อาหารท้องถิ่น

✨ ภูมิปัญญาชาวบ้าน ถนอมอาหารกันอย่างไร ✨

เมื่อเริ่มเข้าสู่หน้าร้อน ปัญหาที่มักเจออยู่ประจำคือ วัตถุดิบในการประกอบอาหารจะสุกเร็วและเน่าเสียได้ง่าย วิธีเก็บรักษาที่ง่ายที่สุดในปัจจุบันก็คือแช่ตู้เย็น แต่สมัยก่อนที่จะมีตู้เย็น คนรุ่นปู่ย่าตายายของเราได้ใช้กระบวนการทางธรรมชาติมาเก็บถนอมอาหาร จนเป็นภูมิปัญญาที่ส่งต่อมาถึงปัจจุบัน บางท้องถิ่นทำกินกันจนสามารถเป็นอาชีพได้เลยทีเดียว มีอะไรบ้าง ไปดูกัน 1. ดอง เป็นวิธีถนอมอาหารที่เราคุ้นเคยที่สุด ทำได้ง่าย ๆ ไม่ซับซ้อน ดองได้ทั้งรสเค็ม หวาน เปรี้ยว โดยมีเกลือ น้ำตาล น้ำส้มสายชู เป็นส่วนผสมหลัก นอกจากผัก-ผลไม้ที่นิยมนำไปดองแล้ว ก็ยังมีไข่ที่สามารถนำไปดองได้เช่นกัน   โดยการดองไข่ สามารถทำได้ทั้งแบบดองในน้ำเค็ม และดองแบบแห้ง เช่น ไข่เค็มดินสอพอง ที่ทำกันมากที่จังหวัดลพบุรี โดยส่วนผสมหลักคือ “ดินสอพอง” ทรัพยากรธรรมชาติที่หาได้ไม่ยากของจังหวัดนี้ นอกจากร้านของฝากที่มีวางจำหน่ายแล้ว เพื่อน ๆ ยังเข้าไปซื้อหรือทดลองทำด้วยตัวเองได้ที่ บ้านดินสอพอง จ.ลพบุรี วิสาหกิจชุมชนกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรบ้านโคกพุทรา จ.ลพบุรี ส่วนที่ ชุมชนบ้านถ้ำเสือ จ.เพชรบุรี ก็มีกิจกรรม work shop ให้เพื่อน ๆ ได้ร่วมสนุก ทำไข่เค็มดินสอพองอัญชันกันด้วยนะ  2. ตากแห้ง เป็นการถนอมอาหารอีกหนึ่งวิธีที่นิยมทำกันมาก และสามารถทำได้หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเนื้อสัตว์ เครื่องเทศ หรือ ผลไม้ แถมยังมีการปรุงรสเพิ่มเติมเพื่อความอร่อย และช่วยให้เก็บได้นานยิ่งขึ้นด้วย อาหารตากแห้งประเภทเนื้อสัตว์ที่นิยม มีทั้งหมูแดดเดียว เนื้อแดดเดียว ปลาเค็ม รวมทั้งอาหารทะเลอื่น ๆ  เมื่อนำมาตากแห้งสามารถช่วยลดปัญหาของสดเน่าเสียในครัวเรือนได้อย่างดี หรือหากนำมาตากแห้งเพื่อจำหน่ายก็ช่วยสร้างรายได้อย่างมาก แหล่งรวมอาหารทะเลตากแห้งที่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ ซึ่งเราสามารถไปเที่ยวและช้อปปิ้งได้ไม่ยาก ได้แก่ ตลาดหนองมน จ.ชลบุรี ตลาดมหาชัย และร้านรวงต่าง ๆ ในย่านมหาชัย จ.สมุทรสาคร นอกจากเนื้อสัตว์และอาหารทะเลแล้ว ผลไม้ตากแห้งอย่าง “กล้วยตาก” ก็เป็นของว่างยอดนิยม รสชาติหวานอร่อย ถูกใจคนกินทุกช่วงวัยทีเดียว เนื่องจากประเทศไทยสามารถปลูกกล้วยได้ทุกภาค เราจึงมีกล้วยตากอร่อย ๆ แทบจะทุกหัวระแหงเลยทีเดียว  กล้วยตาก จ.กำแพงเพชร ที่มีแหล่งปลูกกล้วยไข่ และมีรายได้เพิ่มจากการทำกล้วยตาก  กล้วยตากบางกระทุ่ม จ.พิษณุโลก กล้วยตากพลังงานแสงอาทิตย์ เป็นสินค้าที่ขึ้นทะเบียน GI ผลิตภัณฑ์เด่น ณ เมืองสองแคว  กล้วยตากสังคม จ.หนองคาย กล้วยน้ำว้าพันธุ์พื้นเมืองได้รับการจดทะเบียนเป็นสินค้า GI ด้วยเช่นกัน  กล้วยตาก จ.ชุมพร แหล่งเพราะปลูกผลไม้คุณภาพดี ผลผลิตกล้วยค่อนข้างมาก นำมาแปรรูปเป็นกล้วยตากหลากหลายแบบ ทั้งกล้วยตากอบน้ำผึ้ง กล้วยตากเคลือบช็อกโกแลต อร่อยจนอยากให้เพื่อน ๆ ชิมด้วยตัวเอง   3. หมัก อาจจะสงสัยว่าต่างกับการดองยังไง เพราะเรามักเรียกรวมกันว่า “ของหมักดอง” ติดปากมาโดยตลอด การหมัก คือการถนอมอาหารโดยอาศัยจุลินทรีย์เป็นตัวย่อยสลายวัตถุดิบต่าง ๆ และต้องใช้เวลานานกว่าการดอง ของหมักที่อร่อยแถมมีประโยชน์ต่อร่างกายและเป็นที่นิยมมากก็คือ โยเกิร์ต  ในบ้านเรามีฟาร์มโคนม และฟาร์มแพะหลายแห่งที่ไม่ได้แปรรูปนมพาสเจอร์ไรท์เพียงอย่างเดียว แต่ยังทำเป็นโยเกิร์ตอีกด้วย หากเพื่อน ๆ มีโอกาส สามารถไปเที่ยวชมและซื้อโยเกิร์ตได้จากฟาร์มต่าง ๆ เช่น ฟาร์มโชคชัย จ.นครราชสีมา ฟาร์มโคนมไทย-เดนมาร์ค อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี ฯลฯ   4. กวน เป็นการถนอมอาหารที่นำวัตถุดิบประเภทผลไม้หรือธัญพืชมาบดละเอียด กวนผ่านความร้อน ทำให้มีเนื้อสัมผัสที่เหนียวนุ่ม รสหวาน ผลไม้ไทยสามารถนำมากวนได้หลายอย่าง เช่น มะม่วง กล้วย สัปปะรด ฯลฯ จะกวนเองก็ไม่ยาก หาซื้อมารับประทานก็ไม่ยากเช่นกัน โดยเฉพาะสับปะรดกวนที่มีมากในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เนื่องจากมีการทำไร่สับปะรดค่อนข้างมาก และขนมสุดฮิตในประจวบฯ ก็คือขนมปังชีสเชคไส้สับปะรด มีขายทั่วไปตามร้านของฝากเลยจ้า 

✨ ภูมิปัญญาชาวบ้าน ถนอมอาหารกันอย่างไร ✨ อ่านเพิ่มเติม

🌿🍀 เที่ยวธรรมชาติ ชิมอาหารถิ่น เช็คอินแหล่งประวัติศาสตร์ @เพชรบูรณ์ 🍀🌿

เมื่อพูดถึงเพชรบูรณ์ ระยะหลังมานี้ หลายคนคงนึกถึงในฐานะที่เป็นจุดหมายในการไปชมดอกนางพญาเสือโคร่งที่บานสะพรั่งเต็มหุบเขา แต่จริง ๆ เพชรบูรณ์ไม่ได้มีแค่นี้ ที่นี่ยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกหลายแห่ง ที่แอดอยากมานำเสนอเพิ่มเติม ทั้งแนวชมธรรมชาติ แนวชิมอาหารอร่อย และแนวชื่นชอบประวัติศาสตร์ ลองตามมาอ่านดูกัน ตารางเที่ยว วันที่ 1 1. เที่ยววัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว วัดสวย วิวดี มีมุมถ่ายรูปเยอะ 2. ชิมขนมจีนหล่มเก่าเจ้าอร่อย ที่ร้านขนมจีนบุญมี 3. ศึกษาเส้นทางธรรมชาติและสูดอากาศที่ อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า วันที่ 2 4. ไก่ย่างข้าวเบือ อาหารถิ่น กินอร่อย 5. พุทธอุทยานเพชบุระ ที่ประดิษฐานพระพุทธมหาธรรมราชา 6. ท่องอดีตที่ อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ  วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว  ริ่มทริปกันที่ วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว วัดยอดนิยมที่ใครมาเที่ยวจังหวัดเพชรบูรณ์แล้วเป็นต้องมา ไม่เพียงความสวยงามของวัดที่ร่ำลือกัน แต่ด้วยความที่ตั้งอยู่บนเนินเขา ทำให้วัดนี้มีวิวที่สวยสุด ๆ จุดหนึ่งของเพชรบูรณ์ ที่มาของคำว่า ผาซ่อนแก้ว เกิดขึ้นจากเรื่องเล่าขานที่ว่า มีชาวบ้านเคยเห็นลูกแก้วลอยอยู่บนฟ้าและหายเข้าไปในถ้ำบนยอดผา ชาวบ้านเชื่อกันว่าเป็นพระบรมสารีริกธาตุเสด็จมา และเชื่อว่าเป็นสถานที่มงคล มีความศักดิ์สิทธิ์ จึงเรียกตามกันมาว่า “ผาซ่อนแก้ว” สิ่งที่น่าสนใจภายในวัด คือ อุโบสถพระพุทธเจ้า 5 องค์ ที่มีองค์พระสีขาวนั่งลดหลั่นซ้อนกันลงมา และเจดีย์พระธาตุผาซ่อนแก้ว สิริราชย์ธรรมนฤมิต ซึ่งภายในเป็นที่เก็บรวบรวมหลักธรรมคำสอน ภาพปริศนาธรรม และเป็นที่เจริญสติภาวนาสำหรับพุทธศาสนิกชนทั่วไป ความโดดเด่นอีกจุดหนึ่งของวัดนี้ ก็คือการนำกระเบื้องหลากสี เครื่องประดับ สร้อย กำไล ถ้วยชามเครื่องเบญจรงค์ ลูกปัดประดับตกแต่งไป ทั่วบริเวณวัด สวยทั้งเมื่อมองจากไกล ๆ หรือดูใกล้ ๆ เลยทีเดียว  : 95 ตำบลแคมป์สน อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ 67280  : เปิดทุกวัน 07.00-17.00 น.  : 06 3359 1554  ขนมจีนหล่มเก่า  ขับรถจากวัดพระธาตุผาซ่อนแก้วไปไม่เกิน 40 นาที เข้าสู่อำเภอหล่มเก่า แอดจะพาไปกินขนมจีน อาหารขึ้นชื่อของที่นี่ ร้านขนมจีนบุญมี เป็นขนมจีนเส้นสด เน้นทำใหม่ ๆ แล้วยกมาเสิร์ฟ แอดกำลังหิวเลยสั่งแบบชุดมากิน ประกอบด้วย น้ำยากะทิเนื้อปลาทับทิมคั่วกับเครื่องแกง น้ำยาป่ารสแซบกำลังดี และน้ำพริก รสเปรี้ยวอมหวาน จัดมาในภาชนะหม้อดิน มีเครื่องเคียงเป็นผักสด ผักต้ม และผักกาดดอง ที่สำคัญเป็นขนมจีนที่หน้าตาดีมาก มีหลากสีสันจากอัญชัญ บีทรูท ฟักทอง ฯลฯ ถ่ายรูปไปอวดเพื่อน ๆ ในโซเชียลได้เลย แต่หากใครกลัวกินไม่หมด ก็สั่งเป็นจานได้เช่นกัน หน้าร้าน จะมีการทำขนมจีนกันสด ๆ แอดไปยืนด้อม ๆ มอง ๆ ดู คุณป้าใจดีเลยอธิบายวิธีการทำให้ฟังเพลินเลย  : หมู่ 3 ตำบลนาแซง อำเภอหล่มเก่า จังหวัดเพชรบูรณ์ 67120  : เปิดทุกวัน 08.00-17.00 น.  : 08 9643 2775  อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า  หลังจากอิ่มท้องแล้ว แอดจะพาเพื่อน ๆ ไปเดินชมวิวธรรมชาติ และพระอาทิตย์ตกดินกันที่ อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า ซึ่งอยู่บนรอยต่อของสามจังหวัด คือ อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก และอำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ เมื่อประมาณ 40 ปีที่แล้ว ที่นี่เคยเป็นฐานที่มั่นของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.) ภาคเหนือ ปัจจุบัน ภายในอุทยานฯ ก็ยังเก็บรักษาหลักฐานและร่องรอยต่าง ๆ ของฐานที่มั่นแห่งนี้ไว้เพื่อให้ผู้สนใจได้ศึกษาหาความรู้ จุดแรกที่แอดจะพามาชม ก็คือ ทุ่งดอกกระดาษ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากศูนย์บริการนักท่องเที่ยวภายในอุทยานฯ ใช้เวลาขับรถประมาณ 5 นาทีก็ถึงแล้ว จากลานจอดรถเดินไม่ถึง 20 ก้าว เพื่อน ๆ ก็จะได้เจอกับแปลงดอกกระดาษที่ ตั้งอยู่ในโซนโครงการพัฒนาป่าไม้ตามแนวพระราชดำริภูหินร่องกล้าโดยดอกกระดาษจะบานช่วงเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม ถึงแม้เพื่อน ๆ จะมาไม่ตรงช่วงดอกกระดาษบาน แต่บริเวณนี้ก็ถือเป็นจุดชมวิวที่สวยมาก มีหน้าผาเล็ก ๆ ให้ยืนชมวิวถึง 5 ผาด้วยกัน แต่อย่าเพิ่งชิงกลัวความสูงไปนะ เพราะผาที่ว่านี้ แอดว่าคล้ายเนินหินมากกว่า ทางเดินก็ค่อนข้างกว้าง สามารถเดินลงไปเก็บรูปสวย ๆ ได้หลายมุมเลย อ้อ…ที่นี่ขึ้นมาได้ตั้งแต่ 6 โมงเช้าถึง 5 โมงเย็นนะ จุดต่อไปคือ “โรงเรียนการเมืองการทหาร” ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นสถานที่ให้การศึกษาของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ที่นี่จะมีห้องเรียน บ้านพัก สถานพยาบาล ครัว สร้างเป็นบ้านไม้แยกกันเป็นหลัง ๆ กระจายตัวอยู่ประมาณ 30 หลัง ตามแนวต้นไม้ ในช่วงเดือนมกราคม ใบเมเปิ้ลบริเวณนี้จะเปลี่ยนเป็นสีแดงอย่างสวยงาม ต่อไปคือเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติลานหินปุ่ม- ผาชูธง เส้นทางนี้จะเป็นวงกลม ระยะทางราว 3.7 กิโลเมตร ระหว่างทางเดิน เพื่อน ๆ จะได้เห็นก้อนหินรูปร่างประหลาดเป็นระยะ ทั้ง “ผาหินกบ” ก้อนหินใหญ่มองดูคล้ายกบเกาะอยู่บนหิน “ผาหัวใจหิน” รูปร่างคล้ายหัวใจ และ “ผานาคราช ” ที่เป็นเนินหินสูง มีรูปร่างคล้ายงูใหญ่ จากทางเข้าไม่เกิน 2 กิโลเมตร เราจะมาเจอกับ “ผาชูธง” หน้าผาสูงแห่งนี้ พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยเคยใช้เป็นจุดชูธงแดงรูปค้อนและเคียวเมื่อรบชนะทหารของรัฐบาล ปัจจุบัน บนผาชูธงมีธงชาติไทยปักอยู่

🌿🍀 เที่ยวธรรมชาติ ชิมอาหารถิ่น เช็คอินแหล่งประวัติศาสตร์ @เพชรบูรณ์ 🍀🌿 อ่านเพิ่มเติม

อาบน้ำแร่แจ้ซ้อน จังหวัดลำปาง ✨

อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน เป็นหนึ่งในสถานที่ต้องห้ามพลาดเมื่อมาเยือนจังหวัดลำปาง ถึงแม้ว่าจะผ่านพ้นช่วงฤดูหนาวมาแล้ว แต่ถ้าอยากแช่น้ำร้อนชิลล์ ๆ ให้ร่างกายได้ผ่อนคลายจากการเมื่อยล้าและความเครียด การไปอาบน้ำแร่แช่น้ำร้อนที่แจ้ซ้อนก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจเลยทีเดียว อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน นับว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจของจังหวัดลำปาง เพราะมีสภาพป่าอุดมสมบูรณ์และเป็นแหล่งต้นน้ำลำธารอีกด้วย สถานที่น่าสนใจในอุทยานฯ มีหลายแหล่งเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นบ่อน้ำร้อนแจ้ซ้อน น้ำตกแจ้ซ้อน น้ำตกแม่ขุน รวมถึงการไปชมดอกเสี้ยวบานในเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ ของทุกปีด้วย วันนี้แอดจะพาเพื่อน ๆ ไปแช่บ่อน้ำร้อนแจ้ซ้อน ซึ่งเป็นแหล่งน้ำพุร้อนทางธรณีวิทยา มีจำนวน 9 บ่อ ตั้งอยู่รวมกัน โดยน้ำพุร้อนมีอุณหภูมิเฉลี่ย 73 องศาเซลเซียสเลยทีเดียว หากเราเดินไปใกล้ ๆ กับบ่อน้ำพุร้อน จะมีกลิ่นกำมะถันอ่อน ๆ บรรยากาศโดยรอบของบ่อน้ำพุร้อน ถูกโอบล้อมด้วยธรรมชาติทั้งภูเขาและต้นไม้นานาพรรณ ถึงแม้ว่าช่วงนี้จะไม่ใช่ฤดูหนาวแล้ว ก็ยังมีไอน้ำลอยปกคุลมรอบบริเวณบ่อน้ำพุร้อน บรรยากาศดีไปอีกค่ะ  หากเพื่อน ๆ อยากจะแช่น้ำแร่ ที่นี่ไม่ได้มีเพียงแค่บ่อน้ำพุร้อนนะคะ ยังมีห้องอาบน้ำแร่ให้บริการอีกด้วย มีทั้งห้องส่วนตัวและบ่อกลางแจ้ง แต่เนื่องจากสถานการณ์ช่วงนี้ ทางอุทยานฯ จะจำกัดจำนวนคนใช้บริการห้องส่วนตัว 2-3 คนค่ะ ขอบคุณรูปภาพจากเพจ อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน – Chae Son National Park อีกหนึ่งกิจกรรมยอดฮิตคือ การนำไข่นกกระทาหรือไข่ไก่มาแช่น้ำแร่ ใช้เวลาประมาณ 17 นาที ไข่แดงจะแข็ง และมีรสชาติมัน อร่อย ส่วนไข่ขาวจะเหลว เหยาะซอสนิดหน่อย ก็อร่อยแล้วค่ะ ต้องไปลองกันนะ นอกจากนี้ ยังมีเมนู “ยำไข่น้ำแร่แจ้ซ้อน” ถือว่าเป็นของขึ้นชื่อของลำปางอีกอย่างหนึ่งเลยล่ะ อย่าลืมไปลองกันนะคะ ค่าเข้าชมชาวไทย ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาทชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาท อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน  ตำบลแจ้ซ้อน อำเภอเมืองปาน จังหวัดลำปาง เปิดทุกวันเวลา 08.00-18.00 น. โทร. 08 9851 3355 https://goo.gl/maps/LGzKWCRmMkL2

อาบน้ำแร่แจ้ซ้อน จังหวัดลำปาง ✨ อ่านเพิ่มเติม

บางคนที…สมุทรสงคราม

วันนี้แอดมีเส้นทางท่องเที่ยวอำเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงครามมาแนะนำ ใครมีแพลนเที่ยวใกล้กรุงเทพฯ แอดแนะนำเลยว่าลองไปใช้เวลา 1 วัน สัมผัสบรรยากาศชิลล์ ๆ ที่อำเภอนี้ดู แล้วจะรู้ว่าบางคนทีก็มีดีไม่แพ้ที่อื่นเหมือนกัน วันที่ 1 ชมโบสถ์ปรกโพธิ์ ณ วัดบางกุ้ง เที่ยวชุมชนบ้านบางพลับ ทำกิจกรรมวิถีชาวบ้าน วันที่ 2 เก็บมะม่วงหาวมะนาวโห่ ที่สวนมะนาวโห่ลุงศิริ ชมของเก่าโบราณที่ พิพิธภัณฑ์ตั้งเซียมฮะ (บ้านไหพันใบ) แวะเก็บรูปสวย ๆ ที่อาสนวิหารพระแม่บังเกิด การเดินทาง รถไฟ : จากสถานีวงเวียนใหญ่มาลงที่สถานีมหาชัย จากนั้นนั่งเรือข้ามฟากไปต่อรถไฟที่สถานีบ้านแหลม ลงปลายทางที่สถานีแม่กลอง สอบถามตารางเดินรถ โทร. 1690 หรือเว็บไซต์ของการรถไฟ www.railway.co.th รถตู้ : รถตู้สายปิ่นเกล้า-แม่กลอง / รถตู้สายหมอชิต-แม่กลอง วัดบางกุ้ง สำหรับไฮไลท์ที่นี่คือ โบสถ์เก่าแก่สมัยกรุงศรีอยุธยา เป็นโบสถ์ที่มีต้นไม้ใหญ่ปกคลุมบนหลังคาโบสถ์ถึง 4 ชนิดด้วยกัน นั่นคือ ต้นโพธิ์ ต้นไทร ต้นไกร และต้นกร่าง หรือที่รู้จักชื่อว่า “โบสถ์ปรกโพธิ์” นั่นเอง  ภายในโบสถ์ปรกโพธิ์ประดิษฐาน “หลวงพ่อนิลมณี” เป็นพระพุทธรูปขนาดใหญ่ ที่ชาวบ้านให้ความเคารพและความศรัทธา วัดบางกุ้ง  บ้านค่าย หมู่ 4 ตำบลบางกุ้ง อำเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงคราม เปิดทุกวันเวลา 08.00-18.00 น. https://goo.gl/maps/Rzp2yhQuEEbQS3eQ7 ชุมชนบ้านบางพลับ อิ่มอกอิ่มใจจากการทำบุญแล้ว ถัดมาแอดจะพาทุกคนไปเที่ยวชุมชนบ้านบางพลับ ชุมชนเล็ก ๆ ที่มีธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ และผู้คนที่น่ารัก ชาวบ้านในชุมชนส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรทำเกษตรอินทรีย์ ที่นี่มีกิจกรรมให้ทำหลายอย่าง ซึ่งแต่ละกิจกรรมก็ทำให้เราได้เรียนรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่นไปด้วย  ตำบลบางพรม อำเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงคราม  เปิดทุกวันเวลา 09.00-17.00 น.  โทร. 08 1274 4433 https://goo.gl/maps/gozEEVX4ufF2 กิจกรรมแรกที่ต้องห้ามพลาดคือการทำน้ำตาลมะพร้าวหรือน้ำตาลปึก เป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นในการทำน้ำตาลเก็บไว้เพื่อประกอบอาหารหรือทำขนม แต่ก่อนที่จะออกมาเป็นน้ำตาลมะพร้าวได้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายค่ะ  เริ่มจากเข้าสวนมะพร้าวเพื่อไปเก็บน้ำหวานจากดอกมะพร้าว เมื่อได้น้ำหวานแล้วก็นำมาเคี่ยว ซึ่งขั้นตอนนี้จะต้องใช้เวลาสักพักเลยล่ะ เพราะต้องค่อย ๆ เคี่ยวน้ำตาลจากสีน้ำตาลเข้มจนเป็นสีน้ำตาลอ่อนและเหนียว เมื่อน้ำตาลเป็นสีอ่อนก็ตักใส่พิมพ์และรอให้จับตัวเป็นก้อน เท่านี้เราก็จะได้น้ำตาลปึกไปใช้ได้แล้ว ถ้าสนใจต้องการชมกิจกรรมทำน้ำตาล แนะนำให้ติดต่อสอบถามล่วงหน้า เพราะไม่ได้มีการสาธิตทุกวัน อีกหนึ่งกิจกรรมที่น่าสนใจของชุมชน โดยกลุ่มสตรีเกษตรพัฒนา คือการนำผักและผลไม้ชนิดต่าง ๆ มาแช่อิ่ม เช่น มะกรูด ตะลิงปลิง เปลือกส้มโอ ซึ่งเรียกกันว่า “ผลไม้กลับชาติ” ไฮไลต์ที่ขึ้นชื่อของที่นี่ คือ การแช่อิ่มผักรสขมอย่างบอระเพ็ด มะระ ซึ่งเมื่อผ่านการแช่อิ่มแล้วแทบไม่เหลือรสขมเลยล่ะ กลับมีรสชาติหวานและอร่อยมาก ลองไปชิมกันค่ะ ที่นี่มีสวนส้มโอปลอดสารพิษด้วยนะ ลูกใหญ่มาก ๆ เพราะในชุมชนจะทำเกษตรแบบธรรมชาติ ไม่ใช้สารเคมี จนได้คัดเลือกให้เป็นชุมชนต้นแบบพึ่งตนเองดีเด่น ชุมชนเข้มแข็งเขียวขจีดีเด่น และรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยถึง 5 สมัยเลยทีเดียว วันที่ 2 สวนมะนาวโห่ลุงศิริ เราจะไปลุยสวนกันค่ะ!! สวนมะนาวโห่ลุงศิริ แหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่มีพื้นที่กว่า 40 ไร่ จากเดิมที่ปลูกมะม่วงหาวมะนาวโห่เป็นสมุนไพรรักษาสุขภาพ ก่อนจะพัฒนามาเป็นแหล่งท่องเที่ยว ซึ่งได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวไม่น้อยเลย ที่นี่มีกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวเพลิดเพลินหลายอย่าง เริ่มตั้งแต่เดินเที่ยวชมสวนมะม่วงหาวมะนาวโห่ เก็บภาพสวย ๆ มุมต่าง ๆ พร้อมทั้งศึกษาความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับมะม่วงหาวมะนาวโห่จากป้ายความรู้ต่าง ๆ ในสวน ทราบไหมว่า มะม่วงหาวมะนาวโห่ พืชสมุนไพรที่มีผลสีแดงชมพูไปจนสีม่วงเข้มนี้มีประโยชน์มากมายเลย มีสรรพคุณทางยาในการบำรุงร่างกายเพียบ แถมใช้ได้ตั้งแต่ส่วนราก ผล ไปจนถึงใบเลยทีเดียว ตามธรรมชาติ ผลมะนาวโห่นั้นมีรสเปรี้ยวฝาด แต่ทางสวนได้นำมาแปรรูปได้อย่างหลากหลายและน่ารับประทานมาก เพื่อน ๆ เลือกชิม ชม และช้อปติดไม้ติดมือกลับบ้านกันได้เลย : ) นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรม workshop ให้นักท่องเที่ยวได้สนุก โดยมีมะนาวโห่เป็นวัตถุดิบหลัก ผ้ามัดย้อมจากสีธรรมชาติ / มะนาวโห่ คนละ 100 บาท ใช้เวลาประมาณ 20-30 นาที ทำแยมมะนาวโห่ คนละ 150 บาท ใช้เวลาประมาณ 30-40 นาที Sirisompong Farm&Café สนุกกับกิจกรรมแล้ว แวะมาดับร้อนกันหน่อยที่คาเฟ่ในสวน Sirisompong Farm&Café เราจะได้ชิมเมนูขนมหวานและเครื่องดื่มสุขภาพจากมะม่วงหาวมะนาวโห่ แต่ละเมนูน่าทานมาก ๆ Sirisompong Farm&Café  29/8 หมู่ 2 ตำบลบางนกแขวก อำเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงคราม  เปิดทุกวัน เวลา 09.00-17.00 น. (ปิดวันพฤหัสบดี) https://g.page/sirisompong-farm-cafe?share พิพิธภัณฑ์ตั้งเซียมฮะ (บ้านไหพันใบ) ผู้ที่สนใจวัตถุโบราณควรแวะที่นี่เลยค่ะ พิพิธภัณฑ์ตั้งเซียมฮะ หรือบ้านไหพันใบ เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีเครื่องปั้นดินเผาจำนวนมาก มีรูปแบบต่างๆ ตั้งแต่สมัยสุโขทัยจนถึงรัตนโกสินทร์ที่งมได้จากแม่น้ำแม่กลอง นอกจากนี้ยังมีคันฉ่องไม้สัก ถาดนิเกิล เรือบดไม้สัก เตาเชิงกราน และโบราณวัตถุที่หายากอีกหลายชนิด เปิดให้เข้าชมฟรี  120 หมู่ที่ 8 ตำบลกระดังงา อำเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงคราม เปิดวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 10.00-15.00 น. https://goo.gl/maps/NiiDnHnuHav อาสนวิหารพระแม่บังเกิด ปิดท้ายทริปที่อาสนวิหารพระแม่บังเกิด เป็นอาสนวิหารสร้างด้วยอิฐเผาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ตั้งอยู่ริมแม่น้ำแม่กลอง เป็นโบสถ์คริสต์ที่สวยงามมากแห่งหนึ่ง โบสถ์หลังนี้มีสถาปัตยกรรมเป็นแบบโกธิคของฝรั่งเศส ภายในประดับด้วยกระจกสีสีสันสดใส และมีรูปแกะสลักบรรยายเกร็ดประวัติตามคัมภีร์ไบเบิลอีกด้วย  ตำบลบางนกแขวก อำเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงครามhttps://goo.gl/maps/3V3nKcPkeFR2

บางคนที…สมุทรสงคราม อ่านเพิ่มเติม

✨ ผลไม้ช่วงหน้าร้อน ✨

ประเทศไทย เป็นประเทศที่ขึ้นชื่ออยู่แล้วว่ามีผลไม้เยอะ สามารถหามารับประทานได้ทั้งปี ช่วงนี้เริ่มเข้าสู่หน้าร้อนแล้ว แอดเลยถือโอกาสรวบรวมผลไม้ที่ออกผลในช่วงนี้มานำเสนอ ซึ่งนอกจากจะรสชาติดี ราคาถูกแล้ว ยังหาง่ายอีกด้วย จะมีอะไรบ้าง ตามมาดูได้เลย ✨ ทุเรียน ✨ ราชาแห่งผลไม้ มีรสชาติและกลิ่นเฉพาะตัว รสหวานและมัน กินได้ทั้งแบบสด และแปรรูปอย่าง การกวน ทอด หรือทำเป็นขนมหวาน แม้ทุเรียนจะเป็นที่ชื่นชอบของใครหลายคน แต่ในทุเรียนจะมีส่วนประกอบของสารกำมะถันอยู่ด้วย หากรับประทานมาก ๆ จะทำให้รู้สึกร้อนและอึดอัด เพราะฉะนั้นควรกินแต่พอดี ซึ่งสายพันธุ์ยอดฮิตของทุเรียนก็คือ 1. พันธุ์ก้านยาว เป็นพันธุ์ที่มีราคาแพง รสชาติหวานมันกลมกล่อม นิยมปลูกในจังหวัดนนทบุรี พันธุ์นี้เปลือกจะค่อนข้างหนา เนื้อเนียนละเอียด เมล็ดกลมใหญ่ หนามเรียงเป็นระเบียบ ราคาเริ่มที่ประมาณ 170 บาทต่อกิโลกรัม 2. พันธุ์หมอนทอง สายพันธุ์นี้มีกลิ่นไม่แรงมาก รสชาติหวานมัน ปลูกมากในจังหวัดจันทบุรี จังหวัดพังงา ลักษณะผลมีขนาดใหญ่ รูปร่างหนามแหลมตรง เนื้อละเอียดและแห้ง ไม่แฉะติดมือ เมล็ดเล็กและลีบ ราคาประมาณ 100-140 บาทต่อกิโลกรัม 3.พันธุ์ชะนี เป็นสายพันธุ์ที่นิยมนำไปแปรรูปเป็นอาหารหรือขนม เช่น ข้าวเหนียวทุเรียน ไอศกรีมทุเรียน มีกลิ่นแรง รสจัด มีผลขนาดปานกลางถึงใหญ่ หนามมีขนาดใหญ่สั้น เมล็ดค่อนข้างเล็กและมีจำนวนเมล็ดน้อย แหล่งปลูกจะอยู่ที่อำเภอเกาะช้าง จังหวัดตราด ราคาประมาณ 70-140 บาทต่อกิโลกรัม และหากใครพลาดทุเรียนในช่วงหน้าร้อนนี้ไป แอดขอแนะนำทุเรียนภูขาไฟ จากจังหวัดศรีสะเกษที่จะออกผลในช่วงเดือน มิถุนายน-กรกฎาคม มีสัมผัสกรอบนอกนุ่มใน รสหวานมันไม่แฉะติดมือ ราคาจะเริ่มต้นที่ 170 บาทต่อกิโลกรัม สาวกทุเรียนคนไหนไม่เคยลอง แอดขอบอกเลยว่าห้ามพลาด ✨ มังคุด ✨ มาต่อกันที่ราชินีแห่งผลไม้ ซึ่งมีรสชาติหวานอมเปรี้ยว รับประทานแล้วรู้สึกชื่นใจ เนื้อในมีสีขาวฉ่ำน้ำ เปลือกขั้วบนมีลักษณะคล้ายมงกุฎ จำนวนกลีบของเนื้อสังเกตได้จากจำนวนของกลีบดอกที่อยู่ด้านล่างของเปลือกนอก ปลูกกันมากในภาคใต้และภาคตะวันออก ในพื้นที่จังหวัดชุมพร นครศรีธรรมราช ระนอง พังงาและสุราษฏร์ธานี มังคุด เป็นผลไม้แปลกในเรื่องของสายพันธุ์ เนื่องจากผลมังคุดพัฒนามาจากฐานรองดอก ไม่ได้มีการผสมเกสรของเพศผู้และเพศเมียเหมือนพืชผลชนิดอื่น ทำให้ไม่มีการกระจายตัวทางพันธุกรรม สายพันธุ์จึงไม่มีหลากหลายเหมือนผลไม้ชนิดอื่น ๆ ราคาของมังคุดโดยเฉลี่ย จะอยู่ที่ประมาณ 60-120 บาท ต่อกิโลกรัม ✨ มะยงชิด ✨ ผลไม้ชนิดนี้เป็นฝาแฝดของมะปราง ออกผลเพียงปีละครั้ง แม้มะปรางและมะยงชิดจะคล้ายกันมากเพราะเป็นพืชในกลุ่มเดียวกัน แต่แอดก็มีวิธีสังเกตเพื่อการแยกแยะผลไม้ 2 ชนิดนี้มาฝาก ดังนี้ 1. สังเกตที่ลักษณะผลภายนอก มะปรางจะลูกเล็กกว่ามะยงชิด และหลังจากที่ผลสุกเต็มที่ สีของมะปรางจะออกเหลืองนวล ส่วนมะยงชิดจะออกสีเหลืองอมส้ม 2. ตอนผลดิบ มะปรางจะมีรสมัน สีออกเขียวซีด ส่วนมะยงชิดจะมีรสเปรี้ยว และสีเขียวค่อนข้างจัด เมื่อสุกแล้วมะปรางจะมีรสชาติหวานจืดไปจนถึงหวานจัด ส่วนมะยงชิดจะมีรสหวานอมเปรี้ยว 3. มะปรางบางสายพันธุ์เมื่อกินแล้วจะระคายในคอเพราะมียาง แต่มะยงชิดไม่มียาง กินอร่อย ไม่ระคายคอ พันธุ์มะยงชิดที่ได้รับความนิยม มี 3 สายพันธุ์ คือ 1. พันธุ์เพชรกลางดง ปลูกกันมากที่ อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา เป็นพันธุ์ที่ออกผลง่าย แหล่งกำเนิดอยู่ที่บ้านกลางดง จังหวัดกำแพงเพชร ผลใหญ่ รสหวาน เนื้อกรอบ 2. พันธุ์ทูลเกล้า เป็นพันธุ์ขึ้นชื่อของ จังหวัดนครนายก ผลมีขนาดเสมอกันทุกพวง เมล็ดลีบเนื้อในเยอะ รสหวานแหลม กลิ่นหอม 3. พันธุ์บางขุนนนท์ ในสมัยรัชกาลที่ 5 เรียกกันว่า มะปรางเสวย แหล่งกำเนิดอยู่ที่ ตำบลท่าอิฐ จังหวัดนนทบุรี รสชาติหวานอมเปรี้ยว เป็นพันธุ์มะยงชิดที่เก่าแก่สายพันธุ์หนึ่ง โดยราคาของมะยงชิดโดยเฉลี่ย จะอยู่ที่ประมาณ 50-100 บาท ต่อกิโลกรัม แตงโม ผลไม้สุดฮิตช่วงหน้าร้อน มีเนื้อสีแดงหรือสีเหลืองแล้วแต่สายพันธุ์ มีเนื้อฉ่ำน้ำ กรอบ รสหวาน เย็นชื่นใจ ยิ่งแช่เย็นยิ่งสดชื่น กินแบบสดก็อร่อย นำมาปั่นเป็นน้ำแตงโมดับกระหายก็ดี บางคนก็เอามาทำเป็นของว่างอย่างปลาแห้งแตงโมก็น่ารับประทานมาก แหล่งปลูกแตงโมกระจัดกระจายอยู่ในจังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ เช่น จังหวัดกาญจนบุรี นครราชสีมา ยโสธร สกลนคร สระแก้ว สุโขทัย นครสวรรค์และอยุธยา โดยสายพันธุ์ยอดฮิตก็คือ 1. แตงโมจินตหรา ผลยาวรี เปลือกเขียวเข้มสลับลายเขียวอ่อน เนื้อละเอียดสีแดง กรอบ เปลือกอ่อน ราคาประมาณกิโลกรัมละ 6-10 บาท 2. แตงโมตอร์ปิโด ผลจะยาวรีกว่าพันธุ์จินตหรา เปลือกเหนียว เนื้อหยาบสีแดงสด แน่น หวาน กรอบ ราคาประมาณกิโลกรัมละ 9-15 บาท 3. แตงโมกินรี ผลกลม เปลือกเขียวเข้มสลับลายเขียวเข้มเกือบดำ เนื้อละเอียดสีแดง กรอบ เปลือกอ่อน ราคาประมาณกิโลกรัมละ 12-16 บาท

✨ ผลไม้ช่วงหน้าร้อน ✨ อ่านเพิ่มเติม

✨ เที่ยววิถีชุมชน ยลเมืองเพชร ✨

เวลานึกถึงเพชรบุรี ถ้าไม่ใช่ทะเล เพื่อน ๆ คิดออกไหมว่าจะไปไหนดี หากยังไม่มีไอเดีย แอดมินจะขอพาไปสัมผัสกับแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติและสนุกกับกิจกรรมในชุมชนเล็ก ๆ ที่น่ารักในจังหวัดเพชรบุรีกันค่ะ  วันที่ 1 1 ชมพระรามราชนิเวศน์ (วังบ้านปืน) 2 เช็คอินกินขนมอร่อยที่ สวนตาลลุงถนอม 3 ผ่อนคลายสบายผิว ที่ กังหันทอง  วันที่ 2 4 ชมธนาคารต้นไม้ และกิจกรรมมากมาย ที่ ชุมชนบ้านถ้ำเสือ การเดินทาง  รถยนต์ส่วนตัว จากกรุงเทพฯใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง หรือรถตู้ประจำทาง สามารถขึ้นได้ทั้งที่สถานีขนส่งหมอชิตและสายใต้  วันที่ 1 พระรามราชนิเวศน์ (วังบ้านปืน)  “พระรามราชนิเวศน์” หรือที่รู้จักในชื่อ “พระราชวังบ้านปืน” สถานที่ประทับแปรพระราชฐานที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้า ฯ ให้สร้างขึ้นเมื่อเสด็จประพาสจังหวัดเพชรบุรี พระราชวังบ้านปืนเป็นอาคารสีขาว 2 ชั้น สร้างตามแบบสถาปัตยกรรมยุโรปโดยสถาปนิกชาวเยอรมัน ด้านหน้าอาคารมีพระบรมรูปรัชกาลที่ 5 ชั้นล่างเป็นท้องพระโรงกลาง ห้องเสวยและห้องครื่อง ส่วนชั้นบนเป็นห้องบรรทมและห้องทรงพระอักษร  ปัจจุบันเปิดให้เข้าชมฟรี ใครยังไม่เคยมาชม แอดแนะนำเลยค่ะ สวยงามมาก ๆ  ไม่อนุญาตให้ถ่ายรูปภายใน  ตำบลบ้านปืน อำเภอเมืองเพชรบุรี จังหวัดเพชรบุรี  เปิดทุกวัน เวลา 08.00-16.00 น.  0 3242 8506-10 ต่อ 259 https://goo.gl/maps/ypgnYY1yDCmQo3wMA สวนตาลลุงถนอม  เพชรบุรี ได้ชื่อว่ามีต้นตาลและสวนตาลจำนวนมาก แน่นอนว่าเราก็ต้องไม่พลาด แอดจะพาเพื่อน ๆ ไปชมและเรียนรู้เรื่องตาลที่ “สวนตาลลุงถนอม” ผู้ตั้งใจที่จะอนุรักษ์ต้นตาลไว้เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของเพชรบุรี ที่สวนตาลแห่งนี้ปลูกต้นตาลไว้กว่า 400 ต้น ไม่เพียงเป็นสวนเกษตรแต่ยังเป็นแหล่งเรียนรู้เรื่องตาลที่มีชื่อเสียงอีกด้วย สัมผัสแรกที่ได้เห็นก็คือ แนวต้นตาลที่ปลูกเรียงเป็นแถวอย่างสวยงาม บรรยากาศร่มรื่นมาก ๆ  ที่นี่มีกิจกรรมที่น่าสนใจมากมาย เช่น การชมการขึ้นตาล การทำขนมตาล เคี่ยวน้ำตาล ซึ่งทั้งหมดนี้ไม่ได้เป็นการสาธิตให้นักท่องเที่ยวชมเท่านั้น แต่ยังเป็นวิถีชีวิตและอาชีพที่ชาวสวนตาลตัวจริงเสียงจริงสืบทอดจากบรรพบุรุษมาจนปัจจุบัน  หลังชมกิจกรรมแล้วก็อย่าพลาดการลองชิมน้ำตาลสด และน้ำตาลโตนดแสนอร่อย รวมทั้งขนมตาลหอม ๆ ที่เพิ่งออกจากเตากันนะ  ตำบลถ้ำรงค์ อำเภอบ้านลาด จังหวัดเพชรบุรี  เปิดทุกวัน 09.00-17.00 น.  08 7800 7716 https://goo.gl/maps/C3uHrEJxNLV3S8P47 สปาเกลือกังหันทอง ในวันที่ร่างกายเหนื่อยล้า หลายคนเลือกผ่อนคลายด้วยการไปสปา แอดจะพาไป “กังหันทอง”แหล่งผลิตเกลือสปาที่มีชื่อเสียงของเพชรบุรี ซึ่งเลือกสรรสุดยอดเม็ดเกลือก็คือดอกเกลือบริสุทธิ์มาผสมผสานกับสมุนไพรต่าง ๆ เพื่อให้เป็นผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวที่เปี่ยมคุณภาพ ชื่อ “กังหันทอง” มีที่มาจากวิธีการทำนาเกลือในอดีตที่ใช้กังหันลมผันน้ำเข้าสู่นาเกลือ ส่วนดอกเกลือบริสุทธิ์ที่ได้ก็เปรียบเสมือนทองคำบนผืนนาเกลือนั่นเอง ที่นี่มีกิจกรรมหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นการฟังบรรยาย ชมสาธิตการทำเกลือสปา หรือผ่อนคลายด้วยการทำสปาเท้าแช่น้ำดอกเกลือ รวมไปถึงการนวดบำบัดความเครียด โดยปกติแล้วการนวดจะให้บริการเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ หากเพื่อน ๆ ต้องการไปในวันธรรมดา ต้องติดต่อล่วงหน้า 1 วันเพื่อเตรียมสถานที่ นอกจากนี้ ที่นี่ยังมีผลิตภัณฑ์จากดอกเกลือให้เพื่อน ๆ ได้เลือกช้อปปิ้ง น่าใช้ไปหมดเลยค่ะ   ตำบลบางแก้ว อำเภอบ้านแหลม จังหวัดเพชรบุรี  เปิดทุกวัน เวลา 09.00 – 16.00 น.  086 544 4473 https://goo.gl/maps/ePeU1nbHMtEycTxK9 ตะวันใกล้ลับฟ้า หากเพื่อน ๆ ยังไม่มีแผนเรื่องที่พัก แอดขอแนะนำ โฮมสเตย์ บ้านถ้ำเสือ ชุมชนท่องเที่ยวที่แอดจะพาเพื่อน ๆ ไปทำกิจกรรมในวันถัดไปนั่นเอง มีทั้งแบบบ้านพัก หรือจะกางเต็นท์ก็น่าสนใจไม่น้อย สามารถสอบถามราคากับทางชุมชนได้โดยตรง   วันที่ 2 ชุมชนบ้านถ้ำเสือ  ชุมชนบ้านถ้ำเสือเป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ท่ามกลางขุนเขา นอกจากจะมีความร่มรื่นน่าไปเยี่ยมชมแล้ว ที่นี่ถือเป็นชุมชนต้นแบบในการอนุรักษ์ธรรมชาติ เป็นแหล่งเรียนรู้ด้านเกษตรอินทรีย์ เกษตรผสมผสาน มีโครงการธนาคารต้นไม้ สนับสนุนโดย ธ.ก.ส. ซึ่งเป็นโครงการที่ส่งเสริมให้คนในชุมชนหันมาปลูกต้นไม้ และเห็นคุณค่าต้นไม้ในเชิงเศรษฐกิจ  ในชุมชนมีกิจกรรมให้เรียนรู้และลงมือทำหลายอย่าง เพื่อน ๆ สามารถเลือกได้เลยค่ะ แต่มาแล้วทั้งที แอดขอเลือกกิจกรรมแบบเต็มวันให้จุใจไปเลยแล้วกัน เริ่มจากเยี่ยมชมธนาคารต้นไม้ ยิงกระสุนเมล็ดพันธุ์ปลูกป่า ทำไข่เค็มดินสอพองอัญชัน ทำทองม้วนตาลโตนด และกิจกรรมล่องเรือยางสะพานสองพี่น้อง โดยทั้งหมดนี้มีค่ากิจกรรมอยู่ที่ 650 บาท/คน คุ้มมาก ๆ สำหรับเพื่อน ๆ ที่สนใจ แนะนำให้จองล่วงหน้าอย่างน้อย 3-5 วัน และอย่างน้อย 5 คนขึ้นไป เพื่อให้ทางสถานที่ได้เตรียมการต้อนรับ มื้อเที่ยงก็ไม่ต้องกังวลนะคะ เพราะทางชุมชนจะจัดอาหารให้ด้วย เมนูแนะนำได้แก่ น้ำพริกกะปิกุ้งสด ปลาตะเพียนทอดกรอบ ยำผักกรูด ซึ่งแต่ละเมนูก็ใช้วัตถุดิบที่เป็นผลผลิตของชุมชนนี่เอง  สำหรับผู้ที่ไม่ได้มาพักหรือมาทำกิจกรรมที่นี่ ก็ยังสามารถมารับประทานอาหารอร่อย ๆ ได้ที่โซนร้านอาหารของชุมชน แต่แนะนำว่าให้ติดต่อกับทางชุมชนล่วงหน้า ขอบคุณรูปภาพสวย ๆ จาก เพจ โฮมสเตย์ บ้านถ้ำเสือ อ.แก่งกระจาน  เลขที่ 8 ตำบลแก่งกระจาน อำเภอแก่งกระจาน เพชรบุรี  เปิดทุกวัน เวลา 07.00-20.00 น. (เปิดให้เข้ามากางเต็นท์ได้ตั้งแต่ 09.00-21.00 น.)  0811303835 https://goo.gl/maps/ePeU1nbHMtEycTxK9

✨ เที่ยววิถีชุมชน ยลเมืองเพชร ✨ อ่านเพิ่มเติม

ภูมิปัญญาไทยในการทำ “น้ำตาลปึก”

เมื่อร่างกายต้องการความหวาน จะมี “น้ำตาล” ชนิดไหนบ้างมาช่วยเติมความอร่อยลงในอาหารแต่ละมื้อของเรา ในบ้านเรามีกระบวนการนำน้ำหวานจากธรรมชาติมาทำเป็นวัตถุดิบเพื่อใช้ปรุงอาหารในรูปแบบต่าง ๆ หนึ่งในนั้นก็คือ “น้ำตาลปึก” เป็นการนำน้ำหวานจากธรรมชาติมาเคี่ยวให้เหนียวและข้นจนเป็นสีเหลือง-น้ำตาลอ่อน ๆ จับให้เป็นก้อน แล้วพักไว้ให้เย็น เป็นภูมิปัญญาเรื่องอาหารที่ส่งทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น ปัจจุบันก็ยังมีการใช้น้ำตาลปึกในการปรุงอาหาร นอกจากนี้ ยังมีการส่งเสริมการทำน้ำตาลปึกให้มีคุณภาพเพื่อจำหน่าย และช่วยให้เกิดอาชีพในชุมชน น้ำตาลจากภูมิปัญญาในแต่ละท้องถิ่นจะผลิตจากวัตถุดิบใดบ้าง ไปดูกัน อ้อย พืชเศรษฐกิจหลักที่สร้างรายได้ให้ชุมชน สามารถนำไปผลิตเป็นน้ำตาลได้หลายรูปแบบ รวมถึงน้ำตาลปึก โดยคั้นเอาน้ำจากลำตัน นำไปเคี่ยวจนเหนียวหนึบ แล้วนำมาหยอดเป็นก้อนกลม ปัจจุบันมีเหลือเพียงไม่กี่ที่ที่ยังผลิตน้ำตาลอ้อยแบบโบราณกันอยู่ หาซื้อได้ที่ นครสวรรค์ และกาญจนบุรี เป็นต้น วิสาหกิจชุมชนเกษตรกรสรรพสิ่งบ้านนากลาง ตำบลนากลาง อำเภอโกรกพระ จังหวัดนครสวรรค์ 086 351 2633 วิสาหกิจชุมชนน้ำตาลทรายแดง บ้านวังหิน หมู่ที่ 1 ตำบลเลาขวัญ อำเภอเลาขวัญ จังหวัดกาญจนบุรี 081 008 3965 มะพร้าว พืชตระกูลเดียวกับปาล์ม สามารถเก็บน้ำตาลได้จากช่อดอกมะพร้าว โดยการตัดปลายช่อออก แล้วนำกระบอกมารองน้ำตาลที่จะไหลออกมา ทิ้งไว้ข้ามคืน ก็จะได้น้ำตาลจากมะพร้าวเต็มกระบอก เพื่อน ๆ สามารถหาชมการทำน้ำตาลปึกจากมะพร้าวได้ในบริเวณจังหวัดราชบุรี สมุทรสงคราม เป็นต้น กลุ่มน้ำตาลมะพร้าวตาหลวง หมู่ 6 ตำบลตาหลวง อำเภอดำเนินสะดวก จังหวัดราชบุรี 081 014 8345, 083 026 3005, 090 437 8831, 085 393 9499 บ้านเตาไทยเดิม หมู่ 4 ตำบลบางกระบือ อำเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงคราม 087 321 1288, 089 770 7541 ตาลโตนด การเก็บน้ำหวานจากตาลโตนด มีวิธีการคล้ายกับการเก็บน้ำตาลมะพร้าว แต่จะนิยมเก็บน้ำตาลจากต้นตัวผู้ เนื่องจากทำง่ายกว่า ใช้ “ไม้คาบ” อุปกรณ์สำหรับการนวดจั่นตาล (งวงดอกตาล) นวดวันละ 1 ครั้งไป 3-4 วัน จากนั้นตัดปลายจั่นแล้วเอากระบอกรองเก็บน้ำตาล ก็จะได้น้ำตาลจากตาลโตนด สามารถกินเป็นน้ำตาลสด หรือเอาไปทำน้ำตาลปึกได้ ตาลโตนดที่ขึ้นชื่ออยู่ที่เพชรบุรี นอกจากนี้ก็ยังมีที่อื่น ๆ ได้แก่ นครสวรรค์ สุโขทัย พิษณุโลก เป็นต้น สวนตาลลุงถนอม ตำบลถ้ำรงค์ อำเภอบ้านลาด จังหวัดเพชรบุรี 087 800 7716 วิสาหกิจชุมชนบ้านปากคลองเกยไชย ตำบลเกยไชย อำเภอชุมแสง จังหวัดนครสวรรค์ 084 657 7227, 098 549 9974 ต้นจาก อีกหนึ่งภูมิปัญญาที่เกือบสูญหาย คือการทำน้ำตาลจากต้นจาก พืชตระกูลปาล์มอีกหนึ่งชนิดที่สามารถนำไปทำน้ำตาลปึกได้ การเก็บน้ำตาล ทำโดยการตัดเอาจาก “งวงจาก” คือส่วนก้านของผลจากที่มี 30 ผลขึ้นไป ลอกกาบออก ตัดปลายงวงที่มีทะลายจากออก ทำซ้ำเป็นเวลา 3 วัน แล้ววันที่ 4 จึงสามารถเก็บเกี่ยวน้ำหวานได้ นำกระบอกที่เจาะรูด้านข้างไว้เพื่อเสียบงวงจากได้ ทิ้งไว้ 1 คืนก็จะได้น้ำตาล ส่วนมากทำกันในแถบภาคใต้ เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีการปลูกต้นจากจำนวนมาก ได้แก่ นครศรีธรรมราช ตรัง เป็นต้น วิสาหกิจแปรรูปน้ำตาลจาก “ขนาบนาก” หมู่ 5 ตำบลขนาบนาก อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช 095 682 4343 วิสาหกิจชุมชนแปลงใหญ่จากอำเภอกันตัง หมู่ที่ 4 ตำบลบางหมาก อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง 083 088 4978

ภูมิปัญญาไทยในการทำ “น้ำตาลปึก” อ่านเพิ่มเติม

💕 ชวนคนรักเที่ยวใกล้กรุงที่…“ตลาดน้ำอัมพวา” 💕

ในช่วงเดือนแห่งความรักนี้ ถ้าเพื่อน ๆ กำลังมองหาสถานที่ออกเดทที่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ แอดมีตัวเลือกที่น่าสนใจมาแนะนำค่ะ นั่นก็คือ “ตลาดน้ำอัมพวา” จังหวัดสมุทรสงคราม ทริปนี้นอกจากจะชวนไปหาของอร่อย ๆ แล้ว ถ้าไม่รีบร้อน มีเวลาชิลๆ จะพักค้างสักคืน ก็เป็นไอเดียที่ดี เพราะจะได้มีโอกาสตื่นขึ้นมาทำกิจกรรมยามเช้า และสัมผัสวิถีชีวิตท้องถิ่นของชุมชนคลองอัมพวา การเดินทาง 🚗 จากกรุงเทพฯ ใช้ทางหลวงหมายเลข 35 ถนนพระราม 2 ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 20 นาที ระยะทางประมาณ 90 กิโลเมตร 🚌 มีรถโดยสารประจำทางออกจากสถานีขนส่งสายใต้ใหม่ ถนนบรมราชชนนี สายกรุงเทพฯ-ดำเนินสะดวก ผ่านจังหวัดสมุทรสงคราม ถึงตลาดน้ำอัมพวา สอบถามรายละเอียดเที่ยวรถได้ที่ บริษัท ขนส่ง จำกัด โทร.1490 ตลาดน้ำอัมพวา เป็นตลาดน้ำที่เก่าแก่และมีชื่อเสียงมาอย่างยาวนาน ไม่เพียงแต่ตลาดน้ำ บนบกริมสองฝั่งคลองอัมพวาก็มีร้านค้ามากมาย ไม่ว่าจะเป็นของกิน ของใช้ เสื้อผ้า ไปจนถึงสินค้าที่ระลึกต่างๆ นอกจากพืชผลทางการเกษตรจำพวกผักผลไม้แล้ว สิ่งที่ทำให้ตลาดน้ำอัมพวามีชีวิตชีวาก็คืออาหารอร่อยๆ ที่พ่อค้าแม่ค้านำใส่เรือมาปรุงขายกันสดๆ เช่น ก๋วยเตี๋ยวเรือ อาหารทะเล ปลาหมึกสดย่างกับน้ำจิ้มซีฟู้ดรสเด็ด หอยทอด ผัดไทย กาแฟ โอเลี้ยง และขนมหวานต่างๆ เป็นต้น เมื่อพูดถึงคลองอัมพวา ภาพที่คุ้นเคยที่สุดน่าจะเป็นภาพบรรยากาศคึกคักของตลาดน้ำ แต่แอดจะบอกว่าคลองอัมพวาก็มีมุมสงบด้วยเหมือนกัน ถ้ามีโอกาสมาพักค้างสักคืน ก็จะได้สัมผัสบรรยากาศยามเช้า และวิถีชีวิตของคนท้องถิ่นที่เรียบง่าย ที่นี่มีที่พักหลากสไตล์ให้เลือก ทั้งรีสอร์ท โรงแรม ห้องพักริมน้ำ และโฮมสเตย์ เช้าตรู่ได้ตื่นมาตักบาตรริมน้ำแบบนี้ ให้ความรู้สึกอิ่มใจไปได้ทั้งวันเลย ซึ่งที่พักริมน้ำหลายแห่งก็จะเตรียมอาหารคาวหวาน ไว้ให้นักท่องเที่ยวได้ใส่บาตรยามเช้ากันด้วย 📍 ตำบลอัมพวา อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม ⏰ เปิดทุกวันศุกร์ -เสาร์ – อาทิตย์ และ วันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 10.00 – 21.00 น. 📞 08 3433 5613 🌐 https://g.page/amphawa?share

💕 ชวนคนรักเที่ยวใกล้กรุงที่…“ตลาดน้ำอัมพวา” 💕 อ่านเพิ่มเติม

✨ เดินลุย 1 วัน ร้านเก่ายังเก๋าอยู่ @เยาวราช ✨

เดือนนี้นอกจากจะมีเทศกาลตรุษจีนแล้ว ยังมีวันแห่งความรักอีกด้วย เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศ แอดเลยจะพาเพื่อน ๆ ไป “เยาวราช” ชุมชนวัฒนธรรมจีนที่มีชื่อเสียงในไทย ใครมีเพื่อนชวนเพื่อน มีคนรักชวนคนรักไปเดินเที่ยวง่าย ๆ ใน 1 วันกับแอดกัน พิกัด 1. เดินชมบรรยากาศตลาดเล่งบ๊วยเอี๊ยะ ไหว้ศาลเจ้าสวยกลางตลาด 2. ลุยกินร้านเก่า รสชาติอร่อย ราคาถูกใจ 3. ซื้อของฝาก จากซุปเปอร์มาร์เก็ตจีน ลิ้มเฮียงฮะช้อป 4. เดินเยาวราชกลางคืน จัดเต็ม Street Food 1.เดินชมบรรยากาศตลาดเล่งบ๊วยเอี๊ยะ ไหว้ศาลเจ้าสวยกลางตลาด แอดจะพาไปเริ่มต้นด้วยการสัมผัสกับบรรยากาศแบบเยาวราชสุด ๆ ที่ตลาดเล่งบ๊วยเอี๊ยะ ไปไม่ยาก แนะนำให้เริ่มต้นจาก MRT สถานีวัดมังกร ทางออกที่ 3 เดินตรงมาทางซอยเจริญกรุง 16 หรือที่เรียกกันว่า ตรอกเล่งบ๊วยเอี๊ยะ แต่ถ้ามาจากถนนเยาวราช ก็สามารถเข้าตรอกเล่งบ๊วยเอี๊ยะได้จากทางซอยเยาวราช 6 ตลาดนี้คึกคักไม่เป็นรองตลาดไหน ภายในซอยมีร้านรวงมากมาย มีทั้งของสด ของแปรรูป เครื่องเทศ อุปกรณ์ชงชาและใบชา ถั่วชนิดต่าง ๆ ผลไม้อบแห้งหลากหลาย ซื้อหาได้ในราคาค่อนข้างน่ารัก หลังจากเดินชมตลาดมาจนประมาณกลางซอย เราก็จะมาถึงตรอกย่อยที่เป็นที่ตั้งของศาลเจ้าเล่งบ๊วยเอี๊ยะ ก่อนเข้าไปไหว้เจ้า แอดมีร้านแนะนำให้แวะ อยู่ตรงหน้าทางเข้าเลย นั่นคือร้านฉั่งแปะ ที่ขายเครื่องดื่ม สมุนไพรจีนโบราณ ที่เด่น ๆ เลยก็คือ นมอัลมอนด์แบบจีนดั้งเดิมที่เมื่อดื่มแล้วจะเย็น ๆ ชุ่มคอ พอเดินเข้ามาในตรอกปุ๊บ แอดต้องร้องว้าวเลยล่ะ เพราะไม่คิดว่าภายในซอยที่คึกคักหนาแน่นไปด้วยร้านค้าจะมีที่กว้าง ๆ และมีศาลเจ้าจีนใหญ่ขนาดนี้ ตามประวัติ ศาลเจ้าเล่งบ๊วยเอี๊ยะ เป็นศาลเจ้าแต้จิ๋วเก่าแก่ซึ่งเป็นที่นับถือศรัทธา และกราบไหว้บูชาเพื่อความเจริญก้าวหน้าในกิจการค้าขาย สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นศาลเจ้าที่มีอายุเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย เห็นได้จากป้ายจารึกของศาลเจ้าที่เขียนเป็นภาษาจีนว่าสร้างขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2201 ภายในศาลเจ้า มีแท่นบูชารูปเทพเล่งบ๊วยเอี๊ยะและภรรยาเป็นประธาน ฝั่งซ้ายมือเป็นแท่นเทพเจ้ากวนอู ส่วนฝั่งขวามือเป็นแท่นประทับราชินีแห่งสวรรค์ ใครที่มีความเชื่อเกี่ยวกับปีชง ก็มาไหว้ฝากดวงกันได้ ที่นี่เปิดทุกวัน เวลา 07.00 – 17.00 น. 2. ลุยกินร้านเก่า รสชาติอร่อย ราคาถูกใจ หลังจากไหว้เจ้าเสร็จก็ถึงเวลาอร่อย วันนี้แอดรวบรวมร้านเก่าแก่หลายร้านมาให้เพื่อน ๆ ได้เป็นไอเดียไปลองเลือกอร่อยกัน ร้านแรกก็คือ “ร้านกาแฟเอี๊ยะแซ” ที่เปิดมานานกว่า 90 ปี และยังคงเสิร์ฟกาแฟโบราณมาจนถึงทุกวันนี้ นอกจากกาแฟโบราณ ก็ยังมีโอเลี้ยง โอวัลติน และน้ำสมุนไพรอย่างเก๊กฮวย กระเจี๊ยบอีกด้วย ร้านนี้เหมือนสภากาแฟย่อม ๆ เพราะจะมีอากงอาม่ามานั่งพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน คุณลุงคนชงกาแฟบอกว่า ที่นี่ก็เหมือนจุดนัดพบของคนสมัยก่อน หลายคนเป็นแฟนกันเพราะเครื่องดื่มร้านนี้แหละ  : 103, 105 ถ. เยาวราช แขวงสัมพันธวงศ์ เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร 10100  : เปิดทุกวัน 04.00 น.-19.00 น.  : 0 2221 0549 ต่อจากกาแฟ เราจะไปต่อที่ร้าน “กู่หลงเปา” ซึ่งเดินจากร้านเอี๊ยะแซ มาทางถนนเจริญกรุงประมาณ 200 เมตร ร้านอยู่ใกล้ ๆ แยกหมอมี ซึ่งซาลาเปาร้านนี้เป็นสูตรโบราณที่คงความดั้งเดิมมากว่า 90 ปีเลยล่ะ จุดเด่นคือ เป็นซาลาเปาที่ปั้นด้วยมือทุกลูก สูตรแป้งที่นี่จะผสมมันเทศเข้าไปด้วย ทำให้มีความเหนียวหนึบ ไม่นุ่มฟู ข้อดีที่แอดชอบคือกินแล้วเศษแป้งไม่ติดฟัน มีไส้หมูสับไข่เค็ม ถั่วหวานงา เผือกกวน, เเละหมั่นโถว ราคาเริ่มต้นที่ 20 บาท/ลูก  : 660, 662 ถ.เจริญกรุง แขวงสัมพันธวงศ์ เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร 10100  : เปิดทุกวัน เวลา 09.00-17.00 น. (หยุดวันอาทิตย์)  : 09 5797 5747 มีซาลาเปาแล้วก็ต้องมีขนมจีบ ร้านต่อไปที่แอดจะแนะนำมีชื่อว่า “ขนมจีบแป๊ะเซี้ย” อยู่แถว ๆ ถนนแปลงนาม เป็นร้านรถเข็นอยู่บริเวณหน้าวัดมงคลสมาคม เปิดมาแล้วกว่า 105 ปี โดยอาแป๊ะเซี้ย เป็นรุ่นที่ 3 แล้ว ขนมจีบราคาลูกละ 3 บาท โดยอาแป๊ะเซี้ยจะทำเองทุกขั้นตอนยันต้มจิ๊กโฉ่วเลย ยิ่งถ้าได้กินตอนร้อน ๆ แอดบอกเลยว่ายิ่งฟิน ไฮไลท์ที่ยิ่งกว่าขนมจีบก็คืออาแป๊ะเซี้ยนี่แหละ น่ารักมาก ชวนคุยอย่างสนุกสนานเป็นกันเอง เหมือนญาติผู้ใหญ่ใจดีคนหนึ่งเลย  : ถนนแปลงนาม แขวงสัมพันธวงศ์ เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร 10100  : เปิดทุกวัน เวลา 11.00 น. (ประมาณบ่าย 2 ของก็หมดแล้ว แนะนำให้เพื่อน ๆ รีบมา ถ้าอยากลองรสชาติขนมจีบสูตร 100 ปี)  : 08 1726 0777 ถ้าเพื่อน ๆ คิดว่าร้านที่แนะนำมาแล้วนี้เป็นแค่ของว่าง ยังไม่อิ่ม ต่อไปแอดจะแนะนำร้านที่เป็นจานหลักละนะ นั่นก็คือ “ร้านข้าวมันไก่ไหหลำไท้เฮง” ที่เปิดมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2463 ร้านนี้อยู่ใน ซอยเยาวราช 8 ตรงข้ามกับวัดบำเพ็ญจีนพรต (วัดย่งฮกยี่) โดยตัวร้านจะมี 2 ฝั่ง คือ ฝั่งสำหรับนั่งกิน กับฝั่งทำอาหาร

✨ เดินลุย 1 วัน ร้านเก่ายังเก๋าอยู่ @เยาวราช ✨ อ่านเพิ่มเติม

🍇 เทศกาลเก็บเกี่ยว ฤดูเก็บองุ่น 🍇

เพื่อน ๆ รู้ไหม ในเมืองไทยก็มีเทศกาลเฉลิมฉลองเก็บองุ่นนะ แอดเลยอยากจะชวนเพื่อน ๆ ไปสัมผัสประสบการณ์ใหม่ ๆ กัน ไร่องุ่นในไทยมีอยู่หลายแห่งกระจายตัวอยู่ในหลายภูมิภาค แม้ว่าจะเป็นสายพันธุ์ที่นำเข้ามาจากเขตหนาว แต่ก็สามารถเติบโต และพัฒนาสายพันธุ์ให้งอกงามออกผลที่มีคุณภาพ รสหวาน หอม อร่อย สามารถแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ โดยเฉพาะ “ไวน์” จนปัจจุบันมีไวน์แบรนด์ไทย ที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักหลายแบรนด์เลยทีเดียว องุ่น สามารถตัดแต่งให้มีผลผลิตได้ตลอดทั้งปี แต่ในพื้นที่สูงมักจะนิยมบังคับองุ่นให้มีผลผลิตในช่วงเดือนธันวาคม-มกราคม และเดือนมีนาคม-พฤษภาคม เพื่อให้ได้องุ่นที่มีคุณภาพสูง พวงสวย รสชาติดี โดยจะเก็บเกี่ยวภายใน 1-2 เดือนหลังออกผลเต็มที่ และสิ่งที่น่าสนใจในช่วงที่กำลังจะสิ้นสุดฤดูกาลเก็บเกี่ยวองุ่น ก็คือ “เทศกาลฉลองฤดูกาลเก็บเกี่ยวองุ่น” ในเทศกาลฉลองฤดูกาลเก็บเกี่ยวองุ่น จะมีกิจกรรมสนุก ๆ มากมาย เช่น การเก็บองุ่นด้วยตัวเอง การเตรียมองุ่นเพื่อนำไปหมักบ่มทำไวน์ ไร่องุ่นในไทยก็มีการจัดงานเทศกาลฉลองการเก็บเกี่ยวองุ่นอยู่หลายที่ด้วยกัน เตรียมชุดและพร็อพให้พร้อม แล้วออกไปเที่ยวชมถ่ายรูปสวย ๆ ให้เข้ากับบรรยากาศในไร่องุ่นกัน เพื่อน ๆ สะดวกที่ไหนก็ไปตามพิกัดเหล่านี้กันได้เลยจ้า ไร่องุ่นไวน์กราน-มอนเต้ (ตลอดเดือนกุมภาพันธ์) 52 หมู่ 9 ตำบลพญาเย็น อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา เปิดทุกวัน เวลา 07.30-20.00 น. 092 806 7755 https://goo.gl/maps/E44juedJhHZLxW2r6 รายละเอียดกิจกรรม https://www.facebook.com/granmonte/posts/10158316627176156 ไร่องุ่นพีบี วัลเล่ย์ เขาใหญ่ (ประมาณเดือนมีนาคม/เมษายน) 102 หมู่ 5 ตำบลพญาเย็น อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา วันอาทิตย์-พฤหัสบดี เวลา 09.00-19.00 น. วันศุกร์-เสาร์ เวลา 09.00-21.00 น. 081 733 8783, 085 481 1741 https://goo.gl/maps/nwXMKGQAU4HxUMHF7 ไร่องุ่นคุณหวาน (ประมาณเดือนมีนาคม-พฤษภาคม) ตำบลโป่งตาลอง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 10.00-16.00 น. วันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 08.30-16.00 น. 081 808 8745 https://goo.gl/maps/nwXMKGQAU4HxUMHF7 ไร่องุ่นภูผา สวนผึ้ง (ประมาณเดือนเมษายน) ตำบลสวนผึ้ง อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี เปิดทุกวัน เวลา 06.00-18.00 น. 081 007 0668 https://goo.gl/maps/yaTcy4XY5tEfFcXB6 (ไร่องุ่นปัญญาสวรรค์)

🍇 เทศกาลเก็บเกี่ยว ฤดูเก็บองุ่น 🍇 อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top