ๊นงไปไม่ถึง 10 นาที ศาลเจ้าแห่งนี้ แต่เดิมเป็นศาลไม้ ก่อนจะมีการบูรณะเพิ่มเติมในช่วงเวลาต่าง ๆ เช่น ยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 ช่วงเหตุการณ์น้ำท่วม ช่วงเหตุการณ์ไฟไหม้ จนเป็นอย่างที่เห็นในปัจจุบัน ศาลเจ้าพ่อเสือที่นี่เป็นศาลเก่าแก่ที่ชาวชุมชนให้ความเคารพมาก มีผู้ศรัทธาเข้ามากราบไหว้อยู่เสมอ คนที่ไม่รู้ว่าขั้นตอนไหว้เป็นยังไงไม่ต้องห่วง จะมีคนดูแลศาลเจ้าท่าทางใจดีคอยให้คำแนะนำ  ตรอกสะพานยาว แขวงสมเด็จเจ้าพระยา เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร เปิดบริการทุกวันเวลา 06.00-21.00 น.https://goo.gl/maps/Dgu7hXqVK4orXEGU7 ศาลเจ้าแห่งที่ 2 ที่เจ๊นงแนะนำ คือ ศาลเจ้ากวนอู เป็นศาลเจ้าริมน้ำที่ผ่านกาลเวลาและรวมความศรัทธาของคนในพื้นที่มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2279 ระหว่างทางจะมีกราฟิตี้สวย ๆ ตามผนังตึกให้ดูเป็นระยะ ใครอยากถ่ายรูปลงโซเชียล ก็จัดเต็มได้เลยนะ บริเวณริมน้ำด้านหน้าศาล เพื่อน ๆ จะพบรูปปั้นสักการะสมเด็จพระเจ้าตากสิน หันหน้าออกไปทางแม่น้ำเจ้าพระยา ว่ากันว่า สมเด็จพระเจ้าตากสินเคยเสด็จมาสักการะเทพเจ้ากวนอูที่ศาลเจ้าแห่งนี้ก่อนจะกรีธาทัพไปทำสงคราม นี่จึงเป็นที่มาของรูปปั้นสักการะดังกล่าว  ซอยสมเด็จเจ้าพระยา 3 เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร เปิดบริการทุกวันเวลา 07.00-17.00 น. 0 2439 6309https://goo.gl/maps/itjqC4BCfJn4JVaK9 2. My Grandparent’s House บ้านอากงอาม่า ติดกับศาลเจ้ากวนอู จะมีคาเฟ่ริมน้ำที่ดัดแปลงมาจากบ้านไม้ อายุกว่า 90 ปี จุดเด่นของที่นี่ก็คือ บรรยากาศ ที่มีความชิลระดับ 100 เต็ม 10 ทั้งตัวบ้านไม้ที่มีความย้อนยุคและขนม เครื่องดื่ม สูตรอาม่าเจ้าของร้าน ที่รอเพื่อน ๆ ไปชิม ด้านหน้าของร้านบ้านอากงอาม่า จะมีบ้านคหบดีจีนโบราณอายุประมาณสองร้อยกว่าปี และเป็นที่ตั้งของโรงน้ำปลาทั่งง่วนฮะ ธุรกิจที่ถูกส่งต่อจากบรรพบุรุษชาวจีน สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นช่วงปลายสมัยรัชกาลที่ 2 โดยได้รับอิทธิพลจากสถาปัตยกรรมของจีนทางตอนใต้ โดยจะเรียกบ้านในรูปทรงนี้เรียกว่าบ้านล้อมลาน เพราะจุดเด่นของบ้านที่มีลานโล่งอยู่ตรงกลางล้อมรอบด้วยอาคารที่อยู่อาศัย ซึ่งในปัจจุบันสถาปัตยกรรมในรูปแบบนี้แทบหาดูไม่ได้แล้ว  ไหน ๆ ก็มาถึงโรงน้ำปลาแล้ว บัดดี้เลยถือโอกาสซื้อติดไม้ติดมือกลับไปด้วย เพื่อน ๆ คนไหนอยากลองชิมน้ำปลาสูตรโบราณ ๆ ก็ลองซื้อติดไม้ติดมือกลับบ้านได้นะ  253 ซอยสมเด็จเจ้าพระยา 3 แขวง สมเด็จเจ้าพระยา เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร เปิดบริการทุกวันเวลา 10.00-18.00 น. 0 2437 5183https://goo.gl/maps/c3wy8g6bEiR9nT6w6 3. Deep Root Café สถานที่ต่อมาเป็นคาเฟ่ที่มีความ ดิบ เท่ ที่ในอดีต บริเวณนี้เป็นทางผ่านและขนส่งสินค้าแห้ง เพื่อลำเลียงไปยังท่าเรือเมื่อ 100 กว่าปีก่อน ผ่านการปรับเปลี่ยนโดยเจ้าของปัจจุบันจนกลายเป็นร้านกาแฟที่ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้น โดดเด่นด้วยภาพวาดสีสันฉูดฉาด ต้นไม้ใหญ่ และเครื่องดื่มสุดพิถีพิถันอร่อยในราคาย่อมเยา แถมยังจะได้ฟังเรื่องเล่าในอดีตของชุมชนแห่งนี้อีกด้วย  255/2 ซอยสมเด็จเจ้าพระยา 3 ถนนสมเด็จเจ้าพระยา แขวงสมเด็จเจ้าพระยา เขตคลองสาน กรุงเทพฯ 08 5150 4512 เปิดบริการทุกวันเวลา 10.00-20.00 น. (ปิดวันอังคาร)https://goo.gl/maps/bPMbQHzFhMP17NEG6 4. ข้าวพระรามลงสรง (ซาแต๊ปึ่ง) เดินผ่านสีแยกท่าดินแดงไปไม่ถึง 5 นาที ก็จะเจออีกหนึ่งร้านที่บัดดี้อยากแนะนำเพื่อน ๆ ตั้งอยู่ด้านขวามือ อยู่เยื้อง ๆ กับซอยท่าดินแดง 6 ข้าวพระรามลงสรงหรือชื่อในภาษาแต้จิ๋วว่า “ซาแต๊ปึ่ง” เป็นอาหารจีนชนิดหนึ่ง ที่ประกอบด้วยข้าวสวย ผักบุ้งลวกและเนื้อหมู ราดด้วยน้ำราดที่ทีลักษณะข้นคล้ายน้ำจิ้มสะเต๊ะ รสชาติออกหวานกินพร้อมกับน้ำพริกเผาอร่อยเข้ากันมาก ปัจจุบันหารับประทานได้ยาก ซึ่งร้านนี้มีทั้งแบบราดข้าวและราดเส้นหมี่ให้เลือก  61 ถนนท่าดินแดง แขวงสมเด็จเจ้าพระยา เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร

✨ รวมร้านเที่ยว-กิน ย่านท่าดินแดง ✨ อ่านเพิ่มเติม

เที่ยวเกาะ…ชลบุรี ต้อนรับซัมเมอร์ 🌤

ถ้าหากวันนึงเธออยากจะไปเที่ยวทะเล พอได้ยินเพลงนี้ทีไร ใจก็นึกอยากไปเที่ยวทะเลขึ้นมา เหมาะกับบรรยากาศฤดูร้อนแบบนี้แบบนี้สุด ๆ ต้องหาที่คลายร้อนกันสักหน่อย . วันนี้บัดดี้มีเกาะในพื้นที่จังหวัดชลบุรีมาฝากค่ะ ตอบโจทย์แน่นอนเพราะมาวันเดียวก็เที่ยวได้ ใช้เวลาขับรถมาไม่ไกลจากกรุงเทพฯ สามารถไปเช้าเย็นกลับได้แบบสบาย ๆ เลยนะ #เกาะขาม แหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ อยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของสำนักงานกิจการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์อุทยานใต้ทะเลเกาะขาม ทัพเรือภาคที่ 1 ที่นี่มีไฮไลต์ตรงสะพานไม้ลัดเลาะตามโขดหิน สามารถเดินชิล ๆ ได้ บนเกาะขามยังงดนำถุงพลาสติกขึ้นบนเกาะ เพื่อรักษาสิ่งแวดล้อมให้สะอาด สวยงาม และยั่งยืนนั่นเองค่ะ เกาะขามไม่อนุญาตให้พักค้างคืน แนะนำให้นักท่องเที่ยวหาที่พักบริเวณท่าเรือเขาหมาจอนะคะ  บนเกาะมีกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวได้ทำมากมาย เช่น ดำน้ำตื้นชมปะการังและฝูงปลา นั่งเรือท้องกระจกชมโลกใต้ทะเล ใช้เวลารอบละ 30 นาที หรือจะเดินเท้าและปีนป่ายขึ้นไปยังจุดชมวิวบนยอดเขา ระยะทางราว 300 เมตร  อัตราค่าบริการเรือ (ไป-กลับ)ชาวไทย ผู้ใหญ่ 300 บาทชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 600 บาทเด็ก อายุไม่เกิน 18 ปี 250 บาท ช่องทางการจองตั๋วต้องจองตั๋วล่วงหน้าเท่านั้นได้ที่ ท่าเรือเขาหมาจอโทร. 0 3312 4848 , 09 3397 1342 (เฉพาะวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 08.30-11.30 น. และ 13.00- 16.30 น.) การเดินทางข้ามไปยังเกาะขามสามารถโดยสารเรือข้ามไปยังเกาะได้ที่ท่าเทียบเรือเขาหมาจอท่าเรือเขาหมาจอ : https://goo.gl/maps/LAKwkuZ6zhgbrWNz8เกาะขาม : https://goo.gl/maps/9p2YxtPi9fE5Pyff7 ตำบลแสมสาร อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรีhttps://www.kohkham.com/index.php #เกาะแสมสาร ที่นี่เป็น 1 ใน 9 เกาะที่อยู่ในโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริสมเด็จพระเทพฯ หรือที่รู้จักกันในนามของ อพ.สธ. เปิดเป็นแหล่งเรียนรู้และท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์  เกาะแสมสารเที่ยวได้ตลอดทั้งปี แบ่งออกเป็น 5 ชายหาดคือ หาดเทียน หาดแหลมฝรั่ง หาดเตยหาดกรวดและหาดลูกลม หาดที่เปิดให้เที่ยวชมมี 2 หาด คือ หาดเทียน และหาดลูกลม (อ่านว่า ลูก-ลม) มีร้านขายขนมและเครื่องดื่มให้บริการด้วยนะ นอกจากนี้ บนเกาะก็มีกิจกรรมหลายอย่างไม่ว่าจะเป็น ดำน้ำดูปะการัง นั่งเรือท้องกระจกชมปลา พายเรือคายัก อีกด้วย อยู่ที่เกาะกันได้ทั้งวันเลยล่ะ ก่อนเดินทางอย่าลืมเช็คสภาพอากาศ วางแผนการเดินทาง และเผื่อเวลาด้วยนะคะ เนื่องจากวันหยุดมีนักท่องเที่ยวเยอะมาก การเดินทางไปเกาะแสมสาร เพื่อน ๆ สามารถจองตั๋วล่วงหน้าได้ที่ https://www.samaesarnisland.com/index.php/booking/ โดยไปรับตั๋วที่อาคารต้อนรับพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยาเกาะและทะเลไทย (หากใครไม่สะดวกจองออนไลน์ สามารถมาซื้อได้ที่นี่เช่นกัน) แล้วขึ้นเรือที่ท่าเทียบเรือเขาหมาจอ ซึ่งอยู่ห่างพิพิธภัณฑ์ไม่ถึง 100 เมตร อัตราค่าบริการเรือ (ไป-กลับ)ชาวไทย ผู้ใหญ่ 300 บาท เด็ก 220 บาทชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 600 บาท เด็ก 600 บาท (ความสูง 110 ซม. ขึ้นไป) ตำบลแสมสาร อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี เปิดทุกวันเวลา 09.00-16.00 น.โทร. 0 3843 2475, 0 3843 2473 (ฝ่ายประชาสัมพันธ์เกาะแสมสาร)https://goo.gl/maps/Dag5TjbhVYW38Sx26 #เกาะล้านเป็นอีกเกาะที่มากี่ครั้งต้องกลับไปซ้ำ นอกจากน้ำทะเลใส หาดทรายสวย สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ยังมีกิจกรรมมากมาย เป็นเหตุผลที่หลายคนก็หลงรักและอยากกลับไปเที่ยวอีกหลาย ๆ ครั้ง บนเกาะล้านมีหาดมากมาย ไม่ว่าจะเป็นหาดตาแหวน หาดเทียน หาดตายาย หาดนวล ฯลฯ เพื่อน ๆ สามารถชมทุกหาดรอบ ๆ เกาะได้เพราะอยู่ไม่ไกลกัน จุดขึ้นเรือที่แหลมบาลีฮาย พัทยา ใช้เวลาเดินทางประมาณ 20-40 นาที แหลมบาลีฮาย ถนนพัทยาใต้ เมืองพัทยา อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรีhttps://goo.gl/maps/osdmggxTDakzqQnx6 #เกาะสีชัง อีกหนึ่งเกาะที่ฮิตไม่แพ้ที่อื่น ๆ นั่นคือ เกาะสีชัง สถานที่ตากอากาศได้รับความนิยมมานานนับร้อยปี เพราะมีบรรยากาศที่เงียบสงบ และสถานที่ท่องเที่ยวสวยงามน่าชมหลายจุด ไม่ว่าจะเป็น #ช่องเขาขาด จุดชมวิวพระอาทิตย์ตกดินสุดโรแมนติกบนเกาะ#สะพานอัษฎางค์ เป็นสะพานไม้สีขาวยื่นไปในทะเล ตั้งอยู่บริเวณพระจุฑาธุชราชฐาน #แหลมถ้ำพัง จุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงามอีกแห่งบนเกาะ และยังมีจุดอื่น ๆ ที่ต้องไปเช็กอินอีกเพียบเลยค่ะ  ขึ้นเรือได้ที่ ท่าเรือเกาะลอย มีเรือโดยสารประจำทางให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 06.00-19.00 น. ใช้เวลาประมาณ 45 นาที เกาะลอยศรีราชา ตำบลศรีราชา อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรีท่าเรือเกาะลอย https://goo.gl/maps/kZD3Gv1fZQXEQdh36

เที่ยวเกาะ…ชลบุรี ต้อนรับซัมเมอร์ 🌤 อ่านเพิ่มเติม

✨ เขาคอหงส์ จ.สงขลา ✨

เขาคอหงส์ เป็นทั้งเทือกเขาและผืนป่าใหญ่ของหาดใหญ่ ทอดตัวอยู่ในแนวทิศเหนือ-ใต้ ตั้งอยู่ในพื้นที่ของสวนสาธารณะเทศบาลนครหาดใหญ่ ที่ดัดแปลงพื้นที่จากภูเขาทั้งลูกให้เป็นสวนสาธารณะ โดยมีเนื้อที่กว่า 900 ไร่ ภายในมีทั้งจุดชมวิวมุมสูง ร้านกาแฟ จุดกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ และจุดชมธรรมชาติ ให้ทั้งคนในพื้นที่และนักท่องเที่ยวมาพักผ่อนได้ตามอัธยาศัย โดยเฉพาะในช่วงเย็นจะมีคนมาวิ่งออกกำลังกายขึ้นเขากันหลายคน ภายในสวนสาธารณะสามารถขับรถยนต์เข้าชมได้ตั้งแต่ข้างล่างไปจนถึงยอดเขา ระหว่างทางขึ้นเขา เพื่อน ๆ สามารถแวะสักการะ “พระโพธิสัตว์กวนอิมเขาคอหงส์” ซึ่งเป็นรูปสลักปางประทานพร สูง 9.9 เมตร แกะสลักจากหินหยกขาว จำนวน 8 ท่อนโดยช่างชาวจีน ใต้รูปสลักฐานพระโพธิสัตว์กวนอิม เป็นอาคารตำหนักทรงแปดเหลี่ยม เสากลางภายในรายล้อมด้วยรูปปั้นพระโพธิสัตว์ขนาดเล็ก ประมาณ 1,000 องค์ ไฮไลต์ของที่นี่อยู่บนยอดเขา เป็นจุดชมวิวที่สามารถชมวิวของเมืองหาดใหญ่แบบพาโนรามาได้จากมุมสูง จากจุดนี้เพื่อน ๆ จะเห็นวิวสีเขียวของผืนป่า ทะเลสาบสงขลา และผังเมืองของหาดใหญ่ได้อย่างชัดเจน รวมถึงยังเป็นที่ประดิษฐานของพระพทุธรูปประจำเมืองหาดใหญ่ “พระพุทธมงคลมหาราช” พระพุทธรูปปางห้ามญาติที่มีความสูง 19.9 เมตร ตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกัน อีกหนึ่งไฮไลต์ของการมาที่นี่คือการนั่ง “หาดใหญ่เคเบิ้ลคาร์” กระเช้าลอยฟ้าแห่งแรกของประเทศไทย ที่จะพาเพื่อน ๆ นั่งจากจุดชมวิวไปยังเขาคอหงส์ มีระยะทางกว่า 525 เมตร บรรทุกผู้โดยสารได้ครั้งละ 8 คน ที่สำคัญใช้เวลาเดินทางต่อรอบไม่เกิน 3 นาที เมื่อข้ามมาแล้ว จะพบลานที่เป็นที่ประดิษฐานสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในศาสนาฮินดู ทั้งท้าวมหาพรหม พระศิวะ พระพิฆเนศ รวมไปถึงพญาครุฑและช้างเอราวัณ เขาคอหงส์ ถือเป็นอีกแหล่งท่องเที่ยวที่รวบรวมความเชื่อความศรัทธาของหลากวัฒนธรรม ทั้งของชาวไทยพุทธ ชาวไทยที่นับถือศาสนาฮินดู และชาวไทยเชื้อสายจีน ไว้ด้วยกันในแหล่งพักผ่อนหย่อนใจกลางเมืองหาดใหญ่ได้อย่างพอดิบพอดี ซึ่งหากใครมีเวลาหรือมีโอกาสได้ไปเที่ยวหาดใหญ่ ที่นี่เป็นอีกสถานที่ที่ไม่ควรพลาดชม ข้อมูลเพิ่มเติม สวนสาธารณะหาดใหญ่ ตำบลหาดใหญ่ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เปิดทำการทุกวันเวลา 06.00-20.00 น. กระเช้าลอยฟ้าเปิดให้บริการวันอังคาร-วันเสาร์ 09.00-16.00 น. 0 7420 0000 ค่าบริการ : ผู้ใหญ่ 100 บาท เด็ก 50 บาท / ข้าราชการ นักเรียน นักศึกษาที่สวมเครื่องแบบ 50 บาทและชาวต่างชาติ 200 บาทhttps://goo.gl/maps/NFJj1eoZB6t91bxL9

✨ เขาคอหงส์ จ.สงขลา ✨ อ่านเพิ่มเติม

บางแสน บางใจ : ชลบุรี 🌊🌤

หลังวันหยุดยาว เพื่อน ๆ เป็นอย่างไรกันบ้าง…เล่นน้ำสงกรานต์สนุกกันแน่ ๆ เช่นเดียวกับบัดดี้ที่สนุกไม่แพ้กัน หากใครจำได้บัดดี้ได้เกริ่นไว้ว่า เรามีโอกาสไปเที่ยวบางแสน ทะเลใกล้กรุงเทพฯ ในวันเดียวก็เที่ยวได้ วันนี้เราเอาภาพบรรยากาศที่บัดดี้ได้เดินทางไปมาแล้ว แค่ 1 วัน ได้ทั้งอิ่มท้อง อิ่มใจมาฝากเพื่อน ๆ ไปตามรอยกันได้นะ สามารถเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัวหรือจะเดินทางโดยรถสาธารณะเหมือนบัดดี้ก็ได้เช่นกันค่ะ ทริปนี้บัดดี้จะพาเพื่อน ๆ เดินทางจากกรุงเทพฯ เริ่มต้นกันที่ไปดื่มกาแฟรถ Truck สุดเก๋ริมชายหาด ชมโลกใต้ทะเลที่อควาเรียม อิ่มท้องกับร้านอาหารแสนอร่อย เช็กอินมุมใหม่ฟีลญี่ปุ่นกันที่ตลาดปลาบางแสนและแวะชอปของฝากติดไม้ติดมือก่อนกลับ แต่ละแหล่งจะมีที่ไหนบ้าง ไปดูกันเลยค่ะ การเดินทาง เราเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปขึ้นรถที่สถานีขนส่งสายตะวันออกกรุงเทพฯ (เอกมัย) ที่นี่มีเคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋วไปเส้นทางสายตะวันออกอยู่หลายบริษัท มีทั้งรถตู้และมินิแวน แต่จุดหมายปลายทางของพวกเราก็คือ บางแสนนั่นเองค่ะ รถเที่ยวแรกเริ่มตั้งแต่เวลา 07.00 น.ราคาคนละ 110 บาท รถออกทุก 40 นาที สถานีขนส่งสายตะวันออกกรุงเทพฯ (เอกมัย)โทร. 0 2391 6846  จากสถานีขนส่งกรุงเทพฯ (เอกมัย) มาบางแสนใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่งก็ถึงแล้วค่ะ โดยเรามาลงตรงวงเวียนบางแสน ซึ่งเป็นป้ายสุดท้ายของจุดส่งผู้โดยสารค่ะ จากวงเวียนบางแสนก็เห็นวิวทะเลแบบนี้ ช่วงเช้าบรรยากาศกำลังดีเลยค่ะ อากาศก็ไม่ร้อนเกินไป  เราไปถึงบางแสนเช้า ๆ ทริปนี้บัดดี้ได้ยินมาว่ามีร้านกาแฟที่ต้องตื่นเช้าที่สุดอยู่ริมชายหาด เพราะร้านนี้เปิดแค่ช่วงเช้าเท่านั้น พลาดไม่ได้แน่นอน!! ร้าน #Triple_N รถ Truck ที่ทำเป็นร้านกาแฟเล็ก ๆ ตกแต่งแนวสตรีทแต่คงกลิ่นอายชาวเลอยู่ด้วย วัยรุ่นแบบเราก็ต้องขอลองสักหน่อย เติมพลังกันก่อน บริเวณด้านหลังของร้านมีโต๊ะ เก้าอี้สนามให้ลูกค้านั่งดื่มกาแฟชมวิวทะเลได้ด้วยค่ะ ชิลมาก  หากใครอยากรองท้อง ร้านข้าง ๆ กันก็มีเมนูมื้อเช้าอย่างไข่กระทะด้วยนะ รสชาติใช้ได้เลยล่ะ  ของหวานก็มีค่ะ วาฟเฟิลหน้าต่าง ๆ ทานคู่กับกาแฟ เข้ากันสุด ๆ  ดื่มกาแฟกันแล้ว เราก็เดินทางโดยรถสาธารณะไปที่ #อควาเรียมบางแสน ห่างจากร้าน Triple N ประมาณ 2 กิโลเมตรก็มาถึงแล้ว ภายในแบ่งออกเป็น 3 โซน คือ #สถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล (สถานเลี้ยงสัตว์น้ำเค็ม พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ทางทะเล) และศูนย์เรียนรู้โลกใต้ทะเลบางแสน (โซนใหม่) อีกทั้งภายในอาคารมีอากาศเย็นสบาย เหมาะจะมาเดินหลบลมร้อนในช่วงนี้เลยค่ะ ค่าเข้าชมผู้ใหญ่ 80 บาทเด็ก 40 บาท สถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล เปิดทุกวัน เวลา 09.00-16.00 น.ศูนย์เรียนรู้โลกใต้ทะเลบางแสน (โซนใหม่) เปิดทุกวันเวลา 09.00-16.30 น. ตำบลแสนสุข อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี06 2713 1116https://goo.gl/maps/4u2KAY99urepNdUb8 ภายในมีจุดที่น่าสนใจหลายจุด แต่ที่สะดุดตาในทันทีคือ ตู้แมงกระพรุนหลายสายพันธุ์และหลากหลายสีสัน สวยมากเลยค่ะ โซนสีสันแห่งท้องทะเล เราจะได้พบกับปะการังต่าง ๆ และปลาที่เรารู้จักกันดีอย่าง ปลาการ์ตูนด้วยค่ะ  เดินกันมาเรื่อย ๆ จะถึงจุดที่นั่งชมปลาต่าง ๆ ในตู้ปลาขนาดใหญ่ จุดนี้จะเป็นจุดที่มีกิจกรรมการแสดงดำน้ำให้อาหารปลาด้วยนะคะ กิจกรรมมีทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 14.30 น. เดินมาถึงจุดไฮไลต์อีกจุดอย่างอุโมงค์ปลา เหมือนเราเข้าสู่โลกใต้ท้องทะเล ซึ่งที่นี่ได้จัดงานรับปริญญาสวย ๆ ของนักศึกษามหาวิทยาลัยบูรพาอีกด้วย ถือได้ว่าเป็นจุดยอดฮิตที่ต้องห้ามพลาดเลยนะคะ มาตามรอยเก๋ ๆ ที่นี่กันได้  เดินชมในอควาเรียมกันเสร็จแล้ว แวะมาชอปในโซนของฝากกลับบ้านกันได้นะคะ  ถัดมาเราไปชอปกันที่ #ตลาดปลาบางแสน ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ญี่ปุ่นกันเลยทีเดียว ถือว่าเป็นจุดเช็กอินแห่งใหม่ต้องห้ามพลาดเมื่อมาเที่ยวบางแสน ภายในแบ่งออกเป็น 2 โซน ได้แก่โซนอิซากายะ เปิดวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 15.00-23.00 น.โซนตลาดปลาบางแสน เปิดวันจันทร์-อาทิตย์ เวลา 10.00-21.00 น. โซนอิซากายะ มีทั้งร้านอาหารมากมาย ตกแต่งร้านสไตล์ญี่ปุ่นน่ารัก ๆ มีมุมถ่ายรูปอีกเพียบไม่ว่าจะเป็นซุ้มประตู สถานีรถไฟจำลอง ต้นซากุระ ฯลฯ อากาศร้อน ๆ แบบนี้ ต้องลอง ไทยากิรูปปลาสอดไส้ไอศกรีมช็อกโกแลตเย็น ๆ  มีมุมให้ถ่ายรูปฟีลเหมือนอยู่ญี่ปุ่นเลยล่ะ  เดินเที่ยว ถ่ายรูปกันแบบจัดเต็มไปแล้ว ก็ต้องหาอะไรกินให้อิ่มท้องก่อนกลับ ที่ร้าน #ไกลลิบ ชื่อร้านอาจจะดูไกล แต่จริง ๆ แล้ว เป็นร้านที่ซ่อนตัวอยู่ในถนนสายเล็ก ๆ แต่มีคนมาอย่างไม่ขาดสาย แถมใกล้กับชายหาดอีกด้วยค่ะ ร้านไกลลิบ ร้านอาหารทะเลพื้นบ้านมีอาหารมากมายหลายประเภทเลยค่ะ เมนูแนะนำที่ต้องกิน คือ ยำ 3 ไข่ ปูนิ่มผัดผงกระหรี่ ปลาหมึกผัดไข่เค็ม ฯลฯ แต่ละเมนูอาหารทะลจัดเต็มมาก เครื่องแน่นและกลมกล่อม ต้องลองไปชิมกันนะคะ  ถนนบางแสนล่าง 14/3 ตำบลแสนสุข อำเภอเมืองชลบุรี ชลบุรีเปิดทุกวัน เวลา 08.00-19.00 น. (ปิดวันอังคาร)08 7740 9111https://goo.gl/maps/ALwNsW7CP1fQAnGt5 ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯ ก็ขอแวะชอปปิงของอร่อยบางแสนกันสักหน่อยที่ #ตลาดหนองมน ที่นี่มีของฝากให้เราได้เลือกซื้อติดไม้ติดมือกลับบ้านเยอะแยะเลยค่ะ แต่ที่ห้ามพลาดเลยนั่นคือ ข้ามหลามหนองมน รสชาติดี หอม มัน มีหลากหลายเจ้าให้เลือกซื้อกันค่ะ  ตลาดหนองมน ถนนสุขุมวิท ตำบลแสนสุข อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรีhttps://goo.gl/maps/EjrR84J9kogKz5du8

บางแสน บางใจ : ชลบุรี 🌊🌤 อ่านเพิ่มเติม

✨ ปัตตานี เมืองงาม สามวัฒนธรรม ✨

ภาพจำของคนส่วนใหญ่เมื่อพูดถึงจังหวัดปัตตานี หนึ่งใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ ก็จะนึกถึงการแต่งกาย วิถีชีวิตและกิจวัตรประจำวันของชาวมุสลิม แต่แท้จริงแล้ว ปัตตานีเป็นจังหวัดที่ผสมผสานวัฒนธรรมของชาวไทยพุทธ มุสลิม และชาวไทยเชื้อสายจีน เข้าด้วยกัน ซึ่งสะท้อนผ่านศาสนสถาน และวิถีชีวิตของคนในแต่ละเชื้อสาย กลายเป็นเมืองแห่งพหุวัฒนธรรม ที่อยู่ร่วมกันได้เป็นอย่างดี วันนี้เราจะมาบอกเล่าความเป็นปัตตานี ที่รับรองว่าเมื่ออ่านจบแล้ว เพื่อน ๆ จะอยากเก็บกระเป๋า สวมรองเท้า แล้วออกไปเยือนปัตตานี  ศาลเจ้าแม่ลิ้มก่อเหนี่ยว  เริ่มต้นการเดินทางด้วยการพาไปสัมผัสวัฒนธรรมของชาวไทยเชื้อสายจีนที่ศาลเจ้าแม่ลิ้มก่อเหนี่ยว ศาลเจ้าเก่าแก่ที่อยู่คู่ปัตตานีมาอย่างยาวนาน ผู้คนที่มาเยือนปัตตานี นิยมมาไหว้ขอพรเรื่องการค้าขาย โชคลาภ ขอให้หายจากอาการเจ็บป่วย และยังเป็นสถานที่แก้ปีชงตามความเชื้อของชาวไทยเชื้อสายจีน บริเวณที่ตั้งของศาลเจ้า เรียกว่า กือดาจีนอ เป็นภาษามลายู ซึ่ง “กือดา”แปลว่า ตลาด ส่วนคำว่า “จีนอ” แปลว่า จีน รวมกันเป็นตลาดของชาวจีน ที่ได้อพยพมาอาศัยอยู่ในจังหวัดปัตตานี ที่นี่เป็นย่านเมืองเก่าที่มีความเจริญรุ่งเรืองทางด้านการค้าในอดีต และยังคงทิ้งร่องรอยสถาปัตยกรรมแบบผสมผสานไทยและจีนให้ชมผ่านอาคารบ้านเรือนหลายหลัง  ศาลเจ้าแม่ลิ้มก่อเหนี่ยว  เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 06.00-17.00 น.https://goo.gl/maps/xqEKUTgADYVqxCQW7  วัดทรายขาว  เดินทางไปต่อที่อำเภอโคกโพธิ์ ที่ตั้งของชุมชนทรายขาว ที่นี่มีวัดทรายขาว วัดเก่าแก่ที่สร้างขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2300 ภายในวัดประดิษฐานรูปแกะสลักหินอ่อนของพระอาจารย์นอง หรือพระครูธรรมกิจโกศล อดีตเจ้าอาวาสวัดทรายขาว ผู้เป็นสหธรรมิกกับพระอาจารย์ทิม วัดช้างให้ และมีส่วนร่วมในการจัดสร้างและปลุกเสกพระเครื่องหลวงปู่ทวดมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2497 เป็นพระอาจารย์ที่เป็นที่เคารพศรัทธาของคนในชุมชนและละแวกใกล้เคียง  วัดทรายขาว https://goo.gl/maps/J9JhzNmbpBbyCJX46  มัสยิดนัจมุดีน (มัสยิดบ้านควนลังงา)  ไม่ไกลจากวัดทรายขาว มีมัสยิดเก่าแก่อายุกว่า 300 ปี ที่ผสมผสานสถาปัตยกรรมระหว่างไทยและมุสลิม เป็นมัสยิดไม้ที่สร้างขึ้นโดยไม่ใช้ตะปู ใช้เพียงไม้เป็นสลักในการยึดแต่ละส่วนเข้าด้วยกัน ออกมาเป็นรูปแบบศาลาการเปรียญ ไม่มีโดม แตกต่างจากมัสยิดที่พบเห็นกันทั่วไป ซึ่งมัสยิดแห่งนี้เป็นการออกแบบร่วมกันระหว่างพระครูศรีรัตนากร หรือพ่อท่านศรีแก้ว เจ้าอาวาสวัดทรายขาวในสมัยนั้น กับโต๊ะอิหม่าม เป็นการยืนยันถึงความสัมพันธ์อันดีระหว่างชาวบ้านทั้งสองศาสนาในชุมชน ซึ่งสะท้อนผ่านวัฒนธรรมการอยู่ร่วมกันมาอย่างยาวนาน ปัจจุบันมีการสร้างมัสยิดหลังใหม่ติดกับมัสยิดหลังเดิม เนื่องจากต้องการพื้นที่ใช้ทำกิจกรรมทางศาสนาเพิ่มมากขึ้น  มัสยิดนัจมุดีน (มัสยิดบ้านควนลังงา) https://goo.gl/maps/JyR23gBuNFnVQq7z5

✨ ปัตตานี เมืองงาม สามวัฒนธรรม ✨ อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top