สถานที่ท่องเที่ยว

✨ ผจญภัยครั้งใหม่…ในดินแดนเกาะพระทอง : พังงา ✨

คุณรู้หรือไม่ว่า เพียงแค่เราคิดว่าอยากไปเที่ยวที่ไหน ความสุขก็เกิดขึ้นในหัวใจไม่น้อย แล้วถ้าได้ออกเดินทางไปเที่ยวจริง ๆ จะสนุกแค่ไหน วันนี้ บัดดี้จะมาแนะนำเกาะพระทอง ผจญภัยครั้งใหม่ ในดินแดนธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ทั้งหาดทราย ชายทะเล ภูเขา ป่าโกงกาง มีทุ่งหญ้าสีทองกับป่าเสม็ดขาวที่กว้างใหญ่ จนได้รับสมญานามว่า “สะวันนาเมืองไทย” บัดดี้อยากให้ทุกคนไปเยือนเกาะพระทอง สักครั้ง พื้นที่กว่า 60,000 ไร่ บนเกาะพระทอง อยู่ห่างจากชายฝั่งประมาณ 1.5 กิโลเมตร ในอำเภอคุระบุรี จังหวัดพังงา มีระบบนิเวศที่หลากหลายสามารถเชื่อมโยงกันได้อย่างสมบูรณ์ ดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามาเยือนกันอย่างไม่ขาดสาย เนื่องจากเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่หลีกหนีความวุ่นวายได้เป็นอย่างดี ยกให้เป็น Unseen Thailand อีกที่ของเมืองไทย วันนี้บัดดี้จึงขอมาแนะนำกิจกรรมไฮไลต์ ดังนี้ กิจกรรมแรกที่บัดดี้อยากแนะนำ ยามเช้า ๆ ออกไปผจญภัยโดยการขึ้นรถสุดเท่ ผจญภัยในเส้นทางธรรมชาติไปยังกลางเกาะ ชมพระอาทิตย์ขึ้นท่ามกลางทุ่งหญ้าสีทองอร่าม (ช่วงเดือนพฤศจิกายน-กุมภาพันธ์) แต่ถ้าไปช่วงเวลานี้อาจจะเป็นสีเขียวมากหน่อย หากโชคดีจะได้พบกับสัตว์ป่าหายาก ได้แก่ กวางป่าหรือกวางม้า นกตะกรุม เหยี่ยวขาว นกแก๊ก นกกระแต แย้ ได้เก็บภาพและบรรยากาศสวย ๆ ชมวิวได้ตามสบาย ไม่ต้องเร่งรีบใด ๆ ถัดจากทุ่งหญ้าสีทอง ก็ไปที่ป่าเสม็ดแคระ ที่เรียงรายกันอย่างสวยงาม ราวกับอยู่ในป่าดึกดำบรรพ์ ต้นที่มีเปลือกหนา ๆ อายุไม่ต่ำกว่า 100 ปี หากสังเกตต้นไม้เล็ก ๆ ที่อยู่ตามพื้นบริเวณนั้น จะพบกับต้นหยาดน้ำค้าง พืชกินสัตว์ ที่น่าทึ่ง สามารถใช้ความหวานของตนเอง ล่อจับและย่อยแมลงได้ กิจกรรมที่สองต้องห้ามพลาด คือการพายคายัก ณ คลองน้ำใส หรือ คลองสีคราม ที่แวดล้อมไปด้วยป่าโกงกาง มีสัตว์น้ำหลากหลายชนิด โดยเฉพาะปลาตีนคอยแอบเราอยู่ตลอดทาง ได้ออกกำลังกายไปในตัว และยังได้กำลังใจกลับมาอีกมากเลย นอกจากนี้ ยังมีอีกหลากหลายกิจกรรมไม่ว่าจะเป็นการเดินชิล ๆ หรือจะนอน เอนกาย ฟังเสียงคลื่น ปิกนิกริมหาด ชมพระอาทิตย์ตกดิน ชิมอาหารซีฟู้ดจุใจ กลางคืน ชมปูไก่ ปูเสฉวน ออกมาเดินเฉิดฉาย หากมีเวลาอีกวัน แนะนำให้ไปดำน้ำดูปะการัง กัลปังหา สวย ๆ ที่เกาะไข่ เกาะร่ม อยู่ไม่ไกลจากเกาะพระทอง การเดินทาง ลงเรือได้ที่ท่าเรือคุระบุรี ใช้เวลาเดินทางไปเกาะพระทองอีก 1 ชั่วโมง ค่าเรือเที่ยวละ 2,000 บาท ในกรณีที่จองที่พักบนเกาะไว้แล้ว แนะนำให้ทางที่พักช่วยติดต่อจองเรือรับ-ส่งให้ด้วย บน #เกาะพระทอง มีที่พักให้เลือกไม่มาก ส่วนใหญ่ตั้งอยู่ริมหาด สร้างแบบให้สอดคล้องกับธรรมชาติ ไม่มีแอร์ มี WI-FI และมีคลื่นโทรศัพท์ในบางจุดช่วงเวลาที่สวยที่สุดจะเป็นช่วงเดือนตุลาคม-เมษายน ช่วงนี้ถ้าฟ้าฝน ลมพายุ ไม่มี ก็สามารถไปได้ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ไกด์ดำ โทร. 08 9867 6829 เมื่อจบทริปแล้ว บัดดี้ ได้แรงบันดาลใจอย่างมาก เปิดโอกาสให้ตัวเองเจอกับประสบการณ์ใหม่ ๆ สูดอากาศได้เต็มปอด อยู่กับธรรมชาติอย่างแท้จริง เก็บภาพประทับใจ นึกถึงความทรงจำที่ดี ผู้คนที่ใจดี อาหารอร่อย ๆ วิวสวย ๆ และคิดว่ามีโอกาส จะกลับไปที่ #เกาะพระทอง อีกสักครั้ง เพราะแต่ละฤดู ความสวยงามก็แตกต่างกัน บัดดี้เชื่อว่า #เกาะพระทอง จะเป็น 1 ในทริปผจญภัยถัดไปที่คุณจะวางแผนมาที่นี่ให้ได้อย่างแน่นอน

✨ ผจญภัยครั้งใหม่…ในดินแดนเกาะพระทอง : พังงา ✨ อ่านเพิ่มเติม

✨ ปากพนัง : นครศรีธรรมราช ✨

แม้ว่าชื่อของ ปากพนัง จะไม่ได้เป็นชื่อที่คุ้นหูมากนักสำหรับนักท่องเที่ยว และอาจไม่ใช่จุดหมายหลักของผู้มาเยือนจังหวัดนครศรีธรรมราช แต่ที่แห่งนี้นั้นมีของดีอยู่มากมาย วันนี้เลยจะพาเพื่อน ๆ ทุกคนมาทำความรู้จัก “ปากพนัง” ให้มากขึ้น ปากพนังเป็นอำเภอเล็ก ๆ ในจังหวัดนครศรีธรรมราชที่มีพื้นที่ติดกับอ่าวไทย ที่นี่มีกังหันลมตั้งเลียบตลอดแนวชายฝั่งไว้เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานลมทดแทนการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล อีกทั้งยังเป็นจุดชมวิวที่สวยงามอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดนครศรีธรรมราช โดยเฉพาะในช่วงเช้า เพราะเป็นอำเภอที่ตั้งอยู่ด้านทิศตะวันออก จึงเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยงาม ภาพของพระอาทิตย์ที่ค่อย ๆ ส่องแสงสีส้มโผล่พ้นขอบฟ้าขึ้นมา มีกังหันลมเป็นองค์ประกอบของภาพ ทำให้รู้สึกคุ้มค่าแก่การตื่นเช้าเพื่อมาชมบรรยากาศของที่นี่จริง ๆ จากถนนฝั่งเลียบทะเล ข้ามมาอีกฝั่ง​ของถนน จะพบวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านที่กำลังตากใบจาก เพื่อนำทำเป็นยาสูบ จากมุมนี้ ยังสามารถมองเห็นทุ่งกังหนลมอีกหลายต้น ที่มองไปมุมไหนก็สวยงามทุกมุม หากว่าการตื่นเช้าทำให้หิว ในตัวอำเภอปากพนัง บริเวณตลาด 100 ปี จะมีตลาดเช้าที่ขายทั้งของสด ของแห้ง และอาหารเช้าง่าย ๆ ให้เลือกรับประทาน มีของขายวางตั้งอยู่เรียงราย จากตลาด 100 ปี มองไปฝั่งตรงข้าม​แม่น้ำปากพนัง จะเห็นตัวเมืองปากพนังฝั่งตะวันตก โดยที่นี่จะแบ่งตัวอำเภอออกเป็นสองฝั่ง โดยมีแม่น้ำปากพนังกั้นกลาง โดยในอดีตจะสัญจรข้ามฟากไปมาด้วยเรือ ซึ่งยังคงให้บริการอยู่จนถึงปัจจุบัน พิกัดตลาด 100 ปี ปากพนังhttps://goo.gl/maps/3EmkXsCfdxg7nR686

✨ ปากพนัง : นครศรีธรรมราช ✨ อ่านเพิ่มเติม

✨ เที่ยวเกาะหมาก จ.ตราด ✨

ช่วงนี้อากาศอบอ้าว หลายวันร้อน หลายวันฝนตก หากหลายคนกำลังมองหาทะเลเพื่อคลายร้อนหรือที่สงบ ๆ เพื่อพักผ่อน เกาะหมาก เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวของ จ.ตราด ที่ทะเลสวย หาดทรายขาวสะอาด วิถีชีวิตชาวเกาะที่เรียบง่ายภายใต้ไลฟ์สไตล์ Low Carbon แถมเที่ยวได้ทั้งปี ถ้าอยากรู้ว่าเป็นยังไง ตามไปอ่านกันได้เลย เกาะหมาก  มีลักษณะเป็นที่ราบชายฝั่งและภูเขาสูง มองจากแผนที่จะมีรูปร่างคล้ายดาวสี่แฉก ส่วนใหญ่ชาวบ้านบนเกาะประกอบอาชีพเกษตรกรรม ทำสวนมะพร้าวและสวนยางพารา มีหาดทรายขาวสะอาดและแหล่งดำน้ำดูปะการังที่สวยงาม ที่พักเงียบสงบ มีชุมชนที่เข้มแข็ง ทุกคนบนเกาะช่วยกันรักษาธรรมชาติ ลดการใช้ขยะและผลักดันให้เกาะนี้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่จะพาผู้มาเยือนท่องเที่ยวแบบ Zero waste ตลอดเวลาที่อยู่บนเกาะ  การเดินทางไปเกาะหมาก  เพื่อน ๆ สามารถมาขึ้นเรือได้ที่ท่าเรือแหลมงอบ หากเดินทางด้วยรถส่วนตัว สามารถจอดรถได้ที่ร้านค้าตรงข้ามอนุสาวรีย์กรมหลวงชุมพร มีบริการรับฝากรถคืนละ 50 บาท หากเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะ สามารถขึ้นรถโดยสารประจำทางได้ที่สถานีขนส่งเอกมัย มีหลายบริษัทให้บริการ (แนะนำให้แจ้งพนักงานตอนซื้อตั๋วว่าลงที่ท่าเรือแหลมงอบ) หากเดินทางโดยเครื่องบิน ใช้บริการสายการบิน Bangkok Airways ใช้เวลาเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิประมาณ 1 ชั่วโมง จากนั้นนั่งรถสองแถวบริเวณสนามบินมายังท่าเรือแหลมงอบ โดยปกตินักท่องเที่ยวจะซื้อแพ็กเกจทัวร์จากรีสอร์ท ซึ่งรวมที่พักและการเดินทางไว้แล้ว แต่หากเพื่อน ๆ ไม่ได้จองตั๋วมาล่วงหน้า ก็สามารถดูเที่ยวเรือและซื้อตั๋วที่ท่าเรือนี้ได้เลย มีบริษัทเรือข้ามฟากหลายบริษัทให้บริการ สามารถสอบถามพนักงานบริเวณท่าเรือได้ว่า เรือลำไหนออกกี่โมง (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45-60 นาที)  ท่าเรือแหลมงอบ ตำบลแหลมงอบ อำเภอแหลมงอบ จังหวัดตราดhttps://goo.gl/maps/R2iu5twC46XjbELR9 ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : https://www.kohmakboat.in.th/ แม้จะมีที่พักให้เลือกไม่มากเท่าเกาะใหญ่ ๆ แต่นี่กลับกลายเป็นเสน่ห์ของเกาะหมาก ที่ผู้เข้าพักจะสามารถพักผ่อนได้อย่างใกล้ชิดธรรมชาติ สัมผัสหาดทราย ชื่นชมความสวยงามของโลกใต้ทะเลและสัมผัสวิถีชีวิตของคนบนเกาะในบรรยากาศที่ไม่วุ่นวายแบบ “Low Carbon” ซึ่งเชื่อได้เลยว่าเพื่อน ๆ จะเห็นทุกคนบนเกาะต่างร่วมมือร่วมใจช่วยกันลดขยะจากพลาสติก และใช้ของที่สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้อีก แม้แต่ในที่พักเองก็มีถุงผ้าให้ยืมใช้ระหว่างอยู่บนเกาะด้วย เอาล่ะตามมาดูกันว่าบนเกาะหมากมีที่ไหนให้เที่ยวบ้าง  พิพิธภัณฑ์เกาะหมาก  พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านที่ “คุณอ้น” ได้ดัดแปลงบ้านเก่าของครอบครัว มาจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้เก่า ๆ รวมทั้งประวัติความเป็นมา ขนบธรรมเนียมในท้องถิ่นและวิถีชีวิตของชาวเกาะในอดีต หากวันไหนเพื่อน ๆ ได้เจอกับคุณอ้นที่นี่ รับรองได้เลยว่าเพื่อน ๆ จะได้ทราบประวัติความเป็นมาของเกาะหมาก ผ่านคำบอกเล่าของผู้ที่อยู่อาศัยบนเกาะมาตั้งแต่เด็กได้แน่นอน  เปิดทุกวัน เวลา 09.00-17.00 น.https://goo.gl/maps/WdSMFkCk9te9aCte8  สะพานสู่ฝัน (สะพานชินนาม่อน)  ตั้งอยู่บริเวณอ่าวตั๋นของ เดอะชินนาม่อนอาร์ตรีสอร์ทแอนด์สปา เป็นสะพานไม้ทอดยาวขนานกับทะเลกว่า 500 เมตร มีเปลตาข่ายให้นั่งรับลมชิล ๆ สามารถชมวิวทะเลเกาะหมากเกือบ 360 องศาเลยได้ที่สุดปลายสะพาน   Blue Pearl Bar @ Cococape Resort  หนึ่งในบาร์ดังของเกาะหมาก ตั้งอยู่ใน Cococape Resort ตรงสุดปลายสะพานที่ยื่นไปกลางทะเล สามารถสั่งได้ทั้งน้ำผลไม้ปั่น ค็อกเทล ม็อกเทล ซึ่งแก้ว หลอด และอุปกรณ์ทุกอย่างเป็นแบบนำกลับมาใช้ใหม่ได้ เพื่อช่วยลดขยะบนเกาะ ที่นี่สามารถลงไปเล่นน้ำ ดำน้ำตื้นและรอดูพระอาทิตย์ตกได้ น้ำทะเลสีใส สามารถมองเห็นฝูงปลาหลากสีและปลิงทะเลได้สบาย ๆ แถมที่นี่ยังถือเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกที่สวยมาก ๆ ที่สุดอีกจุดของเกาะหมากเลยด้วย มาที่นี่แล้วห้ามพลาดล่ะ  08 1937 9024 เปิดทุกวัน เวลา 09.00-23.00 น.https://goo.gl/maps/wgqY1QDDp2S6U6QV6  พระอาทิตย์ตกที่ Blue Pearl Bar  อีกหนึ่งจุดหมายของนักท่องเที่ยวหลายคนที่มาที่นี่ คือการข้ามจากเกาะหมากไปยังเกาะขาม สามารถมาขึ้นเรือที่บริเวณ Blue Pearl Bar สามารถติดต่อกับทาง Cococape Resort หรือทางที่พักที่เพื่อน ๆ พักได้เลย ใช้เวลานั่งเรือประมาณ 10 นาทีเท่านั้น เกาะขามเก็บค่าขึ้นเกาะคนละ 200 บาทด้วย ซึ่งสามารถเอาบัตรไปแลกเครื่องดื่มบนเกาะได้ สิ่งประทับใจที่สัมผัสได้ของเกาะขาม ก็คือน้ำทะเลใส หาดทรายขาวนุ่มละเอียดสบายเท้า สามารถเช่าเรือพายชมรอบเกาะได้ที่ศาลาหน้าเกาะ ไฮไลต์ที่สำคัญอีกอย่างของเกาะขามก็คือ มีหินภูเขาไฟอายุหลายร้อยปี ที่มีรูปทรงสวยงาม เรียงรายอยู่ตามชายหาด มีมุมสวย ๆ ให้ถ่ายรูปหลายจุด แล้วอย่าถ่ายรูปหรือเล่นน้ำเพลินจนลืมเวลาล่ะ เพราะเกาะจะปิดเวลา 16.00 น. ส่วนอาหาร บนเกาะหมากมีร้านอาหารหลายร้าน ทั้งตามที่พักและร้านอาหารตามสั่งของชาวบ้าน ที่มีเมนูอร่อย รสมือเข้มข้นและของทะเลสด ๆ มาเป็นวัตถุดิบ อย่างเช่น ร้านป้าสมแหลมสน ร้านอาหารบ้าน ๆ บรรยากาศดีที่ตั้งอยู่บนพื้นที่ปลายสุดด้านตะวันออกของเกาะหมาก ร้านเกาะหมากซีฟู้ด ที่อยู่ติดพิพิธภัณฑ์เกาะหมาก หรือจะเป็นที่เกาะหมาก ฟาร์ม ออแกนิค ร้านอาหารเพื่อสุขภาพ ที่นำผักปลูกเองและวัตถุดิบจากทะเลสด ๆ มาทำอาหาร การันตีความสดและความปลอดภัย ก็เป็นอีกร้านแนะนำของคนบนเกาะให้เลือกฝากท้องได้เช่นกัน หาใครกำลังมองหาสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ เกาะหมากเป็นอีกตัวเลือกที่อยากแนะนำ ที่นี่มีความเงียบสงบ มีเสน่ห์เฉพาะตัวที่ทำให้คนที่มาหยุดเรื่องยุ่งเหยิงในหัวมาใช้เวลาอยู่กับธรรมชาติรอบตัว ที่สำคัญ ผู้คนบนเกาะน่ารัก เป็นกันเอง และมีน้ำใจ จะคลายร้อนด้วยการเล่นน้ำก็ได้ หากใครมาช่วงหน้าฝนก็มีธรรมชาติเขียว ๆ ให้ชม แถมยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เน้นการให้บริการนักท่องเที่ยวด้วยคุณภาพมากกว่าปริมาณ และชูอัตลักษณ์เป็นแหล่งท่องเที่ยวโลว์คาร์บอนและการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน (BCG) ที่เป็นการสร้างความสมดุลระหว่างเศรษฐกิจกับสิ่งแวดล้อม อีกด้วย เชื่อได้ว่าหากเพื่อน ๆ ได้มาที่นี่ จะได้รับมุมมองและประสบการณ์ใหม่ ๆ รวมถึงความทรงจำดี ๆ กลับไปแน่นอน  ตำบลเกาะหมาก อำเภอเกาะกูด จังหวัดตราดhttps://goo.gl/maps/4LxBiDGUJ6uh4phe6

✨ เที่ยวเกาะหมาก จ.ตราด ✨ อ่านเพิ่มเติม

🌳เจ็ดคด โป่งก้อนเส้า : สระบุรี 🌳

🌳ชวนมาเปลี่ยนบรรยากาศจากโต๊ะทำงานมาเป็นชมธรรมชาติกันที่เจ็ดคดโป่งก้อนเส้า ศูนย์ศึกษาธรรมชาติและท่องเที่ยวเชิงนิเวศจังหวัดสระบุรี ใช้เวลาเพียง 2 ชั่วโมงกว่า ๆ จากกรุงเทพมหานครก็ถึงแล้ว ที่นี่มีกิจกรรมให้ทำมากมาย เหมาะกับคนที่กำลังมองหาที่เที่ยววันหยุดสั้น ๆ หรือจะมาพักผ่อนชิล ๆ อยู่กับธรรมชาติอย่างใกล้ชิดก็ได้🌻 🌤ภายในศูนย์ฯ จะแบ่งพื้นที่ออกเป็นศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ร้านค้าสวัสดิการ ลานกางเต็นท์ บ้านพัก และพื้นที่ป่า เรียกได้ว่ามีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันเลยทีเดียว ✨ไฮไลต์ห้ามพลาด✨👉น้ำตกเจ็ดคดเหนือ จะต้องเดินเท้าเข้าไปที่เส้นทางศึกษาธรรมชาติซึ่งห่างจากจุดกางเต็นท์ ประมาณ 1.5 กิโลเมตร น้ำตกเล็ก ๆ สามารถลงเล่นน้ำได้ ระหว่างทางเดินอาจมีโอกาสได้เห็น “เห็ดแชมเปญ” เห็ดรูปร่างคล้ายถ้วยสีแดงอมส้ม พบเห็นได้ในช่วงฤดูฝนหรือจุดที่มีความชื้นสูง หากใครเจอแล้วก็อย่าไปจับหรือแตะต้องนะคะ เพื่อให้น้องอยู่กับธรรมชาติไปนาน ๆ👉แคมป์ปิงริมอ่างเก็บน้ำ ที่นี่สามารถกางเต็นท์ได้ โดยเตรียมอุปกรณ์มาเองหรือใครจะมาเช่าของศูนย์ฯ ก็มีไว้บริการ และยังมีบ้านพักไว้บริการ (ต้องติดต่อจองล่วงหน้า)👉ปั่นจักรยานรอบอ่างเก็บน้ำ สายลุยต้องไม่พลาดนะ ที่นี่สามารถมาเที่ยวได้ตลอดปี แต่ละฤดูก็จะมีสภาพอากาศและสิ่งแวดล้อมแตกต่างกันไป เพื่อน ๆ คนไหนมีโอกาสไปเที่ยวอยากให้ช่วยกันรักษาสภาพแวดล้อม และปฏิบัติตามกฎระเบียบที่เจ้าหน้าที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด เพื่อให้ธรรมชาติยังคงอยู่อีกนาน ๆ นะคะ🍀 📌หมู่ 5 ตำบลท่ามะปราง อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี⏰เปิดทุกวัน เวลา 06.00 – 20.00 น.📞โทร. 08 9237 8659, 08 0019 2762, 08 5968 3520, 08 9801 4932🌐https://goo.gl/maps/RnDbK8HHmsTNSbmV9 🚗การเดินทางจากกรุงเทพฯ ใช้ทางหลวงหมายเลข 1 (ถนนพหลโยธิน) มุ่งหน้าจังหวัดสระบุรี จากนั้นใช้ทางหลวงหมายเลข 2 (ถนนมิตรภาพ) มุ่งหน้าเข้าตำบลทับกวาง และกลับรถตรงสะพานเกือกม้าหน้าเทศบาลทับกวาง เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ทางหลวงชนบท 1003 (เจ็ดคด-โป่งก้อนเส้า) ขับไปประมาณ 19 กิโลเมตร เส้นทางจะเป็นเนินขึ้นเขาสลับทางเรียบ ขับขี่กันอย่างระมัดระวังกันด้วยนะคะ

🌳เจ็ดคด โป่งก้อนเส้า : สระบุรี 🌳 อ่านเพิ่มเติม

ตำนานบุญบั้งไฟ วิมานพญาแถน : ยโสธร

ชวนไปเที่ยววิมานพญาแถน จังหวัดยโสธร และงานประเพณีบุญบั้งไฟ หรืองานบุญเดือนหกตามขนบธรรมเนียม ฮีต 12 คอง 14 ของผู้คนชาวอีสานที่ปฏิบัติสืบต่อกันมายาวนาน ตำนานโบราณเล่าถึงเรื่องราวการต่อสู้ระหว่าง “พญาแถน” เทพเจ้าแห่งฝน และ “พญาคันคาก” หรือพญาคางคก เริ่มต้นจากการที่พญาแถนรู้สึกโกรธเคืองโลกมนุษย์ด้วยสาเหตุบางประการ จึงไม่ยอมให้ฝนตกยาวนานถึง 7 เดือน จนเกิดความแห้งแล้ง ยากลำบากไปทั่วทุกสารทิศ เหล่าสรรพสัตว์จึงร่วมกันหาวิธีต่อสู้กับพญาแถน แต่ทั้งพญานาคีและพญาต่อแตนที่อาสาไปสู้รบกับพญาแถนต่างก็ประสบความพ่ายแพ้กลับมา ส่งผลต่อขวัญกำลังใจของสรรพสัตว์เป็นจำนวนมาก สุดท้ายพญาคันคากจึงอาสานำกองทัพไปต่อสู้กับพญาแถนและได้รับชัยชนะเหนือพญาแถน จึงเกิดเป็นสัญญา 3 ประการที่พญาแถนต้องปฏิบัติตามคือ1.เมื่อไหร่ที่มนุษย์ยิงบั้งไฟขึ้นฟ้า ให้พญาแถนบันดาลให้ฝนตกลงมาทันที 2.ถ้าได้ยินเสียงกบเขียดร้อง นั่นแสดงว่าฝนได้ตกลงสู่โลกมนุษย์แล้ว 3.หากได้ยินเสียงของสะนู (อุปกรณ์ที่สามารถส่งเสียงได้จากแรงลม) ที่ติดกับว่าว แสดงว่าเริ่มเข้าสู่ฤดูกาลเก็บเกี่ยวพืชผล ขอให้ฝนหยุดตก ซึ่งพญาแถนก็ได้ปฏิบัติตามสัญญาเรื่อยมาจวบจนถึงปัจจุบัน และบั้งไฟก็กลายมาเป็นสัญลักษณ์แห่งการขอฝนและเป็นส่วนหนึ่งของประเพณีบุญบั้งไฟ นั่นคือตำนานที่ชาวอีสานเล่าขานกันมาจากรุ่นสู่รุ่น และหากใครอยากเดินทางตามรอยตำนานเรื่องนี้ ขอแนะนำให้เดินทางไปที่ “วิมานพญาแถน” จังหวัดยโสธร กลุ่มสถาปัตยกรรมที่สร้างขึ้นโดยนำแรงบันดาลใจจากตัวละครในเรื่อง ทั้งพญาคันคาก และพญานาคมาสร้างเป็นอาคารนิทรรศการขนาดใหญ่จนกลายมาเป็นแลนด์มาร์กของจังหวัดยโสธร ภายในจัดแสดงเรื่องราวประวัติความเป็นมาของจังหวัดยโสธร รวมถึงประเพณีบุญบั้งไฟ และมีจุดชมวิวมุมสูงให้ได้ชมกันอีกด้วย และหากใครมีโอกาสเดินทางไปจังหวัดยโสธรในช่วงวันที่ 19-21 พฤษภาคม 2566 ก็นับเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม เพราะตรงกับงาน “ประเพณีบุญบั้งไฟจังหวัดยโสธร” ประจำปี 2566 มีกิจกรรมมากมายทั้งการประกวดกองเชียร์บั้งไฟ ชมการประกวดสาวงามธิดาบั้งไฟโก้ และการแสดงโชว์ แสง สี เสียง บริเวณถนนแจ้งสนิท โดยในวันเสาร์ที่ 20 พฤษภาคม 2566 จะมีขบวนแห่บั้งไฟสวยงามที่สนุกสนานตามแบบฉบับของชาวอีสาน และในวันอาทิตย์ที่ 21 พฤษภาคม 2566 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการจัดงานจะเป็นการจุดบั้งไฟแสนขึ้นสูง และบั้งไฟแฟนซีติดร่มที่แต่ละหมู่บ้านนำมาแข่งขันกัน

ตำนานบุญบั้งไฟ วิมานพญาแถน : ยโสธร อ่านเพิ่มเติม

✨ Taiban Café (ใต้บ้านคาเฟ่) ✨

ในช่วงที่ผ่านมา หากใครเล่น TIKTOK คงเห็นว่ามีคลิปชวนเที่ยวนิทรรศการศิลปะ ชมงานอาร์ตหรือมีคาเฟ่ที่มี Concept เกี่ยวกับศิลปะผ่านตาให้เห็นไม่มากก็น้อย วันนี้บัดดี้เลยถือโอกาสมาแนะนำหนึ่งคาเฟ่แถว MRT สถานีหัวลำโพง ที่มีชื่อ “ใต้บ้าน” ซึ่งตั้งอยู่ใต้โฮสเทลแห่งหนึ่ง ที่มีกิจกรรมเด่นคือการเชิญชวนให้ทุกคนมาลองวาดภาพตามแต่ใจอยาก ไม่มีถูกไม่มีผิด ไม่มีอายุมากำหนด ลองตามมาดูรายละเอียดกันดู เผื่อวันหยุดที่จะถึงนี้ “ใต้บ้านคาเฟ่” อาจเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่เพื่อน ๆ อยากมา ใต้บ้านคาเฟ่ตั้งอยู่ใน ซอยพระยาสิงหเสนี ข้าง ๆ MRT สถานีหัวลำโพง (ทางออก 3) ตั้งอยู่ชั้นล่างในโซนร้านอาหาร/คาเฟ่ ของ โฮสเทลที่ชื่อ APT476 โดยคำว่า “ใต้บ้าน” มาจากตำแหน่งของตัวร้าน ที่อยู่ชั้นล่างของตึก คล้าย ๆ หลายบ้านที่เวลากินข้าว จะกินที่ใต้ถุนบ้าน ใต้บ้านหรือชั้น 1 ของตัวบ้าน พื้นที่ในตัวร้าน แม้จะมีขนาดเล็ก แต่ผนัง 2 ด้านของตัวร้านเป็นกระจกขนาดใหญ่ ทำให้ตัวร้านดูโปร่งสบาย ซึ่งถ้าที่นั่งโซนนี้เต็ม เพื่อน ๆ สามารถไปนั่งตรงโซน Lobby กลาง บริเวณชั้น 1 ของโฮสเทลได้เลย เครื่องดื่มแนะนำของตัวร้านจะเป็นกาแฟ Specialty Coffee ที่จะมีบาริสต้ามายืนชงกาแฟให้ทั้งแบบ Slow Bar และกาแฟดริป หากใครไม่ดื่มกาแฟ เครื่องดื่มเรียกความสดชื่นอย่างน้ำผึ้งมะนาวโซดา น้ำกระเจี๊ยบ น้ำลำไย ก็เป็นตัวเลือกที่ดีไม่แพ้กัน หากใครหิวก็สามารถฝากท้องได้ ทางร้านจะเสิร์ฟเมนูทานง่ายสไตล์โฮมเมด ที่คัดสรรวัตถุดิบคุณภาพดี โดยเมนูอาหารจะหมุนเวียนเปลี่ยนไปในทุก 1-2 เดือน ซึ่งในช่วงนี้จะเป็นกะเพราเนื้อโคขุน ข้าวคลุกกะปิ ก๋วยเตี๋ยวใต้บ้าน หรือหากใครไม่อยากหนักท้องก่อนวาดภาพ จะเลือกสั่งเป็นเมนูขนมปังง่าย ๆ อย่างพวกแพนเค้กหรือครอฟเฟิลมารองท้องก็ได้เช่นกัน นอกจากนี้ ภายในร้านจะมีสินค้าอื่น ๆ อย่างพวกเครื่องประดับ ลูกปัด เคสโทรศัพท์มือถือและน้ำมันหอมระเหยขายด้วย สามารถเลือกซื้อเลือกอุดหนุนกันได้เลย สำหรับกิจกรรมวาดรูป จะเริ่มเวลา 13.00-17.00 น.โดยเพื่อน ๆ สามารถซื้อแคนวาสจาก Lobby ของโฮสเทลได้เลย ราคา 200-400 บาทตามขนาด หลังจากซื้อแล้วสามารถเดินออกไปโซนข้างร้านที่เป็นพื้นที่ Out door ซึ่งหากมีที่นั่งสามารถไปนั่งได้เลย โดยจะมีจุดบริการสีและพู่กันอยู่ในบริเวณเดียวกัน บรรยากาศโดยรวม จะเป็นแบบเรียบง่าย สบาย ๆ ไม่รีบร้อน สามารถใช้เวลาวาดจินตนาการลงผืนผ้าใบได้เต็มที่ หากใครอยากมีกิจกรรมในวันหยุดเพิ่มเติมลองมาที่นี่ดูได้นะ

✨ Taiban Café (ใต้บ้านคาเฟ่) ✨ อ่านเพิ่มเติม

✨ป่าต้นน้ำบ้านน้ำราด ✨

ชวนไปแหวกว่ายคลายร้อนในน้ำเย็นสดชื่นกลางบ่อน้ำสีฟ้าที่ใสราวกระจก โอบล้อมด้วยผืนป่าอุดมสมบูรณ์ที่ป่าต้นน้ำบ้านน้ำราด จังหวัดสุราษฎร์ธานี ป่าต้นน้ำบ้านน้ำราด เป็นตาน้ำที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ และมีน้ำผุดขึ้นมาตลอดเวลา มีจุดเด่นที่แอ่งน้ำขนาดใหญ่ที่ใสจนมองเห็นพื้นและปลาที่อยู่ในน้ำได้อย่างชัดเจน ความพิเศษอีกอย่างหนึ่งคือถึงจะมีคนลงเล่นน้ำเยอะแค่ไหน แอ่งน้ำตรงนี้ก็ยังคงความใสไม่มีตะกอนได้อย่างเหลือเชื่อ กิจกรรมแนะนำเมื่อเดินทางมาถึงป่าต้นน้ำบ้านน้ำราดคือการลงเล่นน้ำในแอ่งน้ำที่ไม่ลึกมาก (แต่ผู้ปกครองที่พาบุตรหลานไปเล่นน้ำต้องคอยดูแลตลอดเวลา) และการนั่งเรือชมธรรมชาติ โดยจะมีน้อง ๆ ไกด์ท้องถิ่นตัวน้อยทำหน้าที่พายเรือและให้ความรู้ตลอดเส้นทาง และจากความสำคัญในฐานะต้นน้ำ ชาวบ้านบ้านน้ำราดจึงรวมตัวกันจัดตั้งวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ป่าต้นน้ำบ้านน้ำราดขึ้นเพื่อดำเนินกิจกรรมท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ โดยมีข้อปฏิบัติสำหรับนักท่องเที่ยวคือ ห้ามน้ำอาหารและเครื่องดื่มเข้าไปในบริเวณแอ่งน้ำ รวมถึงถุงผ้า ถุงพลาสติก หรือกระเป๋าขนาดใหญ่ โดยจะอนุญาตให้น้ำกระเป๋าเงินขนาดเล็ก โทรศัพท์มือถือ กล้องถ่ายรูป เสื้อผ้ารองเท้าสำหรับเปลี่ยนเล่นน้ำ และนมสำหรับเด็กอ่อนโดยบรรจุในขวดนมเท่านั้น โดยจะมีเจ้าหน้าที่ตรวจตราอยู่ ณ บริเวณจุดตรวจตั๋ว แนะนำว่าให้เก็บไว้ที่รถ หรือใช้บริการตู้เก็บของที่ชุมชนเตรียมไว้ได้เช่นกัน การเดินทางมาเที่ยวป่าต้นน้ำบ้านน้ำราดนั้นสะดวกสบายด้วยถนนลาดยางจนถึงจุดจอดรถ ซึ่งในบริเวณนี้มีร้านค้าและร้านอาหารให้บริการนักท่องเที่ยวหลายร้าน นอกจากนี้ยังมีห้องน้ำให้บริการหลายจุด โดยมีเจ้าหน้าที่จากกลุ่มวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ป่าต้นน้ำบ้านน้ำราดดูแลความเรียบร้อยเป็นอย่างดี พิกัด (จุดจอดรถป่าต้นน้ำบ้านน้ำราด) https://goo.gl/maps/pSPN8TrjcNsbfAJj6เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 09.00-17.00 น.

✨ป่าต้นน้ำบ้านน้ำราด ✨ อ่านเพิ่มเติม

🌟 เดินชมงานศิลป์ Check in ตลาดน้อย 🌟

ตลาดน้อยเป็นย่านชุมชนชาวจีนเก่าแก่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ที่นี่มีเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนาน อีกทั้งมีการผสมผสานวัฒนธรรมไทย-จีนได้อย่างลงตัว ซึ่งจะสัมผัสได้จากวิถีชีวิตท้องถิ่นและบ้านเรือนเก่าแก่ที่เรียงรายในชุมชน ตอนนี้ยังมีความเก๋ของภาพสตรีทอาร์ตที่ซ่อนอยู่มากมาย ยิ่งใครชอบถ่ายภาพหรือชอบถ่ายรูปแนว Street Art ล่ะก็ รับรองต้องถูกใจแน่นอน ที่สำคัญเดินทางง่ายด้วย! หากเพื่อน ๆ คนไหนมีจุดถ่ายรูปสวย ๆ เก๋ ๆ นอกเหนือจากที่แนะนำไป มาเม้นบอกกันได้นะ เผื่อจะตามไปถ่ายบ้าง เริ่มกันที่ ตรอกศาลเจ้าโรงเกือก ในตรอกนี้มีมุมสวย ๆ ให้ถ่ายรูปเยอะมาก ไม่ใช่แค่งานที่จัดแสดงให้ดูนะที่สวย แสงและเงาตามกำแพงก็สวยไม่แพ้กัน แนะนำเลยว่าห้ามพลาด : https://goo.gl/maps/ziDBrH3Wwe4mQaxK9 เห็นตรอกเล็ก ๆ แบบนี้ แต่ข้างในอัดแน่นไปด้วย Street Art สวย ๆ ตั้งแต่ต้นซอยยาวไปจนสุดเลยล่ะ ส่วนหนึ่งเป็นภาพวาดตามกำแพงจากร่องรอยของงาน “Urban Arts Festival 2016” นอกจากนี้อีกฝั่งของกำแพงยังมีนิทรรศการภาพถ่าย Portrait of Charoenkrung ที่มาจากงาน “Bangkok Design Week 2020” จัดแสดงอีกด้วย แค่จุดแรกก็ถ่ายรูปได้แบบจุก ๆ ไปเลย แวะสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ ศาลเจ้าโรงเกือก เดินจนสุดทางก็จะเจอศาลเจ้าโรงเกือก (ศาลเจ้าพ่อฮ้อนหว่องกุง) ที่นี่อยู่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นศาลเจ้าเก่าแก่ที่มีมาแต่สมัยรัชกาลที่ 5 จากคำบอกเล่าของผู้ดูแลสถานที่ บอกว่าศาลเจ้าแห่งนี้เริ่มจากพ่อค้าชาวจีนฮากกา (จีนแคะ) ได้เชิญองค์เจ้าพ่อฮ้อนหว่องกุงจากเมืองจีนมาประดิษฐานไว้เมื่อกว่า 100 ปีที่แล้ว ก่อนที่จะสร้างเป็นศาลเจ้าอย่างที่เห็นในปัจจุบัน ยิ่งในช่วงเทศกาลตรุษจีนจะคึกคักเป็นพิเศษ จะมีการตั้งโต๊ะไหว้เทพเจ้าไฉ่ซิงเอี๊ยะ (เทพเจ้าแห่งโชคลาภ) ใครสนใจจะมาไหว้ก็ซื้อของไหว้รวมไปถึงเครื่องกระดาษต่าง ๆ มาไหว้ได้เลย : https://goo.gl/maps/gYh6KLuWLwQ6y5Ar6: 7.00 – 17.00 น. เดินถัดมาถ่ายรูปอีกซอยไม่ไกลกัน ที่ซอยเจ้าสัวสอน มี Street Art ข้างตึกใหญ่โตสุด ๆ สายถ่ายรูปจะพลาดได้ไง 📍: https://goo.gl/maps/Ruy7AMLv2j9bEoX26 แวะโซวเฮงไถ่ คฤหาสน์จีนโบราณในย่านตลาดน้อย เดินตามทางมาไม่ไกล ก็จะเจอกับบ้านโซวเฮงไถ่ (บ้านนี้มีชื่อเรียกหลายชื่อ คนแถวนี้เรียก บ้านดวงตะวัน นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักเรียกว่าบ้านจีนโบราณ บ้านเก๋งโบราณ) ที่นี่จะเป็นบ้านจีนสไตล์โบราณ มีผังเป็นรูปตัวยู ถ้าพูดด้วยภาษาปัจจุบันก็คือ จะมีคอร์ตยาร์ต (COURTYARD) กลางบ้านเป็นสระ เอาไว้ดำน้ำ (ลูกชายเจ้าของบ้านชอบดำน้ำมาก จึงสร้างสระว่ายน้ำไว้กลางบ้าน และเปิดเป็นโรงเรียนสอนดำน้ำ) แล้วเก๋งจีนที่นี่ก็มีอายุเก่าแก่กว่า 200 ปีเลย สวยข้ามกาลเวลาจริง ๆ หลังจากสั่งเครื่องดื่มแล้ว เพื่อน ๆ สามารถขึ้นไปเดินชมบนตัวบ้านได้เลย บัดดี้อดรู้สึกตื่นเต้นไม่ได้ เพราะข้าวของทุกอย่างเป็นของเก่าจริง ๆ และสวยมาก ๆ เหมือนฉากในหนังเลยล่ะ ที่สำคัญคือ ควรเดินด้วยความระมัดระวังและสำรวมกันด้วยนะ เพราะที่นี่ยังคงเป็นบ้านที่อยู่อาศัยของเจ้าของบ้าน บริเวณไหนเป็นพื้นที่ส่วนตัวหรือห้ามเข้า ก็ปฏิบัติตามกันกฏด้วยน้าาา : https://goo.gl/maps/Xf3SnYgko8bfdd8B8: 9.00-17.00น. (หยุดวันจันทร์์) ถัดจากบ้านโซวเฮงไถ่เล็กน้อยก็จะเจอจุดมหาชนนิยมถ่ายรูปอีกแล้ว นั่นก็คือ รถเต่าสีส้มนั่นเอง จุดถ่ายรูปสุดฮิตของตลาดน้อยเลย!! รถคันนี้ จอดอยู่ริมกำแพงอิฐเก่าเกือบสุดซอย แอบอยากรู้เหมือนกันนะว่าใครกันที่เป็นคนขับรถเต่าสีส้มแบบนี้บนท้องถนนในอดีต ต้องเป็นคนจ๊าบแน่เลย…ว่าไหม? ระหว่างทางก็เจอกับบ้านไม้หลังใหญ่ เลยอดไม่ได้ที่จะแวะถ่ายรูปเก๋ ๆ : https://goo.gl/maps/mQRUJBQpuXhEWfTT8 แวะเติมความสดชื่นระหว่างวันที่ ร้าน Naam 1608 (น้ำหนึ่งหกศูนย์แปด) ร้าน Naam 1608 เป็นร้านอาหารบรรยากาศสุดชิล ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา เหมาะกับการแวะพักเติมพลังมาก ๆ ที่ร้าน Naam 1608 มีเมนูอาหารให้เลือกชิมเยอะมาก ๆ ทั้งอาหารคาว อาหารหวาน หรือจะเป็นเครื่องดื่มแบบต่าง ๆ : https://goo.gl/maps/MgtixwdfymaHJrqr7 : 091 936 1632 (โทรสำรองที่นั่งล่วงหน้า) สถานที่สุดท้ายที่จะแนะนำก็คือ วัดแม่พระลูกประคำ (โบสถ์กาลหว่าร์) โบสถ์กาลหว่าร์เป็นโบสถ์คริสต์เก่าแก่ที่มีความสวยงาม ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา สถาปัตยกรรมเป็นแบบนีโอโกธิค ภายในโบสถ์รวบรวมจิตรกรรมภาพกระจกสีที่บันทึกเรื่องราวเหตุการณ์สำคัญตามคริสต์คัมภีร์และจารึกรูปนักบุญชื่อดังไว้ด้วย : https://goo.gl/maps/c9aBuC9BF2BAnLxZA: เปิดทุกวัน 09.00 – 17.30 น

🌟 เดินชมงานศิลป์ Check in ตลาดน้อย 🌟 อ่านเพิ่มเติม

ท่าแร่ : ชุมชนเก่าแก่ จังหวัดสกลนคร 🌟

“สกลนครละเบ๋อ” 😀 หากเพื่อน ๆ มีโอกาสไปเที่ยวจังหวัดสกลนคร อาจเคยได้ยินสำเนียงการพูดภาษาถิ่นของที่นี่ บัดดี้ว่าเป็นเอกลักษณ์มาก ๆ ถึงแม้ว่าจะเป็นเมืองเล็ก ๆ แต่จริง ๆ แล้วที่นี่มีสิ่งที่น่าประทับใจไม่น้อยเลยล่ะ จุดมุ่งหมายของวันนี้คือ “บ้านท่าแร่” ชุมชนเก่าแก่ที่มีอายุมากกว่า 100 ปี มีทั้งโบสถ์และบ้านทรงโบราณมากมาย เราจะพาไปชมกันเพลิน ๆ ค่ะ 🚙 #บ้านท่าแร่ ชุมชนเก่าแก่ ก่อตั้งเมื่อ พ.ศ.2427 เป็นหนึ่งในชุมชนที่มีประชากรนับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกมากที่สุดในประเทศไทย  แต่เดิมชาวท่าแร่เป็นคริสตังที่อพยพมาจากตัวเมืองสกลนครที่อยู่อีกฝั่งของหนองหาร โดยต่อแพไม้ไผ่ขนาดใหญ่บรรทุกผู้คนและข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ ข้ามหนองหารมายังฝั่งชุมชนท่าแร่ในปัจจุบัน บ้านเรือนที่อยู่อาศัยเป็นสถาปัตยกรรมรูปแบบใหม่ที่เป็นอาคารกึ่งไม้กึ่งปูน และยังมีอาคารเก่าที่สร้างมานาน 80-90 ปี สร้างขึ้นเป็นตึกปูนทรงยุโรปในรูปแบบสถาปัตยกรรมฝรั่งเศสผสมเวียดนามที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้ให้ผู้คนได้มาสัมผัสถึงความเจริญรุ่งเรือง ถือเป็นเอกลักษณ์ของที่นี่เลย อย่าพลาดชมกันนะ  ภานในชุมชนมีโบสถ์ชื่อว่า #อาสนวิหารอัครเทวดามีคาแอล เป็นโบสถ์รูปทรงคล้ายเรือ เพื่อระลึกถึงการใช้เรือและแพในการอพยพมาจากตัวเมืองสกลนครนั่นเอง  นอกจากนี้ยังเป็นศูนย์กลางในการเผยแพร่ศาสนาไปยังหมู่บ้านต่าง ๆ ในจังหวัดสกลนคร และใช้ในการประกอบพิธีกรรมทางศาสนาจนถึงปัจจุบัน ไม่ไกลจากอาสนวิหารอัครเทวดามีคาแอล มี #บ้านโบราณ 100 ปี ตามประวัติคืออายุมากกว่า 90-100 ปี เดิมเป็นที่อาศัยของพระยาประจันตประเทศธานี เจ้าเมืองแห่งสกลนครในเวลานั้น เคยถูกไฟไหม้ เหลือเพียงโครงสร้างอาคารและไม่มีการบูรณะซ่อมแซม ต่อมามีต้นไม้ขึ้นปกคลุม กลายเป็นบ้านร้างอย่างที่เห็นในปัจจุบัน แต่ยังคงอนุรักษ์ไว้ให้นักท่องเที่ยวมาสัมผัสและได้รับรู้ความเป็นมาในประวัติศาสตร์อีกด้วย นอกจากนี้ หากใครหิว ใกล้ ๆ กันจะมี #ข้าวเปียกโบราณฟรานซิสโก ที่ใช้อาคารเก่าแก่เปิดเป็นร้านอาหาร แวะไปรองท้องกันได้ กิจกรรมที่ต้องห้ามพลาด ทุกวันที่ 25 ธันวาคมของทุกปี ที่หมู่บ้านท่าแร่จะมีการจัดประเพณีแห่ดาวเทศกาลคริสต์มาส  โดยจัดขบวนแห่ดาวคริสต์มาส ซึ่งหมู่บ้านต่าง ๆ จะจัดขบวนแห่มาร่วมฉลอง ประดับตกแต่งบ้านเรือนด้วยดวงไฟ ดาว และต้นคริสต์มาส เพื่อน ๆ สามารถไปเที่ยวชมในช่วงเทศกาลได้ด้วยนะ  ชุมชนท่าแร่ ตำบลท่าแร่ อำเภอเมืองสกลนคร จังหวัดสกลนครhttps://goo.gl/maps/WBH7QwPY5ysFWGYQ7

ท่าแร่ : ชุมชนเก่าแก่ จังหวัดสกลนคร 🌟 อ่านเพิ่มเติม

✨ รวม 8 วัด เส้นทางสายมู พิกัดรอบคูเมืองเชียงใหม่ ✨

ทุกครั้งที่เราได้มาเยือน #เชียงใหม่ สิ่งที่ชวนสะดุดตาและเป็นที่โดดเด่น คือความงดงามของศิลปะและวัฒนธรรมที่แสดงผ่านวิถีชีวิต ศาสนสถาน วัดวาอารามต่าง ๆ ที่กระจายตัวท่ามกลางชุมชน บริเวณคูเมืองใจกลางเชียงใหม่ เป็นอีกหนึ่งโลเคชันที่มีวัดอยู่มาก มองไปทางไหนก็เห็นวัดที่สง่างามเต็มไปหมด แถมอยู่ใกล้ ๆ กันด้วย น้องบัดดี้จะมาแจกพิกัดไหว้พระทั่วคูเมืองให้เพื่อน ๆ ได้ไปสักการะ มีที่ไหนน่าสนใจบ้าง ไปชมกัน 🚗 เพื่อน ๆ สามารถเดินทางในรูปแบบที่ตัวเองสะดวกได้เลย ไม่ว่าจะเป็นการเดินเที่ยว ก็สามารถเดินเรียงตามลำดับของบัดดี้ได้ ไม่ไกลกัน หรือจะเดินทางโดยรถส่วนตัวหรือเช่ารถขับก็ได้เช่นกัน นอกจากนี้ก็ยังสามารถเหมารถแดงเที่ยวได้นะ ราคาขึ้นอยู่กับการตกลงกับคนขับ  วัดโลกโมฬี เริ่มทริปจากบริเวณตอนเหนือของคูเมือง มาที่วัดโลกโมฬี วัดสวยเต็มไปด้วยศิลปะแบบล้านนา แม้จะไม่ปรากฏหลักฐานการสร้างวัดที่แน่ชัด และเคยถูกทิ้งร้างไปหลังจากเหตุการณ์สงครามโลกครั้งที่สอง แต่วัดแห่งนี้ก็ได้ขึ้นทะเบียนโดยกรมศิลปากร เป็นโบราณสถานแห่งชาติ เมื่อเดินเข้ามาภายในวัด มองเห็นพระวิหารไม้ที่บูรณะขึ้นใหม่ ลวดลายงามวิจิตร หน้าบันประดับกระจกสีระยิบระยับ ภายในประดิษฐาน “พระพุทธสันติจิรบรมโลกนาถ” และมีการบรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้ที่เศียร ด้านหลังพระวิหาร มีพระเจดีย์ทรงปราสาทองค์ใหญ่อายุกว่า 500 ปี วัดแห่งนี้ยังมีรูปเคารพของ “พระนางจิรประภามหาเทวี” กษัตริย์องค์ที่ 14 แห่งราชวงศ์มังราย ที่ขึ้นชื่อในเรื่องการขอพรด้านความรักอีกด้วย  ห่างจากประตูช้างเผือกระยะทาง 450 เมตร  ถนนมณีนพรัตน์ ตำบลศรีภูมิ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่https://goo.gl/maps/H4Jmahve1y8pWsd89  วัดเชียงยืน สักการะวัดสำคัญประจำทิศเหนือ ณ วัดเชียงยืน สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยพญามังราย เป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองแห่งที่ 2 ต่อจากวัดเชียงมั่น มีความหมายว่า “ยั่งยืน” เมื่อเข้ามาด้านในวัดจะเห็นพระพุทธรูป “พระเจ้าทันใจ” องค์ใหญ่สีเหลืองทอง ตั้งเด่นอยู่บนชั้นสองของอาคาร และเดินเข้าไปอีกนิดจะเห็น “องค์พระมหาธาตุเจดีย์” ทรงแปดเหลี่ยม สีขาว ประดับลายสีทอง ฝั่งทิศตะวันออก จะมีศาลาเล็ก ๆ ประดิษฐานพระพุทธรูปพระเจ้าทันใจองค์เล็ก ด้านหน้าศาลามีเสา “ตุงกระด้าง” ถือเป็นเครื่องสักการะทางศาสนา และเป็นเอกลักษณ์แบบชาวล้านนา  วัดนี้อยู่ห่างจากวัดโลกโมฬีระยะทาง 700 เมตร และห่างจากประตูช้างเผือกเพียง 350 เมตร  ถนนมณีนพรัตน์ ตำบลศรีภูมิ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่https://goo.gl/maps/RBAwh5EWnxgjtwDi6  วัดเชียงมั่น มาต่อกันที่ “วัดเชียงมั่น” วัดคู่บ้านคู่เมืองแห่งแรกที่สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยพญามังราย วัดนี้ถือว่าเป็นวัดที่เก่าแก่ที่สุดในเขตกำแพงเมืองเชียงใหม่ จารึกที่พบภายในวัดได้กล่าวถึงพญามังราย โปรดเกล้าฯ ให้สร้างเจดีย์ขึ้นในที่ประทับและสถาปนาเป็นวัด เรียกว่าวัดเชียงมั่น นับเป็นพระอารามหลวงแห่งแรกของเมืองเชียงใหม่ มีการสร้างปูชนียสถานขึ้นมากมายในช่วงที่พม่าปกครองเชียงใหม่ จนมาถึงสมัยพระเจ้ากาวิละ (ช่วงปี พ.ศ. 2325-2367) ได้บูรณะถาวรสถานเหล่านี้ใหม่อีกครั้ง ภายในวัดประดิษฐาน “พระแก้วขาว” หรือ “พระเสตังคมณี” ชาวบ้านนิยมมาสักการะเพื่อความเป็นสิริมงคล ช่วยคุ้มครองป้องกันอันตราย ที่สำคัญ ในอดีต ยังเป็นพระพุทธรูปสำหรับบูชาประจำพระองค์ของพระนางจามเทวี ปฐมกษัตริย์ผู้ครองนครหริภุญไชย และพญามังราย ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์มังราย หากใครได้ไปสักการะที่วัดเชียงยืน ก็คงจะไม่พลาดมาสักการบูชาที่วัดนี้แน่นอน  วัดนี้สามารถเดินจากวัดเชียงยืน เข้าทางประตูช้างเผือกได้ ระยะทางโดยรวม 800 เมตร  ตำบลศรีภูมิ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่https://goo.gl/maps/eZRN9rmjefqGs6U77  วัดอินทขีลสะดือเมือง วัดแห่งนี้ตั้งอยู่กลางเกาะเมือง ในอดีตเคยเป็นที่ประดิษฐานเสาอินทขิล หรือ เสาหลักเมือง ที่สร้างในสมัยพญามังราย เมื่อปี พ.ศ. 1839 เนื่องจากวัดนี้ ตั้งอยู่ใจกลางเมือง ผู้คนจึงเรียกกันว่า “วัดสะดือเมือง” และเป็นที่มาของชื่อวัดในปัจจุบัน วัดนี้ เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปที่สำคัญ “หลวงพ่อขาว” เป็นศิลปะแบบล้านนา มีพระพักตร์อิมเอิบดุจพระจันทร์ ประดิษฐานในวิหารทรงล้านนาที่สร้างด้วยไม้ทั้งหลัง  ตั้งอยู่ติดกับพระบรมราชานุสาวรีย์สามกษัตริย์ เดินมาจากวัดเชียงมั่นระยะทาง 700 เมตร  ถนนอินทรวโรรส ตำบลศรีภูมิ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่https://goo.gl/maps/PReSSePs6zJJrpYaA  วัดพันเตา เดิมมีชื่อว่า “วัดปันเต้า” (พันเท่า) หมายถึง การทำบุญเพียงหนึ่ง แต่จะได้รับบุญกลับมาเป็นพันเท่า แต่ภายหลังชื่อเพื้ยนเป็น “พันเตา” และยังมีที่กล่าวอีกว่า วัดนี้เคยใช้เป็นแหล่งสร้างเตาหล่อพระนับร้อยนับพันเตา ภายในวัดมี “พระวิหารหอคำหลวง” สร้างด้วยไม้สักทั้งหลังตามศิลปะแบบเชียงแสน ซุ้มประตูประดับไม้แกะสลักรูปนกยูง ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเจ้านายฝ่ายเหนือ สวยสง่า หยุดสายตาผู้คนให้เชยชมก่อนที่จะเดินเข้าไปในพระวิหาร ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปตามแบบศิลปะเชียงใหม่ ด้านหลังพระวิหารหอคำหลวง มีเจดีย์องค์ประธานของวัดทรงระฆังบนฐานแปดเหลี่ยม องค์สีเหลืองทองอร่าม รายล้อมด้วยเจดีย์ราย ยามเมื่อแสงแดดตกกระทบ มองดูแล้วงดงามมาก  วัดนี้ตั้งอยู่ไม่ไกลจากวัดอินทขีลสะดือเมือง ระยะทาง 350 เมตร  ถนนพระปกเกล้า ตำบลพระสิงห์ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่https://goo.gl/maps/MSnDmhubHapASmAg7  วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร วัดนี้เป็นวัดที่มีชื่อเสียงอย่างมาก สร้างในสมัยพระเจ้าแสนเมืองมา กษัตริย์องค์ที่ 7 แห่งราชวงศ์มังราย เพื่ออุทิศกุศลแด่พระเจ้ากือนา ผู้เป็นพระราชบิดา และอุปถัมภ์การสร้างต่อโดยพระนางติโลกจุฑาราชเทวี (พระมเหสีของพระเจ้าแสนเมืองมา) จนแล้วเสร็จ พระธาตุเจดีย์ นับเป็นพระธาตุที่สูงที่สุดในภาคเหนือ และเป็นเจดีย์ที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของเมืองเชียงใหม่ มีการอัญเชิญพระแก้วมรกตมาประดิษฐานนานถึง 80 ปี หน้าประตูทางเข้าวิหารมีบันไดนาคที่สวยงามวิจิตร โดยช่างฝีมือเก่าแก่ ปัจจุบันไม่ได้เปิดให้ขึ้นไปด้านบน ภายในวิหารหลวง ประดิษฐานพระพุทธรูปปางห้ามญาติขนาดใหญ่ นอกจากนี้ยังมี หออินทขิล เป็นที่ประดิษฐานเสาอินทขิลสร้างขึ้นโดยพญามังราย ที่เคยอยู่ ณ วัดอินทขีลสะดือเมือง ภายในอาคารประดับลวดลายจิตรกรรมฝาผนังที่งดงามมาก  วัดนี้จะตั้งอยู่ใกล้กับวัดพันเตามาก ระยะทางเพียง 100 เมตรเท่านั้น  ตั้งอยู่ถนนพระปกเกล้า ตำบลพระสิงห์ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่https://goo.gl/maps/izU92mMcsDZor8zN6  วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร วัดสำคัญและมีชื่อเสียงอีกแห่งหนึ่งในเชียงใหม่ ภายในพระบรมธาตุเจดีย์ประดิษฐานพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้า และบริเวณใกล้กันยังเป็นที่ตั้งของพระวิหารลายคำ ซึ่งภายในประดิษฐาน “พระสิงห์” (พระพุทธสิหิงค์) พระพุทธรูปคู่เมืองเชียงใหม่และแผ่นดินล้านนา พระวิหารลายคำนี้ได้รับรางวัลสถาปัตยกรรมดีเด่น เพราะมีลวดลายปิดทองล่องชาด เทคนิคการฉลุลายปรากฏบนฝาผนังหลังพระประธานและเสากลางพระวิหาร เสาระเบียงด้านหน้าพระวิหาร ตลอดถึงบางส่วนของโครงไม้ บนฝาผนังภายในมีภาพจิตรกรรมเรื่อง สังข์ทองและสุวรรณหงส์ เขียนด้วยสีฝุ่น มีความงดงามมาก ที่นี่ ยังเป็นที่กราบสักการะของคนเกิดปีนักษัตรประจำปีมะโรง (ปีงูใหญ่) ด้วยนะ

✨ รวม 8 วัด เส้นทางสายมู พิกัดรอบคูเมืองเชียงใหม่ ✨ อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top