สถานที่ท่องเที่ยว

✨ หม่ำ ของฝากชัยภูมิ ✨

ช่วงที่ผ่านมา บัดดี้มีโอกาสได้ไปเที่ยว จ.ชัยภูมิ ซึ่งหนึ่งสิ่งที่หลายคนบอกห้ามพลาดหากมาจังหวัดนี้คือการลองชิม “หม่ำ” อาหารพื้นเมืองของชาวชัยภูมิ “หม่ำชัยภูมิ” ที่ได้ชื่อว่ามาจากตำนานรัก โดยมีตำนานเล่าว่า มีพรานป่าออกไปล่าสัตว์บนภูเขียว-ภูคิ้ง ซึ่งต้องใช้เวลานานในการเดินทางไป-กลับกว่า 1-3 เดือน หลังจากล่าสัตว์ได้ เขาก็คิดหาวิธีถนอมอาหารให้เนื้อสัตว์ไม่เน่าเสีย เพื่อจะนำกลับมาฝากลูก-เมีย ที่บ้าน โดยการสับเนื้อ ผสมตับ คลุกข้าวเหนียวและเกลือที่พกติดตัวไป แล้วนำมายัดใส่ในกระเพาะและลำไส้ของสัตว์ที่ล่าได้ พอกลับถึงบ้านนำมาชิม ปรากฏว่ามีรสชาติอร่อยถูกใจภรรยา กลายเป็นอาหารพื้นบ้านที่นิยมกินสืบมาจนถึงปัจจุบัน หม่ำ จะทำจากเนื้อสัตว์ 2 ชนิดด้วยกัน คือ หม่ำเนื้อ (เนื้อวัว) และหม่ำหมู (เนื้อหมู) โดยการนำเนื้อวัวหรือเนื้อหมูที่ไร้มันมาบดและสับ ก่อนนำมาผสมกับตับ ข้าวเหนียว กระเทียม เกลือ และนำมายัดใส่ในกระเพาะสัตว์ ซึ่งมีอยู่ 2 แบบ คือ แบบที่เป็นลูกกลม ๆ เกิดจากการยัดใส่กระเพาะอาหารหรือกระเพาะปัสสาวะของวัวแทนไส้ และแบบเป็นแท่งยาว ๆ คล้ายไส้กรอกอีสาน โดยการยัดใส่ลำไส้ ก่อนนำมาผึ่งลมสัก 1 วันก็สามารถนำไปกินได้แล้ว หม่ำที่ผึ่งลมไว้ภายในบริเวณร้าน ร้านที่บัดดี้มีโอกาสแวะไป ชื่อร้าน หม่ำแม่คำตัน ที่เปิดกิจการมานานกว่า 10 ปีแล้ว นอกจากที่นี่จะมีหม่ำทั้ง 2 แบบที่บัดดี้แนะนำไปแล้ว ที่นี่ยังมีอาหารแปรรูปชนิดต่าง ๆ อย่างเช่น หมูยอ กุนเชียง ไส้กรอกอีสาน รวมไปถึงสินค้า OTOP จากร้านค้าและชุมชนใกล้เคียงขายอีกด้วย การกินหม่ำ “พี่เชษฐ์” ผู้ดูแลกิจการร้านหม่ำแม่คำตันได้บอกบัดดี้ว่า สามารถกินได้ทั้งแบบดิบ ๆ หรือนำไปทำให้สุกโดยการย่าง อบ ทอด ได้เลย แต่อย่านานเกินไปล่ะ เพราะเนื้อจะแห้งเกิน หากชอบรสเปรี้ยว สามารถรออีก 2-3 วัน ก่อนนำมากิน ก็ได้รสเปรี้ยวเพิ่มขึ้นแล้ว หากเพื่อน ๆ อยากลิ้มรสหม่ำแบบดั้งเดิม บัดดี้แนะนำว่าให้เลือกแบบที่เป็นลูกกลม ๆ เพราะเนื้อสัมผัสจะเหนียวนุ่มกว่าแบบลำไส้ ซึ่งปัจจุบัน บัดดี้เห็นร้านอาหารหลายร้าน นำหม่ำไปประกอบอาหารอื่น ๆ อีกหลายเมนูเลย ทั้งผัดกะเพรา ผัดพริกแกง ไข่เจียว หรือแม้แต่นำไปใส่แกงก็มีนะ และแล้วก็ถึงเวลากิน บัดดี้เลือกทั้งหม่ำหมูและหม่ำเนื้อมาลอง โดยรสชาติหม่ำจะเปรี้ยวนำเค็มตาม เนื้อสัมผัสเหมือนไส้กรอกลีน ๆ ไร้ความมัน มีเนื้อให้เคี้ยวสนุกปาก กินคู่กับพริก กระเทียม ขิงดอง อร่อยเข้ากันมาก หากเพื่อน ๆ สนใจสามารถแวะมาลองกินแบบบัดดี้ หรือสั่งออนไลน์ที่เพจของทางร้านได้เลย  283 หมู่ที่ 2 ต.ผักปัง อ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00 น. – 17.00 น. 0 4486 2353, 08 9426 1395https://maps.app.goo.gl/GGthSnLRM4ZkcKnFAhttps://www.facebook.com/profile.php?id=100063922455643

✨ หม่ำ ของฝากชัยภูมิ ✨ อ่านเพิ่มเติม

✨ ทุ่งดอกบัวตอง ดอยแม่อูคอ อ.ขุนยวม จ.แม่ฮ่องสอน ✨

ในช่วงหน้าหนาว แม่ฮ่องสอนถือเป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่หลายคนนึกถึงเป็นอันดับต้น ๆ ในการมาเที่ยวอยู่แล้ว และยิ่งในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนจนถึงเดือนธันวาคม จะมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงามสุด ๆ นั่นก็คือ “ทุ่งดอกบัวตอง ดอยแม่อูคอ” ที่ตอนนี้เริ่มทยอยผลิดอกสีเหลืองสวยกันแล้ว ทุ่งดอกบัวตอง สามารถไปเที่ยวได้ทั้งวัน หากไปช่วงเช้า จะสามารถชมดอกไม้กลางสายหมอกเย็นได้ยาว ๆ จนฟ้าสว่างรับแสงตะวัน หากไปช่วงสายจนถึงกลางวัน ก็จะเจอกับดอกเหลืองสวยกลางหุบเขาที่มีฉากหลังเป็นท้องฟ้าสีฟ้าใส หากไปช่วงเย็นจะเจอกลับหุบเขาสีทอง ที่ถูกย้อมสีจากพระอาทิตย์และดอกไม้สีเหลืองสด ใกล้ ๆ ทุ่งดอกบัวตอง จะมีร้านค้า ร้านอาหารและร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรขาย สามารถมาแวะพัก แวะกินให้อิ่มท้องและแวะซื้อของฝากติดไม้ติดมือกลับบ้านกันได้

✨ ทุ่งดอกบัวตอง ดอยแม่อูคอ อ.ขุนยวม จ.แม่ฮ่องสอน ✨ อ่านเพิ่มเติม

✨ ตามรอยร้านดังใน Social เจริญใจ เจริญกรุง 22 ✨

สวัสดีเพื่อน ๆ ทุกคน วันนี้บัดดี้จะพาเพื่อน ๆ มาตามรอยร้านที่เป็นกระแสในโซเชียลในช่วงที่ผ่านมาย่านตลาดน้อย บริเวณซอยเจริญกรุง 22 หนึ่งจุดท่องเที่ยวยอดนิยมทั้งของชาวไทยและชาวต่างชาติ ซึ่งร้านที่บัดดี้จะมาแนะนำวันนี้เป็นร้านเล็ก ๆ ราคาน่ารัก รสชาติอร่อย ตามมาดูกันว่าจะมีร้านอะไรบ้างในวันนี้ ที่บัดดี้จะพาไปตามรอย กะหรี่ปั๊บคุณปุ๊ร้านแรกเป็นร้านกระหรี่ปั๊บเจ้าดังในย่านตลาดน้อย ที่หมดไวถึงขนาดหลายคนต้องโทรมาจองล่วงหน้า โดยเฉพาะไส้ไก่จุดเด่นที่หลายคนชื่นชอบร้านนี้คือ ทางร้านจะทำและทอดแบบสดใหม่หน้าร้าน ทอดไปขายไป คนที่ไปก็ได้กินแบบร้อน ๆ แถมยังมีไส้ให้เลือกซื้อมากมาย ทั้ง ไก่, เผือก, ถั่วหวาน, ถั่วเค็ม, มะพร้าว, สับปะรด, มันม่วง, ฝอยทองไข่เค็ม นอกจากกระหรี่ปั๊บแล้ว ทางร้านยังมีบ๊ะจ่างขายทุกวันศุกร์ บัดดี้ได้ชิมแล้วถูกใจมาก ข้าวเหนียวนุ่ม รสชาติดี กลิ่นหอมพริกไทยกำลังดี อยากให้ทุกคนได้ลอง  ซอยเจริญกรุง 22 ถนนเจริญกรุง ตลาดน้อย เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ 10100 เปิดทุกวันเวลา 07.00-14.00 น. (หยุดวันจันทร์) 02 237 5425, 08 0602 2055https://maps.app.goo.gl/HGqW5RXtayAVuHvq7 Jab bread สาขาตลาดน้อยร้านต่อมาเป็นร้านเล็ก ๆ ที่หากไม่สังเกตให้ดีอาจเดินผ่านไปเลย เป็นร้านที่ขายขนมแพนเบรดสอดไส้คล้ายแซนด์วิช แต่เปลี่ยนจากขนมปังเป็นแป้งสูตรของทางร้านที่มีรสสัมผัสคล้ายโรตี มีไส้ให้เลือกนับ 10 ชนิด มีให้เลือกทั้งแบบคาวและหวาน ทั้ง แฮม ทูน่า ปูอัด ไข่ หมูหยอง พริกเผา กล้วย ช็อกโกแลต น้ำผึ้ง แยมสตอเบอรี่และแยมบลูเบอรี่ มีราคาเริ่มที่ 25 บาทเท่านั้น บัดดี้เลือกสั่งแบบคาวและแบบหวานมาลองอย่างละ 1 ชิ้น ไส้แฮมและไข่ดาว อีกชิ้นเป็นกล้วยและช็อกโกแลต รสชาติกินง่าย อร่อยเข้ากับแป้งร้อน ๆ ที่พอเคี้ยวแล้วได้ความนุ่มมาก ๆ  หน้าร้านตรองนิพัทธ์ ถนนเจริญกรุง ตลาดน้อย เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ 10100 เปิดทุกวันเวลา 08.00-19.00 น. (หยุดวันอาทิตย์)https://maps.app.goo.gl/oeL9UjabaiXTtqVz9 Green Bake เค้กกล้วยหอมตลาดน้อยร้านถัดมาเป็นเบเกอรี่โฮมเมด ที่ทำใหม่ทุกวัน มีสูตรสำหรับคนรักสุขภาพ อยู่ห่างจากร้าน Jab bread ไม่ถึง 10 ก้าวเดินร้าน Green Bake เป็นร้านที่ขนมทุกชนิดหวานน้อยมาก ราคาไม่แพง รสชาติ อร่อย หอม เครื่องแน่น อย่างบัดดี้ลองสั่งเค้กกล้วยหอมงาขี้ม่อน เนื้อเค้กแน่นกำลังดี ที่สำคัญผสมงาขี้ม่อนมาแบบจัดเต็มแบบไม่กลัวขาดทุน เคี้ยวเพลินมากทีเดียว นอกจากขนมแล้ว ทางร้านมีกาแฟและเครื่องดื่มสำหรับคนรักสุขภาพจำหน่ายหลายแบบ ลองเลือกดูได้ หากใครไปแล้วเห็นชั้นวางโล่ง ๆ ไม่ต้องตกใจไป เพราะทางร้านจะทยอยทำ เพื่อให้ขนมที่วางขายใหม่อยู่เสมอนั่นเอง  944 ถนนเจริญกรุง ตลาดน้อย เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ 10100 เปิดทุกวันเวลา 09.00-15.00 น. (หยุดวันจันทร์) 09 3964 5942https://maps.app.goo.gl/hoMEe8iSsqNeTQwU8 กล้วยปิ้งสายสุวรรณร้านกล้วยปิ้งรถเข็นเจ้าเด็ด ที่หลายคนตามไปซื้อจากการลงโซเชียล บัดดี้ก็เป็นหนึ่งในคนที่พอเห็นแล้วอยากลองไปกินดู ว่าจะอร่อยเหมือนที่เขาบอกผ่านมือถือไหม ร้านนี้ตั้งอยู่ปากซอยจงสวัสดิ์ (ตรงข้ามเจริญกรุง 22) พอไปถึงร้านเพื่อน ๆ จะพบกับรถเข็นที่มองปราดเดียวก็รู้ว่าใส่ใจเรื่องความสะอาดมาก ข้าง ๆ จะมีแผงเตาถ่านที่ตั้งไฟอ่อน ๆ มีฝาปิดกันฝุ่นอย่างดี ภายในมีกล้วยปิ้งเสียบไม้วางอยู่เต็มไปหมด เจ้าของร้านบอกบัดดี้ว่า สามารถเลือกได้ว่าอยากกินกล้วยปิ้งที่มีเนื้อสัมผัสแบบไหน เพราะมีกล้วยที่ปิ้งตั้งแต่ 30-60 นาทีเตรียมไว้ให้ลูกค้าเลือกซื้อตามแต่ความชอบของตัวเอง กล้วยปิ้งของทางร้านจะมีเนื้อหนึบหนับ น้ำราดทำจากน้ำตาลมะพร้าวเคี่ยวรมควันเทียนที่หวานน้อยหอมมาก ในราคาชุดละ 30 บาท  ตรงข้ามซอยเจริญกรุง 22 ถนนเจริญกรุง ตลาดน้อย เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ 10100 เปิดทุกวันเวลา 06.00-16.00 น. (หยุดวันจันทร์) 08 1297 6253https://maps.app.goo.gl/jfQVkFBJ4h6W6mnAA ขนมปังป้าไน้ร้านนี้ก็เป็นอีกหนึ่งร้านรถเข็นที่เปิดขายมาแล้วมากกว่า 30 ปี ตั้งอยู่ปากซอยเจริญกรุง 22 จุดเด่นก็คือ ป้าไน้จะปิ้งด้วยเตาถ่านที่ใช้ไฟอ่อนมาก ค่อย ๆ พลิกขนมปังไปมาจนได้ขนมปังปิ้งที่ด้านนอกกรอบ หอมกลิ่นถ่านแต่ข้างในยังนุ่ม อร่อย เคี้ยวเพลิน ส่วนเมนูเด็ดเมนูดังที่หลายคนมาต้องสั่งก็คือขนมปังปิ้งเนยนม ราคาแผ่นละ 8 บาท ที่รสชาติหน้าแน่นระดับตำนาน อยู่คู่ตลาดน้อยมากว่า 30 ปี ย่างด้วยเตาถ่าน กรอบนอกนุ่มใน ราคาเริ่มที่แผ่นละ 8 บาท ที่รสชาติอร่อย หอมทั้งเนยและกลิ่นถ่านที่ใช้ย่างนิด ๆ นอกจากขนมปังปิ้งเนยนมแล้ว ยังมีหน้ายอดฮิตอีกหน้า นั่นก็คือ ขนมปังปิ้งพริกเผากุนเชียง ที่เกิดจากความบังเอิญจากการครีเอทเมนูของลูกค้า และยังมีหน้าแยมผลไม้ต่าง ๆ หน้าช็อกโกแลต ให้เลือกด้วยเช่นกัน ใครชอบความอร่อยเรียบง่ายของขนมปังปิ้งเตาถ่าน ร้านนี้เป็นอีกร้านที่บัดดี้เชียร์ให้มาลองหากมีโอกาสผ่านมาแถวตลาดน้อย  ปากซอยเจริญกรุง 22 ถนนเจริญกรุง ตลาดน้อย เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ 10100 เปิดทุกวันเวลา 11.00-21.00 น. 08 1249 1341https://maps.app.goo.gl/M2hxnpSCaxaSmfLy8 ก๋วยเตี๋ยวรูตลาดน้อยร้านสุดท้ายที่บัดดี้จะมาแนะนำวันนี้ เป็นร้านก๋วยเตี๋ยวรู ที่หากมองดูจากภายนอกตัวร้าน ก็ต้องเดินเข้าไปในตรอกเล็ก ๆ ที่มีลักษณะเหมือนรู เมื่อเข้ามาแล้วภายในร้านกว้างขวาง มีหลายโต๊ะให้เลือกนั่ง พี่ ๆ พนักงานในร้านจะคอยต้อนรับและพาเดินไปที่โต๊ะอย่างเป็นกันเอง เมนูเด็ดของร้านคือ บะหมี่แห้งเส้นเป๊าะ ที่เส้นอร่อย เคี้ยวสนุกสมกับเป็นเมนูแนะนำ ส่วนอีกเมนูแนะนำคือหมูแดงอบน้ำผึ้ง ที่มีความนุ่ม รสชาติหวานนิด ๆ น่าจะถูกปากและถูกใจหลายคน นอกจากนี้ ทางร้านยังมีเกี๊ยวกรอบไส้หมู มีน้ำจิ้มหวาน หอมกลิ่นไหม้เล็ก ๆ ให้กินคู่กัน

✨ ตามรอยร้านดังใน Social เจริญใจ เจริญกรุง 22 ✨ อ่านเพิ่มเติม

🌦ตะลุย “ป่าเมฆ” ดอยอินทนนท์ จังหวัดเชียงใหม่🌦

ออกเดินทางมุ่งหน้าสู่จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อไปสัมผัสกับความงดงามราวสรวงสวรรค์ท่ามกลางป่าเมฆ และเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่สูงที่สุดของเมืองไทย🌳✨ ด้วยความสูงกว่า 2,565 เมตร ทำให้ยอดดอยอินทนนท์คือยอดเขาที่สูงที่สุดของประเทศไทย สูงกว่ายอดเขาอันดับ 2 อย่างยอดดอยผ้าห่มปกที่มีความสูง 2,285 เมตร และด้วยความสูงระดับนี้ ทำให้ยอดดอยอินทนนท์เป็นสถานที่ที่มีความสำคัญทางระบบนิเวศวิทยาอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นสภาพแวดล้อมที่มีอากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปี แม้กระทั้งในฤดูร้อนที่อากาศบนพื้นราบพุ่งสูงทะลุ 30 องศา แต่บนยอดดอยอินทนนท์กลับหนาวเย็นด้วยอุณหภูมิระดับ 10 องศา แล้วยังมีสายพันธุ์พืช และสัตว์นานาชนิดที่อาศัยอยู่ ทั้งหมดล้วนทำให้สถานที่แห่งนี้มีความน่าสนใจไม่น้อย🌿🌤 👉วันนี้ เราจะมาแนะนำเส้นทางศึกษาธรรมชาติระยะสั้น 2 เส้นทางที่ทั้งน่าสนใจ และเดินง่ายเหมาะกับผู้คนทุกเพศทุกวัยมากฝากกัน😎 1. เส้นทางศึกษาธรรมชาติยอดดอยอินทนนท์ เป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่สูงที่สุดของเมืองไทย เป็นเส้นทางเดินระยะสั้น ยาวประมาณ 150 เมตร ผ่านป้ายสูงสุดแดนสยาม มุมมหาชนของนักท่องเที่ยวที่ใครมาก็ต้องถ่ายภาพเป็นที่ระลึก รวมถึงกู่พระเจ้าอินทวิชยานนท์ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ องค์ที่ 7 พระราชบิดาของเจ้าดารารัศมี พระราชชายา ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และยังมีหมุดหลักฐานจุดสูงสุดแดนสยามที่ระบุความสูงที่ 2,565.3341 เมตร ตลอดเส้นทางจะมีป้ายสื่อความหมายให้ได้อ่านเป็นระยะ ช่วยให้มองเห็นภาพความพิเศษของสภาพแวดล้อมในบริเวณนี้ได้ชัดเจนมากขึ้น และอีกหนึ่งความพิเศษคือสถานที่แห่งนี้คือป่าเมฆ ซึ่งจะเกิดขึ้นในพื้นที่ที่มีความสูงเกินกว่า 2,000 เมตรขึ้นไป และเมืองไทยมียอดเขาที่สูงขนาดนี้เพียง 6 แห่งเท่านั้น ที่ความสูงระดับนี้เป็นความสูงที่เมฆลอยต่ำจะลอยมาปกคลุมป่าได้โดยไม่ต้องรอให้เกิดหมอกเหมือนป่าที่อยู่ระดับต่ำกว่านี้ พิกัด (ลานจอดรถยอดดอยอินทนนท์) – https://goo.gl/maps/iUF1Qz3gx4byYZgRAการเตรียมตัว – ด้วยสภาพอากาศที่หนาวเย็นตลอดทั้งปี นักท่องเที่ยวจึงควรเตรียมเสื้อกันหนาวให้พร้อมเปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 05.00-18.00 น. (ด่าน 2) เส้นทางศึกษาธรรมชาติอ่างกา เพียงข้ามถนนจากจุดสิ้นสุดเส้นทางศึกษาธรรมชาติยอดดอยอินทนนท์ จะพบกับเส้นทางศึกษาธรรมชาติอีกเส้นหนึ่ง นับเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่มีความสำคัญในเชิงนิเวศของประเทศไทย เส้นทางศึกษาธรรมชาติอ่างกา เป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติป่าพรุภูเขาที่สูงที่สุดของประเทศ และยังเป็นหนึ่งในสถานที่ดูนกยอดนิยมของผู้ที่ชื่นชอบการดูนกอีกด้วย บนเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติระยะทาง 320 เมตร นอกจากอากาศที่เย็นสบายแล้ว สิ่งที่นักท่องเที่ยวทุกคนจะได้สัมผัสคือเสียงนกนานาชนิดที่เปล่งเสียงประสานกันอย่างไพเราะราวกับเป็นวงดนตรีที่เติมสีสันให้กับผืนป่า นกหายากหลายชนิดสามารถพบได้อย่างง่ายดายที่นี่ นอกจากนี้ อ่างกายังมีความน่าสนใจอีกมากมาย ทั้ง ข้าวตอกฤๅษี พืชจำพวกมอสที่ใหญ่ที่สุดในโลก และทำหน้าที่เป็นฟองน้ำคอยกักเก็บน้ำให้กับผืนป่า ที่ถึงแม้จะตายแต่เศษซากของข้าวตอกฤๅษีก็ยังสามารถดูดซับน้ำไว้ได้เป็นจำนวนมาก นอกจากข้าวตอกฤๅษีแล้ว ด้วยความที่ดอยอินทนนท์เป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาหิมาลัย ทำให้มีพืชที่น่าสนใจอีกมากมายให้เห็นตลอดเส้นทาง และหากเดินทางมาในช่วงปลายฤดูหนาว ประมาณเดือนมกราคมถึงเดือนมีนาคม จะได้พบกับดอกไม้ที่ได้รับการขนานนามให้เป็น “ราชินีแห่งอินทนนท์” อย่างกุหลาบพันปีที่ผลิบานอวดความงามอย่างใกล้ชิดอีกด้วย พิกัด (จุดจอดรถ) – https://goo.gl/maps/8Aqq2n6mrTtstpZFAการเตรียมตัว – ด้วยสภาพอากาศที่หนาวเย็นตลอดทั้งปี นักท่องเที่ยวจึงควรเตรียมเสื้อกันหนาวให้พร้อม และหากใครอยากจะมาดูนกหลากหลายสายพันธุ์ แนะนำให้พกกล้องส่องทางไกลหรือกล้องถ่ายรูปที่ติดเลนซ์ซูมมาด้วยเปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 05.00-18.00 น. (ด่าน 2)

🌦ตะลุย “ป่าเมฆ” ดอยอินทนนท์ จังหวัดเชียงใหม่🌦 อ่านเพิ่มเติม

✨ขอพรพระพิฆเนศ…เสริมความสำเร็จ✨

หากตอนนี้กำลังรู้สึกหมดไฟ หมดแรง หมดกำลังใจ ลองหาเวลาออกเดินทางไปตามความเชื่อและความศรัทธาของตนเองดู แล้วจะรู้และได้พลังกายและพลังใจกลับมาแน่นอน จังหวัดฉะเชิงเทรา ถือเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงในการเดินทางมาเยือนเพื่อทำบุญ ไหว้พระ ขอพร แก้บน ฮีลใจตัวเอง วันนี้บัดดี้ จะมาขอพรจากพระพิฆเนศ เทพเจ้าแห่งความสำเร็จ มีปางองค์ใหญ่ถึง 3 ปาง ได้แก่ ที่แรกบัดดี้จะพาไปที่ วัดสมานรัตนาราม (วัดใหม่ขุนสถาน) ตั้งอยู่ที่ตำบลบางแก้ว อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา ริมแม่น้ำบางปะกง เป็นพระพิฆเนศองค์สีชมพูปางไสยาสน์คเณศ หรือปางนอนเสวยสุข องค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ลักษณะนั่งกึ่งตะแคงบนฐาน พระหัตถ์ซ้ายถืองาที่หัก พระหัตถ์ขวาถือดอกบัว มีความสูงถึง 16 เมตร ยาว 24 เมตร นักท่องเที่ยวหรือผู้ศรัทธาส่วนใหญ่ ขอพรเรื่องเงิน ทอง ขอให้ไหลมาเทมา มีโชคลาภ กินอิ่มนอนหลับ มีกินมีใช้สม่ำเสมอ นอกจากได้มาขอพรจากพระพิฆเนศแล้ว ยังสามารถขอพรจากท้าวเวสสุวรรณตะบองทอง และพระพรหมองค์ใหญ่ ที่ให้โชคลาภด้วย สามารถมาปฏิบัติธรรมได้ มีอาหาร ที่พักให้ผู้ปฏิบัติธรรม และมีตลาดวัดสมานฯ เลือกซื้อสินค้าจากชุมชนที่หลากหลาย เปิดทุกวัน เวลา 08.00-18.00 น.โทร. 081 983 0400พิกัด https://goo.gl/maps/sRszi5oTbDPLhWk39 จุดที่สอง คือ อุทยานพระพิฆเนศองค์ยืนคลองเขื่อน ห่างจากวัดสมานรัตนาราม ประมาณ 14 กิโลเมตร ตั้งอยู่ที่อำเภอคลองเขื่อน ที่แห่งนี้ประดิษฐานพระพิฆเนศปางยืน หล่อด้วยสำริด เป็นองค์ที่สูงที่สุดในประเทศไทยและในโลก มีความสูงถึง 39 เมตร ประกอบชิ้นส่วนกว่า 854 ชิ้น นักท่องเที่ยวหรือผู้ศรัทธาส่วนใหญ่ ขอพรเรื่องธุรกิจ ความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน การปลดหนี้ ชีวิตราบรื่น มีพิธีสวดมนต์หมู่อารตีไฟ เป็นขั้นตอนการบูชาเทพของชาวฮินดู สวดเฉพาะวันเสาร์ อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ บรรยากาศโดยรอบ เป็นที่โล่ง จัดสวนได้อย่างสวยงาม ยาวไปจนถึงริมแม่น้ำบางปะกง มีร้านกาแฟเก๋ ๆ สไตล์อินเดีย ร้านขนม ของฝาก บริการด้วย เปิดทุกวัน เวลา 08.00-18.00 น.พิกัด https://goo.gl/maps/7eWUUMLT4ZCbLxzw5 จุดที่สาม คือ วัดโพรงอากาศ ห่างจากอุทยานพระพิฆเนศองค์ยืนคลองเขื่อน ประมาณ 24 กิโลเมตร บนถนนบางน้ำเปรี้ยว-ฉะเชิงเทรา ตำบลโพรงอากาศ อำเภอบางน้ำเปรี้ยว ประดิษฐานพระพิฆเนศองค์สีชมพูปางนั่งประทานพร ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยเช่นเดียวกัน มีความสูง 49 เมตร กว้าง 19 เมตร พระหัตถ์ 4 กร นักท่องเที่ยวหรือผู้ศรัทธาส่วนใหญ่ ขอพรเรื่องการขจัดอุปสรรคใด ๆ ให้ประสบความสำเร็จ และขอพรท้าวเวสสุวรรณ ที่อยู่บริเวณด้านข้างพระพิฆเนศได้ ชมอุโบสถมหาเจดีย์สีทอง ผสมผสานระหว่างศิลปะไทย อินเดียและศรีลังกา เป็นเจดีย์ที่แปลกตาและสวยงามยิ่ง เปิดทุกวัน เวลา 08.00-18.00 น.พิกัด https://goo.gl/maps/f3i6kPPo2roFjo2b8 เพื่อน ๆ เคยไปขอพรที่ไหนมาแล้วหรือเคยไปขอที่อื่นนอกเหนือจากนี้ ได้ผลเป็นอย่างไร เขียนมาเล่าให้บัดดี้อ่านได้นะคะ

✨ขอพรพระพิฆเนศ…เสริมความสำเร็จ✨ อ่านเพิ่มเติม

✨ 17 สิงหาคม “วันอนุรักษ์พะยูนแห่งชาติ” ✨

จากเรื่องราวของพะยูนน้อยมาเรียมที่ทุกคนรู้จักกันดี ซึ่งได้เสียชีวิตลงเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2562 เป็นต้นกำเนิดให้ผู้คนตื่นตัวที่จะทำความรู้จักกับสิ่งมีชีวิตชนิดนี้ 🌊🌊 พะยูน มีชื่อเรียกอีกหลากหลายชื่อ ทั้ง หมูน้ำ หมูดุด ดูหยง เงือก วัวทะเล และดูกอง เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่อาศัยอยู่ในทะเลบริเวณชายฝั่ง กินหญ้าทะเลเป็นอาหาร มีอายุยืนถึง 70 ปี มีขนาดตัวยาวที่สุดประมาณ 3.3 เมตร และหนักได้ถึง 400 กิโลกรัม ✨ จากข้อมูลเมื่อปี พ.ศ. 2522 ของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ในประเทศไทย พบการกระจายตัวของพะยูนอยู่ในทั้งฝั่งอ่าวไทย และอันดามัน โดยพบมากที่สุดที่บริเวณเกาะลิบง และพื้นที่โดยรอบ ของจังหวัดตรัง ดังเช่นในภาพ 🌊 เกาะลิบง ถือเป็นสวรรค์ของคนรักพะยูน เพราะถือเป็นแหล่งที่พบกิจกรรมของพะยูนได้แทบทุกวัน รวมถึงมีหญ้าทะเลที่เป็นอาหารของพะยูนจำนวนมาก จนมีการสร้างสะพานหลีกภัยและหอชมพะยูนความสูง 5 ชั้นที่สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ได้รอบทิศทาง ✨

✨ 17 สิงหาคม “วันอนุรักษ์พะยูนแห่งชาติ” ✨ อ่านเพิ่มเติม

🌿พิกัด 5 น้ำตกใกล้กรุงฯ🌿

⛅ใครที่กำลังมองหาสถานที่ท่องเที่ยวที่จะช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายจากความเหนื่อยล้าจากการทำงาน อยากชาร์จแบตให้กับตัวเอง วันนี้บัดดี้มี “น้ำตกใกล้กรุงฯ” มาแนะนำ รับรองเลยว่าทุกคนจะได้เพลิดเพลินไปกับความสวยงามของธรรมชาติที่เขียวขจี รู้สึกเย็นฉ่ำชุ่มชื่นหัวใจไปกับสายน้ำ และสูดอากาศบริสุทธิ์กันได้อย่างเต็มปอดเลยทีเดียว 🥰✨ 🌿พิกัด 5 น้ำตกใกล้กรุงฯ👉น้ำตกวังตะไคร้ จังหวัดนครนายก👉น้ำตกนางรอง จังหวัดนครนายก👉สวนรุกขชาติมวกเหล็ก (น้ำตกมวกเหล็ก) จังหวัดสระบุรี👉อุทยานแห่งชาติน้ำตกเจ็ดสาวน้อย จังหวัดสระบุรี👉อุทยานแห่งชาติเอราวัณ (น้ำตกเอราวัณ) จังหวัดกาญจนบุรี 🌿น้ำตกวังตะไคร้ น้ำตกวังตะไคร้เกิดจากลำธาร 2 สาย คือน้ำตกแม่ปล้องและน้ำตกเหวกฐิน ไหลมารวมกันที่วังตะไคร้ และเนื่องจากน้ำตกวังตะไคร้จะมีโขดหินน้อยใหญ่สลับกันไปตามลำธาร จึงทำให้น้ำไม่สูงมาก เหมาะสำหรับลงเล่นน้ำ นักท่องเที่ยวนำรถยนต์เข้าไปจอดบริเวณใกล้น้ำตกได้เลย ไม่ต้องเดินไกล สะดวกเป็นอย่างมากสำหรับผู้สูงอายุ และสามารถนำอาหารเข้าไปรับประทานภายในได้อีกด้วยแต่เราต้องช่วยกันดูแลเรื่องความสะอาดด้วยนะ นอกจากนี้ยังนำสัตว์เลี้ยงขนาดเล็กเข้าชมได้ด้วย แต่นักท่องเที่ยวจะต้องดูแลอย่างใกล้ชิดเพื่อป้องกันการพลัดหลงและงดลงเล่นน้ำในลำธาร 📍 ตำบลสาริกา อำเภอเมืองนครนายก จังหวัดนครนายก⏰ เวลาทำการ 08.00-17.00 น.💵 ค่าเข้าชม รถยนต์โดยสารทุกประเภท คันละ 150 บ. (ผู้โดยสารไม่เกิน 8 คน) เกิน 8 คน คิดเพิ่มคนละ 10 บาท / โดยสารด้วยมอเตอร์ไซด์คนละ 50 บาท / สำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินเข้าคนละ 20 บาท🌐 https://goo.gl/maps/aDRKyXdCM5ScSGpA8 🌿น้ำตกนางรอง น้ำตกนางรองเป็นน้ำตกขนาดกลางที่มีสายน้ำไหลผ่านชั้นหินลดหลั่นลงมาเป็นชั้น ๆ มีความสูงไม่มากนัก เหมาะสำหรับการมาเล่นน้ำอย่างมาก โดยนักท่องเที่ยวสามารถเลือกเล่นน้ำได้หลายจุด และยังเป็นน้ำตกที่เที่ยวได้ทุกฤดูกาล ยังอุดมสมบูรณ์ไปด้วยป่าดงพงไพรที่เขียวขจี รู้สึกเย็นสบาย เรียกได้ว่าเป็นแหล่งออกซิเจนบริสุทธิ์ชั้นดีเลยทีเดียว 📍 ตำบลหินตั้ง อำเภอเมืองนครนายก จังหวัดนครนายก⏰ เวลาทำการ 06.00 – 18.00 น.💵 ค่าเข้าชม รถยนต์พร้อมคนขับ 50 บาท ผู้ใหญ่ 10 บาท เด็กที่สูงไม่เกิน 120 ซม. เข้าฟรี🌐 https://goo.gl/maps/8r6ULdsrCZbZVBhr6 🌿สวนรุกขชาติมวกเหล็ก (น้ำตกมวกเหล็ก) น้ำตกมวกเหล็กอยู่ในพื้นที่สวนรุกขชาติมวกเหล็ก ต้นน้ำเกิดจากป่าในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ไหลผ่านลงสู่แม่น้ำป่าสัก จนเกิดเป็นน้ำตกแห่งนี้ขึ้น น้ำตกมีลักษณะเป็นลำธารและแก่งหินลดหลั่นกันไป บรรยากาศโดยรอบร่มรื่น มีพรรณไม้นานาชนิดให้นักท่องเที่ยวได้ชื่นชม 📍 ตำบลมิตรภาพ อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี⏰ เวลาทำการ 08.30-17.30 น.💵 ค่าเข้าชม ฟรี🌐 https://goo.gl/maps/3ix5tBEUgmoVEsfw8 🌿อุทยานแห่งชาตินํ้าตกเจ็ดสาวน้อย น้ำตกของที่นี่มีลักษณะเป็นน้ำตกเล็ก ๆ 7 ชั้น มีสายน้ำไหลลดหลั่นตามชั้นต่าง ๆ ลงมาเป็นธารน้ำกว้างคล้ายแก่งขนาดใหญ่ ซึ่งอยู่ใกล้กับหมู่บ้านสาวน้อย ทุกคนจึงเรียกน้ำตกแห่งนี้ว่า “น้ำตกเจ็ดสาวน้อย” นั่นเอง สำหรับน้ำตกแห่งนี้มีแอ่งน้ำตื้นใสสะอาดจึงสามารถเล่นน้ำได้หลายจุด 📍 หมู่ 9 ตำบลมวกเหล็ก อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี⏰ เวลาทำการ 08.00 – 17.00 น.💵 ค่าเข้าชม คนไทย ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท / ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 100 บาท เด็ก 50 บาท🌐 https://goo.gl/maps/dmnjnro6Bafkweih7 🌿อุทยานแห่งชาติเอราวัณ (น้ำตกเอราวัณ) น้ำตกเอราวัณ เป็นน้ำตกที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมากและได้รับขนานนามว่า “สวรรค์ 7 ชั้น แห่งกาญจนบุรี” เนื่องจากเป็นน้ำตกที่มีขนาดใหญ่และสวยงามมาก โดยแบ่งเป็น 7 ชั้น แต่ละชั้นมีลักษณะเป็นแอ่งสามารถเล่นน้ำได้ 📍 หมู่ที่ 4 ตำบลท่ากระดาน อำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี⏰ เวลาทำการ 08.00-16.00 น💵 ค่าเข้าชม คนไทย ผู้ใหญ่ 60 บาท เด็ก 30 บาท / ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 300 บาท เด็ก 150 บาท🌐 https://goo.gl/maps/Gw7gwsqXAsoVdgeU7

🌿พิกัด 5 น้ำตกใกล้กรุงฯ🌿 อ่านเพิ่มเติม

🪵เที่ยว 3 พิพิธภัณฑ์แห่งโคราชจีโอพาร์ค🌗

📣วันหยุดนี้พาแม่ พาครอบครัวไปเที่ยวที่ไหนกันบ้างคะ ✨🥰 หากใครได้มีโอกาสไปเที่ยวจังหวัดนครราชสีมา เมืองย่าโม บัดดี้อยากจะชวนเพื่อน ๆ พาครอบครัวมากันที่ #พิพิธภัณฑ์ไม้กลายเป็นหิน ส่วนหนึ่งของอุทยานธรณีโลกโคราช หรือ โคราช จีโอพาร์ค นับว่าเป็นความมหัศจรรย์ของธรรมชาติที่เราจะได้เห็นและเรียนรู้เรื่องราวได้จากที่นี่มากมายเลยค่ะ 👉พิพิธภัณฑ์ไม้กลายเป็นหิน ที่นี่อยู่ในความดูแลของสถาบันวิจัยไม้กลายเป็นหินและทรัพยากรธรณีภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เฉลิมพระเกียรติ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมาจุดแรกที่เราจะเข้าไปชมกัน โซนพิพิธภัณฑ์ไม้กลายเป็นหิน ภายในพิพิธภัณฑ์ฯ แบ่งพื้นที่สำหรับนำเสนอเรื่องราวของไม้กลายเป็นหินในจังหวัดนครราชสีมา และจังหวัดอื่น ๆ ในภาคอีสาน ทั้งไม้กลายเป็นหินที่มีอายุหลายพันปี หลายตระกูล ให้เราได้ชมกัน แต่ละห้องจะมีเรื่องราว วิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต การเกิดของไม้กลายเป็นหินที่บอกเล่าให้ได้อ่านกันแบบเข้าใจง่าย ๆ แต่เพื่อน ๆ สงสัยเหมือนบัดดี้ไหมคะ ว่าไม้กลายเป็นหินได้อย่างไรกัน ไม้กลายเป็นหินส่วนใหญ่อาจเกิดจากอิทธิพลของภูเขาไฟหรืออิทธิพลของน้ำท่วม ทำให้ถูกกระแสน้ำพัด ทับถมตะกอน กรวด ทราย ดิน ซึ่งทำให้สภาพแวดล้อมไม่มีออกซิเจนและจุลินทรีย์ จึงเกิดการผุพังของไม้เกิดขึ้นได้ช้า น้ำใต้ดินที่มีสารละลายแร่ธาตุอยู่จำนวนมาก จะสามารถเข้าไปแทรกตามช่องว่างหรือแทนที่เซลล์ของไม้ จนกระทั่งกลายเป็นหินมีอายุประมาณ 10,000 ปี จนถึง 400 ล้านปีก่อนนั่นเอง 👉พิพิธภัณฑ์ช้างดึกดำบรรพ์ ถัดมาเป็นโซนที่เด็ก ๆ ตื่นเต้นกันมากเลยค่ะ พิพิธภัณฑ์ช้างดึกดำบรรพ์ ที่จัดแสดงทั้งซากช้างดึกดำบรรพ์ การขุดเจอโครงกระดูกของช้างหลายสายพันธุ์ ในจังหวัดนครราชสีมานับว่าเป็นหนึ่งจังหวัดที่ขุดเจอซากช้างดึกดำบรรพ์เป็นจำนวนมากในประเทศไทยเลยทีเดียว ในภาพนี้คือ โครงกระดูกช้างพลายยีราฟ เมื่อไปยืนข้าง ๆ เห็นเลยว่ามีขนาดใหญ่มากเลยล่ นอกจากนี้ ยังมีห้องวีดิโอช้างดึกดำบรรพ์โคราช ซากฟอสซิลช้างดึกดำบรรพ์ให้ได้ชมกันด้วย พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ โซนสุดท้ายไปผจญภัยในดินแดนไนโนเสาร์กัน พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ จะบอกเล่าความเป็นมาของไดโนเสาร์ในยุคต่าง ๆ บอกเลยว่าโซนนี้ไม่ใช่แค่เด็ก ๆ ที่ตื่นเต้น บัดดี้เองก็สนุกสนามแถมได้ความรู้เรื่องไดโนเสาร์มากมายเลยค่ะ  หากเดินเข้าไปเรื่อย ๆ ภายในมีทั้งฟอสซิล ไดโนเสาร์จำลองเท่าขนาดจริงพันธุ์ต่าง ๆ ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ และได้สัมผัสความตื่นเต้นของการเคลื่อนไหว เสียงขู่คำรามของไดโนเสาร์ด้วย 

🪵เที่ยว 3 พิพิธภัณฑ์แห่งโคราชจีโอพาร์ค🌗 อ่านเพิ่มเติม

🍃The Green Craft HOUSE: กรุงเทพฯ🍃

ก่อนถึงวันหยุดนี้ บัดดี้จะพาเพื่อน ๆ ไปชมคาเฟ่เล็ก ๆ ไว้เป็นไอเดียสำหรับคนที่ไม่ได้เดินทางไปไหน ใช้เวลาพักผ่อน หรือเที่ยวแบบชิล ๆ ในกรุงเทพ และแน่นอนว่า บัดดี้จะไม่ได้แค่ชวนเพื่อน ๆ ออกไปรับประทานอาหารนอกบ้านเพียงอย่างเดียว แต่บัดดี้ จะพาไปทำกิจกรรมสนุก ๆ อีกด้วย The Green Craft House โฮมคาเฟ่ที่ซ่อนตัวอยู่ในซอยเล็ก ๆ ย่านคลองสาน เดินลัดเลาะเข้าซอยจาก BTS วงเวียนใหญ่ไประยะทางประมาณ 400 เมตรก็ถึงแล้ว 😊 ที่นี่ เราอาจเรียกได้ว่าเป็นการมาเที่ยว “บ้านเพื่อน” ภายในร้านมีขนาดเล็ก ๆ มีที่นั่งให้เลือก 2 โซน คือด้านในร้าน และสวนด้านนอกที่เต็มไปด้วยต้นไม้หลากชนิดให้ร่มเงา🍃 นั่งได้สบาย ๆ มีทั้งอาหารและเครื่องดื่มให้บริการ แต่ละวันเมนูก็จะเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ 😋 👉🏻นอกจากอาหารและเครื่องดื่มแล้ว ที่นี่ยังมีกิจกรรมที่น่าสนใจให้ทำอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น วาดภาพ ระบายสี เล่นบอร์ดเกม เล่นเกมเพลย์ทู จัดดอกไม้ แถมยังทำกิจกรรมได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย ทางร้านจะจัดอุปกรณ์ไว้ให้ตามโซนแต่ละจุด เพื่อน ๆ สามารถเล่นระหว่างรออาหาร หรือรับประทานอาหารเสร็จแล้วค่อยมาเล่นก็ได้ โดยกิจกรรมต่าง ๆ จะมีป้ายกฏของร้านเขียนเอาไว้ อย่าลืมปฏิบัติตามกันนะ รวมถึงยังมี Workshop อีกด้วย ขึ้นอยู่กับว่าช่วงนั้นจะเป็นกิจกรรมอะไร (อาจมีค่าใช้จ่าย)🎨 ไม่เพียงแค่บรรยากาศร้านที่ชวนให้รู้สึกอบอุ่น แต่เจ้าของร้านก็ใจดีและน่ารักมาก ยินดีต้อนรับผู้มาเยือนทุกท่าน และที่นี่ก็ยังมีพนักงานตัวน้อยอย่างน้องแมวให้บริการ สามารถเล่นกับน้อง ๆ ได้ค่ะ🐱 ⏰ เปิดให้บริการวันอังคาร-อาทิตย์ (ปิดวันจันทร์) เวลา 11.00-21.00 น.📞 09 2401 7760📲 ติดตามกิจกรรม Workshop ได้ที่เพจร้าน The Green Craft House🌐 https://maps.app.goo.gl/m5CTxHYHH6vgDR3i9

🍃The Green Craft HOUSE: กรุงเทพฯ🍃 อ่านเพิ่มเติม

🌧️7 ที่เที่ยวหน้าฝน สังขละบุรี🌧️

ณ ดินแดนสุดขอบแผ่นดินฝั่งตะวันตกของประเทศไทย มีเมืองเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ ณ จุดบรรจบของแม่น้ำสามสายที่ไหลลงสู่เขื่อนวชิราลงกรณ มีชื่อว่า “สามประสบ” ด้วยสภาพ โอบล้อมไปด้วยขุนเขาสูงเสียดฟ้า และมีความงดงามที่รอให้ทุกคนเดินทางไปต้องมนต์ ที่นี่คือ “สังขละบุรี” จังหวัดกาญจนบุรี นอกจากความงดงามทางธรรมชาติแล้ว ด้วยสังขละบุรีเป็นอำเภอที่ตั้งอยู่ติดแนวชายแดนประเทศไทยและเมียนมา จึงมีผู้คนหลากหลายเชื้อชาติอาศัยอยู่ร่วมกันอย่างกลมเกลียว ทั้งคนไทย มอญ กะเหรี่ยง เป็นต้น ก่อให้เกิดวัฒนธรรมอันงดงาม และเป็นเอกลักษณ์จนดึงดูดผู้คนจากทั่วทุกสารทิศให้เข้าไปสัมผัสมาอย่างยาวนาน วันนี้ จึงจะขอแนะนำ 7 สถานที่ท่องเที่ยวหน้าฝนของอำเภอสังขละบุรีให้ทุกคนได้ออกเดินทางตามไปเที่ยวกัน ณ ดินแดนสุดขอบแผ่นดินฝั่งตะวันตกของประเทศไทย มีเมืองเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ ณ จุดบรรจบของแม่น้ำสามสายที่ไหลลงสู่เขื่อนวชิราลงกรณ มีชื่อว่า “สามประสบ” ด้วยสภาพ โอบล้อมไปด้วยขุนเขาสูงเสียดฟ้า และมีความงดงามที่รอให้ทุกคนเดินทางไปต้องมนต์ ที่นี่คือ “สังขละบุรี” จังหวัดกาญจนบุรี นอกจากความงดงามทางธรรมชาติแล้ว ด้วยสังขละบุรีเป็นอำเภอที่ตั้งอยู่ติดแนวชายแดนประเทศไทยและเมียนมา จึงมีผู้คนหลากหลายเชื้อชาติอาศัยอยู่ร่วมกันอย่างกลมเกลียว ทั้งคนไทย มอญ กะเหรี่ยง เป็นต้น ก่อให้เกิดวัฒนธรรมอันงดงาม และเป็นเอกลักษณ์จนดึงดูดผู้คนจากทั่วทุกสารทิศให้เข้าไปสัมผัสมาอย่างยาวนาน วันนี้ จึงจะขอแนะนำ 7 สถานที่ท่องเที่ยวหน้าฝนของอำเภอสังขละบุรีให้ทุกคนได้ออกเดินทางตามไปเที่ยวกัน 1.สะพานอุตตมานุสรณ์ รู้จักกันเป็นอย่างดีในชื่อ “สะพานมอญ” แหล่งท่องเที่ยวที่เป็นสัญลักษณ์ของอำเภอสังขละบุรี เป็นสะพานไม้ที่ยาวที่สุดในประเทศไทย และยาวเป็นอันดับสองของโลก รองจากสะพานไม้อูเบ็งในประเทศเมียนมา เกิดจากดำริของหลวงพ่ออุตตมะที่ต้องการสร้างสะพานข้ามแม่น้ำซองกาเลียให้ชาวบ้านทั้งสองฝั่งสามารถเดินทางไปมาหาสู่กันได้อย่างสะดวก และในปัจจุบันได้กลายมาเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของสังขละบุรี 🌥️ ช่วงเวลาที่เหมาะสมแนะนำให้เดินทางไปเที่ยวชมในช่วงเช้า ที่เชิงสะพานทั้งสองฝั่งจะมีการตักบาตรที่นักท่องเที่ยวสามารถมีส่วนร่วมได้ รวมถึงสามารถเช่าชุดมอญใส่ถ่ายภาพคู่กับเด็ก ๆ ชาวมอญได้อย่างสวยงาม นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวที่เดินทางไปสะพานมอญในช่วงวันที่ 20 กรกฎาคม ถึง 31 สิงหาคม 2566 ยังสามารถเข้าร่วมกิจกรรม Amazing Thailand NFTs Season 3 โดยการดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน YAKS แล้วเช็กอินรับภาพศิลปะ NFTs สะพานมอญ ซึ่งเป็นหนึ่งใน 40 สถานที่ท่องเที่ยวในโครงการ เพื่อรับสิทธิประโยชน์มากมายได้อีกด้วย พิกัด📍 จุดจอดรถฝั่งสังขละบุรี https://goo.gl/maps/D9WJVwPJKAtFCH1u6📍 จุดจอดรถฝั่งชุมชนมอญ https://goo.gl/maps/2BDTJRZypo2r9L6CA📍 จุดจอดรถเอกชน ฝั่งชุมชนมอญ (ค่าบริการ 30 บาท) https://goo.gl/maps/9ZwETGLug3s1aVbr9 เป็นสถานที่เก็บรักษาสังขารของหลวงพ่ออุตตมะ พระสงฆ์อันเป็นที่เคารพศรัทธาของผู้คนในพื้นที่ และยังมีวิหารพระหินอ่อนที่ประดิษฐานหลวงพ่อขาว พระพุทธรูปหินอ่อนที่มีพุทธลักษณะงดงาม ใครที่เดินทางไปถึงสังขละบุรีแล้ว วัดแห่งนี้ก็เป็นอีกหนึ่งจุดหมายที่ต้องมา 📍 พิกัด https://goo.gl/maps/W4ZWaBNMHGD6k5dF8 ยังอยูในพื้นที่ของวัดวังก์วิเวการาม เจดีย์พุทธคยา เป็นเจดีย์สีทองอร่ามที่สร้างตามแบบของพุทธคยาจากประเทศอินเดีย ถือเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ชาวสังขละบุรีให้ความเคารพศรัทธา ภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่หลวงพ่ออุตตมะอัญเชิญมาจากประเทศศรีลังกาเพื่อให้ชาวไทยได้สักการบูชา และเป็นสถานที่จัดงานประเพณีสำคัญ ๆ อาทิ สงกรานต์มอญสังขละบุรี 📍 พิกัด https://goo.gl/maps/SafprafZWXkpAuWGA ณ ยอดเขาภายในวัดวังก์วิเวการาม มีพระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่สามารถมองเห็นได้จากทั่วทุกมุมของตัวเมืองสังขละบุรี พระพุทธรูปที่อยู่ในระหว่างการก่อสร้างองค์นี้เป็นการสืบทอดเจตนารมณ์หลวงพ่ออุตตมะที่อยากจะสร้างพระใหญ่ขึ้นมา พระพุทธรูปมีความสูงถึง 37 เมตร แม้ว่าขณะนี้องค์พระจะยังสร้างไม่แล้วเสร็จ แต่ด้วยที่ตั้งที่อยู่บนยอดเขาสูงสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของเมืองสังขละบุรีได้อย่างงดงาม จึงเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ต้องไปเยือน ⏰ เวลาเปิด-ปิดประตูทางขึ้นจะเปิดเวลา 06.00-18.00 น. 🌥️ช่วงเวลาที่เหมาะสมแนะนำให้เดินทางขึ้นไปชมในช่วงเช้าเพราะจะมีโอกาสเจอหมอกฝนสวย ๆ ที่ลอยปกคลุมทั่วบริเวณ 📍 พิกัด https://goo.gl/maps/iDnxSphY6dwiunJG7 สังขละบุรีที่เราเห็นในปัจจุบันนั้นไม่ใช้ที่ตั้งดั้งเดิม แต่เป็นที่ตั้งของชุมชนใหม่ที่ย้ายถิ่นฐานจากการสร้างเขื่อนวชิราลงกรณ หรือเขื่อนเขาแหลมเมื่อหลายสิบปีก่อน ชุมชนเดิมจึงถูกน้ำท่วมจนหมด มีสิ่งก่อสร้างไม่กี่แห่งที่ยังคงหลงเหลือมาถึงทุกวันนี้ และเรายังสามารถนั่งเรือออกไปชมความสวยงามได้อีกด้วย 🌥️ ช่วงเวลาที่เหมาะสมแนะนำให้ล่องเรือช่วงเช้าหรือบ่ายแก่ ๆ เพราะอากาศจะไม่ร้อนเกินไป 📍 พิกัดจุดขึ้นเรือท่องเที่ยวตั้งอยู่บริเวณหัวสะพานมอญทั้ง 2 ฝั่ง มีป้ายบอกราคาชัดเจน สามารถเลือกได้ตามความเหมาะสม โดยเป็นราคาสำหรับเรือ 1 ลำ รองรับผู้โดยสาร 1-6 คน เส้นทางล่องเรือชมวัดจมน้ำ เป็นหนึ่งในกิจกรรมที่ต้องทำเมื่อเดินทางมาที่สังขละบุรี หากเลือกท่องเที่ยวแบบเต็มรอบจะใช้เวลาประมาณครึ่งวัน แต่นักท่องเที่ยวสามารถเลือกสถานที่และเส้นทางได้ตามความเหมาะสม แต่สถานที่ในเส้นทางล่องเรือที่จะมาแนะนำในวันนี้มีอยู่ 3 แห่ง คือ วัดวังก์วิเวการามเก่า หรือที่รู้จักในชื่อวัดจมน้ำ ที่นอกจากสะพานมอญแล้ว สถานที่แห่งนี้ก็น่าจะเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กสำคัญที่นักท่องเที่ยวนึกถึง วัดแห่งนี้จะจมอยู่ในน้ำในช่วงที่ระดับน้ำในเขื่อนสูงขึ้นในช่วงกลางถึงปลายฤดูฝน และเมื่อระดับน้ำลดลงในฤดูแล้งก็จะสามารถลงจากเรือเดินเที่ยวชมได้ วัดศรีสุวรรณเก่า ด้วยที่ตั้งที่อยู่ต่ำกว่าวัดวังก์วิเวการามเก่า ทำให้อุโบสถของวัดแห่งนี้จะจมอยู่ในน้ำเกือบตลอดเวลา นักท่องเที่ยวสามารถชมความงดงามได้จากบนเรือ ซึ่งจะได้ภาพของเงาที่สะท้อนบนผิวหน้าอย่างสวยงาม วัดสมเด็จเก่า เป็นวัดเก่าหนึ่งเดียวที่ไม่จมอยู่ใต้น้ำ เพราะตั้งอยู่บนเนินเขา แต่เมื่อตัวเมืองสังขละเดิมย้ายออกไป วัดแห่งนี้จึงถูกทิ้งร้างตามไปด้วย สำหรับจุดเด่นของวัดแห่งนี้คืออุโบสถปรกโพธิ์ที่ภายในได้รับการทำนุบำรุงให้มีความสะอาดสวยงาม ไม่ไกลจากตัวอำเภอสังขละบุรี มีด่านพรมแดนไทย-พม่าที่มีสำคัญมายาวนานคู่กับประวัติศาสตร์ชาติไทย นั่นคือด่านเจดีย์สามองค์ เจดีย์ขนาดเล็ก 3 องค์ที่ตั้งเรียงกันอยู่ใกล้ ๆ กับจุดข้ามแดน ถึงแม้ว่าจะยังหาข้อสรุปที่แน่ชัดถึงที่มาของเจดีย์ทั้ง 3 องค์นี้ แต่ด้วยความสำคัญตามที่กล่าวไป จึงเป็นอีกจุดหนึ่งที่ต้องแวะมาเยือน 📍 พิกัด (ลานจอดรถ) https://goo.gl/maps/JZ7WjkYM93YtzNzo6 มาถึงถิ่นสังขละบุรี ต้องมาลองอาหารถิ่นชาวมอญ โดยเฉพาะในตอนเช้า หลังจากตักบาตรบริเวณถนนเชิงสะพานมอญเสร็จ (ฝั่งชุมชนมอญ) จะมีร้านอาหารพื้นบ้านเปิดให้บริการหลายร้าน เลือกได้ตามสะดวกโดยมีเมนูแนะนำนั้นมีหลายอย่าง เช่นโจ๊กมอญ แกงฮังเลแบบมอญ ขนมจีนน้ำยาหยวกกล้วย เป็นต้น รสชาติถูกปากมากทีเดียว 📍 พิกัด เชิงสะพานอุตตมานุสรณ์ ฝั่งชุมชนมอญ https://goo.gl/maps/XqpHzTNWwvGffez78

🌧️7 ที่เที่ยวหน้าฝน สังขละบุรี🌧️ อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top