สถานที่ท่องเที่ยว

นาคกี้ ไอคอนสุดน่ารัก จังหวัดบึงกาฬ

“นาคกี้” คือผลงานสร้างสรรค์ที่ถือกำเนิดจากแรงศรัทธาต่อพญานาค ผสานกับแนวคิดร่วมสมัย ถูกออกแบบให้เป็นกระปุกออมสินพญานาคน้อย ที่เข้าถึงคนทุกวัย โดยเฉพาะเด็ก ๆ เพื่อส่งเสริมวินัยการออมและสร้างรายได้เพื่อสนับสนุนการศึกษาแก่เยาวชน…ขับเคลื่อนสู่ Soft Power ของบึงกาฬ และเป็นเครื่องมือพัฒนาเด็ก เปลี่ยนกำลังเล็กให้มีพลังใหญ่ทั้งชุมชน เรื่องราวของ นาคกี้บึงกาฬ เริ่มต้นจากการที่วัดรับเด็ก ๆ จบ ป.6 มาบวชเรียน นักธรรมบาลี หรือบางคนส่งเรียนจนจบปริญญาตรี และในขณะเดียวกันเป็นเด็กกลุ่มเปราะบาง เมื่อจำนวนของเด็ก ๆ เริ่มเพิ่มขึ้น ซึ่งมีจำนวนมากกว่า 20 ชีวิต พระมหาศรายุทธ อคฺคธมฺโม พระนักพัฒนา เจ้าอาวาสวัดศรีสามัคคีธรรม ต.ศรีวิไล อ.ศรีวิไล จ.บึงกาฬ จึงริเริ่มแนวคิดช่วยชุมชนในการเลี้ยงเด็ก ๆ เพื่อไม่ให้เป็นภาระของชุมชน ในเรื่องของ ค่าอาหาร ค่าเทอม โดยใช้องค์ความรู้เดิมของพระอาจารย์ในการออกแบบและทำ “กระปุกออมสินสามเณร” แทนซองผ้าป่า เพื่อให้ชาวบ้านร่วมออมเงินสนับสนุนเด็ก ๆ ในปี พ.ศ. 2565 “พญานาค” ได้รับการประกาศให้เป็นเอกลักษณ์ประจำชาติในประเภทสัตว์ในตำนาน สะท้อนถึงความสำคัญทางวัฒนธรรมและความเชื่อของคนไทย ซึ่งได้รับการต่อยอดเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและวัฒนธรรมของประเทศอย่างกว้างขวาง มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ และกลายเป็นหนึ่งใน Soft Power ที่ทรงพลังของไทย ทำให้ต่อมา “กระปุกออมสินสามเณร” ได้พัฒนาแนวคิดเป็น “นาคกี้” โดยอ้างอิงตอนหนึ่งในพระไตรปิฎก ที่พระพุทธเจ้าปราบพญานาคให้กลายเป็นตัวเล็กขดอยู่ในบาตร เพื่อสื่อถึงพลังศรัทธาที่แปรเปลี่ยนเป็นพลังสร้างสรรค์ ในกระบวนการสร้างสรรค์ “นาคกี้” เด็ก ๆ ที่บวชเรียนภาคฤดูร้อน ณ วัดศรีสามัคคีธรรม ได้ร่วมกันแสดงจินตนาการผ่านการวาดภาพพญานาคในแบบของตนเอง ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาแนวคิด โดยผลงานของเด็ก ๆ จะได้รับการนำมาต่อยอดและออกแบบร่วมกับอาจารย์ขาบ–สุทธิพงษ์ สุริยะ ฟู้ดสไตลิสต์ระดับแนวหน้าของไทย จนกลายเป็น “นาคกี้” พญานาคน้อยร่วมสมัย ที่มีรูปลักษณ์น่ารัก ใช้โทนสีพาสเทล ได้แก่ สีม่วง (สีประจำจังหวัดบึงกาฬ), สีเขียว (แทนความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ), และสีขาว (แทนศาสนา) นาคกี้เปิดตัวครั้งแรกในงานสถาปนาจังหวัดบึงกาฬ ผ่านนิทรรศการศิลปะร่วมสมัยลุ่มแม่น้ำโขง พร้อมสูติบัตรที่ผู้ว่าราชการจังหวัดลงนามรับรอง ได้รับการต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์หลากหลายทั้งปูนปั้น เซรามิก ยางพารา และของฝาก จนกลายเป็น Soft Power และแบรนด์แอมบาสเดอร์ของบึงกาฬ เป็น “ของขวัญริมโขง” ที่เชื่อมโยงอดีต ปัจจุบัน และอนาคตอย่างกลมกลืน

นาคกี้ ไอคอนสุดน่ารัก จังหวัดบึงกาฬ อ่านเพิ่มเติม

ศรัทธาแห่งบึงโขงหลง : เกาะดอนโพธิ์-เกาะดอนแก้ว จังหวัดบึงกาฬ

วันนี้บัดดี้ขอนำเสนอสถานที่ท่องเที่ยวที่เต็มไปด้วยมนต์ขลังแห่งความเชื่อและความสวยงามทางธรรมชาติ หากใครสนใจสถานที่ที่อยู่ในเรื่องเล่าจากปากต่อปาก จากรุ่นสู่รุ่น ที่ถูกบ่มด้วยควันไฟแห่งศรัทธาและจุดประกายด้วยความเชื่อจนเป็นที่รู้จักไปทั่วประเทศ ลองตามมาอ่านกันได้เลย 🙏 บึงโขงหลง เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติและแหล่งน้ำจืดขนาดใหญ่ มองจากด้านบนจะมีลักษณะรูปทรงคล้ายเขาวัวแคบ ๆ ต้นน้ำของบึงโขงหลง เกิดจากภูวัวและภูลังกาไหลมารวมกันลง ถือเป็นบึงน้ำขนาดใหญ่ เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำของโลก อันดับที่ 1,098 (Wetland of International Importance) ในปี พ.ศ. 2544 ปัจจุบัน บึงโขงหลงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมในกลุ่มนักท่องเที่ยวสายมู โดยเฉพาะผู้ที่มีความศรัทธาต่อปู่อือลือ พญานาคผู้ทรงฤทธิ์ ที่เชื่อว่าสามารถดลบันดาลความสำเร็จในด้านต่าง ๆ และโชคลาภแก่ผู้ที่มากราบไหว้ได้ จุดขอพรปู่อือลือ คือ เกาะดอนโพธิ์และเกาะดอนแก้ว เพื่อน ๆ สามารถไปได้ด้วยการนั่งเรือ ทั้งจากผู้ประกอบการรอบ ๆ บึงโขงหลงที่มีอยู่หลายเจ้า หรือแม้แต่ที่พักหลายที่ก็มีบริการนั่งเรือนำเที่ยวไปไหว้ขอพรปู่อือลือเช่นกัน เกาะดอนโพธิ์ พื้นที่ศักดิ์สิทธิ์กลางสายน้ำ เป็นที่ตั้งของศาลพ่อปู่อือลือขนาดใหญ่ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเสริมดวงด้านการเงิน การค้าขาย การเดินทางและโชคลาภ บริเวณนี้มีพราหมณ์นำสวด หากใครสนใจสามารถแจ้งได้เลย ควรเตรียมของไหว้บูชา เช่น บายศรีดอกไม้ ธูป เทียน มาให้พร้อม นอกจากเกาะดอนโพธิ์แล้ว เพื่อน ๆ ก็สามารถไปไหว้ขอพรได้ที่เกาะดอนแก้วเช่นกัน ตั้งอยู่ห่างจากเกาะดอนแก้วเพียง 3-4 นาที บนเกาะมีรูปเคารพของปู่อือลือนาคราชให้กราบไหว้เช่นกัน สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม☎️ 09 8852 4195🌐 Facebook: เขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงโขงหลง จังหวัดบึงกาฬ

ศรัทธาแห่งบึงโขงหลง : เกาะดอนโพธิ์-เกาะดอนแก้ว จังหวัดบึงกาฬ อ่านเพิ่มเติม

เปิดประสบการณ์ใหม่ สำรวจเส้นทางศึกษาธรรมชาติ ที่ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร

หากใครต้องการเปิดประสบการณ์การท่องเที่ยวที่ผสมผสานความงดงามของธรรมชาติเข้ากับการเรียนรู้เชิงนิเวศ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร คือจุดหมายที่ไม่ควรพลาด! สามารถเรียนรู้เรื่องราวของสิ่งมีชีวิตและระบบนิเวศในพื้นที่ รวมถึงความสำคัญของการอนุรักษ์ธรรมชาติผ่านเส้นทางศึกษาธรรมชาติป่าชายเลน หรือเรียกว่า เส้นทางศึกษาธรรมชาติอ่าวทุ่งคา-สวี ซึ่งมีระยะทาง ประมาณ 1 กิโลเมตร 🌿 ทางเดินเป็นสะพานไม้ทอดยาวผ่านป่าชายเลนที่สมบูรณ์ เพื่อน ๆ จะได้พบกับพันธุ์ไม้ป่าชายเลนหลากหลายชนิด เช่น โกงกาง แสม ลำพู และอาจได้เห็นปู ปลาตีน หรือนกน้ำต่าง ๆ ที่อาศัยอยู่ในระบบนิเวศนี้ ความสำคัญของป่าชายเลนในการเป็นแหล่งอนุบาลสัตว์น้ำ ป้องกันการกัดเซาะชายฝั่ง และเป็นแหล่งดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ 🌳 บัดดี้ขอแนะนำให้ใส่เสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดี สวมรองเท้าที่เหมาะกับการเดินป่าหรือเดินในพื้นที่ธรรมชาติ เตรียมหมวก แว่นกันแดด ให้พร้อม อย่าลืมพกยากันยุงติดตัวไปด้วย รวมทั้งกระบอกน้ำดื่ม ข้อสำคัญเลยเราต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบของอุทยานฯ อย่างเคร่งครัด ไม่ทิ้งขยะ ไม่เก็บหรือทำลายทรัพยากรธรรมชาติ 💚 เส้นทางศึกษาธรรมชาติอ่าวทุ่งคา-สวี อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร🌐 Facebook: อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร💸 อัตราค่าบริการ ชาวไทย ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท💸 เด็กอายุต่ำกว่า 3 ปี พระ นักบวชที่พำนักในไทย ผู้สูงอายุ ผู้พิการ เข้าฟรี💸 รถยนต์ 30 บาท📌 พิกัด https://maps.app.goo.gl/7ZUkfwGjvkWAHx788

เปิดประสบการณ์ใหม่ สำรวจเส้นทางศึกษาธรรมชาติ ที่ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร อ่านเพิ่มเติม

ปักหมุดเที่ยวรอบ ‘เขาใหญ่’ จังหวัดนครราชสีมา

Green Season นี้ บัดดี้ชวนเพื่อน ๆ มาเที่ยว มาสูดอากาศบริสุทธิ์กันให้เต็มปอด ปล่อยกายปล่อยใจไปกับบรรยากาศสุดชิลกันที่ “อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่” อุทยานแห่งชาติแห่งแรกและเป็น “อุทยานมรดกของกลุ่มประเทศอาเซียน” หนึ่งในมรดกโลกของประเทศไทยที่ได้รับการประกาศจากองค์การยูเนสโก เพลิดเพลินกับกิจกรรมสุดฮิตอย่างการพายคายักตามลำคลองน้ำใสที่มองเห็นตัวปลาแหวกว่ายไปมา และปิดท้ายด้วยการพาเพื่อน ๆ มาลิ้มลองอาหารอร่อย ๆ ทั้งร้านที่เสิร์ฟเมนูเพื่อสุขภาพอย่างผักสด ๆ จากสวนผักออร์แกนิก และร้านที่การันตีความอร่อยด้วยรางวัลมิชลิน ถ้าพร้อมแล้วก็ตามมาเที่ยวด้วยกันเลย! 🌿💚 ปักหมุด Khao Yai All Around📌 อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่– จุดชมวิว กม.30– อ่างเก็บน้ำสายศร– น้ำตกเหวสุวัตร– น้ำตกเหวนรก– หอดูสัตว์หนองผักชี📌 บ่อน้ำผุดธรรมชาติบ้านท่าช้าง📌 ร้านอาหารแนะนำ– สวนผักลุงฤทธิ์– ร้านเป็นลาว มาเริ่มต้นกันที่ “อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่” หนึ่งในมรดกโลก UNESCO และได้รับรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ครั้งที่ 14 (Thailand Tourism Awards) รางวัล Gold Awards ประเภทแหล่งท่องเที่ยว สาขาแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ ปี 2566 จากการท่องเที่ยวประเทศไทย อุทยานมีพื้นที่ครอบคลุมถึง 4 จังหวัด คือ จังหวัดนครราชสีมา ปราจีนบุรี นครนายก และสระบุรี ภายในอุทยานฯ มีสถานที่น่าสนใจหลายแห่ง ซึ่งถ้าใครชอบเที่ยวสายธรรมชาติ บัดดี้บอกเลยว่ามาเที่ยวที่นี่แล้วเพื่อน ๆ จะประทับใจ และถ้าอยากได้ฟิลธรรมชาติแบบเต็ม ๆ บัดดี้แนะนำให้นอนค้างสัก 1-2 คืน ไม่ว่าจะลองมากางเต็นท์หรือเลือกพักบ้านพักอุทยานฯ พอตื่นเช้ามาก็จะได้สัมผัสบรรยากาศเย็นสบาย ฟังเสียงธรรมชาติ รับรองจะฟินไปอีกแบบ 🌿 นอกจากนี้ ที่นี่ก็ยังมีกิจกรรมให้เลือกทำอีกมากมาย ทั้งดูนก ดูดาว เดินป่าศึกษาธรรมชาติ หรือกิจกรรมส่องสัตว์ยามค่ำคืนเพื่อสัมผัสประสบการณ์แปลกใหม่ ก็ถือเป็นไฮไลต์อีกอย่างของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เพื่อน ๆ สามารถแพลนทริปและเลือกที่เที่ยวที่น่าสนใจตามไลฟสไตล์ของเพื่อน ๆ ได้เลย ⏰ เปิดทุกวัน เวลา 06.00-18.00 น.💸 อัตราค่าบริการเข้าอุทยานฯ ชาวไทย ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท | ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 400 บาท เด็ก 200 บาท🏡 ที่พักและสิ่งอำนวยความสะดวก อุทยานฯ มีศูนย์บริการนักท่องเที่ยว บ้านพัก จุดกางเต็นท์ เต็นท์และเครื่องนอนให้เช่า มีร้านอาหาร และร้านค้าสวัสดิการให้บริการ☎️ สอบถามข้อมูล ที่ทำการอุทยานฯ โทร. 08 6092 6527 ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว โทร. 08 6092 6529🌐 เว็บไซต์ www.khaoyainationalpark.com จุดชมวิว กม.30 จุดเช็กอินยอดฮิตของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เป็นจุดชมทิวทัศน์ที่สวยงามแห่งหนึ่งซึ่งสามารถชมทิวทัศน์ได้แบบพานอรามา ถ้าโชคดีก็อาจได้เห็นทะเลหมอกลอยอยู่ตามแนวเขาสลับซับซ้อนในยามเช้า และที่นี้ยังมีแท่นหินสลักสัญลักษณ์ผืนป่ามรดกโลกตั้งอยู่ด้วย 🌿 อ่างเก็บน้ำสายศร เป็นอ่างเก็บน้ำสำหรับใช้อุปโภคและบริโภคภายในอุทยานฯ ทั้งยังเป็นแหล่งน้ำของสัตว์ป่า แต่เดิมเรียกว่าอ่างเก็บน้ำมอสิงโต ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็นอ่างเก็บน้ำสายศร เพื่อเป็นเกียรติแก่นายบุญเรือง สายศร อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่คนแรก ซึ่งเป็นผู้บุกเบิกจัดตั้งอุทยานฯ และดำเนินการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำแห่งนี้ ที่นี่มีมุมถ่ายภาพสวย ๆ เต็มไปหมด และยังเป็นสถานที่ปิกนิกยามแดดร่มลมตกที่น่านั่งพักผ่อนอีกด้วย 🌿 น้ำตกเหวสุวัตร เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ สายน้ำไหลตกลงมาจากหน้าผาสูงราว 20 เมตร บริเวณด้านล่างน้ำตกเป็นแอ่งน้ำและลำธาร มีจุดชมน้ำตกจากระยะไกลในมุมสูง จึงมองเห็นความสวยงามของตัวน้ำตกได้ทั้งหมด 🌿 น้ำตกเหวนรก เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ มี 3 ชั้น ความสูงของน้ำตกประมาณ 150 เมตร ลักษณะการไหลตกของน้ำจากหน้าผาเป็นแนวดิ่งลงสู่หุบเหวเบื้องล่าง สายน้ำแรงและอันตรายมาก ไม่แนะนำให้ลงเล่นน้ำอย่างเด็ดขาด โดยเฉพาะฤดูฝน แต่แค่มาชมความงามของน้ำตกและถ่ายรูปเช็กอินก็ฟินอิ่มใจสุด ๆ แล้ว 🌿 หอดูสัตว์หนองผักชี เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวสายธรรมชาติ โดยจุดเริ่มต้นเส้นทางเดินอยู่ริมถนนธนะรัชต์ กิโลเมตรที่ 33 และต้องเดินเท้าตัดเข้าสู่ป่าดิบแล้งที่มีต้นไม้ขนาดใหญ่ขึ้นเรียงรายอยู่ทั่วไป ผ่านกลุ่มต้นยางเสียน ต้นไทรใหญ่ รังนกเงือก ออกสู่ทุ่งหญ้า ผ่านโป่งสัตว์ริมหนองน้ำจนถึงหอดูสัตว์หนองผักชี บนหอดูสัตว์หนองผักชีจะมองเห็นทัศนียภาพของผืนป่าและทุ่งหญ้าได้รอบทิศ รวมทั้งหนองผักชีซึ่งเป็นแหล่งน้ำสำคัญของสัตว์ป่าในบริเวณนั้น จากหอดูสัตว์เดินตามถนนลูกรังออกสู่ถนนธนะรัชต์ กิโลเมตรที่ 35 รวมระยะทางเดินประมาณ 3.5 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินราว 2-3 ชั่วโมง 🌿 น้ำผุดธรรมชาติบ้านท่าช้าง แหล่งท่องเที่ยวตามกระแสโซเชียลที่กำลังเป็นจุดหมายปลายทางของใครหลาย ๆ คน ด้วยความที่น้ำใสบวกกับภาพบรรยากาศร่มรื่น และมีกิจกรรมคูล ๆ อย่างพายเรือคายักล่องตามลำคลอง จึงทำให้ที่นี่กลายมาเป็นจุดเช็กอินยอดฮิตอีกแห่งหนึ่งของชาวโซเชียล 🌿 น้ำผุดเป็นตาน้ำธรรมชาติเกิดจากน้ำฝนที่ตกลงมาไหลผ่านชั้นหินลงไปยังชั้นใต้ดิน และต่อมาก็ค่อย ๆ ผุดขึ้นมาเป็นตาน้ำ มีน้ำไหลตลอดทั้งปี น้ำที่นี่สีฟ้าอมเขียวคล้ายกับสระมรกตที่กระบี่ น้ำมีคุณสมบัติความเป็นด่าง เพื่อน ๆ สามารถลงเล่นน้ำได้บริเวณโซนที่จัดให้ลงเล่นน้ำ ยกเว้นบริเวณตาน้ำ หากใครต้องการพายเรือคายักไปตามสายน้ำลำตะคองก็สามารถเช่าเรือคายักได้บริเวณลานจอดรถ ⏰ เปิดทุกวัน เวลา 08.30-16.30 น.💸 ค่าบริการพายคายัก– 30 นาที คนละ 100 บาท– 1 ชั่วโมง คนละ 150 บาท ร้านเป็นลาว ร้านอาหารอีสานรสแซ่บ ตั้งอยู่ก่อนถึงทางขึ้นอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ (ถนนธนะรัชต์) ประมาณ 700 เมตร ตกแต่งร้านด้วยเครื่องจักรสานนานาชนิดอันเป็นเอกลักษณ์สไตล์อีสาน เสิร์ฟความอร่อยแบบอีสานแท้ ๆ พร้อมวัตถุดิบคุณภาพดี โดยคัดสรรมาจากเกษตรกรจากชุมชน การันตีความอร่อยด้วยรางวัลมิชลิน

ปักหมุดเที่ยวรอบ ‘เขาใหญ่’ จังหวัดนครราชสีมา อ่านเพิ่มเติม

เที่ยวปั๊บ รับปุ๊บ @เมืองน่าเที่ยว” Art Toy Journey เที่ยว “ภาคใต้” แล้วยังได้สิทธิ์แลกรับ Art Toy Journey ฟรี 300 ตัว!!

เที่ยวใต้แล้วยังได้สิทธิ์แลกรับ Art Toy Journey ฟรี 300 ตัว ✨ สำหรับใครที่กำลังวางแผนไปเที่ยวในจังหวัดเมืองน่าเที่ยวของ “ภาคใต้” ได้แก่ จังหวัดชุมพร จังหวัดตรัง จังหวัดนครศรีธรรมราช จังหวัดพัทลุง และจังหวัดสตูล ตั้งแต่วันที่ 16กันยายน – 15 ตุลาคม 2568 บัดดี้ขอชวนมาร่วมสนุกกับกิจกรรม “เที่ยวปั๊บ รับปุ๊บ @เมืองน่าเที่ยว” Art Toy Journey เพื่อรับของรางวัลสุดพิเศษ Art Toy Journey “เด็กหญิงหูยาว (Huuyaow)” และ “เวิลด์บอย (World Boy)” จาก ททท. นั่นเอง 🐰🌏 ✅ กติกาการร่วมสนุกมีดังนี้ 1. เข้าพักกับโรงแรม/ที่พักต่าง ๆ ในจังหวัดเมืองน่าเที่ยวของ “ภาคใต้” ได้แก่ จังหวัดชุมพร จังหวัดตรัง จังหวัดนครศรีธรรมราช จังหวัดพัทลุง และจังหวัดสตูล โดยต้องเป็นโรงแรม/ที่พัก ที่เข้าร่วมโครงการ Sustainable Tourism Acceleration Rating (STAR) กับ ททท. เท่านั้น สามารถตรวจสอบรายชื่อที่พักได้ที่ https://taturl.org/S1cdt2. มีค่าใช้จ่ายการเข้าพักกับโรงแรม/ที่พักต่าง ๆ ในจังหวัดเมืองน่าเที่ยวตามที่ระบุในข้อที่ 1 มูลค่ามากกว่า 3,500บาท/ใบเสร็จ3. กดไลค์และกดติดตาม Facebook: 1672 Travel buddy และแชร์โพสต์กิจกรรมเป็นสาธารณะ4. สแกน QR Code ที่อยู่ใน Banner เพื่อลงทะเบียนรับ Art Toy Journey หรือคลิก https://eform.tourismthailand.org/public/arttoyjourney จากนั้นเข้าไปกรอกข้อมูลส่วนตัวของผู้ร่วมกิจกรรม เช่น ชื่อ-สกุล/เบอร์โทรศัพท์/ที่อยู่ปัจจุบัน (สถานที่จัดส่ง Art Toy Journey)/ภูมิภาคที่เข้าร่วมกิจกรรม/จังหวัดที่เข้าพักในภูมิภาคนั้น/ชื่อโรงแรมที่พัก/วันที่และจำนวนวันเข้าพัก และแนบหลักฐานการเข้าพักโรงแรม/ที่พักต่าง ๆ ได้แก่ โฟลิโอโรงแรม (Folio) หรือ ใบเสร็จ ลงในช่องที่กำหนดให้5. นักท่องเที่ยวสามารถลงทะเบียนรับ Art Toy Journey ได้เพียงภูมิภาคละ 1 ตัว/ท่าน/ครั้ง/สิทธิ์/Folio หรือใบเสร็จ เท่านั้น6. หลักฐานการเข้าพักโรงแรม/ที่พักต่าง ๆ ในเมืองน่าเที่ยว 1 ใบ สามารถนำมาลงทะเบียนรับ Art Toy Journey ได้เพียง 1 ท่านเท่านั้น ไม่สามารถให้ผู้อื่นนำมาใช้ซ้ำได้ แม้ว่าจะมีชื่อเข้าพักในห้องเดียวกันก็ตาม7. ในกรณีที่นักท่องเที่ยวเป็นคนไทย จะต้องเข้าพักกับโรงแรม/ที่พักในเมืองน่าเที่ยว ที่ไม่ตรงกับที่อยู่ปัจจุบัน/สถานที่จัดส่ง Art Toy Journey8. ททท. ขอสงวนสิทธิ์ในการสุ่มแจก Art Toy Journey โดยผู้เข้าร่วมกิจกรรมไม่สามารถเลือก Art Toy ได้ และไม่สามารถนำ Art Toy มาแลกหรือนำมาเปลี่ยนแปลงได้9. ททท. ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขของกิจกรรมโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ระยะเวลาร่วมสนุกกับกิจกรรม “เที่ยวปั๊บ รับปุ๊บ @เมืองน่าเที่ยว” Art Toy Journey ที่ผ่านมา จัดกิจกรรมแบ่งเป็นช่วงละ 1 ภูมิภาค รวม 5 ภูมิภาค ได้แก่– ภาคตะวันออก: ระหว่างวันที่ 17พฤษภาคม – 30 มิถุนายน 2568– ภาคกลาง: ระหว่างวันที่ 16 มิถุนายน – 15 กรกฎาคม 2568– ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (อีสาน): ระหว่างวันที่ 16 กรกฎาคม – 15สิงหาคม 2568– ภาคเหนือ: ระหว่างวันที่ 16 สิงหาคม – 15 กันยายน 2568– ภาคใต้: ระหว่างวันที่ 16 กันยายน – 15 ตุลาคม 2568 ‼️ ขอสงวนสิทธิ์ในการแจก Art Toy Journey ให้แก่ผู้เข้าร่วมกิจกรรมภูมิภาคละไม่เกิน 300 ตัว/Folio หรือใบเสร็จ เท่านั้น

เที่ยวปั๊บ รับปุ๊บ @เมืองน่าเที่ยว” Art Toy Journey เที่ยว “ภาคใต้” แล้วยังได้สิทธิ์แลกรับ Art Toy Journey ฟรี 300 ตัว!! อ่านเพิ่มเติม

เมืองคอง ในม่านหมอกฝน

🌿 เมืองคอง ตำบลหนึ่งในอำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ มีพื้นที่ติดต่อกับอุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง ดอยแม่ตะมาน และอำเภอเวียงแหง 🌿 เมืองคองในปัจจุบัน บรรยากาศคล้าย ๆ อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน เมื่อสมัยแรกเริ่ม เพราะตั้งอยู่บนพื้นที่ราบเล็ก ๆ กลางหุบเขา มีสายน้ำไหลผ่านหลายสาย เช่น แม่น้ำคอง แม่น้ำแม่แตง ชาวบ้านในพื้นที่ส่วนใหญ่ทำเกษตรกรรม และบางส่วนหันมาเปิดที่พักแบบโฮมสเตย์และรีสอร์ตให้บริการนักท่องเที่ยว 📌 พิกัด : https://maps.app.goo.gl/coQsvFwFYCnQ2hUb8 ช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวแนะนำ: สามารถไปเที่ยวได้ตลอดทั้งปี 🌧️ ระหว่างเดือนมิถุนายน-กันยายน (ฤดูฝน) ภูเขา ท้องทุ่งนาสีเขียว สดชื่น สบายตา❄️ ระหว่างเดือนตุลาคม-มกราคม (ฤดูหนาว) อากาศหนาวเย็น มีทะเลหมอก ฟ้าใส เห็นดาวยามค่ำคืนชัดเจน กิจกรรมที่ต้องห้ามพลาดเมื่อไปเที่ยวเมืองคอง✅ ถ่ายภาพบรรยากาศลำธาร ทุ่งนา และภูเขา✅ ชมทะเลหมอกและพระอาทิตย์ขึ้นในยามเช้า ณ จุดชมวิวเด่นทีวี✅ ล่องแพไม้ไผ่หรือล่องห่วงยางไปตามแม่น้ำแม่แตง การเดินทางไปเมืองคอง สามารถไปได้ทั้งรถยนต์ส่วนตัวและรถโดยสารประจำทาง แต่รถบัสใหญ่ไม่แนะนำ ลักษณะเส้นทางเป็นถนนลาดยางสวนกันสองเลนตลอดสาย เป็นทางขึ้นลงเขา บางช่วงเป็นทางโค้งและค่อนข้างชัน 🚗🚌 การเดินทางไปเมืองคองด้วยรถยนต์ 🚗จากตัวเมืองเชียงใหม่ ใช้ทางหลวงหมายเลข 107 ผ่าน อ.แม่ริม อ.แม่แตง จนถึงห้าแยกในตัว อ.เชียงดาว ให้เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงชนบท ชม. 3024 (ทางไปวัดถ้ำเชียงดาว) เส้นทางจากนี้จะเริ่มเป็นทางขึ้นลงเขา ลัดเลาะเชิงดอยหลวงเชียงดาว ผ่านบ้านนาเลาใหม่ จนถึงตำบลเมืองคอง ระยะทางห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ประมาณ 114 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทาง 3 ชั่วโมงกว่า ถ้านับจากตัวอำเภอเชียงดาว ระยะทางประมาณ 44 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.5-2 ชั่วโมง การเดินทางไปเมืองคองด้วยรถโดยสารประจำทาง 🚌(เชียงใหม่-ตัว อ.เชียงดาว) เริ่มต้นที่สถานีขนส่งช้างเผือก ให้ขึ้นรถเมล์สีส้ม สายเชียงใหม่-ท่าตอน สามารถซื้อตั๋วที่ช่องจำหน่ายในสถานีขนส่งช้างเผือก บอกเจ้าหน้าที่ว่าขอลง “โลตัส เชียงดาว” ค่าโดยสารที่นั่งละ 44 บ. รถเมล์สายนี้มีให้บริการตลอดทั้งวัน 06.00-18.00 น. รถออกทุก 30 นาที ใช้เวลาเดินทางจากตัวเมืองเชียงใหม่ 1-1.30 ชั่วโมง ถึงตัว อ.เชียงดาว เพราะต้องแวะรับ-ส่งผู้โดยสารตลอดทาง (ตัว อ.เชียงดาว-เมืองคอง) เมื่อลงรถเมล์สีส้มหน้าโลตัสเอ็กเพรส ในตัว อ.เชียงดาว ให้เดินตรงมาที่สี่แยกที่ใกล้ที่สุด แล้วเลี้ยวขวาตามป้ายที่เขียนว่าไปวัดอินทราราม พอเลี้ยวขวามาจะพบคิวรถสองแถวเชียงดาว-เมืองคอง จอดอยู่ริมถนนทางขวามือ รถสองแถวมีขึ้น-ลงวันละ 1 รอบเท่านั้น(ขาขึ้น) เชียงดาว-เมืองคอง ปกติรถออกเวลา 12.00 น.(ขาลง) เมืองคอง-เชียงดาว) รถออกเวลา 08.00 น.💸 ค่าโดยสารที่นั่งละ 150 บ. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2-2.5 ชั่วโมง เพราะอาจต้องแวะรับ-ส่งผู้โดยสารตลอดทาง ซึ่งรถสองแถวจะไปส่งและไปรับนักท่องเที่ยวถึงที่พักในเขต ต.เมืองคอง แนะนำควรมาถึงท่ารถสองแถวก่อนเวลา สัก 11.00-11.30 น. เผื่อรถออกจากท่าขึ้นดอยเร็ว ถ้าพลาดรถโดยสารก็ต้องหารถเหมาขึ้นดอยไปเอง ☎️ เบอร์โทรรถสองแถวเชียงดาว-เมืองคอง โทร. 09 8783 7217 (ป้าสมบุญ) สะพานมิตรภาพเมืองคอง เป็นจุดเช็กอินแรก ที่ทำให้รู้ว่าได้เดินทางมาถึงเมืองคองแล้ว ถนนเส้นหลักของเมืองคอง ช่วงฤดูฝนสองข้างทางจะมีนาข้าวและภูเขาเขียวขจีให้ได้ชม ที่พักสำหรับนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักจะตั้งอยู่ริมน้ำ หรือไม่ก็กลางทุ่งนา บรรยากาศใกล้ชิดนาข้าว ความเป็นธรรมชาติ และวิถีชีวิตที่เรียบง่าย ยังมีให้ได้เห็นที่เมืองคอง กิจกรรมล่องแพไม้ไผ่ในแม่น้ำแม่แตง ค่าล่องแพไม้ไผ่ แพละ 700 บาท 💸 เป็นราคามาตรฐานที่ทางชุมชนกำหนดไว้ นั่งได้ไม่เกิน 5 คน/แพ บนแพจะมีเก้าอี้ไม้เล็ก ๆ จัดให้นั่งบนแพไม้ไผ่อีกที แนะนำว่าควรล่องแพช่วงเวลา 3-4 โมงเย็น แสงกำลังสวย แดดร่มลมตก การล่องแพใช้เวลาประมาณ 1.30 ชั่วโมง กว่าจะล่องเสร็จก็ราว 5-6 โมงเย็น จะได้กลับถึงที่พักก่อนค่ำ แสงยามเย็นที่เมืองคองก่อนพระอาทิตย์ตกสวยมาก ในช่วงฤดูฝนมักเห็นมีหมอกขาวลอยปกคลุมทิวเขาตลอดเวลา จุดชมวิวเด่นทีวี เป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นและทะเลหมอกของเมืองคอง และยังมองเห็นดอยหลวงเชียงดาวได้อีกด้วย ที่มาของชื่อ “เด่นทีวี” มาจากเพราะสมัยก่อนเมืองคองไม่มีสัญญาณโทรคมนาคมต่าง ๆ การจะดูทีวีรายการสำคัญ ๆ เช่น ชกมวยชิงแชมป์โลก ชาวบ้านที่นี่จึงต้องหาจุดซึ่งสามารถรับสัญญาณทีวีได้ จนมาพบที่นี่ และได้ขนทีวีขึ้นมานั่งชมนั่งเชียร์รวมกันทั้งบ้าน จึงเป็นที่มาของชื่อจุดชมวิวนี้ การเดินทางขึ้นไปยังจุดชมวิวเด่นทีวี ซึ่งอยู่บนภูเขาห่างจากเขตชุมชนของเมืองคองประมาณ 8 กิโลเมตร ต้องใช้รถโฟร์วีลหรือจักรยานยนต์ เพราะเส้นทางวิบากขรุขระมาก สามารถติดต่อที่พักต่าง ๆ ในเมืองคองเพื่อช่วยจองรถโฟร์วีลรับ-ส่งไปยังจุดชมวิวได้ ราคามาตรฐานคนละ 150 บ. รถโฟร์วีลจะเริ่มรับนักท่องเที่ยวตามที่พักต่าง ๆ ระหว่างเวลา 05.00-05.30 น. บรรทุกได้ 7-10 คน/คัน และขับขึ้นไปบนเขาอีกประมาณ 30 นาที ถึงจุดชมวิว ใครที่อยากพักผ่อน ท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงบ เห็นวิวสวย ๆ ของภูเขา ทุ่งนา และลำธาร ลองมาเที่ยว “เมืองคอง” ในฤดูฝนดูสักครั้ง รับรองจะติดใจ

เมืองคอง ในม่านหมอกฝน อ่านเพิ่มเติม

แหล่งท่องเที่ยวประวัติศาสตร์สำคัญใน ‘เพชรบูรณ์’

ขอแนะนำ 2 แหล่งท่องเที่ยวประวัติศาสตร์สำคัญในเพชรบูรณ์ เริ่มที่ หอโบราณคดีเพ็ชรบูรณ์อินทราชัย ซึ่งให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับประวัติศาสตร์และโบราณคดีของจังหวัด เพื่อปูพื้นฐานความเข้าใจก่อนเดินทางต่อไปยัง อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ หอโบราณคดีเพ็ชรบูรณ์อินทราชัย ตั้งอยู่ในตัวเมืองเพชรบูรณ์ จัดแสดงเรื่องราวประวัติศาสตร์และโบราณคดีของจังหวัด ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ช่วยให้เข้าใจภาพรวมการตั้งถิ่นฐาน วิวัฒนาการสังคม และความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของพื้นที่ ก่อนจะไปศรีเทพ หอฯ นี้ยังได้รับรางวัล Hall of Fame จาก ททท. สำหรับแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับรางวัลยอดเยี่ยม (Gold Awards) 3 ครั้งติดต่อกัน แสดงถึงมาตรฐานการท่องเที่ยวที่ยอดเยี่ยม ⏰ เวลาทำการ: จันทร์ – ศุกร์: 08:30 – 16:30 น.เสาร์ – อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์: 09:30 – 15:30 น.☎️ โทร: 0 5672 1523💸 ค่าเข้าชม: ฟรี📌 พิกัด: https://maps.app.goo.gl/Fz97TMgK9kZDiEes6 อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ ห่างจากหอโบราณคดีฯ ประมาณ 128 กม. (เส้นทางกลับกรุงเทพฯ) ศรีเทพคือเมืองโบราณกว่า 1,500 ปี และได้รับการประกาศเป็น มรดกโลกแห่งใหม่ของไทยโดย UNESCO ในปี 2566 ไฮไลต์:✨ เขาคลังนอก: ศาสนสถานทวารวดีขนาดใหญ่พร้อมปูนปั้นงดงาม✨ เขาคลังใน: โบราณสถานสำคัญกลางเมือง คาดว่าเป็นศาสนสถานประจำเมือง✨ ปรางค์ศรีเทพและปรางค์สองพี่น้อง: ศาสนสถานศิลปะขอมที่แสดงอิทธิพลทางวัฒนธรรม การเยี่ยมชมศรีเทพจะทำให้ได้สัมผัสความยิ่งใหญ่ของอารยธรรมโบราณ ทั้งสถาปัตยกรรม ศิลปกรรม และความเชื่อ สะท้อนความรุ่งเรืองในอดีต มีบริการรถรางภายในอุทยานฯ ⏰ เวลาทำการ: เปิดทุกวัน เวลา 08:00 – 16:30 น.💸 ค่าเข้าชม: ชาวไทย 20 บาท, ชาวต่างชาติ 120 บาท | รถยนต์ 50 บาท☎️ โทร: 0 5692 1322, 0 5692 1354📌 พิกัด: https://maps.app.goo.gl/hmUeowxUEHQcMFkU9

แหล่งท่องเที่ยวประวัติศาสตร์สำคัญใน ‘เพชรบูรณ์’ อ่านเพิ่มเติม

สถานีวิจัยสิ่งแวดล้อมสะแกราช จ.นครราชสีมา

วันนี้บัดดี้จะพาเพื่อน ๆ มาสำรวจพื้นที่สงวนชีวมณฑล (Sakaerat biosphere reserve) แห่งแรกของประเทศไทย ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนรับรองจาก UNESCO เมื่อปี พ.ศ. 2519 ในปัจจุบันสถานที่แห่งนี้อยู่ใต้การดูแลของสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ขอนำเสนอความสวยงามและความหลากหลายทางชีววิทยาของสถาบันวิจัยแห่งนี้ ที่เหมาะกับทั้งผู้ชอบธรรมชาติ ผู้ต้องการหาความรู้ใหม่ ๆ ผู้ชอบเดินป่า หรือแม้แต่ผู้ที่อยากพักผ่อนหย่อนใจในบรรยากาศที่เงียบสงบ เอาล่ะ…ตามบัดดี้มาสำรวจสถาบันวิจัยแห่งนี้ได้เลย สถานีวิจัยสิ่งแวดล้อมสะแกราช ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2510 ปกคลุมด้วยป่าไม้สำคัญ 2 ชนิด คือ ป่าดิบแล้ง (Dry Evergreen forest) และป่าเต็งรัง (Dry Dipterocarp forest) มีพันธุ์ไม้และสิ่งมีชีวิตที่หลากหลาย ที่นี่เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศและห้องปฏิบัติการธรรมชาติสำหรับนักเรียน นักศึกษา รวมไปถึงนักวิจัยจากหลายประเทศ ไฮไลต์แรกของที่นี่ คือ กระรอกขาว ที่จะอยู่บริเวณศูนย์อำนวยการของสถานีวิจัยสิ่งแวดล้อมสะแกราช มีครอบครัวหมูป่าวิ่งไปมาดูน่ารักมาก ๆ กิจกรรมต่อมาที่บัดดี้อยากนำเสนอ คือ การนั่งรถรางชมธรรมชาติ ตลอดเส้นทาง 2.5 กิโลเมตร เจ้าหน้าที่จะอธิบายเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยน่าสนใจ แถมยังพาไปดูต้นตะเคียนหินอายุ 557 ปี ที่มีอายุเท่ากับ จ.นครราชสีมา รวมไปถึงต้นน้ำของป่าบริเวณนี้ และไฮไลต์ของเส้นทางนี้ การดูนกประจำชาติไทย “ไก่ฟ้าพญาลอ” การจะชมไก่ฟ้าพญาลอ ต้องมาก่อนเวลา 16.00 น. เมื่อมาถึงจุดชมไก่ฟ้าพญาลอ เจ้าหน้าที่จะเลียนแบบเสียงของไก่ฟ้าพญาลอพร้อมกับชี้ให้ดูจุดที่พบอยู่เป็นประจำ บัดดี้ยืน ๆ นั่ง ๆ อยู่ไม่นานเจ้าไก่ฟ้าพญาลอก็โผล่ออกมาโชว์ตัวให้ดูแล้วล่ะ มื้อเย็นของที่นี่ จะบริการเป็นแบบบุฟเฟต์ มีเสียงลือเสียงเล่าอ้างว่าอาหารที่นี่อร่อย ซึ่งบัดดี้ต้องขอคอนเฟิร์มว่าอร่อยจริง หลังจากกินแล้ว เพื่อน ๆ ต้องล้างจานเอง ซึ่งทางสถานีวิจัยฯ ก็เตรียมพื้นที่ล้างจานไว้ให้แล้วเป็นอย่างดี กิจกรรมยามฟ้ามืดของที่นี่คือการดูดาว เจ้าหน้าที่จะพาเพื่อน ๆ เดินไปตามเส้นทางประมาณ 7-10 นาทีจนถึงลานกว้าง เพื่อน ๆ สามารถชมกับดักแมลงที่ทางเจ้าหน้าที่นำผ้าขาวมาขึงกับไม้แล้วส่องไฟเพื่อล่อแมลงได้อย่างใกล้ชิด หากหิวเพื่อน ๆ ก็สามารถปิ้งข้าวโพด ปิ้งข้าวจี่ และข้าวเกรียบว่าวกินได้ เมื่อถึงเวลา ลานกว้างจะถูกปิดไฟจนมืดสนิท เมื่อเงยหน้าขึ้นไปบนฟ้าจะเห็นดาวเต็มท้องฟ้า ระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่ก็จะชี้ให้ดูกลุ่มดาวที่เห็นชัดเจนในตอนนั้น หากใครมาในช่วงเดือนตุลาคม จะเห็นทางช้างเผือกด้วยนะ บัดดี้มีนัดทำกิจกรรมต่อไปในเช้าวันรุ่งขึ้น นั่นก็คือ “การส่องนก” เจ้าหน้าที่จะแจกกล้องส่องทางไกลและพจนานุกรมนก ตลอดเส้นทาง เจ้าหน้าที่จะชี้ให้ดูตลอดว่านกอยู่ตรงไหน นกพันธุ์อะไร รู้ตัวอีกทีเวลาผ่านไปเป็นชั่วโมงแล้ว ใครอยากขมวดปมความรู้และความเป็นมาของสถานีวิจัยฯ สามารถเดินขึ้นไปที่ชั่น 2 ของศูนย์อำนวยการได้ จะมีพิพิธภัณฑ์เล็ก ๆ สถานที่รวบรวมตัวอย่างพันธุ์พืชและพันธุ์สัตว์มากมายในบริเวณนี้เอาไว้ ถือเป็นการปิดจบและสรุปความรู้ที่บัดดี้ได้รับมาตั้งแต่มาเยือนที่แห่งนี้ได้ดีเลยทีเดียว หากใครยังคิดว่าไม่จุใจ สามารถสอบถามไปยังสถานีวิจัยสิ่งแวดล้อมสะแกราชได้ เพราะที่นี่ยังมีกิจกรรมเดินป่าศึกษาธรรมชาติ ที่มีให้เลือกหลายเส้นทางตั้งแต่เส้นทางที่ใช้เวลาเดิน 1 ชั่วโมงครึ่งไปจนถึง 3 ชั่วโมง มีที่พักรับรองหลายห้อง หากได้มาสักครั้งรับรองเลยว่าต้องได้รับประสบการณ์ดี ๆ กลับไปอย่างแน่นอน 📌 สถานีวิจัยสิ่งแวดล้อมสะแกราช 1 หมู่ 9 ต.อุดมทรัพย์ อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา⏰ เปิดทุกวันเวลา 08.30-16.30 น. / เสาร์-อาทิตย์ 10.00-16.00 น.☎️ 0 4476 0110-2, 09 8219 5570📱 www.tistr.or.th/sakaerat📱 สถานีวิจัยสิ่งแวดล้อมสะแกราช📍 https://maps.app.goo.gl/fJ1drrYB78XFKbaJ9

สถานีวิจัยสิ่งแวดล้อมสะแกราช จ.นครราชสีมา อ่านเพิ่มเติม

สัมผัสประสบการณ์ฟาร์มออร์แกนิกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ‘ไร่เตียวิเศษ’ จังหวัดสุราษฎร์ธานี

สัมผัสประสบการณ์ฟาร์มออร์แกนิกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และการใช้ชีวิตแบบยั่งยืนที่หาได้ยากในปัจจุบัน ณ ไร่เตียวิเศษ เกาะพะงัน ที่นี่เพื่อน ๆ จะได้พบกับความสงบ ร่มรื่น เรียนรู้วิถีเกษตรอินทรีย์ ที่เน้นการใช้ชีวิตตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และแนวคิด Zero Waste หรือการลดขยะให้เป็นศูนย์ ที่นี่เริ่มต้นจากความมุ่งมั่นที่จะปลูกพืชผักปลอดสารพิษเพื่อบริโภคเอง จนกลายเป็นแหล่งผลิตผลผลิตออร์แกนิกคุณภาพที่ส่งต่อความสุขให้ทั้งคนในท้องถิ่นและนักท่องเที่ยว 🌿 กิจกรรมที่น่าสนใจ☘️ เดินเล่นในแปลงผักอินทรีย์ สูดอากาศบริสุทธิ์🐓 ชมการเลี้ยงไก่ออแกนิค ไก่อารมณ์ดี การเลี้ยงปลา แบบธรรมชาติ เรียนรู้วงจรธรรมชาติที่ไร่ดูแลอย่างใส่ใจ🧑‍🌾 เรียนรู้การทำน้ำหมัก การทำปุ๋ย การปลูกผัก รวมถึงกิจกรรมที่ส่งเสริมการใช้ชีวิตแบบพอเพียง🥥 Workshop การทำธูปหอม แบบปลอดสารพิษ การทำน้ำมันมะพร้าว การทำอโรมา หรือการทำอาหารที่หลากหลาย เช่น ผัดไทย สลัดโรล แกงเขียวหวาน พะแนง เป็นต้น🥦 ลิ้มรสผลผลิตสดใหม่จากฟาร์ม เช่น ผักสด ผลไม้ ตามฤดูกาลและผลิตภัณฑ์แปรรูปต่าง ๆ ที่พร้อมให้เลือกซื้อ 📍 ไร่เตียวิเศษ⏰ เปิดบริการทุกวัน เวลา 08.00 – 18.00 น.☎️คุณสาว โทร. 08 3102 4706

สัมผัสประสบการณ์ฟาร์มออร์แกนิกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ‘ไร่เตียวิเศษ’ จังหวัดสุราษฎร์ธานี อ่านเพิ่มเติม

สัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษที่ โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร จังหวัดปราจีนบุรี

สัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษที่ โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร จังหวัดปราจีนบุรี ที่นี่ไม่ใช่แค่โรงพยาบาล แต่เป็นศูนย์รวมแห่งภูมิปัญญาไทยด้านสุขภาพแบบองค์รวม ที่จะทำให้คุณได้ทั้งพักผ่อน เรียนรู้ และดูแลตัวเองไปพร้อมๆ กัน เริ่มต้นด้วยการเข้าชม พิพิธภัณฑ์การแพทย์แผนไทยอภัยภูเบศร ที่ตั้งอยู่ในอาคารสถาปัตยกรรมสไตล์โคโลเนียลอันงดงาม ตื่นตาตื่นใจกับเรื่องราวประวัติศาสตร์การแพทย์แผนไทยอันยาวนาน ชมสมุนไพรหายาก ตำรับยาโบราณ และเรียนรู้วิถีชีวิตของผู้คนในอดีตที่ผูกพันกับการใช้ธรรมชาติบำบัด หลังจากเดินชมพิพิธภัณฑ์จนเพลิน ลองมาปรนนิบัติร่างกายด้วยศาสตร์แห่งการนวดและสปาแผนไทยต้นตำรับที่ อภัยภูเบศร เดย์ สปา ที่นี่มีบริการหลากหลาย ตั้งแต่การนวดผ่อนคลาย นวดบำบัด ไปจนถึงทรีทเม้นท์บำรุงผิวพรรณด้วยสมุนไพรธรรมชาติแท้ ๆ สัมผัสความผ่อนคลายอย่างลึกซึ้ง และคืนความสดชื่นให้กับร่างกาย ที่นี่ยังได้รับรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย (Thailand Tourism Awards) หรือรางวัลกินรี ครั้งที่ 14 ประจำปี 2566 อีกด้วย เติมพลังด้วยเมนูอาหารสุขภาพเลิศรสที่รังสรรค์จากพืชผักสมุนไพรปลอดสารพิษจากไร่ของอภัยภูเบศรเอง ร้านอาหารอภัยภูเบศร มีเมนูให้เลือกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นยำสมุนไพร แกงเลียง หรือเครื่องดื่มสมุนไพรสดชื่น รับรองว่าอร่อย ได้ประโยชน์ และดีต่อสุขภาพอย่างแน่นอน นอกจากกิจกรรมต่างๆ แล้ว โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศรยังมีคลินิกและศูนย์บริการด้านสุขภาพที่หลากหลาย ทั้งคลินิกแพทย์แผนไทย คลินิกฝังเข็ม และบริการตรวจสุขภาพต่าง ๆ หากต้องการปรึกษาหรือดูแลสุขภาพอย่างจริงจัง ที่นี่ก็พร้อมให้คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร จึงเป็นมากกว่าสถานที่ท่องเที่ยว แต่เป็นจุดหมายปลายทางสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพกายและใจให้สมบูรณ์แข็งแรงในแบบองค์รวม ลองมาสัมผัสประสบการณ์ดีๆ ด้วยตัวคุณเอง แล้วคุณจะหลงรัก

สัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษที่ โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร จังหวัดปราจีนบุรี อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top