สถานที่ท่องเที่ยว

🧶 ทอแสง คอตตอน วิลเลจ 🧶

ที่พูดกันว่าสายน้ำคือชีวิต น่าจะเป็นจริง เพราะพื้นที่บริเวณริมแม่น้ำมักเป็นพื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์ ปลูกอะไรก็เจริญงอกงามไปหมด อย่างแม่น้ำโขงที่แอดมีโอกาสไปเยือนก็เป็นพื้นที่ที่มีความสมบูรณ์ ทั้งทรัพยากรในน้ำและรอบ ๆ ที่อุดมด้วยแร่ธาตุต่าง ๆ ทำให้พืชผลมากมายเติบโตโดยไม่จำเป็นต้องใช้สารเคมีใด ๆ และกลายเป็นพื้นที่ทำกินสำคัญของคนในพื้นที่ วันนี้แอดจะพาไปรู้จัก“ทอแสง คอตตอน วิลเลจ” ที่ #อำเภอโขงเจียม #จังหวัดอุบลราชธานี เป็นหมู่บ้านฝ้ายที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นศูนย์เรียนรู้และเป็นแหล่งอนุรักษ์การปลูกฝ้ายและการทอฝ้ายแบบดั้งเดิม พร้อมบอกเล่าเรื่องราววิถีชีวิตของคนในชุมชน ความผูกพันกับแม่น้ำโขง แถมยังมีกิจกรรมให้เพื่อน ๆ ได้สนุกอีกด้วย ทอแสง คอตตอน วิลเลจ  เป็นศูนย์การเรียนรู้แบบครบวงจร ที่เราจะได้เรียนรู้วิถีชีวิตของคนที่นี่ ตั้งแต่การปลูกฝ้าย ย้อมสี ไปจนถึงการทอผ้า ปัจจุบัน ต้นฝ้ายลดจำนวนลงและหายาก ผู้จัดตั้งหมู่บ้านฝ้ายแห่งนี้จึงมีแนวคิดที่ต้องการจะอนุรักษ์ฝ้ายและการทอผ้าตามแบบภูมิปัญญาท้องถิ่นให้คงอยู่ต่อไป รวมทั้งยังช่วยสร้างรายได้ให้กับคนในชุมชนได้อีกด้วย การปลูกฝ้ายริมแม่น้ำโขง ต้องอาศัยช่วงที่น้ำลด คือช่วงปลายเดือนตุลาคมจนถึงราวเดือนพฤศจิกายน และเก็บเกี่ยวในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนมีนาคม หมู่บ้านฝ้าย ไม่เพียงแค่เก็บเกี่ยวฝ้ายที่ปลูกภายในหมู่บ้านมาใช้ แต่ยังรับเส้นใยฝ้ายจากหมู่บ้านบริเวณใกล้เคียงด้วยเช่นกัน เพื่อเป็นการกระจายรายได้ให้แก่ชุมชนใกล้เคียงและเป็นการพึ่งพากันและกัน  เมื่อได้ใยฝ้ายมาแล้ว ชาวบ้านก็จะนำไป ”เข็นฝ้าย” หรือปั่นเส้นใยฝ้าย โดยใช้วิธีโบราณตามแบบภูมิปัญญาดั้งเดิม เพื่อน ๆ ที่สนใจก็สามารถทดลองทำได้นะ ขั้นตอนต่อไปคือการย้อมสี ซึ่งทางหมู่บ้านฝ้ายจะใช้วัตถุดิบให้สีที่หาได้จากธรรมชาติ เช่น เปลือกไม้ ใบไม้ต่าง ๆ ซึ่งในป่าข้าง ๆ หมู่บ้าน มีต้นหมากรากไม้ขึ้นอยู่มากมาย นอกจากนี้ ที่บริเวณริมแม่น้ำโขงก็ยังมีทุ่งคราม ไม้พุ่มชนิดหนึ่งที่สามารถนำมาสกัดสี ได้เป็นสีน้ำเงินหรือสีคราม  เมื่อได้วัตถุดิบให้สีมาแล้ว ก็จะนำมาสกัดสี แล้วนำเส้นฝ้ายไปย้อมให้เกิดสีสันต่าง ๆ  จากนั้นก็มาถึงขั้นตอนสำคัญ คือการทอผ้า ที่นี่ยังทอผ้าด้วยกี่ตามวิธีแบบภูมิปัญญาดั้งเดิม ผ้าแต่ละผืน ล้วนมาจากฝีมือช่างทอที่มีความชำนาญ มีลวดลายที่งดงามและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว  ลาย “แม่น้ำสองสี” เป็นลายที่ได้แรงบันดาลใจมาจากสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดัง “จุดชมวิวแม่น้ำสองสี” ในอำเภอโขงเจียม ซึ่งเป็นจุดบรรจบของแม่น้ำโขงและแม่น้ำมูลที่มีสีต่างกันนั่นเอง มาถึงแหล่งทอฝ้ายทั้งที ก็ต้องมีกิจกรรมสนุก ๆ ให้เพื่อน ๆ ได้ทำกันแน่นอน  กิจกรรมแรกคือ กิจกรรมเส้นทางฝ้าย ให้เราได้เรียนรู้เกี่ยวกับฝ้ายทุกกระบวนการ ได้ทดลองย้อมผ้าเช็ดหน้า และทดลองทอผ้าด้วยกี่จิ๋วน่ารัก ๆ  ส่วนอีกกิจกรรมคือการมัดย้อมผ้าด้วยสีธรรมชาติ โดยเลือกได้ว่าจะย้อมบนอะไร เช่น กระเป๋า เสื้อ หรือ ผ้าพันคอ ย้อมแล้วก็นำผลงานกลับไปเป็นของที่ระลึกได้ด้วย ก่อนหน้านี้ เพื่อน ๆ ได้ชมผ้าลายแม่น้ำสองสีไปแล้ว ระหว่างที่รอผ้าแห้ง แอดขอพาไปชมบรรยากาศแม่น้ำสองสีของจริง จุดชมวิวแม่น้ำที่สวยงามแปลกตาแห่งนี้ เป็นจุดที่แม่น้ำสองสายมาบรรจบกัน นั่นคือ แม่น้ำโขงที่มีสีปูนแดง และแม่น้ำมูลที่มีสีฟ้าคราม ซึ่งเราจะเห็นได้ชัดเจนถึงสีสันที่ต่างกันของสายน้ำทั้งสองสาย  นอกจากจะครบเครื่องเรื่องฝ้าย และจุดชมวิวบรรยากาศสวย ๆ แล้ว ที่นี่ยังต้อนรับนักท่องเที่ยวได้ครบถ้วนด้วยนะ เพราะมีทั้งร้านอาหาร ร้านของฝาก และที่พักให้บริการพร้อมสรรพ ใครที่สนใจสามารถติดต่อได้เลย  ทอแสง คอตตอน วิลเลจ   ตำบลโขงเจียม อำเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี  เปิดทุกวัน เวลา 08.00-18.00 น.  045 210 324, 095 825 8696 https://g.page/TohsangCottonVillage?share

🧶 ทอแสง คอตตอน วิลเลจ 🧶 อ่านเพิ่มเติม

✨ฆูนุงซีลีปัต จ.ยะลา ✨

ฆูนุงซีลีปัต จุดชมทะเลหมอกใน #เบตง ที่หลายคนอาจจะเคยได้ยินชื่อมาบ้างแล้ว ว่าแต่เคยไปเยือนบ้างหรือยังคะ มาค่ะ วันนี้แอดจะพาเพื่อน ๆ ไปชมหมอกแบบ 360 องศาที่ ฆูนุงซีลีปัต ถ้าพร้อมแล้วไปกันเลย 📍 ที่ตั้ง : ต.อัยเยอร์เวง อ.เบตง จ.ยะลา🌐 พิกัด : https://goo.gl/maps/4pCbUmsLeHeJ9SSW9 ฆูนุงซีลีปัต เป็นภาษามาเลเซีย แปลว่า ภูเขาหินทรงสามเหลี่ยม  ตั้งอยู่ที่ อำเภอเบตง จังหวัดยะลา มีความสูง 607 เมตร จากระดับทะเลปานกลาง ที่นี่มีทะเลหมอกให้ชมตลอดทั้งปี แถมยังเป็นการชมหมอกแบบ 360 องศาเหมือนกับว่าเราถูกโอบกอดด้วยหมอกที่ลอยเต็มไปหมด ในการเดินทางขึ้นฆูนุงซีลีปัตมีสองเส้นทาง เส้นทางที่ 1 นั่งรถโฟร์วีลขึ้นไป 3 กิโลเมตรและเดินเท้าต่ออีก 2 กิโลเมตรไปยังจุดกางเต็นท์ โดยรถโฟร์วีลจะมารอรับที่ร้านก๋วยเตี๋ยวกะลาในหมู่บ้าน ที่พิกัด กม.28 (https://goo.gl/maps/MfVasb7y1wYa6JiN9) ถ้าเพื่อน ๆ คนไหนชอบท้าทายกำลังขาของตัวเองสามารถเลือกเส้นทางนี้ได้นะคะ ส่วนเส้นทางที่ 2 จุดขึ้นรถอยู่บริเวณด่านความปลอดภัยหมู่บ้าน ที่พิกัด กม.23 (https://g.page/gunungsilipatprakytipcamping?share) จะมีรถโฟร์วีลมารับเราขึ้นไปยังจุดที่จอดรถ และเดินต่ออีก 400 เมตรก็ถึงจุดกางเต็นท์ เพื่อน ๆ ที่ไม่ได้ค้างคืนข้างบนสามารถเลือกเส้นทางที่ 2 ได้ค่ะ เนื่องจากที่นี่สามารถดูดาวและทางช้างเผือกได้ด้วย แอดเลยเลือกจองทริป 2 วัน 1 คืนค่ะ ไปถึงจุดนัดพบเพื่อขึ้นรถโฟร์วีลประมาณ 16:00 น. ใช้เวลาประมาณ 40-50 นาทีก็ถึงจุดกางเต็นท์ สตาฟจะกางเต็นท์ไว้รอเราเลย จากจุดกางเต็นท์ไปยังยอดฆูนุงซีลีปัต ระยะทางประมาณ 300 เมตร มาถึงฆูนุงซีลีปัตทั้งที แอดก็อยากจะเห็นทั้งพระอาทิตย์ตก ดาวเต็มฟ้าในยามกลางคืน และพระอาทิตย์ขึ้น จากจุดที่เรากางเต็นท์ไปถึงยอดฆูนุงซีลีปัต ช่วงแรกก็จะเดินแบบสบาย ๆ และจะเริ่มชันขึ้นเรื่อย ๆ แต่ไม่ต้องห่วงนะคะบริเวณไหนที่ชันมาก ๆ ก็จะมีเชือกไว้ให้ดึงเพื่อพยุงตัวขึ้นไป เมื่อเดินขึ้นมาถึงยอด รู้สึกเหมือนนักกีฬาได้เหรียญทองเลยค่ะ เพราะวิวสวยมาก มองเห็นภูเขาสลับซับซ้อนได้ 360 องศาตามที่สตาฟบอกไว้จริง ๆ ฆูนุงซีลีปัตที่ไม่มีหมอกก็สวยไปอีกแบบใช่ไหมล่ะคะ ชมพระอาทิตย์ตกดินไปแล้วลงมารับประทานอาหารที่ทางสตาฟได้จัดไว้ให้แถมยังมีลูกชิ้นและน่องไก่ที่หมักโดยสตาฟ เขาแอบกระซิบว่าเป็นสูตรลับของเขาค่ะ รสชาติคล้าย ๆ ต้มยำอร่อยมากเลย จากนั้นก็ได้เวลาดูดาว สตาฟจะแจ้งว่าควรจะขึ้นไปกี่โมง ส่วนเต็นท์ไม่สามารถกางเพื่อพักแรมได้ แต่สามารถนำมากางเพื่อถ่ายรูปและหลบน้ำค้างชั่วคราวได้ ที่นี่เหมาะแก่การดูดาวและทางช้างเผือกมาก เพราะพื้นที่บริเวณนี้ไม่ค่อยมีบ้านคน ไม่มีแสงไฟรบกวนเวลาดูดาวแน่นอนค่ะ กลางคืนดูดาวผ่านไปแล้ว เช้ามาเราก็ขึ้นมาอีกรอบเพื่อมาดูหมอกค่ะ มาฆูนุงซีลีปัตครั้งนี้ เจอทั้งฆูนุงซีลีปัตตอนเย็น ตอนกลางคืน และตอนเช้า สวยทุกเวลาจริง ๆ ลองมาสัมผัสด้วยตาของตัวเองดูสักครั้ง รับรองไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ ค่าใช้จ่าย  5 คนขึ้นไป ราคาคนละ 800 บาท น้อยกว่า 5 คน ราคาคนละ 1,000 บาท (ราคารวม รถโฟร์วีลขึ้น-ลง, อาหารเย็น 1 มื้อ, อาหารว่าง 2 มื้อ, น้ำดื่ม, เต็นท์และหมอน, ค่าธรรมเนียมจุดกางเต็นท์) สิ่งที่ต้องเตรียม คือ ไฟฉาย ยากันยุง เสื้อกันฝน และผ้าห่มหรือถุงนอน บริเวณจุดกางเต็นท์มีห้องน้ำแต่ไม่สามารถอาบน้ำได้นะคะ เนื่องจากน้ำข้างบนจะน้อยค่ะ จองทริปหรือสอบถามข้อมูล ท่องเที่ยวชุมชนทะเลหมอกฆูนุงซีลีปัต โทร. 081 093 8549 (เฮง), 082 265 6900 (ซู) *แนะนำให้โทรจองล่วงหน้านะคะ*

✨ฆูนุงซีลีปัต จ.ยะลา ✨ อ่านเพิ่มเติม

✨ แนะนำอาหารเบตง (ต้องลอง) ✨

ช่วงที่ผ่านมาแอดมีโอกาสได้ไปที่ อ.เบตง จ.ยะลา เมืองเล็ก ๆ บริเวณด้ามขวานของประเทศไทย ซึ่งมีสิ่งที่ทำให้แอดประทับใจอยู่เต็มไปหมด และหนึ่งในนั้นคือ อาหาร เอาล่ะ…เตรียมตัวให้ดี ต่อจากนี้แอดขอเสิร์ฟจานเด็ดที่แอดประทับใจมากมาฝาก ซึ่งหากไม่ได้ไปเบตงละก็ โอกาสที่จะได้กินมีน้อยมาก ๆ เลยล่ะ ✨ ผักน้ำเบตง ✨ ผักน้ำเบตง หรือ ซ้าหย่างชอย (ภาษาจีนกวางตุ้ง) เป็นพืชเฉพาะถิ่นที่ปลูกอยู่ใน อ.เบตง มาตั้งแต่สมัยที่ชาวจีนอพยพมาที่ประเทศไทย ดูภายนอก คล้ายผักชีล้อม ใบเล็ก ลำต้นอวบน้ำ เติบโตได้ดีในพื้นที่มีน้ำเย็นสะอาดไหลผ่าน ผักน้ำเบตง สามารถนำไปประกอบเมนูได้หลากหลาย เช่น ผัดน้ำมันหอย ใส่แกงจืด หรือจะเอาไปลวกกินเคียงกับน้ำพริกก็ได้ อร่อยทุกแบบ สามารถไปลองกินได้ที่ : ร้านต้าเหยิน(กิตติ) 📌 : ตำบลเบตง อำเภอเบตง จังหวัดยะลา 95110 ⏰ : เปิดให้บริการทุกวัน 10:00–22:00 น. 📞 : 0 7323 0461  ปลานิลสายน้ำไหล  ปลานิลสายน้ำไหล เป็นปลาเศรษฐกิจของอำเภอเบตง ที่ทางเกษตรกรผู้เลี้ยงนำปลานิลมาเลี้ยงด้วยระบบสายน้ำไหลธรรมชาติ โดยทำฝายกักน้ำและใช้แหล่งน้ำธรรมชาติจากภูเขาที่มีอุณหภูมิค่อนข้างเย็นและมีการไหลเวียนตลอดเวลา ทำให้ได้ปลาที่แข็งแรง เนื้อมีไขมันแทรกพอดี ไม่มีกลิ่นดินโคลนเหมือนกับปลาที่เลี้ยงในบ่อธรรมดา ปลานิลสายน้ำไหล สามารถนำมาทำเมนูได้หลากหลาย เช่น ปลานิลนึ่งซีอิ๊ว-นึ่งมะนาว ปลานิลแดดเดียว ปลานิลทอดสมุนไพร จิ้มจุ่ม ซาซิมิปลานิล หรือเมนูที่แปลกใหม่สำหรับแอดอย่าง ขลุ่ยปลานิล ลักษณะเป็นปอเปี๊ยะไส้ปลานิล พันด้วยสาหร่าย แล้วนำไปทอดกรอบ รสชาติดีมากทีเดียว สามารถไปลองกินได้ที่ : ปลานิลสายน้ำไหลโกหงิ่ว : 138/2 ตาเนาะแมเราะ อำเภอเบตง จังหวัดยะลา : เปิดให้บริการทุกวัน 10:00–18:00 น. : 09 5094 6153, 09 7226 7485  ✨ ไก่เบตง ✨ ไก่เบตงถือเป็นหนึ่งในวัตถุดิบขึ้นชื่อของที่นี่ เกิดจากเมื่อครั้งที่ชาวจีนในอดีตอพยพมาตั้งถิ่นฐานที่เบตง ได้นำพันธุ์ไก่จากมณฑลกวางไส ประเทศจีน มาผสมกับไก่พื้นเมืองจนเกิดเป็นไก่เบตงขึ้น โดยไก่เบตงนี้ขึ้นชื่อในเรื่องของรสชาติความอร่อยและรสสัมผัสที่โดดเด่น เนื้อนุ่มแต่ไม่มีมันผสม หนังกรอบ มีรสหวาน แต่กว่าจะได้เนื้อไก่ที่มีคุณภาพขนาดนี้ ต้องพิถีพิถันตั้งแต่วิธีการเลี้ยง โดยจะเลี้ยงแบบปล่อย ไม่ขังกรง อาหารก็ต้องเลี้ยงด้วยข้าวโพด ข้าวสวยหุงสุก รำ และหยวกกล้วย เป็นต้น เพื่อทำให้เนื้อมีรสชาติพิเศษกว่าไก่ชนิดอื่น แถมระยะเวลาเลี้ยง ต้องใช้เวลาถึง 6 เดือน ถึงจะได้ไก่เบตงที่มีคุณภาพพอในการนำมาทำอาหารอร่อย ๆ ให้เราได้กินกัน ด้วยความที่ไก่เบตง มีเนื้อและรสสัมผัสที่มีคุณภาพอยู่แล้ว นำไปทำเมนูไหนก็อร่อย แต่ที่นิยมที่สุดก็คือ ข้าวมันไก่เบตง ที่จะเสิร์ฟไก่สับแบบเป็นจานพร้อมราด “ซีอิ๊วเบตง” ซึ่งเป็นซีอิ๊วถั่วเหลืองหมักสูตรพิเศษ รสเค็มและหวานอ่อน ๆ ที่เข้ากันสุด ๆ เวลากินให้ราดน้ำจิ้มข้าวมันไก่ลงไปนิดหน่อย เผลอแป๊บเดียว ข้าวหมดจานไม่รู้ตัว สามารถไปลองกินได้ที่ : ร้านเจริญข้าวมันไก่📌 : 202 ถนนสุขยางค์ อำเภอเบตง จังหวัดยะลา⏰ : เปิดให้บริการทุกวัน 06:00–14:30 น.📞 : 08 4015 2058 ✨ เฉาก๊วยเบตง ✨ เฉาก๊วย หรือวุ้นดำของอำเภอเบตง ขนมขึ้นชื่อที่ทำจากหญ้าชนิดหนึ่งที่ปลูกในประเทศจีน ใช้กรรมวิธีการทำแบบดั้งเดิมที่สืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น เริ่มจากต้มหญ้าเฉาก๊วยนี้กว่า 3 ชั่วโมง กรองเอาเฉพาะน้ำ แล้วนำมาผสมกับแป้งมันสำปะหลังและเคี่ยวต่อจนเหนียวตามต้องการ ตั้งพักให้เย็นจนเนื้อเฉาก๊วยจับตัว เป็นอันเสร็จสมบูรณ์ สำหรับเพื่อน ๆ ที่อยากลิ้มลองของหวานกลิ่นหอมเนื้อนุ่มเด้งตามแบบเบตง สามารถมาที่ หมู่บ้านฮากกา กม.4 ซึ่งทางร้านจะเสิร์ฟแบบหั่นเป็นลูกเต๋า ราดด้วยน้ำเชื่อมน้ำตาลทรายแดง ใส่น้ำแข็งเพิ่มความเย็นชื่นใจ ซึ่งนอกจากจะอร่อยแล้ว ยังมีสรรพคุณในการแก้ร้อนในอีกด้วย สามารถไปลองกินได้ที่ : เฉาก๊วย กม.4 (เจ้าเก่า) 📌 : ตำบลตะเนาะแมเราะ อำเภอเบตง จังหวัดยะลา 95110 ⏰ : เปิดให้บริการทุกวัน 08:00–14:00 น. 📞 : 0 7323 0413

✨ แนะนำอาหารเบตง (ต้องลอง) ✨ อ่านเพิ่มเติม

✨ประเพณีแห่เทียนพรรษา จ.อุบลราชธานี 🕯

ประเพณีแห่เทียนพรรษา ถือเป็นประเพณีสำคัญอีกหนึ่งประเพณีของพุทธศาสนิกชน การแห่เทียนพรรษานั้นมีมาแต่สมัยพุทธกาลจุดประสงค์ของการถวายเทียนพรรษาให้กับพระสงฆ์เนื่องจากพระสงฆ์ต้องจำพรรษาที่วัดเป็นเวลา 3 เดือน ในสมัยก่อนยังไม่มีไฟฟ้าใช้ชาวบ้านจึงถวายเทียนเพื่อสร้างแสงสว่างค่ะ ประเพณีแห่เทียนพรรษาจังหวัดอุบลราชธานีนั้นมีมามากกว่า 100 ปี โดยรูปแบบของเทียนพรรษามี 3 ประเภท คือ 1.เทียนพรรษาแบบโบราณดั้งเดิม คือการนำเทียนไขเล่มเล็กมาฟั่นแล้วตกแต่งด้วยใบตองที่พับเป็นลวดลายต่าง ๆ 2.เทียนพรรษาประเภทติดพิมพ์ คือการนำขี้ผึ้งมาใส่ลงในแม่พิมพ์แล้วแกะเป็นลวดลายต่าง ๆ เพื่อนำไปประดับตกแต่งที่ต้นเทียน 3.เทียนพรรษาแบบแกะสลัก คือการหล่อขี้ผึ้งเป็นเทียนพรรษาแล้วแกะสลักเป็นลวดลายลงที่ต้นเทียนโดยการแกะสลักจะดำเนินการโดยช่างเทียน ในส่วนของประเพณีแห่เทียนจังหวัดอุบลราชธานีปีนี้ เริ่มจัดขึ้นวันที่ 11 กรกฎาคม ไปจนถึง 31 กรกฎาคม 2565 🔺11 กรกฎาคม 2565 พิธี “เปิดเฮือน เยือนเมืองเทียน เมืองธรรม” ณ บริเวณลานเทียน ทุ่งศรีเมือง 🔺11-17 กรกฎาคม 2565 ชมวิถีวัฒนธรรมเฮือนอีสาน และการแสดงศิลปวัฒนธรรมอัตลักษณ์เมืองอุบล (5 กลุ่มอำเภอ) ณ บริเวณลานเทียน ทุ่งศรีเมือง กิจกรรมสืบศาสตร์ ยลศิลป์ เยือนถิ่นเมืองเทียน เมืองธรรม ณ บริเวณลานเทียน ทุ่งศรีเมือง กิจกรรมเช็คอินถิ่นเทียน ณ บริเวณลานเทียน ทุ่งศรีเมือง การจำหน่ายสินค้าผลิตภัณฑ์ชุมชน (OTOP) ณ บริเวณลานเทียน ทุ่งศรีเมือง การประดับตกแต่งเมือง / คุ้มวัด 🔺13 กรกฎาคม 2565 พิธีรับเทียนพรรษาพระราชทานและผ้าอาบน้ำฝนพระราชทาน ณ ท่าอากาศยานนานาชาติอุบลราชธานีเคลื่อนมายังบริเวณหน้าศาลาจตุรมุข ทุ่งศรีเมือง พิธีเวียนเทียน เนื่องในวันอาสาฬหบูชา ณ วัดศรีอุบลรัตนาราม ประกวดต้นเทียนพรรษา (วันรวมเทียน) ณ บริเวณทุ่งศรีเมือง พิธีเปิดงานประเพณีแห่เทียนพรรษาจังหวัดอุบลราชธานี ประจำปี 2565 ณ บริเวณปะรำพิธีหน้าวัดศรีอุบลรัตนาราม 🔺14 กรกฎาคม 2565 พิธีอันเชิญเทียนเทียนพรรษาพระราชทานและผ้าอาบน้ำฝนพระราชทานเป็นเทียนชัยมิ่งมงคลนำขบวนแห่เทียนพรรษา พิธีทอดถวายเทียนพรรษาพระราชทาน และผ้าอาบน้ำฝน ณ วัดศรีอุบลรัตนาราม พิธีมอบรางวัลการประกวดต้นเทียนพรรษา ณ บริเวณปะรำพิธี บริเวณวัดศรีอุบลรัตนาราม 🔺13-14 กรกฎาคม 2565 การแสดงศิลปวัฒนธรรม ประกอบแสง เสียง ภาคกลางคืน (ลูกอีสาน) จุดที่ 1 บริเวณหน้าวัดศรีอุบลรัตนาราม จุดที่ 2 บริเวณหน้าลานขวัญเมือง (ศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานีหลังเก่า) 🔺14-17 กรกฎาคม 2565 จัดแสดงต้นเทียนพรรษาที่ได้รับรางวัล ชนะเลิศ รองชนะเลิศอันดับ 1และ 2 ณ บริเวณทุ่งศรีเมือง 🔺19-31 กรกฎาคม 2565 กิจกรรมเทียนอุบล ยลได้ตลอดเดือน ณ วัดบูรพา วัดพลแพน วัดพระธาตุหนองบัว วัดผาสุการาม และวัดศรีประดู่ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/pageuboncandle

✨ประเพณีแห่เทียนพรรษา จ.อุบลราชธานี 🕯 อ่านเพิ่มเติม

✨ เที่ยวเบตง ชมหมอกอัยเยอร์เวง 2 วัน 1 คืน ✨

หากพูดถึงการเที่ยวภาคใต้ ภาพแรกที่หลายคนนึกถึงต้องเป็นอะไรที่เกี่ยวกับทะเลแน่ แต่วันนี้แอดมีที่เที่ยวในอีกสไตล์ที่ จ.ยะลามานำเสนอ ลองตามมาเที่ยวกันได้ รับรองว่าประทับใจจนอยากกลับไปอีกครั้งแน่ ๆ  โปรแกรมเที่ยว  วันที่ 1 1. ชมวัดคูหาภิมุข วัดสวยบนเขาที่โอบรอบด้วยแม่น้ำ 2. ชมสวนดอกไม้เมืองหนาวเบตง ที่สวนหมื่นบุปผา 3. เดินเล่นชมและชิมในเมืองเบตงยามค่ำคืน เช็คอินที่อุโมงค์เบตงมงคลฤทธิ์ วันที่ 2 4. ชมทะเลหมอกแดนใต้ที่ สกายวอร์คอัยเยอร์เวง 5. อิ่มอร่อยกับมื้อเช้าแบบชาวเบตงพร้อมเดินสำรวจตัวเมือง วันที่ 1  วัดคูหาภิมุข (วัดหน้าถ้ำ)  สถานที่แรกคือวัดคูหาภิมุข ใช้เวลาขับรถจากสนามบินหาดใหญ่ประมาณ 2 ชั่วโมง แต่เดิมวัดนี้ชื่อ วัดหน้าถ้ำ และได้เปลี่ยนชื่อเป็น วัดคูหาภิมุข ในสมัยจอมพลแปลก พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี ไฮไลท์ของที่นี่คือถ้ำที่อยู่บนเนินเขา ซึ่งเราต้องข้ามสะพานไปอีกฝั่งของสระน้ำ เพื่อไปยังทางเดินขึ้นเขา มองไกล ๆ บริเวณทางเข้าถ้ำดูบรรยากาศร่มรื่นมาก บันไดทางขึ้นเขาสร้างไว้อย่างดี เดินสะดวก เดินขึ้นไปราว ๆ 4-5 นาทีจะเจอลานพักขนาดใหญ่ เป็นที่ตั้งของ “พิพิธภัณฑ์ศรีวิชัย” สถานที่เก็บวัตถุโบราณที่ขุดค้นได้จากถ้ำต่าง ๆ ในบริเวณนี้ เช่น พระพิมพ์ดินดิบ สถูป เม็ดพระศก ขวานหินขัด เครื่องถ้วย และอิฐฐานพระพุทธรูป บริเวณหน้าพิพิธภัณฑ์ศรีวิชัย เป็นศาลาให้เช่าวัตถุมงคลสำหรับคนที่มีความศรัทธาหรือต้องการหาที่พึ่งทางใจ ในราคาเริ่มต้น 10-20 บาท ใครสนใจลองแวะมาดูได้นะ หลังจากชมของเก่าและของขลังแล้ว เดินขึ้นบันไดมาอีกราว ๆ 5 นาที เพื่อน ๆ จะพบกับรูปปั้นยักษ์คอนกรีต ที่ชาวบ้านเรียกว่า “พ่อท่านเจ้าเขา” มีความสูง 6 เมตร ลักษณะรูปร่างหน้าตาคล้ายเงาะป่า ดวงตาโปน งูเห่าพันรอบคอและแขน นุ่งผ้าเตี่ยว ยืนถือกระบองอยู่ที่บริเวณก่อนถึงประตูเข้าถ้ำ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เจ้าอาวาสวัดคูหาภิมุข และผู้หลักผู้ใหญ่ของตำบลหน้าถ้ำในเวลานั้นเห็นพ้องให้สร้างพ่อท่านเจ้าเขาขึ้นเพื่อเป็นขวัญกำลังใจและปกปักษ์รักษาชาวบ้านหน้าถ้ำให้พ้นภัย รวมทั้งเชื่อว่าจะช่วยปกป้องรักษาองค์พระพุทธไสยาสน์ในถ้ำด้วย บริเวณหน้าทางเข้าถ้ำ จะมีรูปปั้นองค์ฤาษี รูปปั้นเทวดา และพญานาค นอกจากนี้ ใต้หินงอกหินย้อยยังมีแอ่งน้ำเล็ก ๆ ซึ่งเชื่อกันว่าน้ำในแอ่งนี้ คือ น้ำศักดิ์สิทธิ์ ภายในถ้ำ มีโถงที่กว้างขวาง เต็มไปด้วยพระพุทธรูปเก่าแก่ ที่เด่นที่สุดก็คือ พระพุทธรูปปางไสยาสน์ขนาดใหญ่ ความยาว 81 ฟุต 1 นิ้ว ชาวบ้านเรียกว่า พ่อท่านบรรทม ซึ่งเป็นองค์ที่มีการบูรณะขึ้นใหม่ โดยสร้างทับองค์เดิมที่สร้างจากโครงไม้ไผ่สานเป็นตะแกรงโบกด้วยดินดิบ บริเวณหลังองค์พ่อท่านบรรทม มีรูปปั้นพญานาคทอดตัวแผ่พังพานอยู่เหนือเศียร นอกจากพ่อท่านบรรทมแล้ว ในถ้ำยังมีรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิม พระสังกัจจายน์ รวมถึงพระพุทธรูปอีกมากมาย แม้จะเป็นถ้ำ แต่ก็ไม่อึดอัด ไม่ร้อนอบอ้าว หายใจได้สะดวก เนื่องจากในถ้ำมีปล่องถ้ำธรรมชาติ ทำให้ระบายอากาศได้ดีและช่วยให้มีแสงสว่างในถ้ำ หากใครสนใจอยากมาสัมผัสความขลังกลางขุนเขาแบบแอด ตามมาได้เลย วัดคูหาภิมุข (วัดหน้าถ้ำ)  : 136 ตำบลหน้าถ้ำ อำเภอเมืองยะลา จังหวัดยะลา 95000  : ทุกวัน เวลา 08:00 – 17:30 น.  : https://goo.gl/maps/FjxxCMAR2VVJZtww7  สวนดอกไม้เมืองหนาวเบตง (สวนหมื่นบุปผา)  จากวัดคูหาภิมุข เดินทางราว ๆ 2 ชั่วโมงครึ่งก็มาถึง “สวนดอกไม้เมืองหนาวเบตง” เป็นสวนดอกไม้เมืองหนาวแห่งเดียวในภาคใต้ มีพื้นที่กว่า 35 ไร่ เป็นโครงการไม้ดอกเมืองหนาวอันเนื่องมาจากพระราชดำริของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระองค์ทรงอักษรจีนพระราชทานนามสวนแห่งนี้ว่า ว่านฮัวหยวน แปลเป็นไทยว่า ” สวนหมื่นบุปผา “ ด้วยความที่ตั้งอยู่ท่ามกลางหุบเขา จึงมีอุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 18 องศาเซลเซียส ทำให้มีดอกไม้เมืองหนาวมากมายหลายสายพันธุ์หมุนเวียนกันออกดอก สร้างความประทับใจให้นักท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี โดยในโซนด้านหน้าก่อนถึงพื้นที่ของสวนดอกไม้ก็เริ่มว้าวแล้ว เพราะเพื่อน ๆ จะพบกับโรงเรือนปลูกแปลงดอกเบศจมาศหลากสีก่อนเลย ภายในโซนสวน มีแปลงปลูกไม้ดอกกลางแจ้ง เช่น แกลดิโอลัส บานไม่รู้โรย ดาวเรือง รักเร่ ซ่อนกลิ่น หากมองไปทิศตรงข้ามจะพบกับสวนดอกไม้ในโรงเรือน ที่มีดอกไม้อย่างดอกลิลลี่ แอสเตอร์ กุหลาบ พีค๊อก เยอบีร่า สายดอกไม้มาที่นี่ถ่ายรูปกันเพลินเลยล่ะ นักท่องเที่ยวสามารถมาเที่ยวชมดอกไม้ได้ทั้งปี ยกเว้นดอกลิลลี่ ที่สามารถชมได้เฉพาะในช่วงฤดูหนาวและช่วงเทศกาลดอกไม้งามเบตงในช่วงเดือนมกราคมเท่านั้น ภายในสวนหมื่นบุปผา มีที่พักและร้านอาหารให้บริการ ถ้าไม่ติดว่าแอดตั้งใจจะไปพักที่เบตง แอดคงเลือกนอนพักที่นี่สักคืนหนึ่งแน่ ๆ สวนดอกไม้เมืองหนาวเบตง  : หมู่บ้านปิยะมิตร 2 หมู่ 2 ตำบลตาเนาะแมเราะ อำเภอเบตง จังหวัดยะลา  : ทุกวัน เวลา 07:00 – 17:00 น.  : 09 5438 8153  : https://goo.gl/maps/x2pBvBwBXgC5BUNM6 หลังจากชื่นชมและถ่ายรูปดอกไม้จนจุใจแล้ว แอดมุ่งหน้าต่อไปที่ตัวเมืองเบตง ใช้เวลาขับรถราวครึ่งชั่วโมง ไปถึงก็เป็นช่วงเย็นพอดี กิจกรรมฮอตฮิตของที่นี่ก็คือ การเดินเล่นในเมืองเล็ก ๆ ที่น่ารักนี่แหละ ส่วนมื้อเย็น เพื่อน ๆ สามารถเลือกรับประทานอาหารในร้านอาหารที่ส่วนมากจะเป็นร้านเล็ก ๆ สไตล์จีน ๆ หรือจะเดินตะลุยตรอกซอกซอย ที่มี Street Food ขายอยู่ก็ได้ฟีลสนุกไปอีกแบบ เดินเล่นดูเมืองทั้งที ก็ต้องมาแวะถ่ายรูปที่หอนาฬิกาเบตง แลนด์มาร์คของที่นี่สักหน่อย หอนาฬิกานี้สร้างด้วยหินอ่อนจากจังหวัดยะลา หากเพื่อน ๆ ไปเที่ยวช่วงเดือนกันยายนถึงมีนาคม จะเจอนกนางแอ่นหลายร้อยตัวเกาะสายไฟบริเวณนี้แน่นขนัดเลยล่ะ คนที่นี่บอกแอดมาว่า หากเดินอยู่แถวนี้แล้วโดนนกนางแอ่นอึใส่ จะได้กลับมาที่นี่อีกในเวลาไม่นาน แต่แอดว่า

✨ เที่ยวเบตง ชมหมอกอัยเยอร์เวง 2 วัน 1 คืน ✨ อ่านเพิ่มเติม

5 วัดดัง ต้องห้ามพลาด : ฉะเชิงเทรา

จังหวัดฉะเชิงเทรา นับว่าเป็นจังหวัดที่มีวัดสวยและวัดชื่อดังเป็นจำนวนมาก หลายคนจึงมักจะใช้ช่วงเวลาในวันหยุดสุดสัปดาห์เดินทางไปกราบไหว้ สักการบูชาและขอพร เพื่อเสริมความเป็นสิริมงคลให้แก่ตนเองและคนในครอบครัว เพราะเดินทางสะดวกและอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ สำหรับใครที่กำลังจะเดินทางไป แต่ยังลังเลอยู่เพราะเลือกไม่ถูกว่าจะไปวัดไหนดี วันนี้แอดมี 5 วัดดัง ต้องห้ามพลาดของจังหวัดฉะเชิงเทรามาแนะนำ ว่าแต่จะมีที่ไหนบ้างตามไปดูกันเลย เริ่มกันที่แรกก็ต้อง วัดโสธรวรารามวรวิหาร หรือที่เรารู้จักกันดีในอีกชื่อว่า “วัดหลวงพ่อโสธร” เป็นวัดชื่อดังของจังหวัดฉะเชิงเทรา เพราะเป็นวัดที่มีความเก่าแก่และเป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อโสธร พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเป็นที่เคารพบูชาของประชาชนทั่วทุกสารทิศ บอกได้เลยว่าใครไม่ได้แวะมากราบไหว้ขอพร อาจจะโดนแซวได้ว่าเหมือนมาไม่ถึงฉะเชิงเทรา ปัจจุบันด้านในพระอุโบสถกำลังดำเนินการซ่อมแซมอยู่ อาจจะทำให้ถ่ายรูปไม่สะดวก  วัดโสธรวรารามวรวิหาร 134 ถนนเทพคุณากร ตำบลหน้าเมือง อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา จังหวัดฉะเชิงเทรา  เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 07.00-17.00 น. https://goo.gl/maps/qerN9evmKsxQW97q8 ต่อมา วัดปากน้ำโจ้โล้ ตั้งอยู่บริเวณปากแม่น้ำบางปะกง เป็นวัดมีความโดดเด่นด้วยพระอุโบสถสีเหลืองทองอร่ามทั้งหลัง พร้อมตกแต่งลวดลายไทยที่มีความวิจิตรงดงาม และมีอนุสรณ์สถานพระสถูปเจดีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ซึ่งมีสีเหลืองทองอร่ามเช่นเดียวกับพระอุโบสถให้เราได้กราบไหว้สักการบูชาอีกด้วย  วัดปากน้ำโจ้โล้ ตำบลบางคล้า อำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา  เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 09.00-17.00 น. https://goo.gl/maps/BqKssHNjg7xX6aBv7 วัดโพรงอากาศ เป็นอีกหนึ่งวัดในจังหวัดฉะเชิงเทราที่ต้องห้ามพลาดเมื่อมาเยือน เพราะเราจะได้ชมพระอุโบสถขนาดใหญ่ ที่ถูกสร้างเป็นทรงมหาเจดีย์สีเหลืองทองและมีเจดีย์องค์เล็กอีก 2 องค์ ตั้งขนาบด้านข้าง ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมการผสมผสานระหว่างศิลปะไทย อินเดียและศรีลังกา จึงทำให้ลักษณะพระอุโบสถของที่นี่มีความพิเศษไม่เหมือนกับอุโบสถที่ไหน อีกทั้งภายในบริเวณวัดยังมีองค์พระพิฆเนศปางนั่งประธานพรองค์ใหญ่ที่สามารถมองเห็นมาได้แต่ไกลอีกด้วย  วัดโพรงอากาศ ตำบลโพรงอากาศ อำเภอบางน้ำเปรี้ยว จังหวัดฉะเชิงเทรา  เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 08.00-17.00 น. https://goo.gl/maps/5vVa8eEQKuy1ou3HA วัดสมานรัตนาราม เป็นอีกหนึ่งวัดชื่อดังอันดับต้นๆ ของจังหวัดฉะเชิงเทราเลยก็ว่าได้ เพราะเป็นที่ประดิษฐานของพระพิฆเนศปางนอนเสวยสุของค์ใหญ่ ซึ่งเป็นปางที่ประทานความมีกินมีใช้ มีเงินทองไม่ขาดมือ อยู่อย่างสุขสบาย อิ่มหนำสำราญ ขจัดปัญหาและไม่มีเรื่องให้วุ่นวายใจ ผู้คนจึงนิยมเดินทางมาสักการบูชาเป็นจำนวนมาก  วัดสมานรัตนาราม หมู่ 11 ตำบลบางแก้ว อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา จังหวัดฉะเชิงเทรา  เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 08.00-17.00 น. https://goo.gl/maps/3iprDxB99DWqkoUAA วัดจุกเฌอ สำหรับนาทีนี้ใครที่เป็นสายมูเตลู สายสะสมวัตถุมงคลน้อยคนที่จะไม่รู้จัก เพราะวัดแห่งนี้มีพระเกจิอาจารย์ชื่อดัง และนอกจากนี้ยังมีท้าวเวสสุวรรณที่หลายคนต่างเดินทางมากราบไหว้ ขอพรอีกด้วย เพราะไม่ว่าจะขอสิ่งใดมักจะสมดังปรารถนาทุกประการ โดยเฉพาะเรื่องของโชคลาภและการเสี่ยงดวง  วัดจุกเฌอ ตำบลคลองจุกเฌอ อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา จังหวัดฉะเชิงเทรา  เปิดให้บริการทุกวัน https://goo.gl/maps/UTrM25gxLBQZZGXx9

5 วัดดัง ต้องห้ามพลาด : ฉะเชิงเทรา อ่านเพิ่มเติม

✨ถ้ำสีฟ้า จังหวัดตาก ✨

วันนี้แอดมีสถานที่ท่องเที่ยวสุด Unseen ของจังหวัด #ตาก มาแนะนำ นั่นคือ #ถ้ำสีฟ้า หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความงามน่าอัศจรรย์ที่แอดอยากให้เพื่อน ๆ มีโอกาสไปเยือนสักครั้ง ถ้ำสีฟ้าตั้งอยู่ในพื้นที่ดูแลของสำนักสงฆ์พุทธคยา ถ้ำสีฟ้า เป็นถ้ำภูเขาหินปูนขนาดเล็กที่ถูกกัดกร่อนตามธรรมชาติ มีแร่แคลไซต์เป็นส่วนประกอบสำคัญ ไฮไลท์ที่เด่น ๆ คือ เนื้อผนังของถ้ำจะมีสีฟ้าอมเทาสลับสีขาวเป็นลวดลาย ซึ่งแตกต่างจากถ้ำอื่น ๆ และยังเป็นชื่อที่มาของถ้ำแห่งนี้อีกด้วย ภายในมีโถงถ้ำน้อยใหญ่ประมาณ 3-5 โถงถ้ำ ลักษณะเป็นอุโมงค์ลึกเข้าไปคล้ายงวงช้าง ถือว่าเป็นที่ตื่นตาตื่นใจของนักท่องเที่ยวไม่น้อยเลย มีหินงอก หินย้อยสวยงามมาก เพื่อเป็นการรักษาสถานที่ท่องเที่ยวให้คงอยู่อย่างดี โปรดชมด้วยความระมัดระวัง อย่าแตะต้องหรือขีดเขียนผนังถ้ำกันนะคะ หากมองดี ๆ จะเห็นว่าผนังถ้ำเป็นสีเทา เนื่องจากเป็นเนื้อหินปูน แต่เมื่อส่องไฟเข้าไปภายในถ้ำจะพบว่าทั่วทั้งถ้ำเปล่งประกายออกมาเป็นสีฟ้า หากใครมีเทคนิคการถ่ายรูปปัง ๆ สามารถถ่ายรูปออกมาสวยแทบทุกมุมเลยล่ะ ที่นี่สามารถมาเที่ยวได้ตลอดทั้งปีและไม่เสียค่าเข้าชม นอกจากถ้ำสีฟ้าแล้ว ในอำเภอพบพระยังมีสถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียงอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นน้ำตกพาเจริญ น้ำตกป่าหวาย เป็นต้น ตำบลมหาวัน อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก : https://goo.gl/maps/rBA4dUfHG5Xi6Pn99

✨ถ้ำสีฟ้า จังหวัดตาก ✨ อ่านเพิ่มเติม

#เขาทะลุมิติ จ.ราชบุรี วิวอลังการ ถ่ายรูปสวยปัง~ 🙌

เขาทะลุมิติหรือถ้ำเขาทะลุ #แลนด์มาร์คน้องใหม่ประจำจังหวัดราชบุรี 1 ใน 25 UNSEEN New Series ปี 2564 ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เหมาะสำหรับสายลุยเบา ๆ ชอบผจญภัย ปีนป่ายไต่เขาแบบไม่ลำบากมาก ต้องใช้แรงในการปีนขึ้นเขาเล็กน้อย และมีเชือกให้เกาะระหว่างทาง ใช้เวลาประมาณ 10 – 15 นาทีเท่านั้นก็ถึงด้านบนแล้ว ด้านบนของเขาทะลุมิติเป็นถ้ำค้างคาว ลักษณะเป็นโพรงถ้ำคล้ายซุ้มประตูโค้งขนาดใหญ่ มีรูเพดานกว้าง 2 ช่อง มองลงมาจะเห็นวิวธรรมชาติ ท้องทุ่งนาเขียวขจี ยิ่งใกล้ ๆ พระอาทิตย์ตกคือสวยมาก เพราะแสงลอดเข้ามาพอดิบพอดีเลยล่ะ แต่ต้องระวังเป็นพิเศษด้วยนะ เพราะไม่มีเจ้าหน้าที่ ทางขึ้นค่อนข้างชัน มีหินก้อนกลมเล็ก ๆ เป็นส่วนใหญ่ ทำให้ลื่น แอดแนะนำให้ใส่ถุงมือและขึ้นตอนกลางวันดีกว่าจ้า 🌾 พิกัด : เขาทะลุมิติ ต.รางบัว อ.จอมบึง จ.ราชบุรี 70150 https://goo.gl/maps/yk1R8u447iSCBUrF9

#เขาทะลุมิติ จ.ราชบุรี วิวอลังการ ถ่ายรูปสวยปัง~ 🙌 อ่านเพิ่มเติม

5 สะพานข้ามคลองรอบเกาะรัตนโกสินทร์

เมื่อมีการขุดคลอง ทำให้เมืองถูกแบ่งเป็นสองฝั่ง จึงจำเป็นต้องมี “สะพาน” มาเชื่อมทั้งสองฝั่งให้สามารถสัญจรไปมาหาสู่กันได้ วันนี้แอดจะชวนไปเรียนรู้ประวัติศาสตร์จากสะพานข้ามคลองใน #เกาะรัตนโกสินทร์กัน ค่ะ สะพานเจริญศรี 34  เป็นสะพานข้ามคลองบริเวณถนนบุญศิริ ตรงวัดบุรณศิริมาตยาราม สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2457 มีโครงสร้างและพื้นสะพานเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก ลักษณะเด่นคือ หัวสะพานทั้ง 4 เสา จะประดิษฐ์เป็นรูปพานมีฐานเป็นเฟื่องอุบะ โดยพานจะมีสองพานเรียกว่า พานแม่พานลูก เพื่อเป็นการถวายพระพรแด่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องด้วยทั้งสองพระองค์ทรงมีวัดพระราชสมภพวันเดียวกันคือ 1 มกราคม สาสะพานเขียนว่า 34 หมายถึงพระชนมายุของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ส่วนเลข 4 หมายถึงสะพานนี้เป็นสะพานลำดับที่ 4 ที่สร้างในสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว สาเหตุที่ทรงโปรดเกล้าให้สร้างมีอยู่ 2 ประการ คือ เพื่ออุทิศเป็นสาธารณกุศล และเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองในวโรกาสที่พระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงมีพระชนมายุครบ 50 พรรษา : https://goo.gl/maps/d24JNqKqEGbg7pBJ8 สะพานช้างโรงสี  เป็นสะพานข้ามคลองบริเวณถนนบำรุงเมือง ตรงกระทรวงมหาดไทยกับกระทรวงกลาโหม สะพานเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก ที่เสาปลายราวสะพานมีรูปหัวสุนัข แต่เดิมในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น สะพานนี้เป็นสะพานไม้ซุง ใช้สำหรับให้ช้างเดินเข้าเขตพระนคร โดยสะพานที่ช้างใช้ข้ามเข้าพระนครจะมี 3 สะพานได้แก่ สะพานช้างวังหน้า ปัจจุบันเป็นที่ลาดเชิงสะพานปิ่นเกล้า สะพานช้างปากคลอง ปัจจุบันคือสะพานเจริญรัช และสะพานช้างโรงสี สันนิษฐานว่าชื่อสะพานมาจากบริเวณสะพานมีโรงสีข้าวอยู่จึงถูกเรียกว่าสะพานช้างโรงสี รูปหัวสุนัขที่สะพานและตัวหนังสือ ศก 129 มาจากปีที่สร้างสะพานเสร็จ นั่นก็คือ รัตนโกสินทร์ศก 129 ซึ่งตรงกับปีจอ : https://goo.gl/maps/bdtTK8a4XVT4E8jj8 สะพานปีกุน  เป็นสะพานเชื่อมถนนราชินีกับถนนอัษฎางค์ ตรงหน้าวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม และหน้าวัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม สะพานนี้ทำด้วยคอนกรีตเสริมเหล็กเป็นสะพานคนเดิน หัวเสาเป็นทรงถ้วยประดับมาลาเป็นช่อ ทำให้สะพานดูมีลวดลายที่สวยงาม สะพานนี้สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 6 เดิมเป็นสะพานไม้ สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงทรงอุทิศพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์สร้างขึ้น เนื่องในวโรกาสเจริญมายุครบ 4 รอบ แต่ต่อมาเรียกว่าสะพานหมู หรือสะพานปีกุน เนื่องจากบริเวณเชิงสะพานฝั่งถนนอัษฎางค์มีอนุเสาวรียย์หมูอยู่ : https://goo.gl/maps/htCAR3QgMCXNVjyz5 สะพานหก  เป็นสะพานเชื่อมถนนราชินีกับถนนอัษฎางค์บริเวณซอยพระยาศรี สร้างสมัยรัชกาลที่ 5 เป็นสะพานแบบฮอลันดา (เนเธอร์แลนด์) สามารถชักขึ้นชักลงให้เรือผ่านได้ ซึ่งในตอนนั้นมีสะพานลักษณะเดียวกันนี้ถึง 8 สะพาน แม้ในปัจจุบันจะได้เปลี่ยนเป็นสะพานให้คนเดินข้ามแล้วแต่ยังคงเรียกว่า สะพานหก เช่นเดิม : https://goo.gl/maps/QiHZn6ABych9Mi3K7 สะพานผ่านฟ้าลีลาศ  เป็นสะพานเชื่อมระหว่างถนนราชดำเนินกลางกับถนนราชดำเนินนอก จุดเด่นของสะพานคือเสาหินอ่อนประดับด้วยสำริดรูปเรือไวกิ้งที่กลางเสา ส่วนหัวเสาประดับด้วยสำริดหล่อรูปพวงมาลา ลูกกรงเหล็กราวสะพานเป็นเหล็กหล่อลวดลายดอกไม้ สร้างในสมัยรัชกาลที่ 5 โดยช่างจากต่างประเทศ เนื่องจากสะพานผ่านฟ้าตั้งอยู่บริเวณที่เป็นจุดทางแยกของถนนหลายสาย จึงทำให้ถูกแก้ไขดัดแปลงหลายครั้งแต่ก็ยังคงความสวยงามไว้อยู่ : https://goo.gl/maps/NyWtsMJ7ciY11r929

5 สะพานข้ามคลองรอบเกาะรัตนโกสินทร์ อ่านเพิ่มเติม

✨ แนะนำร้านอาหารอินเดีย ย่านสีลม-บางรัก ✨

ช่วงที่ผ่านมา กระแสจากภาพยนต์เรื่องคังคุไบฮ็อตเอามาก ๆ จนหลายคนหันมาสนใจเรื่องราวของอินเดียกันมากขึ้น ทั้งดารา แฟชั่นเครื่องแต่งกาย ฯลฯ แอดเลยขอถือโอกาสนี้แนะนำร้านอาหารอินเดียในย่านสีลม-บางรักให้เพื่อน ๆ รู้จักสัก 2-3 ร้าน เผื่อจะมีใครสนใจนึกอยากลองไปสัมผัสรสชาติอาหารอินเดียกันบ้าง  Haji Ali Taste of Mumbai  ร้าน Street food สไตล์มุมไบ ที่มีทั้งของหวาน อาหารว่าง รวมทั้งแซนด์วิชรสชาติแปลกใหม่ให้ลอง ทุกเมนูทำจากผักผลไม้สด ๆ เมนูเด็ดของทางร้านคือ Fruit Falooda ขนมอินเดียที่หน้าตาคล้ายลอดช่องสิงคโปร์ ประกอบด้วยนม เม็ดแมงลัก เยลลี ไซรัปหลากชนิดเพิ่มความหอม อร่อย ด้านบนท้อปด้วยไอศกรีมวานิลลา ผลไม้แห้ง ถั่วสับ กินเรียกความสดชื่นได้ดี รสชาติคล้าย Milk shake + หวานเย็น Dahi Sev Puri เป็นของว่างทานเล่นที่ทำจากแป้ง puri ข้างในใส่ซอสมะขาม โยเกิร์ต ถั่วชิคพี ผงพริก โรยด้วย sev(มาม่าอินเดีย) และมีผักชีเพิ่มความหอม รสชาติเมนูนี้จะเปรี้ยวนำ จากนั้นจะได้รสและกลิ่นหอมของโยเกิร์ต ตามด้วยความกรอบของถั่ว อาจดูแปลกสำหรับบางคน แต่เชื่อเถอะว่าเป็นเมนูดังของทางร้านที่ใครไปก็ต้องลองสักครั้ง Cocktail Juice แม้ชื่อจะเป็นค็อกเทล แต่อย่าลืมว่านี่เป็นร้านฮาลาล ไม่มีแอลกอฮอล์ขาย เมนูนี้อธิบายแบบง่าย ๆ ก็คือน้ำผลไม้รวมปั่น ที่ทางร้านนำแอปเปิ้ล สับปะรด องุ่นและทับทิม มาปั่นรวมกัน สดชื่นมาก  : ร้านอยู่โครงการบ้านสีลม ซอยสีลม 19 (อยู่หลัง Starbucks บ้านสีลม)  : เปิดทุกวัน 10.30-22.30 น. (วันศุกร์มีช่วงปิดกลางวันเวลา 12.30-13.30 น.)  : 0 2635 0500  : https://goo.gl/maps/w8KXmzgn76iWDPfN7 Tamil nadu restaurant  หากใครมองหาร้านอาหารอินเดียมุสลิม ที่มีเนื้อให้เลือกหลากหลาย รสชาติและกลิ่นไม่จัดมาก เจ้าของร้านเฮฮาเป็นกันเอง แอดขอแนะนำร้านนี้เลย  ส่วนเมนูแนะนำคือ อาหารชุดแกงไก่มาซาล่า รสชาติดี ยิ่งกินกับโรตีของทางร้าน ยิ่งฟิน เมนูแนะนำอีกเมนูคือ ไก่ทอด 65 โดยทางร้านจะใช้ไก่อายุ 65 วันมาหมักเครื่องแกงแล้วนำไปทอด รสชาติเค็ม ๆ หอม ๆ กินง่ายกินเพลิน เผลอแป๊บเดียวมีหมดจาน  : 11 ถนนสีลม แขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร 10500  : เปิดทุกวัน 09:30-21:30 น.  : 0 2235 6336  : https://goo.gl/maps/DCSPQr4WrgrZDapA8  Sugam bangkok Taste of happiness  ร้านอินเดียใต้มังสวิรัติย่านวัดแขกร้านนี้มีแนวคิดว่า “อยากให้ลูกค้ามีความสุข กินเยอะ ๆ จ่ายเงินน้อย ๆ” แค่ได้ยินก็น่าสนใจแล้วใช่ไหม เมนูยอดฮิตของร้านนี้คือ Unlimited Thali ในราคา 119 บาท ซึ่งเป็นชุดอาหารมังสวิรัติ 12 อย่าง มีทั้งข้าว จาปาตี แกงต่าง ๆ รวมทั้งขนมด้วย ขายเฉพาะวันจันทร์-เสาร์ เวลา 11.00-15.00 น.  อีกหนึ่งเมนูที่แอดอยากแนะนำก็คือชุด Plain Dosa With Coconut Chutney and Sambhar แป้งโดซาหมักที่มีรสเปรี้ยวนิด ๆ จิ้มกับซอสมะพร้าวและมะเขือเทศก็อร่อย หรือจะจิ้มกับซัมบาร์ (สตูว์ผักที่ทำจากถั่วเลนทิลปรุงด้วยน้ำมะขาม) ก็อร่อยเพลินไม่เบา  : 131 ถนนสาทรเหนือ แขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร 10500  : 11:00-15:00 น. / 18:00-21:00 น.  : 09 9119 4546  : https://g.page/Sugamrestaurant?share

✨ แนะนำร้านอาหารอินเดีย ย่านสีลม-บางรัก ✨ อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top