สถานที่ท่องเที่ยว

#ปางอุ๋งแม่ฮ่องสอน มากี่รอบก็ชอบเหมือนเดิม

#ปางอุ๋งแม่ฮ่องสอน มากี่รอบก็ชอบเหมือนเดิม กางเต็นท์ ล่องแพท่ามกลางสายหมอกสุดฟิน เมื่อไหร่ที่ร่างกายต้องการพักผ่อน “แม่ฮ่องสอน” มักเป็น Dream Destination ที่หลายคนอยากเดินทางมาสัมผัสมนต์เสน่ห์ความสวยงามอันน่าหลงใหล ซึ่งหนึ่งในไฮไลท์ สถานที่ที่ต้องมาปักหมุดให้ได้ คือ ปางอุ๋ง หรือโครงการพระราชดำริปางตอง 2 ที่มีบรรยากาศเหมาะกับการพักผ่อนสุด ๆ วิวทะเลสาบที่ถูกโอบล้อมด้วยต้นสนท่ามกลางขุนเขาสุดโรแมนติก ต้องมากางเต็นท์ เเคมป์ปิ้ง สัมผัสธรรมชาติ ล่องเเพไม้ไผ่ลำน้อยท่ามกลายสายหมอกในช่วงเช้าเเบบชิลล์ ๆ ฟีลสวิตเซอร์แลนด์สักครั้ง หากได้ลองมาสัมผัสแล้วจะหลงรักจนสุดหัวใจ กิจกรรมห้ามพลาด ล่องแพไม้ไผ่ชมทะเลสาบ กางเต็นท์แคมป์ปิ้ง ถ่ายรูปกับน้องหงส์ ที่พัก นำเต็นท์ส่วนตัวมาเอง เช่าเต็นท์อุทยานฯ โฮมสเตย์ การเดินทาง รถยนต์ส่วนตัว ใช้ถนนหมายเลข 107 จากอำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่เข้าสู่ถนนเส้น 1095 ผ่านอำเภอปายมายังปางอุ๋ง จังหวัดแม่ฮ่องสอน รถโดยสารประจำทาง (รถสองแถว) ขึ้นที่ตลาดสายหยุด อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน มี 2 เที่ยว/วัน เวลา 8.00 น. และ 15.00 น. สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม 053 – 611244 ศิลปาชีพ 096 – 9786312 สอบถามที่พัก 082 – 19111746 จองเต็นท์ของอุทยานฯ 086 – 4247371 โออุทยานฯ 053 – 061533 สภ.หมอกจำแป่ 083 – 0711356 กางเต็นท์หน้าหมู่บ้าน (พี่เล็ก)

#ปางอุ๋งแม่ฮ่องสอน มากี่รอบก็ชอบเหมือนเดิม อ่านเพิ่มเติม

✨ ทริปเพิ่มพลัง ลุยไม่ยั่น เดินสามย่าน-บรรทัดทอง ✨

วันหยุดสุดสัปดาห์นี้ แอดมีเส้นทางเดินเที่ยวกรุงเทพฯ อย่าง “สามย่าน-บรรทัดทอง” มาแนะนำ เพื่อน ๆ ที่รู้สึกเบื่อ ๆ ไม่รู้จะไปไหนดี ตามลิสต์ของแอดไปได้เลย นอกจากจะเป็น 1 day trip ที่เดินทางสะดวก อยู่กลางเมืองสุด ๆ แล้ว ยังช่วยเพิ่มพลังให้เราด้วยนะ เพิ่มพลังยังไงบ้าง ลองตามไปอ่านกัน เส้นทางเดินเที่ยว 1. ไหว้พระที่วัดหัวลำโพง 2. เพิ่มความรู้รอบตัวที่สวนงู สถานเสาวภา สภากาชาดไทย 3. เพิ่มลิสต์จุดถ่ายรูปที่ Dragon Town 4. เติมออกซิเจนให้ปอดที่อุทยาน 100 ปี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 5. อิ่มอร่อยสุขภาพดีที่ร้านน้ำเต้าหู้เจ้วรรณ  1. ไหว้พระที่วัดหัวลำโพง  จุดแรกของวันนี้คือ วัดหัวลำโพง เดินทางสะดวกมาก เรียกว่าพอพ้นประตูทางออกที่ 1 ของ MRT สามย่าน เราก็เจอวัดทันที กิจกรรมทำบุญที่คนนิยมมาทำกันมากก็คือ การบริจาคโลงศพให้ศพไร้ญาติที่มูลนิธิร่วมกตัญญูซึ่งอยู่ภายในบริเวณวัดหัวลำโพงนั่นเอง เพื่อน ๆ สามารถเข้ามาบริจาคได้ 24 ชั่วโมงเลย นอกจากนี้ ภายในอาคารยังมีเทพยดาฟ้าดิน (ทีกง) เจ้าแม่กวนอิม เจ้าพ่อเสือ หรือหากใครไม่สบายใจเพราะเป็นปีชง ก็มาไหว้ได้เช่นกัน ในบริเวณวัด เพื่อน ๆ จะเจอเทพมากมาย ทั้งเทพจีน เทพฮินดู รวมทั้งจุดทำบุญสะเดาะเคราะห์ ไถ่ชีวิตโคกระบือ ฯลฯ เรียกว่าถ้าเกิดความไม่สบายใจ อยากไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อปลอบประโลมใจ เลือกทำตามความสบายใจได้ที่นี่ อีกจุดที่แอดอยากแนะนำคือ ขึ้นไปไหว้พระในอุโบสถที่อยู่บนชั้น 2 คนไทยสามารถขึ้นไปได้ฟรี แต่ชาวต่างชาติต้องซื้อตั๋ว ราคา 40 บาท เมื่อเดินขึ้นมา เพื่อน ๆ จะพบกับพระอุโบสถ วิหาร และเจดีย์ ภายในพระอุโบสถ มีพระประธานเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ชื่อ พระพุทธมงคล ตามความเชื่อหากขอพรกับพระพุทธรูปปางมารวิชัย จะช่วยปกป้องภัยจากศัตรู ช่วยให้การงานราบรื่น บนชั้น 2 นี้ เพื่อน ๆ สามารถซึมซับความสงบ และชมวิวเมืองที่อยู่ท่ามกลางตึกสูงของสามย่านได้ แม้การทำบุญจะไม่ได้เห็นผลทันตา แต่ก็ได้ความสบายใจทันทีที่ทำ ต้นปีแบบนี้ เพิ่มพลังใจกันหน่อยก็น่าจะดีนะแอดเลยอยากพาเพื่อน ๆ มาที่นี่ก่อนนั่นเอง หลังทำบุญแล้ว หากใครอยากหาที่นั่งพักสักครู่ แอดแนะนำให้เข้าไปที่ “ซอยหน้าวัดหัวลำโพง” ที่นี่มีสวนสาธารณะเล็ก ๆ ชื่อ สวนวัดหัวลำโพงรุกขนิเวศน์ เปิดบริการ 05.00-20.00 น. ลองมาดูกันได้นะ  : 728 ถนนพระราม 4 แขวงสี่พระยา เขตบางรัก กรุงเทพฯ  : 0 2233 8109 2. เพิ่มความรู้รอบตัวที่สวนงู สถานเสาวภา สภากาชาดไทย จุดต่อไป แอดจะพาไปสภากาชาดไทย ไม่ได้พามาบริจาคเลือด แต่จะพามาดูงู!! ซึ่งจริง ๆ แอดเป็นคนที่กลัวงูมาก ๆ แต่ที่อยากมาก็เพราะอยากมาเรียนรู้ และได้ยินมาว่ากลัวอะไรให้ลองเผชิญหน้าดู ไปดูกันว่าที่นี่มีอะไรให้เราเรียนรู้บ้าง จากวัดหัวลำโพง ใช้ทางลอดใต้ถนน MRT เดินไปทางจามจุรีสแควร์ ระยะทางประมาณ 750 เมตร ใช้เวลาประมาณ 10 นาที ก่อนอื่นแอดขอแนะนำสวนงู สถานเสาวภาสักนิด ที่นี่ทำงานเกี่ยวกับงูหลายด้าน หลักๆที่เรารู้กันดีก็คือผลิตเซรุ่มแก้พิษงู และเป็นแหล่งเพาะเลี้ยงงูพิษเพื่อเอามาทำเซรุ่ม นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งให้ความรู้เรื่องงูที่ถูกต้อง มีการทำวิจัยเรื่องงูและพิษงู รวมทั้งมีการเพาะเลี้ยงเพื่อการอนุรักษ์อีกด้วย หลังจากซื้อตั๋วแล้ว แอดก็แอบหวั่น ๆ แต่พอเข้าไปในสวนงูแล้ว แต่ละส่วนจัดพื้นที่เป็นอย่างดี ทำให้แอดรู้สึกปลอดภัยเบาใจไปได้เยอะเลย โดยในสวนงูจะแบ่งเป็นสองส่วน คือ ส่วน indoor และ ส่วน outdoor โซน outdoor บรรยากาศร่มรื่นมาก ตามทางเดินจะมีป้ายให้ความรู้เป็นระยะ ตั้งแต่แหล่งที่อยู่อาศัยของงู รวมถึงประเภทของงู ส่วนลานข้างหน้าจะเป็นเวทีโชว์งูพร้อมให้ความรู้ ซึ่งบอกเลยว่าพิธีกรเก่งมาก พูดจาลื่นไหล พาให้บรรยากาศสนุกสนาน ใครมีเพื่อนต่างชาติก็พาไปได้ เพราะเขาพูดทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษเลย พิธีกรกำลังสอนว่าเจองูเห่าให้อยู่นิ่ง ๆ อย่าขยับมาก เดี๋ยวมันก็ไปเอง หลังจบโชว์ จะมีน้องงูหลามเผือกที่ทางสวนงูเลี้ยงมาตั้งแต่เด็กมาให้ถ่ายรูปด้วย ไม่เสียเงินเพิ่มแต่อย่างใด แต่ถ้าหากเพื่อน ๆ อยากสนับสนุนกิจกรรมที่นี่ก็สามารถไปหย่อนตู้บริจาคได้เลย ส่วนโซน indoor อยู่ที่อาคารสี่มะเสง จะมีโชว์รีดพิษงูในวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 11.00 น. ส่วนอาคารชั้น 2 จะเป็นส่วนให้ความรู้ มีการจัดแสดงซากงูนานาชนิดในขวดโหล แถมยังจัดแสดงโครงกระดูกงูอีกด้วย แอดเดินชมเพลินจนลืมกลัวไปเลยล่ะ โครงกระดูกงู ที่นี่ได้รับตรา SHA ปลอดภัยหายห่วง แถมยังมีห้องน้ำและทางลาดสำหรับผู้ใช้รถเข็นด้วย สำหรับแอดแล้ว ถือเป็นแหล่งที่ทำให้แอดได้ความรู้รอบตัวหลายเรื่องเลย บางเรื่องที่เคยรู้เคยลืมก็กลับมาจำได้ใหม่ เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ให้ทั้งความรู้ ความตื่นเต้น และยังเหมาะกับนักท่องเที่ยวทุกกลุ่มทุกวัยอีกด้วย  ค่าเข้าชม  คนไทย : ผู้ใหญ่ 40 บาท | นักเรียน-นักศึกษา 20 บาท | เด็ก 10 บาท ต่างชาติ : ผู้ใหญ่ 200 บาท | เด็ก 50 บาท ตารางการแสดง จันทร์ – ศุกร์ 11.00 น.

✨ ทริปเพิ่มพลัง ลุยไม่ยั่น เดินสามย่าน-บรรทัดทอง ✨ อ่านเพิ่มเติม

🌸 2 พิกัดชม #ดอกพญาเสือโคร่ง ทิ้งท้ายลมหนาว ที่ #เชียงใหม่ โค้งสุดท้าย พลาดแล้วพลาดเลย 🌸

ในช่วงฤดูหนาวเดือนมกราคมของทุกปี นับว่าเป็นช่วงเวลาแห่งการบานสะพรั่งของดอกไม้นานาชนิด โดยเฉพาะดอกไม้ที่ได้รับฉายาว่าเป็นดอกซากุระเมืองไทย อย่าง “ดอกนางพญาเสือโคร่ง” ก็กำลังเบ่งบานเผยความสวยงามท่ามกลางลมหนาวอยู่เช่นกัน โดยเฉพาะที่จังหวัด “เชียงใหม่” เราจึงมี 2 พิกัดชมดอกพญาเสือโคร่งมาแนะนำ ซึ่งความพิเศษแบบนี้ หนึ่งปีมีเพียงครั้งเดียวเท่านั้นนะครับ! ดอยอ่างข่าง เป็นแหล่งชมดอกซากุระที่ขึ้นชื่อเรื่องความงดงามของดอกไม้เมืองหนาว ไฮไลท์คือ มีต้นซากุระแท้จากญี่ปุ่นให้ชมด้วย ขุนช่างเคี่ยน ชุมชนชาวม้งกลางอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพและดอยปุย ที่ปกคลุมไปด้วยความงดงามของดอกนางพญาเสือโคร่งในทุกฤดูหนาว ก่อนลมหนาวจะผ่านไป ต้องรีบจูงมือคนรู้ใจไปดื่มด่ำบรรยากาศสุดโรแมนติก ท่ามกลางความบานสะพรั่งของดอกนางพญาเสือโคร่ง ที่จังหวัดเชียงใหม่กันครับ สามารถรับชมรูปภาพเพิ่มเติมได้ที่ : https://www.facebook.com/TATContactcenter/posts/6904514926287195

🌸 2 พิกัดชม #ดอกพญาเสือโคร่ง ทิ้งท้ายลมหนาว ที่ #เชียงใหม่ โค้งสุดท้าย พลาดแล้วพลาดเลย 🌸 อ่านเพิ่มเติม

🌳 พิพิธภัณฑ์วังสวนผักกาด ความงดงามใจกลางเมืองหลวง 🌳

ใจกลางเมืองหลวง มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย วันนี้เราจะชวนไปหลบร้อน ชมหมู่เรือนไทยโบราณเก่าแก่ ที่รวบรวมโบราณวัตถุและของสะสมมีค่าให้เราได้ชื่นชมและเรียนรู้ น่าสนใจใช่ไหม ตามแอดมาได้เลยค่ะ “พิพิธภัณฑ์วังสวนผักกาด” เดินทางสะดวกมากๆ ด้วยรถไฟฟ้า BTS ซึ่งจะช่วยลดจำนวนรถยนต์บนท้องถนน และช่วยลดปริมาณมลพิษในอากาศไปด้วยในคราวเดียวกัน พิพิธภัณฑ์วังสวนผักกาด หรือ วังสวนผักกาด ตั้งอยู่บนถนนศรีอยุธยา ห่างจากสถานีรถไฟฟ้า BTS พญาไท ประมาณ 450 เมตร แต่เดิมเคยเป็นสวนผักกาดของชาวจีน ก่อนที่พลตรี พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุมภฏพงษ์บริพัตร กรมหมื่นนครสวรรค์ศักดิพินิต พระนัดดาในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5 ) จะสร้างเป็นตำหนักที่ประทับ และย้ายเข้ามาประทับอยู่เป็นการถาวรพร้อมชายา คือ หม่อมราชวงศ์พันธุ์ทิพย์ บริพัตร ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ต่อมาในพ.ศ. 2495 หม่อมราชวงศ์พันธุ์ทิพย์ ได้เปิดวังสวนผักกาดให้บุคคลภายนอกมีโอกาสเข้าชมศิลปะและโบราณวัตถุที่ท่าน และเสด็จในกรมฯสะสมไว้ ซึ่งถือว่าเป็นสถานที่แห่งแรกในประเทศไทยที่เจ้าของบ้านเปิดให้บุคคลภายนอกเข้าชม ในขณะที่เจ้าของบ้านยังคงใช้เป็นที่พำนัก ภายในพิพิธภัณฑ์วังสวนผักกาด ประกอบด้วยเรือนไทยโบราณ 8 หลัง เรือนหลังที่ 1-4 เป็นหมู่เรือนไทยที่มีอายุเก่าแก่กว่า 100 ปี โดยเรือนหลังแรกมีสะพานเชื่อมไปสู่เรือนหลังที่ 2, 3 และ 4 ซึ่งอยู่ทางทิศใต้ตามลำดับ ส่วนเรือนหลังที่ 5 – 8 ปลูกอยู่ห่างกันทางทิศตะวันตก และมีหอเขียนอยู่ทางทิศใต้ ทุกเรือนมีการจัดแสดงโบราณวัตถุ และของสะสมมีค่า แบ่งหมวดหมู่ชัดเจน น่าชมทุกเรือน ตั้งแต่เรือนพิพิธภัณฑ์โขน ห้องดนตรีไทย ห้องจัดแสดงเครื่องใช้ส่วนพระองค์ เครื่องถ้วยเบญจรงค์ เครื่องชามสังคโลก ห้องจัดแสดงโบราณวัตถุสมัยก่อนประวัติศาสตร์ เรือนต้อนรับ และส่วนจัดแสดงเรือพระที่นั่ง เป็นต้น ในเรือนไทยหลังที่ 1 เป็นการจัดแสดงโบราณวัตถุในยุคต่างๆ รวมทั้งพระพุทธรูป เทวรูปพระอุมา และเทวรูปพระอรรธนารีศวร ตะลุ่มและเตียบประดับมุก ตลับงาช้าง และขวดน้ำหอมจากต่างประเทศ ทุกชิ้นสวยงาม จัดแสดงอยู่บนเรือนไทยหลังที่ 2 โบราณวัตถุสมัยก่อนประวัติศาสตร์ สมัยวัฒนธรรมบ้านเชียง จัดแสดงอยู่บนเรือนไทยหลังที่ 5 ในเรือนไทยหลังที่ 6 เป็น“พิพิธภัณฑ์โขน” มีเรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับการแสดงโขน รวมทั้งหัวโขน หุ่นละครเล็ก และตุ๊กตาดินเผาจากเรื่องรามเกียรติ์ เครื่องชามสังคโลกจากสุโขทัย เครื่องถ้วยจีน เครื่องเคลือบสีเขียว ของสะสมหายาก จัดแสดงอยู่บนเรือนไทยหลังที่ 7 เครื่องใช้ส่วนพระองค์ ทั้งที่เป็นเครื่องแก้วลายทอง เครื่องแก้วคริสตัล เครื่องเงิน และเครื่องลายครามจากทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงแจกันรูปผักกาดที่เป็นสัญลักษณ์ของวัง จัดแสดงอยู่บนเรือนไทยหลังที่ 8 หอเขียน ถือเป็นสถาปัตยกรรมชิ้นเอกของพิพิธภัณฑ์วังสวนผักกาด และเป็นเรือนที่สวยที่สุดในพิพิธภัณฑ์ฯ โดย พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหมื่นนครสวรรค์ศักดิพินิต นำโครงเรือนมาจาก หอไตรเก่าที่วัดบ้านกลิ้ง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมื่อ พ.ศ. 2501 กำหนดอายุราวช่วงสมัยอยุธยาตอนปลาย ก่อนจะนำมาอนุรักษ์ซ่อมแซมจนสำเร็จ เพื่อมอบให้เป็นของขวัญวันเกิดแก่ชายาของท่าน เนื่องในวันครบรอบอายุ 50 ปี ภายในหอเขียน มีภาพเขียนลายรดน้ำ สมัยอยุธยาตอนปลาย เป็นเรื่องราวหลักๆ 2 เรื่อง คือพุทธประวัติและรามเกียรติ์ ถือเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของชาติที่ยังหลงเหลือให้คนรุ่นใหม่ได้ศึกษาต่อไป ปัจจุบันพิพิธภัณฑ์วังสวนผักกาด อยู่ภายใต้การดูแลของ มูลนิธิจุมภฏ – พันธุ์ทิพย์ ซึ่งก่อตั้งโดยหม่อมราชวงศ์พันธุ์ทิพย์ บริพัตร  การเดินทาง BTS : สถานีพญาไท รถโดยสารประจำทางสาย 14, 17, 72, 74, 77, 159, 164, 204, 536, 539  พิพิธภัณฑ์วังสวนผักกาด   ถนนศรีอยุธยา เขตราชเทวี กรุงเทพฯ เปิดทุกวัน เวลา 09.00 -16.00 น.  0 2246 1775-6 ต่อ 229, 0 2245 4934 https://goo.gl/maps/EbgXwiv2NDcPY7LE8  ขอบคุณรูปภาพจากเพจ พิพิธภัณฑ์วังสวนผักกาด

🌳 พิพิธภัณฑ์วังสวนผักกาด ความงดงามใจกลางเมืองหลวง 🌳 อ่านเพิ่มเติม

1 วันดีๆ ที่ชุมชนหัวตะเข้🐊

วันหยุดสุดสัปดาห์ มีใครมองหาที่เที่ยวใกล้ ๆ กรุงเทพฯบ้างไหม แอดมีสถานที่ท่องเที่ยวชานเมืองมาแนะนำ นั่นคือ “ชุมชนหัวตะเข้” ค่ะ ไปเดินชมบรรยากาศย้อนยุค บ้านไม้ริมน้ำอายุกว่าร้อยปี รวมถึงย้อนอดีตของตลาดโบราณ พายเรือชมบรรยากาศริมคลองสองฝั่ง และชมกราฟิตี้เท่ ๆ ในชุมชนกัน ชุมชนหัวตะเข้ แป็นชุมชนเก่าแก่ สันนิษฐานว่ามีมาตั้งแต่ในสมัยรัชกาลที่ 5 โดยมีตลาดเก่าริมน้ำและเป็นเหมือนศูนย์กลางชานเมืองกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออกนั่นเอง รวมถึงเป็นจุดตัดทางน้ำ 3 คลอง คือ คลองประเวศบุรีรมย์ คลองลำปลาทิวและคลองจระเข้ หากย้อนกลับไปในอดีตชุมชนแห่งนี้ถือว่าเป็นชุมชนที่รุ่งเรืองและคึกคักเป็นอย่างมากทั้งการค้าขาย การขนส่ง บรรยากาศในชุมชนเก่าหัวตะเข้ ยังคงเป็นอาคารไม้ 2 ชั้นมุงหลังคาสังกะสีริมน้ำ กลิ่นอายบรรยากาศเก่า ๆ ที่ยังคงหลงเหลืออยู่ ปัจจุบัน ทางชุมชนได้กลับมาอนุรักษ์และพัฒนาชุมชนให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง จนตอนนี้ทำให้ชุมชนหัวตะเข้เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวใกล้กรุงเทพฯ ที่น่าสนใจและมีเสน่ห์มาก ๆ เลยล่ะ นอกจากนี้ ชุมชนยังมีร้านอาหาร คาเฟ่ชิค ๆ ร้านโชห่วยของเก่า เกสต์เฮาส์ริมคลอง ศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้วิถีถิ่นหัวตะเข้ บ้านเรือนของคนในชุมชนที่ยังความคลาสสิกไว้อยู่ ชุมชนจัดกิจกรรม workshop งานศิลปะ งานไม้ต่าง ๆ อยู่เป็นระยะ ขอขอบคุณรูปภาพจากเพจ คนรักชุมชนหัวตะเข้ อีกหนึ่งไฮไลท์ของที่นี่ คือพายเรือคายัคชมบรรยากาศริมน้ำ แต่เราจะได้เก็บขยะในคลองกันได้ด้วยนะ : ) สามารถติดต่อเช่าเรือได้ที่ ฮั่วฮง คายัค คลับ/HuaHong Kayak Club โทร. 09 7097 0863 ค่าบริการเรือ ชั่วโมงละ 350 บาท/คน กรณีเก็บขยะจากในคลองขึ้นมาเกิน 10 ชิ้นขึ้นไป จะได้รับส่วนลดเหลือ ชั่วโมงละ 100 บาท/คน จุดเช็คอินของคนคูล ๆ กราฟิตี้บนกำแพงอยู่หลายจุดมีให้เราถ่ายรูป ใครเดินมาเรื่อย ๆ ตรงร้านสี่แยกหัวตะเข้ ตรงนี้มีสะพานนี้ข้ามคลอง เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวชอบมาถ่ายรูปและชมพระอาทิตย์ตกกันด้วย การเดินทาง Airport Rail Link ลงสถานีลาดกระบัง จากนั้นนั่งรถสองแถวสาย 333 มาลงที่ปากซอยลาดกระบัง 17 ราคา 8 บาท จากนั้นเดินเข้ามาสุดซอย รถยนต์ส่วนตัว ขับรถมาที่ซอยลาดกระบัง 17 จะผ่านตลาดสดเข้าไปสุดทาง มีบริการที่จอดรถ รถไฟสายตะวันออก ต้นทางสถานีหัวลำโพงลงที่สถานีหัวตะเข้ จากนั้นเดินเลาะริมคลองตาม google map หรือนั่งรถจักรยานยนต์มาที่ตลาดหัวตะเข้ได้ ตลาดหัวตะเข้  ซอยลาดกระบัง 17 แขวงลาดกระบัง เขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ  เปิดทุกวัน เวลา 08.00-18.00 น. https://goo.gl/maps/AyebeED52Ww5iggi9

1 วันดีๆ ที่ชุมชนหัวตะเข้🐊 อ่านเพิ่มเติม

✨ วันพ่อขุนรามคำแหงมหาราช ✨

แอดมีเกร็ดความรู้เล็ก ๆ มาเล่าให้ฟัง เพื่อน ๆ ทราบไหมว่า วันที่ 17 มกราคมนี้เป็นวันสำคัญวันหนึ่งของไทย นั่นคือเป็นวันน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพ่อขุนรามคำแหงมหาราช พระมหากษัตริย์พระองค์ที่ 3 แห่งราชวงศ์พระร่วง ในสมัยสุโขทัย ผู้ทรงพระปรีชาสามารถ และได้รับการยกย่องให้เป็นพระราชบิดาแห่งอักษรไทย เนื่องจากทรงเป็นผู้ประดิษฐ์ลายสือไทย ตัวอักษรแรกเริ่มก่อนจะเปลี่ยนแปลงมาเรื่อย ๆ จนเป็นตัวอักษรไทยในปัจจุบัน หากใครที่กำลังท่องเที่ยวในสุโขทัยกันอยู่ ก็สามารถไปกราบไหว้สักการะกันได้ที่ “พระบรมราชานุสาวรีย์พ่อขุนรามคำแหงมหาราช ณ อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย” 📍 ตำบลเมืองเก่า อำเภอเมืองสุโขทัย จังหวัดสุโขทัย ⏰ เปิดทุกวัน เวลา 06.30-19.30 น. 📞 055 697 527 🌐 https://goo.gl/maps/Uhz2pyk3fEchZWZd7

✨ วันพ่อขุนรามคำแหงมหาราช ✨ อ่านเพิ่มเติม

เคล็ดลับง่าย ๆ ในการเลือกซื้อชา 🍵🫖

แหล่งปลูกชาในไทย นอกจากจะเป็นพื้นที่เพาะปลูกแล้วส่วนใหญ่ก็ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวให้เพื่อน ๆ ได้ไปเที่ยวชม เรียนรู้ และถ่ายรูปสวย ๆ แล้ว ที่ขาดไม่ได้อีกอย่างก็คือ มักมีร้านของฝากให้เราได้ซื้อชาหรือของที่ระลึกอื่น ๆ กลับไปด้วย หากเพื่อน ๆ สนใจอยากซื้อใบชากลับบ้าน แอดก็มีเคล็ดลับเล็ก ๆ ในการเลือกซื้อมาฝากค่ะ 😉 แหล่งปลูกชา 🌱 แหล่งปลูกชาก็เป็นอีกปัจจัยที่จะตัดสินว่าชานั้นมีคุณภาพหรือไม่ เพราะสภาพแวดล้อม ภูมิประเทศ และอากาศถือว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งในการปลูกชา เพราะจะทำให้ใบชามีรสชาติและคุณภาพที่ต่างกัน แหล่งปลูกชาคุณภาพดีในไทยส่วนใหญ่อยู่ทางตอนบนของประเทศ ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ น่าน แม่ฮ่องสอน ซึ่งเป็นพื้นที่บนเขาสูง มีความชื้นปกคลุม และมีอากาศเย็น คุณภาพของใบชา 🍃 จริง ๆ แล้วใบชามีหลากหลายแบบ ขึ้นอยู่กับกรรมวิธีการผลิต เบื้องต้นแนะนำให้เลือกเป็นชาใบ มากกว่าชาผงหรือเศษฝุ่นชาที่เหลือจากกระบวนการผลิต จะทำให้ได้ชาที่มีคุณภาพมากกว่า ชิมก่อนซื้อ 🍵 ชาแต่ละสายพันธุ์มีความแตกต่าง ทั้งในเรื่องของรสชาติและกลิ่น ซึ่งต่างคนก็คงจะต่างใจ หากเป็นร้านชาที่มีบริการชิมก่อนซื้อผลิตภัณฑ์ ก็น่าจะช่วยให้เราสามารถตัดสินใจเลือกซื้อได้ดีขึ้น สังเกตบรรจุภัณฑ์ 📦 การเก็บรักษาใบชาก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ควรใส่ใจ เพราะใบชานั้นมีความอ่อนไหวต่อปัจจัยภายนอก ไม่ว่าจะเป็นแสง อุณหภูมิ ควรเลือกบรรจุภัณฑ์ที่มีลักษณะทึบ และสุญญากาศ เพื่อป้องกันความชื้นที่อาจจะทำให้ใบชาเสียหายและรสชาติเปลี่ยนได้

เคล็ดลับง่าย ๆ ในการเลือกซื้อชา 🍵🫖 อ่านเพิ่มเติม

🌳สวนเบญจกิติ ป่าใหญ่ใจกลางกรุง 🌳

สวัสดียามเช้าค่ะทุกคน เช้านี้ใครหลายคนคงกำลังเดินทางไปทำงานกันอยู่ โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ คงมีบางส่วนใช้รถสาธารณะหรือรถไฟฟ้ากันแน่นอน วันนี้แอดก็ได้เดินทางเหมือนกัน แต่เป็นการไปแวะชมสวนสาธารณะเบญจกิติที่อยู่กลางกรุงเทพฯค่ะ ปัจจุบันได้มีการก่อสร้างส่วนขยายและปรับปรุงสวนเบญจกิติ เพิ่มเติมอีกหลายจุด โดยออกแบบเพื่อรองรับคนทุกสภาวะ ไม่ว่าจะเป็นผู้พิการทางสายตา ผู้ที่ใช้บริการรถเข็น (Wheelchair) รวมไปถึงกลุ่มผู้สูงอายุและคนที่รักสุขภาพด้วย สวนเบญจกิติ เป็นสวนสาธารณะใจกลางกรุงเทพฯ ตั้งอยู่ข้างศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ถนนรัชดาภิเษก เดินทางสะดวก เพราะใกล้กับรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT และรถไฟฟ้า BTS  ที่นี่แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ สวนน้ำ เนื้อที่ 130 ไร่ และสวนป่า เนื้อที่ 300 ไร่ แต่เดิมบริเวณนี้เป็นพื้นที่ของโรงงานยาสูบ ปัจจุบันได้กลายเป็นทั้งสถานที่พักผ่อนและออกกำลังกายไปแล้ว วันนี้แอดจะพาเพื่อน ๆ ไปเที่ยวชมสวนเบญจกิติ และอัพเดทโครงการสวนป่า ระยะ 2 และ 3 ที่กำลังก่อสร้างเพิ่มเติม ตอนนี้ยังไม่เปิดบริการทั้งหมด คาดว่าจะเปิดอย่างเป็นทางการ ประมาณเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2565 รอติดตามกันน้า  บริเวณโดยรอบสวนน้ำ เป็นจุดที่ผู้คนมักจะมาออกกำลังกายกัน มีทั้งคนเดิน วิ่ง หรือใครชอบปั่นจักรยานก็มีเส้นทาง Bike Lane สำหรับปั่นจักรยาน แม้จะอยู่กลางเมือง มองเห็นวิวตึกสูงโดยรอบ แต่ก็ยังได้เห็นสีเขียวจากต้นไม้ใหญ่น้อยของสวน สวยไปอีกแบบ เข้ามาเดินเล่นหรือออกกำลังกายเบา ๆ แบบนี้เหมือนได้มาชาร์จพลังจากธรรมชาติเลยค่ะ หากใครเป็นสายปั่น…สามารถนำจักรยานส่วนตัวเข้ามาปั่น หรือจะเช่าจักรยานก็ได้ จำกัดความเร็วไม่เกิน 15 กม./ชม.ปั่นจักรยานได้ตั้งแต่เวลา 06.00-17.30 น. บริเวณนี้เราจะข้ามมาอีกฝั่ง ไปชมสวนป่าระยะ 2 และ 3 กัน สำหรับโครงการที่กำลังก่อสร้างนี้ จะไม่ใช่แค่สวนสาธารณะธรรมดาเลยค่ะ แต่จะเป็นโครงการสวนป่าขนาดใหญ่ เนื้อที่ประมาณ 259 ไร่เลยทีเดียว เรียกว่า ในกรุงเทพฯ เราจะมีพื้นที่สีเขียวเพิ่มขึ้นอีกเยอะเลย : ) ส่วนของสิ่งปลูกสร้าง จะประกอบด้วยอาคารพิพิธภัณฑ์ อาคารแสดงศิลปะ หอสมุด ลานกิจกรรมกลางแจ้ง และเส้นทางปั่นจักรยานระยะทาง 3.5 กิโลเมตร เส้นทางวิ่งระยะทาง 3 กิโลเมตร รวมถึงไฮไลท์อย่างเส้นทางสกายวอร์ค สูงจากพื้น 4-8 เมตร โดยจะเชื่อมกับสกายวอร์คเดิมที่มาจากสวนลุมพินี (สะพานเขียว) สวนป่าระยะ 2 และ 3 มีคอนเซ็ปต์ที่น่าสนใจมาก โดยจะเน้นเรื่องของระบบนิเวศ สร้างเป็น Wet Land หรือพื้นที่ชุ่มน้ำ มีการปลูกต้นไม้ใหม่ ทั้งพันธุ์ไม้หายากเพื่อการอนุรักษ์ และบึงน้ำยังทำให้เป็นพื้นที่ธรรมชาติมากขึ้น และเหมือนที่แอดได้บอกไป เส้นทางภายในสวนเบญจกิติ เป็นเส้นทางที่เอื้อต่อทุกคน ไม่ว่าจะเป็นผู้สูงอายุ หรือผู้พิการทางสายตาที่สามารถนำสุนัขที่ผ่านการฝึกเข้าได้ค่ะ แต่สัตว์เลี้ยงอื่น ๆ ไม่สามารถนำเข้าได้น้า บริเวณนี้เป็นลานสนามหญ้าและอัฒจันทร์กลางแจ้งไว้สำหรับทำกิจกรรมต่าง ๆ  อัฒจันทร์รองรับกิจกรรมของผู้ใช้งานได้ถึง 15,000 คนเลยทีเดียว  มองจากตรงนี้เห็นวิวตึกด้วยนะ สวยไปอีกแบบ  การเดินทาง MRT : สถานีศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิตติ์ BTS : สถานีอโศก รถประจำทาง : สาย 45 46 109 115 116 ปอ.22 ปอ.185 ปอ. 507 สวนเบญจกิติ  ถนนรัชดาภิเษก แขวงคลองเตย เขตคลองเตย กรุงเทพฯ เปิดทุกวัน เวลา 05.00-21.00 น. โทร. 0 2254 1263, 08 6337 2741 https://goo.gl/maps/rRQDNYDSDjtD2rza6

🌳สวนเบญจกิติ ป่าใหญ่ใจกลางกรุง 🌳 อ่านเพิ่มเติม

Road of the Dragon : น่าน

ถนนคดเคี้ยวผ่านภูเขาลูกแล้วลูกเล่าแห่งเมืองปัว จังหวัดน่าน เปรียบได้กับสันหลังมังกรที่ทอดยาวจากอำเภอปัวสู่ดอยภูคาจรดอำเภอบ่อเกลือ ระยะทางร่วม 45 กิโลเมตร เชื่อมต่อจากเมืองสู่ขุนเขา นักเดินทางมากมายคล้ายต้องมนต์สะกด ยามเมื่อได้ขับรถยลโฉมทิวทัศน์ในยามเช้าและแวะสัมผัสวิถีชุมชนบ่อเกลือในยามบ่าย รวมถึงยอดดอยภูคาในยามเย็น ท่ามกลางฉากขุนเขากว้างไกลสุดลูกหูลูกตา เรื่องราวระหว่างทางเปลี่ยนไปตามบริบทที่พบเจอ ถนนเส้นนี้จะพาเราไปพบประสบการณ์ใหม่ที่ไม่ซ้ำกับการเดินทางในครั้งไหน ๆ โดยมีผืนป่า ……………….. สามารถรับชมผ่าน Youtube ได้ที่ ภาษาไทย : https://youtu.be/NdhQBTg7BN4 English Language: https://youtu.be/XOpNea-9o3k

Road of the Dragon : น่าน อ่านเพิ่มเติม

1 Day Trip ปั่นจักรยาน 🚴 เที่ยวเมืองน่าน

จังหวัดน่านนั้นแม้จะเป็นเมืองรอง แต่ก็อยู่ในลิสต์ต้นๆที่คนอยากไปเที่ยว บางคนอาจจะไปเที่ยวมาหลายครั้งแล้วด้วยซ้ำ เรื่องนี้จริงค่ะ มาเที่ยวกี่ครั้งก็ไม่เบื่อ เพราะน่านมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายให้ไปเยี่ยมชม ทั้งแนวธรรมชาติและศิลปวัฒนธรรม ส่วนทริปนี้ แอดจะชวนไปปั่นจักรยานเที่ยวชมตัวเมืองน่านกันค่ะ จะปั่นคนเดียว ปั่นเป็นคู่ หรือปั่นเป็นแก๊งค์ รับรองว่าสนุกทุกแบบ น่านนั้นเป็นเมืองจักรยาน จึงปั่นเที่ยวได้ง่ายและปลอดภัย แถมยังเป็นการเดินทางที่สะดวกในการเข้าถึงสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ แค่จอดจักรยาน ก็ลงไปถ่ายรูปได้เลย อีกอย่างการถ่ายรูปในตัวเมืองเก่าน่าน จะได้ภาพถ่ายที่สวยงามมาก เพราะไม่มีเสาไฟฟ้าและสายไฟฟ้ามาบดบัง การเดินทางมายังจังหวัดน่านนั้น สามารถเลือกได้หลายวิธี  เครื่องบินสนามบินน่าน (NNT) อยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 3 กิโลเมตร มีสายการบินให้บริการเที่ยวบิน กรุงเทพฯ-น่าน จำนวน 3 สายการบิน คือ สายการบินนกแอร์ (Nok Air), สายการบินไทยแอร์เอเชีย (AirAsia) และสายการบินไทยสมายล์ (Thai Smile) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 20 นาที  รถยนต์จากกรุงเทพฯไปยังจังหวัดน่าน ระยะทางประมาณ 680 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 9 ชั่วโมง  รถโดยสารประจำทางมีทั้งรถโดยสารธรรมดาและรถโดยสารปรับอากาศของบริษัท ขนส่ง จำกัด และของเอกชน ออกจากสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ หมอชิต ถนนกำแพงเพชร ทุกวัน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 12 ชั่วโมง สอบถามรายละเอียดเที่ยวรถได้ที่บริษัท ขนส่ง จำกัด โทร.1490 เมื่อเดินทางมาถึงจังหวัดน่านกันแล้ว เราสามารถเช่าจักรยานได้จากโรงแรมที่พัก หรือที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวเทศบาลเมืองน่าน ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวเทศบาลเมืองน่าน  46/1 ถนนผากอง ตำบลในเวียง อำเภอเมือง จังหวัดน่าน https://goo.gl/maps/u4CHkJBuLhvtUNqB8  0 5477 5169 ไปดูกันว่าวันนี้เราจะไปเที่ยวที่ไหนกันบ้าง 1. วัดภูมินทร์ – ชมภาพวาดแห่งตำนาน “กระซิบรักบันลือโลก” 2. วัดมิ่งเมืองและเสาพระหลักเมืองน่าน – สถาปัตยกรรมลายปูนปั้นอันงดงาม ต้นแบบ “วัดร่องขุน จังหวัดเชียงราย” 3. วัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร – สถาปัตยกรรมงดงาม จุดเช็คอินถ่ายรูปสวยตอนกลางวัน Amazing ตอนกลางคืน 4. วัดหัวข่วง – มีหอไตรเก่าแก่ที่สวยงาม จุดถ่ายรูปเก๋ๆอีกมุมหนึ่ง 5. พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน – ศูนย์รวมโบราณวัตถุและสมบัติล้ำค่าของเมืองน่าน ซุ้มลีลาวดี จุดถ่ายรูปแสนโรแมนติก 6. ร้าน น้ำเงี้ยว ข้าวซอย แม่สุณีย์ – ร้านอาหารท้องถิ่นที่เปิดมายาวนานกว่า 30 ปี 7. โฮงเจ้าฟองคำ – แหล่งท่องเที่ยวเพื่อการเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม การันตีด้วยรางวัล Thailand Tourism Awards 2021  วัดภูมินทร์ ถือเป็นหัวใจของเมืองน่านก็ว่าได้ค่ะ เป็นวัดหลวงที่พระเจ้าเจตบุตรพรหมมินทร์ เจ้าผู้ครองเมืองน่าน สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2139 จุดเด่นคือ เป็นวิหารทรงจตุรมุขหลังเดียวในประเทศไทย ทำหน้าที่เป็นทั้งพระอุโบสถ พระวิหาร และพระเจดีย์ประธาน สิ่งที่ทำให้วัดภูมินทร์เป็นที่รู้จัก และโด่งดังที่สุดในหมู่นักท่องเที่ยวคือ ภาพเขียนจิตรกรรมฝาผนัง “กระซิบรักบันลือโลก” ผลงานของ“หนานบัวผัน” ศิลปินชาวน่านชื่อดัง เป็นภาพชายหญิงชาวไทลื้อในสมัยโบราณ หรือที่เรียกกันว่า“ปู่ม่าน ย่าม่าน” กำลังกระซิบสนทนากัน เชื่อกันว่า คู่รักที่มาบอกรัก ขอพรต่อหน้า“ปู่ม่าน ย่าม่าน” จะมีความรักที่มั่นคงยั่งยืน ถ้ามาเป็นคู่ อย่าลืมมาบอกรักขอพรกันนะคะ วัดภูมินทร์  ถนนผากอง ตำบลในเวียง อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน  เปิดทุกวัน เวลา 06.00 – 18.00 น. ( เข้าชมฟรี ) https://goo.gl/maps/CAs83xDDq5t4f3pE9  วัดมิ่งเมืองและเสาพระหลักเมืองน่าน จากนั้นเราไปไหว้พระและสักการะพระเสาหลักเมืองน่านเพื่อความเป็นสิริมงคลกันต่อคะ วัดมิ่งเมืองนี้มีสถาปัตยกรรมลายปูนปั้นงดงาม ที่ผนังด้านนอกของพระอุโบสถ โดยฝีมือช่างสกุลเชียงแสน และวัดนี้เอง ที่เป็นแรงบันดาลใจแก่ศิลปินในการสร้าง “วัดร่องขุน” ในจังหวัดเชียงราย วัดมิ่งเมืองและเสาพระหลักเมืองน่าน  52 ถนนสุริยพงษ์ ตำบลในเวียง อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน  เปิดทุกวัน เวลา 06.00 – 18.00 น. ( เข้าชมฟรี )  https://goo.gl/maps/Q2M6zZeDiVsncLbx5  วัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร เป็นวัดที่มีสถาปัตยกรรมต่างจากวัดอื่น ๆ ในเขตเมืองเก่าค่อนข้างชัดเจน เนื่องจากมีเจดีย์ทรงลังกาฐานองค์พระเจดีย์ก่ออิฐถือปูนและปั้นเป็นรูปช้างครึ่งตัวโดยรอบ ทำให้ดูเหมือนช้างใช้หลังหนุน หรือค้ำองค์เจดีย์ไว้ ซึ่งเป็นที่มาของชื่อวัดพระธาตุช้างค้ำนั่นเอง วัดนี้แอดขอบอกว่า เป็นจุดถ่ายรูปในเวลากลางคืน ที่สวยงามมากแห่งหนึ่งในตัวเมืองเก่าน่าน รับรองคนชอบถ่ายรูปต้องกดชัตเตอร์กันรัวๆเลยล่ะ วัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร  ถนนสุริยพงษ์ ตำบลในเวียง อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน  เปิดทุกวัน เวลา 06.00 – 18.00 น. ( เข้าชมฟรี ) https://goo.gl/maps/VdGZBgWwDCdhtttt9  วัดหัวข่วง วัดเก่าแก่ที่สวยงามอีกวัดหนึ่งในเขตเมืองเก่า ได้รับการประกาศให้เป็นโบราณสถานของชาติ ตั้งอยู่ติดกันกับพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน มีวิหารที่หน้าบันประดับลวดลายไม้จำหลักรูปพรรณพฤกษา อย่างประณีต วัดนี้แอดว่า มีหอไตรที่สวยงามมาก แถมยังตั้งเรียงรายกับเจดีย์ และพระวิหาร ได้มุมกันพอดี เป็นมุมถ่ายรูปที่สวยเก๋อีกมุมหนึ่งทีเดียว วัดหัวข่วง  ถนนมหาพรหม ตำบลในเวียง อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน  เปิดทุกวัน เวลา 06.00 – 18.00 น. ( เข้าชมฟรี ) https://goo.gl/maps/BE6as7wU4q4FADbj7  พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน

1 Day Trip ปั่นจักรยาน 🚴 เที่ยวเมืองน่าน อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top