สถานที่ท่องเที่ยว

🌿🍀 เที่ยวธรรมชาติ ชิมอาหารถิ่น เช็คอินแหล่งประวัติศาสตร์ @เพชรบูรณ์ 🍀🌿

เมื่อพูดถึงเพชรบูรณ์ ระยะหลังมานี้ หลายคนคงนึกถึงในฐานะที่เป็นจุดหมายในการไปชมดอกนางพญาเสือโคร่งที่บานสะพรั่งเต็มหุบเขา แต่จริง ๆ เพชรบูรณ์ไม่ได้มีแค่นี้ ที่นี่ยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกหลายแห่ง ที่แอดอยากมานำเสนอเพิ่มเติม ทั้งแนวชมธรรมชาติ แนวชิมอาหารอร่อย และแนวชื่นชอบประวัติศาสตร์ ลองตามมาอ่านดูกัน ตารางเที่ยว วันที่ 1 1. เที่ยววัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว วัดสวย วิวดี มีมุมถ่ายรูปเยอะ 2. ชิมขนมจีนหล่มเก่าเจ้าอร่อย ที่ร้านขนมจีนบุญมี 3. ศึกษาเส้นทางธรรมชาติและสูดอากาศที่ อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า วันที่ 2 4. ไก่ย่างข้าวเบือ อาหารถิ่น กินอร่อย 5. พุทธอุทยานเพชบุระ ที่ประดิษฐานพระพุทธมหาธรรมราชา 6. ท่องอดีตที่ อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ  วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว  ริ่มทริปกันที่ วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว วัดยอดนิยมที่ใครมาเที่ยวจังหวัดเพชรบูรณ์แล้วเป็นต้องมา ไม่เพียงความสวยงามของวัดที่ร่ำลือกัน แต่ด้วยความที่ตั้งอยู่บนเนินเขา ทำให้วัดนี้มีวิวที่สวยสุด ๆ จุดหนึ่งของเพชรบูรณ์ ที่มาของคำว่า ผาซ่อนแก้ว เกิดขึ้นจากเรื่องเล่าขานที่ว่า มีชาวบ้านเคยเห็นลูกแก้วลอยอยู่บนฟ้าและหายเข้าไปในถ้ำบนยอดผา ชาวบ้านเชื่อกันว่าเป็นพระบรมสารีริกธาตุเสด็จมา และเชื่อว่าเป็นสถานที่มงคล มีความศักดิ์สิทธิ์ จึงเรียกตามกันมาว่า “ผาซ่อนแก้ว” สิ่งที่น่าสนใจภายในวัด คือ อุโบสถพระพุทธเจ้า 5 องค์ ที่มีองค์พระสีขาวนั่งลดหลั่นซ้อนกันลงมา และเจดีย์พระธาตุผาซ่อนแก้ว สิริราชย์ธรรมนฤมิต ซึ่งภายในเป็นที่เก็บรวบรวมหลักธรรมคำสอน ภาพปริศนาธรรม และเป็นที่เจริญสติภาวนาสำหรับพุทธศาสนิกชนทั่วไป ความโดดเด่นอีกจุดหนึ่งของวัดนี้ ก็คือการนำกระเบื้องหลากสี เครื่องประดับ สร้อย กำไล ถ้วยชามเครื่องเบญจรงค์ ลูกปัดประดับตกแต่งไป ทั่วบริเวณวัด สวยทั้งเมื่อมองจากไกล ๆ หรือดูใกล้ ๆ เลยทีเดียว  : 95 ตำบลแคมป์สน อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ 67280  : เปิดทุกวัน 07.00-17.00 น.  : 06 3359 1554  ขนมจีนหล่มเก่า  ขับรถจากวัดพระธาตุผาซ่อนแก้วไปไม่เกิน 40 นาที เข้าสู่อำเภอหล่มเก่า แอดจะพาไปกินขนมจีน อาหารขึ้นชื่อของที่นี่ ร้านขนมจีนบุญมี เป็นขนมจีนเส้นสด เน้นทำใหม่ ๆ แล้วยกมาเสิร์ฟ แอดกำลังหิวเลยสั่งแบบชุดมากิน ประกอบด้วย น้ำยากะทิเนื้อปลาทับทิมคั่วกับเครื่องแกง น้ำยาป่ารสแซบกำลังดี และน้ำพริก รสเปรี้ยวอมหวาน จัดมาในภาชนะหม้อดิน มีเครื่องเคียงเป็นผักสด ผักต้ม และผักกาดดอง ที่สำคัญเป็นขนมจีนที่หน้าตาดีมาก มีหลากสีสันจากอัญชัญ บีทรูท ฟักทอง ฯลฯ ถ่ายรูปไปอวดเพื่อน ๆ ในโซเชียลได้เลย แต่หากใครกลัวกินไม่หมด ก็สั่งเป็นจานได้เช่นกัน หน้าร้าน จะมีการทำขนมจีนกันสด ๆ แอดไปยืนด้อม ๆ มอง ๆ ดู คุณป้าใจดีเลยอธิบายวิธีการทำให้ฟังเพลินเลย  : หมู่ 3 ตำบลนาแซง อำเภอหล่มเก่า จังหวัดเพชรบูรณ์ 67120  : เปิดทุกวัน 08.00-17.00 น.  : 08 9643 2775  อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า  หลังจากอิ่มท้องแล้ว แอดจะพาเพื่อน ๆ ไปเดินชมวิวธรรมชาติ และพระอาทิตย์ตกดินกันที่ อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า ซึ่งอยู่บนรอยต่อของสามจังหวัด คือ อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก และอำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ เมื่อประมาณ 40 ปีที่แล้ว ที่นี่เคยเป็นฐานที่มั่นของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.) ภาคเหนือ ปัจจุบัน ภายในอุทยานฯ ก็ยังเก็บรักษาหลักฐานและร่องรอยต่าง ๆ ของฐานที่มั่นแห่งนี้ไว้เพื่อให้ผู้สนใจได้ศึกษาหาความรู้ จุดแรกที่แอดจะพามาชม ก็คือ ทุ่งดอกกระดาษ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากศูนย์บริการนักท่องเที่ยวภายในอุทยานฯ ใช้เวลาขับรถประมาณ 5 นาทีก็ถึงแล้ว จากลานจอดรถเดินไม่ถึง 20 ก้าว เพื่อน ๆ ก็จะได้เจอกับแปลงดอกกระดาษที่ ตั้งอยู่ในโซนโครงการพัฒนาป่าไม้ตามแนวพระราชดำริภูหินร่องกล้าโดยดอกกระดาษจะบานช่วงเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม ถึงแม้เพื่อน ๆ จะมาไม่ตรงช่วงดอกกระดาษบาน แต่บริเวณนี้ก็ถือเป็นจุดชมวิวที่สวยมาก มีหน้าผาเล็ก ๆ ให้ยืนชมวิวถึง 5 ผาด้วยกัน แต่อย่าเพิ่งชิงกลัวความสูงไปนะ เพราะผาที่ว่านี้ แอดว่าคล้ายเนินหินมากกว่า ทางเดินก็ค่อนข้างกว้าง สามารถเดินลงไปเก็บรูปสวย ๆ ได้หลายมุมเลย อ้อ…ที่นี่ขึ้นมาได้ตั้งแต่ 6 โมงเช้าถึง 5 โมงเย็นนะ จุดต่อไปคือ “โรงเรียนการเมืองการทหาร” ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นสถานที่ให้การศึกษาของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ที่นี่จะมีห้องเรียน บ้านพัก สถานพยาบาล ครัว สร้างเป็นบ้านไม้แยกกันเป็นหลัง ๆ กระจายตัวอยู่ประมาณ 30 หลัง ตามแนวต้นไม้ ในช่วงเดือนมกราคม ใบเมเปิ้ลบริเวณนี้จะเปลี่ยนเป็นสีแดงอย่างสวยงาม ต่อไปคือเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติลานหินปุ่ม- ผาชูธง เส้นทางนี้จะเป็นวงกลม ระยะทางราว 3.7 กิโลเมตร ระหว่างทางเดิน เพื่อน ๆ จะได้เห็นก้อนหินรูปร่างประหลาดเป็นระยะ ทั้ง “ผาหินกบ” ก้อนหินใหญ่มองดูคล้ายกบเกาะอยู่บนหิน “ผาหัวใจหิน” รูปร่างคล้ายหัวใจ และ “ผานาคราช ” ที่เป็นเนินหินสูง มีรูปร่างคล้ายงูใหญ่ จากทางเข้าไม่เกิน 2 กิโลเมตร เราจะมาเจอกับ “ผาชูธง” หน้าผาสูงแห่งนี้ พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยเคยใช้เป็นจุดชูธงแดงรูปค้อนและเคียวเมื่อรบชนะทหารของรัฐบาล ปัจจุบัน บนผาชูธงมีธงชาติไทยปักอยู่

🌿🍀 เที่ยวธรรมชาติ ชิมอาหารถิ่น เช็คอินแหล่งประวัติศาสตร์ @เพชรบูรณ์ 🍀🌿 อ่านเพิ่มเติม

🛶 #สวนพฤกษศาสตร์ระยอง กิจกรรมเพียบ!! 🌱

🛶 #สวนพฤกษศาสตร์ระยอง กิจกรรมเพียบ!! 🌱พาย SUP Board ปั่นจักรยาน ล่องเรือชมธรรมชาติ พายคายัคชมวิวทุ่งดอกบัว แพหญ้าหนังหมา และป่าเสม็ดพันปี 🌿✨ สวนพฤกษศาสตร์ระยองเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำขนาดใหญ่ระดับชาติ แหล่งเรียนรู้และท่องเที่ยวเชิงนิเวศบนพื้นที่กว่า 3,800 ไร่ รวบรวมและศึกษาพรรณไม้ท้องถิ่นและพรรณไม้หายากที่ใกล้สูญพันธ์กว่า 400 ชนิด ที่นี่มีกิจกรรมให้ทำเยอะมาก แต่ที่พลาดไม่ได้เลยก็คือการมาพายเรือคายัคชมความอัศจรรย์ของทุ่งดอกบัว แพหญ้าหนังหมา แพหญ้าขนาดใหญ่ที่ลอยตัวอยู่บนน้ำ และป่าเสม็ดพันปี มุมไฮไลต์สุดอลังการ ยิ่งบรรยากาศช่วงเช้ากับช่วงเย็น ทั้งชิลล์ทั้งถ่ายรูปสวย ชมธรรมชาติเพลิน ๆ ได้เต็มอิ่มกันเลยทีเดียว ค่าบริการ : 🚣 พายเรือคายัค 100 บาท/ชม. 🛶 เรือท้องแบน (นั่งได้ 8 คน) 600 บาท/ชม. 🚴‍♀ ปั่นจักรยาน 50 บาท/ชม. 🏄‍♀ พาย SUP Board 300 บาท/ชม. 💦 หากนำ SUP Board มาเอง คิดค่าบริการ 100 บาท/คน 🗺 พิกัด : สวนพฤษศาสตร์ระยอง ตำบลชากพง อำเภอแกลง จังหวัดระยอง : https://g.page/rayongbotanic?share ⏰ เวลาทำการ : 08:30 – 16:30 น. 📍 โทร. : 038 638 880 📲 : https://www.facebook.com/rayongbotanic

🛶 #สวนพฤกษศาสตร์ระยอง กิจกรรมเพียบ!! 🌱 อ่านเพิ่มเติม

อาบน้ำแร่แจ้ซ้อน จังหวัดลำปาง ✨

อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน เป็นหนึ่งในสถานที่ต้องห้ามพลาดเมื่อมาเยือนจังหวัดลำปาง ถึงแม้ว่าจะผ่านพ้นช่วงฤดูหนาวมาแล้ว แต่ถ้าอยากแช่น้ำร้อนชิลล์ ๆ ให้ร่างกายได้ผ่อนคลายจากการเมื่อยล้าและความเครียด การไปอาบน้ำแร่แช่น้ำร้อนที่แจ้ซ้อนก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจเลยทีเดียว อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน นับว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจของจังหวัดลำปาง เพราะมีสภาพป่าอุดมสมบูรณ์และเป็นแหล่งต้นน้ำลำธารอีกด้วย สถานที่น่าสนใจในอุทยานฯ มีหลายแหล่งเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นบ่อน้ำร้อนแจ้ซ้อน น้ำตกแจ้ซ้อน น้ำตกแม่ขุน รวมถึงการไปชมดอกเสี้ยวบานในเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ ของทุกปีด้วย วันนี้แอดจะพาเพื่อน ๆ ไปแช่บ่อน้ำร้อนแจ้ซ้อน ซึ่งเป็นแหล่งน้ำพุร้อนทางธรณีวิทยา มีจำนวน 9 บ่อ ตั้งอยู่รวมกัน โดยน้ำพุร้อนมีอุณหภูมิเฉลี่ย 73 องศาเซลเซียสเลยทีเดียว หากเราเดินไปใกล้ ๆ กับบ่อน้ำพุร้อน จะมีกลิ่นกำมะถันอ่อน ๆ บรรยากาศโดยรอบของบ่อน้ำพุร้อน ถูกโอบล้อมด้วยธรรมชาติทั้งภูเขาและต้นไม้นานาพรรณ ถึงแม้ว่าช่วงนี้จะไม่ใช่ฤดูหนาวแล้ว ก็ยังมีไอน้ำลอยปกคุลมรอบบริเวณบ่อน้ำพุร้อน บรรยากาศดีไปอีกค่ะ  หากเพื่อน ๆ อยากจะแช่น้ำแร่ ที่นี่ไม่ได้มีเพียงแค่บ่อน้ำพุร้อนนะคะ ยังมีห้องอาบน้ำแร่ให้บริการอีกด้วย มีทั้งห้องส่วนตัวและบ่อกลางแจ้ง แต่เนื่องจากสถานการณ์ช่วงนี้ ทางอุทยานฯ จะจำกัดจำนวนคนใช้บริการห้องส่วนตัว 2-3 คนค่ะ ขอบคุณรูปภาพจากเพจ อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน – Chae Son National Park อีกหนึ่งกิจกรรมยอดฮิตคือ การนำไข่นกกระทาหรือไข่ไก่มาแช่น้ำแร่ ใช้เวลาประมาณ 17 นาที ไข่แดงจะแข็ง และมีรสชาติมัน อร่อย ส่วนไข่ขาวจะเหลว เหยาะซอสนิดหน่อย ก็อร่อยแล้วค่ะ ต้องไปลองกันนะ นอกจากนี้ ยังมีเมนู “ยำไข่น้ำแร่แจ้ซ้อน” ถือว่าเป็นของขึ้นชื่อของลำปางอีกอย่างหนึ่งเลยล่ะ อย่าลืมไปลองกันนะคะ ค่าเข้าชมชาวไทย ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาทชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาท อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน  ตำบลแจ้ซ้อน อำเภอเมืองปาน จังหวัดลำปาง เปิดทุกวันเวลา 08.00-18.00 น. โทร. 08 9851 3355 https://goo.gl/maps/LGzKWCRmMkL2

อาบน้ำแร่แจ้ซ้อน จังหวัดลำปาง ✨ อ่านเพิ่มเติม

✨ ถ้ำนาคี อุทยานแห่งชาติภูลังกา จ.นครพนม ✨

หากพูดถึงภาคอีสานย่อมต้องนึกถึงความเชื่อเรื่องพญานาค ที่ฝังลึกอยู่ในวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของชาวริมฝั่งโขง วันนี้แอดจะพาเพื่อน ๆ ไปที่ จ.นครพนม สถานที่ตั้งของถ้ำนาคี ที่มีลักษณะคล้ายกับถ้ำนาคาที่เป็นจุดหมายของใครหลายคนที่อยากลองไป จะเป็นอย่างไรบ้าง ตามมาดูได้เลย เอาล่ะ…มาทำความรู้จักอุทยานแห่งชาติภูลังกากัน อุทยานแห่งชาติภูลังกา ครอบคลุมพื้นที่ อ.บ้านแพง อ.นาทม จ.นครพนม และ อ.บึงโขงหลง จ.บึงกาฬ มีลักษณะเป็นภูเขาเรียงซ้อนกันตามแนวแม่น้ำโขง สภาพโดยทั่วไปเป็นป่าดงดิบแล้ง ป่าเบญจพรรณและป่าเต็งรังที่สมบูรณ์ มีสัตว์ป่าชุกชุม และเป็นต้นกำเนิดของลำธารน้อยใหญ่หลายสาย เพื่อป้องกันการสับสน ถ้ำนาคีที่แอดจะแนะนำนี้ตั้งอยู่ฝั่งจังหวัดนครพนม ที่ ต.ไผ่ล้อม อ.บ้านแพง ทางขึ้นอยู่บริเวณที่ทำการอุทยานแห่งชาติภูลังกา ส่วน ถ้ำนาคานั้นอยู่ฝั่ง จ.บึงกาฬ ทางขึ้นจะอยู่ที่ วัดตาดวิมานทิพย์ ต.โพธิ์หมากแข้ง อ.บึงโขงหลง การไปถ้ำนาคี เพื่อน ๆ สามารถ walk in ได้เลย แต่ต้องเตรียมหลักฐานการฉีดวัคซีน Covid19 อย่างน้อย 2 เข็ม หรือใบรับรองแสดงผลการตรวจหาเชื้อไม่เกิน 72 ชั่วโมงมาด้วย เมื่อมาถึงให้ติดต่อและลงทะเบียนเพื่อแจ้งความประสงค์ได้กับเจ้าหน้าที่หน้าด่านน้ำตกตาดโพธิ์โดยมีค่าธรรมเนียมเข้า 20 บาทและประกันอุบัติเหตุภายในอุทยาน 10 บาท รวม 30 บาทต่อคน (หากนำรถยนต์มา จะมีค่าธรรมเนียมจอดรถคันละ 30 บาท) ภูเขาหินภายในอุทยานฯ แห่งนี้มีลักษณะพิเศษ คือเป็นเพิงหินขนาดใหญ่ มีพื้นผิวแตกลายที่เกิดจากปรากฏการณ์ธรรมชาติ เรียกว่า ซันแครก (Sun crack) โดยปกติแล้ว ซันแครก (Sun Crack) จะเกิดจากการแตกของผิวหน้าของหิน เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงไปมาของอุณหภูมิที่แตกต่างกันในเวลากลางวัน (ร้อน) และเวลากลางคืน (เย็น) จนทำให้หินเริ่มแตกเป็นเหลี่ยมเรียงขนานกัน จากนั้นเมื่อมีน้ำมาเซาะตามแนวร่องหิน จะทำให้เหลี่ยมมุมต่าง ๆ มนขึ้นจนมีลักษณะคล้ายเกล็ดงูนั่นเอง เส้นทางการเดิน ในช่วงเริ่มต้นจะผ่านเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติเป็นทางปูนเลียบธารน้ำตก ระยะทาง 1.5 ก.ม. โดยระหว่างทางจะมีจุดแวะพักเป็นระยะ พร้อมทั้งมีป้ายให้ความรู้เกี่ยวกับพืชพรรณ แมลง สัตว์ป่าและสมุนไพรตลอดทาง การเดินในช่วงแรกจะเป็นการเดินเลียบธารน้ำตก ได้ยินเสียงน้ำไหลไประหว่างเดินทาง เพลินไม่น้อย จากนั้นจะเป็นเส้นทางเดินป่า ระยะทางประมาณ 500 เมตร ซึ่งเส้นทางนี้เป็นเส้นทางธรรมชาติต้องใช้ความระมัดระวังในการเดินพอสมควร ซึ่งช่วงที่ลาดชัน ทางอุทยานฯ มีการขึงเชือกไว้ให้จับ สลับกับมีบันไดเล็ก ๆ ให้ปีนเป็นระยะ ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินขึ้นไปนั่นเอง ระหว่างทางเราจะเริ่มเห็นหินที่มีลักษณะซันแครก (Sun Crack) ซึ่งดูแล้วก็คล้ายเกล็ดงูอยู่ไม่น้อยเลยล่ะ หลังจากเดินมาสักระยะ เพื่อน ๆ จะพบกับหินที่มีรูปทรงคล้ายพญานาคกำลังแผ่พังพานอยู่ เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมแวะถ่ายรูป รวมไปถึงไหว้ขอพรอีกด้วย เดินต่อมาไม่ไกล จะพบกับหน้าผาหินที่มีลักษณะคล้ายห้องโถงที่ธรรมชาติรังสรรค์ไว้ ซึ่งจุดนี้สามารถนั่งพักเหนื่อยได้สบาย มีลมพัดมาให้คลายร้อนเป็นระยะ อีกหนึ่งไฮไลท์ของการมาเยือนถ้ำนาคีก็คือจุดนี้ เป็นจุดที่เราจะได้พบหินลักษณะคล้ายเศียรพญานาคหรือหัวงูขนาดใหญ่ โน้มลงมาด้านล่าง นักท่องเที่ยวนิยมถ่ายภาพและไหว้ขอพรที่จุดนี้อีกจุดหนึ่ง เดินขึ้นบันไดจากจุดที่มีหินคล้ายเศียรพญานาคมาอีก 40 เมตร ก็จะถึงถ้ำนาคี ที่เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางนาคปรก และบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ สามารถสักการะและขอพรได้ตามอัธยาศัย หลังจากสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ถ้ำนาคีแล้ว แอดจะพาเพื่อน ๆ มาที่จุดชมวิวผานาคี ซึ่งเป็นจุดที่มองเห็นป่าไม้ ทิวเขา และแม่น้ำโขง สามารถนั่งพักรับลม หรือถ่ายภาพกับวิวสวย ๆ ได้ แต่โปรดใช้ความระมัดระวัง เนื่องจากเป็นผาสูงและมีลมพัดอยู่เป็นระยะ อาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ ข้อควรรู้ก่อนขึ้นผานาคี 1. ทางขึ้นอยู่ที่ที่ทำการอุทยานแห่งชาติภูลังกา หรือปักหมุดที่ น้ำตกตาดโพธิ์ อ.บ้านแพง จ.นครพนม 2. ระยะเวลาเดินขึ้นลงรวมประมาณ 2 ชั่วโมง เดินขึ้นใช้เวลาประมาณ 1 – 1.30 ชั่วโมง เดินลงใช้เวลาประมาณ 30 – 40 นาที ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับเราว่าจะใช้เวลาแต่ละจุดมากน้อยแค่ไหน บางคนอาจจะใช้เวลาน้อยกว่าแอดก็ได้ 3. ด้านบนไม่มีสินค้า หรือเครื่องดื่มจำหน่าย แนะนำให้นำน้ำดื่มขึ้นไปด้วย 4. เส้นทางลงถ้ำนาคีค่อนข้างสมบุกสมบัน บางจุดลาดชัน ทางอุทยานฯ จะขึงเชือกให้จับ และช่วยในการทรงตัว แอดแนะนำเลยว่า ควรจะเตรียมถุงมือผ้าไปด้วยจะดีมาก เพื่อลดการเสียดสีขณะจับเชือกเพื่อทรงตัว รวมทั้งควรสวมรองเท้าผ้าใบเพื่อความทะมัดทะแมงในการเดิน 5. ทางอุทยานฯ จะปิดการขึ้น เวลา 15.00 น. 6. หากต้องการผู้เดินนำทาง สามารถแจ้งความประสงค์บริเวณหน้าด่านฯ จะมีผู้นำทางที่เป็นคนในพื้นที่ที่จะคอยดูแล ให้คำแนะนำและเกร็ดความรู้ต่าง ๆ ระหว่างการเดินขึ้น

✨ ถ้ำนาคี อุทยานแห่งชาติภูลังกา จ.นครพนม ✨ อ่านเพิ่มเติม

บางคนที…สมุทรสงคราม

วันนี้แอดมีเส้นทางท่องเที่ยวอำเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงครามมาแนะนำ ใครมีแพลนเที่ยวใกล้กรุงเทพฯ แอดแนะนำเลยว่าลองไปใช้เวลา 1 วัน สัมผัสบรรยากาศชิลล์ ๆ ที่อำเภอนี้ดู แล้วจะรู้ว่าบางคนทีก็มีดีไม่แพ้ที่อื่นเหมือนกัน วันที่ 1 ชมโบสถ์ปรกโพธิ์ ณ วัดบางกุ้ง เที่ยวชุมชนบ้านบางพลับ ทำกิจกรรมวิถีชาวบ้าน วันที่ 2 เก็บมะม่วงหาวมะนาวโห่ ที่สวนมะนาวโห่ลุงศิริ ชมของเก่าโบราณที่ พิพิธภัณฑ์ตั้งเซียมฮะ (บ้านไหพันใบ) แวะเก็บรูปสวย ๆ ที่อาสนวิหารพระแม่บังเกิด การเดินทาง รถไฟ : จากสถานีวงเวียนใหญ่มาลงที่สถานีมหาชัย จากนั้นนั่งเรือข้ามฟากไปต่อรถไฟที่สถานีบ้านแหลม ลงปลายทางที่สถานีแม่กลอง สอบถามตารางเดินรถ โทร. 1690 หรือเว็บไซต์ของการรถไฟ www.railway.co.th รถตู้ : รถตู้สายปิ่นเกล้า-แม่กลอง / รถตู้สายหมอชิต-แม่กลอง วัดบางกุ้ง สำหรับไฮไลท์ที่นี่คือ โบสถ์เก่าแก่สมัยกรุงศรีอยุธยา เป็นโบสถ์ที่มีต้นไม้ใหญ่ปกคลุมบนหลังคาโบสถ์ถึง 4 ชนิดด้วยกัน นั่นคือ ต้นโพธิ์ ต้นไทร ต้นไกร และต้นกร่าง หรือที่รู้จักชื่อว่า “โบสถ์ปรกโพธิ์” นั่นเอง  ภายในโบสถ์ปรกโพธิ์ประดิษฐาน “หลวงพ่อนิลมณี” เป็นพระพุทธรูปขนาดใหญ่ ที่ชาวบ้านให้ความเคารพและความศรัทธา วัดบางกุ้ง  บ้านค่าย หมู่ 4 ตำบลบางกุ้ง อำเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงคราม เปิดทุกวันเวลา 08.00-18.00 น. https://goo.gl/maps/Rzp2yhQuEEbQS3eQ7 ชุมชนบ้านบางพลับ อิ่มอกอิ่มใจจากการทำบุญแล้ว ถัดมาแอดจะพาทุกคนไปเที่ยวชุมชนบ้านบางพลับ ชุมชนเล็ก ๆ ที่มีธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ และผู้คนที่น่ารัก ชาวบ้านในชุมชนส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรทำเกษตรอินทรีย์ ที่นี่มีกิจกรรมให้ทำหลายอย่าง ซึ่งแต่ละกิจกรรมก็ทำให้เราได้เรียนรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่นไปด้วย  ตำบลบางพรม อำเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงคราม  เปิดทุกวันเวลา 09.00-17.00 น.  โทร. 08 1274 4433 https://goo.gl/maps/gozEEVX4ufF2 กิจกรรมแรกที่ต้องห้ามพลาดคือการทำน้ำตาลมะพร้าวหรือน้ำตาลปึก เป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นในการทำน้ำตาลเก็บไว้เพื่อประกอบอาหารหรือทำขนม แต่ก่อนที่จะออกมาเป็นน้ำตาลมะพร้าวได้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายค่ะ  เริ่มจากเข้าสวนมะพร้าวเพื่อไปเก็บน้ำหวานจากดอกมะพร้าว เมื่อได้น้ำหวานแล้วก็นำมาเคี่ยว ซึ่งขั้นตอนนี้จะต้องใช้เวลาสักพักเลยล่ะ เพราะต้องค่อย ๆ เคี่ยวน้ำตาลจากสีน้ำตาลเข้มจนเป็นสีน้ำตาลอ่อนและเหนียว เมื่อน้ำตาลเป็นสีอ่อนก็ตักใส่พิมพ์และรอให้จับตัวเป็นก้อน เท่านี้เราก็จะได้น้ำตาลปึกไปใช้ได้แล้ว ถ้าสนใจต้องการชมกิจกรรมทำน้ำตาล แนะนำให้ติดต่อสอบถามล่วงหน้า เพราะไม่ได้มีการสาธิตทุกวัน อีกหนึ่งกิจกรรมที่น่าสนใจของชุมชน โดยกลุ่มสตรีเกษตรพัฒนา คือการนำผักและผลไม้ชนิดต่าง ๆ มาแช่อิ่ม เช่น มะกรูด ตะลิงปลิง เปลือกส้มโอ ซึ่งเรียกกันว่า “ผลไม้กลับชาติ” ไฮไลต์ที่ขึ้นชื่อของที่นี่ คือ การแช่อิ่มผักรสขมอย่างบอระเพ็ด มะระ ซึ่งเมื่อผ่านการแช่อิ่มแล้วแทบไม่เหลือรสขมเลยล่ะ กลับมีรสชาติหวานและอร่อยมาก ลองไปชิมกันค่ะ ที่นี่มีสวนส้มโอปลอดสารพิษด้วยนะ ลูกใหญ่มาก ๆ เพราะในชุมชนจะทำเกษตรแบบธรรมชาติ ไม่ใช้สารเคมี จนได้คัดเลือกให้เป็นชุมชนต้นแบบพึ่งตนเองดีเด่น ชุมชนเข้มแข็งเขียวขจีดีเด่น และรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยถึง 5 สมัยเลยทีเดียว วันที่ 2 สวนมะนาวโห่ลุงศิริ เราจะไปลุยสวนกันค่ะ!! สวนมะนาวโห่ลุงศิริ แหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่มีพื้นที่กว่า 40 ไร่ จากเดิมที่ปลูกมะม่วงหาวมะนาวโห่เป็นสมุนไพรรักษาสุขภาพ ก่อนจะพัฒนามาเป็นแหล่งท่องเที่ยว ซึ่งได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวไม่น้อยเลย ที่นี่มีกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวเพลิดเพลินหลายอย่าง เริ่มตั้งแต่เดินเที่ยวชมสวนมะม่วงหาวมะนาวโห่ เก็บภาพสวย ๆ มุมต่าง ๆ พร้อมทั้งศึกษาความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับมะม่วงหาวมะนาวโห่จากป้ายความรู้ต่าง ๆ ในสวน ทราบไหมว่า มะม่วงหาวมะนาวโห่ พืชสมุนไพรที่มีผลสีแดงชมพูไปจนสีม่วงเข้มนี้มีประโยชน์มากมายเลย มีสรรพคุณทางยาในการบำรุงร่างกายเพียบ แถมใช้ได้ตั้งแต่ส่วนราก ผล ไปจนถึงใบเลยทีเดียว ตามธรรมชาติ ผลมะนาวโห่นั้นมีรสเปรี้ยวฝาด แต่ทางสวนได้นำมาแปรรูปได้อย่างหลากหลายและน่ารับประทานมาก เพื่อน ๆ เลือกชิม ชม และช้อปติดไม้ติดมือกลับบ้านกันได้เลย : ) นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรม workshop ให้นักท่องเที่ยวได้สนุก โดยมีมะนาวโห่เป็นวัตถุดิบหลัก ผ้ามัดย้อมจากสีธรรมชาติ / มะนาวโห่ คนละ 100 บาท ใช้เวลาประมาณ 20-30 นาที ทำแยมมะนาวโห่ คนละ 150 บาท ใช้เวลาประมาณ 30-40 นาที Sirisompong Farm&Café สนุกกับกิจกรรมแล้ว แวะมาดับร้อนกันหน่อยที่คาเฟ่ในสวน Sirisompong Farm&Café เราจะได้ชิมเมนูขนมหวานและเครื่องดื่มสุขภาพจากมะม่วงหาวมะนาวโห่ แต่ละเมนูน่าทานมาก ๆ Sirisompong Farm&Café  29/8 หมู่ 2 ตำบลบางนกแขวก อำเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงคราม  เปิดทุกวัน เวลา 09.00-17.00 น. (ปิดวันพฤหัสบดี) https://g.page/sirisompong-farm-cafe?share พิพิธภัณฑ์ตั้งเซียมฮะ (บ้านไหพันใบ) ผู้ที่สนใจวัตถุโบราณควรแวะที่นี่เลยค่ะ พิพิธภัณฑ์ตั้งเซียมฮะ หรือบ้านไหพันใบ เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีเครื่องปั้นดินเผาจำนวนมาก มีรูปแบบต่างๆ ตั้งแต่สมัยสุโขทัยจนถึงรัตนโกสินทร์ที่งมได้จากแม่น้ำแม่กลอง นอกจากนี้ยังมีคันฉ่องไม้สัก ถาดนิเกิล เรือบดไม้สัก เตาเชิงกราน และโบราณวัตถุที่หายากอีกหลายชนิด เปิดให้เข้าชมฟรี  120 หมู่ที่ 8 ตำบลกระดังงา อำเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงคราม เปิดวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 10.00-15.00 น. https://goo.gl/maps/NiiDnHnuHav อาสนวิหารพระแม่บังเกิด ปิดท้ายทริปที่อาสนวิหารพระแม่บังเกิด เป็นอาสนวิหารสร้างด้วยอิฐเผาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ตั้งอยู่ริมแม่น้ำแม่กลอง เป็นโบสถ์คริสต์ที่สวยงามมากแห่งหนึ่ง โบสถ์หลังนี้มีสถาปัตยกรรมเป็นแบบโกธิคของฝรั่งเศส ภายในประดับด้วยกระจกสีสีสันสดใส และมีรูปแกะสลักบรรยายเกร็ดประวัติตามคัมภีร์ไบเบิลอีกด้วย  ตำบลบางนกแขวก อำเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงครามhttps://goo.gl/maps/3V3nKcPkeFR2

บางคนที…สมุทรสงคราม อ่านเพิ่มเติม

✨ คืนชีวิต ณ โรงพิมพ์บำรุงนุกูลกิจ ✨

หากเพื่อน ๆ ได้ไปเที่ยวชมงาน Bangkok Design Week เมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา จะเห็นว่าสถานที่ที่จัดงานมีความหลากหลาย โดยเฉพาะโซนเมืองเก่าที่มีความสวยงามอลังการ หนึ่งในนั้นคือ “โรงพิมพ์บำรุงนุกูลกิจ” อดีตโรงพิมพ์แห่งแรกในประเทศไทยที่กลับมามีชีวิตอีกครั้ง โดยเปิดเป็น Craftsman at Bamrungmueng คาเฟ่สุดเก๋ในอาคารเก่าแก่ที่ได้ปรับปรุงภายในให้สามารถเข้าไปนั่งชิลล์ ๆ สั่งเครื่องดื่ม กินของว่างใจกลางกรุงเทพฯ ในอดีต โรงพิมพ์บำรุงนุกูลกิจคือโรงพิมพ์แห่งแรกของไทย โดยมี “หลวงดำรงธรรมสาร” ปลัดกรมอัยการ เป็นผู้ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2438 รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 โดยรับพิมพ์หนังสือแบบเรียน หนังสือธรรมะ หนังสือที่ระลึกงานศพ และหนังสือราชการ รวมถึงราชกิจจานุเบกษาซึ่งเคยตีพิมพ์อยู่จนถึงปี พ.ศ 2504 หลังจากดำเนินกิจการมาจนถึงรุ่นที่ 4 โรงพิมพ์บำรุงนุกูลกิจก็มีการขยับขยายและย้ายโรงพิมพ์ออกไปที่อื่น แม้เวลาจะผ่านไปเนิ่นนาน แต่ตัวอาคารในปัจจุบันก็ยังคงมีความสมบูรณ์มาก Craftsman at Bamrungmueng Pop-Up Café ถือกำเนิดขึ้นภายในโรงพิมพ์แห่งนี้ ด้วยแนวคิดของเจ้าของคาเฟ่ผู้หลงรักอาคารเก่าที่ต้องการรักษาสภาพอาคารเดิมไว้มากที่สุด จึงปรับปรุงพื้นที่อย่างระมัดระวัง บอกได้เลยว่า ทำออกมาได้อย่างประณีต สวยงาม รักษากลิ่นอายความคลาสสิคไว้อย่างดีเยี่ยม นอกจากนี้ ในส่วนของขนมอบ ก็มีการค้นคว้ามาอย่างดี ดึงกลิ่นอายขนมฝรั่งในสมัยรัชกาลที่ 5 และ 6 มาสร้างสรรค์เมนูอย่างน่าสนใจ ส่วนเมนูเครื่องดื่มก็หลากหลาย มีทั้งกาแฟ ค็อกเทล และม็อกเทล แวะเวียนมาจิบกันได้เรื่อย ๆ ไม่มีเบื่อแน่นอน ขอกระซิบถึงเพื่อน ๆ สักนิดว่า คาเฟ่แห่งนี้จะเปิดให้บริการจนถึงเดือนกันยายนนี้เท่านั้น หาเวลาว่างได้แล้วก็ไปกันเลยนะ ถนนบำรุงเมือง แขวงเสาชิงช้า เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร เปิดทุกวันจันทร์-พฤหัสบดี เวลา 07.30 น.-18.00 น. และ วันศุกร์-อาทิตย์ เวลา 07.30-22.00 น. 085 820 4010 https://goo.gl/maps/JguCKKarVTrRvw629 https://www.facebook.com/craftsmanroastery การเดินทาง แนะนำให้ใช้รถไฟฟ้า MRT ไปลงสถานีสามยอด จากนั้นเดินมุ่งหน้าไปยังเสาชิงช้า แล้วเลี้ยวเข้าถนนบำรุงเมือง เดินต่อไปประมาณ 850 เมตร ร้านอยู่ถึงก่อนสี่กั๊กเสาชิงช้า หรือสามารถเรียกมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ค่าโดยสารประมาณ 20 บาท

✨ คืนชีวิต ณ โรงพิมพ์บำรุงนุกูลกิจ ✨ อ่านเพิ่มเติม

พักผ่อนบนเกาะส่วนตัว : เกาะมันนอก #ระยอง

🏖พักผ่อนบนเกาะส่วนตัว #ระยอง🌞 เที่ยวหาดสวย น้ำใส กิจกรรมเพียบ🛶 ดำน้ำ พายเรือ เดินเล่นชมธรรมชาติ ปักหมุดจุดหมายปลายทาง พาร่างกายอันเหนื่อยล้าไปพักผ่อนกันที่ “เกาะมันนอก” จ.ระยอง เกาะส่วนตัวไม่ไกลจากกรุงเทพฯ ที่บรรยากาศเงียบสงบเหมาะกับการหลีกหนีความวุ่นวายมาใช้ชีวิตช้าๆ และดื่มด่ำธรรมชาติท้องทะเลพร้อมหาดทรายสีขาวสวยสบายตา บนเกาะมีที่พักเพียงที่เดียวเท่านั้น คือ “Koh Munnork Private Island” ห้องพักมีความเป็นส่วนตัว มีห้องอาหาร สระว่ายน้ำให้บริการ ส่วนกิจกรรมที่ห้ามพลาด คือ การดำน้ำตื้นดูปะการัง สำหรับใครที่ชื่นชอบการพักผ่อนแบบส่วนตัวและต้องการทำกิจกรรม ต้องลองมาสัมผัสด้วยตัวเองดูสักครั้ง

พักผ่อนบนเกาะส่วนตัว : เกาะมันนอก #ระยอง อ่านเพิ่มเติม

✨ ผลไม้ช่วงหน้าร้อน ✨

ประเทศไทย เป็นประเทศที่ขึ้นชื่ออยู่แล้วว่ามีผลไม้เยอะ สามารถหามารับประทานได้ทั้งปี ช่วงนี้เริ่มเข้าสู่หน้าร้อนแล้ว แอดเลยถือโอกาสรวบรวมผลไม้ที่ออกผลในช่วงนี้มานำเสนอ ซึ่งนอกจากจะรสชาติดี ราคาถูกแล้ว ยังหาง่ายอีกด้วย จะมีอะไรบ้าง ตามมาดูได้เลย ✨ ทุเรียน ✨ ราชาแห่งผลไม้ มีรสชาติและกลิ่นเฉพาะตัว รสหวานและมัน กินได้ทั้งแบบสด และแปรรูปอย่าง การกวน ทอด หรือทำเป็นขนมหวาน แม้ทุเรียนจะเป็นที่ชื่นชอบของใครหลายคน แต่ในทุเรียนจะมีส่วนประกอบของสารกำมะถันอยู่ด้วย หากรับประทานมาก ๆ จะทำให้รู้สึกร้อนและอึดอัด เพราะฉะนั้นควรกินแต่พอดี ซึ่งสายพันธุ์ยอดฮิตของทุเรียนก็คือ 1. พันธุ์ก้านยาว เป็นพันธุ์ที่มีราคาแพง รสชาติหวานมันกลมกล่อม นิยมปลูกในจังหวัดนนทบุรี พันธุ์นี้เปลือกจะค่อนข้างหนา เนื้อเนียนละเอียด เมล็ดกลมใหญ่ หนามเรียงเป็นระเบียบ ราคาเริ่มที่ประมาณ 170 บาทต่อกิโลกรัม 2. พันธุ์หมอนทอง สายพันธุ์นี้มีกลิ่นไม่แรงมาก รสชาติหวานมัน ปลูกมากในจังหวัดจันทบุรี จังหวัดพังงา ลักษณะผลมีขนาดใหญ่ รูปร่างหนามแหลมตรง เนื้อละเอียดและแห้ง ไม่แฉะติดมือ เมล็ดเล็กและลีบ ราคาประมาณ 100-140 บาทต่อกิโลกรัม 3.พันธุ์ชะนี เป็นสายพันธุ์ที่นิยมนำไปแปรรูปเป็นอาหารหรือขนม เช่น ข้าวเหนียวทุเรียน ไอศกรีมทุเรียน มีกลิ่นแรง รสจัด มีผลขนาดปานกลางถึงใหญ่ หนามมีขนาดใหญ่สั้น เมล็ดค่อนข้างเล็กและมีจำนวนเมล็ดน้อย แหล่งปลูกจะอยู่ที่อำเภอเกาะช้าง จังหวัดตราด ราคาประมาณ 70-140 บาทต่อกิโลกรัม และหากใครพลาดทุเรียนในช่วงหน้าร้อนนี้ไป แอดขอแนะนำทุเรียนภูขาไฟ จากจังหวัดศรีสะเกษที่จะออกผลในช่วงเดือน มิถุนายน-กรกฎาคม มีสัมผัสกรอบนอกนุ่มใน รสหวานมันไม่แฉะติดมือ ราคาจะเริ่มต้นที่ 170 บาทต่อกิโลกรัม สาวกทุเรียนคนไหนไม่เคยลอง แอดขอบอกเลยว่าห้ามพลาด ✨ มังคุด ✨ มาต่อกันที่ราชินีแห่งผลไม้ ซึ่งมีรสชาติหวานอมเปรี้ยว รับประทานแล้วรู้สึกชื่นใจ เนื้อในมีสีขาวฉ่ำน้ำ เปลือกขั้วบนมีลักษณะคล้ายมงกุฎ จำนวนกลีบของเนื้อสังเกตได้จากจำนวนของกลีบดอกที่อยู่ด้านล่างของเปลือกนอก ปลูกกันมากในภาคใต้และภาคตะวันออก ในพื้นที่จังหวัดชุมพร นครศรีธรรมราช ระนอง พังงาและสุราษฏร์ธานี มังคุด เป็นผลไม้แปลกในเรื่องของสายพันธุ์ เนื่องจากผลมังคุดพัฒนามาจากฐานรองดอก ไม่ได้มีการผสมเกสรของเพศผู้และเพศเมียเหมือนพืชผลชนิดอื่น ทำให้ไม่มีการกระจายตัวทางพันธุกรรม สายพันธุ์จึงไม่มีหลากหลายเหมือนผลไม้ชนิดอื่น ๆ ราคาของมังคุดโดยเฉลี่ย จะอยู่ที่ประมาณ 60-120 บาท ต่อกิโลกรัม ✨ มะยงชิด ✨ ผลไม้ชนิดนี้เป็นฝาแฝดของมะปราง ออกผลเพียงปีละครั้ง แม้มะปรางและมะยงชิดจะคล้ายกันมากเพราะเป็นพืชในกลุ่มเดียวกัน แต่แอดก็มีวิธีสังเกตเพื่อการแยกแยะผลไม้ 2 ชนิดนี้มาฝาก ดังนี้ 1. สังเกตที่ลักษณะผลภายนอก มะปรางจะลูกเล็กกว่ามะยงชิด และหลังจากที่ผลสุกเต็มที่ สีของมะปรางจะออกเหลืองนวล ส่วนมะยงชิดจะออกสีเหลืองอมส้ม 2. ตอนผลดิบ มะปรางจะมีรสมัน สีออกเขียวซีด ส่วนมะยงชิดจะมีรสเปรี้ยว และสีเขียวค่อนข้างจัด เมื่อสุกแล้วมะปรางจะมีรสชาติหวานจืดไปจนถึงหวานจัด ส่วนมะยงชิดจะมีรสหวานอมเปรี้ยว 3. มะปรางบางสายพันธุ์เมื่อกินแล้วจะระคายในคอเพราะมียาง แต่มะยงชิดไม่มียาง กินอร่อย ไม่ระคายคอ พันธุ์มะยงชิดที่ได้รับความนิยม มี 3 สายพันธุ์ คือ 1. พันธุ์เพชรกลางดง ปลูกกันมากที่ อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา เป็นพันธุ์ที่ออกผลง่าย แหล่งกำเนิดอยู่ที่บ้านกลางดง จังหวัดกำแพงเพชร ผลใหญ่ รสหวาน เนื้อกรอบ 2. พันธุ์ทูลเกล้า เป็นพันธุ์ขึ้นชื่อของ จังหวัดนครนายก ผลมีขนาดเสมอกันทุกพวง เมล็ดลีบเนื้อในเยอะ รสหวานแหลม กลิ่นหอม 3. พันธุ์บางขุนนนท์ ในสมัยรัชกาลที่ 5 เรียกกันว่า มะปรางเสวย แหล่งกำเนิดอยู่ที่ ตำบลท่าอิฐ จังหวัดนนทบุรี รสชาติหวานอมเปรี้ยว เป็นพันธุ์มะยงชิดที่เก่าแก่สายพันธุ์หนึ่ง โดยราคาของมะยงชิดโดยเฉลี่ย จะอยู่ที่ประมาณ 50-100 บาท ต่อกิโลกรัม แตงโม ผลไม้สุดฮิตช่วงหน้าร้อน มีเนื้อสีแดงหรือสีเหลืองแล้วแต่สายพันธุ์ มีเนื้อฉ่ำน้ำ กรอบ รสหวาน เย็นชื่นใจ ยิ่งแช่เย็นยิ่งสดชื่น กินแบบสดก็อร่อย นำมาปั่นเป็นน้ำแตงโมดับกระหายก็ดี บางคนก็เอามาทำเป็นของว่างอย่างปลาแห้งแตงโมก็น่ารับประทานมาก แหล่งปลูกแตงโมกระจัดกระจายอยู่ในจังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ เช่น จังหวัดกาญจนบุรี นครราชสีมา ยโสธร สกลนคร สระแก้ว สุโขทัย นครสวรรค์และอยุธยา โดยสายพันธุ์ยอดฮิตก็คือ 1. แตงโมจินตหรา ผลยาวรี เปลือกเขียวเข้มสลับลายเขียวอ่อน เนื้อละเอียดสีแดง กรอบ เปลือกอ่อน ราคาประมาณกิโลกรัมละ 6-10 บาท 2. แตงโมตอร์ปิโด ผลจะยาวรีกว่าพันธุ์จินตหรา เปลือกเหนียว เนื้อหยาบสีแดงสด แน่น หวาน กรอบ ราคาประมาณกิโลกรัมละ 9-15 บาท 3. แตงโมกินรี ผลกลม เปลือกเขียวเข้มสลับลายเขียวเข้มเกือบดำ เนื้อละเอียดสีแดง กรอบ เปลือกอ่อน ราคาประมาณกิโลกรัมละ 12-16 บาท

✨ ผลไม้ช่วงหน้าร้อน ✨ อ่านเพิ่มเติม

✨ วัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร ✨

วันนี้แอดอยากชวนเพื่อน ๆ ไปเที่ยวแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ นั่นคือ วัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร วัดสวยบนเกาะรัตนโกสินทร์ที่นอกจากจะมีศิลปกรรมที่งดงามแล้ว ยังมีประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ และเป็นโอกาสที่เราจะได้ท่องเที่ยวไปพร้อมกับทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาในเวลาเดียวกัน เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรมหาวิหาร 1 ใน 6 ของไทย ที่สร้างขึ้นตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 เมื่อ พ.ศ. 2350 เพื่อให้เป็นวัดใจกลางกรุงรัตนโกสินทร์เปรียบดังเช่นวัดพนัญเชิงวรวิหาร ของกรุงศรีอยุธยา ก่อสร้างแล้วเสร็จในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ใช้เวลาในการก่อสร้างรวม 40 ปี และยังเป็นวัดประจำรัชกาลของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล รัชกาลที่ 8 🌟 พระวิหารหลวง 🌟 สร้างขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 เพื่อประดิษฐาน “พระศรีศากยมุนี (หลวงพ่อโต)” ซึ่งอัญเชิญมาจากพระวิหารหลวง วัดมหาธาตุ จังหวัดสุโขทัย พระศรีศากยมุนี (หลวงพ่อโต) ถือเป็นองค์พระพุทธรูปปางมารวิชัยแบบหล่อสำริดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของไทย และที่ใต้ผ้าทิพย์ด้านหน้าพุทธบัลลังก์ของพระศรีศากยมุนี บรรจุพระบรมราชสรีรังคารของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล รัชกาลที่ 8 ภายในพระวิหารหลวงมีจิตรกรรมฝาผนังต้นแบบสัตว์หิมพานต์ที่งดงาม รวมถึงจิตรกรรมฝาผนัง เปรตวัดสุทัศน์ ที่โด่งดัง ซึ่งเป็นภาพเปรตตนหนึ่งนอนพาดกายอยู่ โดยมี พระสงฆ์กำลังยืนพิจารณาสังขาร ใครอยากเห็นภาพจิตรกรรมที่ขึ้นชื่อนี้ ต้องเดินไปด้านหลังพระประธาน โดยภาพจิตรกรรมดังกล่าวอยู่ที่เสาด้านขวา นอกจากนี้ ด้านหลังขององค์พระศรีศากยมุนี ยังเป็นที่ตั้งของ “แผ่นศิลาจำหลักสมัยทวารวดี” สลักเรื่องพระพุทธเจ้าแสดงยมกปาติหาริย์ 🌟 พระสุนทรีวาณี 🌟 พระสุนทรีวาณี คือรูปเปรียบพระธรรม ที่สมเด็จพระวันรัต (แดง สีลวฑฺฒโน) ดำริสร้างขึ้นด้วยการผูกลักษณาการจากบทปณามคาถาบูชา พระธรรมที่ปรากฎในบานแพนกของคัมภีร์สุโพธาลังการ สัททาวิเสส มีลักษณะเป็นเทพธิดาประทับนั่ง บนดอกบัว ยกพระหัตถ์ขวาแสดงอาการกวัก เทพธิดาเปรียบเหมือนพระธรรม ดอกบัวเปรียบเหมือนพระโอษฐ์ของพระพุทธเจ้า อาการกวักเปรียบเหมือนเชิญน้อมเข้ามาสู่ตน พระสุนทรีวาณี (ลอยองค์) ประดิษฐานภายในพระวิหารหลวง เปิดให้ประชาชนเข้ากราบสักการะได้ ส่วนภาพพระสุนทรีวาณี ประดิษฐานภายในตำหนักสมเด็จพระสังฆราช (แพ) (ไม่เปิดให้เข้ากราบสักการะ)  พระอุโบสถ  ถูกจัดว่าเป็นพระอุโบสถที่ยาวที่สุดในประเทศไทย สร้างขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ภายในเป็นภาพเขียนจิตรกรรมฝาผนังพุทธประวัติฝีมือช่างในรัชสมัยเดียวกัน ด้านในประดิษฐาน พระพุทธตรีโลกเชษฐ์ พระพุทธรูปปางมารวิชัย ซึ่งต่อมา พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 โปรดให้สร้างอสีติมหาสาวก จำนวน 80 องค์ นั่งพนมมือฟัง พระบรมพุทโธวาทเบื้องพระพักตร์พระพุทธเจ้า ด้านหลังพระอุโบสถ เป็นที่ประดิษฐานของพระกริ่งใหญ่ และท้าวเวสสุวรรณ พระกริ่งใหญ่นี้ ใช้ในพิธีปลุกเสกน้ำพระพุทธมนต์ถือเป็นพระกริ่งที่มีชื่อเสียง และได้รับความนิยมมากที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย ส่วนองค์ท้าวเวสสุวรรณ ถือเป็นเทวดาที่มีบารมี มีนักท่องเที่ยวให้ความศรัทธา เดินทางมาขอพรอย่างไม่ขาดสาย  พระพุทธเสรฏฐมุนี หรือ พระกลักฝิ่น  เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย สร้างขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ประดิษฐานเป็นพระประธาน ณ ศาลาการเปรียญ หล่อจากกลักฝิ่นที่ทำจากทองแดง ทองเหลือง ในยุคปราบฝิ่น พ.ศ. 2382 พระบาทสมเด็จ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานนามว่า “พระพุทธเสรฏฐมุณี” แปลว่า พระผู้ประเสริฐสุด มีความหมายว่า ผู้ติดสิ่งเสพติดทั้งหลาย สามารถกลับใจเป็นคนดีได้เสมอ ย่อมสว่างรุ่งเรือง เหมือนพระพุทธรูปที่ทรงสร้าง อันจะเป็นพลัง แข็งแกร่งชนะจิตใจให้เหินห่างสิ่งเสพติด ได้ ถือเป็นพระกลักฝิ่นที่มีเพียงองค์เดียวในโลกปัจจุบันมีผู้ศรัทธามาสักการะเป็นจำนวนมาก ด้วยมีความเชื่อว่า สามารถขอถอนคำอธิษฐาน คำสัญญา คำสาบาน และแก้กรรมได้  สัตตมหาสถาน  คือการจำลองเหตุการณ์พระพุทธเจ้าทรงเสวย วิมุตติสุขหลังตรัสรู้ ในสถานที่สำคัญ 7 แห่ง แห่งละ 7 วัน เป็นเวลา 7 สัปดาห์ ซึ่งเป็นสาเหตุที่วัดสุทัศน์ฯ เป็นวัดที่ไม่มีเจดีย์เหมือนวัดอื่นๆ เพราะมีสัตตมหาสถานเป็นอุเทสิกเจดีย์ นั่นเอง   พระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล รัชกาลที่ 8  ประดิษฐานอยู่ด้านหน้าของพระวิหารหลวง มีเรื่องเล่าว่า ครั้งที่พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล รัชกาลที่ 8 ยังทรงพระเยาว์และได้เสด็จฯมายังวัดสุทัศน์ ฯ นั้น ได้ตรัสว่า เป็นวัดที่เงียบสงบ น่าอยู่ หลังเสด็จสวรรคต พระบาทสมเด็จ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 จึงได้อัญเชิญพระบรมราชสรีรังคาร มาบรรจุที่ใต้ผ้าทิพย์ด้านหน้าพุทธบัลลังก์พระศรีศากยมุนี ในพระวิหารหลวง ซึ่งในวันที่ 9 มิถุนายน ของทุกปี จะมีพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลคล้ายวันสวรรคคต  ประชาชนผู้สนใจสามารถร่วมกิจกรรมทำวัตรที่วัดสุทัศน์ฯได้ทุกวัน  พระอุโบสถ ทำวัตรเช้า 8.30 น. ทำวัตรเย็น 16.00 น.  พระวิหารหลวง ทำวัตรกลางวัน 12.00 น. (เสาร์-อาทิตย์ 13.00 น.) ทำวัตรค่ำ 18.30 น. การเดินทาง : รถประจำทางสาย 10 ,12, 19 ,35 ,42 รถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน ลงที่สถานีสามยอด ทางออกที่ 3 แล้วเดินต่อประมาณ 600 เมตร วัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร  ถนนบำรุงเมือง แขวงวัดราชบพิตร เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร  เปิดทุกวันเวลา 08.30-18.00 น.  02 222 6932, 02 222 9635 https://goo.gl/maps/hJTz7fU7oJm

✨ วัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร ✨ อ่านเพิ่มเติม

✨ เที่ยววิถีชุมชน ยลเมืองเพชร ✨

เวลานึกถึงเพชรบุรี ถ้าไม่ใช่ทะเล เพื่อน ๆ คิดออกไหมว่าจะไปไหนดี หากยังไม่มีไอเดีย แอดมินจะขอพาไปสัมผัสกับแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติและสนุกกับกิจกรรมในชุมชนเล็ก ๆ ที่น่ารักในจังหวัดเพชรบุรีกันค่ะ  วันที่ 1 1 ชมพระรามราชนิเวศน์ (วังบ้านปืน) 2 เช็คอินกินขนมอร่อยที่ สวนตาลลุงถนอม 3 ผ่อนคลายสบายผิว ที่ กังหันทอง  วันที่ 2 4 ชมธนาคารต้นไม้ และกิจกรรมมากมาย ที่ ชุมชนบ้านถ้ำเสือ การเดินทาง  รถยนต์ส่วนตัว จากกรุงเทพฯใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง หรือรถตู้ประจำทาง สามารถขึ้นได้ทั้งที่สถานีขนส่งหมอชิตและสายใต้  วันที่ 1 พระรามราชนิเวศน์ (วังบ้านปืน)  “พระรามราชนิเวศน์” หรือที่รู้จักในชื่อ “พระราชวังบ้านปืน” สถานที่ประทับแปรพระราชฐานที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้า ฯ ให้สร้างขึ้นเมื่อเสด็จประพาสจังหวัดเพชรบุรี พระราชวังบ้านปืนเป็นอาคารสีขาว 2 ชั้น สร้างตามแบบสถาปัตยกรรมยุโรปโดยสถาปนิกชาวเยอรมัน ด้านหน้าอาคารมีพระบรมรูปรัชกาลที่ 5 ชั้นล่างเป็นท้องพระโรงกลาง ห้องเสวยและห้องครื่อง ส่วนชั้นบนเป็นห้องบรรทมและห้องทรงพระอักษร  ปัจจุบันเปิดให้เข้าชมฟรี ใครยังไม่เคยมาชม แอดแนะนำเลยค่ะ สวยงามมาก ๆ  ไม่อนุญาตให้ถ่ายรูปภายใน  ตำบลบ้านปืน อำเภอเมืองเพชรบุรี จังหวัดเพชรบุรี  เปิดทุกวัน เวลา 08.00-16.00 น.  0 3242 8506-10 ต่อ 259 https://goo.gl/maps/ypgnYY1yDCmQo3wMA สวนตาลลุงถนอม  เพชรบุรี ได้ชื่อว่ามีต้นตาลและสวนตาลจำนวนมาก แน่นอนว่าเราก็ต้องไม่พลาด แอดจะพาเพื่อน ๆ ไปชมและเรียนรู้เรื่องตาลที่ “สวนตาลลุงถนอม” ผู้ตั้งใจที่จะอนุรักษ์ต้นตาลไว้เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของเพชรบุรี ที่สวนตาลแห่งนี้ปลูกต้นตาลไว้กว่า 400 ต้น ไม่เพียงเป็นสวนเกษตรแต่ยังเป็นแหล่งเรียนรู้เรื่องตาลที่มีชื่อเสียงอีกด้วย สัมผัสแรกที่ได้เห็นก็คือ แนวต้นตาลที่ปลูกเรียงเป็นแถวอย่างสวยงาม บรรยากาศร่มรื่นมาก ๆ  ที่นี่มีกิจกรรมที่น่าสนใจมากมาย เช่น การชมการขึ้นตาล การทำขนมตาล เคี่ยวน้ำตาล ซึ่งทั้งหมดนี้ไม่ได้เป็นการสาธิตให้นักท่องเที่ยวชมเท่านั้น แต่ยังเป็นวิถีชีวิตและอาชีพที่ชาวสวนตาลตัวจริงเสียงจริงสืบทอดจากบรรพบุรุษมาจนปัจจุบัน  หลังชมกิจกรรมแล้วก็อย่าพลาดการลองชิมน้ำตาลสด และน้ำตาลโตนดแสนอร่อย รวมทั้งขนมตาลหอม ๆ ที่เพิ่งออกจากเตากันนะ  ตำบลถ้ำรงค์ อำเภอบ้านลาด จังหวัดเพชรบุรี  เปิดทุกวัน 09.00-17.00 น.  08 7800 7716 https://goo.gl/maps/C3uHrEJxNLV3S8P47 สปาเกลือกังหันทอง ในวันที่ร่างกายเหนื่อยล้า หลายคนเลือกผ่อนคลายด้วยการไปสปา แอดจะพาไป “กังหันทอง”แหล่งผลิตเกลือสปาที่มีชื่อเสียงของเพชรบุรี ซึ่งเลือกสรรสุดยอดเม็ดเกลือก็คือดอกเกลือบริสุทธิ์มาผสมผสานกับสมุนไพรต่าง ๆ เพื่อให้เป็นผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวที่เปี่ยมคุณภาพ ชื่อ “กังหันทอง” มีที่มาจากวิธีการทำนาเกลือในอดีตที่ใช้กังหันลมผันน้ำเข้าสู่นาเกลือ ส่วนดอกเกลือบริสุทธิ์ที่ได้ก็เปรียบเสมือนทองคำบนผืนนาเกลือนั่นเอง ที่นี่มีกิจกรรมหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นการฟังบรรยาย ชมสาธิตการทำเกลือสปา หรือผ่อนคลายด้วยการทำสปาเท้าแช่น้ำดอกเกลือ รวมไปถึงการนวดบำบัดความเครียด โดยปกติแล้วการนวดจะให้บริการเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ หากเพื่อน ๆ ต้องการไปในวันธรรมดา ต้องติดต่อล่วงหน้า 1 วันเพื่อเตรียมสถานที่ นอกจากนี้ ที่นี่ยังมีผลิตภัณฑ์จากดอกเกลือให้เพื่อน ๆ ได้เลือกช้อปปิ้ง น่าใช้ไปหมดเลยค่ะ   ตำบลบางแก้ว อำเภอบ้านแหลม จังหวัดเพชรบุรี  เปิดทุกวัน เวลา 09.00 – 16.00 น.  086 544 4473 https://goo.gl/maps/ePeU1nbHMtEycTxK9 ตะวันใกล้ลับฟ้า หากเพื่อน ๆ ยังไม่มีแผนเรื่องที่พัก แอดขอแนะนำ โฮมสเตย์ บ้านถ้ำเสือ ชุมชนท่องเที่ยวที่แอดจะพาเพื่อน ๆ ไปทำกิจกรรมในวันถัดไปนั่นเอง มีทั้งแบบบ้านพัก หรือจะกางเต็นท์ก็น่าสนใจไม่น้อย สามารถสอบถามราคากับทางชุมชนได้โดยตรง   วันที่ 2 ชุมชนบ้านถ้ำเสือ  ชุมชนบ้านถ้ำเสือเป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ท่ามกลางขุนเขา นอกจากจะมีความร่มรื่นน่าไปเยี่ยมชมแล้ว ที่นี่ถือเป็นชุมชนต้นแบบในการอนุรักษ์ธรรมชาติ เป็นแหล่งเรียนรู้ด้านเกษตรอินทรีย์ เกษตรผสมผสาน มีโครงการธนาคารต้นไม้ สนับสนุนโดย ธ.ก.ส. ซึ่งเป็นโครงการที่ส่งเสริมให้คนในชุมชนหันมาปลูกต้นไม้ และเห็นคุณค่าต้นไม้ในเชิงเศรษฐกิจ  ในชุมชนมีกิจกรรมให้เรียนรู้และลงมือทำหลายอย่าง เพื่อน ๆ สามารถเลือกได้เลยค่ะ แต่มาแล้วทั้งที แอดขอเลือกกิจกรรมแบบเต็มวันให้จุใจไปเลยแล้วกัน เริ่มจากเยี่ยมชมธนาคารต้นไม้ ยิงกระสุนเมล็ดพันธุ์ปลูกป่า ทำไข่เค็มดินสอพองอัญชัน ทำทองม้วนตาลโตนด และกิจกรรมล่องเรือยางสะพานสองพี่น้อง โดยทั้งหมดนี้มีค่ากิจกรรมอยู่ที่ 650 บาท/คน คุ้มมาก ๆ สำหรับเพื่อน ๆ ที่สนใจ แนะนำให้จองล่วงหน้าอย่างน้อย 3-5 วัน และอย่างน้อย 5 คนขึ้นไป เพื่อให้ทางสถานที่ได้เตรียมการต้อนรับ มื้อเที่ยงก็ไม่ต้องกังวลนะคะ เพราะทางชุมชนจะจัดอาหารให้ด้วย เมนูแนะนำได้แก่ น้ำพริกกะปิกุ้งสด ปลาตะเพียนทอดกรอบ ยำผักกรูด ซึ่งแต่ละเมนูก็ใช้วัตถุดิบที่เป็นผลผลิตของชุมชนนี่เอง  สำหรับผู้ที่ไม่ได้มาพักหรือมาทำกิจกรรมที่นี่ ก็ยังสามารถมารับประทานอาหารอร่อย ๆ ได้ที่โซนร้านอาหารของชุมชน แต่แนะนำว่าให้ติดต่อกับทางชุมชนล่วงหน้า ขอบคุณรูปภาพสวย ๆ จาก เพจ โฮมสเตย์ บ้านถ้ำเสือ อ.แก่งกระจาน  เลขที่ 8 ตำบลแก่งกระจาน อำเภอแก่งกระจาน เพชรบุรี  เปิดทุกวัน เวลา 07.00-20.00 น. (เปิดให้เข้ามากางเต็นท์ได้ตั้งแต่ 09.00-21.00 น.)  0811303835 https://goo.gl/maps/ePeU1nbHMtEycTxK9

✨ เที่ยววิถีชุมชน ยลเมืองเพชร ✨ อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top