อาหารท้องถิ่น

✨ ทะเลน้อย – ปากประ : พัทลุง✨

“พัทลุง” แดนใต้ถิ่นโนราห์ จังหวัดเล็ก ๆ ที่มากด้วยแหล่งท่องเที่ยวและทรัพยากรธรรมชาติที่สมบูรณ์ รีวิวชุดนี้จะพาไปรับแสงอรุณแรกของวันและชมวิถีประมงพื้นบ้านที่ ‘ปากประ’ ล่องเรือท่ามกลางทะเลบัวแดงบานสะพรั่งที่ ‘ทะเลน้อย’ ดูนกและทักทายควายน้ำที่ ‘สะพานเอกชัย’ ปิดท้ายด้วยของฝากสินค้าพื้นบ้านจากชุมชนรอบทะเลน้อย ชวนสะพายกล้องล่องใต้ … มาเที่ยวด้วยกันในรีวิวต๊ะ! ชวนมาดู วิถีชีวิตควายน้ำที่ ‘จุดชมวิวสะพานเอกชัย’ และ ‘ทะเลน้อย’ ชวนมาสัมผัสประสบการณ์ ‘ทะเลน้อย’ สวรรค์ของนักดูนก ‘ ปากประ ‘ ที่ตั้ง : บ้านปากประ ตำบลพนางตุง อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง พิกัด : https://goo.gl/maps/QpKRUEDa8EpM44qT7 ‘ ปากประ ‘ หรือ ‘ คลองปากประ ‘ สายน้ำสำคัญของจังหวัดพัทลุง เป็นจุดที่ลำคลองย่อยหลายสายไหลมารวมกันที่คลองแห่งนี้ ก่อนไหลลงสู่ทะเลสาบสงขลา ช่วงตอนปลายของคลองปากประก่อนไหลลงทะเลสาบสงขลา มีลักษณะเป็นเวิ้งกว้างคล้ายปากอ่าว และมีสัตว์น้ำชุกชุม ด้วยเหตุนี้จึงเป็นภาพชินตาที่จะเห็น ‘ยอยักษ์’ อุปกรณ์ดักจับสัตว์น้ำตั้งเรียงรายในบริเวณนี้ อีกหนึ่งภาพคุ้นชินของปากประ ที่พบเห็นได้ทุกวันยามเช้าตรู่ก่อนพระอาทิตย์ขึ้น คือเรือของนักท่องเที่ยวที่พร้อมใจกันตื่นไวกว่าตอนอยู่บ้าน เพื่อมาเฝ้ารอชมความงามยามแสงสีส้มแดงของดวงอาทิตย์ฉาบทาบขอบฟ้า โดยมียอยักษ์เป็นพร็อพสำคัญประกอบฉาก การเที่ยวชมปากประ มักเริ่มต้นในยามเช้าตรู่ เพราะไฮไลต์สำคัญ คือการชมและถ่ายภาพพระอาทิตย์ขึ้นกับยอยักษ์ นักท่องเที่ยวสามารถเช่าเรือยนต์โดยติดต่อผ่านที่พักทุกแห่งที่ตั้งอยู่บริเวณปากประ ราคาลำละประมาณ 700-1,000 บาท ขึ้นอยู่กับขนาดของเรือ ซึ่งนั่งได้ตั้งแต่ 5-15 คน แนะนำให้ลงเรือประมาณ 05.30-05.45 น. เพื่อทันชมแสงแรกของวัน ปกติจะใช้เวลานั่งเรือชมทัศนียภาพบริเวณปากประราว 1 ชั่วโมง นอกจากนี้ยังสามารถเหมาเรือจากปากประ-ทะเลน้อย เพื่อไปชมบัวแดง นกน้ำ ควายน้ำได้ด้วย ค่าเรือในเส้นทางนี้ประมาณ 1,000-1,200 บาท ใช้เวลานั่งเรือเที่ยวชม 2-3 ชั่วโมง เส้นทางล่องเรือจากปากประ-ทะเลน้อย ใช้เวลาประมาณ 15 นาที และจะผ่านสะพานเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา (ทางหลวงชนบท พท. 5050) หรือสะพานเอกชัยด้วย ระหว่างนั่งเรือจากปากประ-ทะเลน้อย จะได้ชมธรรมชาติ เก็บภาพควายน้ำและนกนานาชนิด อรุณสวัสดิ์ยามเช้าฮะ  จุดอนุรักษ์นกน้ำ ระหว่างเส้นทางเรือจากปากประไปทะเลน้อย นกน้ำสีสวย กับการเริ่มต้นในเช้าอีกวันของชีวิต นั่งเรือจากปากประ 15-20 นาที ก็มาถึงทะเลน้อย ‘ทะเลน้อย’ ตั้งอยู่ในพื้นที่ตำบลพนางตุงและตำบลทะเลน้อย อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง พิกัด : https://goo.gl/maps/EZMVLjuVvKzdNxHp8 ‘ทะเลน้อย’ หรือ ‘อุทยานนกน้ำทะเลน้อย’ เป็นทะเลสาบน้ำจืด มีพื้นที่ประมาณ 17,500 ไร่ เชื่อมต่อกับทะเลสาบสงขลาโดยคลองนางเรียม ซึ่งมีระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร ด้วยความอุดมสมบูรณ์ของพื้นที่และความหลากหลายทางชีวภาพ ทำให้ทะเลน้อยได้รับการประกาศให้เป็นเขตห้ามล่าสัตว์ป่าแห่งแรกของประเทศไทย และยังได้รับการประกาศให้เป็นเขตพื้นที่ชุ่มน้ำโลก หรือ “แรมซาร์ ไซด์” (Ramsar Site) แห่งแรกในไทยเช่นกัน ปกติในช่วงเดือนมีนาคม-มิถุนายน ของทุกปี จะเป็นฤดูกาลที่บัวแดงหรือบัวสายพร้อมใจกันเบ่งบานเต็มผืนน้ำของทะเลน้อย จนใครต่อใครมักเรียกกันติดปากว่า ‘ทะเลบัวแดง’ ช่วงเวลาแนะนำในการนั่งเรือชมทะเลบัวแดง คือ ช่วงเวลาเช้า ระหว่าง 06.00-10.00 น. เพราะธรรมชาติของดอกบัวจะบานในยามเช้าและเริ่มหุบก่อนเวลาเที่ยงวัน แสงแดดอุ่นในยามเช้า ส่งให้สีดอกบัวยิ่งดูหวานละมุนตา สวรรค์น้อย ๆ ของผู้รักธรรมชาติและการถ่ายภาพ กิจกรรมนั่งเรือเที่ยวทะเลน้อย นอกจากจะได้ชมทะเลบัวแดง นกน้ำ ควายน้ำ และพืชน้ำนานาชนิด ยังได้เห็นวิถีชีวิตการทำประมงพื้นบ้านของชาวชุมชนทะเลน้อยอีกด้วย สำหรับใครที่ไม่ได้เหมาเรือมาจากปากประ หรืออยากจะนั่งเรือเที่ยวชมแค่ทะเลน้อยและบัวแดง สามารถลงเรือได้ที่ ท่าเรือท่องเที่ยวทะเลน้อย พิกัด : https://goo.gl/maps/EZMVLjuVvKzdNxHp8 ราคาลำละ 550 บาท นั่งได้ไม่เกิน 5 คน/ลำ เรือมีให้บริการตลอดทั้งวัน ระหว่างเวลา 05.30-17.30 น. อีกหนึ่งไฮไลต์ที่ต้องห้ามพลาดเมื่อได้มาเที่ยวในพื้นที่โซนปากประ-ทะเลน้อย นั่นก็คือการมาเช็กอินที่ ‘สะพานเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา’ สร้างขึ้นในปีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา ของในหลวงรัชกาลที่ 9 (5 ธันวาคม 2550) สะพานนี้ยังมีชื่อเรียกอีกชื่อ คือ “สะพานเอกชัย” มีที่มาจากช่วงที่มีการสร้างสะพาน นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง เอกชัย ศรีวิชัย ได้มาจัดแสดงเพื่อหารายได้สมทบทุนร่วมสร้างสะพานแห่งนี้ด้วย พิกัด : https://goo.gl/maps/FE6Sz685iNNYZyqh7 สะพานแห่งนี้มีความยาวประมาณ 5.5 กิโลเมตร เป็นสะพานที่ยาวที่สุดในประเทศไทย เชื่อมการเดินทางระหว่างอำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง และอำเภอระโนด จังหวัดสงขลา หากใครพลาดกิจกรรมล่องเรือชมควายน้ำและนกนานาชนิด หรือมีเวลาไม่พอในการล่องเรือ ก็สามารถมารอชมควายน้ำและนกน้ำได้จากจุดชมทิวทัศน์บนสะพานเอกชัย ช่วงเวลาแนะนำในการมาเที่ยวชมทิวทัศน์บนสะพานเอกชัย คือ 06.00-09.00 น. และ 16.00-18.00 น. เพราะเป็นช่วงเวลาที่แสงกำลังสวยและไม่ร้อนจนเกินไป ฝูงควายน้ำพากันเดินเรียงแถวมุ่งสู่เวิ้งน้ำเบื้องหน้า เป็นภาพที่สร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยวไม่น้อย บ้านแฝดหลังคาแดง ตั้งอยู่กลางทะเลน้อยและไม่ไกลจากสะพานเอกชัย เป็นอีกหนึ่งมุมถ่ายภาพยอดนิยมของนักท่องเที่ยว ชื่นชมธรรมชาติกันจนอิ่มตาอิ่มใจ มาปิดท้ายกันด้วยการซื้อหาของฝากและสินค้าที่ระลึกของชุมชนรอบทะเลน้อย เช่น ผลิตภัณฑ์กระจูดสาน ปลาตากแห้ง ปลาดุกร้า ไข่ปลาทอด ฯลฯ กระจูดสาน หัตถกรรมขึ้นชื่อและราคาย่อมเยาว์ของชุมชนทะเลน้อย มีจุดจำหน่ายหลักบริเวณตลาดตรงท่าเรือท่องเที่ยวทะเลน้อย ไข่ปลาทอด อาหารว่างขึ้นชื่อของทะเลน้อย มีขายทั่วไปทั้งบริเวณท่าเรือ จุดขายสินค้าที่ระลึกรอบทะเลน้อย ปลาดุกร้า คือ ปลาร้าที่ทำด้วยปลาดุกอุยหรือปลาดุกเนื้ออ่อน เป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นและของฝากขึ้นชื่อของชาวบ้านทะเลน้อยเช่นกัน เมื่อสถานการณ์โควิด-19 เริ่มคลี่คลาย บวกกับธรรมชาติในเมืองไทยบ้านเราได้พักฟื้นอย่างเต็มที่ จึงนับเป็นช่วงเวลาทองที่พวกเราชาวไทย จะออกเดินทางท่องเที่ยวในบ้านของพวกเราเอง ออกไปสัมผัสประสบการณ์ที่ดีกว่าเดิม ออกไปเก็บภาพความประทับใจในมุมมองใหม่ ๆ หรืออาจเป็นมุมมองเดิม ๆ แต่เชื่อเถอะว่าจะต้องประทับใจมากกว่าที่เคยแน่นอน  ท้ายสุด … อย่าลืมรักษาสุขอนามัย ดูแลสุขภาพกายและใจกันด้วยนะคะ 

✨ ทะเลน้อย – ปากประ : พัทลุง✨ อ่านเพิ่มเติม

✨ เที่ยวกินไหว้หลากสไตล์ @ ห้วยขวาง ✨

หากใครกำลังเบื่อ ๆ ไม่รู้จะทำอะไร วันนี้แอดมีเส้นทางเดินเล่นกลางกรุงเทพฯ มาแนะนำ เป็นเส้นทางย่านห้วยขวาง เพื่อน ๆ อาจนึกไม่ออกว่ามีอะไรน่าสนใจ แต่ตามแอดมา แอดจะพาไปเปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ ทั้งความรู้ใหม่และอาหารรสชาติแปลกใหม่ พร้อมแล้ว นั่ง MRT สายสีน้ำเงินไปด้วยกันเลย ตารางเที่ยว 1. เรียนรู้เรื่องการลงทุนที่ Investory พิพิธภัณฑ์เรียนรู้การลงทุน 2. เปิดประสบการณ์ลิ้นกับอาหารเชียงตุงที่ ร้านใบบัว 3. ชิลล์ในบรรยากาศสบาย ๆ เคล้ากลิ่นกาแฟที่ Oasis coffee 4. ลิ้มลองรสชาติของอาหารจีนยูนนานที่ ร้านกินเส้นจุ้ยซิน 5. ไหว้ศาลพระพิฆเนศ ขอพร ขอกำลังใจ  Investory พิพิธภัณฑ์เรียนรู้การลงทุน (Investment Discovery Museum)  เชื่อว่าตอนนี้หลาย ๆ คนคงเริ่มมองหาช่องทางการสร้างรายได้อื่น ๆ นอกจากการทำงานประจำกันมากขึ้น การลงทุนก็เป็นสิ่งที่แอดคิดว่าสามารถช่วยสร้างรายได้เสริม ให้เรามีความมั่นคงมากขึ้น แถมยังมีเงินไว้ไปช้อปปิ้งท่องเที่ยวได้อีกด้วย แอดจึงอยากพาเพื่อน ๆ มาเรียนรู้หาข้อมูลที่นี่ INVESTORY เปิดดำเนินการเมื่อวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2559 เพื่อให้เป็นแหล่งเรียนรู้ด้านการวางแผนการเงิน และการลงทุนในรูปแบบ Interactive Self-Discovery ให้ประชาชนทั่วไปที่สนใจการลงทุนเข้ามาศึกษา โดยเล่าเรื่องผ่านตัวละครสมมติ เพื่อน ๆ จะได้รับบัตรประจำตัวที่เรียกว่า Hero card ซึ่งใช้เก็บข้อมูลของเรา ทั้งลักษณะการใช้จ่าย อายุ ฯลฯ รวมถึงข้อมูลการเรียนรู้ของเราตลอดเส้นทางในนิทรรศการ เพื่อเรียนรู้วิธีการต่อสู้กับ Money Monsters ซึ่งเจ้า Money Monsters ก็คือศัตรูทางการเงิน ที่เกิดจากค่าใช้จ่ายต่าง ๆ อย่างค่าบริการโทรศัพท์รายเดือน ค่าเสื้อผ้า ค่าเดินทาง ค่าผ่อนบ้านผ่อนรถ ซึ่งแต่ละคนมีไม่เท่ากันนั่นเอง จุดเด่นของที่นี่ คือจะมี SET Heroes ที่เป็นตัวแทนของผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในหลักทรัพย์แต่ละประเภท คือ Captain S ผู้เชี่ยวชาญเรื่องหุ้น (Stocks) Guardian B ผู้เชี่ยวชาญเรื่องตราสารหนี้ (Bonds) Pro M ผู้เชี่ยวชาญเรื่องกองทุนรวม (Mutual Funds) และ Lady D ผู้เชี่ยวชาญเรื่องอนุพันธ์ (Derivatives) มาช่วยอธิบายว่าการลงทุนแต่ละอย่างมีข้อดีข้อเสียอย่างไร ใครเหมาะกับอะไร ผ่านสื่อการเรียนรู้ที่เข้าใจง่ายและสามารถทดลองปฏิบัติจริง เพื่อช่วยให้เพื่อน ๆ ได้รู้จัก เข้าใจ และตระหนักถึงปัญหาทางการเงินที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตได้ ห้องถัดมา เพื่อน ๆ จะพบกับ SET Ecosystem ที่บอกเล่าโครงสร้างตลาดทุนไทย โดยมีตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนทุนที่มีอยู่ในระบบให้เกิดการหมุนเวียน นอกจากนี้ ยังมีวิดีโอตามรอยประวัติศาสตร์การพัฒนาการ 40 ปี ของตลาดหลักทรัพย์ฯ จากอดีตถึงปัจจุบันอีกด้วย สิ่งที่แอดชอบมากก็คือ การที่ที่นี่มีการจำลองหาสัดส่วนการลงทุนตามผลการประเมินที่เราให้ข้อมูลไว้ ซึ่งที่นี่จะใช้ข้อมูลจริงของตลาดหุ้นในรอบ 5 ปีมาประกอบ โดยเพื่อน ๆ สามารถจำลองพอร์ตการลงทุนได้ตามใจ ที่สำคัญยังสามารถทดลองเทรดหุ้นเสมือนจริง หรือหากไปกันเป็นกลุ่มก็สามารถเทรดแข่งกับเพื่อนได้เลย ซึ่งหลังจากเล่นเสร็จ จะมีการส่งข้อมูลหุ้นนี้ไปทางอีเมล์ เพื่อน ๆ สามารถนำไปเป็นไกด์ในการซื้อขายจริงได้เลยล่ะ  ขอบคุณภาพจาก Investory พิพิธภัณฑ์เรียนรู้การลงทุน  กิจกรรมนี้ใช้เวลาราว ๆ 1.30 ชั่วโมงเท่านั้น แต่ได้ความรู้เกี่ยวกับการลงทุนเพียบ เดินทางง่ายมาก ใช้รถไฟฟ้า MRT ลงที่สถานีศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ทางออก 3 เดินต่อประมาณ 5 นาทีก็จะถึงอาคารตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ตรงไปที่ชั้นใต้ดินได้เลย นอกจากพิพิธภัณฑ์เรียนรู้การลงทุนแล้ว เพื่อน ๆ ยังสามารถหาความรู้เรื่องการเงินการลงทุนเพิ่มเติมได้ที่ห้องสมุดมารวย ที่อยู่ใกล้ ๆ กันได้ด้วย อัตราค่าเข้าชม– ค่าเข้าชม ราคา 100 บาท (ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ)– บุคคลที่ได้รับสิทธิ์ในการเข้าชมฟรี– เด็ก นักเรียน นักศึกษา (ไม่เกินระดับปริญญาตรี) ที่มีอายุไม่เกิน 23 ปี*** แต่งเครื่องแบบ หรือแสดงบัตรนักเรียน นักศึกษา– ผู้สูงอายุ (ชาวไทยที่มีอายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไป) ภิกษุ สามเณร และผู้พิการ*** แสดงบัตรประชาชน– ผู้เข้าชมแบบกลุ่ม (ตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป)*** ต้องยื่นหนังสือขอเข้าชมจากหน่วยงานต้นสังกัด : ชั้นใต้ดิน อาคารตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เลขที่ 93 ถนนรัชดาภิเษก แขวงดินแดง เขตดินแดง กรุงเทพฯ 10400: เปิดทุกวัน 09:30 – 17:00 น. (หยุดวันจันทร์): 0 2009 9000 ต่อ 3566  ร้านใบบัว  จากสถานีศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย แอดจะพาเพื่อน ๆ ไปที่สถานีห้วยขวาง หนึ่งในย่านที่มีร้านอาหารมากมายและหลากหลาย ซึ่งร้านที่แอดจะมาแนะนำก็คือ ร้านใบบัว ร้านใบบัวเป็นร้านอาหารเชียงตุง หากเพื่อน ๆ นึกภาพไม่ออกว่าเป็นยังไง ก็ให้นึกถึงอาหารเหนืออย่างพวกข้าวซอย น้ำเงี้ยว ลาบคั่ว แต่ที่พิเศษก็คือ ที่นี่มีเมนูข้าวแรมฟืนขายด้วย ร้านใบบัวเป็นตึก 2 คูหา แต่มีเมนูให้เลือกเยอะมากถึง 40 เมนูต่อวันเลยทีเดียว ทุกเมนูรสชาติจัดจ้าน ปรุงแบบจัดเต็ม เมนูที่แอดอยากให้เพื่อน ๆ

✨ เที่ยวกินไหว้หลากสไตล์ @ ห้วยขวาง ✨ อ่านเพิ่มเติม

คักอีหลี “ทุเรียนภูเขาไฟ ศรีสะเกษ”

ปลายหน้าร้อนแบบนี้ ก็ยังมีทุเรียนให้เพื่อน ๆ ได้กินกันแบบจุใจ เพราะทุเรียนภูเขาไฟ ศรีสะเกษ กำลังจะออกผลผลิตให้เพื่อน ๆ ได้ลิ้มรสกันในช่วงกลางเดือนพฤษภาคมเป็นต้นไป ทุเรียนภูเขาไฟ เป็นทุเรียนพันธุ์หมอนทอง ชะนีและก้านยาวที่มีการเพาะปลูกในพื้นที่ที่เคยเป็นภูเขาไฟ ซึ่งจะเป็นดินที่มีแร่ธาตุอยู่มาก ทำให้สร้างผลผลิตได้ดี ทุเรียนมีความกรอบนอก นุ่มใน ละมุนลิ้น กลิ่นไม่ฉุนมาก พื้นที่ที่ปลูกทุเรียนมากเป็นอันดับต้น ๆ ของจังหวัดศรีสะเกษ ได้แก่ อำเภอกันทรลักษ์ อำเภอขุนหาญ อำเภอศรีรัตนะ หากเพื่อน ๆ ที่อยากลิ้มรสความอร่อยของทุเรียนภูเขาไฟ สามารถสั่งออนไลน์ได้ที่ www.lavadurian.com เว็บไซต์ซื้อขายทุเรียนภูเขาไฟออนไลน์ ที่เตรียมเสิร์ฟความอร่อยให้ถึงบ้าน สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ : ททท.สำนักงานสุรินทร์ (ดูแลพื้นที่จังหวัดสุรินทร์และศรีสะเกษ) Facebook: https://www.facebook.com/tatsurin

คักอีหลี “ทุเรียนภูเขาไฟ ศรีสะเกษ” อ่านเพิ่มเติม

✨ ลัดเลาะ เที่ยวเกาะเกร็ด ✨

เกาะเกร็ดเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีเสน่ห์ เป็นที่นิยมของทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ มีทั้งสถานที่สำคัญทางประวัติศาตร์ และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของชุมชนที่น่ารัก หากเพื่อน ๆ ยังไม่เคยมา แอดอยากให้เป็นหนึ่งในลิสต์ที่เพื่อน ๆ ต้องมาเลยนะ แต่ทราบไหมว่าเกาะเกร็ดไม่ได้เป็นเกาะโดยธรรมชาติ หากเกิดจากการขุดคลองลัดแม่น้ำเจ้าพระยาเพื่อการสัญจรเมื่อสมัยอยุธยาตอนปลาย ต่อมากระแสน้ำเปลี่ยนทิศ กัดเซาะตลิ่ง ทำให้คลองขยายตัวกลายเป็นแม่น้ำ แผ่นดินตรงแหลมจึงกลายเป็นเกาะกลางแม่น้ำเช่นที่เห็น ซึ่งในเวลาต่อมาก็ได้เป็นถิ่นที่อยู่อาศัยของชาวมอญที่อพยพเข้ามาในสมัยกรุงธนบุรีและตั้งรกรากสืบเนื่องมาจนปัจจุบันนี้ เกาะเกร็ด สามารถมาเที่ยวได้ทุกวัน หากมาในวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ก็จะมีร้านรวงเปิดขายกันอย่างครบถ้วนครึกครื้น แต่ใครที่ชอบความสงบ หรืออยากปั่นจักรยานเที่ยวชมรอบเกาะ แนะนำให้มาวันธรรมดาเลยจ้า ชมสถาปัตยกรรมร่วมสมัยในวัดทั้ง 3 แห่ง ณ วัดปรมัยยิกาวาส วรวิหาร วัดไผ่ล้อม และวัดเสาธงทอง  ตะลุยทั่วเกาะ แวะร้านเหมาะหลายแห่ง  ข้าวแช่ลุงแดง  ชาหอมที  แก่-ลอรี่่ คาเฟ่  ขนมไทยโบราณ ขนมแปลกน่าลอง  ทอดมันหน่อกะลา ของกินถิ่นมอญ ทำกิจกรรม Work Shop สุดคลาสสิก ที่ โรงงานเครื่องปั้นดินเผาป้าตุ่ม และ บ้านดินมอญสตูดิโอ  การเดินทาง  รถยนต์ส่วนตัว จอดรถได้ที่วัดสนามเหนือ ประจำทาง ลงที่ป้ายโรงเรียนปากเกร็ด แล้วต่อรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างไปที่ท่าเรือวัดสนามเหนือ ค่าบริการ 10 บาท/คน รถไฟฟ้า MRT สายสีม่วง ลงสถานีสะพานพระนั่งเกล้า แล้วต่อแท็กซี่ หรือลงสถานีกระทรวงสาธารณสุข แล้วต่อรถประจำทาง ท่าเรือข้ามฟากอยู่ในวัดสนามเหนือ เป็นเรือโดยสาร ที่สามารถนำจักรยานหรือรถจักรยานยนต์ข้ามไปด้วยได้ ให้บริการระหว่าง 05.00-21.30 น. โดยแต่ละช่วงเวลาจะมีค่าโดยสารไม่เท่ากัน ดังนี้  เวลา 05.00-07.00 น. และ เวลา 18.00-21.30 น. ค่าโดยสาร คนละ 5 บาท  เวลา 07.00-18.00 น.ค่าโดยสาร คนละ 3 บาท นอกจากนี้ เพื่อน ๆ ยังสามารถนั่งเรือเที่ยวรอบเกาะได้ด้วย มีเรือนำเที่ยวให้บริการไปยังแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ บนเกาะ ขึ้นเรือได้ที่ท่าเรือฝั่งเกาะเกร็ด ตรวจสอบรอบเรือได้ที่ท่าเรือ หรือจะเลือกเช่าเหมาเรือเพื่อความเป็นส่วนตัวก็สามารถตกลงกับคนขับเรือได้ วันนี้แอดเลือกเช่าจักรยานปั่นเที่ยวรอบเกาะเกร็ด เพื่อน ๆ ที่สนใจจะปั่นจักรยานแบบแอด สามารถเช่าจากท่าเรือวัดปรมัยยิกาวาสได้เลย   ราคาเช่าคันละ 40-60 บาท หรือใครจะไปเช่าช่วงกลางทาง ก็มีร้านจักรยานให้เช่าอยู่หลายจุดเลย เส้นทางทั้งหมดประมาณ 5 กิโลเมตร เนื่องจากวันนี้เป็นวันธรรมดา นักท่องเที่ยวไม่มาก จึงเหมาะกับการปั่นจักรยานมาก แต่ถ้าเป็นช่วงวันเสาร์อาทิตย์ หรือวันหยุดเทศกาล คนอาจจะเยอะ แนะนำให้เดินเที่ยวชม ที่เกาะเกร็ดมีของกินให้เลือกเยอะมาก ทั้งอาหารไทย ฟิวชั่น ตามสั่ง ก๋วยเตี๋ยว สเต็ก ของหวาน ของว่าง ฯลฯ แค่ร้านแรกที่ได้เจอหลังจากมาถึงเกาะเกร็ดก็น่าสนใจแล้ว เป็นร้านที่ขายดอกไม้และผักทอด วางเรียงไว้เต็มถาด มีทั้งดอกกล้วยไม้ อัญชัน เฟื่องฟ้า ดอกโสน ผักกาด เห็ดเข็มทอง กรอบอร่อยมาก ๆ  นอกจากของกินอร่อย ๆ แล้ว เกาะเกร็ดยังเป็นเกาะที่มีสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ และวัดวาอารามหลายแห่ง วัดปรมัยยิกาวาส วรวิหาร  วัดเก่าแก่สมัยอยุธยาตอนปลาย สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นหลังจากพระเจ้าท้ายสระโปรดเกล้าฯ ให้ขุดคลองเมื่อ พ.ศ. 2264 จึงเรียกชื่อ “วัดปากอ่าว” ต่อมาพม่าบุกยึดเมืองนนทบุรี วัดแห่งนี้ได้กลายเป็นวัดร้าง กระทั่ง พ.ศ. 2317 ชาวมอญที่อพยพมาในสมัยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชได้บูรณปฏิสังขรณ์ขึ้นใหม่ ต่อมาใน พ.ศ. 2417 รัชกาลที่ 5 โปรดเกล้าฯ ให้ปฏิสังขรณ์วัดอีกครั้งโดยรักษารูปแบบมอญไว้ นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปสักการะพระประธานภายในพระอุโบสถ พร้อมชมภาพจิตรกรรมฝาผนัง และความงดงามการประดับประดาภายในซึ่งใช้วัสดุนำเข้าจากยุโรปตามพระราชนิยมในสมัยรัชกาลที่ 5 สถาปัตยกรรมโดดเด่นในวัดปรมัยยิกาวาส อันเป็นสัญลักษณ์ของเกาะเกร็ด ก็คือ “เจดีย์มุเตา”แบบมอญ กล่าวคือ มีลักษณะทรงแปดเหลี่ยมย่อมุม ยอดเจดีย์มีฉัตรทรงเครื่อง 5 ชั้น เป็นพระเจดีย์ที่จำลองมาจากหงสาวดี ในอดีตมีลักษณะตรง แต่เนื่องจากอยู่ริมตลิ่ง น้ำกัดเซาะ พื้นจึงทรุดลง และทำให้เจดีย์มีลักษณะเอียงแบบที่เห็น  สถาปัตยกรรมโดดเด่นในวัดปรมัยยิกาวาส อันเป็นสัญลักษณ์ของเกาะเกร็ด ก็คือ “เจดีย์มุเตา”แบบมอญ กล่าวคือ มีลักษณะทรงแปดเหลี่ยมย่อมุม ยอดเจดีย์มีฉัตรทรงเครื่อง 5 ชั้น เป็นพระเจดีย์ที่จำลองมาจากหงสาวดี ในอดีตมีลักษณะตรง แต่เนื่องจากอยู่ริมตลิ่ง น้ำกัดเซาะ พื้นจึงทรุดลง และทำให้เจดีย์มีลักษณะเอียงแบบที่เห็น  ภายในบริเวณวัดยังมีวิหารพระพุทธสาสน์ และพิพิธภัณฑ์พื้นบ้าน ซึ่งจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้ เครื่องปั้นดินเผา และงานศิลป์เก่าแก่มากมาย นอกจากนี้ บริเวณริมน้ำยังมีรูปปั้นพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5  ตำบลเกาะเกร็ด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี  02 584 5120 https://goo.gl/maps/TMfjyWs4RamzSx6r8 ระหว่างทางไปวัดถัดไป แอบเห็นป้าย “ร้านข้าวแช่ลุงแดง” เมษาหน้าร้อนแบบนี้ ทำให้อยากกินขึ้นมาเลย  ร้านข้าวแช่ลุงแดง เป็นร้านเล็ก ๆ ติดริมน้ำ เดินเข้ามาบรรยากาศอบอุ่น เป็นกันเอง เหมือนนั่งอยู่ในบ้านตัวเอง เพื่อน ๆ ที่ไม่เคยกินข้าวแช่ หรือกินไม่เป็นก็ไม่ต้องห่วง ทางร้านมีคำแนะนำวิธีการกินให้ได้อรรถรส รับรองได้ฟินไปกับความอร่อย และกลิ่นหอม ๆ ของน้ำลอยดอกมะลิในข้าวแช่ นอกจากข้าวแช่ ก็ยังมีขนมจีนน้ำพริก ขนมจีนน้ำยา แกงเขียวหวาน หมูสะเต๊ะให้เลือกรับประทานอีกด้วย หรือจะซื้อกลับไปฝากเพื่อน ๆ หรือคนที่บ้าน ทางร้านก็มีจัดเซ็ตจำหน่าย  9 หมู่ 7 ตำบลเกาะเกร็ด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี

✨ ลัดเลาะ เที่ยวเกาะเกร็ด ✨ อ่านเพิ่มเติม

✨ทำความรู้จัก “สาคูต้น”✨

คนชอบรับประทานขนมหวานน่าจะรู้จักสาคูเป็นอย่างดี เพราะนำมาใช้ทำของว่างและขนมหวานหลายชนิด แต่ทราบไหมว่า เม็ดสาคูนั้นมี 2 ชนิด คือเม็ดสาคูที่ทำจาก “แป้งมันสำปะหลัง” และเม็ดสาคูที่ทำจาก “แป้งสาคูต้น” วันนี้แอดจะมาแนะนำให้รู้จักสาคูทั้งสองประเภทนี้ว่าแตกต่างกันยังไง เม็ดสาคูที่ทำจากแป้งมันสำปะหลัง หาซื้อได้ง่าย มีวางขายตามตลาดทั่วไป ปกติเรานำมาทำขนมหวาน ไม่ว่าจะเป็น ตะโก้สาคู สาคูไส้หมู สาคูเปียกน้ำกะทิ เม็ดสาคูชนิดนี้เมื่อต้มสุกแล้วจะใส ไร้กลิ่นและรส หากทิ้งให้เย็นจะจับตัวเป็นก้อนเหนียวติดมือ เป็นลักษณะของ ‘แป้งมัน’ ที่เรารู้จักกันดีนั่นเอง เม็ดสาคูที่ทำจากแป้งสาคูต้น เม็ดสาคูแบบนี้เรียกว่า สาคูแท้ เป็นผลผลิตจาก “ต้นปาล์มสาคู” พืชท้องถิ่นของภาคใต้ โดยพื้นที่ที่พบและปลูกมากอยู่ที่อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง ลำต้นมีเปลือกหนา ภายในประกอบด้วยเส้นใยและเเป้งเป็นจำนวนมาก สาคูแท้ถือเป็นของพิเศษ หารับประทานยาก เพราะการผลิตต้องอาศัยความชำนาญ การจะล้มต้นสาคูเพื่อขูดเอาเนื้อปาล์มได้ ต้นสาคูต้องมีอายุราว 8 ปี กรรมวิธีการผลิตคือหลังจากการโค่นต้นสาคูแล้ว จะนำมาเลื่อยให้เป็นท่อนๆ ยาวประมาณ 1 เมตร แล้วจึงผ่าลำต้น ขูดเอาเนื้อภายใน จากนั้นนำมาบดให้ละเอียดด้วยวิธีการต่างๆ แล้วนำไปแช่น้ำจนนิ่ม นำมาคั้นน้ำและกรองเอาเนื้อแป้งมาตาก หรืออบจนแห้งสนิท สาคูแท้นั้นมีกลิ่นหอมเหมือนดอกไม้แห้ง เนื้อนุ่มหนึบหนับ ชาวพัทลุงนิยมนำไปประกอบอาหารทั้งคาวและหวาน ไม่ว่าจะเป็นข้าวยำสาคู ข้าวต้มสาคู โจ๊กสาคู หรือขนมหวาน เช่น สาคูเปียกกะทิ สาคูกวน อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง นอกจากจะเป็นแหล่งปลูกต้นปาล์มสาคูแล้ว ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่งดงามมากมาย เช่น อุทยานนกน้ำทะเลน้อย คลองปากประ สะพานเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา ศูนย์เรียนรู้นาโปแก ถ้าเพื่อนๆมีโอกาส แอดอยากชวนไปชิมสาคูและท่องเที่ยวกันสักครั้งค่ะ

✨ทำความรู้จัก “สาคูต้น”✨ อ่านเพิ่มเติม

ม่วนซื่น…อุดรธานี

ฮัลโหลลล แฟนเพจทุกคน แอดมีข่าวดีมาบอก ในปี พ.ศ. 2569 นี้ จังหวัดอุดรธานีถูกเลือกเป็นเจ้าภาพจัดงานมหกรรมพืชสวนโลกค่ะ ใครที่ยังไม่ค่อยรู้จักจังหวัดอุดรธานี เริ่มได้เลยจะว่าไปแล้ว อุดรธานีนั้นมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจในทุกมิติ ทั้งประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ธรรมชาติ รวมถึงอาหารอร่อย ๆวันนี้แอดเลยมีเส้นทางท่องเที่ยวมาให้อ่านกันเพลิน ๆ จะมีที่ไหนบ้าง ไปดูกันเลย วันที่ 1 สัมผัสผ้าทอโบราณ ย้อมสีจากดอกบัวธรรมชาติ ณ ชุมชนบ้านโนนกอก ชมเรื่องราวความเป็นมาของอุดรธานี ณ พิพิธภัณฑ์อุดรธานี ชมบรรยากาศยามเย็นที่ หนองประจักษ์ วันที่ 2 ชมก้อนหินรูป เรือสำเภาและสักการะพญานาคสีทองที่ วัดภูตะเภาทอง อร่อยกับอาหารหลากวัฒนธรรมที่ร้าน มาดามพาเท่ห์ ชุมชนบ้านโนนกอก บ้านโนนกอก กลุ่มทอผ้าโบราณที่เรากำลังจะไปเยี่ยมชมในวันนี้ เดิมนั้นก็มีอาชีพทอผ้ากันอยู่แล้ว แต่ได้ต่อยอดด้วยการนำวัตถุดิบธรรมชาติที่มีมากในท้องถิ่นคือดอกบัวมาใช้เป็นสีย้อมจนประสบความสำเร็จและมีชื่อเสียงมาก นอกจากนี้ เรายังจะได้ชมการทอผ้าทอลายขิดที่มีลวดลายสวยงามเป็นเอกลักษณ์และเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นของจังหวัดอุดรธานีอีกด้วย ซึ่งกรรมวิธีการทอก็จะเป็นแบบดั้งเดิมคือการใช้กี่ทอผ้าแบบโบราณ โดยไม่ใช้เครื่องจักร ส่วนกิจกรรมในชุมชนก็น่าสนใจไม่น้อยค่ะ เพราะเราจะได้ทำผ้ามัดย้อม ออกแบบลวดลายกันได้เองเลยนะ โดยจะใช้สีย้อมจากดอกบัวและดาวเรืองนั่นเองค่ะ อย่างที่กล่าวไป เอกลักษณ์ของที่นี่คือการนำดอกบัวแดงที่ขึ้นเยอะในพื้นที่มาใช้เป็นวัตถุดิบย้อมสี ย้อมเส้นฝ้าย และเส้นไหม ซึ่งแต่ละส่วนของดอกบัวก็จะให้สีที่แตกต่างกัน ส่วนดอกบัวตากแห้งจะให้สีน้ำตาลทอง สายบัวให้สีเทาเงิน กลีบบัวให้สีชมพู เพื่อทำให้ได้สีหลากหลาย จึงมีการนำส่วนผสมอื่น ๆ เข้าใช้ร่วม เช่น หากใช้น้ำปูนกับน้ำมะขามเปียกผสมจะได้สีเขียวขี้ม้า เป็นต้น แต่ที่นิยมมากในตอนนี้ก็คือนำมาหมักโคลน นอกจากนำดอกบัวมาเป็นวัตถุดิบย้อมแล้ว ที่นี่ยังใช้ดอกดาวเรืองตากแห้งอีกด้วย ซึ่งสีที่ได้คือสีเหลือง ใครอยากได้ผ้าสวย ๆ ก็สามารถเลือกซื้อติดไม้ติดมือกลับบ้านกันได้  ชุมชนบ้านโนนกอก 63 หมู่ที่ 18 ตำบลหนองนาคำ อำเภอเมืองอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี  เปิดทุกวัน เวลา 08.00 – 17.00 น.  โทร. 06 1942 8808 https://goo.gl/maps/iVM5tbY3rh4g8Lfs5 พิพิธภัณฑ์เมืองอุดรธานี อีกหนึ่งแลนด์มาร์กที่ต้องห้ามพลาดนั่นคือ พิพิธภัณฑ์เมืองอุดรธานี อาคารสีเหลืองสวยงามเห็นมาแต่ไกล สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 6 เดิมใช้เป็นโรงเรียนสตรี ก่อนจะปรับเปลี่ยนไปใช้เป็นสถานที่ทำการของหน่วยงานราชการต่าง ๆ จนปัจจุบันกลายเป็นพิพิธภัณฑ์ ซึ่งในการบูรณะใหญ่ครั้งล่าสุดนั้น ได้มีการเปิดผิวปูนอาคารบางส่วน และทิ้งไว้ให้ประชาชนได้เห็นรายละเอียดภายในเพื่อเป็นประโยชน์ด้านการศึกษา อาคารพิพิธภัณฑ์มี 2 ชั้น จัดแสดงเรื่องราวของอุดรธานี ตั้งแต่การตั้งถิ่นฐานในยุคก่อนประวัติศาสตร์ เรื่อยมาถึงการกำเนิดเมือง และเรื่องราวของพลตรี พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม พ่อเมืองคนแรก จนถึงยุคสงครามเย็นที่สหรัฐฯเคยใช้อุดรธานีเป็นฐานทัพ นอกจากนี้ยังมีห้องที่รวบรวมเรื่องราวของบุคคลสำคัญในจังหวัดอีกด้วย  ถนนโพศรี ตำบลหมากแข้ง อำเภอเมืองอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี  เปิดทุกวัน เวลา 09.00-16.00 น. (ปิดวันจันทร์)  โทร. 0 4224 5976 https://goo.gl/maps/bWzJBZKgqvpjEUuh6 หลังจากเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์เมืองอุดรกันแล้ว ขอแนะนำให้ไปเดินเล่นรับลมชิลล์ ๆ กันที่หนองประจักษ์ ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลกัน ยามเย็นจะเห็นผู้คนมาออกกำลังกาย เดินเล่นชมบรรยากาศกันเยอะเลยล่ะ ที่นี่เป็นสวนสาธารณะใจกลางเมือง มีหลายมุมให้เราได้ถ่ายรูปสวย ๆ รวมถึงไฮไลท์ที่ไม่ว่าใครได้มาหนองประจักษ์ก็ต้องเจอ น้องเป็ดเหลืองริมบึงน้ำนั่นเอง  5-7 ถนนเทศา ตำบลหมากแข้ง อำเภอเมืองอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี https://goo.gl/maps/BL6vNihT28qs2z5M9 วัดภูตะเภาทอง วัดภูตะเภาทองเป็นวัดที่ตั้งอยู่บนเทือกเขาภูพาน พื้นที่โดยรอบของวัดส่วนใหญ่เป็นลานหิน และก้อนหินขนาดใหญ่มากกว่า 30 ลูก แต่ไฮไลท์คือ หินก้อนใหญ่ที่มีรูปร่างคล้ายกับ “เรือสำเภา” ซึ่งเป็นที่มาของชื่อวัด ชาวบ้านเชื่อกันว่า ถ้าหากได้มาลอดใต้ท้องหินจะเป็นสิริมงคล เจริญในหน้าที่การงาน ประสบโชคดี หากสังเกตดี ๆ จะเห็น “รอยฝ่ามือแดง” ปรากฏให้เห็นตรงหินก้อนใหญ่ สำหรับรอยฝ่ามือแดงนี้ ทางกรมศิลปากรได้เข้าไปตรวจสอบและมีผลยืนยันแล้วว่ามีอายุประมาณ 2,500 ปี โดยมีอายุใกล้เคียงกับผาแต้มที่จังหวัดอุบลราชธานีทีเดียว จุดเด่นอีกจุดของที่นี่คือ “พญานาคราชสีทอง” ชื่อมุจลินท์ ซึ่งหลวงพ่อเจ้าอาวาสได้สร้างขึ้นตามนิมิต มีประชาชนไปสักการะเพื่อสิริมงคลกันไม่ขาดสาย แอดบอกเลยว่าสายบุญไม่ควรพลาดค่ะ ตำบลกุดหมากไฟ อำเภอหนองวัวซอ จังหวัดอุดรธานี https://goo.gl/maps/ZgZLBkhoyg9sAHWE9 มาดามพาเท่ห์2515 เติมพลังกันที่ร้านมาดามพาเท่ห์2515 เดิมร้านนี้ชื่อ คอฟฟี่ ปัตเต้ เป็นร้านกาแฟและขายอาหารเช้า ปัจจุบันได้ต่อยอดให้เป็นร้านอาหารเต็มรูปแบบ สำหรับ 2515 ก็ยังมีความหมายอีกด้วย เพราะเป็นช่วงปีที่มีชาวลาว ชาวเวียดนาม รวมถึงชาวจีนทยอยย้ายถิ่นฐานเข้ามามาก จนเกิดวัฒนธรรมอาหารที่หลากหลาย มาดามพาเท่ห์มี 2 สาขา สาขา 1 ถนนตำรวจ โทร. 0 4224 1991 สาขา 2 ถนนประจักษ์ศิลปาคม โทร. 0 4211 9669 เมนูในร้านส่วนใหญ่จึงเป็นเมนูฟิวชั่นที่ผสมผสานกันของอาหารไทย ลาว จีน เวียดนาม ฝรั่งเศส เลือกสั่งเลือกอร่อยกันได้เลยค่ะ

ม่วนซื่น…อุดรธานี อ่านเพิ่มเติม

✨ สวยสด หาด เขา ถ้ำ ณ ประจวบคีรีขันธ์ ✨

จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่มีชื่อเสียงในเรื่องสถานที่ท่องเที่ยว นอกจากหัวหินถิ่นดังที่เราคุ้นหูกันอยู่แล้ว ก็ยังมีที่เที่ยวอีกมากมายกระจายอยู่ทั่วทุกอำเภอ ทั้งทะเล ป่าเขา วนอุทยานฯ หากเพื่อน ๆ ยังไม่เคยสำรวจที่อื่น ๆ นอกจากหัวหิน วันนี้แอดมีสถานที่ท่องเที่ยวในระยะเวลาสั้น ๆ 2 วัน 1 คืน มาฝากค่ะ  วันที่ 1 1. ชมทัศนียภาพประจวบฯ ที่ “จุดชมวิวเขาแดง” 2. ส่องสัตว์ป่า ณ “อุทยานแห่งชาติกุยบุรี” 3. ชมพระอาทิตย์ตกดิน ที่ “อ่างเก็บน้ำยางชุม”  วันที่ 2 4. รับแสงแรกของวัน ที่ “หาดปากน้ำปราณ” พร้อมถ่ายรูปชิค ๆ กับ “ต้นตาลสามต้น” 5. ชมป่าชายเลนและพันธุ์ไม้ต่าง ๆ ณ “วนอุทยานปราณบุรี” 6. อิ่มอร่อย ที่ Eureka Beach Cafe  วันที่ 1 จุดชมวิวเขาแดง  จุดชมวิวเขาแดง ถือเป็นจุดชมวิวที่ดีที่สุดจุดหนึ่งของประจวบฯ อยู่ในเขตอุทยานสามร้อยยอด ขับรถจากกรุงเทพฯ ใช้เวลาประมาณ 4-5 ชั่วโมง ที่ “จุดชมวิวเขาแดง” นี้สามารถมองเห็นได้ทั้งวิวเขาสามร้อยยอด ชายหาดสามพระยา และบ้านเรือนต่าง ๆ ที่บริเวณทางขึ้นจะมีจุดบริการนักท่องเที่ยว สามารถสอบถามข้อมูลได้ จุดชมวิวเขาแดง เป็นภูเขาหินปูนที่มีความสูงชัน แนะนำให้เพื่อน ๆ ใส่รองเท้าที่กระชับและเดินสบาย ระยะทางเดินโดยรวมประมาณ 500 เมตร โดยจะมีป้ายบอกทางเป็นระยะ เมื่อเดินมาถึงด้านบนสุด เราจะได้เห็นวิวสวย ๆ แบบพานอรามากันเลย หามุมเหมาะ ๆ แล้วถ่ายรูปมาอวดกันได้เลยจ้า แต่ต้องระมัดระวังกันด้วย ที่นี่ยังเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นอีกด้วย  หากใครมีโอกาสมาที่นี้ในตอนเช้าตรู่ สามารถมารอชมได้ แต่จะต้องติดต่อเจ้าหน้าที่ล่วงหน้าก่อน เนื่องจากในเวลาปกติจะเปิด 08.00 น. เป็นต้นไป  ตำบลเขาแดง อำเภอกุยบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์  เปิดทุกวัน เวลา 08.00 – 15.30 น.  032 821 568 (อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด) https://goo.gl/maps/HPB8RisMsBkPBPJ76 อุทยานแห่งชาติกุยบุรี  ก่อนจะไปเที่ยวกันต่อที่ “อุทยานแห่งชาติกุยบุรี” แอดจะพาไปแวะรับประทานอาหารกลางวันระหว่างทางกันก่อน แถว ๆ สถานีรถไฟกุยบุรี หรือตลาดสดกุยบุรี มีร้านอาหารให้เลือกเยอะเลย อิ่มแล้วก็ไปชมธรรมชาติในป่าใหญ่กัน อุทยานแห่งชาติกุยบุรีมีพื้นที่ครอบคลุมถึง 4 อำเภอด้วยกัน สภาพแวดล้อมโดยรอบเป็นเทือกเขาสลับซับซ้อนและเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาตะนาวศรี ที่นี่เป็นถิ่นอาศัยของสัตว์ป่ามากมาย สื่อให้เห็นถึงความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่าและระบบนิเวศน์  ไฮไลต์ของที่นี่คือการมาส่องสัตว์ ช่วงเวลาที่แนะนำคือช่วงเวลา 15.00 น. เนื่องจากเป็นช่วงที่สัตว์ป่าเริ่มออกมาหากิน แนะนำให้มาถึงที่นี่ไม่เกิน 14.00 น. เพื่อให้มีเวลาเตรียมตัวเข้าพื้นที่ และใช้เวลาเดินทางไปยังจุดชมประมาณ 30 นาที  สัตว์ป่าที่มีมากของที่นี่ได้แก่ ช้างป่า กระทิง แต่หากจังหวะดี เพื่อน ๆ อาจจะได้ชมสัตว์ป่าอื่น ๆ อีก เช่น วัวแดง นกเงือก และสุนัขจิ้งจอก  ในการเที่ยวชม สามารถใช้บริการรถนำชมของชมรมท่องเที่ยวอนุรักษ์สัตว์ป่ากุยบุรี ซึ่งเป็นชาวบ้านที่ผ่านการอบรมและทำหน้าที่ร่วมกับอุทยานฯ พานักท่องเที่ยวเข้าไปชมสัตว์ตามจุดต่าง ๆ  โดยกิจกรรมชมสัตว์ป่า จะอยู่ภายใต้การควบคุมความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่อุทยานฯ นักท่องเที่ยวต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด ไม่สามารถนำรถยนต์ส่วนตัวเข้าไปเอง เนื่องจากสัตว์ป่าภายในอุทยานฯ มีจำนวนมาก และกระจายออกหากินทั่วพื้นที่ อาจทำให้เกิดอันตรายได้นอกจากนี้ ยังมีข้อปฏิบัติอื่น ๆ อีก เช่น หากเจอสัตว์ป่าระหว่างทางจะต้องอยู่บนรถ ไม่ควรเข้าไปใกล้ช้างป่าหรือสัตว์ป่าทุกชนิด ไม่ส่งเสียงดัง ห้ามเปิดแฟลช ไม่ควรให้อาหารสัตว์ป่า  ค่าเข้าชมอุทยานฯ ผู้ใหญ่ 40 บาท / เด็ก 20 บาท (ชาวต่างชาติ เด็ก 100 บาท ผู้ใหญ่ 200 บาท)  ค่าบริการรถโฟร์วีลรวมไกด์นำชม 850 บาท/คัน นั่งได้ 7-8 คน  บ้านย่านซื่อ ตำบลหาดขาม อำเภอกุยบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์  081 776 2410, 032 510 453 https://goo.gl/maps/e6V5B3n6zgrJiHuy7 อ่างเก็บน้ำยางชุม  ไม่ไกลจากอุทยานแห่งชาติกุยบุรี มีจุดชมพระอาทิตย์ตกดินที่สวยงามมาก นั่นคือ “อ่างเก็บน้ำยางชุม” โครงการในพระราชดำริ ที่สร้างขึ้นเป็นแหล่งน้ำช่วยเหลือพื้นที่ชลประทาน เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับป่ากุยบุรี ตลอดจนส่งน้ำให้แก่พื้นที่เพาะปลูกที่ประสบปัญหาขาดแคลนน้ำ แอดมาถึงช่วงเย็น ๆ ต้องบอกเลยว่าบรรยากาศกำลังดี ลมพัดเย็นสบาย ไม่เพียงแค่ชมพระอาทิตย์ตกดิน แต่สำหรับนักดูดาวก็สามารถมารอเก็บภาพดาวบนท้องฟ้ายามราตรีกันได้นะ  ตำบลหาดขาม อำเภอกุยบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ https://goo.gl/maps/briq7qHqeSgkEU1c8  วันที่ 2 หาดปากน้ำปราณ – ต้นตาล 3 ต้น  เช้าวันที่ 2 แอดจะพาไปชมแสงแรกของวันกันที่ริมหาดปากน้ำปราณ ชายหาดแห่งนี้มีทั้งพื้นที่พักผ่อนหย่อนใจ ออกกำลังกาย รวมทั้งเป็นเส้นทางปั่นจักรยานของชาวปากน้ำปราณอีกด้วย หากมาในช่วงเย็น อีกฝั่งถนนจะมีสตรีทฟู้ดตั้งร้านเรียงราย มีอาหารอร่อยมากมายให้เราเลือกซื้อ ไฮไลต์ที่ใครมาก็จะต้องมาเช็คอิน และถ่ายรูปคู่กับ “ต้นตาล 3 ต้น” ที่เอียงตัวโน้มเข้าหาทะเล   ตำบลปากน้ำปราณ อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ https://goo.gl/maps/2JWAawzyfiV1xbFd7 วนอุทยานปราณบุรี  จุดต่อไป เราจะไปที่ “วนอุทยานปราณบุรี” พื้นที่ป่าโกงกางขนาดใหญ่

✨ สวยสด หาด เขา ถ้ำ ณ ประจวบคีรีขันธ์ ✨ อ่านเพิ่มเติม

✨ ข้าวแช่…อาหารคลายร้อน ✨

เข้าหน้าร้อนแบบนี้ มีใครคิดแบบแอดบ้าง ที่นึกอยากจะกินข้าวแช่ขึ้นมาทุกครั้งไป ในฐานะคนชอบกินข้าวแช่ เลยอยากจะนำเกร็ดความรู้เกี่ยวกับข้าวแช่ พร้อมแนะนำพิกัดร้านข้าวแช่แสนอร่อยมาฝากกัน ข้าวแช่แต่เดิมเป็นอาหารของชาวมอญ ในอดีตการหุงข้าวแช่เป็นพิธีกรรมในการบูชาเทวดาอย่างหนึ่ง นิยมทำในวันสงกรานต์ ซึ่งถือเป็นวันขึ้นปีใหม่ชาวมอญ เป็นโอกาสที่ญาติมิตรที่อยู่ห่างไกล ได้กลับมารวมตัวกันที่บ้านเพื่อทำข้าวแช่ไปทำบุญและตั้งศาลของบ้านขึ้นมาเพื่อเซ่นไหว้เทวดา และถือโอกาสนำข้าวแช่ไปให้ญาติผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือและกราบไหว้ขอพร การทำข้าวแช่แบบมอญนั้น มีพิธีและขั้นตอนการทำมากมาย เริ่มตั้งแต่คัดข้าวสารเม็ดสวย มาซาวน้ำ 7 ครั้ง ให้สะอาด หุงโดยตั้งเตาไฟบนลานโล่ง ส่วนน้ำที่จะกินร่วมกับข้าวแช่ ต้องเป็นน้ำสะอาดต้มสุก เทลงหม้อดินเผาใบใหญ่ อบควันเทียนและดอกไม้หอม เช่น มะลิ กุหลาบมอญ กระดังงา ทิ้งไว้หนึ่งคืน เครื่องเคียงข้าวแช่หลัก ๆ มี 5 ชนิด ได้แก่ ปลาแห้งป่น เนื้อเค็มฉีกฝอย หัวไชโป๊เค็มผัดไข่ ไข่เค็ม และกระเทียมดอง ต่อมาข้าวแช่เป็นที่นิยมแพร่หลายในหมู่คนไทย เมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 เสด็จแปรพระราชฐานไปประทับแรม ณ พระนครคีรี ทรงโปรดปรานข้าวแช่สูตรเมืองเพชรเป็นพิเศษ ซึ่งจะมีเครื่องเคียงเพียง 3 อย่างเท่านั้น คือ ลูกกะปิ ปลากระเบนผัดหวาน และผักกาดเค็มผัดหวาน ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ได้มีการจัดทำข้าวแช่ เป็นข้าวแช่เสวยขึ้นถวาย ซึ่งมีการปรับสูตรเครื่องเคียงเป็นลูกกะปิทอด พริกหยวกสอดไส้ เนื้อเค็มฝอยผัดหวาน ผักกาดเค็มผัดหวาน ปลาแห้งผัดหวาน รวมถึงผักสดแกะสลัก ร้อนนี้ ลองแวะไปหาข้าวแช่รับประทานกัน แอดมีพิกัดแนะนำหลายแห่ง เช่น เกาะเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ถือเป็นแหล่งรวมข้าวแช่ขึ้นชื่อหลายร้าน เช่น ร้านข้าวแช่คุณแดง (เปิดขายช่วงสงกรานต์) ร้านข้าวแช่ป้าสุดจิตร สูตรชาววัง ร้านข้าวแช่ลุงแดง เป็นต้น จังหวัดเพชรบุรี มีร้านข้าวแช่ชื่อดังหลายร้าน เช่น ข้าวแช่ป้าเอื้อน ที่เปิดขายมานานกว่า 60 ปี อยู่ตรงข้ามสถานีกาชาดที่ 8 อำเภอเมือง ร้านข้าวแช่แม่เล็ก สะกิดใจ อำเภอท่ายาง ในบริเวนเกาะรัตนโกสินทร์ มีข้าวแช่แม่ศิริ บางลำพู ข้าวแช่บ้านวรรณโกวิท ถนนตะนาวนอกจากนี้ยังมีร้านอาหารไทยอีกหลายร้านในกรุงเทพฯที่มีเมนูข้าวแช่ขายในช่วงหน้าร้อน ดูพิกัดของร้านแล้ว ล้วนเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจทั้งนั้น ไปร้านข้าวแช่อย่างเดียวคงไม่พอ คงต้องเตรียมตัวไปเที่ยวด้วยแล้วล่ะ

✨ ข้าวแช่…อาหารคลายร้อน ✨ อ่านเพิ่มเติม

นั่งรถกบ ชมเมืองตรัง

จังหวัดตรัง นอกจากจะมีทะเลสวยจับใจแล้ว ในตัวเมืองก็มีวัดวาอาราม ตึกเก่าสวยคลาสสิคน่าไปถ่ายรูปไม่น้อย ซึ่งวิธีการเที่ยวรอบเมืองตรังที่สะดวกและน่าประทับใจที่สุดก็คือ นั่งรถตุ๊กตุ๊กหัวกบชมเมือง กิจกรรมนี้เป็นโปรแกรมยอดฮิตที่นักท่องเที่ยวแทบทุกคนปักไว้ว่าต้องลองสักครั้ง เพราะรถตุ๊กตุ๊กหัวกบดีไซน์คลาสสิคนี้ถือเป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดตรังก็ว่าได้ ปัจจุบันแทบจะไม่มีที่ไหนใช้รถรุ่นนี้แล้ว ยังเหลือก็ที่นี่เท่านั้น การเดินทางโดยรถตุ๊กตุ๊กหัวกบ  เพื่อน ๆ สามารถนั่งรถรอบเมืองด้วยค่าบริการคนละ 20 บาท/เที่ยว หรือจะใช้บริการนำเที่ยวในราคาเริ่มต้น 250 บาท/ชั่วโมง หรือแล้วแต่ตกลงกับคนขับได้เลยว่าจะใช้เวลาเที่ยวนานเท่าไหร่โดยจุดจอดรถตุ๊กตุ๊กหัวกบจะอยู่บริเวณหน้าสถานีรถไฟตรัง บอกก่อนเลยว่า เพื่อน ๆ ที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ชื่นชอบตึกเก่า จะคุ้มมาก ๆ ถ้าได้มาเที่ยวตรัง เพราะจะได้เห็นวัฒนธรรมที่ผสมผสานทั้งไทย ยุโรป และจีนไปด้วยกัน  เมนูเด็ดของตรัง  มาถึงถิ่นภาคใต้ก็ต้องมากินติ่มซำกัน กระซิบบอกก่อนว่าควรมากินมื้อเช้า เพราะร้านส่วนใหญ่จะเปิดเช้ามาก ๆ และของอาจจะหมดไวด้วย มีหลายร้านให้เลือกเลย เช่น ร้านพงษ์โอชา (มี 2 สาขา) ร้านเลตรัง ติ่มซํา ร้านเตอรัง ติ่มซำ ฯลฯ เมนูเด็ดที่ไม่ควรพลาดอีกเมนูก็คือ “หมูย่างเมืองตรัง” ถ้าเพื่อน ๆ ไปกินติ่มซำที่ร้านพงษ์โอชา ก็สามารถสั่งมาชิมได้ นอกจากนี้ยังมีร้านอื่น ๆ เช่น หมูย่างเมืองตรังโกเภาโกสุยหมู่ย่าง หมูย่างโกอึ้ง ฯลฯ ไม่ไกลจากย่านร้านอาหาร มีจุดเช็คอินถ่ายรูปชิค ๆ กับภาพเขียนบนกำแพงสวยงาม เป็น Street Art ภาพวาด 3 มิติซึ่งแต่ละภาพ บ่งบอกความเป็นตรังได้อย่างชัดเจน  ที่ปากซอย ราชดำเนิน 1 มี ภาพเขียน “ต้นศรีตรัง” ต้นไม้มงคลประจำจังหวัดตรังที่มีดอกสีม่วงสดใส ยามเมื่อออกดอก ทั้งต้นจะเห็นเป็นสีม่วงอย่างในภาพเขียนที่เราเห็น จากปากซอย เดินเข้ามาเพียงแค่ 100 เมตร จะเจอกับภาพเขียน “ต้นยางพารา” ตามประวัติการปลูกต้นยางพาราในไทยนั้น พบว่าปลูกครั้งแรกที่จังหวัดตรัง โดยเป็นการนำเมล็ดเข้ามาปลูก ปัจจุบัน ต้นยางรุ่นแรกของไทยเหลือเพียงต้นเดียวที่บริเวณถนนตรังคภูมิ อำเภอกันตัง  ห่างออกไป 500 เมตร มีภาพ “ถ้ำมรกต” หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวสุดอันซีนบนเกาะมุก จังหวัดตรัง จากนั้นเลี้ยวขวาไปราว ๆ 550 เมตร จะพบวิหารคริสต์เก่าแก่ “คริสตจักรตรัง” หนึ่งในสถานที่ต้องห้ามพลาดเมื่อมาเที่ยวตรัง  วิหารแห่งนี้สร้างขึ้นตั้งแต่ พ.ศ.2458 มีความโดดเด่นแปลกตา เพราะมีหอระฆังอยู่ด้านข้าง อาคารเป็นสีเหลืองมัสตาร์ดทั้งหลัง นับจากเมื่อแรกสร้างจนปัจจุบัน อาคารมีการบูรณะหลายครั้ง แต่ยังคงรักษาสถาปัตยกรรมที่งดงามคลาสสิกเอาไว้อย่างดี จนได้รับรางวัลอนุรักษ์ศิลปสถาปัตยกรรมดีเด่น เมื่อปี พ.ศ. 2552  24 ถนนเพชรเกษม ตำบลนาตาล่วง อำเภอเมือง จังหวัดตรัง ในเมืองตรัง เพื่อน ๆ จะได้เห็นตึกเก่า อาคารเก่าสไตล์ชิโน-โปรตุกีสสวย ๆ หลายหลัง ถือเป็นเสน่ห์ที่โดดเด่นมาก เพื่อน ๆ ที่อยากมีรูปเก๋ ๆ สามารถแวะถ่ายรูปกับตึกสวยๆ กันได้นะ  “วัดตันตยาภิรม พระอารามหลวง” เป็นวัดเก่าแก่ สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 ถือเป็นวัดสำคัญ และเคยใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยาของข้าราชการในจังหวัดตรังเมื่อปี พ.ศ. 2461 จุดเด่นก็คือเจดีย์ทรงบาตรคว่ำสีขาว เรียงซ้อนกัน 5 ชั้น ด้านในมีจิตรกรรมฝาผนังพุทธประวัติ ซึ่งจะเปิดให้เข้าชมเฉพาะวันพระเท่านั้น  ตำบลบางรัก อำเภอเมืองตรัง จังหวัดตรังhttps://goo.gl/maps/tH87ppy8JkA2 “วงเวียนพะยูน” แลนด์มาร์คอีกแห่งที่นักท่องเที่ยวมักมาแวะถ่ายรูป พะยูนถือเป็นสัตว์อนุรักษ์ที่อยู่คู่ทะเลตรัง พบมากบริเวณเกาะลิบง เพราะเป็นพื้นที่อุดมไปด้วยหญ้าทะเล ซึ่งเป็นอาหารของพะยูนนั่นเอง  อนุสาวรีย์พระยารัษฎานุประดิษฐ์มหิศรภักดี หรือนายคอซิมบี้ ณ ระนอง บุคคลที่ชาวตรังรักและระลึกถึงอยู่เสมอ ในฐานะผู้สร้างคุณูปการให้แก่เมืองตรังมากมายหลายด้าน อาทิ การคมนาคม เกษตรกรรม กสิกรรม การศึกษา การปกครอง และยังเป็นผู้ที่นำยางพารามาปลูกที่จังหวัดตรัง  อนุสาวรีย์พระยารัษฎานุประดิษฐ์มหิศรภักดีhttps://goo.gl/maps/pFayNfhCEgL2

นั่งรถกบ ชมเมืองตรัง อ่านเพิ่มเติม

✨ ข้าวเปิ๊บ อาหารถิ่นสุโขทัย ✨

เพื่อน ๆ รู้จักข้าวเปิ๊บกันไหม ถ้ายังไม่รู้จัก มาทำความรู้จักกัน ข้าวเปิ๊บ หรือในอดีตเรียกกันว่า ก๋วยเตี๋ยวพระร่วง เป็นอาหารถิ่นของ จ.สุโขทัย มีส่วนประกอบที่เรียบง่าย รสชาติอร่อย แถมยังดีต่อสุขภาพมาก ๆ คำว่า “เปิ๊บ” มาจากภาษาถิ่น แปลว่า “พับ” วิธีการทำคล้ายกับข้าวเกรียบปากหม้อ โดยการขึงผ้าขาวบางไว้บนปากหม้อ เมื่อน้ำเดือดก็นำแป้งสดมาละเลงแล้วเกลี่ยบาง ๆ เมื่อแป้งสุกก็ใส่วุ้นเส้น ผักบุ้ง กะหล่ำปลี และถั่วงอกลงไป รอสักครู่ให้เครื่องสุก จากนั้นพับแป้งห่อเครื่องให้เป็นสี่เหลี่ยม จากนั้นตักใส่ชาม เติมหมูสับ ไข่ดาวนึ่ง ปิดท้ายด้วยการราดน้ำซุปกระดูกหมูรสชาติกลมกล่อม จะเห็นว่าไม่ได้ใช้วัตถุดิบและเครื่องปรุงมากมาย แต่รสชาตินั้นอร่อยจนใครต่อใครต่างพากันติดใจ

✨ ข้าวเปิ๊บ อาหารถิ่นสุโขทัย ✨ อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top