สถานที่ท่องเที่ยว

ราชบุรี : เที่ยวตลาด – ไหว้พระ – ชมโอ่ง

#ราชบุรี…นับเป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่มีแหล่งท่องเที่ยวน่าสนใจมากมายแถมไม่ไกลจากกรุงเทพฯ ไม่ว่าจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ วัฒนธรรม และสินค้าขึ้นชื่อของจังหวัดอย่างโอ่งมังกร วันนี้แอดมีเส้นทางท่องเที่ยวจังหวัดราชบุรีง่าย ๆ มาแนะนำ ใครที่กำลังหาสถานที่ไปพักผ่อนชิลล์ ๆ ตามแอดมาได้เลย  วันที่ 1 จุดที่ 1 ตลาดน้ำดำเนินสะดวก : ช้อป ชิม ชิลล์ ณ ตลาดน้ำดำเนินสะดวก จุดที่ 2 วัดโพธิ์รัตนาราม : ชมโบสถ์สแตนเลสแห่งที่ 2 ของประเทศไทย จุดที่ 3 รัตนโกสินทร์ ๑ : ชมการผลิตโอ่งทำมือที่มีชื่อเสียง OTOP 5 ดาว  วันที่ 2 จุดที่ 4 ตลาดโอ๊ะป่อย : ตักบาตรพระริมน้ำยามเช้า การเดินทาง รถประจำทาง จากสถานีขนส่งกรุงเทพฯ (สายใต้ใหม่) ไปจังหวัดราชบุรีทุกวัน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง รถตู้ จากสถานีขนส่งกรุงเทพฯ (สายใต้ใหม่) จากสถานีขนส่งกรุงเทพฯ (หมอชิต) รถไฟ มีบริการรถไฟจากสถานีรถไฟหัวลำโพง และสถานีรถไฟธนบุรี (บางกอกน้อย) ลงที่สถานีรถไฟราชบุรี เริ่มต้นกันที่ #ตลาดน้ำดำเนินสะดวก ตลาดน้ำที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก โดยคลองดำเนินสะดวกนี้เป็นคลองที่เชื่อมระหว่างแม่น้ำแม่กลองและแม่น้ำท่าจีน โดยปกติตลาดน้ำแห่งนี้จะคึกคักมาก แต่ในช่วงสถานการณ์โรคระบาดที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวลดการเดินทาง ทำให้เงียบเหงาไปมาก ถือโอกาสที่แอดมีโอกาสไปเที่ยวชม เลยขอเก็บบรรยากาศมาฝากให้หายคิดถึงกัน ตอนนี้พ่อค้าแม่ค้าที่ขายของกันในเรือหางยาวเริ่มกลับมาคึกคักกันแล้วนะ ร้านรวงก็กลับมาเปิดปกติ ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร ร้านของฝาก ใครที่อยากนั่งเรือชมตลาด ที่นี่มีบริการเรือนำเที่ยวอยู่หลายเจ้า ราคาเริ่มต้นที่ 400 บาท เป็นเรือพาย นั่งได้ 4-5 คน ตลาดน้ำดำเนินสะดวก  51 ตำบลดำเนินสะดวก อำเภอดำเนินสะดวก จังหวัดราชบุรี  เปิดทุกวัน เวลา 08.00-13.00 น.  โทร. 0 3291 9176 ททท. สำนักงานราชบุรี https://goo.gl/maps/MfcsCXp6bqQ8u4Gj8 #วัดโพธิ์รัตนาราม (วัดโพธิ์คู่) ต่อไป เราจะไปที่วัดโพธิ์รัตนาราม อำเภอบ้านโป่ง ซึ่งอยู่ห่างจากอำเภอเมืองประมาณ 40 กิโลเมตร วัดโพธิ์รัตนาราม หรือที่ชาวบ้านเรียกกันติดปากว่า วัดโพธิ์คู่ เพราะเมื่อก่อนมีต้นโพธิ์ขึ้นคู่กันอยู่หลายคู่ ไฮไลท์ที่ต้องห้ามพลาดคือ อุโบสถสแตนเลส นั่นเอง เดิมอุโบสถสร้างด้วยอิฐและปูน เมื่อบูรณปฏิสังขรณ์ใหม่ มีการหุ้มสแตนเลสครอบหลังเดิมทั้งหลัง โดยด้านในเป็นไม้สักทำให้อากาศไม่ร้อน แถมเย็นสบาย มีพระพุทธชินราชเป็นพระประธานให้เข้าไปกราบสักการะ  หมู่ที่ 5 ตำบลปากแรต อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี  เปิดทุกวัน เวลา 08.00-18.00 น.  โทร. 08 7085 4404 https://goo.gl/maps/G9CT6UNQtAAYMNCYA #รัตนโกสินทร์๑ ถัดมาเราจะมาแวะชมโรงโอ่งรัตนโกสินทร์ ๑ โรงโอ่งมังกรที่ขึ้นชื่อของราชบุรี ที่นี่เป็นที่แรกและที่เดียวที่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปชมวิธีการทำได้ทุกขั้นตอน เริ่มจากการหมักดินสูตรพิเศษ การขึ้นรูป การเผา การวาดลาย สิ่งที่เป็นเอกลักษณ์อันโดดเด่นของโรงโอ่งนี้ก็คือการใช้ฝีมือของช่างนั่นเอง กว่าจะได้โอ่งแต่ละใบ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยค่ะ ต้องผ่านกระบวนการหลายขั้นตอน ทั้งต้องอาศัยความชำนาญและประสบการณ์ของช่างด้วย ซึ่งโอ่งแต่ละขนาดก็จะใช้เวลาการทำไม่เท่ากัน ถ้าถูกใจสินค้าชิ้นไหนก็สามารถช้อปเป็นของฝากกลับบ้านกันได้ มีให้เลือกหลากหลายรูปแบบเลยล่ะ โรงโอ่งรัตนโกสินทร์ ๑  124 หมู่ 4 ถนนเพชรเกษม ตำบลโคกหม้อ อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี  เปิดทุกวัน เวลา 08.00-17.00 น.  โทร. 0 3233 4664 https://goo.gl/maps/TWokxNbDFCJCFKwS8 #ตลาดโอ๊ะป่อย จากอำเภอเมืองไปอำเภอสวนผึ้ง ระยะทางประมาณ 63 กิโลเมตร เราจะไปกันที่ตลาดโอ๊ะป่อย เป็นตลาดเช้าริมลำน้ำภาชี สำหรับคนที่อยากจะตื่นเช้ามาใส่บาตร แอดแนะนำให้หาที่พักในอำเภอสวนผึ้งค่ะ “โอ๊ะป่อย” เป็นภาษากะเหรี่ยง มีความหมายว่า “พักผ่อน” ตลาดแห่งนี้เกิดจากความร่วมมือของผู้ประกอบการสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวสวนผึ้ง ชุมชน และภาครัฐท้องถิ่น เพื่อสร้างความยั่งยืนให้แก่ชุมชน และให้ผู้มาเยือนได้สัมผัสกับบรรยากาศที่เป็นธรรมชาติ บรรยากาศในตลาดน่ารักมาก ร้านค้าสร้างด้วยไม้ไผ่ ดูกลมกลืนกับธรรมชาติ มีพ่อค้าแม่ค้านำสินค้ามาขายกันมากมาย ทั้งของคาว ของหวาน เครื่องดื่ม ของที่ระลึก บอกเลยว่าหลากหลายจริง ๆ สิ่งที่ไม่อยากให้พลาดเมื่อมาที่ตลาดโอ๊ะป่อยก็คือ การตักบาตรพระสงฆ์บนแพไม้ไผ่ยามเช้านั่นเอง โดยพระสงฆ์จะล่องแพมาบิณฑบาตประมาณ 07.30 – 08.00 น. หากใครอยากจะมารอใส่บาตร แนะนำให้มาก่อนเวลาสักครึ่งชั่วโมง  ตรงข้ามวัดป่าท่ามะขาม ตำบลสวนผึ้ง อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี  เปิดวันเสาร์ – อาทิตย์ เวลา 07.00 – 14.00 น.  09 2371 7799 https://goo.gl/maps/BYa4k9y9q5xbzWVD6

ราชบุรี : เที่ยวตลาด – ไหว้พระ – ชมโอ่ง อ่านเพิ่มเติม

✨ ตุ๊กตาอับเฉา ✨

หากเพื่อน ๆ มีโอกาสไปวัดเก่าแก่ใน กรุงเทพฯ อย่างวัดเทพธิดาราม วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม วัดอรุณราชวราราม ฯลฯ คงเคยเห็นรูปปั้นหินศิลปะจีนกันมาบ้าง แต่รู้ไหมว่า รูปปั้นเหล่านี้ที่เรียกว่า “ตุ๊กตาอับเฉา” มีที่มาที่ไปยังไง วันนี้แอดจะมาแชร์เกร็ดความรู้นี้ให้เพื่อน ๆ ได้รู้กัน “ตุ๊กตาอับเฉา” หรือ “อับเฉาเรือ” ในสมัยรัชกาลที่ 3 ประเทศไทย (สยาม) มีการค้าขายกับประเทศจีน ผ่านเรือสำเภา ซึ่งตอนขนส่งสินค้าไทยไปจีน เรือจะบรรทุกสินค้าไปเต็มเรือ แต่ในตอนกลับ เรือไม่สามารถเดินทางกลับด้วยลำเรือเปล่า ๆ ได้ เนื่องจากเรือสมัยโบราณใช้ไม้ที่มีน้ำหนักเบา เมื่อเจอคลื่นลมแรงอาจล่มได้ จำเป็นต้องมีของถ่วงน้ำหนัก ไม่ให้เรือเบาเกินไป จึงเป็นที่มาของการใช้หิน แกะสลักเป็นของใช้ รูปปั้น หรือตุ๊กตาตามที่มีคนต้องการ ใส่ไว้ในห้องใต้ท้องเรือ ซึ่งเมื่อถึงไทย ก็จะมีการนำอับเฉาเหล่านี้มาตั้งตกแต่งวัดวาอาราม พระราชวัง หรือบ้านผู้มียศศักดิ์ ประเภทของอับเฉานั้นมีหลากหลายมาก ยกตัวอย่างได้ดังนี้ 1. ตุ๊กตาหินที่มีรูปร่างสูงใหญ่ แต่งกายสวยงามเต็มยศอย่างขุนนางจีน มีทั้งฝ่ายบู๊ มือถืออาวุธ หน้าตาดุดันใส่เสื้อเกราะ ไปจนถึงฝ่ายบุ๋น หน้าตาอมยิ้ม สวมหมวกทรงสูงแบบนักปราชญ์ มือถือหนังสือเป็นนักปกครอง นักวางแผนแห่งราชสำนัก ซึ่งอับเฉาชนิดนี้เรียกว่า ลั่นถัน 2. รูปคนต่าง ๆ เช่น นักบวช ผู้หญิง ผู้ชาย เด็ก เซียน เทพ ฝรั่ง ซึ่งมีเครื่องแต่งกายแตกต่างกันตามช่างแกะหินจะจินตนาการ 3. รูปสัตว์ มีทั้งสัตว์ในจินตนาการเช่น มังกร หงส์ กิเลน และสัตว์ทั่ว ๆ ไปอย่าง เต่า ม้า ลิง เสือ สิงโต 4. สิ่งของเครื่องใช้ เช่น แท่นบูชา เสามังกร กระถางหิน เจดีย์จีน 5. สิ่งประกอบโครงอาคาร เช่น ขอบกั้นระเบียง บันได พื้นปูใบเสมา  เอาล่ะ ตอนนี้เพื่อน ๆ ก็รู้ความเป็นมาคร่าว ๆ ของตุ๊กตาอับเฉาแล้ว หากใครอยากเห็นของจริงสามารถตามไปดูได้หลายวัดเลย เช่น วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร (วัดโพธิ์)  2 ถนนสนามไชย แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร 10200  เปิดทุกวัน ตั้งแต่ 08.00-18.30 น.  0 83057 7100 https://goo.gl/maps/T4X37K8R4yCqPgk27 วัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร  146 ถ.บำรุงเมือง แขวงวัดราชบพิตร เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร 10200  เปิดทุกวัน ตั้งแต่ 08.00-20.30 น.  0 2622 2819, 06 3654 6829 https://goo.gl/maps/KxFR89jWkDvniPnr7 วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร (วัดแจ้ง)  158 ถนนวังเดิม แขวงวัดอรุณ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร 10600  เปิดทุกวัน ตั้งแต่ 08.00-18.00 น.  0 2891 2185 https://goo.gl/maps/vUWQN7PKVdY4DdYv6 วัดเทพธิดารามวรวิหาร  70 ถ.มหาไชย แขวงสำราญราษฎร์ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร 10200  เปิดทุกวัน ตั้งแต่ 08.00-17.00 น.  0 2225 7425, 0 2621 1178 https://goo.gl/maps/2nus2ngSZjYgJP7u5 วัดราชโอรสารามราชวรวิหาร  258 ซอยเอกชัย 4 ถนนเอกชัย แขวงบางขุนเทียน เขตจอมทอง กรุงเทพมหานคร 10150  เปิดทุกวัน ตั้งแต่ 06.00-18.00 น.  0 2893 7274 https://goo.gl/maps/kAtcZdRdztXC73tj9 ถือเป็นการไปดูตุ๊กตาหินสวย ๆ และแวะทำบุญไปในตัวพร้อมกันเลย 

✨ ตุ๊กตาอับเฉา ✨ อ่านเพิ่มเติม

✨ วัดท่าซุง (วัดจันทาราม) จังหวัดอุทัยธานี ✨

วัดท่าซุง หรือ วัดจันทาราม เป็นวัดที่มีชื่อเสียงประจำจังหวัดอุทัยธานี เดิมก่อตั้งมาก่อนสร้างกรุงศรีอยุธยา 30 ปี ประมาณปี พ.ศ.1863 ในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้น หลวงพ่อใหญ่รูปแรกที่เป็นผู้สร้างวัด ชื่อ “ปาน” ท่านธุดงค์มาพบที่นี่เข้าแล้วก็เลยสร้างวัดตรงนี้ คำว่า “วัดจันทาราม” ชื่อนี้ตั้งตามชื่ออดีตเจ้าอาวาสชื่อ “จันท์” (ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช นายทหารชื่อ “จันท์” มียศถึงพระยา กลับจากศึกเชียงใหม่ มาตามหาภรรยาไม่พบเลยมาบวชที่วัด ต่อมาเป็นสมภาร เปลี่ยนชื่อวัดมาเป็น “วัดจันทาราม” ตามชื่อท่านสมภาร) หรืออีกชื่อหนึ่งที่บุคคลทั่วไปนิยมเรียกว่า “วัดท่าซุง” เพราะในอดีตจังหวัดอุทั ภายในวัดท่าซุงมีสถานที่สำคัญที่สวยงาม วันนี้แอดจะพาเพื่อน ๆ ไปเยี่ยมชมและกราบไหว้ขอพร ตามแอดมาเลยจ้า พระมหาวิหารแก้ว 100 เมตร เป็นสถานที่ที่หลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง) สร้างไว้ก่อนมรณภาพและไว้สรีระสังขารของท่าน และเป็นที่ประดิษฐานของพระประธาน (ทรงพุทธชินราช) ภายในวิหาร 100 เมตรเป็นวิหารที่ปิดด้วยประจกใสเกือบทั้งหมด ภายในสร้างด้วยโมเสกสีขาวระยิบระยับงดงามตระการตา  วิหารแก้ว เปิดให้เข้าชม 2 รอบต่อวันคือ เวลา 09.00 – 11.30 น. และ เวลา 13.00-16.00 น. หอพระไตรปิฏก – พระยืน 30 ศอก (หลวงพ่อเงินไหลมาเทมา) พระพุทธรูปประทับยืนอุ้มบาตร เดิมเรียกว่า “หลวงพ่อโต” อยู่บริเวณใกล้กับวิหารสมเด็จองค์พระปฐม ภายในบริเวณนี้มีเจดีย์พุดตาน และหอพระไตรปิฎกสูงขนาดตึก 6 ชั้น เป็นสถานที่ที่ถูกสร้างไว้ให้สักการบูชาและขอพร และยังเป็นสถานที่เก็บรักษาพระไตรปิฏกอีกด้วย ปราสาททองคำ (กาญจนาภิเษก) ที่มาของคำว่า ปราสาททองคำ (กาญจนาภิเษก) เนื่องจาก ปี พ.ศ. 2539 เป็นปีที่ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ขึ้นครองราชย์ครบ 50 ปี ท่านเจ้าอาวาสจึงนำการสร้าง “ปราสาททองคำ” ขึ้นถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในวาระที่ทรงเสวยราชย์เป็นปีที่ 50 และทางสำนักพระราชวังได้ให้ชื่อปราสาททองคำใหม่ว่า “ปราสาททองคำกาญจนาภิเษก” วัดท่าซุง ⏱เปิดให้เข้าชม : 08.00-16.00 น. 🏫ที่อยู่ : หมู่ 2 ตำบลน้ำซึม อำเภอเมือง จังหวัดอุทัยธานี 🛣 Maps : https://goo.gl/maps/qFM1DZ8WquBxXcvL9 📱Facebook : https://www.facebook.com/jantaram.thasung ☎️โทร. 056 506 502

✨ วัดท่าซุง (วัดจันทาราม) จังหวัดอุทัยธานี ✨ อ่านเพิ่มเติม

หมู่บ้านมอญห้วยน้ำใส

วันนี้แอดจะชวนเพื่อน ๆ ไปเที่ยวหมู่บ้านเล็ก ๆ กลางหุบเขาที่เต็มไปด้วยเสน่ห์จากธรรมชาติ และอบอุ่นด้วยวัฒนธรรมชาวบ้านของชาวมอญ หมู่บ้านนี้ก็คือ หมู่บ้านมอญห้วยน้ำใส ที่จังหวัดราชบุรี หมู่บ้านมอญห้วยน้ำใสเป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ชายแดนตะวันตกของอำเภอสวนผึ้ง มีอากาศเย็นและชื้นตลอดทั้งปีเนื่องจากอยู่ติดกับเทือกเขาตะนาวศรี เรียกได้ว่าเป็นหมู่บ้านท่ามกลางหุบเขา ชาวบ้านส่วนใหญ่เป็นชาวไทยเชื้อสายมอญ เอกลักษณ์ของที่นี่คือ วัฒนธรรมการตักบาตรของชาวมอญ เรียกว่า “จู๊ดเปอป๊าด” แปลว่าตักบาตร จัดขึ้นทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เริ่มประมาณ 08.00 น. โดยขบวนแถวของพระสงฆ์จะทะยอยเดินออกมารับบิณฑบาตจากญาติโยมและนักท่องเที่ยว  ตามด้วยขบวนสาว ๆ ชาวมอญเทินสิ่งของต่าง ๆ บนหัว แอดว่าเป็นประเพณีของชาวมอญที่น่ารักมาก ๆ เลยค่ะ ความน่ารักของเด็ก ๆ ที่แต่งชุดพื้นเมือง ในหมู่บ้านจะมีตลาดหมู่บ้านมอญให้นักท่องเที่ยวได้มาช้อป มาชิมกันอย่างสนุกสนาน มีสินค้าพื้นบ้าน ขนมพื้นเมือง ชุดชาวมอญ รวมทั้งอาหารและเครื่องดื่มอื่น ๆ ในหมู่บ้าน มีจุดถ่ายภาพสวย ๆ หลากหลายมุม ที่ฮ็อตฮิตที่สุดเห็นจะเป็นกำแพงรั้วไม้ไผ่สองข้างทางในถนนกลางหมู่บ้าน : ) ในการเดินทางมาที่นี่ เมื่อจอดรถที่ลานจอดแล้ว เพื่อน ๆ ต้องเดินมายังหมู่บ้าน ระยะทางประมาณ 500 เมตร คนที่ไม่ค่อยได้เดินอาจเหนื่อยนิดหน่อย เพราะเป็นทางขึ้นเขา แต่ถ้าไม่อยากเดิน สามารถขึ้นรถสองแถวรับ-ส่ง ไปยังตลาดของหมู่บ้านได้ ราคาคนละ 10 บาท  ตำบลสวนผึ้ง อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี เปิดวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 07.00-16.00 น.https://goo.gl/maps/nsunQTsi7hNWBj9V9

หมู่บ้านมอญห้วยน้ำใส อ่านเพิ่มเติม

✨ เที่ยวเมืองปราสาทหินถิ่นอีสานใต้ ณ บุรีรัมย์ ✨

บุรีรัมย์ ได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยปราสาทหินที่งดงามแห่งหนึ่งในดินแดนอีสานใต้ ทั้งยังเป็นจังหวัดที่มีภูเขาไฟที่ดับสนิทแล้วหลายลูก ซึ่งแต่ละจุดกลายเป็นแหล่งก่อกำเนิดอารยธรรม ประวัติศาสตร์ และสร้างเอกลักษณ์ให้กับชุมชนอย่างน่าประทับใจ วันนี้ แอดมีเส้นทางท่องเที่ยวบุรีรัมย์ 2 วัน 1 คืน ที่จะพาเพื่อน ๆ ไปสนุกกับกิจกรรมภายในชุมชน และเยี่ยมชมปราสาทหินอันเก่าแก่กัน  วันที่ 1 1 ชมปราสาทหินเลื่องชื่อที่อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง 2 ชมปราสาทขอมแบบบาปวนที่ปราสาทหินเมืองต่ำ 3 รับประทานอาหารท้องถิ่น พร้อมสนุกกับการย้อมผ้าภูอัคนีที่ชุมชนบ้านเจริญสุข 4 ชมวัดสีแดงอิฐที่วัดเขาอังคาร  วันที่ 2 5 ถ่ายรูปเช็คอินที่เสาหินบะซอลต์ ภูเขาไฟบุรีรัมย์ 6 ชมปากปล่องภูเขาไฟที่วนอุทยานเขากระโดง  การเดินทาง นอกจากรถยนต์ส่วนตัวแล้ว ยังสามารถเดินทางด้วยวิธีต่าง ๆ ดังนี้  รถโดยสารประจำทาง ขึ้นได้ที่สถานีหมอชิต บริษัท ขนส่ง จำกัด โทร. 1490 บริษัท นครชัยแอร์ จำกัด โทร. 1624 บริษัท กิจการทัวร์ จำกัด โทร. 02 976 3806 หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดบุรีรัมย์ โทร. 044 612 534  รถไฟ จากสถานีรถไฟกรุงเทพฯ มีบริการรถไฟ สายกรุงเทพฯ-สุรินทร์ และ กรุงเทพฯ-อุบลราชธานี ซึ่งจะผ่านและจอดที่สถานีรถไฟบุรีรัมย์ทุกขบวน สอบถามข้อมูลได้ที่ การรถไฟแห่งประเทศไทย โทร. 1690 สถานีรถไฟบุรีรัมย์ โทร. 044 661 202 หรือ www.railway.co.th  เครื่องบิน สายการบินนกแอร์ ไป-กลับวันละ 2 เที่ยวบิน สอบถามโทร. 1318 หรือจองออนไลน์ https://www.nokair.com/ สายการบินแอร์เอเชีย ไป-กลับ วันละ 1 เที่ยวบิน สอบถามหรือจองออนไลน์ https://www.airasia.com/th/th  วันที่ 1 อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง  เริ่มต้นทริปกันที่อำเภอเฉลิมพระเกียรติ แอดจะพาเพื่อน ๆ ไปชมความรุ่งเรืองแห่งอารยธรรมในอดีต ที่ “อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง” หรือที่เราเรียกกันสั้น ๆ ว่า ปราสาทหินพนมรุ้ง หรือ เขาพนมรุ้งนั่นเอง ปราสาทหินพนมรุ้ง เป็นโบราณสถานเก่าแก่และมีความสำคัญมากแห่งหนึ่งของไทย ตั้งอยู่บนยอดเขาพนมรุ้ง ซึ่งเป็นภูเขาไฟที่ดับสนิทแล้ว มีรูปแบบเป็นศิลปะเขมรโบราณที่แผ่อิทธิพลเข้ามามากในแถบภาคอีสานใต้ “พนมรุ้ง” หรือ “วนํรุง” เป็นภาษาเขมร แปลว่า “ภูเขาอันกว้างใหญ่” โดยคำนี้ปรากฏอยู่ในศิลาจารึกอักษรขอมที่พบที่ปราสาทหินพนมรุ้ง และยังปรากฏชื่อผู้สร้างปราสาท คือ “นเรนทราทิตย์” เชื้อสายราชวงศ์มหิธรปุระ ผู้เกี่ยวข้องเป็นพระญาติกับพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 ผู้สร้างปราสาทนครวัด ด้วยพื้นที่อันกว้างขวาง มีปราสาทประธาน ซึ่งเป็นศูนย์กลางศาสนสถาน ภายในเรือนธาตุมีห้องต่าง ๆ ที่ประดิษฐานเทวรูปตามคติความเชื่อของฮินดู นอกจากนี้ยังมีอาคารต่าง ๆ พลับพลา บรรณาลัย ทางเดินเสานางเรียง สะพานนาคราช ซุ้มประตู ระเบียงชั้นใน และปรางค์น้อย นอกจากความงามของโบราณสถานแห่งนี้แล้ว ยังมีภาพจำหลักประดับตามส่วนต่าง ๆ ของปราสาทประธาน เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับเทพเจ้าในศาสนาฮินดู ไฮไลต์ที่ห้ามพลาดคือ “ทับหลังนารายณ์บรรทมสินธุ์” โดยฝีมือช่างชั้นสูง มีลวดลายที่ละเอียดและงดงามตามแบบศิลปะขอม  ปราสาทหินพนมรุ้ง มีทางเข้าทั้งหมด 3 ทาง โดยทางเข้าที่ 1 และ 2 เป็นทางเข้าด้านหน้าซึ่งจะต้องเดินขึ้นเขาตามทางบันได ใช้เวลาเดินราว ๆ ครึ่งชั่วโมงไปถึงตัวปราสาท มีความสูงชัน เพื่อน ๆ สามารถเพลิดเพลินกับธรรมชาติและบรรยากาศรอบ ๆ ได้ หรือถ้าอยากเดินน้อย ๆ ก็สามารถขับรถขึ้นเขาไป แล้วใช้ทางเข้าที่ 3 ลานจอดรถจะอยู่ใกล้ ๆ กับปราสาทเลย  อัตราค่าเข้าชม ชาวไทย 20 บาท ต่างชาติ 100 บาท หากไปชมปราสาทหินเมืองต่ำด้วย สามารถซื้อตั๋วเหมาได้ ชาวไทย 30 บาท ต่างชาติ 150 บาท  ตำบลตาเป๊ก อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดบุรีรัมย์  เปิดทุกวัน ตั้งแต่ 06.00-18.00 น.  044 666 251-2 https://goo.gl/maps/yWnKAEJdBiyfH5mA9 ปราสาทหินเมืองต่ำ  จากปราสาทหินพนมรุ้งไป 8 กิโลเมตรที่อำเภอประโคนชัย มีปราสาทหินขนาดใหญ่อยู่อีก 1 แห่ง นั่นคือ “ปราสาทหินเมืองต่ำ” เป็นปราสาทขอมที่มีสถาปัตยกรรมสวยงาม มีลักษณะของศิลปะขอมแบบบาปวน ปนด้วยศิลปะขอมแบบคลัง ภาพจำหลักส่วนใหญ่เป็นภาพเทพในศาสนาฮินดู ภายในปราสาท มีปรางค์อิฐ 5 องค์สร้างอยู่บนฐานเดียวกัน ปัจจุบันได้เสื่อมสลายไปมาก โดยองค์ปรางค์ประธานเหลือแต่เพียงฐาน นอกจากนี้ ยังมีกำแพงแก้ว ซุ้มประตู บรรณาลัย และบาราย(บ่อน้ำ) รอบ ๆ ปราสาท โดยมีบารายขนาดใหญ่อยู่ทางทิศเหนือของปราสาท ชาวบ้านเรียกกันว่า “ทะเลเมืองต่ำ” สิ่งที่สะดุดตาแอดมากคือ พญานาคภายในปราสาทเมืองต่ำ ที่มีลักษณะไม่เหมือนที่ไหน เพราะเป็นพญานาคที่ไม่มีหงอน ไม่มีเครื่องประดับศีรษะ ไม่ได้ชำรุดหรือว่าเสียหายแต่อย่างใด แต่เป็นการสลักพญานาคตามศิลปะแบบบาปวนนั่นเอง  ตำบลจรเข้มาก อำเภอประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์  เปิดทุกวัน ตั้งแต่ 06.00-18.00 น.  044 666 251-2 (อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง) https://goo.gl/maps/92UhWwjtSuewZT8a9 ชุมชนบ้านเจริญสุข

✨ เที่ยวเมืองปราสาทหินถิ่นอีสานใต้ ณ บุรีรัมย์ ✨ อ่านเพิ่มเติม

✨ ป้อมปราการเก่าในกรุงเทพฯ ✨

สมัยก่อนในการสร้างเมือง จะมีการสร้างกำแพงเมืองและป้อมปราการไว้เพื่อป้องกันเมืองจากข้าศึก และยังเป็นการแบ่งเขตพื้นที่ภายในพระนครและนอกพระนครไปด้วยพร้อมกัน ปัจจุบัน กำแพงเมืองและป้อมปราการในกรุงเทพฯได้สูญหายไปเกือบหมด คงหลงเหลือให้เห็นเพียง 2 ป้อมปราการจาก 14 ป้อมปราการ แอดจะพาไปดูนะคะว่าป้อมปราการเก่าอยู่ที่ไหน และในอดีตทั้ง 14 ป้อมอยู่ตรงไหนบ้าง กำแพงเมืองพระนครนั้นสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 1 โดยนำอิฐจากกำแพงกรุงศรีอยุธยามาสร้าง ครอบคลุมเขตเกาะกรุงรัตนโกสินทร์ โดยมีป้อมปราการ 14 ป้อมตามแนวกำแพง มีป้อมพระสุเมรุเป็นป้อมปราการทิศเหนือ ส่วนอีก 13 ป้อม ได้แก่ ป้อมยุคนธร (ตรงหน้าวัดบวรนิเวศวิหาร ปัจจุบันเหลือแต่กำแพงและประตูเมืองเท่านั้น) ป้อมมหาปราบ (ระหว่างสะพานเฉลิมวันชาติกับแยกผ่านฟ้าลีลาศ ตรงหัวโค้งถนนพระสุเมรุ) ป้อมมหากาฬ (เชิงสะพานผ่านฟ้าลีลาศ) ป้อมหมู่ทะลวง (ใกล้หัวถนนหลวง ตรงข้ามสวนรมณีนาถ) ป้อมเสือทะยาน (อยู่ใกล้สะพานดำรงสถิต [สะพานเหล็กบน] ตรงโรงแรมมิรามา) ป้อมมหาไชย (หัวถนนเยาวราช แถวสะพานหัน) ป้อมจักรเพชร (อยู่ตรงปากคลองรอบกรุง เชิงสะพานพุทธยอดฟ้า) ป้อมผีเสื้อ (ปากคลองคูเมืองเดิมด้านใต้ ฝั่งปากคลองตลาด) ป้อมมหาฤกษ์ (อยู่ในบริเวณโรงเรียนราชินี) ป้อมมหายักษ์ (อยู่บริเวณท่าเตียน) ป้อมพระจันทร์ (ปัจจุบันคือท่าพระจันทร์) ป้อมพระอาทิตย์ (ปัจจุบันคือเชิงสะพานพระปิ่นเกล้า) ป้อมอิสินธร (ปัจจุบันคือพุทธสมาคมแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ตรงข้ามซอยชนะสงคราม ทางลัดเข้าวัดชนะสงคราม) ป้อมปราการทั้ง 14 ป้อมนี้ มีเพียง 2 ป้อมที่ยังคงสภาพให้เราได้เห็นในปัจจุบัน ป้อมแรกคือ ป้อมพระสุเมรุ ตั้งอยู่บริเวณมุมถนนพระอาทิตย์ต่อกับถนนพระสุเมรุ สร้างเมื่อ พ.ศ. 2326 ในสมัยรัชกาลที่ 1 ลักษณะทางสถาปัตยกรรมเป็นป้อมรูปแปดเหลี่ยมตั้งอยู่บนฐานสูง 2 ชั้น ฐานชั้นแรกมีบันไดทางขึ้นจากพื้น 2 ทาง กำแพงรอบฐานชั้น 2 ทำเป็นรูปใบเสมา ประตูหน้าต่างเจาะเป็นช่องสี่เหลี่ยม ในปัจจุบันบริเวณโดยรอบป้อมถูกจัดให้เป็นสวนสาธารณะ โดยให้ชื่อว่าสวนสันติชัยปราการ ป้อมที่สองคือ ป้อมมหากาฬ ตั้งอยู่เชิงสะพานผ่านฟ้าลีลาศ ติดกับถนนมหาไชย เป็นป้อมปราการทิศตะวันออก สร้างในสมัยรัชกาลที่ 1 เช่นเดียวกัน ลักษณะทางสถาปัตยกรรมเป็นรูปแปดเหลี่ยม มีกำแพงล้อมรอบ 2 ชั้น ป้อมมหากาฬนี้ยังคงเห็นแนวกำแพงเมืองยาวไปทางถนนมหาไชย เป็นกำแพงเมืองที่ยังคงสภาพสมบูรณ์ ในปัจจุบันบริเวณโดยรอบได้ถูกปรับปรุงให้เป็นสวนสาธาณะเช่นเดียวกับป้อมพระสุเมรุ

✨ ป้อมปราการเก่าในกรุงเทพฯ ✨ อ่านเพิ่มเติม

#วัดหลวงขุนวิน อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่ 👏

#วัดหลวงขุนวิน อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่ Unseen วัดสวยใจกลางหุบเขา อายุกว่า 700 ปี 🍂 ยกให้เป็นวัดสวยท่ามกลางธรรมชาติ ที่หนึ่งในใจของจังหวัดเชียงใหม่เลย 🙌 “วัดหลวงขุนวิน” เป็นวัดสไตล์ล้านนาตั้งอยู่ท่ามกลางป่าใหญ่ อายุนับ 700 ปี บรรยากาศเงียบสงบ มีไฮไลท์คือ พระธาตุห้ายอด เจดีย์ที่บรรจุพระเกศาธาตุของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนอน (ปางปรินิพพาน) พระยืน (ปางจงกรมแก้ว) ที่สร้างจากไม้จำปี วิหารหลังใหญ่ทำจากไม้สักทั้งหลัง หอไตร บ้านโบราณ บันไดพญานาค ฯลฯ ปัจจุบันกลายเป็นอันซีนประเทศไทยที่ใคร ๆ ก็อยากมาเยี่ยมชม แม้จะเดินทางยาก เพราะวัดอยู่ท่ามกลางหุบเขาสูง แต่รับรองว่าขึ้นมาแล้วเหมือนหลุดไปอยู่อีกโลก สวยตรงปก คุ้มค่าแน่นอน ✨ 🍂 วัดหลวงขุนวิน : ต.ดอนเปา อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่https://goo.gl/maps/ac5dZg8Mqa7qAwjq6*ทางวัดไม่มีไฟฟ้าใช้ จะใช้เป็นโซลาร์เซลล์ มีห้องน้ำด้านบนด้วย ดีมาก ๆ 🍂 ติดต่อรถขึ้นวัดหลวงขุนวิน : วิสาหกิจชุมชนชมรมการท่องเที่ยวบ้านสบวิน นายนิคม ออนเขียว ประธานกลุ่มฯ โทร. 08 9835 5629 (รถขึ้นวัด คันละ 1,000 บาท นั่งได้ไม่เกิน 10 คน)

#วัดหลวงขุนวิน อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่ 👏 อ่านเพิ่มเติม

บาบ๋า ย่าหยา เอกลักษณ์ปักษ์ใต้✨💫

เวลาท่องเที่ยวไปทางภาคใต้ เพื่อน ๆ คงเคยได้ยินชื่อเรียก บาบ๋า หรือ ย่าหยา มาบ้าง และอาจเคยสงสัยว่าทำไมจึงเรียกกันเช่นนั้น…วันนี้แอดมีเกร็ดความรู้เรื่องนี้มาให้อ่านกันเพลิน ๆ ค่ะ 🎈 ก่อนอื่น เรามาทำความรู้จักที่มาที่ไปกันก่อน ทางภาคใต้ของประเทศไทย มีชาวเปอรานากัน (Peranakan) ซึ่งเป็นคำมลายู แปลว่า ถือกำเนิดที่นี่ เป็นคำที่ใช้เรียกกลุ่มคนที่มีเชื้อสายผสมระหว่างจีน-มลายู โดยชายจะเรียก บาบ๋า หญิงจะเรียก ย่าหยา ส่วนใหญ่คนกลุ่มนี้จะอยู่ในจังหวัดภูเก็ต ระนอง พังงา และมีกระจายอยู่บ้างที่จังหวัดสงขลา ปัตตานี นราธิวาส ถึงแม้ว่าเวลาล่วงเลยมาทำให้เชื้อสายมลายูของชาวเปอรานากันจางลง จนคนรุ่นหลังแทบจะเป็นจีนเต็มตัวไปแล้วแต่ก็ไม่ได้ทำให้วัฒนธรรมผสมผสานของชาวเปอรานากันจืดจางลงไปเลย เพราะยังมีวัฒนธรรมอันโดดเด่นอย่างการแต่งกายให้เราได้เห็นกันอยู่ เพราะชุดบาบ๋าและชุดยาหยาก็มีทั้งแบบผู้ชายและผู้หญิงใส่ ลักษณะชุดย่าหยา หรือ ยะหยา จะใช้ผ้าลูกไม้ หรือ ผ้ารูเบีย ตัดให้เข้ารูป มีทรวดทรงองค์เอว เป็นเสื้อแขนยาว ติดกระดุมสีทอง ความยาวระดับสะโพกบน สามารถประดับได้ด้วยเข็มกลัด ใส่เข้าคู่กับผ้าปาเต๊ะลักษณะชุดบาบ๋า จะเป็นเสื้อคอตั้ง แขนจีบ กระดุมสีทอง มีกระเป๋าสองใบตรงด้านหน้าของเสื้อ ใช้ผ้าคอตตอน ผ้าป่าน หรือผ้าอะไรก็ได้ที่ชอบ ตกแต่งด้วยเข็มกลัด ใส่เข้าคู่กับผ้าปาเต๊ะ 👉ปัจจุบัน ชาวพื้นเมืองยังคงสวมใส่ชุดบาบ๋าย่าหยาในเทศกาลต่าง ๆ โดยเฉพาะในโอกาสสำคัญอย่างพิธีแต่งงาน โดยจะสวมใส่พร้อมด้วยเครื่องประดับต่าง ๆ ครบครัน หากใครมีโอกาสไปเที่ยวจังหวัดภูเก็ต ตามถนนคนเดินก็จะมีร้านขายชุดบาบ๋าย่าหยาให้เราได้เลือกซื้อเลือกชมกันหลายร้าน

บาบ๋า ย่าหยา เอกลักษณ์ปักษ์ใต้✨💫 อ่านเพิ่มเติม

🌾 แซตอม ออร์แกนิค ฟาร์ม (Satom Organic Farm) 🌾

#สุรินทร์ เป็นจังหวัดที่ขึ้นชื่อว่ามีข้าวหอมมะลิแสนอร่อย ไม่ว่าจะไปรับประทานอาหารร้านไหนในจังหวัดสุรินทร์ก็ต้องฟินกับข้าวสวยร้อน ๆ แทบทุกร้าน แต่เชื่อไหมว่า ข้าวหอมมะลิ ยังมีแยกประเภทย่อยลงไปอีก วันนี้ แอดเลยจะพาเพื่อน ๆ ไปเรียนรู้ พร้อมสัมผัสวิถีแห่งเกษตรอินทรีย์ นำสู่วิถีชีวิตที่ยั่งยืน ที่ แซตอม ออร์แกนิค ฟาร์ม #แซตอมออร์แกนิคฟาร์ม‘ 📍 174 หมู่ 1 ตำบลเมืองลีง อำเภอจอมพระ จังหวัดสุรินทร์ 📞 061 165 1848, 089 474 0199 🌐 https://goo.gl/maps/hfxQ7rGDMDNR4PtK9 📲 ช่องทางติดต่อแบบออนไลน์ https://bit.ly/3lpTBhW แซตอม ออร์แกนิค ฟาร์ม เป็นทั้งแหล่งผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เกษตรอินทรีย์ โดยเน้นที่ข้าวพื้นเมือง และผลิตภัณฑ์แปรรูปจากข้าว  “แซตอม” เป็นภาษาพื้นเมืองชาวกวย หรือ กูย ในจังหวัดสุรินทร์ แปลว่า “นาที่ตั้งอยู่ริมห้วย” เพราะบริเวณทุ่งแซตอมเป็นที่ราบลุ่มแม่น้ำลำชี มีความอุดมสมบูรณ์ เหมาะแก่การเพาะปลูก ทำการเกษตร ในอดีต ชุมชนแถบนี้ทำเกษตรกรรมโดยใช้ปุ๋ยเคมี รวมทั้งใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชและวัชพืชต่าง ๆ จนเกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงตัวเกษตรกรและผู้บริโภค จากสาเหตุนี้ ทางแซตอม ออร์แกนิค ฟาร์ม จึงเริ่มต้นทำเกษตรอินทรีย์ และกลายเป็น วิสาหกิจชุมชน มีการรวมกลุ่มเกษตรกรผู้ผลิตข้าวอินทรีย์ และไม่เพียงแค่ส่งเสริมการทำเกษตรอินทรีย์ แต่ยังส่งเสริมให้ที่นี่กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวอีกด้วย  รอบ ๆ บริเวณนี้เป็นทุ่งนา หากใครมาไม่ทันช่วงที่ทุ่งนาเขียวขจี ก็ไม่ต้องเสียใจไปนะ ยังมีทุ่งปอเทืองที่ปลูกไว้หลังเก็บเกี่ยวให้เพื่อน ๆ ได้ชม ถ่ายรูปสวย ๆ และยังมีจักรยานให้ยืมปั่นฟรีด้วยนะ วันที่แอดไป แอดได้ลองรับประทาน “ข้าวยำกุ้งจ่อม” ด้วยนะ เป็นเมนูที่ใช้กุ้งฝอยหมักเกลือเก็บไว้จนเปรี้ยวได้ที่แล้วนำมาปรุงสุก ผัดใส่ข่าอ่อน จากนั้น นำมาคลุกกับข้าวกล้องผกาอำปึล โรยสมุนไพรต่าง ๆ เสิร์ฟคู่กับผักสด อร่อยจนลืมไม่ลงเลยล่ะ ที่นี่มีส่วนของที่พักด้วย เพื่อน ๆ สามารถมาพักที่ “แซตอม ฟาร์มสเตย์” ดื่มด่ำบรรยากาศทุ่งแซตอมได้ตลอดทั้งปี ในตอนกลางคืน ก็มีหิ่งห้อยรอบ ๆ คูน้ำให้เราได้ชมแสงระยิบระยับ ใครที่ติดใจข้าวแสนอร่อยของที่นี่ก็สามารถซื้อกลับไปหุงรับประทานกันที่บ้านได้ แซตอม ออร์แกนิค ฟาร์ม มีผลิตภัณฑ์จากข้าวมากมายหลายชนิด ทั้ง ข้าวหอมมะลิสุรินทร์ มะลินิลสุรินทร์ มะลิโกเมนสุรินทร์ ข้าวผกาอำปึล ข้าวเหนียวแดง รวมถึงผลิตภัณฑ์แปรรูปอย่าง “สาโท” ที่ปัจจุบันสามารถวางจำหน่ายได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย เพิ่มมูลค่าให้กับข้าวได้อย่างดี เพื่อน ๆ ที่สนใจไปเยี่ยมชม ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมกับทางแซตอม ออร์แกนิค ฟาร์ม ได้โดยตรง นอกจากนี้ สำหรับเพื่อน ๆ ที่สนใจกิจกรรมท่องเที่ยวอื่น ๆ ของจังหวัดสุรินทร์ แซตอม ออร์แกนิค ฟาร์ม ยังช่วยประชาสัมพันธ์กิจกรรมในแหล่งท่องเที่ยวของชุมชนบริเวณใกล้เคียงให้เพื่อน ๆ ได้ไปเพลิดเพลินกันด้วย เช่น การพายเรือคายัคในลุ่มแม่น้ำชี อาบน้ำให้ช้าง ชมปราสาทหินจอมพระ เยี่ยมชมหมู่บ้านทอผ้าไหม เป็นต้น

🌾 แซตอม ออร์แกนิค ฟาร์ม (Satom Organic Farm) 🌾 อ่านเพิ่มเติม

✨One day trip…ลัดเลาะรอบวังหลวง 🚶‍♀️

สวัสดีค่ะเพื่อน ๆ แฟนเพจทุกคน วันนี้แอดมีเส้นทางท่องเที่ยวที่เดิมที่ไม่เหมือนเดิมมาฝาก สถานที่แห่งนี้อยู่กลางเมืองเลยค่ะ นั่นก็คือรอบ ๆ วังหลวงหรือ #วัดพระแก้ว ของเรานั่นเอง ไปดูกันว่ามีอะไรบ้างที่ไม่เหมือนเดิม การเดินทางครั้งนี้แอดเลือกนั่งรถไฟใต้ดิน MRT ลงที่สถานีสนามไชย สะดวกมาก โดยจุดหมายแรกของเราคือ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร หรือวัดโพธิ์ วัดนี้เป็นวัดประจำรัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ไฮไลท์สำคัญคือ “พระพุทธไสยาสน์” หรือ “พระนอน” ซึ่งใหญ่เป็นอันดับสามของประเทศ และนับเป็นพระนอนที่งดงามองค์หนึ่งของไทย อีกจุดเด่นที่น่าสนใจก็คือ พระมหาเจดีย์สี่องค์ ซึ่งเป็นพระมหาเจดีย์ประจำรัชกาลที่ 1-4 โดยแต่ละองค์จะประดับด้วยกระเบื้องเคลือบสีที่แตกต่างกัน และล้วนแต่มีลักษณะงดงามทั้งสิ้น ค่าเข้าชม คนไทยฟรี ต่างชาติ 200 บาท  เปิดทุกวัน เวลา 08.30-17.30 น.  02 226 0335, 02 226 0369  ถนนสนามไชย แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร https://goo.gl/maps/KAH7BsJc6av8KG8a9 หลังจากไหว้พระแล้ว แอดจะพาไปแวะที่คาเฟ่ขนมไทย ชื่อร้านเห่ชม อยู่บริเวณตึกเก่าหลังวัดโพธิ์ ภายในร้านตกแต่งเรียบง่าย ที่พิเศษคือสามารถมองเห็นวัดโพธิ์จากในร้านได้เลย บรรยากาศดีมากค่ะ เมนูของร้านมีทั้งขนมไทยยอดนิยม และขนมไทยโบราณที่หารับประทานยาก เช่น ดาราทอง เสน่ห์จันทน์ สัมปันนี และอื่น ๆ แต่ถ้าเพื่อน ๆ ไม่ชอบขนมไทย ทางร้านก็มีเค้กมะพร้าวอ่อนที่เป็นเมนูแนะนำของทางร้านให้เลือกอร่อยได้ แต่ละวัน อาจมีขนมไม่เหมือนกัน ก่อนแวะไป เพื่อน ๆ โทรสอบถามเมนูในแต่ละวันก่อนได้น ร้านเห่ชม วันพุธ – อาทิตย์ เวลา 11:00 – 18:00 น.  099 239 9246  320 ถนนมหาราช แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพฯ https://goo.gl/maps/roeQo7Z9aCQNmbGd8 เติมพลังขนมหวานกันแล้ว เราก็ออกเดินกันต่อ ลัดเลาะรอบวังกันไปจนถึงท่าช้าง เดิมย่านนี้เรียกกันว่าท่าช้างวังหลวง เนื่องจากในสมัยต้นรัตนโกสินทร์ เหล่าคชบาลหรือคนเลี้ยงช้างได้นำช้างพระที่นั่ง และช้างในวังมาอาบน้ำบริเวณนี้ จึงเป็นเหตุให้ชาวบ้านเรียกแถวนี้ว่า ท่าช้างวังหลวง ปัจจุบันท่าช้างมีการปรับปรุงพื้นที่ใหม่ ทั้งตึกโดยรอบและบริเวณท่าเรือ สวยงามขึ้นมากทีเดียว โดยมีสิ่งที่เพิ่มเติมขึ้นมาใหม่ก็คือ อุโมงค์มหาราช อุโมงค์มหาราช เป็นอุโมงค์ลอดจากท่าช้างไปยังประตูสุนทรทิศาของวังหลวง ที่สร้างอุโมงค์ขึ้นมาก็เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยวในการข้ามถนน ซึ่งก่อนหน้านี้จะต้องรอข้ามกันนานทีเดียว เนื่องจากย่านนี้มีรถสัญจรไปมาอยู่ตลอด นอกจากนี้ยังเป็นการลดอุบัติเหตุบนท้องถนนอีกด้วย และยังมีห้องสุขาไว้บริการนักท่องเที่ยวอีกด้วยนะคะ ภายในอุโมงค์มีนิทรรศการภาพเก่าเล่าอดีตของย่านท่าช้าง ประวัติการก่อตั้งเมือง และยังมีการจำลองกำแพงเมืองในอดีตไว้ด้วยค่ะ อุโมงค์จะเปิดให้สัญจรเวลา 08:00 – 18:00 น. เท่านั้นนะคะ ในบริเวณนี้ ยังมีวัดพระศรีรัตนศาสดารามหรือวัดพระแก้ว ซึ่งเป็นวัดยอดนิยมในหมู่นักท่องเที่ยว เพราะเป็นวัดที่สวยงามมาก เป็นเพียงวัดเดียวที่อยู่ในพระบรมมหาราชวัง และเป็นวัดที่ไม่มีพระสงฆ์จำพรรษา ส่วนคนไทยนั้น แอดเชื่อว่าคงไม่มีใครไม่รู้จักวัดพระแก้ว หลายคนอาจจะเคยมากราบพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรหรือพระแก้วมรกต แต่อาจยังไม่เคยเดินชมส่วนอื่น ๆ มาครั้งหน้าต้องมาชมให้ได้นะคะ ภายในวัดพระแก้วมีสถาปัตยกรรมที่น่าสนใจหลายจุด เช่น พระระเบียง พระระเบียงรอบวัดมีภาพจิตรกรรมฝาผนังเรื่องรามเกียรติ์ มีทั้งหมด 178 ภาพ โดยภาพแรกจะเริ่มจากด้านหน้าพระวิหารยอดและนับภาพต่อไปด้วยการเวียนไปทางขวามือ แม้ภาพวาดภายในพระระเบียงจะถูกบูรณะ ลบแล้ววาดใหม่หลายต่อหลายครั้งแต่ก็ยังคงความสวยงามไว้เช่นเดิม ค่าเข้าชม คนไทยฟรี ต่างชาติ 500 บาท ทุกวัน เวลา 08:30 – 15:30 น.  02 623 5500 ต่อ 3100, 02 224 3290  ถนนหน้าพระลาน แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร https://goo.gl/maps/d3456G77cHn4ufVW8 จากวัดพระแก้ว เดินไปทางถนนกัลยาณไมตรีตรงกระทรวงกลาโหม เพื่อน ๆ อาจเคยเห็นตึกสีเหลืองนี้ในละครมาบ้างแล้ว ส่วนใหญ่จะเป็นละครย้อนยุค อาคารนี้เป็นสถาปัตยกรรมนีโอคลาสสิกแบบนีโอปัลลาเดียน สูง 3 ชั้น ด้วยตัวอาคารเป็นลักษณะยาวเลียบเคียงกับถนนไปทำให้ดูว่าอาคารนี้ยาวไปจนสุดลูกหูลุกตา จึงทำให้มีนักท่องเที่ยวมาถ่ายรูปกับอาคารนี้อยู่เสมอ แม้อาคารจะเก่าแต่ก็ยังสวยงามและคลาสสิกมากทีเดียว ถัดจากกระทรวงกลาโหม เพื่อน ๆ จะเห็นอาคารสีส้มสวยงามที่อยู่ข้าง ๆ นั่นคือ พระราชวังสราญรมย์ สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4 พระราชวังแห่งนี้เคยใช้เป็นอาคารศาลาว่าการต่างประเทศ และใช้รับพระราชอาคันตุกะจากต่างประเทศอีกด้วย สถาปัตยกรรมเดิมนั้นสร้างแบบนีโอปัลลาเดียน แต่ในสมัยรัชกาลที่ 5 ได้บูรณะและผสมผสานสถาปัตยกรรมแบบวิลล่าอิตาลีเข้าไป ทำให้พระราชวังสราญรมย์สวยงามอย่างที่เราเห็นกันในปัจจุบัน เรามาจบ one day trip ด้วยการรอชมพระอาทิตย์ตกดินโดยมีฉากข้างหน้าเป็นวังหลวงกันเถอะ สวยงามจริง ๆ เลยค่ะ

✨One day trip…ลัดเลาะรอบวังหลวง 🚶‍♀️ อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top