สถานที่ท่องเที่ยว

เที่ยวผ่อนคลาย สบายใจ สบายตัว @ ตาก

พูดถึงจังหวัดตาก คนส่วนใหญ่คงนึกถึงสถานที่ท่องเที่ยวอย่างเขื่อนภูมิพล หรือไม่ก็น้ำตกใหญ่สวยอลังการอย่างน้ำตกทีลอซูแน่ ๆ แต่ทริปนี้ แอดจะพาเพื่อน ๆ ไปเที่ยวมุมอื่นบ้าง เป็นการเที่ยวแบบผ่อนคลายทั้งกายและใจ ได้สัมผัสทั้งธรรมชาติและบรรยากาศเรือนไม้เก่าที่สวยคลาสิค แต่หากเพื่อน ๆ ยังไม่สะดวกเดินทาง ไปเที่ยวทิพย์กับแอดก่อนได้เลย โปรแกรมเที่ยว วันที่ 1 ท่องเที่ยววิถีชุมชนชาวปกาเกอะญอ ที่บ้านป่าไร่เหนือ วันที่ 2 เวิร์คช้อปหัดสานปลาตะเพียนทางมะพร้าว เที่ยวในเมืองตาก ชมบ้านเก่าที่ตรอกบ้านจีน สักการะศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช อร่อยกับอาหารว่างท้องถิ่น เมี่ยงจอมพล แวะชิมครัวซองต์ร้านดัง เถียงนา Coffee and Bakery Farm วันที่ 1 แอดจะพาเพื่อน ๆ ไปเที่ยวที่บ้านป่าไร่เหนือ อ.แม่ระมาด ที่นี่เป็นโฮมสเตย์ที่จัดการโดยชาวชุมชน เปิดกว้างให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามาสัมผัสวิถีชุมชนที่ยังคงรักษาวัฒนธรรมความเป็นอยู่ อาหารการกิน และอื่น ๆ ของชาวปกาเกอะญอไว้ บอกเลยว่าแอดตั้งตานับวันรอจะไปเที่ยว ตั้งแต่ตอนโทร.สอบถามและจองที่พักกับทางพี่อาร์ เจ้าของโฮมสเตย์ที่แอดจะไปพักแล้ว จาก อ.เมือง ขับรถไปทาง อ.แม่สอด ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงก็มาถึงชุมชนบ้านไร่เหนือ อันดับแรกเราตรงไปที่โฮมสเตย์ที่จองไว้กันก่อน ที่นี่มีบ้านพักหลายแบบให้นักท่องเที่ยวเลือกพักดังนี้ แบบส่วนตัวหลังใหญ่ (มี 1 หลัง) ราคาเริ่มต้นที่ 2,000/คืน/4 คน (ถ้าต้องการพักเพิ่ม คนละ 500 บาท พักได้สูงสุดไม่เกิน 8 คน) แบบส่วนตัวหลังเล็ก (มี 2 หลัง) ราคา 1,290/คืน พักได้ไม่เกิน 4 คน โฮมสเตย์แบบพักร่วมกับเจ้าของบ้าน สัมผัสวิถีชุมชน คืนละ 390/คน (มีอาหารเช้าให้ฟรี) หลังจากเก็บของเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลาท่องเที่ยว ในชุมชนมีที่เที่ยวหลายจุดเลย เพื่อน ๆ สามารถเลือกได้ตามความสนใจ จุดแรก แอดขอแนะนำให้ไปที่ บ้านภูมิปัญญา สถานที่เรียนรู้ความเป็นมาของหมู่บ้าน วิถีชาวปกาเกอะญอ ความเป็นอยู่ ข้าวของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน และอื่น ๆ ที่นี่จะมีนักเล่าเรื่องชุมชนคอยให้ข้อมูล ทั้งแนะนำชุมชน และแนะนำจุดท่องเที่ยวต่าง ๆ ให้เราได้รู้จักที่นี่มากขึ้น ที่สำคัญจุดนี้ยังมีของที่ระลึกงานฝีมือจากชาวชุมชนวางขาย เช่น ชุดพื้นเมือง ผ้าคลุมไหล่ ผ้าพันคอ สมุดหุ้มผ้าพื้นเมือง พวงกุญแจ ฯลฯ ชุดน้ำชากับขนม ระหว่างฟังเรื่องเล่าจากนักเล่าเรื่องชุมชน เป็นชา “ควายหาว” รสชาติคล้ายน้ำที่ต้มกับข้าวโพด และขนม “เส็งเผ่” ที่คล้าย ๆ ขนมหม้อแกง จุดต่อไป เราจะนั่งรถอีต็อกไปที่ “ถ้ำซามูไร” กัน ถ้ำซามูไรเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ของที่นี่ ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ทหารญี่ปุ่นเคยใช้บ้านป่าไร่เหนือเป็นฐานบัญชาการเส้นทางเดินทัพไปสู่พม่า มีการเก็บอาวุธยุทโธปกรณ์ต่าง ๆ ไว้ในถ้ำ ภายหลังเมื่อญี่ปุ่นแพ้สงคราม จึงมีการระเบิดปิดปากถ้ำนี้ไว้ ที่นี่ถือเป็นสถานที่ปริศนาที่ยังไม่มีใครได้เข้าไป เพราะชาวบ้านถือเป็นสถานที่หวงห้าม ห้ามขุดเจาะ ทำลาย หรือเข้าไปหาสมบัติของมีค่าภายใน หากฝ่าฝืนจะพบกับเรื่องไม่เป็นมงคล จุดต่อไปคือ วัดตีนธาตุ ซึ่งเป็นวัดไม่กี่แห่งในชุมชนที่ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาคริสต์ ในการขึ้นไปกราบสักการะเจดีย์ เราต้องเดินขึ้นบันไดไป 200 กว่าขั้น ถ้าไม่ฟิต อาจมีหอบบ้าง เจดีย์นี้มีลักษณะคล้ายกับพระธาตุหริภุญไชย ครูบาแก้ว เจ้าอาวาสวัดสิทธาวาส จ.ลำพูน เป็นผู้สร้างไว้ ถือเป็นพระธาตุคู่ชุมชนและเป็นที่มาของชื่อ ต.พระธาตุ ที่ตั้งของบ้านป่าไร่เหนือแห่งนี้ ภายในบริเวณวัด มีต้นจามจุรีขนาดใหญ่ ประมาณ 10 -14 คนโอบ ชื่อว่า ต้นไม้ใหญ่จอมพลผิน โดยจอมพลผิน ชุณหะวันปลูกไว้ ในสมัยไปให้สัมปทานค้าไม้สัก ขณะดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร โดยใช้ที่นี่เป็นปางไม้ ก่อนลำเลียงไม้สักลงไปขายที่กรุงเทพ ฯ หน้าวัดมีแม่น้ำตะลอไหลผ่าน ตรงท่าน้ำบริเวณหน้าวัด ปลาชุมมาก เพื่อน ๆ สามารถให้อาหารปลาตรงนี้ได้ ซึ่งแม่น้ำตะลอนี้ เราจะเห็นได้ตลอดทางที่นั่งรถอีต๊อกเลยล่ะ นอกจากจะเป็นแม่น้ำสำคัญที่หล่อเลี้ยงชุมชนมาตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตในช่วงหน้าร้อนอีกด้วย จุดต่อไป คือ “ทิวไผ่งาม” ที่นี่สวยกว่าที่แอดคิดไว้เยอะเลย ถ่ายรูปได้สวยเก๋ไม่เหมือนใคร เอาไปอวดเพื่อน ๆ ในโซเชียลได้สบาย แต่หากรู้สึกปวดเมื่อย สามารถไปที่หมู่บ้านแม่กาษา เพื่อไปที่ “อโรคยาศาลโป่งคำราม (บ่อน้ำแร่โป่งคำราม)” ได้ ใช้เวลานั่งรถประมาณ 15 นาทีเท่านั้น โดยสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 09 8335 3360 (บ่อน้ำแร่โป่งคำราม) วันที่ 2ก่อนอำลาบ้านป่าไร่เหนือในเช้านี้ แอดจะพาไปบ้านป้าตุ้ยโฮมสเตย์ ซึ่งนอกจากจะเป็นที่พักแล้ว ป้าตุ้ยยังสอนทำงานฝีมือด้วย มีทั้งเครื่องจักสานโดยใช้ทางมะพร้าวสานเป็นปลาตะเพียน ตั๊กแตน และทำพวงกุญแจจากวัสดุเหลือใช้จากงานทอผ้าในชุมชน เพื่อน ๆ สาย DIY น่าจะถูกใจ ทำเสร็จเอากลับไปเป็นของฝากได้สบายเลย ระหว่างสอน ป้าตุ้ยก็จะเล่าเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเกี่ยวกับชุมชนให้ฟังไปด้วย ถือเป็นกิจกรรมสุดท้ายของหมู่บ้านที่เพลิดเพลินมาก ค่าบริการเพิ่มเติม รถอีต๊อก ราคา 600 บาท/คัน นั่งได้ 6 คน ไกด์ชุมชน 300-500 บาท แล้วแต่สถานที่ท่องเที่ยวที่จะไป (ไม่จ้างก็ได้) อาหารสั่งได้จากที่พัก มีทั้งแบบตามสั่งและอาหารถิ่น (อาหารถิ่นจะเสิร์ฟเป็นชุด มี 5-6 อย่าง ราคา 120 บาท/มื้อ/คน) : 100/1 หมู่ 3 ตำบล พระธาตุ อำเภอแม่ระมาด จังหวัดตาก 63140

เที่ยวผ่อนคลาย สบายใจ สบายตัว @ ตาก อ่านเพิ่มเติม

ประเพณีวิ่งควาย หนึ่งเดียวในไทยหนึ่งเดียวในโลก 🐃

เคยสงสัยกันไหมคะ ว่าทำไมถึงต้องเอาควายมาวิ่ง หากเป็นม้าแข่ง หรือวิ่งแข่งคงจะไม่แปลก วันนี้แอดมีเกร็ดความรู้เกี่ยวกับประเพณีวิ่งควายมาให้อ่านกันเพลิน ๆ ค่ะ 😊 ประเพณีวิ่งควายเกิดขึ้นเมื่อไหร่นั้น ไม่มีหลักฐานปรากฎอย่างแน่ชัด แต่มีหลักฐานว่าการเล่นวิ่งวัว วิ่งควายนี้มีกันมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา โดยจัดขึ้นเพื่อเป็นการทำขวัญควาย และมีความเชื่อว่า ถ้าปีไหนไม่มีการวิ่งควาย ปีนั้นวัวควายจะเป็นโรคระบาดล้มตายจำนวนมาก จึงมีการจัดประเพณีนี้สืบต่อกันมายาวนาน แสดงให้เห็นถึงความผูกพันที่แน่นแฟ้นระหว่างชาวนาไทย ควายไทย และอาชีพเกษตรกรรมทำนาของไทย ประเพณีวิ่งควายมักจะจัดขึ้นในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 ของทุกปี ซึ่งเป็น 1 วันก่อนออกพรรษา แต่กำหนดการจะช้าเร็วบ้าง แตกต่างกันออกไปในแต่ละพื้นที่ ปัจจุบันประเพณีวิ่งควายเป็นประเพณีประจำจังหวัดชลบุรีที่โด่งดังรู้จักกันไปทั่วทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศภายในงานประกอบด้วยกิจกรรมหลากหลาย การแข่งวิ่งควายในรุ่นต่าง ๆ การประกวดสุขภาพควาย การประกวดพ่อพันธุ์-แม่พันธุ์ การแข่งขันตกแต่งควายประเภทสวยงาม รวมทั้งมีการจำหน่ายสินค้า OTOP และอาหารพื้นเมืองอีกด้วย นับว่าเป็นประเพณีที่พลาดไม่ได้เลยค่ะ ✨ประเพณีวิ่งควายปีนี้ จัดขึ้นที่จังหวัดชลบุรี ประจำปี 2564 ครั้งที่ 150 ✨ 📅 วันพุธที่ 20 ตุลาคม 2564 ⏰ตั้งแต่เวลา 07.00 น. เป็นต้นไป 👉 ร่วมชมแห่ริ้วขบวนเกวียณกัณฑ์ 14 เล่ม ตั้งขบวนแห่เกวียนกัณฑ์ ณ บริเวณสนามกีฬาเทศบาลเมืองชลบุรี และพิธีบวงสรวงพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ณ พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช วัดใหญ่อินทาราม (พระอารามหลวง)

ประเพณีวิ่งควาย หนึ่งเดียวในไทยหนึ่งเดียวในโลก 🐃 อ่านเพิ่มเติม

🚴 คำแนะนำสำหรับการปั่นจักรยานเที่ยว 🚴

เวลาไปเที่ยวในแหล่งท่องเที่ยวหรือชุมชน เรามักจะใช้รถยนต์หรือไม่ก็สองเท้าในการเที่ยวชมจากจุดหนึ่งไปอีกจุดหนึ่ง แต่ในช่วงปีหลัง ๆ มานี้ มีที่พักและสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งที่มีจักรยานให้ยืมปั่นท่องเที่ยวได้ ซึ่งการปั่นเที่ยวนี้มีข้อดีมากมาย ช่วยผ่อนแรงและทำให้เราซอกแซกไปได้ทั่วถึงขึ้น วันนี้ แอดเลยมีคำแนะนำเล็ก ๆ น้อย ๆ ในการปั่นจักรยานเที่ยวมาฝาก เลือกจักรยานที่ความสูงของเบาะเหมาะกับตัวเรา 🚲 เมื่อเพื่อน ๆ ยืนตรง ความสูงของเบาะนั่งควรสูงประมาณเอว เพราะเป็นระยะปั่นที่ขาจะเหยียดตรงได้พอดี เข่าไม่ตึงหรืองอจนเกินไป ซึ่งจะทำให้เราเปลืองแรงในการใช้ข้อเท้าและเข่าโดยใช่เหตุ วอร์มอัพร่างกาย 🧍‍♂ ก่อนปั่นควรวอร์มอัพร่างกายง่าย ๆ เช่น ยืดแขนยืดขา (stretching) สะบัดข้อมือข้อเท้า สัก 5 – 10 นาที การอบอุ่นร่างกายนี้สามารถช่วยป้องกันการเป็นตะคริวได้ กินก่อนปั่น 🥪 แอดขอแนะนำให้รับประทานอาหารก่อนการปั่นสัก 2 ชั่วโมง เพื่อหลีกเลี่ยงอาการจุกเสียด หรือมีปัญหากับระบบย่อยอาหาร ควรเน้นคาร์โบไฮเดรตและโปรตีนเป็นหลัก กินได้ทั้งพวกก๋วยเตี๋ยว ข้าวสวย แซนด์วิช ธัญพืชอบแห้ง และไม่ควรดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก่อนปั่น ❌ ถ้าเป็นการปั่นทางไกล ๆ หรือปั่นกันจริงจังแล้วกลัวหิวระหว่างทาง อาจพก power bar ช็อคโกแลตแท่ง 🍫 หรือเจลให้พลังงานไว้กินระหว่างทาง เนื่องจากสามารถเปลี่ยนเป็นน้ำตาลได้เร็ว ร่างกายดึงพลังงานไปใช้ได้ทันที รวมทั้งอาจเตรียมน้ำดื่มหรือเครื่องดื่มเกลือแร่ไปด้วยก็ได้ แนะนำให้ค่อย ๆ จิบ ถ้าดื่มรวดเดียวอาจทำให้จุกได้ ♻ อย่าลืมนำขยะไปทิ้งที่ถังขยะกันด้วยนะ ใส่ชุดให้เหมาะสม 👕 เลือกเสื้อผ้าที่สวมใส่สบาย ระบายอากาศได้ดี หลีกเลี่ยงเสื้อผ้าที่มีตะเข็บ เพราะอาจเสียดสีกับผิวหนังได้ ยิ่งถ้าเสื้อผ้าอุ้มเหงื่อ ยิ่งทำให้เสียดสีได้ง่ายและไม่สบายตัว พกยา 💊 สำคัญมากสำหรับเพื่อน ๆ ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหอบ อย่าลืมยาพ่นแบบพกพา ถ้าเป็นโรคหัวใจก็อย่าลืมยาอมใต้ลิ้น หรือยาประจำตัวที่ต้องรับประทานตามเวลา ส่วนยาเบสิคทั่วไปที่แอดจะแนะนำก็คือ ยาดม จะใช้เอง หรือเผื่อแผ่ช่วยเหลือคนอื่นเมื่อมีอาการวิงเวียน หน้ามืด เป็นลมได้ ใช้เลนปั่นจักรยานให้ถูกต้องเมื่อใช้ทางร่วมกับยานพาหนะอื่น 🚴 ตามกฏหมายจราจรไทยระบุไว้ว่า การปั่นจักรยานในเมืองควรปั่นชิดฝั่งซ้ายมือของถนนตลอดเวลา เพื่อให้ยานพาหนะอื่นสามารถแซงได้ง่าย แต่ขณะเดียวกันก็ไม่ควรปั่นชิดซ้ายมือของถนนจนเกินไป เพราะอาจทำให้ตกขอบถนน หรือเหยียบเศษแก้วเศษกระจกได้ง่าย ที่สำคัญ การอยู่ชิดขอบถนนจนเกินไป อาจเป็นการเปิดโอกาสให้รถยนต์และมอเตอร์ไซค์แซงโดยไม่เผื่อที่ให้จักรยานได้วิ่ง เสี่ยงต่อการถูกเฉี่ยวชนได้ง่ายกว่าเดิมไปอีก ระยะที่เหมาะสมในการปั่นคือประมาณ 1 ใน 3 ของเลนซ้ายถนน (ชิดไปทางซ้าย) และไม่ปั่นส่ายไปมา หรือเบี่ยงเข้า-ออกเลนบ่อย ๆ เพื่อให้ผู้ร่วมถนนคาดเดาได้ง่าย ป้องกันการเฉี่ยวชนนั่นเอง

🚴 คำแนะนำสำหรับการปั่นจักรยานเที่ยว 🚴 อ่านเพิ่มเติม

บ้านป่าบงเปียง ชมวิวนาขั้นบันไดในอ้อมกอดขุนเขา

ในช่วงปลายฝนต้นหนาวแบบนี้ ทำให้แอดคิดถึงความชุ่มฉ่ำและธรรมชาติอันเขียวขจีที่บ้านป่าบงเปียง จังหวัดเชียงใหม่ ที่รายล้อมไปด้วยภูเขาและนาขั้นบันได ถึงปีนี้บ้านป่าบงเปียงจะยังไม่เปิดให้ท่องเที่ยว แต่แอดจะพาทุกคนไปเที่ยวทิพย์ที่หมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งนี้ให้หายคิดถึงกันค่ะ บ้านป่าบงเปียง เป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ตั้งอยู่ในอำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ จุดเด่นคือ ความสวยงามของนาขั้นบันไดและแนวเทือกเขาสุดลูกหูลูกตา ที่นี่เหมาะกับคนที่อยากใกล้ชิดธรรมชาติ และต้องการพักผ่อนแบบสงบ ที่พักในบ้านป่าบงเปียงเป็นแบบโฮมสเตย์ มีทั้งหมด 27 แห่ง แต่ละแห่งสามารถมองเห็นวิวได้ เพื่อน ๆ ลองนึกดูสิว่า ตื่นเช้ามานั่งจิบกาแฟ ทานอาหารเช้าพร้อมชมวิวนาขั้นบันได มันจะฟินขนาดไหน !! ถ้าใครเป็นสายแคมป์ปิ้ง ชอบกางเต็นท์ ทางที่พักก็มีลานกางเต็นท์พร้อมให้บริการด้วยนะ บ้านป่าบงเปียงสามารถไปเที่ยวได้เกือบทั้งปี โดยเราจะได้เห็นบรรยากาศนาขั้นบันไดที่แตกต่างกันไปตามช่วงเวลา อย่างเดือนกรกฏาคม-สิงหาคม เป็นช่วงที่ชาวบ้านเริ่มปักดำข้าว ต้นกล้าเพิ่งยืนต้น จะยังเห็นพื้นน้ำของนาข้าวอยู่ ในเวลาเย็น เมื่อแสงอาทิตย์ส่องมา จะสะท้อนกับพื้นน้ำเป็นสีทอง ส่วนเดือนกันยายน- ต้นเดือนตุลาคม ทุ่งนาเขียวขจีตัดกับสีฟ้าแจ่มๆ ของท้องฟ้า ถ่ายรูปออกมาสวยแน่นอน และถ้าวันไหนฝนตก อาจจะมีโอกาสได้เห็นหมอกอย่างใกล้ชิดอีกด้วย ปลายเดือนตุลาคม นาข้าวเป็นสีเหลืองทองอร่าม โดยชาวบ้านจะเริ่มเก็บเกี่ยวข้าวช่วงเดือนพฤศจิกายนเป็นต้นไป

บ้านป่าบงเปียง ชมวิวนาขั้นบันไดในอ้อมกอดขุนเขา อ่านเพิ่มเติม

1 วัน…ที่หนองบัวลำภู

หนองบัวลำภูเป็นจังหวัดลำดับที่ 76 โดยแยกมาจากจังหวัดอุดรธานีเมื่อปี พ.ศ. 2536 หลายคนอาจจะยังไม่ค่อยรู้จักจังหวัดนี้เท่าไหร่ แต่แอดบอกได้ว่า หนองบัวลำภูมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าเที่ยวไม่แพ้จังหวัดไหนในอีสานเลย ครบถ้วนทั้งธรรมชาติ วัฒนธรรม และวิถีชุมชน แถมด้วยผู้คนที่น่ารัก อาหารอร่อย บรรยากาศไม่พลุกพล่าน เป็นเมืองรองที่น่าเที่ยวจริง ๆ สถานที่่ท่องเที่ยว 1. วัดป่าพรหมวิหาร 2. บ้านตาดไฮ 3. บ้านท่าลาด 4.จุดชมวิวช่องเขาขาด วัดป่าพรหมวิหาร เริ่มทริปกันที่วัดป่าพรหมวิหาร ซึ่งเป็นวัดป่าสายธรรมยุตินิกาย ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2524 โดยหลวงปู่สาย เขมธมฺโม พระเกจิชื่อดังสายพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ จุดเด่นที่ดึงดูดเหล่าผู้มีศรัทธาให้มาที่นี่ก็คือ “พรหมวิหารย์เจดีย์ (เขมธัมมาเถรานุสรณ์)” องค์เจดีย์สีทองงามสง่า ชั้นล่างตั้งหุ่นรูปเหมือนหลวงปู่สาย และพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ ส่วนชั้นบนเป็นที่เก็บอัฐิของพระเถระสำคัญ และพระบรมสารีริกธาตุ ให้ประชาชนได้เข้าไปสักการะบูชา และขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคล แม้ที่นี่จะขึ้นชื่อว่าเป็นวัดป่า แต่เดินทางสะดวก สามารถขับรถไปถึงวัดได้เลย บริเวณวัดสงบร่มรื่น เหมาะกับการมาปฏิบัติธรรม จึงมีทั้งผู้ใหญ่สูงอายุ และคนหนุ่มสาวเข้ามานั่งสมาธิดับร้อนในใจกันมากมาย หากเพื่อน ๆ มาที่นี่ อย่าลืมแต่งกายให้เรียบร้อย และที่สำคัญ ใส่หน้ากากอนามัยและพกเจลล้างมือกันด้วยล่ะ : ตำบล โคกม่วง อำเภอ โนนสัง หนองบัวลำภู 39140 : เปิดทุกวัน เวลา 07:00 – 16:00 น. บ้านตาดไฮ จุดหมายต่อไปคือ บ้านตาดไฮ (ห่างจากวัดป่าพรหมวิหาร ประมาณ 4 กิโลเมตร) แอดจะพาไปชม “อ่างเก็บน้ำห้วยน้ำบองอันเนื่องมาจากพระราชดำริ” ก่อนจะเข้าหมู่บ้าน เพื่อน ๆ จะได้พบกับชิงช้าต้นตาล อยู่ริมทุ่งนา น่าถ่ายรูปมาก…งั้นก็จอดรถแวะถ่ายรูปละกัน…ฮ่าๆๆ หลังจากถ่ายรูปไปหลายแชะ แอดก็ขับรถเข้ามาในหมู่บ้าน (ประมาณ 1 กิโลเมตร) เพื่อไปชม“อ่างเก็บน้ำห้วยน้ำบองอันเนื่องมาจากพระราชดำริ” และ “สะพานเชื่อมฮัก” สะพานแพไม้ไผ่ยาวกว่า 200 เมตร ที่เกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของชาวบ้าน สร้างให้เป็นจุดเช็คอินของนักท่องเที่ยว นอกจากจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวแล้ว อ่างเก็บน้ำฯ นี้ยังเป็นแหล่งกักเก็บน้ำ ช่วยสนับสนุนการเกษตรกรรม และการอุปโภค-บริโภค เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของสัตว์น้ำช่วยเสริมอาชีพของราษฎรให้มีรายได้จากการทำประมง ช่วยพื้นที่อุทยานฯ ให้เกิดความชุ่มชื้น เป็นแหล่งอาหารสัตว์ป่า และช่วยบรรเทาอุทกภัยอีกด้วย บริการนำเที่ยว 50 บาท/คน เหมาลำเที่ยวละ 200 บาท (นั่งได้ 8 คน) เหมาลำเที่ยวถ้ำ 300 บาท (นั่งได้ 8 คน) : ตำบล โคกม่วง อำเภอ โนนสัง หนองบัวลำภู 39140 : เปิดทุกวัน : 0 4281 2812 (ททท. สำนักงานเลย-หนองบัวลำภู) บ้านท่าลาด จากบ้านตาดไฮ ขับรถไปตามถนนสาย 3002 แอดจะพาไป “บ้านท่าลาด” ชมวิถีชีวิตชาวประมง และทิวทัศน์รอบเขื่อนอุบลรัตน์ พร้อมไปแวะชมการปรุงและแปรรูปปลาที่กลุ่มแปรรูปปลาบ้านท่าลาด มีทั้งปลาส้ม ปลาร้า ปลาวง ปลาพวง ฯลฯ มากมายสมกับฉายาคลังปลาแห่งที่ราบสูงเลยล่ะ ที่แอดว่าเด็ดสุดก็คือ “ปลาส้มสายดี่ยว” ที่ใช้ปลาน้ำจืดจากอ่างเก็บน้ำเขื่อนอุบลรัตน์มาปั้นเป็นก้อน พันด้วยใบตองฉีกเพื่อไม่ให้เนื้อปลาติดกัน เวลากินก็แค่นำไปทอด กินกับข้าวเหนียว แซ่บทีเดียว นอกจากชมการแปรรูปปลาแล้ว แอดจะพาเพื่อน ๆ นั่งเรือเข้าไปชมกลุ่มแพยอยักษ์ (ยอสะดุ้ง) จำนวนหลายร้อยลำ ที่ลอยจับปลาอยู่บนผิวน้ำของเขื่อนอุบลรัตน์ฝั่งโนนสัง วิวสวย ลมดีไม่แพ้ที่ไหน  ค่าบริการนั่งเรือ เหมาลำละ 500 บาท นั่งได้ 4 คน  ตำบล หนองเรือ อำเภอ โนนสัง หนองบัวลำภู 39140  เปิดทุกวัน  0 4281 2812 (ททท. สำนักงานเลย-หนองบัวลำภู) ถ้าเพื่อน ๆ ยังช้อปปิ้งผลิตภัณฑ์ปลาได้ไม่หนำใจ สามารถไปช้อปเพิ่มที่ “บ้านท่าศิลา” บนถนนสาย 2146 (โนนสัง-อุบลรัตน์) ซึ่งเป็นที่ตั้งของ “ถนนสายปลา” ที่นี่มีจำหน่ายทั้งปลาสด และผลิตภัณฑ์ปลาแปรรูปให้เลือก จุดชมวิวช่องเขาขาด ที่สุดท้ายที่แอดจะพาเพื่อน ๆ มาก็คือ “จุดชมวิวช่องเขาขาด” นอกจากจะเป็นจุดที่สามารถชมวิวตอนเย็นของเขื่อนอุบลรัตน์ได้สวยสุด ๆ แล้ว ที่นี่เป็นจุดแบ่งเขตจังหวัด ระหว่างจังหวัดหนองบัวลำภูกับจังหวัดขอนแก่น และอยู่ใกล้กับอุทยานแห่งชาติภูเก้า-ภูพานคำอีกด้วย ถ้าเพื่อน ๆ เป็นสายตั้งแคมป์ก็สามารถมากางเต็นท์ที่แหลมสำราญภายในอุทยานได้เลย โดยจะมีค่าบริการดังนี้ อัตราค่าบริการ คนไทยผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท ชาวต่างชาติผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาท ค่าบริการพาหนะ/คัน จักรยาน ฟรี จักรยานยนต์ 20 บาท รถยนต์ 4 ล้อ 30 บาท รถยนต์ 6 ล้อ 100 บาท รถยนต์ 6 ล้อขึ้นไป 200 บาท ค่าค้างคืนละ 30 บาท/คน วิวพระอาทิตย์ตกของช่องเขาขาด

1 วัน…ที่หนองบัวลำภู อ่านเพิ่มเติม

ปลายฝนต้นหนาว ดอกไม้ผลิบาน 🌸🍃

การไปเที่ยวช่วงหน้าฝน นอกจากเราจะได้สัมผัสความสดชื่นชุ่มฉ่ำ ได้เห็นวิวสวย ๆ หมอกเยอะ ๆ แล้ว ก็ยังเป็นช่วงที่ดอกไม้สวยไม่แพ้หน้าหนาวเลย โดยเฉพาะดอกไม้ที่ออกดอกหน้าฝน แต่ละต้นแข่งกันสวยไม่มีแผ่ว วันนี้แอดจะพาไปชมดอกไม้บานยามหน้าฝนกันเพลิน ๆ ค่ะ มีที่ไหนบ้าง ไปดูกัน🌿 🌷 ไม่ว่าเพื่อน ๆ จะเดินทางไปเที่ยวสวนดอกไม้ที่ไหน ก็ต้องปฏิบัติตามป้ายคำแนะนำของสถานที่อย่างเคร่งครัด ไม่ทำลายหรือเด็ดดอกไม้กันน้า 😊 ดอกลิ้นมังกร น้ำตกหมันแดง อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า จังหวัดพิษณุโลก ดอกลิ้นมังกร หรือสังหิน หรือปัดแดง หรือว่านยานกเว้ เป็นกล้วยไม้ดินที่มีหลากหลายสี ทั้งสีส้ม สีแดง และสีชมพู ฤดูฝนจะเป็นช่วงเดียวของปีที่เราจะได้พบลิ้นมังกรบานสะพรั่งในป่าดิบตามโขดหินใกล้ ๆ น้ำตกหมันแดง การไปชมดอกลิ้นมังกร จะต้องเดินเท้าเข้าไปยังน้ำตกหมันแดงชั้นที่ 5 ระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร และต้องติดต่อเจ้าหน้าที่นำทางไปด้วยนะคะ ช่วงฤดูออกดอก : ปลายเดือนกรกฎาคม – กลางเดือนสิงหาคม สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า อ.นครไทย จ.พิษณุโลกโทร.0 5535 6607, 08 1596 5977ททท.สำนักงานพิษณุโลกโทร.0 5525 2742-3 ดอกหงอนนาค จังหวัดอุตรดิตถ์ ที่สุดของความสวยงามบนลานสนภูสอยดาว จังหวัดอุตรดิตถ์ เพื่อน ๆ ห้ามพลาดกันเลยนะ เพราะดอกหงอนนาคจะบานในหน้าฝนเท่านั้นดอกหงอนนาคเป็นพืชล้มลุก มีดอกเล็ก ๆ สีม่วงอ่อน แอดขอเรียกว่าเป็นสีม่วงพาสเทลแล้วกัน น่ารักมินิมอลมากค่ะ ใครมีแพลนพิชิตยอดภูสอยดาว เก็บภาพความประทับใจกับดอกหงอนนาค อย่าลืมเตรียมร่างกายให้พร้อม เพราะกว่าเราจะขึ้นไปถึงก็ต้องใช้พลังกายเยอะสักหน่อย ควรติดต่อกับทางอุทยานฯ เรื่องเจ้าหน้าที่นำทางและลูกหาบล่วงหน้ากันไว้ด้วยค่ะ ช่วงฤดูออกดอก : เดือนสิงหาคม – กันยายน (ดอกหงอนนาคจะบานในช่วงสาย ประมาณ 9 โมงไปจนถึงเที่ยงวัน) สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโทร. 095 629 9528, 095 024 7633, 091 024 7633 ดอกเปราะภูขาว อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า จังหวัดพิษณุโลก ดอกเปราะภู เป็นดอกไม้อีกชนิดหนึ่งที่หาชมได้แค่ช่วงฤดูฝน พบมากบริเวณทางเดินไปยังลานหินปุ่มและบริเวณผาชูธง อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า จังหวัดพิษณุโลก เปราะภูจะออกดอกเป็นช่อ ขึ้นแทรกตามกอหญ้าสีเขียว สีตัดกันสวยงามมาก ปกติเปราะภูจะมีสีขาว และสีชมพู แต่ที่ภูหินร่องกล้าจะเป็นสีขาวเท่านั้น นอกจากที่อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้าแล้ว สามารถชมเปราะภูสีชมพูได้ที่อุทยานแห่งชาติภูกระดึง ยอดภูเรือ และภูหลวง จังหวัดเลย ช่วงฤดูออกดอก : กลางเดือนมิถุนายน – กลางเดือนกรกฎาคม จะเป็นช่วงที่ดอกเปราะภูขาวสวยที่สุด ขอบคุณรูปภาพจากอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า อ.นครไทย จ.พิษณุโลกโทร.0 5535 6607, 08 1596 5977ททท.สำนักงานพิษณุโลกโทร.0 5525 2742-3 ดอกเทียนปีกผีเสื้อ จังหวัดตาก เทียนปีกผีเสื้อ หรือ เทียนอุ้มผาง เป็นพืชเฉพาะถิ่น พบเฉพาะที่จังหวัดตาก ตามลานหินปูนของบริเวณดอยหัวหมด ดอกเทียนปีกผีเสื้อมีสีชมพูอมม่วง กลีบดอกมีลักษณะกางออกคล้ายผีเสื้อ เมื่อถึงช่วงดอกบานเต็มทุ่ง บนดอยนี้จะเหมือนมีผีเสื้อบินอยู่เต็มไปหมด นอกจากเราจะได้ชมดอกเทียนปีกผีเสื้อบนดอยหัวหมดแล้ว ในอำเภออุ้มผางยังขึ้นชื่อในเรื่องของแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติอีกด้วย ช่วงฤดูออกดอก : ปลายเดือนกรกฎาคม – เดือนกันยายน สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมททท. สำนักงานตากโทร.0 5551 4341-3

ปลายฝนต้นหนาว ดอกไม้ผลิบาน 🌸🍃 อ่านเพิ่มเติม

ข้อควรปฏิบัติในการขับขี่รถยนต์เมื่อพบสัตว์ป่าในเขตอุทยานแห่งชาติ

หลังจากไม่ได้ออกไปเที่ยวหลายเดือน เพื่อน ๆ หลายคนน่าจะโหยหาธรรมชาติ ซึ่งอุทยานแห่งชาติก็เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่ให้เราได้ไปสัมผัสธรรมชาติสวย ๆ เวลาขับรถไปเที่ยวในเขตอุทยานฯ บางครั้งเราอาจจะพบกับสัตว์ป่าที่ออกมาเดินตามถนน อย่าง ช้าง ลิง และกวาง แอดจึงมีคำแนะนำในการขับรถในเขตอุทยานฯ เพื่อความปลอดภัยของเพื่อน ๆ และสัตว์ป่ามาฝากค่ะ เมื่อขับรถในเขตอุทยานฯ ควรใช้ความเร็วไม่เกิน 60 กิโลเมตร/ชั่วโมง เพื่อความปลอดภัยของผู้ขับขี่และสัตว์ป่าที่อาจจะมาเดินบนถนน ไม่ส่งเสียงดังหรือบีบแตรไล่สัตว์ เพราะอาจจะเป็นการยั่วยุ หรือดึงดูดให้สัตว์เข้ามาหา ควรติดเครื่องยนต์ไว้ตลอด หากสัตว์เข้ามาใกล้และมีท่าทีคุกคาม จะได้เคลื่อนรถหนีได้ทัน งดใช้แฟลชในการถ่ายรูป และไม่ควรลงจากรถมาถ่ายรูปสัตว์ ถ้าต้องขับรถในเวลากลางคืน ให้เปิดไฟหน้าไว้เสมอ เพื่อสามารถเห็นพฤติกรรมและทิศทางการเดินของสัตว์ หากพบช้างป่า ให้หยุดรถห่างจากช้างอย่างน้อย 50 เมตร หากช้างเข้าใกล้ให้เคลื่อนรถหนี หรือรอให้ช้างเดินหลบไปก่อน แล้วค่อยออกรถ หากมีเหตุฉุกเฉินให้โทรแจ้งเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ที่นักท่องเที่ยวเดินทางไปเที่ยว ฝึกสังเกตอารมณ์ของช้าง ถ้าช้างอารมณ์ดี หูจะสะบัดไปมา หางจะแกว่งและใช้ง่วงสะบัดไปมา ไม่ค่อยสนใจเรา ถ้าช้างอารมณ์ไม่ดี หูจะกาง หางชี้ ง่วงจะนิ่งแข็งแตะอยู่ที่พื้น หรือใช้ง่วงตีพื้น และจ้องมาที่เรา ขอบคุณข้อมูลจาก สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า

ข้อควรปฏิบัติในการขับขี่รถยนต์เมื่อพบสัตว์ป่าในเขตอุทยานแห่งชาติ อ่านเพิ่มเติม

ถาม-ตอบ คลายข้อสงสัยโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3 EP 3

สำหรับเพื่อน ๆ ที่มีข้อข้องใจนอกเหนือจากที่แอดนำเสนอในบทความนี้ สามารถอ่านเพิ่มเติมได้จากบทความด้านล่างได้เลย ถาม-ตอบ คลายข้อสงสัยโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3 ถาม-ตอบ คลายข้อสงสัยโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3 EP 2

ถาม-ตอบ คลายข้อสงสัยโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3 EP 3 อ่านเพิ่มเติม

ส่องสัตว์ซาฟารีเมืองไทย อุทยานแห่งชาติกุยบุรี 🐘🌿

มุ่งหน้าสู่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ที่ไม่ได้มีแค่ทะเล วันนี้แอดจะชวนเพื่อน ๆ เปลี่ยนบรรยากาศเข้าป่ามาส่องสัตว์กันค่ะ “อุทยานแห่งชาติกุยบุรี” เป็นถิ่นอาศัยของสัตว์ป่า มีพรรณไม้หายาก และยังเป็นสวรรค์ของสายเที่ยว Wildlife เลยล่ะ เพราะเราจะได้เห็นสัตว์ป่าจำนวนมากท่ามกลางธรรมชาติแบบใกล้ชิด ที่สำคัญอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ อีกด้วย ยิ่งในสถานการณ์ช่วงนี้ นั่งทำงานกันอยู่บ้านกันนาน ๆ คงจะเบื่อกันใช่มั้ย แต่เราคงต้องชะลอการเดินทางท่องเที่ยวไว้ก่อน แหล่งท่องเที่ยวหลายพื้นที่ก็ยังไม่เปิดให้บริการ แต่เพื่อน ๆ เก็บข้อมูลเส้นทางเหล่านี้ไว้ได้นะคะ รอให้สถานที่ท่องเที่ยวเหล่านี้กลับมาเปิดต้อนรับเราอีกครั้ง ออกไปเปิดหูเปิดตากับธรรมชาติเขียว ๆ กันนะ หากใครยังไม่เคยมา ต้องลองไปเห็นกับตาดูสักครั้งบอกเลยว่า feel good มาก ๆ : ) สำหรับทริปนี้ เพื่อความสะดวก เพื่อน ๆ สามารถเริ่มต้นจากอำเภอหัวหิน ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่งก็จะถึงอุทยานแห่งชาติกุยบุรีแล้วค่ะ อุทยานแห่งชาติกุยบุรีมีพื้นที่ครอบคลุมอำเภอปราณบุรี อำเภอสามร้อยยอด อำเภอกุยบุรี และอำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ สภาพแวดล้อมโดยรอบเป็นเทือกเขาสลับซับซ้อนและเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาตะนาวศรีค่าบริการเข้าอุทยานฯ: ผู้ใหญ่ 200 บาท อุทยานแห่งชาติกุยบุรี บ้านย่านซื่อ ตำบลหาดขาม อำเภอกุยบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์โทร. 08 1776 2410, 0 3251 0453https://goo.gl/maps/e6V5B3n6zgrJiHuy7 ในอดีตพื้นที่ป่ากุยบุรี เกิดความขัดแย้งระหว่างคนกับช้างป่า พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ได้พระราชทานแนวพระราชดำริว่า ควรฟื้นฟูป่า สร้างแหล่งอาหารแหล่งน้ำให้ช้างป่า เพื่อไม่ให้ช้างป่าออกมาหาอาหารในเขตการเกษตรของชาวบ้าน “โครงการอนุรักษ์และฟื้นฟูสภาพป่า บริเวณป่าสงวนแห่งชาติกุยบุรี อันเนื่องมาจากพระราชดำริ” จึงถือกำเนิดขึ้น และประสบความสำเร็จอย่างดี ช้างป่าเพิ่มจำนวน พืชไร่ของชาวบ้านปลอดภัย และผืนป่าก็กลับมาสมบูรณ์ กิจกรรมที่ห้ามพลาดคือ กิจกรรมชมช้างป่าและชมกระทิง ที่จะออกมาหากินเป็นฝูงแบบนี้ หากโชคดีอาจได้เห็น วัวแดง ที่อาศัยรวมอยู่ในฝูงกระทิงอีกด้วย แอดบอกเลยว่า หากใครเป็นสายถ่ายรูป Wildlife ต้องไม่พลาดที่นี่ คือดีงามสุด ๆ ขอบคุณรูปภาพจากเพจ อุทยานแห่งชาติกุยบุรี – Kui Buri National Park กิจกรรมชมสัตว์ป่าที่นี่จะอยู่ภายใต้การควบคุมความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่อุทยานฯ นักท่องเที่ยวต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด สำหรับการเดินทางเข้าไปชมสัตว์ ทางอุทยานฯ ไม่อนุญาตให้นำรถยนต์ส่วนตัวเข้าไปเอง เนื่องจากสัตว์ป่าภายในอุทยานฯ มีจำนวนมากและออกหากินกระจายในพื้นที่ อาจทำให้เกิดอันตรายได้ หากไม่ชำนาญเส้นทาง นักท่องเที่ยวสามารถเหมารถของชมรมท่องเที่ยวอนุรักษ์สัตว์ป่ากุยบุรี ซึ่งเป็นชาวบ้านที่ผ่านการอบรมและทำหน้าที่ร่วมกับอุทยานฯ พานักท่องเที่ยวเข้าไปชมสัตว์ตามจุดต่าง ๆ ขอบคุณรูปภาพจากเพจ อุทยานแห่งชาติกุยบุรี – Kui Buri National Park ข้อปฏิบัติในการเข้าชมสัตว์ป่า หากเจอสัตว์ป่าระหว่างทาง นักท่องเที่ยวต้องอยู่บนรถ ไม่ควรเข้าไปใกล้กับช้างป่าหรือสัตว์ป่าทุกชนิด ไม่ส่งเสียงดัง ใช้กล้องไม่เปิดแฟลช และไม่ควรให้อาหารสัตว์ป่า เนื่องจากทางอุทยานฯ จะทำแหล่งอาหารและแหล่งน้ำให้กับสัตว์ป่าอยู่แล้ว เช่น โป่งเทียม หรือการทำแปลงหญ้า ช่วงเวลาที่อนุญาตให้เข้าชมสัตว์ป่า คือ 14.00-17.00 น. ใช้เวลาประมาณ 3-4 ชั่วโมงในการชม (ขึ้นอยู่กับการตกลงกันว่าจะชมนานแค่ไหน) กิจกรรมชมสัตว์ป่า นักท่องเที่ยวสามารถมาเที่ยวได้ภายใน 1 วัน หรือหากอยากจะพักค้างคืนก็มีที่พักโฮมสเตย์ให้บริการ ขอบคุณรูปภาพจากเพจ ชมรมท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์สัตว์ป่ากุยบุรี ค่าบริการรถเข้าชมรวมไกด์นำเที่ยว-คันละ 850 บาท นั่งไม่เกิน 8 คน ขอบคุณรูปภาพจากเพจ ชมรมท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์สัตว์ป่ากุยบุรี นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวยังสามารถชื่นชมธรรมชาติไปตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติต่าง ๆ ภายในอุทยานแห่งชาติกุยบุรี ระยะทางประมาณ 800 เมตร ถึง 3,000 เมตร หนึ่งในเส้นทางที่น่าสนใจก็คือ การไปชมตอไม้จันทน์หอม ที่ใช้สร้างพระบรมโกศของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ไม้จันทน์หอม จัดเป็นไม้มีค่าและหายาก มีกลิ่นหอมทุกส่วนของลำต้น ตั้งแต่ แก่น เปลือก กระพี้ พบมากที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรีนี่เอง อีกจุดที่แนะนำก็คือ น้ำตกแพรกตะคร้อ น้ำตกขนาดใหญ่ เป็นต้นน้ำลำธารของลุ่มน้ำปราณบุรี แตกแขนงเป็นลำธารไหลคดเคี้ยวไปทั่ว ทิวทัศน์สวยงาม ความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่าทำให้น้ำตกแพรกตะคร้อมีน้ำใส ไหลเย็นตลอดทั้งปี แต่ถ้ามาเที่ยวช่วงฤดูฝน แนะนำให้ใช้รถ 4WD ชมรมท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์สัตว์ป่ากุยบุรี บ้านรวมไทยมีกิจกรรมเกี่ยวกับการอนุรักษ์หลายอย่าง หากสนใจลองติดต่อได้ค่ะโทร. 08 5266 1601 (พี่บัว) ช้างป่าโฮมสเตย์ค่าที่พัก คนละ 200 บาท ไม่รวมอาหารค่าที่พัก คนละ 750 บาท รวมอาหาร 2 มื้อ (พาขึ้นไปชมพระอาทิตย์ยามเช้า บริการชา กาแฟ) ขอบคุณรูปภาพจากเพจ อุทยานแห่งชาติกุยบุรี – Kui Buri National Park

ส่องสัตว์ซาฟารีเมืองไทย อุทยานแห่งชาติกุยบุรี 🐘🌿 อ่านเพิ่มเติม

ถาม-ตอบ คลายข้อสงสัยโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3 EP 2

สำหรับเพื่อน ๆ ที่มีข้อข้องใจนอกเหนือจากที่แอดนำเสนอในบทความนี้ สามารถอ่านเพิ่มเติมได้จากบทความด้านล่างได้เลย ถาม-ตอบ คลายข้อสงสัยโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3

ถาม-ตอบ คลายข้อสงสัยโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3 EP 2 อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top