สถานที่ท่องเที่ยว

✨ เขาล้อมหมวก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ✨

เขาล้อมหมวกเป็นสถานที่ปีนเขาที่ไม่ได้เปิดตลอด 365 วัน โดยปกติจะเปิดเป็นรอบ ๆ ตามประกาศของกองบิน 5 ให้นักท่องเที่ยวได้ขึ้นไปชมความงามของธรรมชาติ แต่จากสถานการณ์ปัจจุบัน ทำให้เดินทางไปได้ยาก แอดเลยจะพาเพื่อน ๆ มาปีนเขาทิพย์กันก่อน ตามมาปีนด้วยกันได้เลย 📍 ตำบลเกาะหลัก อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์⏰ เปิดให้เข้าชม เวลา 06.00-10.00 น. (สอบถามรอบวันขึ้นเขาได้จากหน่วยงานที่ดูแล)📞 0 3261 1017 ต่อ (60202)(60215) , 08 0373 1876🌐 https://goo.gl/maps/cPWrGC9aQ7sqSAEd9 อย่าลืมเช็คมาตรการในการเดินทางเข้าจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้ที่ https://www.facebook.com/ssjpcko/ สำหรับใครที่ยังไม่พร้อมหรือยังไม่สะดวกเดินทาง สามารถอ่าน eBook จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้ที่ https://www.amazingthailandebook.com/issue/32 หรือสามารถดาวน์โหลดในรูปแบบ Application : Amazing Thailand eBook ได้ทั้งระบบ iOS และ Android https://mobile.amazingthailandebook.com/redirect/ ก่อนอื่นแอดขอแนะนำเขาล้อมหมวกสำหรับคนที่ไม่รู้จักก่อน เขาล้อมหมวก  ตั้งอยู่ในเขตกองบิน 5 ระหว่างอ่าวมะนาวและอ่าวประจวบ เป็นภูเขาหินปูนสูง 902 ฟุต บนยอดเขาสามารถชมวิวได้แบบ 360 องศา วิวอลังการสุด ๆ สามารถมองเห็นอ่าวของประจวบคีรีขันธ์ทั้งหมดได้แบบพาโนราม่าเลยล่ะ การเดินทาง แอดขอแนะนำรถยนต์ส่วนตัว สะดวกที่สุด จากตัวเมืองประจวบคีรีขันธ์ ใช้เวลาประมาณ 10 นาทีเท่านั้น (4-5 กิโลเมตรจากตัวเมือง) ขับเลาะทะเลมาเพื่อเข้าสู่กองบินที่ 5 ขับตามป้าย “เขาล้อมหมวก” มาเรื่อย ๆ จนถึงเต็นท์กองอำนวยการ แถว ๆ ลานกิจกรรมบริเวณศาลเจ้าพ่อเขาล้อมหมวก ซึ่งเป็นจุดลงทะเบียนได้เลย ก่อนขึ้นเขาล้อมหมวก เพื่อน ๆ สามารถไปที่ศาลเจ้าพ่อเขาล้อมหมวก ศาลที่ชาวบ้านในพื้นที่เชื่อว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ผู้ดูแลคุ้มครองพื้นที่แห่งนี้ สามารถเข้าไปสักการะภายในศาลได้เลย จะมีดอกไม้ธูปเทียนเตรียมไว้ให้  หากพร้อมแล้ว เริ่มเดินกันได้เลยเส้นทางขึ้นสู่เขาล้อมหมวก แบ่งเป็น 8 จุดบริการ มีเจ้าหน้าที่ประจำอยู่ทุกจุด โดย 3 จุดแรก เป็นทางเดินแบบขั้นบันไดจำนวน 496 ขั้น (เดินง่ายแต่เหนื่อยมาก) ส่วนระยะทางที่เหลืออีก 5 จุดนั้น ต้องใช้มือและเท้าพยุงตัวไต่ไปตามแนวหิน ระดับความชันมีตั้งแต่ 45-90 องศา โดยจะมีเชือกให้เกาะไปตามเส้นทาง (เดินยากแต่สนุกมาก)  ระหว่างทางเดินขึ้นเขา เราจะพบกับฝูงค่างแว่นถิ่นใต้เป็นระยะ  เนื่องจากค่างเเว่นถิ่นใต้เป็นสัตว์ป่า จึงไม่ควรให้อาหาร เพราะอาจเกิดอันตราย และมีผลต่อพฤติกรรมของสัตว์ได้  ขอบคุณรูปรูปภาพสวย ๆ จากช่างภาพ : ธเนศ งามสม  เมื่อเริ่มขึ้นสูงวิวก็ยิ่งสวย หลังจากใช้เวลาไปประมาณ 1.30 ชั่วโมง แอดก็มาถึงยอดเขา บอกเลยว่าสวยมาก วิวประทับใจคุ้มค่ากับความเหนื่อยจริง ๆ  หากสถานการณ์ดีขึ้น เพื่อน ๆ ที่สนใจ สามารถติดตามประกาศขึ้นเขาล้อมหมวก และข่าวสารต่าง ๆ ได้ที่ : https://www.facebook.com/กิจกรรมพิชิตยอดเขาล้อมหมวก  รายละเอียดการขึ้นยอดเขาล้อมหมวก– เปิดลงทะเบียน ณ จุดขึ้นเขา เวลา 06.00 – 10.30 น. (หากมาหลัง 10.30 น. จะไม่อนุญาตให้ขึ้นเขา)– ลงทะเบียนแล้วขึ้นได้เลยภายในเวลาที่กำหนด ไม่มีรอบ ไม่ต้องจองล่วงหน้า– ไม่จำกัดจำนวนคนขึ้นเขา– เวลา 12.00 น. เจ้าหน้าที่จะให้ลงจากยอดเขาทุกคน– ไม่มีค่าใช้จ่าย– ขึ้นได้ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ– แจ้งขอรับใบประกาศนียบัตรที่ระลึกได้ มีค่าธรรมเนียม 40 บาท (ไม่บังคับ)– ขาขึ้นใช้เวลาประมาณ 40 นาที- 2 ชั่วโมง (ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกาย) ขาลงใช้เวลาประมาณ 20 – 40 นาที  สิ่งที่ต้องเตรียม– ฟิตร่างกายให้พร้อม– เตรียมน้ำดื่มไปจิบระหว่างทาง (แต่ต้องนำลงมาทิ้งข้างล่างด้วยนะ)– สวมถุงมือ (กันเชือกบาด) มีขาย 20 บาท บริเวณร้านค้าด้านล่าง– สวมชุดทะมัดทะแมง และรองเท้าผ้าใบ  ทั้งนี้แอดมีข้อแนะนำเพิ่มเติมคือ กิจกรรมนี้ไม่เหมาะสำหรับเด็กและผู้สูงอายุ ผู้ที่มีโรคประจำตัวเช่น โรคหัวใจและโรคหอบหืด 

✨ เขาล้อมหมวก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ✨ อ่านเพิ่มเติม

✨ คำแนะนำพาสัตว์เลี้ยงเที่ยว ✨

แอดเชื่อว่าเพื่อน ๆ ที่มีสัตว์เลี้ยง ต้องมีสักครั้งที่คิดอยากจะพาน้อง ๆ ไปเที่ยวด้วย แต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มยังไง วันนี้แอดมีคำแนะนำเล็ก ๆ น้อย ๆ ในการพาน้อง ๆ ออกไปเที่ยวด้วย ตามไปอ่านกันเลยยย 1.ตรวจสุขภาพก่อนเดินทาง 🐦 แนะนำให้พาน้อง ๆ ไปตรวจสุขภาพกับสัตวแพทย์ก่อน เพื่อให้มั่นใจว่าแข็งแรงและพร้อมที่จะเดินทาง เพราะถ้าพาเขาไปตอนป่วยคงไม่ดีแน่ ที่สำคัญ อย่าพาน้อง ๆ ที่กำลังตั้งท้องออกเดินทางนะ 2.เตรียมรถยนต์ 🐈 แนะนำให้ใช้เบาะหลัง โดยสวมปลอกคอและผูกสายจูงไว้กับที่จับด้านข้างประตู เพื่อให้เขาอยู่กับที่ หรือจะคาดเข็มขัดนิรภัยสำหรับสัตว์เลี้ยงก็ได้ ถ้าตัวเล็ก แนะนำให้อยู่ในกรง เนื่องจากสัตว์เลี้ยงบางตัวชอบวิ่งเล่น หรือปีนป่าย อาจรบกวนสมาธิคนขับ หรือเกิดอุบัติเหตุได้ ในการเดินทางด้วยรถ ไม่ควรเดินทางทันทีที่กินอิ่ม ควรให้น้อง ๆ กินก่อนขึ้นรถไม่น้อยกว่า 2 ชั่วโมง ป้องกันการเมารถและอาเจียน 3.เตรียมปลอกคอ สายจูง เหรียญระบุตัวสัตว์เลี้ยง 🐕‍🦺 เมื่อพาสัตว์เลี้ยงออกนอกบ้าน ควรใช้ปลอกคอและสายจูงเสมอ รวมทั้งห้อยเหรียญระบุตัวที่ใส่ชื่อและเบอร์ติดต่อของเจ้าของ หากพลัดหลง ผู้พบเห็นจะได้ติดต่อเจ้าของได้ ปัจจุบันยังมีอีกหนึ่งทางเลือกก็คือ การฝังไมโครชิพให้สัตว์เลี้ยง ซึ่งภายในชิพจะระบุข้อมูลเพื่อสืบค้นเมื่อเกิดกรณีสัตว์เลี้ยงหาย โดยไมโครชิพจะมีรหัสเป็นตัวเลข 15 หลักตามมาตรฐานสากล รหัส 3 ตัวแรกเป็นรหัสประเทศที่สัตว์อยู่ ส่วนรหัสอีก 12 ตัวจะเป็นข้อมูลเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง เช่น ชนิด สายพันธุ์ สี อายุ เพศ ตำหนิ รวมไปถึงข้อมูลเจ้าของ ทั้งชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ และช่องทางติดต่ออื่น ๆ หากเพื่อน ๆ ต้องการฝังไมโครชิพให้น้อง ๆ สามารถทำได้โดยการแจ้งความประสงค์แก่สถานพยาบาลสัตว์หรือคลินิกสัตวแพทย์ และทำการนัดหมายเวลา พร้อมเตรียมเอกสาร อย่าง สำเนาบัตรประชาชนของเจ้าของ สำเนาทะเบียนบ้านที่สัตว์เลี้ยงอาศัยอยู่ หนังสือรับรองทะเบียนตัวสัตว์เลี้ยงที่จะฝังไมโครชิพ ซึ่งหลังจากตรวจเอกสารเรียบร้อยแล้ว เจ้าหน้าที่จะดำเนินการฝังไมโครชิพ พร้อมออกเอกสารรับรองการฉีดไมโครชิพให้ เป็นอันเสร็จเรียบร้อย 4.น้ำดื่ม อาหาร 🦮 แนะนำให้เพื่อน ๆ เตรียมน้ำและอาหารให้เพียงพอสำหรับการเดินทางในแต่ละครั้ง ถ้าเดินทางในช่วงอากาศร้อน ควรเตรียมน้ำเผื่อให้มากขึ้นอีกสักหน่อย เพราะน้อง ๆ อาจต้องการดื่มน้ำมากกว่าปกติ อย่าลืมชามอาหาร และชามใส่น้ำ (ถ้าเป็นแบบมีฝาปิดจะสะดวกในการใช้งานมาก) 5.ถุงพลาสติกสำหรับเก็บขยะ กระดาษทิชชู่ 🐩 เป็นสิ่งสำคัญมากในการพาน้อง ๆ เที่ยว ควรเก็บกวาดหลังการขับถ่ายของน้อง ๆ ให้เรียบร้อย เพื่อรักษาความสะอาด ลดกลิ่นไม่พึงประสงค์ และช่วยรักษาบรรยากาศที่ดีของสถานที่ท่องเที่ยวอีกด้วย 6. วางแผนล่วงหน้าไว้ทุกเส้นทาง 🐕 ทุกครั้งก่อนออกเดินทาง เพื่อน ๆ ต้องหาข้อมูลและตรวจสอบก่อนทุกครั้ง ว่าสถานที่เราจะไปสามารถพาสัตว์เลี้ยงไปด้วยได้ ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร โรงแรม บังกะโล หรือแม้แต่การนอนเต็นท์ ต้องมั่นใจว่าสถานที่นั้นอนุญาตจริง ๆ ที่สำคัญ อย่าลืมเตรียมเอกสารสำคัญ เช่น ใบรับรองการฉีดวัคซีน ประวัติการแพ้ยา เบอร์โทรศัพท์ของสัตวแพทย์ประจำ และสถานพยาบาลปลายทางสำหรับกรณีฉุกเฉินไว้ด้วย

✨ คำแนะนำพาสัตว์เลี้ยงเที่ยว ✨ อ่านเพิ่มเติม

✨ อ่างเก็บน้ำแก่งกระจาน ✨

สุดสัปดาห์นี้แอดจะชวนไปเที่ยว “อ่างเก็บน้ำแก่งกระจาน” สถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตสำหรับชาวแคมป์ปิ้ง อยู่ใกล้กรุงเทพฯ เหมาะกับการพักผ่อนทริปสั้น ๆ นอกจากนี้ แอดยังมีอัปเดตมาตรการ New Normal มาฝากด้วย อย่าลืมเช็คมาตรการในการเดินทางเข้าจังหวัดเพชรบุรี ได้ที่ https://www.facebook.com/phetburihealth/สำหรับใครที่ยังไม่พร้อมหรือยังไม่สะดวกเดินทาง สามารถอ่าน eBook จังหวัดเพชรบุรีได้ที่ https://www.amazingthailandebook.com/issue/33 หรือสามารถดาวน์โหลดในรูปแบบ Application : Amazing Thailand eBook ได้ทั้งระบบ iOS และ Android https://mobile.amazingthailandebook.com/redirect/ อ่างเก็บน้ำแก่งกระจาน ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ซึ่งเป็นอุทยานที่มีพื้นที่กว้างใหญ่ที่สุดของไทย อีกทั้งยังเป็นป่าต้นน้ำลำธารของแม่น้ำเพชรบุรี และแม่น้ำปราณบุรี มีพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขาสลับซับซ้อนอยู่ในแนวทิวเขาตะนาวศรี อ่างเก็บน้ำแก่งกระจาน เกิดจากการสร้างเขื่อนดินปิด 3 ช่องทางระหว่างหุบเขา ทำให้น้ำเอ่อล้นท่วมแก่งน้ำเดิม กลายเป็นผืนน้ำขนาดกว้างใหญ่ กลางอ่างเก็บน้ำมีเกาะแก่งโผล่พ้นน้ำกระจายตัวอยู่หลายจุด ทำให้เกิดทิวทัศน์ที่สวยงาม นอกจากนี้ยังเป็นที่ตั้งของที่ทำการอุทยานฯ อีกด้วย  มาเที่ยวอ่างเก็บน้ำแก่งกระจาน ทำกิจกรรมอะไรได้บ้าง กางเต็นท์ ถือเป็นกิจกรรมไฮไลต์สำหรับนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เลยทีเดียว ในช่วงหน้าฝนนี้ อากาศเริ่มเย็นลง หากไปจังหวะดี ๆ อาจจะได้เห็นหมอกบาง ๆ  ค่าธรรมเนียมกางเต็นท์ 30 บาท/หลัง/คืนแต่ถ้าอยากพักในบ้านพัก ที่นี่ก็มีบ้านพักให้บริการ มีทั้งหมด 15 หลัง ราคาประมาณ 800-3,000 บาท  สามารถจองบ้านพัก ลานกางเต็นท์ ผ่านเว็บไซต์ของกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้ที่ https://nps.dnp.go.th/ ดูนก อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานได้ชื่อว่าเป็นแหล่งดูนกที่มีชื่อเสียงมาก ด้วยสภาพธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ทำให้มีนกหลากหลายชนิด จุดยอดนิยมจุดหนึ่งก็คือบริเวณริมอ่างเก็บน้ำ ซึ่งมีนกหลายชนิดอาศัยอยู่ แม้จะเป็นมือใหม่หัดดูนก ก็สามารถเห็นนกได้ไม่ยาก หากเพื่อน ๆ ตั้งใจจะมาดูนกด้วย แอดก็มีข้อมูลเล็ก ๆ เกี่ยวกับข้อปฏิบัติและเทคนิคในการดูนกแบบง่าย ๆ จากกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช มาฝากค่ะhttp://portal.dnp.go.th/Content/nationalpark?contentId=1146 ขอบคุณรูปภาพสวย ๆ จาก ชมรมภาพถ่ายเพชรบุรี ล่องเรือชมวิวอ่างเก็บน้ำแก่งกระจาน เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่เหมาะแก่การพักผ่อนหย่อนใจ แถมคนที่ชื่นชอบการตกปลาก็สามารถมาตกปลาที่นี่ได้นะสามารถติดต่อเช่าเรือได้ที่ร้านอาหารหรือชมรมเรือที่อยู่บริเวณที่ทำการอุทยานฯ ราคาประมาณ 500-700 บาท ขึ้นอยู่กับระยะทาง ชมพระอาทิตย์ตกดินตรงบริเวณสันเขาตะนาวศรี ถ้ามากางเต็นท์ค้างแรมที่นี่ไม่ควรพลาดกิจกรรมนี้ รับรองวิวสวยประทับใจ และมีรูปสวย ๆ กลับบ้านเป็นที่ระลึกแน่นอน **สะพานแขวนปิดปรับปรุง** สิ่งอำนวยความสะดวก– ร้านค้าสวัสดิการ (ร้านอาหาร) ให้บริการทุกวัน วันอาทิตย์-ศุกร์ เวลา 08.00-18.00 น. / วันเสาร์ เวลา 08.00-19.00 น.– Wi-fi– ตู้ ATM– ห้องน้ำในเขตอุทยานฯ– เต็นท์ให้เช่า (ขนาดพัก 2-4 คน) ราคา 120-250 บาท/คืน มาตรการในการเข้าพื้นที่อุทยานฯ  ค่าธรรมเนียมเข้าพื้นที่อุทยานฯ ผู้ใหญ่ 100 บาท / เด็ก 40 บาท ค่าธรรมเนียมสำหรับพาหนะ รถจักรยานไม่เสียค่าบริการ/ รถจักรยานยนต์ 20 บาท / รถยนต์ 30 บาท ลงทะเบียนจองเข้าอุทยานล่วงหน้า ผ่านแอพพลิเคชัน QueQ ควรมาถึงก่อนเวลาอย่างน้อย 10 นาที แสดงตัวตนต่อเจ้าหน้าที่ด้วยรหัสการจองและเอกสารยืนยันตัวตน กรณีไม่ได้จองล่วงหน้า สามารถ Walk-in ได้ แต่จะให้สิทธิ์ผู้จองล่วงหน้าก่อน หากจำนวนนักท่องเที่ยวในช่วงเวลานั้นไม่เกินจำนวนที่รองรับได้ จึงจะให้สิทธิ์นักท่องเที่ยวที่ไม่ได้ทำการจอง มีการตรวจวัดอุณหภูมิที่บริเวณด่านทางเข้า นักท่องเที่ยวต้องสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า หมั่นล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ และเว้นระยะห่าง Check-in และ Check-out ผ่านแอพพลิเคชัน ไทยชนะ  ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน 032 772 311 หรือ inbox Facebook : https://www.facebook.com/Kaengkrachannationalparkofficial/

✨ อ่างเก็บน้ำแก่งกระจาน ✨ อ่านเพิ่มเติม

กินลม ชมวิว ใกล้เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์

เมื่อพูดถึงสถานที่ท่องเที่ยวของจังหวัดลพบุรี หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่ใคร ๆ ต้องนึกถึงก็คือเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ที่ตั้งอยู่ในอำเภอพัฒนานิคม ซึ่งหลายคนน่าจะเคยไปเที่ยวตั้งแต่ยังเป็นเด็ก แต่เพื่อน ๆ รู้ไหมว่าใกล้กับเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกหลายแห่ง วันนี้แอดจะพาไปดูว่า ใน 1 วัน เราจะไปเที่ยวที่ไหนกันได้บ้าง แม้ว่าหลายคนอาจจะต้องชะลอการเดินทางท่องเที่ยวไว้ก่อน เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด 19 แต่เพื่อน ๆ สามารถเก็บข้อมูลเส้นทางนี้ไว้ แล้วค่อยไปเที่ยวทีหลังได้ค่ะ เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ ใช้เวลาขับรถประมาณ 2-3 ชั่วโมง สามารถท่องเที่ยวแบบไปเช้า-เย็นกลับได้สบาย ๆ ทริปนี้แอดแนะนำให้ขับรถไปเที่ยว เพราะสถานที่ท่องเที่ยวบางแห่งไม่มีรถโดยสารหรือรถประจำทางเข้าถึงค่ะ สถานที่ท่องเที่ยวที่เราจะไปปักหมุดกันในทริปนี้ 1. ไร่ทรัพย์ประยูร 2. บ้านกล้วย & ไข่ คาเฟ่ 3. เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ 4. ทะเลน้ำจืดมะนาวหวาน 5. หน่วยพิทักษ์ป่าท่าฤทธิ์ 6. น้ำตกวังก้านเหลือง 7. จุดชมวิวเขาพระยาเดินธง ไร่ทรัพย์ประยูร เป็นสวนเฟิร์นขนาด 4 ไร่ ที่เกิดจากความชื่นชอบเฟิร์นของคุณโย เจ้าของร้าน จึงค่อย ๆ ศึกษา จนเกิดเป็นธุรกิจจำหน่ายเฟิร์นทั้งในและต่างประเทศ ที่นี่มีเฟิร์นหลายขนาดให้ชม รวมทั้งยังมีต้นไม้ที่น่าสนใจอื่น ๆ อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเคราฤาษีขนาดใหญ่ สับปะรดอากาศ และกระบองเพชร ในช่วงประมาณเดือนตุลาคม – พฤศจิกายน จะมีทุ่งดอกคอสมอสและดอกทานตะวันบานสะพรั่งสวยงาม มีฉากหลังเป็นทางรถไฟ ถ้าโชคดีอาจได้เห็นรถไฟวิ่งผ่านด้วย ใครเป็นสายถ่ายรูปต้องไม่พลาดค่ะ ถึงตอนนี้ไร่ทรัพย์ประยูรจะยังไม่เปิดให้บริการเต็มรูปแบบ เนื่องจากกำลังปรับปรุงส่วนของร้านอาหารและคาเฟ่อยู่ ซึ่งคาดว่าจะเปิดภายในเดือนธันวาคมนี้ แต่เพื่อน ๆ ยังสามารถไปซื้อต้นไม้และชมทุ่งดอกคอสมอสได้ค่ะ นอกจากนี้ ภายในสวนมีฟาร์มสัตว์ขนาดเล็ก เช่น หมู กระต่าย นกแก้ว และปลาคาร์ฟด้วยนะ น่ารักสุด ๆ  51 หมู่ 6 ตำบลหนองบัว อำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี  เปิดทุกวัน เวลา 08.00 – 17.30 น.  094 392 9552 คุณนราพล บุญขยาย (คุณโย) https://goo.gl/maps/nJt5NdqKBntXfarE8  ขอบคุณรูปภาพจาก ไร่ทรัพย์ประยูร บ้านกล้วย & ไข่ คาเฟ่  ก่อนจะไปเที่ยวกันต่อ เราแวะหาของอร่อยกินที่ ร้านบ้านกล้วย & ไข่กัน คาเฟ่นี้มีรูปปั้นผลไม้หลากชนิดอยู่หน้าร้านเป็นจุดสังเกต เรียกว่า ไม่ต้องกลัวหาร้านไม่เจอเลยล่ะ ร้านกาแฟตกแต่งแบบเรียบง่าย มีทั้งอาหารไทย อาหารฝรั่ง และเครื่องดื่มให้บริการ นอกจากนี้ ยังมีผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรและผักปลอดสารพิษที่ทางร้านปลูกเองวางจำหน่ายอีกด้วย  ขอบคุณรูปภาพจากร้าน บ้านกล้วย & ไข่ คาเฟ่ เมื่อเดินไปหลังร้าน จะพบกับบ่อปลาขนาดใหญ่ มีสวนร่มรื่น เหมาะกับการนั่งพักผ่อนหย่อนใจ นอกจากนี้ยังมีสวนผัก และสวนผลไม้นานาชนิด เช่น สวนกล้วย ลำไย และมะม่วง ที่เพื่อน ๆ สามารถไปเดินชมได้  ตำบลหนองบัว อำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี  เปิดทุกวัน เวลา 07.00 – 18.00 น.  08 9896 1107, 08 9890 6616 https://goo.gl/maps/K56BLTdNfX9Vcnqd8  ขอบคุณรูปภาพจากร้าน บ้านกล้วย & ไข่ คาเฟ่ เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เขื่อนป่าสักฯ เป็นเขื่อนดินที่สร้างขึ้นเพื่อป้องกันอุทกภัย และกักเก็บน้ำจากแม่น้ำป่าสัก เอาไว้ให้ประชาชนใช้ในการอุปโภค บริโภค และทำการเกษตร กิจกรรมที่น่าสนใจภายในเขื่อน นั่งรถรางชมทัศนียภาพรอบเขื่อน ใช้เวลาไป-กลับรอบละประมาณ 40 นาที ระหว่างทางจะมีมัคคุเทศก์น้อยคอยบรรยายประวัติความเป็นมา และเกร็ดความรู้เกี่ยวกับเขื่อน รถรางจะวิ่งไปตามสันเขื่อน และสิ้นสุดที่องค์พระพุทธรัตนมณีมหาบพิตรชลสิทธิ์มงคลชัย หรือหลวงปู่ใหญ่ป่าสัก ซึ่งเป็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่ประดิษฐานอยู่บริเวณท้ายสันเขื่อน พระพุทธรูปองค์นี้สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2554 เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เนื่องในโอกาสทรงเจริญพระชนมพรรษา 84 พรรษา นอกจากนี้ ยังมีหอคอยเฉลิมพระเกียรติ ที่สามารถขึ้นไปชมวิวด้านบนได้ และมีพิพิธภัณฑ์ลุ่มแม่น้ำป่าสักที่จัดแสดงความรู้ด้านธรรมชาติและวัฒนธรรมในพื้นที่กักเก็บน้ำเขื่อนป่าสักฯ อีกหนึ่งกิจกรรมที่เป็นที่นิยมคือ การนั่ง “รถไฟลอยน้้ำ” ชมวิวเขื่อนป่าสักฯ ซึ่งขบวนรถไฟลอยน้ำนี้ เป็นขบวนรถไฟนำเที่ยวเส้นทาง กรุงเทพฯ – เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ซึ่งมีช่วงที่รถไฟวิ่งข้ามเขื่อน และจะจอดแวะให้นักท่องเที่ยวถ่ายรูปและชมวิวกลางเขื่อน ขบวนรถไฟนำเที่ยว กรุงเทพฯ – เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ปกติจะให้บริการในช่วงเดือนพฤศจิกายน-เดือนมกราคมของทุกปี สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ การรถไฟแห่งประเทศไทย โทร. 1690 หรือ https://www.facebook.com/pr.railway เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์  ตำบลหนองบัว อำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี  เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 06.00 – 18.00 / รถรางเปิดให้บริการทุกวัน เวลา 08.00 – 17.00 น.  0 3649 4031-4, 036 494 243 https://goo.gl/maps/1CvxtPYFJH6yTTsMA ถ้ายังไม่สามารถมูฟออนจากการชมวิวสวย ๆ ของเขื่อนป่าสักฯ ได้ บริเวณท้ายเขื่อนมีจุดชมวิวที่น่าไปนั่งชิลล์ นั่นคือ ทะเลน้ำจืดมะนาวหวานและหน่วยพิทักษ์ป่าท่าฤทธิ์ ทะเลน้ำจืดมะนาวหวานและหน่วยพิทักษ์ป่าท่าฤทธิ์ เป็นทุ่งหญ้าโล่งกว้างริมเขื่อนป่าสักฯ จะปรากฎขึ้นประมาณ เดือนมีนาคม-เดือนกันยายน ซึ่งเป็นช่วงที่น้ำในเขื่อนลดระดับลง นักท่องเที่ยวนิยมมานั่งปิกนิคหรือตั้งแคมป์ตอนแดดร่มลมตก และถ้าไปตอนเย็นจะได้เห็นบรรยากาศพระอาทิตย์ตก ซึ่งเป็นภาพที่สวยงามมาก ๆ

กินลม ชมวิว ใกล้เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ อ่านเพิ่มเติม

✨ วัดป่าวิเวกวัฒนาราม จ.มุกดาหาร ✨

วันนี้แอดจะมาแนะนำวัดแห่งหนึ่งใน จ.มุกดาหาร ให้รู้จัก เป็นพุทธสถานที่สวยงาม และเป็นสถานที่ที่เคยมีพระเกจิอาจารย์ชื่อดังจำนวนมากมาปฎิบัติธรรมและจำพรรษา นั่นก็คือ “วัดป่าวิเวกวัฒนาราม” วัดดังแห่ง อ.คำชะอี จุดเด่นของวัดนี้คือ “เจดีย์บู่ทองกิตติ” เป็นเจดีย์ที่สวยงาม รูปทรงแปลกตา มีลักษณะห้ายอด สร้างตามรูปแบบที่หลวงปู่จาม มหาปุญโญ อดีตเจ้าอาวาส (ปัจจุบันละสังขารแล้ว) ฝันเห็น เจดีย์นี้สร้างแล้วเสร็จใน พ.ศ. 2530 โดยใช้เป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุและพระธาตุของอรหันต์สาวกของพระพุทธองค์ รวมถึงวัตถุโบราณอีกหลายอย่างที่หลวงปู่จามได้รับมา ไม่ไกลจากเจดีย์คือพระอุโบสถสีออกม่วงและสีส้มอ่อน แวดล้อมด้วยต้นไม้ บรรยากาศร่มรื่น ภายในประดิษฐานพระประธานปางมารวิชัย และพระพุทธรูปอื่นอีกหลายองค์ รวมทั้งมีส่วนจัดแสดงชีวประวัติของหลวงปู่จามและหลักธรรมคำสอนของท่านด้วย วัดนี้ไม่เคยขอรับบริจาค ไม่มีการจำหน่ายวัตถุมงคล ดังนั้นภายในวัดป่าวิเวกวัฒนารามจึงไม่มีตู้รับบริจาค ชาวบ้านที่นี่ให้ความเคารพความศรัทธากับหลวงปู่จามมาก จนต่างพากันเรียกชื่อวัดป่าวิเวกวัฒนารามว่า วัดหลวงปู่จาม เนื่องจากที่นี่เป็นสถานปฏิบัติธรรม หลายคนมาเพราะต้องการความสงบและมานั่งสมาธิ หากเพื่อน ๆ สนใจมาเที่ยวที่นี่ แอดแนะนำให้มาด้วยความสำรวม หลีกเลี่ยงการใช้เสียงที่ดังและที่สำคัญ ปฏิบัติตัวตามมาตรการป้องกันโควิด 19 กันด้วยล่ะ วัดป่าวิเวกวัฒนาราม📍 : 3 หมู่ 9 บ้านห้วยทราย ถนนคำชะอี-กุฉินารายณ์ คำชะอี คำชะอี มุกดาหาร 49110🌐 : https://goo.gl/maps/C3eRc2HYM2K2

✨ วัดป่าวิเวกวัฒนาราม จ.มุกดาหาร ✨ อ่านเพิ่มเติม

ยโสธรการเกษตร

คนยโสธรเป็นสายกรีนมาแต่กำเนิด พวกเขายึดถือการทำนาข้าวเป็นอาชีพเลี้ยงตัวมาแต่เก่าก่อน ผูกพันกับชีวิตชนิดแยกกันไม่ขาด ที่สำคัญคือต่อยอดเป็นเมืองเกษตรอินทรีย์มาสักพักใหญ่แล้ว จากความร่วมมือของชาวนาชาวไร่ที่ผันตัวมาใช่วิธีดูแลพืชพรรณให้ปลอดภัยทั้งกับตัวเองและผู้บริโภค ขณะเดียวกันทางจังหวัดก็ส่งเสริมเต็มที่ เกิดเป็นตราบั้งไฟหลากสี แบ่งตามมาตรฐานอินทรีย์แต่ละขั้น เพื่อช่วยรับรองผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรโดยเฉพาะ TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง ร่วมกับ The Cloud นำเสนอคอลัมน์ Take Me Out เที่ยวบ้านเพื่อนทริปนี้ เอาใจคนรักสุขภาพ พาไปเที่ยว 10 พื้นที่สีเขียววิถีเกษตรอินทรีย์ ตั้งแต่ลองดำนาปลูกข้าวหอมมะลิ เช็กอินที่นาบัวหวาน ฟาร์มปศุสัตว์หลากหลายแนว และคาเฟ่ออร์แกนิกสุดชิลล์มองวิวทุ่งนาและกินของดี เมื่อได้พูดคุยกับพี่น้องเกษตรกรชาวยโสฯ พบว่าพวกเขาช่วยกันขับเคลื่อนสังคมเกษตรอินทรีย์กันอย่างคึกคัก สร้างช่องทางส่งขายอย่างเป็นระบบ รวมกลุ่มกันเป็นเครือข่ายมากมายในพื้นที่ ตั้งเป็นศูนย์เรียนรู้ด้านการปลูกพืชและปศุสัตว์ ทั้งยังมีตลาดให้จำหน่ายผลิตผลแทบทุกอำเภอ สับเปลี่ยนสถานที่ เวียนวันกันไปไม่ซ้ำในแต่ละอาทิตย์ คอลัมน์นี้จะพาไปสัมผัสสารพัดพื้นที่สีเขียวปลอดสารพิษของชาวยโสฯ สายกรีน มาดูกันว่ามีที่ไหนให้คนรักสุขภาพได้ปักหมุดท่องเที่ยวอย่างปลอดภัยและรื่นรมย์กันในเที่ยวบ้านเพื่อนรอบนี้ 1 บัวหวานยโสธร นาบัวอินทรีย์ที่รักษาความหวานกรอบเหมือนเพิ่งเก็บจากบึง จากอาชีพทำนาข้าวและแม่ค้ารับบัวมาขายตามตลาด จันทร์-ธนพร จันทร์หอม ผันตัวเริ่มทำนาบัวด้วยตัวเองเพราะความหลงใหลในรสชาติ เลือกแนวทางอินทรีย์ในการปลูก โดยมีเหตุผลเพียงไม่อยากทำร้ายสัตว์ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลายเป็นเม็ดบัวที่มีคุณภาพดีตามไปด้วย เพราะระบบนิเวศสมบูรณ์ ทำให้เหล่าผึ้งและชันโรงที่อยู่กันอย่างสบายใจก็เป็นลูกมือช่วยผสมเกสร จึงได้หน้าบัวที่เต็ม กลมสวยไม่เว้าแหว่ง และขายได้ราคาดี เมื่อผลตอบรับดีจนไม่พอขาย จันทร์จึงเพิ่มบ่อบัวให้มากขึ้น วางแผนปลูกแต่ละบ่อให้บานไล่เลี่ยกันจะได้มีผลผลิตเก็บเกี่ยวทั้งปี นอกจากประคบประหงมด้วยความใส่ใจ บำรุงด้วยน้ำหมักสูตรพิเศษ และดูแลอย่างไร้สารเคมีแล้ว เคล็ดไม่ลับอยู่ในขั้นตอนสุดท้าย คือการแช่น้ำแข็งทันทีตั้งแต่เก็บขึ้นจากบ่อ ทำให้หวานกรอบจนถึงมือลูกค้า และนอกจากเม็ดบัวสดที่คนนิยมกิน จันทร์มีเมนูแนะนำด้วย นั่นคือ ส้มตำเม็ดบัว อีกทางเลือกที่แซ่บหลายใช้ได้ไม่แพ้กัน หากสนใจอยากมาพิสูจน์ความหวาน เข้ามาอุดหนุนได้ทุกเมื่อ หรือถ้าอยากมาเที่ยวถ่ายรูปกับดอกบัวสีขาวเต็มบ่อ ลองติดต่อมาถามจันทร์ล่วงหน้าได้ว่าดอกบัวเริ่มบานแล้วหรือยัง จะได้มาแล้วไม่เสียเที่ยว ที่ตั้ง : ตำบลค้อเหนือ อำเภอเมืองยโสธร จังหวัดยโสธร 35000 พิกัด : https://goo.gl/maps/m5QvKdZaf4s8jLXE8 วัน-เวลาทำการ : ติดต่อนัดหมายล่วงหน้า โทรศัพท์ : 06 2990 1395 Facebook : บัวอินทรีย์ บัวหวานยโสธร 2 บ้านไร่รุ้งตะวัน ฟาร์มเมล่อนญี่ปุ่น นาข้าวอินทรีย์ และคาเฟ่กลางทุ่งนา เอก-ธนิสร จิตตะมา ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านไร่รุ้งตะวัน กลับมาอำเภอเลิงนกทาบ้านเกิดอีกครั้ง หลังจากทำงานในกรุงเทพฯ กว่า 20 ปี เขาเล็งเห็นว่าตำบลที่อาศัยอยู่มีทรัพยากรธรรมชาติสมบูรณ์ สถานที่ท่องเที่ยวก็พอมีอยู่บ้าง น่าจะต่อยอดที่ดิน 20 กว่าไร่ของตนให้มีประโยชน์มากกว่าการปลูกข้าว หลังจากหาข้อมูลอยู่นานว่าจะปลูกพืชอะไร เอกก็พบว่าเมล่อนญี่ปุ่นเป็นพืชที่น่าสนใจ ปลูกได้ง่ายทั่วประเทศ เจริญเติบโตไวเพียง 3 เดือนก็เก็บเกี่ยวผลผลิตได้ รวมถึงมีมูลค่าในท้องตลาดสูง จากคนไม่มีความรู้เรื่องเกษตร เขาทำการบ้านอย่างจริงจัง ลองผิดลองถูก หาความรู้เพิ่มเติมจากอินเทอร์เน็ตและเข้าอบรมตามที่ต่าง ๆ ลองปลูกทั้งสายพันธุ์ราคาแพงและถูกเพื่อเปรียบเทียบ ก่อนพบว่าคุณภาพต่างกันโดยสิ้นเชิง ทั้งรูปร่างของลูกและรสชาติ เขาเลือกพันธุ์ที่ดีที่สุด แม้ราคาสูงแต่ใครได้ลองลิ้มก็ติดใจ บางครั้งต้องรีบจองไว้ก่อนก็มี แถมเอกยังมองการณ์ไกลแชร์พื้นที่นาที่ไม่ได้ใช้ให้กับสมาชิกวิสาหกิจชุมชน โดยเขาช่วยจัดการ ให้คำปรึกษา และควบคุมวิธีการทำให้เป็นอินทรีย์ 100 เปอร์เซ็นต์ ก่อนจะรวบรวมผลผลิตไปจำหน่ายให้ ภายใต้แบรนด์บ้านไร่รุ้งตะวัน ที่มีสารพัดใบรับรองอินทรีย์ทั้งภายในจังหวัดและเกรดส่งออกเป็นเครื่องการันตี หลังจากทำมาพักใหญ่ เพิ่มนู่นเติมนี่ในพื้นที่จนทุกอย่างเปลี่ยนไปแทบไม่เหลือเค้าเดิม เขาแบ่งพื้นที่ส่วนหนึ่งเป็นคาเฟ่เล็กกลางท้องทุ่ง นอกจากจะมีเมล่อนคุณภาพดีรสชาติหวานไว้ชูโรง ยังมีไอศกรีมข้าวเม่าอินทรีย์ที่อยากให้ลอง รวมถึงเครื่องดื่มอื่น ๆ ที่เอกอยากชวนให้นั่งลงมองนาข้าว พักเหนื่อยสักประเดี๋ยว แล้วค่อยออกเดินทางไปเที่ยวต่อ ที่ตั้ง : 203 หมู่ 5 ตำบลบุ่งค้า อำเภอเลิงนกทา จังหวัดยโสธร 35120 พิกัด : https://goo.gl/maps/NhFqJ8bJ3iPN8ejg7 วัน-เวลาทำการ : เปิดบริการทุกวัน เวลา 08.00 – 20.00 น. โทรศัพท์ : 09 8232 8961 Facebook : บ้านไร่รุ้งตะวัน Baan Rai Rung Tawan 3 ดอกกระเจียวหวานอินทรีย์ บ้านโคกนาโก ฟาร์มดอกกระเจียวหวาน อีกสัญลักษณ์ใหม่ของเมืองบั้งไฟ หลายคนรู้จักดอกกระเจียวในฐานะพืชดอกสวยงามที่จะบานเต็มทุ่งในช่วงฤดูฝน แต่สำหรับชาวบ้านโคกนาโก อำเภอป่าติ้ว กลับให้นิยามต่างออกไป เพราะดอกกระเจียวคือพืชเศรษฐกิจที่นำเม็ดเงินเข้าสู่หมู่บ้านตลอดปี “เราผลักดันจนเป็นสัญลักษณ์ของจังหวัด เดี๋ยวนี้พูดถึงยโสธร คนไม่นึกถึงบุญบั้งไฟแล้ว นึกถึงดอกกระเจียว” โบ้-เมืองชัย ทองลา เล่าด้วยน้ำเสียงภูมิใจ ก่อนชวนเราย้อนไปเมื่อหลายปีก่อน ตอนบัณฑิตด้านเกษตรตั้งใจแน่วแน่ว่าจะไม่เดินทางสายงานประจำ แต่อยากมาทำสวนเกษตรตามความถนัดที่บ้านเกิด วันนั้นเขามองเห็นอรรถประโยชน์หลายอย่างของดอกกระเจียว พืชท้องถิ่นคู่วิถีชีวิตลูกอีสานมาตั้งแต่เด็ก จึงลองหยิบเอาพันธุ์จากป่ามาสู่เมือง นำมาปรับเข้ากับวิธีการสมัยใหม่ที่ได้เล่าเรียนมา ปลูกบนโคกควบคู่ไปกับนาข้าว วันนี้เขายังคงดูแลแบบปลอดสารเหมือนเดิม บำรุงด้วยปุ๋ยคอกปุ๋ยหมัก ใช้ฟางข้าวมาคลุมดินเพื่อจัดการวัชพืช ทำให้ไม่ต้องพึ่งยาฆ่าหญ้า ด้วยความตั้งใจอยากควบคุมระบบการปลูกแบบอินทรีย์ จึงได้ผลผลิตออกมาดีและปลอดภัย เป็นที่สนใจของชาวบ้านทั้งในและนอกพื้นที่ ถึงขั้นซื้อพันธุ์และขอคำแนะนำลงใต้ไปปลูกถึงอำเภอเบตงเลยก็มี โบ้ให้ความรู้เพิ่มเติมว่า ดอกกระเจียวมีหลายพันธุ์ รสชาติแตกต่างกันออกไป ทั้งเผ็ดซ่าคล้ายหน่อข่าจนถึงหวานกรอบอร่อยกินง่าย สำหรับฟาร์มของโบ้เลือกปลูกพันธุ์อย่างหลัง หากใครถูกใจรสชาติหรืออยากลองปลูก ไม่ว่าจะแปลงเล็ก ๆ กินในครัวเรือน หรือทำเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ ก็ขอคำแนะนำได้ถึงฟาร์ม หนุ่มบ้านโคกนาโกยินดีต้อนรับ ที่ตั้ง : บ้านโคกนาโก อำเภอโคกนาโก อำเภอป่าติ้ว จังหวัดยโสธร 35150 พิกัด : https://goo.gl/maps/yR1Ls4ZQyXisDPCH7 วัน-เวลาทำการ : ติดต่อนัดหมายล่วงหน้า โทรศัพท์ : 09 5593 9010 Facebook : ดอกกระเจียวหวาน บ้านโคกนาโก 4 นัธรินทร์ฟาร์มปูนา ฟาร์มและศูนย์การเรียนรู้เรื่องปูนาแห่งแรกของยโสธร นัธรินทร์ฟาร์ม ศูนย์เรียนรู้เรื่องการเลี้ยงปูนาที่เกิดจากความชอบกิน ตั้งต้นจากการเลี้ยงไว้แค่พอกินในครอบครัว ก่อนต่อยอดเป็นธุรกิจเสริมเพาะปูขยายพันธุ์จนเกินกิน นัท-นัฐวุฒิ เงาฉาย

ยโสธรการเกษตร อ่านเพิ่มเติม

✨ List อาหารแห้งสำหรับเดินป่า พกพาง่าย สะดวกต่อการเดินทาง ✨

วันนี้แอดมีคำแนะนำสำหรับเพื่อน ๆ ที่กำลังวางแผนไปเดินป่า ตั้งแคมป์ค้างคืน โดยเฉพาะคนที่ไม่เคยเดินป่า จะเตรียมตัวอย่างไรหากจะต้องเตรียมอาหารการกินไปด้วย ทั้งยังต้องให้สะดวกกับการเดินทางด้วย 📍 บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป : เป็นเมนูที่ไม่ยุ่งยาก หาซื้อได้ง่าย ราคาประหยัด📍 ข้าวสาร : เพื่อน ๆ ที่ขาดข้าวไม่ได้จริง ๆ ก็สามารถนำไปหุงระหว่างพักกลางป่าได้ หรือจะเลือกเป็นข้าวสวยสำเร็จรูปก็ได้📍 ขนมปัง : เหมาะจะเป็นอาหารยามเช้า สำหรับเพื่อน ๆ ที่ไม่ชอบกินอาหารที่หนักท้องจนเกินไป📍 น้ำพริกแห้ง : เป็นเมนูคู่ข้าวสวยร้อน ๆ มีน้ำพริกแห้งอย่างเดียวก็อร่อยได้📍 อาหารกระป๋อง/ซองสำเร็จรูป : ปัจจุบันมีให้เลือกหลายเมนู ไม่ว่าจะเป็นแกงเผ็ด ผัดเผ็ด พะโล้ ฯลฯ📍 อาหารปรุงสุกที่สามารถเก็บได้นาน เช่น เนื้อสัตว์ทอด/รวน ไข่เค็มต้ม ถั่ว📍 เนื้อสัตว์อบแห้ง เช่น หมูแผ่น หมูฝอย หมูทุบ ไก่หย็อง📍 ผลไม้ : อาจจะเน้นผลไม้ที่เก็บได้นาน ไม่ต้องล้าง ปลอกเปลือกง่าย เช่น กล้วย ส้ม อาหารเหล่านี้เป็นเพียงตัวอย่างที่แอดยกมา เพื่อน ๆ สามารถนำไปปรับใช้ตามความสะดวกของแต่ละคนได้เลย ที่สำคัญ อย่าลืมรักษาความสะอาด เก็บขยะกลับไปให้เรียบร้อย ไม่ลืมทิ้งไว้ในป่า เพื่อไม่ให้เกิดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม หรือเป็นอันตรายต่อสัตว์ป่าที่อาจมากินโดยเข้าใจว่าเป็นอาหาร 😉

✨ List อาหารแห้งสำหรับเดินป่า พกพาง่าย สะดวกต่อการเดินทาง ✨ อ่านเพิ่มเติม

ถาม-ตอบ คลายข้อสงสัยโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3

สำหรับเพื่อน ๆ ที่มีข้อข้องใจนอกเหนือจากที่แอดนำเสนอในบทความนี้ สามารถอ่านเพิ่มเติมได้จากบทความด้านล่างได้เลย ถาม-ตอบ คลายข้อสงสัยโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3 EP 2

ถาม-ตอบ คลายข้อสงสัยโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3 อ่านเพิ่มเติม

5 ร้านคาเฟ่จากคนพิเศษ 🥰

ปัจจุบันมีคาเฟ่เกิดใหม่ขึ้นมากมาย มากจนแอดคิดว่าคงตามไปชิมได้ไม่ครบแน่ ๆ แต่ละร้านก็มีเอกลักษณ์ มีสไตล์ และเรื่องราวของตัวเองที่ไม่เหมือนใคร วันนี้แอดมี 5 คาเฟ่น่าสนใจมาแนะนำค่ะ เป็นคาเฟ่ที่ให้บริการโดยผู้พิการ แต่บอกเลยว่า รสชาติอาหารและเครื่องดื่มไม่แพ้คาเฟ่ไหน ๆ เป็นการยืนยันให้เห็นว่า แม้จะมีข้อจำกัดทางร่างกาย แต่เหล่าบาริสต้าและนักทำขนมที่เป็นคนพิเศษเหล่านี้ก็มีฝีมือและมีความสามารถไม่แพ้คนทั่วไปเลย ไปดูกันดีกว่าว่า 5 ร้านที่แอดจะมาแนะนำมีที่ไหนบ้าง 1. 60 Plus Bakery & Chocolate Caféคาเฟ่นี้อยู่ในความดูแลของมูลนิธิศูนย์พัฒนาและฝึกอบรมคนพิการแห่งเอเชียและแปซิฟิก หรือ APCD ที่สนับสนุนการสร้างงาน สร้างอาชีพ และให้ผู้พิการได้แสดงศักยภาพของตัวเองได้อย่างเต็มที่ ร้านมีการออกแบบพิเศษเพื่อเพิ่มความสะดวกให้ลูกค้าและพนักงาน เช่น มีทางลาดสำหรับเข็นวีลแชร์เข้าร้าน มีสัญญาณไฟกะพริบพร้อมเสียงแจ้งเตือนสำหรับพนักงานที่พิการทางการได้ยินและการมองเห็น ให้รู้ว่ามีลูกค้าเข้า-ออกร้าน โต๊ะก็ออกแบบมาให้มีความสูงพอดีกับวีลแชร์ ส่วนชั้นขนมก็ถูกปรับให้เตี้ยลง ผู้พิการจะได้หยิบได้สะดวก  ขอบคุณรูปภาพจากร้าน 60 Plus Bakery & Chocolate Café ภายในร้านจำหน่ายขนมปัง เบเกอรี่ กาแฟ และช็อกโกแลต ซึ่งขนมทั้งหมดทำขึ้นจากฝีมือของผู้พิการทั้งหมด โดยได้ผู้เชี่ยวชาญจากบริษัทขนมปังยามาซากิ มาสอนการทำขนมปัง และผู้เชี่ยวชาญจาก MarkRin Chocolate มาสอนการทำช็อกโกแลต  ขอบคุณรูปภาพจากร้าน 60 Plus Bakery & Chocolate Café ขอบอกเลยว่าขนมและเครื่องดื่มน่ากินมาก ๆ เห็นถึงความตั้งใจของคนทำเลยล่ะ ร้านอยู่ย่านราชวิถี สามารถไปอุดหนุนกันได้ หรือถ้าไม่สะดวกเดินทาง สั่งขนมผ่านเพจเฟสบุ๊คของร้านได้เลย https://www.facebook.com/60PlusBakeryandCafe  ถนนราชวิถี แขวงดุสิต เขตดุสิต กรุงเทพมหานครเปิดทุกวัน เวลา 07.00 – 17.00 น. 0 2354 7508https://goo.gl/maps/cWKch3MJhyxiPtKy7  ขอบคุณรูปภาพจากร้าน 60 Plus Bakery & Chocolate Café  2. Dots Coffeeร้านกาแฟแห่งนี้อาจจะเป็นร้านกาแฟทั่วไป แต่เมื่อคุณกาวิน ผู้ร่วมก่อตั้งร้านมีความคิดที่จะนำผู้พิการทางสายตามาเป็นพนักงาน ร้านกาแฟแห่งนี้จึงกลายเป็นร้านกาแฟสุดพิเศษ  ขอบคุณรูปภาพจากร้าน Dots Coffee  พนักงานทุกคนภายในร้านเป็นผู้พิการทางสายตา ทุกคนได้ฝึกวิธีการชงกาแฟนานหลายเดือน จนสามารถชงกาแฟได้คล่องแคล่ว ทีเด็ดคือการทำลาเต้อาร์ท ที่ทำออกมาได้สวยมาก  ขอบคุณรูปภาพจากร้าน Dots Coffee  นอกจากนี้ ทางร้านยังใช้เมล็ดกาแฟพันธุ์อาราบิก้าคุณภาพดีจากจังหวัดเชียงรายอีกด้วย เรียกได้ว่า พิเศษทั้งกาแฟและคนทำเลยล่ะ  อาคาร KX-Knowledge Exchange Center ถนนกรุงธนบุรี เปิดวันจันทร์-เสาร์ เวลา 08.00-16.00 น. 080 339 7869https://g.page/DotsCoffeeKX?share  ขอบคุณรูปภาพจากร้าน Dots Coffee  3. Mute Mute Caféร้าน Mute Mute Café เป็นความคิดริเริ่มของ“น้องเซี้ยง” ซึ่งเป็นผู้พิการทางการได้ยิน เขาอยากให้มีพื้นที่สำหรับผู้พิการได้มาพบปะสังสรรค์กัน จึงทำร้านคาเฟ่เพื่อผู้พิการทางการได้ยินแห่งนี้ขึ้น แต่คนทั่วไปก็สามารถเข้าไปใช้บริการได้นะคะ ภายในร้านตกแต่งสไตล์บูติคผสมผสานกับสไตล์ Loft มีความอบอุ่นและเป็นกันเอง  ขอบคุณรูปภาพจาก ร้าน Mute Mute Café  ร้าน Mute Mute Café มีเมนูให้เลือกหลากหลาย มีทั้งของว่าง ของหวาน ขนมอบ เบเกอรี่ต่าง ๆ รวมทั้งเครื่องดื่ม ซึ่งมีหลาย ๆ เมนูเลยที่น้องเซี้ยง เจ้าของร้านลงมือทำด้วยตัวเอง  ขอบคุณรูปภาพจาก ร้าน Mute Mute Café  ที่นี่นอกจากจะเป็นคาเฟ่แล้ว ยังเป็นสถานที่นัดรวมตัวเล่นบอร์ดเกมอีกด้วย และถึงแม้บรรยากาศในการเล่นจะเป็นไปอย่างเงียบ ๆ แต่เราก็ได้รับรู้ถึงความสนุกสนานที่เกิดขึ้น ผ่านทางรอยยิ้มของพวกเขาทุกคน  ซอยเจริญนคร 4 ถนนเจริญนคร แขวงคลองต้นไทร เขตคลองสาน กรุงเทพฯ เปิดวันพุธ-วันเสาร์ เวลา 10.30-17.00 น. 08 9668 3639, 06 5612 8980https://g.page/MuteMuteCafe?share 4. Yimsoo Farm at Mae Rimหลายคนอาจจะเคยได้ยินชื่อของ ยิ้มสู้ คาเฟ่ ที่ตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ มาบ้างแล้ว ครั้งนี้ ยิ้มสู้ คาเฟ่ได้เปิดสาขาใหม่ที่อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งอยู่ในความดูแลของศูนย์ฝึกอาชีพคนพิการอาเซียน โดยเปิดคาเฟ่แห่งนี้ขึ้นเพื่อฝึกอาชีพให้แก่ผู้พิการ  ขอบคุณรูปภาพจาก Yimsoo Farm at Mae Rim ศูนย์ฝึกอาชีพคนพิการอาเซียน อำเภอแม่ริม Yimsoo Farm at Mae Rim เป็นคาเฟ่สไตล์ Farm & Café บรรยากาศร่มรื่น พนักงานเป็นผู้พิการหลากหลายรูปแบบ ส่วนใหญ่เป็นผู้พิการทางการได้ยิน ซึ่งทำหน้าที่เป็นบาริสต้าและพนักงานเสิร์ฟ ทางร้านจึงมีสโลแกนว่า “ร้านกาแฟจากบาริสต้าที่เงียบที่สุด แต่ส่งมอบความสุขเสียงดังมาก”   ขอบคุณรูปภาพจาก Yimsoo Farm at Mae Rim ศูนย์ฝึกอาชีพคนพิการอาเซียน อำเภอแม่ริม นอกจากกาแฟแล้ว ที่นี่ยังมีก๋วยเตี๋ยวเรือรสชาติเข้มข้น ถือเป็นเมนูเด็ดที่ไปแล้วต้องลองชิม  ขอบคุณรูปภาพจาก Yimsoo Farm at Mae Rim ศูนย์ฝึกอาชีพคนพิการอาเซียน อำเภอแม่ริม บริเวณร้านมีแปลงปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ ซึ่งผลผลิตนำไปส่งขายยังห้างสรรพสินค้า และนำมาทำก๋วยเตี๋ยวเรือในร้าน  ตำบลเหมืองแก้ว อำเภอแม่ริม เชียงใหม่ เปิดทุกวัน เวลา 07.30 -16.00 น. 08 3200 1115https://goo.gl/maps/eyvdxi8M734bjbAR9  ขอบคุณรูปภาพจาก

5 ร้านคาเฟ่จากคนพิเศษ 🥰 อ่านเพิ่มเติม

เทศกาลไหว้พระจันทร์🌙

เทศกาลไหว้พระจันทร์มาถึงแล้ว…วันนี้ แอดมีเกร็ดความรู้เรื่องเทศกาลไหว้พระจันทร์มาให้อ่านกันเพลิน ๆ ด้วยค่ะ 🙂 เทศกาลไหว้พระจันทร์นับเป็นอีกหนึ่งเทศกาลที่ชาวจีนหรือคนไทยเชื้อสายจีนให้ความสำคัญและปฏิบัติสืบต่อกันมานาน ถือเป็นประเพณีการแสดงความขอบคุณต่อเทพเจ้าในช่วงสิ้นสุดการเก็บเกี่ยวในฤดูใบไม้ร่วง และเป็นการเฉลิมฉลองกับครอบครัวและเพื่อน ๆ ที่จะมาร่วมจิบชาและทานขนมไหว้พระจันทร์ด้วยกัน วันไหว้พระจันทร์จะตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 ตามปฏิทินจีน ซึ่งเป็นช่วงที่ดวงจันทร์สว่างที่สุด โต๊ะเครื่องไหว้จะตระเตรียมไว้กลางแจ้ง และเริ่มต้นไหว้หลังพระอาทิตย์ตกดิน เมื่อดวงจันทร์เริ่มปรากฏบนท้องฟ้า ✨ 👉สิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ในเทศกาลไหว้พระจันทร์ก็คือ ขนมไหว้พระจันทร์ โดยขนมไหว้พระจันทร์ในประเทศไทย เป็นรูปแบบกวางตุ้ง ปัจจุบันมีการปรับให้ทันสมัย ทั้งรูปลักษณ์ และรสชาติ แต่โดยทั่วไปแล้ว ตัวขนมจะทำจากแป้งและมีไส้อยู่ภายใน ซึ่งแต่ละไส้มีความหมายต่างกันออกไป 🥮ไส้ไข่เค็ม หมายถึง ความสุกสว่าง เสมือนกับพระจันทร์เต็มดวง 🥮ไส้เม็ดบัว หมายถึง ความบริสุทธิ์ อายุยืน และความสงบสุข 🥮ไส้ธัญพืช หมายถึง โชคลาภ และความอุดมสมบูรณ์ 🥮ไส้ถั่วแดง หมายถึง ความกล้าหาญ และการขจัดความกลัว 🥮ไส้ลูกพลัม หมายถึง ความหวัง เหมือนดอกพลัมบานในฤดูหนาว

เทศกาลไหว้พระจันทร์🌙 อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top