สถานที่ท่องเที่ยว

🌿 สมุนไพรเสริมภูมิคุ้มกัน 🌿

จากสถานการณ์ในช่วงนี้ ทำให้หลายคนหันมาดูแลสุขภาพตัวเองมากขึ้น โดยเฉพาะการเพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย เพราะภูมิคุ้มกันที่ดี เปรียบเสมือนด่านแรกของการมีสุขภาพดีนั่นเอง วิธีหนึ่งที่นิยมกันในขณะนี้ก็คือการใช้สมุนไพรไทย ทั้งกินเป็นอาหารเสริม และนำมาประกอบอาหาร หากมีการติดเชื้อก็สามารถช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิดอาการรุนแรงได้ 💪 👇 วันนี้แอดมีข้อมูลเล็ก ๆ น้อย ๆ เกี่ยวกับสมุนไพรไทยเสริมภูมิคุ้มกันมาฝากเพื่อน ๆ ค่ะ 🌿สมุนไพรเสริมภูมิคุ้มกัน ✨ขมิ้นชัน มีฤทธิ์ต้านการอักเสบของปอด ✨ชะเอมเทศ มีสารไฟโตเอสโตรเจนและฟลาโวนอยด์ มีคุณสมบัติช่วยต้านอนุมูลอิสระ และเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ✨มะขามป้อม มีวิตามินซีสูง ช่วยต้านอนุมูลอิสระ มีฤทธิ์เพิ่มภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย ✨ขิง เมื่อนำมาต้มน้ำเดือดนาน 30 นาที มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ ทำให้เม็ดเลือดขาวชนิดแมคโครฟาสจับกินไวรัสไข้หวัดใหญ่ได้ดีขึ้น ✨ขลู่ มีฤทธิ์ช่วยต้านอนุมูลอิสระ สรรพคุณของสมุนไพรที่กล่าวไปนั้น มีฤทธิ์เสริมภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย และช่วยต้านอนุมูลอิสระ แต่อย่างไรก็ตาม ในสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 เพื่อน ๆ ควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรงด้วยการกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ กินผักผลไม้ 5 สี พักผ่อนให้เพียงพอ วันละ 6-8 ชั่วโมง และออกกำลังกายเป็นประจำนะคะ 🙂 🙏 ขอบคุณข้อมูลจาก สถาบันการแพทย์แผนไทยอภัยภูเบศร โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร

🌿 สมุนไพรเสริมภูมิคุ้มกัน 🌿 อ่านเพิ่มเติม

🌱 เส้นทางเที่ยวธรรมชาติจังหวัดอุทัยธานี 🌱

อุทัยธานีเป็นจังหวัดหนึ่งที่ขึ้นชื่อเรื่องวัดวาอารามและอาหารการกิน แต่ขณะเดียวกันก็มีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่โดดเด่นน่าไปเที่ยวด้วยเช่นกัน วันนี้แอดเอาใจสายธรรมชาติ ด้วยการพาขับรถออกนอกตัวเมืองอุทัยธานี ไปเที่ยวแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติต้อนรับหน้าฝน ทริปนี้เหมาะกับการขับรถเที่ยว เพราะจังหวัดอุทัยธานีอยู่ไม่ไกลจากกรุงเพทฯ ขับรถประมาณ 4 ชั่วโมงก็ถึงแล้ว และการขับรถเที่ยวยังทำให้เราเข้าถึงสถานที่ท่องเที่ยวได้ง่ายขึ้น และอาจจะได้พบมุมมองใหม่ ๆ ในการท่องเที่ยวอีกด้วย แม้ช่วงนี้เราจะต้องชะลอการเดินทางท่องเที่ยวไว้ก่อน ตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด 19 รวมทั้งแหล่งท่องเที่ยวหลายแห่งยังไม่เปิดให้บริการ แต่เพื่อน ๆ เก็บข้อมูลเส้นทางเหล่านี้ไว้ก่อน แล้วค่อยไปเที่ยวทีหลังได้ค่ะ 🙂 ทริปเที่ยวอุทัยธานี 3 วัน 2 คืนครั้งนี้ เราจะไปเที่ยว 2 อำเภอที่อยู่นอกตัวเมืองกัน นั่นคืออำเภอบ้านไร่ และอำเภอลานสัก อำเภอบ้านไร่อยู่ห่างจากอำเภอเมืองประมาณ 80 กิโลเมตร ถ้าเดินทางจากกรุงเทพก็ประมาณ 250 กิโลเมตร วันที่ 1 วัดถ้ำเขาวง ตลาดซาวไฮ่ ต้นไม้ยักษ์ วัดผาทั่ง วันที่ 2 ฝายกั้นน้ำปางสวรรค์ น้ำตกปางสวรรค์ จุดชมวิวบ้านชายเขา หุบป่าตาด วันที่ 3 อ่างเก็บน้ำทับเสลา เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง 🔸วันที่ 1🔸 วัดถ้ำเขาวง จุดหมายแรกของเราคือ วัดถ้ำเขาวง ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่สวยงาม มีฉากหลังเป็นภูเขาหินสูงตระหง่าน ด้านหน้าเป็นสระน้ำขนาดใหญ่ และมีสวนดอกไม้ที่ตกแต่งสวยงาม สร้างความร่มรื่นให้กับวัดได้เป็นอย่างดี วัดถ้ำเขาวง มีลักษณะเป็นเรือนไทยประยุกต์ 4 ชั้น สร้างด้วยไม้สักและไม้มะค่าที่ได้รับบริจาคจากชาวบ้าน รวมทั้งไม้เก่าจากเรือนไทยที่นำมาจากจังหวัดต่าง ๆ อีกด้วยค่ะ ภายในวัดประดิษฐานพระประธานปางมารวิชัย รอยพระพุทธบาทจำลอง และมีหออริยบูชา ไว้สำหรับปฏิบัติธรรม  ตำบลบ้านไร่ อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี https://goo.gl/maps/r57dTrGspaPWeUHA6 ตลาดซาวไฮ่ ตลาดยอดฮิตที่แอดอยากให้แวะ ตลาดนี้เกิดจากการรวมตัวของกลุ่มคนที่ทำเกษตรอินทรีย์ ชาวสวน ชาวไร่ และศิลปิน เพื่อเปิดพื้นที่ให้ชาวบ้านจากชุมชนต่าง ๆ นำสินค้ามาขาย บรรยากาศภายในตลาดร่มรื่น มีพ่อค้าแม่ค้ามาออกร้านจำหน่ายสินค้าทางการเกษตร สินค้าพื้นบ้าน อาหาร รวมไปถึงงานศิลปะและงานคราฟต์เก๋ ๆ นอกจากนี้ยังมีนักดนตรีมาเล่นดนตรีให้ฟังสด ๆ อีกด้วย เรียกว่าเป็นตลาดสำหรับคนรักธรรมชาติและความชิลล์เลยล่ะ  92 ตำบลบ้านไร่ อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี เปิดทุกวันเสาร์-วันอาทิตย์ เวลา 08.00-16.00 น. 08 4337 3505 https://goo.gl/maps/53pB4XupE7dQ4Rp88 ต้นไม้ยักษ์ บ้านสะนำ ต้นไม้ยักษ์ หรือต้นเซียงยักษ์ต้นนี้ ถือเป็น รุกขมรดกของแผ่นดิน มีอายุประมาณ 300-400 ปี ลำต้นกว้างขนาด 40 คนโอบ ยืนต้นเด่นอยู่ท่ามกลางป่าหมากหลายร้อยต้น ต้นเซียงในพื้นที่บ้านสะนำ ส่วนใหญ่ถูกตัดนำไปใช้จนเกือบหมด ลุงเจียงผู้ที่ไปพบต้นเซียงยักษ์ต้นนี้จึงได้ร่วมมือกับชาวบ้านทำการอนุรักษ์เอาไว้  ตำบลบ้านไร่ อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี https://goo.gl/maps/jbXsafKd9zbzWQf69 วัดผาทั่ง เป็นวัดที่ชาวบ้านนิยมมากราบสักการะและชมความงดงามของหลวงพ่อโต พระพุทธรูปปางประธานพรองค์ใหญ่ที่ประดิษฐานอยู่ในวัด ถือเป็นพระพุทธรูปที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดอุทัยธานีเลยล่ะ  ตำบลห้วยแห้ง อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี https://goo.gl/maps/jbXsafKd9zbzWQf69 ร้านรุ่งโภชนา เที่ยวมาหลายที่ อาจจะเริ่มหิวกันแล้ว ในตัวอำเภอบ้านไร่ มีร้านอาหารอร่อยอยู่หลายร้าน ร้านที่แอดอยากแนะนำให้ลองไปชิมคือ ร้านรุ่งโภชนา เป็นร้านปลาจุ่มรสเด็ดของอำเภอบ้านไร่ ด้วยน้ำซุปที่หอมกลิ่นสมุนไพร เนื้อปลานิลแน่น ๆ และน้ำจิ้มสุดแซ่บ ทำให้ยากที่จะวางตะเกียบ นอกจากปลาจุ่มแล้ว ยังมีเมนูอาหารไทยอีกหลายเมนูให้เลือกทาน  ตำบลทัพหลวง อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี เปิดวันพฤหัส-วันอังคาร (หยุดวันพุธ) เวลา 08.00-21.00 น. 06 1486 3665 https://goo.gl/maps/q6u3SyTq1rizFk5a6  ขอบคุณรูปภาพจาก ร้านรุ่งโภชนา วันที่ 2 ฝายกั้นน้ำปางสวรรค์ วันนี้เราจะไปเที่ยวที่ ฝายกั้นน้ำปางสวรรค์ หนึ่งจุดเช็กอินสุดฮิตของอำเภอบ้านไร่ ฝายกั้นน้ำปางสวรรค์ เป็นฝายกั้นน้ำของชุมชนที่สร้างขึ้นเพื่อกักเก็บน้ำและชะลอการไหลของน้ำ ซึ่งหากน้ำมีปริมาณมากเกินความจุของฝาย น้ำก็จะไหลล้นข้ามสันฝายลงสู่ด้านล่าง เกิดเป็นม่านน้ำที่สวยงาม ใครเป็นสายถ่ายรูปต้องห้ามพลาดเลยล่ะ  ตำบลคอกควาย อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี https://goo.gl/maps/3VGj6bNKZXhJuGtB7  ขอบคุณรูปภาพจาก ททท.สำนักงานอุทัยธานี น้ำตกปางสวรรค์ น้ำตกอยู่ไม่ไกลจากฝายกั้นน้ำปางสวรรค์ ขับรถประมาณ 5 นาทีก็ถึง จากจุดจอดรถ ต้องเดินเท้าเข้าไปที่ตัวน้ำตก ระยะทางประมาณ 300-400 เมตร น้ำตกแห่งนี้สามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปี ถ้าใครอยากสัมผัสบรรยากาศเงียบสงบและชมความสวยงามของน้ำตก ก็แวะมาเที่ยวกันได้เลย  ตำบลคอกควาย อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานีhttps://goo.gl/maps/2h2r3JtaeCKVMkGm7  ขอบคุณรูปภาพจาก ททท.สำนักงานอุทัยธานี เรามุ่งหน้าไปเที่ยวต่อกันที่อำเภอลานสัก ซึ่งเป็นอีกหนึ่งอำเภอที่มีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติอยู่หลายแห่ง จุดชมวิวบ้านชายเขา เป็นจุดชมวิวที่โอบล้อมไปด้วยแนวภูเขาหินปูนขนาดใหญ่สุดลูกหูลูกตา ถ้าเพื่อน ๆ ไปเที่ยวในช่วงฤดูฝนและฤดูหนาวจะยิ่งฟิน เพราะจะได้เห็นหมอกตรงแนวภูเขา และได้เห็นความเขียวขจีของธรรมชาติ บริเวณจุดชมวิวมีร้านอาหารและเครื่องดื่มให้บริการ ทีเด็ดอยู่ที่ส้มตำ ถ้าเกิดหิวขึ้นมาก็สามารถแวะทานได้เลยค่ะ  บ้านชายเขา ตำบลทุ่งนางาม อำเภอลานสัก จังหวัดอุทัยธานี เปิดทุกวัน เวลา 06.00-18.00 น. 08 5731 0853 https://goo.gl/maps/TT4XLBiSZyoJQ7sN9 หุบป่าตาด อยู่ห่างจากจุดชมวิวบ้านชายเขาประมาณ 2 กิโลเมตร มีลักษณะเป็นป่าดงดิบ มีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติระยะทางประมาณ 700 เมตร โดยพื้นที่ส่วนใหญ่ปกคลุมไปด้วยต้นตาด ธรรมชาติที่นี่อุดมสมบูรณ์ มีพันธุ์ไม้หายากหลายชนิด กรมอุทยานแห่งชาติจึงประกาศให้เป็นพื้นที่อนุรักษ์ บรรยากาศที่นี่เหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในยุคดึกดำบรรพ์เลยล่ะ เสียดาย ขาดแต่ไดโนเสาร์  หุบป่าตาด เป็นหุบเขาที่เกิดจากการยุบตัวของภูเขาหินปูน สันนิษฐานว่าในอดีตบริเวณนี้อาจเป็นทะเลหรือแหล่งน้ำ เนื่องจากพบฟอสซิลของหอยน้ำจืดฝังอยู่ในหิน เดิมไม่มีทางเข้า จะต้องปีนข้ามเขาแล้วค่อยๆ ปีนลงไป ต่อมา มีการเจาะถ้ำที่ตันให้ทะลุเข้าไปในหุบได้ ภายในถ้ำเป็นที่อาศัยของค้างคาวกินแมลง ถ้ำจะมีหินย้อยที่สวยงาม ภายในหุบมีต้นตาดจำนวนมาก พืชภายในหุบจะได้รับแสงแดดประมาณวันละ 2-3 ชั่วโมง ส่วนใหญ่จะมีลำต้นสูงเพื่อแย่งกับรับแสงแดด ไฮไลท์ของหุบป่าตาดคือ

🌱 เส้นทางเที่ยวธรรมชาติจังหวัดอุทัยธานี 🌱 อ่านเพิ่มเติม

✨ขนมอังกู๊ ขนมเต่าโบราณเมืองภูเก็ต ✨

มารู้จักขนมโบราณที่ขึ้นชื่อของเมืองภูเก็ตกันค่ะ “ขนมอังกู๊” หรือ “ขนมเต่า” หลาย ๆ คนอาจจะไม่เคยเห็นมาก่อน วันนี้แอดมีเกร็ดความรู้เรื่องขนมอังกู๊มาให้อ่านกันเพลิน ๆ ค่ะ 🙂 ขนมอังกู๊เป็นขนมมงคลที่ชาวภูเก็ตเชื้อสายจีนฮกเกี้ยนและกวางตุ้ง นำมาใช้ในพิธีไหว้บรรพบุรุษ ไหว้เทวดา ไหว้วันสารท เป็นต้น เพราะเชื่อว่าสีแดงเป็นสีแห่งมงคล ลักษณะขนมเป็นรูปเต่า หมายถึงอายุมั่นขวัญยืน 🥳 🍞 ขนมอังกู๊ทำจากแป้งข้าวเหนียวนวดกับน้ำ น้ำมันพืช และน้ำตาล เติมสีผสมอาหารเพื่อให้เกิดสีแดงอ่อน ๆ นวดจนแป้งไม่ติดมือ แล้วจึงนำไส้ถั่วทองที่สุกกวนกับน้ำตาลจนแห้ง มาห่อกับแป้งที่เตรียมไว้ นำไปใส่พิมพ์อัดเป็นรูปเต่าแล้วนำไปนึ่งจนสุก ออกมาเป็นเต่าแดงน่าทานมาก ๆ ปัจจุบัน เราสามารถรับประทานขนมอังกู๊ได้แค่ในช่วงเทศกาลไหว้เจ้า ตรุษจีน สารทจีน ใครแวะไปภูเก็ตในช่วงเทศกาล ต้องลองไปชิมกันนะคะ : )

✨ขนมอังกู๊ ขนมเต่าโบราณเมืองภูเก็ต ✨ อ่านเพิ่มเติม

✨ อดีต…อุดร ✨

📍 อุดรธานี 📍 เมืองที่ซ่อนประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมหลากหลายเอาไว้ในพื้นที่มากมาย เหมือนกับแต่ละสถานที่ในจังหวัดต่อไปนี้ ที่น่าจะช่วยฉายภาพให้เห็นสภาพความเป็นอยู่และตัวตนของคนอุดรฯ ที่กล่าวได้ว่า มีประวัติศาสตร์เป็นเอกลักษณ์ และน่าเดินทางไปเยี่ยมชมมากที่สุดจังหวัดหนึ่งในประเทศไทย TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง ร่วมกับ The Cloud นำเสนอคอลัมน์ Take Me Out เที่ยวบ้านเพื่อน รอบนี้พาทัวร์อุดรธานีผ่านกลิ่นอายความเก่าแก่กับ 10 สถานที่ที่เราขอพาเช็กอินให้ชม เที่ยว ช้อปกันแบบจุใจ ในรูปแบบพิพิธภัณฑ์ที่เคยล้ำสมัยที่สุดในโลก ศาลเจ้าสองวัฒนธรรม ไปจนถึงร้านส้มตำเจ้าเด็ด 📌 ใครพร้อมเที่ยวแล้ว เตรียมปักหมุดได้เลย ✳ ตรวจสอบมาตรการการเดินทางเข้าพื้นที่ได้ที่ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดอุดรธานี : https://www.facebook.com/udpho ข้อมูลจากพิพิธภัณฑ์เมืองอุดรธานีบอกว่า แท้จริง “อุดรธานีไม่เคยมีอยู่” ที่ตั้งของจังหวัดในปัจจุบันนี้ เป็นถิ่นฐานที่เดิมตั้งบนพื้นที่ชายขอบรกร้าง ในฐานะกองบัญชาการ ‘มณฑลลาวพวน’ หรือ ‘มณฑลฝ่ายเหนือ’ ในช่วงราว พ.ศ. 2436 ภายใต้เหตุพิพาทสำคัญกับฝรั่งเศสในยุคอาณานิคมอย่างเหตุการณ์ ร.ศ.112 มณฑลฝ่ายเหนือนี้ภายหลังได้เปลี่ยนชื่อเป็น ‘มณฑลอุดร’ และเริ่มเป็นศูนย์กลางการเดินทางและการค้า จนกระทั่งหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองใน พ.ศ. 2475 มณฑลอุดรจึงถูกยกเลิก แล้วยกฐานะเป็น ‘จังหวัดอุดรธานี’ เรื่อยมาจนหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ถนนมิตรภาพนำความเจริญมาสู่จังหวัดพร้อมสหรัฐอเมริกาและทหาร G.I. ด้วยการเป็นพื้นที่ตั้งฐานทัพโจมตีทางอากาศในสงครามเวียดนาม G.I. ได้เปลี่ยนสภาพสังคมและเศรษฐกิจของจังหวัดไปอย่างมาก จากการทำเกษตรและกิจการขนาดเล็ก ๆ สู่การเกิดขึ้นของโรงแรม โรงภาพยนตร์ สถานบันเทิง อาบอบนวด และตึกแถวสองข้างทางในตัวเมืองก็อัดแน่นไปด้วยร้านค้าหลากหลาย ทั้งร้านสูท เครื่องประดับ ห้องถ่ายภาพ ร้านเสริมสวย และร้านค้าอื่น ๆ มากมาย การเติบโตของเมืองจากเหตุความขัดแย้งภายนอกแต่ละครั้ง ประกอบกับการมีผู้อพยพย้ายถิ่นฐานเข้ามาเป็นจำนวนมาก ทำให้อุดรธานีประกอบด้วยผู้คนหลากหลายเชื้อชาติ ที่ต่างพกพาประวัติศาสตร์และความเชื่อของตัวเอง ประกอบสร้างเป็นเรื่องราวของจังหวัดจนถึงทุกวันนี้ ถ้าพร้อมแล้วเราจะพาไปย้อนดูอุดรในอดีต ตั้งแต่พิพิธภัณฑ์ ศาลเจ้าจีน ค่ายทหารสงครามเย็น จนถึงร้านอาหาร 1 แหล่งโบราณคดีบ้านเชียง หลักฐานแรกตั้งถิ่นฐานในอุดรธานีที่เป็นมรดกโลก “ถ้าคนอุดรฯ ไปอยู่ในดงคนอื่น หรือถ้ามีคนนอกถามว่าพูดถึงจังหวัดอุดรฯ ต้องพูดถึงอะไร คนอุดรฯ จะยังคงนึกถึงบ้านเชียงอยู่” กนกวลี สุริยะธรรม ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติบ้านเชียง ให้ความคิดเห็นถึงแหล่งอารยธรรมโบราณอายุกว่า 5,000 ปี ในฐานะส่วนหนึ่งของตัวตนคนอุดรฯ สถานที่นี้ถูกขุดค้นเจอเมื่อ พ.ศ. 2517 ในอำเภอหนองหาน จังหวัดอุดรธานี ก่อนจะได้รับเลือกเป็นมรดกโลกลำดับที่ 359 ใน พ.ศ. 2535 บ้านเชียงได้ถูกพัฒนาเป็นพิพิธภัณฑ์ให้คนทั่วไปเข้าชมได้ โดยแบ่งเป็น 2 ส่วนหลัก ๆ คือส่วนอาคารพิพิธภัณฑ์ เนื้อหาครอบคลุมเรื่องพัฒนาการทางยุคสมัย วิถีชีวิต การขุดค้น และจัดแสดงโบราณวัตถุ ทั้งเครื่องปั้นดินเผา สำริด เหล็ก รวมถึงโครงกระดูกที่ขุดพบ กับอีกจุดจัดแสดงแหล่งการขุดค้น ณ วัดโพธิ์ศรีที่ตั้งอยู่ห่างไป 900 เมตร ปัจจุบันนอกจากงานให้บริการพิพิธภัณฑ์ ที่นี่ได้ให้บริการในด้านการวิจัยและงานวิชาการ อย่างการเป็นคลังเก็บโบราณวัตถุ งานสำรวจทำบัญชีโบราณวัตถุในพื้นที่ ให้บริการออกใบอนุญาตส่งโบราณวัตถุ ร่วมจัดงานมรดกโลกซึ่งเป็นงานประจำปีที่จะจัดร่วมกับหน่วยงานรัฐและชุมชน รวมถึงสนับสนุนข้อมูลเชิงวิชาการให้การท่องเที่ยวของชุมชน โดยรอบมีโฮมสเตย์ ร้านค้า กลุ่มทอผ้า กลุ่มปั้นหม้อ ซึ่งเป็นกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่ดำเนินสอดคล้องกับเรื่องราวในพื้นที่มาโดยตลอด  หมู่ที่ 13 ถนนสุทธิพงษ์ ตำบลบ้านเชียง อำเภอหนองหาน จังหวัดอุดรธานี 41320 https://goo.gl/maps/xpBzAH9RCyne3vMb9  วัน-เวลาทำการ : พิพิธภัณฑ์ วันพุธ-วันอาทิตย์ เวลา 09.00 – 16.00 น. (ปิดวันจันทร์และวันอังคาร) หลุมขุดค้น วัดโพธิ์ศรีใน ทุกวัน เวลา 09.00 – 16.00 น.  0 4223 5040  Facebook : พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ บ้านเชียง : Banchiang National Museum 2 กลุ่มทอผ้าโบราณบ้านโนนกอก ชุมชนตำหูกที่ย้อมสีผ้าด้วยดอกบัว จากความทรงจำวัยเด็กที่ได้เห็นการทอผ้าใต้ถุนบ้านเป็นภาพชินตา อภิชาติ พลบัวไข ผู้ใหญ่บ้านโนนกอก หลังจากเรียนจบปริญญาโท คณะรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยพิษณุโลก ต้องการกลับบ้านเกิดมาพัฒนาชุมชนด้วยสิ่งที่เขารักและผูกพันมาตั้งแต่วัยเยาว์ เมื่อภาพที่จำได้เหล่านั้นกลับหายไปเมื่อเขาเริ่มเติบโตขึ้น “บ้านโนนกอกเลิกทอผ้ามายี่สิบกว่าปีแล้ว ผมต้องเริ่มจากหาช่างทอลูกหลานที่ยังหลงเหลือ เรามารวมกลุ่มกันทอผ้าแบบโบราณ จากคนเดียวเป็นสอง สาม สี่ ห้า จนปัจจุบันยี่สิบห้าคน รวมถึงเรามีเครือข่ายขยายไปสองร้อยกว่าคนในหมู่บ้านต่าง ๆ” ผู้ใหญ่บ้านยังเล่าว่า การทอผ้าหรือภาษาอีสานเรียก ‘ตำหูก’ เป็นวิถีชีวิตที่มีอยู่ทั่วทุกพื้นที่ในภาคอีสาน โดยเฉพาะจังหวัดอุดรธานีที่มีผ้าทอลายขิดเป็นภูมิปัญญาและมีลวดลายสวยงามเป็นเอกลักษณ์ นอกจากตั้งใจรื้อฟื้นการใช้กี่ทอผ้าแบบโบราณโดยไม่ใช้เครื่องจักร เขายังต้องการสร้างเอกลักษณ์ในด้านสีสันและเรื่องราวของท้องถิ่นให้ฝ้ายและไหมด้วย เอกลักษณ์ของที่นี่คือการนำส่วนต่าง ๆ ของดอกบัวมาเป็นวัตถุดิบย้อม โดยค้นพบว่า ดอกบัวตากแห้งจะได้สีน้ำตาลทอง สายบัวจะได้สีเทาเงิน กลีบได้สีชมพู จนภายหลังก็ได้พัฒนาเช่นพบว่า เมื่อใช้น้ำปูนกับมะขามเปียกผสมจะได้สีเขียวขี้ม้า หรือที่นิยมมากคือการหมักกับโคลน ที่จะทำให้ย้อมดอกบัวได้สีดำ นำมาซึ่งความแตกต่างของเอกลักษณ์สีธรรมชาติที่ทำให้ที่นี่เป็นที่รู้จักไปไกล  ชุมชนบ้านโนนกอก 63 หมู่ที่ 18 ตำบลหนองนาคำ อำเภอเมืองอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี 41000 https://goo.gl/maps/achU8sf5SgrSRWVq5  วัน-เวลาทำการ : ทุกวัน 08.00 – 17.00 น.  06 1942 8808  Facebook : กลุ่มทอผ้าโบราณบ้านโนนกอก จ.อุดร 3 ส้มตำเบญจางค์ ร้านส้มตำเก่าแก่แห่งบ้านโนน อร่อยมาตั้งแต่รุ่นยาย ถ้าถามคนอุดรฯ ว่าร้านส้มตำร้านไหนอร่อยที่สุด ว่ากันตามตรงแต่ละคนก็อาจตอบร้านโปรดของตัวเองที่มีอยู่ทั่วทุกมุมเมือง แต่ถ้าถามว่าร้านไหนเปิดมายาวนานที่สุด

✨ อดีต…อุดร ✨ อ่านเพิ่มเติม

รู้หรือไม่! ทำไมถึงมีการห้ามให้อาหารปลาในทะเล 🐟

“การดำน้ำ” 🤿 เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ได้รับความนิยมอย่างมากเมื่อเราได้ไปทะเล ไม่ว่าจะเป็นการดำน้ำตื้นหรือดำน้ำลึก เราจะสามารถมองเห็นความงดงามทางธรรมชาติ ปะการังต่าง ๆ ปลา และสัตว์ทะเลอีกมากมาย.ในระหว่างดำน้ำอาจมีกิจกรรม “การให้อาหารกับปลาในทะเล” ซึ่งเพื่อน ๆ ส่วนใหญ่อาจจะทราบกันอยู่แล้วว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ ซึ่งวันนี้แอดจะมาบอกเหตุผลว่า ทำไมเราถึงไม่ควรให้อาหารปลาในทะเล 🚫.อาหารส่วนใหญ่ที่มีการนำไปให้ปลาในทะเลกินเป็นจำพวกแป้ง ซึ่งเป็นอาหารโปรดของปลาสลิดหินบั้งเขียวเหลือง ถึงแม้ว่าหน้าตามันออกจะน่ารัก แต่ด้วยนิสัยตามธรรมชาติ ปลาชนิดนี้มีนิสัยดุร้ายและชอบยึดอาณาเขตในพื้นที่ที่มีอาหารโปรดของมันอยู่เยอะ.โดยปกติตามแนวปะการังจะมีปลาและสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่และทำหน้าที่รักษาสมดุลของระบบนิเวศน์ คือ ปลาที่อาศัยอยู่ตามแนวปะการังหาอาหารจากการกินสาหร่ายและสิ่งมีชีวิตที่ปกคลุมปะการัง ซึ่งถือว่าเป็นการทำความสะอาดปะการังด้วยนั่นเอง.หากเจ้าปลาสลิดหินบั้งเขียวเหลืองมากินอาหารที่มนุษย์ให้ตามแนวปะการัง จะเกิดอะไรขึ้น?📍 ปลาชนิดนี้ก็จะเริ่มมีจำนวนเยอะมากขึ้น เริ่มยึดอาณาเขต และขับไล่ปลาตัวอื่นออกจากพื้นที่📍 สิ่งมีชีวิตที่ปกคลุมแนวปะการัง รวมถึงแบคทีเรียที่เกิดจากการขับถ่ายของปลาสลิดหินบั้งเขียวเหลืองเพิ่มมากขึ้น และทำให้ปะการังสกปรก📍 แนวปะการังที่มีระบบนิเวศน์ค่อนข้างซับซ้อนและอ่อนไหวเริ่มเสื่อมโทรม ล้มตายและไม่สามารถเกิดขึ้นใหม่ได้เนื่องจากสภาพแวดล้อมไม่เอื้ออำนวย📍 ปลาบางชนิดกินแต่ขนมปังที่มนุษย์ให้ ไม่สามารถหาอาหารเอง แถมยังทำให้ขาดสารอาหารและป่วยตายได้ง่าย.เพียงแค่ไม่กี่ข้อที่แอดกล่าวมา ก็ทำให้เห็นแล้วว่าเมื่อระบบนิเวศน์เสียสมดุล ความงดงามทางทะเลก็จะค่อย ๆ หายไป แน่นอนว่าเพื่อน ๆ ก็อยากให้ธรรมชาติเหล่านี้คงอยู่ เพื่อให้คนอื่น ๆ หรือแม้แต่ตัวเราเองได้กลับมาดูอีกครั้ง การอนุรักษ์ไว้จึงไม่ใช่แค่เรื่องของใครบางคน แต่เป็นสิ่งที่เราเองมีส่วนช่วยได้ มาช่วยกันนะคะ 😉.อ้างอิงข้อมูลจาก : กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง

รู้หรือไม่! ทำไมถึงมีการห้ามให้อาหารปลาในทะเล 🐟 อ่านเพิ่มเติม

ภูเขาไฟกระโดง จังหวัดบุรีรัมย์ 🌱

จังหวัดบุรีรัมย์แห่งดินแดนอีสาน เป็นจังหวัดที่น่าสนใจและโดดเด่นในหลาย ๆ ด้าน ทั้งประวัติศาสตร์ ธรรมชาติ กีฬา เรียกว่ามีครบเลยค่ะ หนึ่งในจุดหมายที่แอดว่าน่าสนใจมาก และอยากแนะนำให้รู้จักก็คือ “ภูเขาไฟกระโดง” ในบุรีรัมย์มีภูเขาไฟที่ดับแล้วหลายแห่ง “ภูเขาไฟกระโดง” เป็นภูเขาไฟที่อายุน้อยที่สุด คือมีอายุประมาณ 6 แสนถึง 9 แสนปี เดิมชาวบ้านเรียกภูเขาลูกนี้ว่า “พนมกระดอง” คำว่า “พนม” เป็นภาษาเขมร แปลว่า ภูเขา ส่วน “กระดอง” ก็คือ กระดองเต่า เพราะมีลักษณะคล้ายกระดอง ต่อมาได้เพี้ยนเป็นคำว่า กระโดง ในปัจจุบันนั่นเอง ที่ภูเขาไฟกระโดงยังมีร่องรอยปากปล่องภูเขาไฟเก่าให้เห็นอย่างชัดเจน โดยมีสภาพเป็นเหมือนแอ่งน้ำ ปัจจุบันมีการปรับปรุงภูมิทัศน์ให้สวยงาม สร้างสะพานและทางเดินให้ชมธรรมชาติได้สะดวก นักท่องเที่ยวจะเพลิดเพลินมากทีเดียว เพราะจุดนี้ยังเป็นป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์ มีทั้งพันธุ์ไม้หายากและสัตว์ป่า ใครได้แวะมาเที่ยวจังหวัดบุรีรัมย์ ต้องลองไปกันดูนะคะ ไฮไลท์จุดหนึ่งบนภูเขาไฟกระโดงก็คือ “สะพานแขวนลาวา” เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวชื่นชอบมาก เพราะสามารถมองลงไปเห็นปากปล่องภูเขาไฟได้อย่างใกล้ชิด และเป็นจุดถ่ายรูปยอดฮิตที่ใครมาก็ต้องเก็บภาพไปสักรูปหนึ่ง ส่วนบนยอดเขากระโดงเป็นที่ประดิษฐานพระสุภัทรบพิตร พระพุทธรูปใหญ่คู่เมืองบุรีรัมย์ หากมองลงไปด้านล่างจะเห็นสนามไอโมบายสเตเดียมชัดเจนทีเดียว ในทุกวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 5 ของทุกปี จะมีงานประเพณีขึ้นเขากระโดงอีกด้วย  การเดินทางขึ้นเขากระโดง เราสามารถขึ้นได้ 2 แบบ คือเดินขึ้นบันไดจำนวน 297 ขั้น หรือขับรถยนต์ขึ้นไป แต่ต้องระมัดระวังการขับขี่หน่อยนะคะ เนื่องจากเป็นถนนเดินรถทางเดียว วนอุทยานภูเขาไฟกระโดง ตำบลเสม็ด อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่ 06.00-18.00 น. ไม่เสียค่าเข้าชม 0 4463 7349 https://goo.gl/maps/WeKzup9CEDeq51eG6

ภูเขาไฟกระโดง จังหวัดบุรีรัมย์ 🌱 อ่านเพิ่มเติม

✨ กุ้งเดินขบวน ที่แก่งลำดวน ✨

ว่ากันว่า…ธรรมชาติมีความมหัศจรรย์อยู่เสมอ หลายครั้งที่ออกเดินทาง เราจึงได้พบเห็นสิ่งแปลกตาและน่าค้นหาจากธรรมชาติอยู่บ่อย ๆ วันนี้แอดจะพาเพื่อน ๆ มาชม “ขบวนกุ้ง” ปรากฎการณ์น่ารัก ๆ ทางธรรมชาติที่สามารถพบเห็นได้ในช่วงฤดูฝนเท่านั้น 🌧 ปรากฏการณ์กุ้งเดินขบวนนี้อยู่ที่ “แก่งลำดวน” จังหวัดอุบลราชธานี ในฤดูฝน กระแสน้ำที่แก่งลำดวนจะไหลเชี่ยว จึงเกิดปรากฏการณ์ที่เหล่ากุ้งตัวน้อยพากันเดินขึ้นมาตามแนวโขดหิน เพื่อหลบกระแสน้ำที่เชี่ยวกราก มุ่งหน้าไปยังพื้นที่ต้นน้ำลำโดมใหญ่ ณ เทือกเขาพนมดงรักเพื่อวางไข่ขยายพันธุ์ ปรากฏการณ์นี้ เป็นสิ่งที่หาชมได้ยากและมีความละเอียดอ่อน ต้องชมด้วยความระมัดระวัง ขบวนกุ้งจะมีมากหรือน้อยนั้นขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำและปัจจัยอื่น ๆ ทางธรรมชาติ ที่สำคัญ ต้องช่วยรณรงค์กันไม่ใช้สารเคมีอันตรายหรือทิ้งขยะปนเปื้อนลงในน้ำ เพราะจะส่งผลกระทบกับกุ้งเป็นอย่างมาก 🗓 สามารถชมได้ตลอดเดือนกันยายนของทุกปี (ปีนี้ยังไม่มีกำหนดว่าจะเปิดหรือไม่ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ COVID-19⏰ เวลาที่เปิดให้ชมคือช่วง 19.00-22.00 น. (มีเจ้าหน้าที่นำชมเป็นรอบ ๆ) 📌 ข้อควรปฏิบัติในการชมกุ้งเดินขบวน ไม่ออกนอกเส้นทางที่กำหนดไว้ ชมอย่างระมัดระวัง ไม่เหยียบ หรือสัมผัสกุ้ง พื้นที่ชมขบวนกุ้งบางจุดอาจลื่นและมีกระแสน้ำไหลเชี่ยว แนะนำให้ระมัดระวังเป็นพิเศษ ไม่นำอาหารและเครื่องดื่มไปรับประทานขณะชม ไม่ส่งเสียงดัง ระวังสัตว์มีพิษที่อาจพบในบริเวณนั้น ไม่ใช้ไฟฉายที่มีความสว่างมากเกินไป และไม่ส่องไปที่กุ้งเป็นเวลานาน เพราะจะเป็นการรบกวนกุ้ง ปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัด ⭐ อุปกรณ์การชมกุ้งที่เพื่อน ๆ สามารถเตรียมไปเองได้ ไฟฉายสำหรับส่องชมกุ้ง ร่มหรือเสื้อกันฝน เพราะฝนอาจตกในระหว่างที่ชม ยากันยุง รองเท้า ควรเลือกพื้นยางและหุ้มเท้าอย่างมิดชิด ป้องกันสัตว์มีพิษ และป้องกันการลื่น 📞 ศูนย์ศึกษาธรรมชาติและสัตว์ป่าอุบลราชธานี โทร. 045 410 040, 086 916 9634📍 ตำบลโดมประดิษฐ์ อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี🌐 https://goo.gl/maps/Rp8x6LUVHzL2dh9G9

✨ กุ้งเดินขบวน ที่แก่งลำดวน ✨ อ่านเพิ่มเติม

✨ รวม 10 สถานที่กิน เที่ยว พัก เมืองลำปาง ✨

เมืองผ่านก็แค่ฉายา เพราะลำปางหนามีดีกว่านั้น … TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง ร่วมกับ The Cloud นำเสนอคอลัมน์ Take Me Out เที่ยวบ้านเพื่อน พาทุกท่านไปซอกแซกลำปางในอีกมุมมองหนึ่ง ผ่าน 10 สถานที่กิน เที่ยว พัก ที่อยู่ในบ้านแต๊ ๆ ของเปื้อนปี้น้องจาวเมืองรถม้า ซึ่งสะท้อนความหลากหลายและเปี่ยมชีวิตชีวา ทั้งเชิงประวัติศาสตร์ สุขภาพ วัฒนธรรม และธรรมชาติ ในแบบฉบับอินไซต์ใกล้ชิดเจ้าบ้าน เพื่อพิสูจน์ว่าเมืองผ่านก็แค่ฉายา เพราะแท้จริงลำปางมีดีกว่าที่คิดและไม่ควรปล่อยผ่าน 👉 ตรวจสอบมาตรการการเดินทางเข้าพื้นที่ได้ที่ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดลำปาง : https://www.facebook.com/sasooklampang ลำปาง … จังหวัดเล็ก ๆ ที่มีของดีครบทั้งที่กิน เที่ยว พัก ตั้งแต่ซอกแซกชมประวัติศาสตร์ผ่านอารามริมแม่น้ำวัง นอนแช่น้ำแร่ดูแลสุขภาพ เรียนรู้วัฒนธรรมที่หอศิลปะการแสดงล้านนา ไปจนถึงนอนกลางป่าสัมผัสธรรมชาติอย่างใกล้ชิด ใครอยากชาร์จแบตเตอรี่ฟื้นฟูกายและใจแบบอินไซต์ที่เมืองลำปาง ตามไปแอ่วแบบจาวลำปางแต๊ ๆ ได้เลยเจ้า 1 ถ้ำขุนตาน  อุโมงค์รถไฟกลางไพรที่เคยยาวสุดในแดนสยาม ถึงจะได้ชื่อว่าถ้ำ แต่ความจริงที่นี่เสกสรรขึ้นจากแรงงานมนุษย์ และยังเป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ ซึ่งมีอายุอานามล่วงกว่า 103 ปีมาแล้ว ‘ถ้ำขุนตาน’ เป็นชื่อที่ชาวบ้านใช้เรียกแทน ‘อุโมงค์ขุนตาน’ อุโมงค์รถไฟอันเป็นส่วนหนึ่งของแผนการสร้างทางรถไฟสายเหนือ จากกรุงเทพฯ จรดเชียงใหม่ ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 กระนั้นจากการสำรวจพบว่า เส้นทางสายดังกล่าวจะเป็นไปไม่ได้เลย หากไม่สามารถทอดรางตัดผ่านเทือกเขาที่กั้นขวางระหว่างอำเภอห้างฉัตร จังหวัดลำปาง กับอำเภอแม่ทา จังหวัดลำพูน เหตุนี้ใน พ.ศ. 2450 เอมิล ไอเซนโฮเฟอร์ (Emil Eisenhofer) วิศวกรชาวเยอรมัน จึงเข้ามารับภารกิจควบคุมการก่อสร้าง และเริ่มต้นขุดเจาะอุโมงค์ลอดใต้ดอยขุนตาน ต่อเนื่องมาจนกระทั่งปีที่ 11 อุโมงค์รถไฟความยาว 1.3 กิโลเมตรก็เสร็จสมบูรณ์ ก่อนเปิดประตูสู่ภาคเหนืออย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2464 นับตั้งแต่นั้น ถ้ำขุนตานไม่เพียงนำความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคมมาสู่ลำปาง ลำพูน และเชียงใหม่ แต่ยังกลายเป็นอุโมงค์รถไฟไทยที่เลื่องลือด้านความ ‘สุด’ ทั้งสร้างบนทำเลสูงสุด ใช้เวลาก่อสร้างนานสุด รวมถึงเคยครองตำแหน่งแชมป์อุโมงค์รถไฟที่ยาวสุดในแดนสยาม ไม่นับความสวยคลาสสิกและบรรยากาศ ซึ่งจัดว่าสุดไม่แพ้กัน เพราะตั้งอยู่ในสถานีรถไฟขุนตาน สถานีเล็ก ๆ ที่โอบล้อมด้วยแมกไม้เขียวครึ้ม เงียบสงบ ร่มรื่น เคียงอุทยานแห่งชาติดอยขุนตาลที่มีกิจกรรมนานาให้เพลินกายเพลินใจ อาทิ สำรวจเส้นทางเดินป่าศึกษาธรรมชาติ กางเต็นท์นอนท่ามกลางผืนป่าและหมู่ดาว หรือใครจะค้างบ้านพักของอุทยานสักคืน ตื่นเช้ามาสูดไอหมอกสดชื่น ผ่านอุโมงค์มาแล้วได้พบกับรถไฟสายเหนือ ทักทายเมืองที่ไม่หมุนตามกาลเวลา แบบนี้ก็เข้าท่าดีทีเดียว ที่ตั้ง : อำเภอห้างฉัตร อำเภอเมืองลำปาง จังหวัดลำปาง พิกัด : https://goo.gl/maps/G4xmc25t7gEgyFCS8 เวลาเปิด-ปิด : 07.00 – 20.00 น. โทรศัพท์ : 0 5351 6335 2 บ่อน้ำร้อนบ้านโป่งร้อน  อาบน้ำแร่ แช่น้ำร้อน พักผ่อนสไตล์เกาะคาออนเซ็น ย้อนกลับไปสมัยที่ แม่ระยอง จำปาวัน กรรมการศูนย์นวดแผนไทยบ้านโป่งร้อนยังเป็นเด็ก พื้นที่บริเวณ ‘บ่อน้ำร้อนบ้านโป่งร้อน’ เป็นเพียงทุ่งนาผืนกว้าง พอย่างเข้าเดือนพฤศจิกายน แม่กับเพื่อน ๆ จะพากันมาขุดหลุมตักสายน้ำแร่ธรรมชาติอุ่น ๆ อาบ เช่นเดียวกับลุงป้าน้าอาในหมู่บ้านที่ต่างกลับไปพร้อมแกลลอนปริ่มน้ำ สำหรับให้พ่อแก่แม่เฒ่าอาบยามหนาว  จากต้นทุนท้องถิ่นคู่วิถี ทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยก็ได้เล็งเห็นศักยภาพของพื้นที่ ซึ่งต่อยอดสร้างงานและสร้างรายได้แก่ชุมชนได้ จึงสนับสนุนงบประมาณเพื่อพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวพักผ่อน ก่อนเปิดต้อนรับคนต่างถิ่นให้เข้ามาใช้บริการอาบน้ำแร่ แช่น้ำร้อน เพื่อสุขภาพอย่างเต็มรูปแบบตั้งแต่ พ.ศ. 2546 เป็นต้นมา โดยปัจจุบัน บ่อน้ำร้อนแห่งนี้ถือได้ว่ามีสิ่งอำนวยความสะดวกและบริการครบสมฉายา ‘เกาะคาออนเซ็น’ ไม่ว่าจะเป็นห้องแช่น้ำแร่แบบเดี่ยว ห้องแช่น้ำแร่แบบคู่ ห้องอาบน้ำแร่สำหรับพระสงฆ์ สระน้ำแร่สำหรับเด็ก อ่างน้ำแร่แช่เท้า เรื่อยไปจนถึงอ่างอาบน้ำแร่กลางแจ้ง ให้นอนแช่ตัวฟิน ๆ ในอ่างไม้เคียงทัศนียภาพท้องทุ่งเขียวขจีผ่อนคลายสุดสายตา “น้ำแร่ที่นี่อุณหภูมิคงที่ เหมาะกับการแช่แบบไม่ต้องผสมน้ำเย็นเลย แช่แล้วช่วยให้เลือดลมไหลเวียนดี คลายกล้ามเนื้อ คนแก่บางคนปวดแข้งปวดขา พอมาแช่เขาก็หายนะ” แม่ระยองยิ้มรื่น พลางนำเสนอของดีประจำชุมชนอย่างตั้งอกตั้งใจต่อว่า “น้ำแร่ของเรากลิ่นกำมะถันไม่แรงและสะอาด เคยเอาไปตรวจสอบมา เขาว่าอุดมด้วยแร่ธาตุ เราเลยทำเป็นผลิตภัณฑ์น้ำดื่มจากน้ำแร่โป่งร้อนขาย คู่กับไข่ลวกน้ำแร่ที่ต้องใช้เวลาต้มนานกว่าหนึ่งชั่วโมง เพราะอุณหภูมิน้ำนิ่ง แต่ก็ทำให้ได้ไข่ยางมะตูมสวย เนื้อเนียนนิ่ม ชิมแล้วจะติดใจ” นอกจากนี้ ยังมีบริการนวดแผนไทย นวดฝ่าเท้า นวดประคบ หรืออบสมุนไพรจากพืชสมุนไพรพื้นบ้านที่ปลูกโดยเกษตรกรท้องถิ่น มีร้านขายอาหารการกินเพียบพร้อม รวมถึงโฮมสเตย์ในหมู่บ้านไว้คอยให้บริการ สำหรับใครอยากที่ลองสัมผัสประสบการณ์ท่องเที่ยวแบบลึกซึ้งถึงถิ่น ผ่านวิถีการกิน อยู่ และดูแลสุขภาพตามแบบฉบับของชาวบ้านโป่งร้อน ที่ตั้ง : หมู่ 1 ตำบลใหม่พัฒนา อำเภอเกาะคา จังหวัดลำปาง 52130 พิกัด : https://goo.gl/maps/Potq6D6yUpUPdGWK8 เวลาเปิด – ปิด : 08.00-18.00 น. โทรศัพท์ : 08 2385 1367  3 บ้านบริบูรณ์  เรือนคหบดีอายุร่วมศตวรรษที่ปรับโฉมสู่หอศิลปะการแสดง ชุมชนกาดกองต้า เป็นอีกหนึ่งย่านที่รุ่มรวยด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ของลำปาง โดยเฉพาะในยุคสัมปทานทำกิจการป่าไม้ ที่นี่ได้ชื่อว่าเป็นย่านเศรษฐกิจสำคัญของเมือง ซึ่งร่องรอยความเจริญรุ่งเรืองยังคงฉายให้เห็น ผ่านบรรดาอาคารบ้านเรือนโบราณหลังโตโอ่อ่า ที่ลำพังแค่สองฝากฝั่งถนนสายหลักก็มีให้ได้ชื่นชมกันอยู่มากหลัง อาทิ อาคารหม่องโง่ยซิ่น อาคารฟองหลี อาคารเยียนซีไท้ลีกี อาคารกาญจนวงศ์ บ้านแม่แดง หรือบ้านคมสัน  ส่วน ‘บ้านบริบูรณ์’ นั้น ต้องเดินเลาะเลี้ยวเข้าซอยเล็กน้อย ตำแหน่งแห่งที่อาจเร้นตา

✨ รวม 10 สถานที่กิน เที่ยว พัก เมืองลำปาง ✨ อ่านเพิ่มเติม

✨ เกาะเต่า – เกาะนางยวน สวรรค์ของคนรักทะเล ✨

เกาะเต่า – เกาะนางยวน เป็นอีกเกาะที่มีชื่อเสียงของจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นเกาะเล็ก ๆ กลางอ่าวไทย แต่กลับเป็นจุดมุ่งหมายยิ่งใหญ่ของคนรักทะเล เพราะไม่ว่าจะเป็นหาดทรายขาว ๆ น้ำทะเลใสแจ๋ว หรือแม้กระทั่งโลกใต้ทะเล ที่ถือว่าเป็นสวรรค์ของนักดำน้ำเลยก็ว่าได้ นอกจากความสมบูรณ์ของธรรมชาติแล้ว ที่นี่ยังได้ชื่อว่าเป็นชุมชนที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม และมุ่งหวังให้เกิดการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนบนเกาะ ทั้งการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ดูแลสภาพแวดล้อมในท้องถิ่น ตั้งแต่บนพื้นดินจนไปถึงใต้ท้องทะเล วันนี้แอดเลยอยากพาเพื่อน ๆ มาชมความสวยงามของเกาะเต่า – เกาะนางยวน พร้อมเปิดประสบการณ์การท่องเที่ยวที่เป็นส่วนนึงในการรักษาสิ่งแวดล้อมได้ง่าย ๆ ตามไปดูกันในโพสต์นี้เลย ก่อนเก็บกระเป๋าออกเดินทาง แอดอยากให้ลองเช็คมาตรการเข้าจังหวัดสักนิด โดยคลิกอ่านรายละเอียดตามลิงก์นี้ได้เลย https://www.facebook.com/1494662884151960/posts/3064906403794259 (ข้อมูล ณ วันที่ 4 สิงหาคม 2564) https://www.facebook.com/107117091320800/posts/218051950227313 (ข้อมูล ณ วันที่ 24 กรกฎาคม 2564) สำหรับใครที่ยังไม่พร้อมหรือยังไม่สะดวกเดินทาง สามารถอ่านได้จาก eBook จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ที่ https://www.amazingthailandebook.com/issue/171 หรือสามารถดาวน์โหลดในรูปแบบ Application : Amazing Thailand eBook ได้ทั้งระบบ iOS และ Android ได้ที่ https://mobile.amazingthailandebook.com/redirect ถ้าพูดถึงเกาะเต่า จะไม่พูดถึงเกาะนางยวนก็ไม่ได้ เรามักจะได้ยินชื่อของสองเกาะนี้อยู่ด้วยกันบ่อย ๆ เพราะอยู่ใกล้กันเพียงแค่ 480 เมตรเท่านั้น เกาะนางยวนมีทั้งหมด 3 เกาะเล็ก เชื่อมกันระหว่างเกาะด้วยสันทรายสีขาว คล้าย ๆ ทะเลแหวก โดยจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมมาเที่ยวที่นี่ ก็คือจุดชมวิวเกาะนางยวน เพราะจะเห็นเกาะนางยวนในมุมสูงชัดเจน นอกจากนี้ที่นี่ยังเป็นแหล่งดำน้ำชมปะการังยอดฮิตอีกแห่งนึง จากเกาะเต่ามาเกาะนางยวนก็ง่ายดาย แค่เพื่อน ๆ ขึ้นเรือหางยาวมาจากท่าเรือแม่หาด หรือหาดทรายรี ใช้เวลาเดินทางแค่เพียง 20 นาทีก็จะถึงเกาะนางยวน หาดทรายรี เป็นอีกหาดที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว ด้วยความยาวหาดถึง 2 กิโลเมตร บวกกับความนุ่มละเอียดของเม็ดทราย ที่ทำให้เราเดินชมวิวได้เพลิน ๆ ถึงแม้จะไม่เหมาะกับการลงเล่นน้ำเพราะมีหินเยอะ แต่ที่นี่คือแหล่งรวมความสะดวกบนเกาะเต่า เพราะมีร้านอาหาร ร้านนั่งชิลต่าง ๆ รวมไปถึงที่พักมากมายตลอดริมหาด แต่เพื่อน ๆ รู้ไหมว่า เกาะเต่าไม่มีระบบน้ำประปา น้ำที่ใช้ได้มาจากน้ำฝนหรือน้ำบาดาลเท่านั้น น้ำที่นี่จึงมีค่ามาก หากเข้าพักที่เกาะเต่าก็ควรใช้น้ำเท่าที่จำเป็น แค่ประหยัดน้ำง่าย ๆ แต่เป็นการท่องเที่ยวแบบใส่ใจสิ่งแวดล้อมที่ยิ่งใหญ่อีกทางนึงนะ ส่วนใครที่ต้องการความสงบ เป็นส่วนตัว แอดขอแนะนำให้มาที่ “หาดทรายนวล” ที่นี่ถือเป็นหาดที่เงียบสงบ เพราะการเดินทางมายังหาดที่ยากกว่าหาดอื่น ๆ ที่ต้องเดินเท้าเลียบริมหาดไปเรื่อย ๆ ทำให้อาจจะไม่ได้รับความนิยมเท่าไหร่นัก แต่แอดรับรองเลยว่า ที่นี่เหมาะกับการหลบหนีความวุ่นวายอย่างแท้จริง เพื่อน ๆ สามารถใช้เวลานอนพักผ่อน ฟังเสียงคลื่น หยิบหนังสือสักเล่มมานอนอ่านริมหาดชิล ๆ หรือจะปิกนิกริมหาด เล่นน้ำ ดูปะการัง ก็ทำได้ตั้งแต่เช้าจนเย็น ปิกนิกเสร็จแล้ว อย่าลืมเก็บขยะที่เรานำมากลับไปทิ้งด้วยนะ หรือหากเพื่อน ๆ ลดใช้พลาสติกได้ก็จะดีมาก ๆ จะได้ไม่เป็นการเพิ่มขยะพลาสติก และช่วยกันรักษาธรรมชาติของเกาะเต่าไว้ได้นาน ๆ แอดขอพาเพื่อน ๆ มาชมวิวเกาะเต่ามุมสูงกันบ้างที่ “บลูเฮฟเว่น รีสอร์ท” หนึ่งในจุดชมวิวที่สวยที่สุดของเกาะเต่า ที่นี่เป็นทั้งที่พักและร้านอาหาร ถึงแม้จะไม่ได้เข้าพักที่นี่ ก็สามารถขึ้นมาลิ้มรสอาหารใต้รสชาติอร่อย ๆ พร้อมชมวิวทะเลแบบ 180 องศา ที่แอดขอบอกเลยว่า ใครมาเกาะเต่าแล้วห้ามพลาดมุมนี้เด็ดขาด อิ่มท้องแล้วเรามาทำกิจกรรมทางน้ำกันบ้างที่ “อ่าวโตนด” อ่าวที่ล้อมไปด้วยกองหินและภูเขาเขียวขจี ที่นี่เป็นเหมือนศูนย์กลางของคนที่รักกิจกรรมทางน้ำ เพราะที่นี่มีกิจกรรมให้เลือกทำมากมาย ไม่ว่าจะเป็นพายคายัก ขี่เจ็ทสกี และยังเหมาะกับการดำน้ำตื้น เรียกได้ว่าเป็นอ่าวสวรรค์ของคนรักทะเลอีกอ่าวนึงเลยล่ะ รักทะเลแล้ว ก็อย่าลืม “รักษ์” ทะเลด้วยนะ หากการดำน้ำตื้นที่อ่าวโตนดยังไม่จุใจ แอดขอแนะนำ “อ่าวม่วง” อ่าวขนาดใหญ่ที่มีแนวปะการังสวยงามอยู่ทั้งสองฝั่งของอ่าว เป็นจุดมุ่งหมายยอดฮิตของนักท่องเที่ยวที่ต้องการดำน้ำตื้นชมปะการัง แต่ถ้าหากเพื่อน ๆ ยังอยากเห็นโลกใต้ทะเลมากกว่านี้ ที่นี่ยังเป็นแหล่งเรียนดำน้ำแบบ Scuba หลักสูตรเบื้องต้นอีกด้วย เพราะว่ามีคลื่นลมสงบ น้ำทะเลใส สภาพแวดล้อมที่เหมาะกับการเรียนที่สุด ซึ่งโรงเรียนสอนดำน้ำในเกาะเต่า ยังยึดแนวทางการดำน้ำที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Green Fins) ในการสอน โดยเป็นการดำน้ำแบบที่ไม่รบกวนธรรมชาติ ไม่เกิดผลกระทบกับแนวปะการัง และสัตว์ทะเลอีกด้วย รับรองว่าเพื่อน ๆ จะเที่ยวอย่างปลอดภัย ใส่ใจสิ่งแวดล้อมสุด ๆ เพื่อน ๆ คนไหนที่เรียนดำน้ำลึกกันแล้ว แอดขอพามาที่ “อ่าวหินวง” หนึ่งในจุดดำน้ำยอดนิยมของเกาะเต่า เพราะที่นี่เพื่อน ๆ จะได้ใกล้ชิดกับฝูงปลาข้างเหลืองได้อย่างง่ายดาย แถมยังมองเห็นได้ชัดเจนเพราะที่นี่น้ำใสแจ๋วเลยล่ะ แต่ถ้าหากว่าเพื่อน ๆ คนไหนดำน้ำลึกไม่เป็นล่ะก็ ไม่ต้องเสียใจ เพราะว่าฝูงปลาเหล่านี้ว่ายน้ำไม่ลึก อยู่ที่ประมาณ 3 – 5 เมตรเท่านั้น จึงทำให้สามารถมองเห็นได้ง่าย ๆ จากผิวน้ำ แต่ไม่ว่าจะดำน้ำแบบไหน ก็อย่าไปสร้างความตกใจให้กับฝูงปลานะ ว่ายน้ำกับน้อง ๆ อย่างเป็นมิตรก็พอ หรือหากเพื่อน ๆ คนไหนอยากดำน้ำพร้อมกับช่วยสิ่งแวดล้อมไปด้วย ที่เกาะเต่ายังมีโรงเรียนดำน้ำหลายแห่งที่เปิดสอนดำน้ำเพื่อการอนุรักษ์แนวปะการัง จนไปถึงการดำน้ำเพื่อกำจัดขยะใต้น้ำเลยทีเดียว  มาเที่ยวเกาะเต่าทั้งที จะพลาดการว่ายน้ำกับเต่าที่ “อ่าวฉลาม” ไม่ได้ ที่นี่เป็นทั้งที่อาศัยของเต่าและสถานอนุบาลน้ำตื้นของลูกฉลามครีบดำ ที่นี่ยังมีกิจกรรมปล่อยเต่ากลับคืนสู่ท้องทะเลทุก ๆ ปี เพื่อน ๆ จะมีโอกาสเจอเต่าทะเลได้ โดยที่ไม่จำเป็นต้องว่ายลงไปลึกเลยล่ะ เพราะเพียงแค่ลอยตัวอยู่ เพื่อน ๆ อาจจะเจอเต่าได้ง่าย ๆ ที่ความลึกเพียง 2 – 5 เมตรเท่านั้นเอง นอกจากนี้อ่าวฉลามยังมีความอุดสมบูรณ์ของปะการัง และสัตว์น้ำอื่น

✨ เกาะเต่า – เกาะนางยวน สวรรค์ของคนรักทะเล ✨ อ่านเพิ่มเติม

✨ ที่นี่…เกาะยาวน้อย จังหวัดพังงา ✨

วันนี้เราจะไปเป็นชาวเกาะกันค่ะ เพื่อน ๆ เคยได้ยินชื่อเกาะยาว จังหวัดพังงากันบ้างไหม เกาะยาวนี้ประกอบด้วย 2 เกาะ คือเกาะยาวน้อย และเกาะยาวใหญ่ อยู่กลาง ๆ ระหว่างจังหวัดภูเก็ต พังงา และกระบี่ เกาะที่แอดปักหมุดไว้จะชวนเพื่อน ๆ ไปเป็นชาวเกาะก็คือ เกาะยาวน้อย ซึ่งเป็นเกาะที่มีธรรมชาติสมบูรณ์และสวยงามมาก นอกจากเราจะได้พักผ่อนแล้ว เรายังจะได้เรียนรู้วิถีชีวิต วัฒนธรรม และการอนุรักษ์ธรรมชาติบนเกาะอีกด้วย แม้ช่วงนี้เราจะต้องชะลอการเดินทางท่องเที่ยวไว้ก่อน ตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 รวมทั้งแหล่งท่องเที่ยวหลายพื้นที่ก็ยังไม่เปิดให้บริการ แต่เพื่อน ๆ เก็บข้อมูลเส้นทางเหล่านี้ไว้ได้นะคะ รอให้สถานที่ท่องเที่ยวเหล่านี้กลับมาเปิดต้อนรับเราอีกครั้ง วันที่ 11.ชุมชนท่องเที่ยวเกาะยาวน้อย2.หนำ นาทอน3.ลานริมเล เกาะยาวน้อย4.ร้านท่าต้นโดซีฟู้ด5.ชมหาดป่าทราย วันที่ 26.กระชังปลา กุ้งมังกร7.เที่ยวชมเกาะลาดิง เกาะผักเบี้ย แหลมหาด8.สันหลังมังกร9.Café Kantary วันที่ 1ชุมชนท่องเที่ยวเกาะยาวน้อย การเดินทางท่องเที่ยวบนเกาะยาวน้อย ถ้าไม่เช่ารถจักรยานยนต์ เราก็สามารถใช้รถสองแถวได้ค่ะ จุดแรกของเราคือ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวเกาะยาวน้อย หากมาเที่ยวเกาะยาวน้อยแต่ยังไม่มีแพลนที่ชัดเจน ก็ไม่ต้องกังวลไปนะคะ เพราะที่นี่เป็นวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ให้บริการทัวร์บนเกาะ รวมทั้งที่พักโฮมสเตย์ ชุมชนท่องเที่ยวเกาะยาวน้อย เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง เคยได้รับรางวัลรางวัลการท่องเที่ยวชุมชนที่คำนึงถึงความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมสังคมและวัฒนธรรมจากหลายหน่วยงานทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมทั้งรางวัล Tourism Awards จาก ททท ด้วย ไม่ธรรมดาเลยนะเนี่ย : ) เพื่อน ๆ สามารถมาเที่ยวเกาะยาวน้อยได้ทั้งแบบ one day trip และแบบค้างคืน ซึ่งทางชมรมก็มีแพคเกจ 2 วัน 1 คืน คนละ 3,500 บาทไว้ให้บริการ แพคเกจนี้จะมีกิจกรรมนั่งรถชมวิถีชีวิตชุมชน ทำผ้าบาติก ชมฟาร์มเลี้ยงกุ้งมังกร นั่งเรือชมเกาะ เล่นน้ำดูปะการัง พักโฮมสเตย์ และอาหารครบทุกมื้อ ชาวบ้านบนเกาะยาวน้อยส่วนใหญ่ นับถือศาสนาอิสลาม ถ้ามาเที่ยวเกาะยาวน้อยช่วงเดือนรอมฎอน เราจะได้กินขนม และอาหารพื้นเมืองต่างๆ ซึ่งปกติไม่มีจำหน่ายด้วยค่ะ โฮมสเตย์ หลังละ 700 บาท พักได้ 2 คน บนเกาะจะมีกิจกรรมทำผ้าบาติก นักท่องเที่ยวจะได้สนุกกับการวาดและระบายสีด้วยตัวเอง แต่ถ้าไม่อยากลงมือทำ ก็สามารถช้อปปิ้งกลับไปเป็นของที่ระลึกได้ ผ้าบาติกฝีมือกลุ่มแม่บ้านมีลวดลายสวยงาม บ่งบอกความเป็นเกาะยาวน้อย เช่น ลายนกเงือก ลายวิวท้องทะเล ฯลฯ. ชมรมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์โดยชุมชนเกาะยาวน้อย ตำบลเกาะยาวน้อย อำเภอเกาะยาว จังหวัดพังงา โทร. 0 7659 7244, 08 1968 0877 (บังหมี ประธานชมรม) https://goo.gl/maps/bdkmY9KE19NNNkS36 ความพิเศษอีกอย่างของที่นี่ก็คือ เราจะสามารถพบเห็นนกเงือกได้อย่างง่ายดาย เหมือนเป็นสมาชิกในชุมชน ทั้งนี้เป็นเพราะที่เกาะยาวน้อยยังมีธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์มาก มีอาหารเพียงพอสำหรับนกเงือก แต่ที่ขาดไปก็คือขาดโพรงรังสำหรับแพร่พันธุ์ ตามธรรมชาติแล้ว นกเงือกเจาะโพรงรังเองไม่เป็น แต่จะอาศัยโพรงต้นไม้ที่มีอยู่ในธรรมชาติวางไข่และเลี้ยงลูก ซึ่งโพรงขนาดใหญ่ที่เหมาะสมกับขนาดตัวของนกเงือกก็มีน้อยลง กลุ่มชุมชนคนรักนกเงือกเกาะยาวน้อย นักวิชาการ และชาวบ้านในพื้นที่จึงช่วยกันสร้างโพรงรังเทียมขึ้น เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการอนุรักษ์นกเงือกในเกาะยาวน้อย โพรงรังเทียมที่ชาวเกาะยาวน้อยร่วมใจกันสร้างขึ้นให้เป็นบ้านที่อบอุ่นของนกเงือก ถัดมาเรานั่งรถสองแถวไป หนำ นาทอน ระหว่างทางเราจะได้เห็นบรรยากาศทุ่งนากว้างใหญ่กว่า 1,000 ไร่ มีวัวควายถึง 400-500 ตัวเลยทีเดียว ไม่น่าเชื่อว่าบนเกาะจะทำนาได้ด้วย โดยจะเป็นการทำนาปี ช่วงทำนาคือเดือนสิงหาคม และเก็บเกี่ยวช่วงปลายปี ซึ่งแต่ละฤดูกาลก็จะมีความสวยงามแตกต่างกันไป หนำ นาทอน เป็นทั้งร้านกาแฟและที่พัก โดยเป็นที่พักที่ใช้พลังงานสะอาด (Solar Cells) เนื่องจากที่หนำ นาทอนล้อมรอบด้วยทุ่งนาและภูเขา ทางร้านจึงไม่อยากให้มีเสาไฟฟ้าพาดผ่านทุ่งนา เรียกได้ว่ารักษ์ธรมชาตินั่นเอง ดีต่อใจมากเลยค่ะ หนำ นาทอน ตำบลเกาะยาวน้อย อำเภอเกาะยาว จังหวัดพังงา โทร. 08 9497 7730 https://goo.gl/maps/msWqrX3Duatx3HDR7 ลานริมเล ณ เกาะยาวน้อย ร้านอาหารติดทะเล วิวดีสุด ๆ บรรยากาศสบายเหมือนอยู่บ้าน นั่งกินข้าวกันบนเสื่อ มีหมอนอิงพิงหลัง นั่ง ๆ นอน ๆ กันตามอัธยาศรัย อาหารอร่อย มีทั้งเมนูง่าย ๆ บ้าน ๆ และเมนูแบบฝรั่ง แต่ที่เด็ดสุดไม่อยากให้พลาดคืออาหารทะเลที่ทั้งสดทั้งอร่อย นอกจากบรรยากาศความชิลล์แล้ว ที่นี่ยังมีไฮไลต์สนุก ๆ อีกกิจกรรมหนึ่งด้วยค่ะ นั่นก็คือ แคะขนมครกริมเล ถ้าหากมากับแก๊งค์เพื่อน ๆ ต้องลองกันนะ ที่นี่จะมีชุดทำขนมครกไว้ให้เราได้หยอดเอง แคะเอง และกินเอง สนุกเหมือนได้เข้าครัวจริง ๆ เลย ลานริมเล ณ เกาะยาวน้อย ตำบลเกาะยาวน้อย อำเภอเกาะยาว จังหวัดพังงา เปิดทุกวัน เวลา 10.30-19.00 น. (ปิดวันพุธ-พฤหัสบดี) โทร. 08 1370 0633 https://goo.gl/maps/L6vYXFYXQErJuQ7G7 ท่าต้นโดซีฟู้ด เกาะยาวน้อยมีร้านอาหารพื้นเมืองหลายร้าน หนึ่งในร้านยอดฮิตก็คือร้านท่าต้นโดซีฟู้ดนี่ล่ะค่ะ เรื่องของรสชาติไม่พูดถึงไม่ได้!! จัดจ้าน กลมกล่อม ต้องไปลองกันเลยนะ การันตีความอร่อยจากรูปภาพของเหล่าคนดังที่ได้มาเยือน เมนูแนะนำ : น้ำพริกมะม่วงกะปิ หมึกต้มน้ำดำ แกงส้มปลาทราย ปลากระบอกทอดน้ำปลา ปลาฉิ้งฉ้างทอดกรอบ. 46/16 หมู่ 7 ตำบลเกาะยาวน้อย อำเภอเกาะยาว จังหวัดพังงา เปิดทุกวัน เวลา 10.00-22.00 น. โทร. 08 0536 4997

✨ ที่นี่…เกาะยาวน้อย จังหวัดพังงา ✨ อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top