สถานที่ท่องเที่ยว

✨ แนะนำเทศกาลเดือนมีนาคม ✨

เดือนที่ 3 ของปี เริ่มก้าวเข้าสู่ฤดูร้อนแล้ว หลายคนคงมีแผนเดินทางไปเที่ยวทะเล น้ำตก เพื่อเล่นน้ำคลายร้อน หรือขึ้นเขาเพื่อมองหาความสดชื่นของสีเขียวจากยอดดอย แต่นอกจากแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่มอบความเย็นทางใจให้แล้ว เดือนมีนาคมก็เป็นช่วงเวลาที่มีเทศกาลพิเศษและสนุก ๆ ถูกจัดขึ้นเหมือนกัน… เอาล่ะ หากใครกำลังมองหาเทศกาลประเพณีพิเศษ ๆ ที่จัดขึ้นเฉพาะในช่วงเดือนมีนาคม นอกเหนือจากการเที่ยวตามธรรมชาติล่ะก็ ลองตามมาอ่านคอนเทนต์นี้ดู ว่า 5 เทศกาลเดือนมีนาคมที่นำมาแนะนำวันนี้ จะมีที่ไหนบ้าง 1.ประเพณีแห่มาลัยข้าวตอก จ.ยโสธร เป็นประเพณีที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของชุมชนบ้านฟ้าหยาด จ.ยโสธร เกิดจากภูมิปัญญาของชาวบ้านที่ได้เห็นถึงความสำคัญของข้าว จึงคัดข้าวเปลือกที่ดีที่สุดมาคั่วเป็นข้าวตอก แล้วนำมาร้อยเป็นมาลัยสายยาวแทน “ดอกมณฑารพ” ดอกไม้ทิพย์บนสวรรค์ ที่เชื่อว่ามีความสวยงามและมีกลิ่นหอม ซึ่งจะหล่นลงมาบนโลกในเหตุการณ์สำคัญ เช่นครั้งเมื่อพระพุทธเจ้าทรงเสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน ดอกมณฑารพก็ร่วงหล่นลงมาบนโลกทั้งก้านและกิ่ง เปรียบเสมือนการแสดงความเสียใจในเหตุการณ์นี้ เหล่าพระภิกษุ ข้าราชการบริพารและประชาชนทั้งหลาย จึงพากันเก็บมาสักการะพระบรมศพของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อเป็นการรำลึกเหตุการณ์นี้ ชาวบ้านฟ้าหยาด จึงประดิษฐ์และจัดงานแห่มาลัยข้าวตอกขึ้นก่อนวันมาฆบูชา ปัจจุบันจะมีการจัดงาน 5 วัน มีการแห่เป็นขบวนรอบตัวอำเภอ ก่อนจะนำไปถวายที่วัดหอก่อง ซึ่งภายในวัดมี พิพิธภัณฑ์มาลัยข้าวตอก เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้มาชมความงามหลังจากแห่ขบวนได้ ในปี พ.ศ. 2566 ประเพณีแห่มาลัยข้าวตอก จัดขึ้นระหว่างวันที่ 1-5 มีนาคม ณ บริเวณหน้าที่ว่าการอำเภอมหาชนะชัย ใครที่สนใจสามารถไปชม ชิม ชอปปิง สินค้าโอทอป ของกิน ของฝาก ที่ถนนคนเดินของงานได้เลย สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ททท. สำนักงานอุบลราชธานี (ดูแลพื้นที่ จ.อุบลราชธานี จ.ยโสธร และ จ.อำนาจเจริญ) โทร. 0 4524 3770 2.งานพระนครคีรี-เมืองเพชร อุทยานประวัติศาสตร์พระนครคีรี จ.เพชรบุรี งานต่อมาที่อยากแนะนำ ก็คือ งานพระนครคีรี-เมืองเพชร ซึ่งในปี พ.ศ. 2566 จัดขึ้นภายใต้คอนเซ็ปต์ “เยือนถิ่นเมืองพริบพรี สดุดีจอมราชัน แดนสร้างสรรค์อาหารไทย” เพื่อเทิดพระเกียรติบูรพมหากษัตราธิราชเจ้า รัชกาลที่ 4, รัชกาลที่ 5, รัชกาลที่ 6 ในวันที่ 17 – 26 มีนาคม พ.ศ. 2566 ณ อุทยานประวัติศาสตร์พระนครคีรี (เขาวัง) ภายในงาน จะมีการจัดแสดงศิลปวัฒนธรรมประเพณีจากสกุลช่างเมืองเพชร รวมไปถึงกิจกรรมอื่น ๆ เช่น ชมพลุบนเขาวัง ชิมอาหารพื้นบ้าน ขนมพื้นถิ่น สินค้าพื้นเมืองเพชรบุรี สินค้า OTOP รอต้อนรับนักท่องเที่ยวให้มา ชม ชิม ชอปปิง และถ่ายรูปกันได้อย่างจุใจ : ค่าเข้าชม ชาวไทย 20 บาท ชาวต่างชาติ 150 บาทนักท่องเที่ยวสามารถเดินขึ้น หรือโดยสารรถรางไฟฟ้า ค่าบริการไป-กลับ ผู้ใหญ่ 50 บาท เด็ก (อายุไม่เกิน 12 ปี) 15 บาท : ถ.คีรีรัถยา ต.คลองกระแชง อ.เมืองเพชรบุรี จ.เพชรบุรี: เปิดทุกวัน เวลา 08.30-16.30 น.: สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ททท. สำนักงานเพชรบุรี โทร. 0 3247 1006 3. ปรากฏการณ์พระอาทิตย์ตกตรง 15 ช่องประตู ณ อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง จ.บุรีรัมย์ อีกหนึ่งเทศกาลและงานประจำปีของปราสาทหินพนมรุ้ง ที่เชื่อว่าหลายคนคงเคยได้ยินเกี่ยวกับปรากฏการณ์พระอาทิตย์ขึ้น-ตก ส่องลอดช่องประตูทั้ง 15 บานของปราสาทหินพนมรุ้ง ที่ในปีนี้ จะมีในช่วงวันที่ 5-7 มีนาคม พ.ศ. 2566 ท่ามกลางความยิ่งใหญ่ของปราสาทหินพนมรุ้ง หนึ่งในอารยธรรมโบราณ ที่สร้างจากหินทรายสีชมพูและศิลาแลง ในทุกปีจะเกิดปรากฏการณ์พระอาทิตย์ขึ้น-ตก ส่องลอดช่องประตูทั้ง 15 บาน ของปราสาทหิน จำนวน 4 ครั้งต่อปี ซึ่งปีนี้มีรายละเอียดดังนี้ปรากฏการณ์พระอาทิตย์ขึ้น-ตก 15 ช่องประตูปราสาทพนมรุ้ง– ครั้งที่ 1 พระอาทิตย์ตก วันที่ 5-7 มีนาคม เวลาประมาณ 18.15 น.– ครั้งที่ 2 พระอาทิตย์ขึ้น วันที่ 3-5 เมษายน เวลาประมาณ 06.03 น.– ครั้งที่ 3 พระอาทิตย์ขึ้น วันที่ 8-10 กันยายน เวลาประมาณ 05.57 น.– ครั้งที่ 4 พระอาทิตย์ตก วันที่ 5-7 ตุลาคม เวลาประมาณ 17.55 น. ประเพณีขึ้นเขาพนมรุ้ง ปี พ.ศ. 2566 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 31 มีนาคม – 2 เมษายน พ.ศ. 2566 ปราสาทหินพนมรุ้ง ถือเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักของ จ.บุรีรัมย์ ด้วยลักษณะรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบขอมโบราณ ที่เชื่อกันว่าสร้างขึ้นเพื่อเป็นเทวาลัยที่ประทับของพระศิวะ บนยอดเขาพนมรุ้ง โดยคำว่า “พนมรุ้ง” หรือ “วนํรุง” เป็นภาษาเขมรแปลว่า “ภูเขาอันกว้างใหญ่” ภายในมีการออกแบบที่ประณีต มีอาคารเรียงรายไปจนถึงปราสาทประธาน ทับหลังที่บอกเล่าเรืองราวของวรรณคดีที่เกี่ยวข้องกับเทพเจ้าของฮินดู อย่างเรื่องรามเกียรติ์

✨ แนะนำเทศกาลเดือนมีนาคม ✨ อ่านเพิ่มเติม

อาคารหม่องโง่ยซิ่น จังหวัดลำปาง 🐴

กาดกองต้า เป็นถนนคนเดินในตัวเมืองลำปาง ที่คึกคัก มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติหลั่งไหลเข้ามาเที่ยวชมทุกวันเสาร์และอาทิตย์ มีร้านขายอาหารพื้นบ้าน และสินค้าท้องถิ่น วางจำหน่ายทั้งสองข้างทางบนถนนตลาดเก่า ที่สำคัญ บนถนนสายนี้และบริเวณโดยรอบ ยังเต็มไปด้วยอาคารเก่าแก่ทรงคุณค่าหลายแห่ง หนึ่งในนั้นคือ อาคารหม่องโง่ยซิ่น อาคารหม่องโง่ยซิ่น ในอดีตคือบริษัททำไม้ในลำปาง โดย “หม่องโง่ยซิ่น” คหบดีชาวเมียนมาที่ได้สืบทอดงานในธุรกิจป่าไม้จาก “หม่องส่วยอัตถ์” ผู้เป็นบิดา อาคารออกแบบและสร้างโดยช่างชาวเมียนมา อาคารแห่งนี้มีอายุ 115 ปี นับว่ามีความเก่าแก่อย่างมาก แต่ความเก่าไม่ลดทอนคุณค่าและความงดงามของอาคารแห่งนี้ได้เลย 🏠 มีลักษณะทางสถาปัตยกรรมแบบเรือนขนมปังขิง หลังคาทรงมะนิลา หน้าจั่วประดับสะระไนอันเป็นเอกลักษณ์ของเรือนแบบมะนิลา ทั่วอาคารประดับไม้ฉลุเป็นลวดลายต่าง ๆ ดูพลิ้วไหว ทั้งลายพรรณพฤกษา ลายก้านขด รวมถึงลายประดิษฐ์สัญลักษณ์ของหม่องโง่ยซิ่น และรูปสัตว์ 🐮🐇 ภายในอาคารมีพื้นที่กว้างขวาง ตกแต่งอาคารได้สวยงาม ชดช้อยอย่างมาก ซุ้มโค้งเหนือประตูตกแต่งด้วยกระจกหลากสี ฝ้าเพดานประดับด้วยแผ่นดีบุกดุนลายนำเข้าจากออสเตรเลีย สะท้อนถึงความมั่งคั่งของเจ้าของบ้าน และนอกจากนี้ ภายในอาคารยังมีห้องใต้ดินเพื่อหลบภัยในช่วงสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 อีกด้วย อาคารหม่องโง่ยซิ่น เคยถูกปิดไว้เหมือนหลับใหลไปชั่วขณะ ก่อนจะกลับมาเปิดอีกครั้งในรูปแบบคาเฟ่ที่ให้บริการของหวานและเครื่องดื่ม 🍰☕ และยังมีมุมแสดงนิทรรศการที่บอกเล่าความเป็นมาของตัวอาคาร บ้านโบราณที่อยู่ใกล้เคียง และประวัติศาสตร์เมืองลำปางในสมัยนั้น หากเพื่อน ๆ ที่เดินทางมาเที่ยวจังหวัดลำปาง สามารถมาชมก่อนที่จะไปเดินเที่ยว ชอปปิงของขายที่กาดกองต้ากันได้ นอกจากนี้ยังมีสถานที่ใกล้เคียง เดินทางสะดวก ไม่ไกลกันมากนักให้เพื่อน ๆ ไปชมได้อีกด้วย 😉 การเดินทางในตัวเมืองลำปาง🚩 รถม้า : เพื่อน ๆ สามารถใช้บริการได้ ราคาเริ่มต้น 300 บาท ขึ้นอยู่กับระยะทางและเวลา มีสถานีรถม้าหลายจุดที่ให้บริการ เช่น🐎 จุดจอดตรงถนนบุญวาทย์ ฝั่งเดียวกับมิวเซียมลำปาง🐎 จุดจอดหน้าโรงแรมเวียงทอง🐎 จุดจอดบริเวณหน้าโรงเรียนเทศบาล 4🐎 จุดจอดหน้าตลาดอัศวิน🐎 จุดจอดเซ็นทรัลพลาซ่าลำปาง🐎 จุดจอดหน้าวัดพระธาตุลำปางหลวง รวมถึงจุดจอดอื่น ๆ ในเมือง🚩 รถสองแถว : ให้บริการวิ่งไปยังจุดต่าง ๆ สามารถขึ้นได้หลายจุด เช่น สถานีขนส่ง สถานีรถไฟ ราคาขึ้นอยู่กับการตกลงกับคนขับ

อาคารหม่องโง่ยซิ่น จังหวัดลำปาง 🐴 อ่านเพิ่มเติม

✨ กินขนม ชมดอกไม้ มองวิว ย่านพระนคร – คลองสาน ✨

หลายคนอาจกำลังมองหาที่เที่ยวในวันหยุดที่มีทั้งที่เที่ยว ที่กิน จุดถ่ายรูปและการเดินทางที่สะดวก หากใครมีเวลาว่าง 1 วันแล้วรู้สึกเบื่อ ๆ อยากออกมาเดินเที่ยวข้างนอก แต่ไม่รู้จะไปที่ไหน ลองมาอ่านเป็นไอเดียและตามรอยคอนเทนต์นี้ดู อาจเปลี่ยนวันหยุดที่ว่างเป็นวันหยุดที่ว้าว และสร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้เพื่อน ๆ ประทับใจในวันหยุดก็ได้ 1. The Old Siam Plaza เริ่มกันที่ ดิโอลด์สยาม พลาซ่า ศูนย์การค้าใจกลางเกาะรัตนโกสินทร์ โดดเด่นด้วยรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบคลาสสิก แหล่งรวมผ้าไหม ขนม อาหารไทย และมุมถ่ายภาพให้นักเที่ยวสายสะพายกล้องมาเก็บภาพกันได้หลายมุม เนื่องจากในอดีตที่นี่เป็นที่ตั้งของ ตลาดมิ่งเมือง ภายในอาคารแห่งนี้จึงมีการจำลองบรรยากาศร้านค้าของตลาดมิ่งเมืองในอดีตเอาไว้ โดยเฉพาะร้านขายผ้าชิ้น และชุดตัดสำเร็จหลากสีหลายแบบมากกว่า 10 ร้าน แถมยังมีร้านขายเครื่องประดับสวยงามอย่าง เพชร พลอย ทองรูปพรรณ ให้แก่ผู้หลงใหลในความงามของงานฝีมือและอัญมณีนับสิบร้าน นอกจากนี้ ยังมีร้านขายปืน ซุ้มพระเครื่อง ศูนย์ขายอุปกรณ์และศูนย์ซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าอีกด้วย ลานเฟื่องนคร จุดรวมร้านขนมไทยและอาหารไทยหลายร้าน อยากให้ลองแวะมาชิม ทำสด ๆ วันต่อวัน รสชาติอร่อยถูกใจ หลายคนผ่านมาแถวนี้ทีไรต้องแวะเข้าไปซื้อซ้ำอยู่บ่อย ๆ เลยทีเดียว 2. มิวเซียมสยาม (Museum Siam) หลังจากกินและถ่ายรูปที่ ดิโอลด์สยาม พลาซ่า ก็ถึงเวลามุ่งหน้าสู่สถานที่ถัดไป “มิวเซียมสยาม” พิพิธภัณฑ์ที่เหมาะกับคนทุก Gen มีเรื่องราวแบบไทย ๆ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันในหลายแง่มุม ไม่ว่าจะเป็นประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ความเชื่อ วิถีชีวิต ฯลฯ โดยจัดแสดงผ่านเทคโนโลยีสมัยใหม่ จับต้องได้ เข้าใจและเข้าถึงง่าย ซึ่งใช้เวลาเดินเท้าประมาณ 10 นาทีเท่านั้น มิวเซียมสยาม ดูแลโดยสถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ เริ่มเปิดให้บริการเมื่อวันที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2551 เป็นอาคาร 3 ชั้น มีห้องจัดแสดงนิทรรศการถาวร และร้านค้าของที่ระลึก มีทางเข้าออกบริการผู้พิการและผู้สูงอายุ ด้านหน้าอาคารแบ่งพื้นที่บางส่วนเพื่อใช้เป็นทางขึ้น-ลงรถไฟฟ้าสถานีสนามไชย ทางออกที่ 1 เริ่มเปิดบริการในปี พ.ศ. 2562 ที่ผ่านมา ภายในพิพิธภัณฑ์ เพื่อน ๆ สามารถถ่ายรูป ถ่ายวิดีโอเก็บเป็นความรู้ ประสบการณ์ความประทับใจได้ทุกห้อง มีการจัดแสดงนิทรรศการถาวรชุด “ถอดรหัสไทย” (DECODING THAINESS) ที่จะพาทุกคนไปเรียนรู้พัฒนาการของ “อัตลักษณ์ความเป็นไทย” ที่ดูเหมือนจะมีความชัด แต่กลับคลุมเครือจากการหลอมรวมวัฒนธรรมที่หลากหลาย ผ่านเรื่องราวของความเป็นไทยในมิติต่าง ๆ อย่าง ประวัติศาสตร์ของไทย สถาปัตยกรรม วัฒนธรรม ประเพณีต่าง ๆ อาหารการกินและเครื่องแต่งกาย อยากรู้เป็นยังไง ลองมาหาคำตอบให้ตัวเองกันได้ที่นี่เลย : 4 ถนนสนามไชย แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพฯ: เปิดวันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 10.00-18.00 น. (ปิดวันจันทร์): โทร. 0 2225 2777: https://g.page/museumofsiam?share 3. พระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช จุดหมายถัดไปหลังจากเดินชมประวัติศาสตร์ของไทยในมิวเซียมสยามแล้ว คือการมาเดินชม “ปากคลองตลาด” ก่อนถึงปากคลองตลาดเพื่อน ๆ จะเจอกับ “พระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช” ตั้งประดิษฐานอย่างโดดเด่น ณ เชิงสะพานปฐมบรมราชานุสรณ์หรือสะพานพุทธฯ ฝั่งพระนคร  พระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช สร้างขึ้นตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เพื่อให้เป็นอนุสรณ์ของปฐมกษัตริย์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เมื่อครั้งเฉลิมฉลองกรุงรัตนโกสินทร์ครบ 150 ปี ในปี พ.ศ. 2475 โดยมีการสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อเชื่อมฝั่งพระนครกับฝั่งธนบุรีด้วยในคราวเดียวกัน โดยมีศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี เป็นผู้ปั้นแบบและหล่อพระบรมราชานุสาวรีย์ด้วยทองสำริด มีความสูงตั้งแต่ฐานจนถึงยอด 4.60 เมตร (ต่อมาได้เสริมแท่นให้สูงขึ้นอีกประมาณ 1 เมตร) 4. ปากคลองตลาด ห่างจาก “พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช” ประมาณ 200 เมตร ก็ถึง “ปากคลองตลาด” ตลาดดอกไม้ที่มีชื่อเสียงและมีขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ที่ขายดอกไม้กันมานานนับร้อยปีแล้ว มีขายทั้งปลีกและส่ง มีดอกไม้หลากหลายสายพันธุ์ทั้งของไทยและต่างประเทศ ดอกไม้แห้ง ดอกไม้สดก็มีหมด แถมเปิดตลอด 24 ชั่วโมง ใครอยากได้ดอกไม้สวย ๆ ไม่ว่าในโอกาสอะไร ที่นี่ตอบโจทย์สุด ๆ  ดอกไม้มีให้เลือกหลากหลาย เดินดูกันได้เพลินเลยล่ะ  นอกจากดอกไม้แล้ว ที่นี่ก็มีร้านอาหารและคาเฟ่ ให้สามารถฝากท้องและนั่งพักได้หลายร้านเลยล่ะ 5. พระปกเกล้าสกายปาร์ค (สวนลอยฟ้าเจ้าพระยา) ก่อนหมดวัน อีกหนึ่งสถานที่ที่อยากแนะนำก็คือ สวนลอยฟ้าเจ้าพระยา ซึ่งแต่เดิมบริเวณนี้เคยเป็นโครงสร้างของรางรถไฟฟ้าลาวาลินที่ถูกปล่อยทิ้งร้างเอาไว้ไม่ได้ใช้ประโยชน์ ทางกรุงเทพมหานครจึงเข้ามาปรับภูมิทัศน์ให้กลายเป็นสวนสาธารณะลอยฟ้าเหนือผิวน้ำบนสะพานพระปกเกล้า สามารถมองเห็นวิวโดยรอบได้ถึง 360 องศา ทีเดียวเชียว  สวนสาธารณะแห่งนี้ ถูกออกแบบให้มีทั้งทางเดินเท้าและเลนจักรยาน มีการปลูกต้นไม้ให้ร่มเงา มีโต๊ะนั่งพักผ่อน ชมวิว สามารถมาเดินออกกำลังกายเบา ๆ ได้เพลินเลยล่ะ ยิ่งช่วงเย็น ๆ บรรยากาศจะดีเป็นพิเศษ อากาศไม่ร้อนเกินไป มีลมพัดเย็น ๆ พร้อมวิวพระอาทิตย์ตก ถือเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยที่สุดอีกแห่งในกรุงเทพฯ เลยล่ะ

✨ กินขนม ชมดอกไม้ มองวิว ย่านพระนคร – คลองสาน ✨ อ่านเพิ่มเติม

นกเงือก…สัญลักษณ์แห่งรักแท้ 🥰🦅

“นกเงือก” หรือ “Hornbills” เป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ตามพ.ร.บ. สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 และถือเป็นตัวบ่งบอกความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่าที่สำคัญ เนื่องจากนกเงือกจะอาศัยอยู่แต่ในป่าที่มีความอุดมสมบูรณ์สูง หากพูดถึงสัญลักษณ์แห่งรักแท้…เมื่อนกเงือกจับคู่แล้ว จะใช้ชีวิตแบบผัวเดียวเมียเดียวไปตลอดชีวิต ไม่ว่าคู่เดิมจะตายหรือหายไปก็จะไม่หาคู่ใหม่โดยนกเงือกจะเริ่มหาคู่ในช่วงปลายปี และเข้าสู่ฤดูผสมพันธุ์ช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน❣️ 📣ด้วยพฤติกรรมการครองรักและผสมพันธุ์กับคู่เดิมนี้ จึงยกให้นกเงือกให้เป็นสัญลักษณ์แห่งความรัก มูลนิธิศึกษาวิจัยนกเงือก มหาวิทยาลัยมหิดลจึงได้กำหนดให้วันที่ 13 กุมภาพันธ์ของทุกปีเป็น “วันรักนกเงือก” (Love Hornbills Day) ตั้งแต่ พ.ศ. 2547 นกเงือกเป็นนกขนาดใหญ่ อาศัยอยู่ตามทุ่งหญ้าและป่าดิบเขตร้อน ซึ่งในประเทศไทยมีนกเงือกทั้งหมด 13 ชนิด และหลายชนิดอยู่ในสภาวะใกล้สูญพันธุ์นกเงือกมีลักษณะที่เป็นจุดเด่นของตัวเองคือ ตัวนกจะมีทั้งที่มีขนสีดำ สีขาว บางชนิดอาจจะมีสีอื่น ๆ เช่น สีน้ำตาลหรือสีเทา ส่วนที่ถือว่าฉูดฉาดที่สุดบนตัวนกเงือกจะอยู่ที่บริเวณหนังคอ ไม่ก็ขอบตา มีตั้งแต่ขนาดเล็กไปจนถึงใหญ่มาก นอกจากนี้ นกเงือกยังมีความสำคัญกับระบบนิเวศป่าอีกด้วย ตามธรรมชาติการหาอาหารของนกเงือกจะกินทั้งผลไม้และสัตว์เล็ก ๆ แต่พฤติกรรมส่วนใหญ่จะเลือกกินผลไม้สุกและทิ้งเมล็ดไปในพื้นที่ต่าง ๆ นี่จึงเป็นเหมือนตัวช่วยปลูกป่า ซึ่งเมื่อป่าเติบโตก็จะเป็นแหล่งอาหารต่อไป🌱 🔎แหล่งที่เราสามารถพบเห็นนกเงือกในประเทศไทยมีหลายแห่งมากค่ะ วันนี้เรามีสถานที่ที่พบเห็นนกเงือกมาฝากเป็นไอเดียให้เพื่อน ๆ ได้ไปชมกันด้วย-เกาะยาวน้อย เกาะยาวใหญ่ จังหวัดพังงา-อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา-อุทยานแห่งชาติแม่วงก์ จังหวัดนครสวรรค์-เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ฮาลา-บาลา จังหวัดนราธิวาส-เกาะเฮ จังหวัดภูเก็ต-ป่าพรุโต๊ะแดง ศูนย์วิจัยและศึกษาธรรมชาติป่าพรุสิรินธร จังหวัดนราธิวาส

นกเงือก…สัญลักษณ์แห่งรักแท้ 🥰🦅 อ่านเพิ่มเติม

Airport to City ลงเครื่องแล้วจะเข้าเมืองได้อย่างไร?

ช่วงนี้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาพักผ่อนที่ประเทศไทยกันค่อนข้างมาก และเราเชื่อว่าไม่ได้มีแค่นักท่องเที่ยวต่างชาติเท่านั้นที่หาข้อมูลสำหรับการเดินทางเข้าเมือง เมื่อลงเครื่องที่สนามบินในกรุงเทพมหานคร นักท่องเที่ยวชาวไทยที่อาศัยอยู่ต่างจังหวัดอีกหลายท่าน ที่มีแพลนเข้ามาท่องเที่ยวในกรุงเทพฯ แล้วต้องการข้อมูลการเดินทางเข้าเมือง เซฟโพสต์นี้เก็บไว้ได้เลยค่ะ เพราะเพื่อนร่วมทาง อย่างเรา มัดรวมวิธีเดินทางเข้าเมืองไว้ให้คุณแล้ว ทั้งจากสนามบินสุวรรณภูมิเข้าเมือง และจากสนามบินดอนเมืองเข้าเมือง บอกเลยว่าทริปพักผ่อนที่กรุงเทพฯ รอบนี้ สบายใจเรื่องการเดินทางแน่นอนค่ะ จากสนามบินสุวรรณภูมิ สามารถเดินทางเข้าเมืองได้ถึง 4 วิธี1. รถไฟฟ้า Airport Rail Link >> ให้บริการระหว่างสถานีท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (A1) – พญาไท (A8) และสามารถเดินทางต่อได้เพียงเปลี่ยนสายไปยังรถไฟฟ้า BTS หรือรถเมล์ โดยรถไฟฟ้า Airport Rail Link เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 05.30-24.00 น. ของทุกวัน ค่าบริการอยู่ที่ 45 บาท (หากใครต้องเดินทางต่อโดยใช้รถไฟฟ้าใต้ดิน MRT แนะนำให้ลงที่สถานีมักกะสัน (A6) แล้วเปลี่ยนสายไปยังรถไฟฟ้า MRT ได้เลยค่ะ) 2.รถตู้สาธารณะ >> เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเข้าเมืองรอบนอก เช่น มีนบุรี, อ่อนนุช, ปากน้ำ, ดอนเมือง, ฟิวเจอร์พาร์ครังสิต ค่าบริการอยู่ที่ 27-60 บาท549 ทสภ.-มีนบุรี >> ให้บริการตั้งแต่ 05.00-22.00 น.552 ทสภ.-สถานีรถไฟฟ้าอ่อนนุช >> ให้บริการตั้งแต่ 05.00-22.00 น.552A ทสภ.-ปากน้ำ >> ให้บริการตั้งแต่ 05.00-22.00 น.555 ทสภ.-ดอนเมือง >> ให้บริการตั้งแต่ 05.00-22.00 น. และ 06.00-23.00 น.559 ทสภ.-ฟิวเจอร์พาร์ครังสิต >> ให้บริการตั้งแต่ 06.00-23.00 น. 3. รถโดยสารสาธารณะ บขส. >> มีให้บริการทั้งเข้าเมืองในกทม. และเดินทางต่อไปยังต่างจังหวัด>> เข้าเมืองในกทม.สาย S1 สนามหลวง >> ให้บริการตั้งแต่ 06.00-17.00 น.สาย 555 รังสิต (ทางด่วนพระรามเก้า) >> ให้บริการตั้งแต่ 04.30-21.00 น.สาย 554 รังสิต (ถนนรามอินทรา) >> ให้บริการตั้งแต่ 04.30-18.40 น.สาย 558 เซ็นทรัลพระราม 2 >> ให้บริการตั้งแต่ 05.30-19.00 น.>> เดินทางไปยังต่างจังหวัด (บริเวณอาคารผู้โดยสารชั้น 1 ประตู พัทยา (จอมเทียน) >> ให้บริการตั้งแต่เวลา 06.00-22.00 น.หัวหิน >> ให้บริการตั้งแต่เวลา 06.00-19.30 น.เกาะช้าง >> ให้บริการเวลา 07.00 น. และ 11.00 น.เกาะกูด >> ให้บริการเวลา 07.00 น. 4. Taxi บริเวณชั้น 1 ประตู 4 และประตู 7 จากท่าอากาศยานนดอนเมือง สามารถเดินทางเข้าเมืองได้ถึง 3 วิธี 1. รถไฟฟ้าสายสีแดง >> ให้บริการเส้นทางบางซื่อ-รังสิต เดินทางจากสถานีกลางบางซื่อ (RW01/RN01) ไปยังสถานีดอนเมือง (RN08) ค่าบริการอยู่ที่ 33 บาท เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 05.30-24.00 น. ของทุกวัน 2. รถเมล์ปรับอากาศ >> รถเมล์ปรับอากาศเข้าเมือง จากดอนเมืองไปยังจุดต่าง ๆ มีทั้งหมด 4 สาย จอดรับผู้โดยสารที่อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ ชั้น 1 ประตู 6 และอาคารผู้โดยสารภายในประเทศ ชั้น 1 ประตู 12 ค่าบริการอยู่ที่ 30-50 บาท ตลอดสาย สาย A1 สนามบินดอนเมือง – BTS จตุจักร-สถานีขนส่งหมอชิต 2 >> ให้บริการตั้งแต่ 06.50-24.00 น.สาย A2 สนามบินดอนเมือง – BTS จตุจักร-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ >> ให้บริการตั้งแต่ 05.00-23.00 น.สาย A3 สนามบินดอนเมือง-ประตูน้ำ-ราชประสงค์-สวนลุมพินี >> ให้บริการตั้งแต่ 07.00-23.00 น.สาย A4 สนามบินดอนเมือง-อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย-ถนนข้าวสาร-สนามหลวง >> ให้บริการตั้งแต่ 07.00-23.00 น. สำหรับใครที่มีต่อเครื่อง/เปลี่ยนสายการบิน ระหว่างท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ-ท่าอากาศยานดอนเมือง ก็มีบริการ Airport Shuttle Bus รับส่งระหว่างสนามบินฟรีด้วยนะคะ โดยจำเป็นจะต้องมีตั๋วเครื่องบินแสดงให้กับเจ้าหน้าที่ก่อนใช้บริการ ให้บริการตั้งแต่เวลา 06.00-20.00 น. ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ให้บริการบริเวณอาคารผู้โดยสารชั้น 2 ประตู 3ท่าอากาศยานดอนเมือง ให้บริการบริเวณอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ อาคาร 1 ชั้น 1 ประตู 6

Airport to City ลงเครื่องแล้วจะเข้าเมืองได้อย่างไร? อ่านเพิ่มเติม

🌿 คิดถึงกาญจน์…อีต่อง-ปิล๊อก 🌿

กาญจนบุรี เป็นจังหวัดที่น่าสนใจไม่ว่าจะฤดูใดก็ตาม เพราะมีสถานที่ท่องเที่ยวที่หลากหลาย ทั้งทางธรรมชาติ วัฒนธรรม และประวัติศาสตร์ที่น่าชม✨ นอกจากแหล่งท่องเที่ยวในเมืองแล้ว ก็มีแหล่งท่องเที่ยวอย่างอำเภอทองผาภูมิซ่อนตัวอยู่มากมาย วันนี้พาไปพักกายพักใจเที่ยวหมู่บ้านอีต่อง เหมืองปิล๊อก เมืองที่ไปเที่ยวได้ตลอดทั้งปี 🫶🌤 เมื่อถึงหน้าตลาดทองผาภูมิแล้ว สามารถเช่ารถสองแถวเที่ยวภายในอำเภอได้ ราคาขึ้นอยู่กับระยะทางของเส้นทางท่องเที่ยว เราเริ่มกันที่ หมู่บ้านอีต่อง อยู่ห่างจากอำเภอเมืองกาญจนบุรีประมาณ 217 กิโลเมตร ที่นี่เป็นหมู่บ้านที่ตั้งอยู่บนเขามีอาณาเขตติดต่อกับเมียนมา ในอดีตมีการทำเหมืองแร่ดีบุก ก่อนจะปิดเหมืองเลิกทำไป ปัจจุบันหมู่บ้านและเหมืองเก่าของที่นี่ได้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่น่าดึงดูด เพราะนอกจากจะมีอากาศเย็นสบายแล้ว บรรยากาศของหมู่บ้านก็น่ารักมาก ๆ รวมทั้งถนนหนทางที่สะดวกขึ้น ก็ยิ่งทำให้นักท่องเที่ยวเข้ามาท่องเที่ยวกันมากขึ้น หมู่บ้านอีต่องมีอากาศเย็นตลอดปี แต่หากมาเที่ยวในช่วงนี้มีโอกาสได้เห็นหมอกลงยามเช้าด้วยนะ กิจกรรมที่นักท่องเที่ยวนิยมเมื่อมาเที่ยวที่นี่ คือ การผูกป้ายชื่อไว้ที่สะพานของหมู่บ้านเพื่อเป็นที่ระลึกที่จุดเช็คอินของหมู่บ้านอีต่อง ซึ่งป้ายชื่อเหล่านี้ เพื่อน ๆ สามารถหาซื้อได้จากร้านค้าใกล้ ๆ  บรรยากาศยามค่ำคืน แสงไฟของชาวบ้านสะท้อนลงมาในบ่อน้ำ สวยงามไม่น้อยเลยค่ะ   ตำบลปิล็อก อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรีhttps://goo.gl/maps/fiAuQ8QCfAE6HWYB8 ยามเช้าเพื่อน ๆ ยังสามารถเดินเล่นรอบหมู่บ้าน ใส่บาตร เที่ยวตลาดชิมอาหารพื้นเมืองอร่อย ๆ หรือแวะชมธารน้ำตกเล็ก ๆ ที่อยู่ภายในหมู่บ้าน นอกจากนี้ ใครที่ไปเที่ยวหมู่บ้านอีต่องไม่ต้องกลัวเบื่อ เพราะที่หมู่บ้านมีบริการรถนำเที่ยวใกล้ ๆ ไม่ว่าจะเป็น เนินช้างศึก เนินเสาธง น้ำตกจ๊อกกะดิ่นและอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ ฯลฯ สามารถติดต่อที่พักได้โดยตรงหรือโฮมสเตย์ในหมู่บ้านก็ได้เช่นกันค่ะ  ไม่ไกลจากหมู่บ้านอีต่อง มาเล่นน้ำเย็น ๆ ที่ #น้ำตกจ๊อกกระดิ่น อยู่ห่างจากอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิประมาณ 5 กิโลเมตร เป็นน้ำตกชั้นเดียวที่มีน้ำตลอดทั้งปี ไหลจากผาสูงลงสู่พื้นที่มีลักษณะเป็นแอ่งน้ำ หากมองจากระยะไกลจะเห็นเป็นสีเขียวมรกต สวยงาม อัตราค่าบริการคนไทยผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาทชาวต่างประเทศ ผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาทเปิดทุกวัน เวลา 08.00-17.00 น.  ตำบลปิล็อก อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรีhttps://goo.gl/maps/KPSm6MEL8dgmRfKz9 จุดชมวิวเนินเสาธง ห่างจากหมู่บ้านไป 2 กิโลเมตร เราจะไปชมวิวสุดเขตแดนสยามที่ #เนินเสาธง ยอดเขาที่มีธงระหว่างประเทศไทย-เมียนมา ตั้งเด่นอยู่ข้างกัน เรียกกันว่า “จุดประสานสัมพันธ์ไมตรีนิจนิรันดร์ ไทย-เมียนมา” เพื่อน ๆ สามารถชมพระอาทิตย์ขึ้นและตกได้จากจุดนี้  ตำบลปิล็อก อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรีhttps://goo.gl/maps/bYn2Ka5CvsMZemEx5 #เนินช้างศึก เป็นจุดชมวิวที่สวยงาม ทั้งจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตก มองเห็นทิวทัศน์ของแนวเขาที่สลับซับซ้อนได้แบบ 360 องศา อากาศก็เย็นสบายตลอดทั้งปี ทุ่งหญ้าบนเนินจะเปลี่ยนสีแตกต่างกันไปตามฤดูกาล สวยงามทุกฤดูเลย จากด้านบนเราจะเห็นหมู่บ้านอิต่องที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล หากอยากพักค้างแรม ด้านบนไม่อนุญาตให้ค้างนะคะ แต่สามารถพักโฮมสเตย์ที่หมู่บ้านอีต่องให้เลือกหลายเจ้า  ตำบลปิล็อก อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี 0 3459 9118https://goo.gl/maps/aMsTpLYaRcZPsB1q9 จากอำเภอทองผาภูมิ หากเพื่อน ๆ ขับรถได้ต่อชิล ๆ ไปยังอำเภอสังขละบุรี ประมาณ 140 กิโลเมตร ที่อำเภอสังขละบุรีมีกิจกรรมให้เราทำได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเดินข้ามสะพานมอญหรือสะพานอุตตมานุสรณ์ สะพานไม้ที่ยาวที่สุดของไทย มีความยาวถึง 850 เมตร ที่ทอดข้ามแม่น้ำซองกาเรีย หรือจะล่องเรือชมพระอุโบสถกลางน้ำ ก็เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ห้ามพลาด   ตำบลหนองลู อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรีhttps://goo.gl/maps/w37Hc5w1ZbN18cCX9

🌿 คิดถึงกาญจน์…อีต่อง-ปิล๊อก 🌿 อ่านเพิ่มเติม

✨ พระนารายณ์ราชนิเวศน์ จ.ลพบุรี ✨

พระนารายณ์ราชนิเวศน์ สถานที่ท่องเที่ยวประวัติศาสตร์สำคัญของ จ.ลพบุรี หนึ่งในสถานที่ในละครเรื่องบุพเพสันนิวาส ที่มีเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญในสมัยอยุธยา ซึ่งในวันที่ 11 กรกฎาคม ของทุกปี เป็นวันสมเด็จพระนารายณ์มหาราช (สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 3) พระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 27 ในสมัยกรุงศรีอยุธยา กษัตริย์องค์สุดท้ายของราชวงศ์ปราสาททอง ใครอยากย้อนรอยประวัติศาสตร์ ใส่ชุดไทยสวย ๆ แบบในละครหรือเที่ยวเทศกาลสนุก ๆ ในสถานที่ประวัติศาตร์ ลองเก็บคอนเทนต์นี้ไปเป็นตัวเลือกสำหรับเที่ยวในวันหยุดนี้ดู รับรองได้ประสบการณ์ใหม่ ประทับใจไม่รู้ลืม พระนารายณ์ราชนิเวศน์ หรือวังนารายณ์ อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่ถือเป็นแลนด์มาร์กสำคัญของจังหวัดลพบุรี เป็นพระราชวังโบราณสมัยกรุงศรีอยุธยา สร้างขึ้นในรัชสมัยของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ราว ๆ ปี พ.ศ. 2208-2209 โดยวิศวกรชาวฝรั่งเศสและอิตาลี เพื่อใช้เป็นที่ประทับว่าราชการและต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง เมื่อสมเด็จพระนารายณ์มหาราชเสด็จสวรรคตใน พ.ศ. 2231 พระราชวังถูกทิ้งร้างจนถึงสมัยรัตนโกสินทร์ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ทรงโปรดให้บูรณะพระราชวัง สร้างหมู่พระที่นั่งพิมานมงกุฎและหมู่ตึกขึ้นในปี พ.ศ. 2399 จากนั้นได้พระราชทานนามว่า “พระนารายณ์ราชนิเวศน์” ต่อมาสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาดำรงราชานุภาพและสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ได้จัดตั้งพระที่นั่งจันทรพิศาล หนึ่งในพระที่นั่งในพระนารายณ์ราชนิเวศน์ขึ้นเป็นพิพิธภัณฑ์ เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2467 ชื่อว่า “ลพบุรีพิพิธภัณฑสถาน” และในปี พ.ศ. 2504 ได้มีการเปลี่ยนชื่อเป็น “พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสมเด็จพระนารายณ์” จนถึงปัจจุบัน สิ่งก่อสร้างและสถาปัตยกรรมภายในพระนารายณ์ราชนิเวศน์ แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ดังนี้1. สิ่งก่อสร้างสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช พระที่นั่งจันทรพิศาล มีลักษณะสถาปัตยกรรมแบบไทยคล้ายโบสถ์หรือวิหาร ถูกทิ้งร้างเหลือแต่ผนัง จนได้รับการซ่อมแซมให้สมบูรณ์ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 พระที่นั่งดุสิตสวรรค์ธัญญมหาปราสาท เป็นท้องพระโรงทรงสูง มียอดแหลมทรงมณฑป ผนังประดับกระจกเงา ด้านนอกพระที่นั่งตรงมณฑปชั้นล่างเจาะเป็นช่องโค้งแหลมไว้สำหรับจุดตามประทีปในเวลากลางคืน พระที่นั่งสุทธาสวรรย์ เป็นที่ประทับส่วนพระองค์ของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช มุมทั้งสี่มีสระน้ำขนาดใหญ่ 4 สระ สมเด็จพระนารายณ์สวรรคต ณ พระที่นั่งองค์นี้ เมื่อ พ.ศ. 2231 ปัจจุบันเหลือเพียงแต่ฐานรากเท่านั้น ตึกเลี้ยงรับแขกเมือง เป็นตึกชั้นเดียวขนาดกะทัดรัด สมเด็จพระนารายณ์มหาราชได้พระราชทานเลี้ยงแก่คณะทูตจากฝรั่งเศส ณ สถานที่แห่งนี้ ใน พ.ศ. 2228 และ พ.ศ. 2230 ตึกพระเจ้าเหา บันทึกของชาวฝรั่งเศสระบุว่าตึกนี้เป็นวัด ที่ประดิษฐานพระพุทธรูปชื่อว่า “พระเจ้าเหา” ประตูหน้าต่างทำเป็นซุ้มเรือนแก้วฐานสิงห์ มีกำแพงแก้วเจาะเป็นช่องสำหรับวางตะเกียงล้อมรอบตึก สิบสองท้องพระคลัง เป็นอาคารชั้นเดียวที่ตั้งอยู่ระหว่างถังเก็บน้ำประปาและตึกเลี้ยงรับแขกเมือง สร้างขึ้นเป็นเรือนยาวสองแถวเรียงชิดติดกันอย่างมีระเบียบ สันนิษฐานว่าเป็นคลังเก็บสินค้าสิ่งของเพื่อใช้ในราชการ ถังเก็บน้ำ ในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ชาวฝรั่งเศสและชาวอิตาลีได้ช่วยกันสร้างระบบระบายน้ำ ด้วยท่อดินเผาเพื่อลำเลียงน้ำจากห้วยซับเหล็ก จากทางทิศตะวันออกของเมืองลพบุรี โรงช้างหลวง ตั้งเป็นแถวชิดริมกำแพง เขตพระราชฐานชั้นนอก โรงช้างส่วนใหญ่ปรักหักพังเหลือแต่ฐาน ปรากฏให้เห็นประมาณ 10 โรง  2. สิ่งก่อสร้างสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ที่ทรงโปรดให้บูรณะและสร้างขึ้นใหม่ เช่น หมู่พระที่นั่งพิมานมงกุฎ ปัจจุบันเปิดเป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ แบ่งการจัดแสดงออกเป็น 3 ชั้น ได้แก่– ชั้นที่ 1 จัดแสดงโบราณวัตถุต่าง ๆ เช่น โครงกระดูกมนุษย์ ขวานสำริด จารึกโบราณ และรูปเคารพในศาสนาพราหมณ์-ฮินดู เป็นต้น– ชั้นที่ 2 จัดแสดงโบราณวัตถุที่พบในลพบุรี เช่น พระพุทธรูป เครื่องถ้วยกระเบื้อง และทับหลังแกะสลัก เป็นต้น– ชั้นที่ 3 ห้องบรรทมของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จัดแสดงฉลองพระองค์ เครื่องแก้ว และภาชนะที่มีตราประจำพระองค์ หมู่ตึกพระประเทียบ ตั้งอยู่ด้านหลังพระที่นั่งพิมานมงกุฎ เป็นอาคารก่ออิฐถือปูนสูง 2 ชั้น 8 หลัง สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่พักของข้าราชการฝ่ายในผู้ตามเสด็จ ปัจจุบันจัดแสดงเรื่องชีวิตของคนไทยภาคกลาง การปลูกเรือนอยู่อาศัย เครื่องมือทอผ้า เครื่องปั้นดินเผา เครื่องมือเครื่องใช้ในการเกษตรและเครื่องมือจับปลา พระที่นั่งจันทรพิศาล จัดแสดงเรื่องราวการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ภาพของประวัติศาสตร์ต่าง ๆ ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เช่น ภาพราชทูตฝรั่งเศส, ภาพราชทูตไทย, ภาพขบวนพยุหยาตราทางสถลมารคและทางชลมารค เป็นต้น  ในวันที่ 10-19 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2566 มี งานแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช จัดขึ้นที่ พระนารายณ์ราชนิเวศน์ เพื่อรำลึกถึงองค์สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ผู้สร้างความเจริญให้เมืองลพบุรี โดยในงานจะมีการแต่งชุดไทย ท่ามกลางบรรยากาศ ที่มีการตกแต่งให้เหมิอนย้อนกลับไปสู่ยุครุ่งเรืองในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช มีการแสดงแสง สี เสียง และจำลองเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ ท่ามกลางบรรยากาศของการตกแต่งโบราณสถานที่สวยงาม  พระนารายณ์ราชนิเวศน์ : 182 ซอยสรศักดิ์ ตำบลท่าหิน อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี 15000 :โบราณสถานพระนารายณ์ราชนิเวศน์ เปิดบริการวันจันทร์-อาทิตย์ เวลา 09.00-16.30 น. / พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สมเด็จพระนารายณ์ เปิดวันพุธ-อาทิตย์ เวลา 09.00-16.00 น. : 0 3641 1458 พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สมเด็จพระนารายณ์ : หากต้องการ เข้าชมเป็นหมู่คณะ พร้อมวิทยากรผู้เชี่ยวชาญบรรยาย ติดต่อ 08 6810 3413 : 0 3677 0096-7 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สนง.ลพบุรี : ค่าธรรมเนียม ชาวไทย 30 บาท ต่างชาติ 150 บาท 

✨ พระนารายณ์ราชนิเวศน์ จ.ลพบุรี ✨ อ่านเพิ่มเติม

💕 5 สถานที่เดทในกรุงเทพฯ 💕

กุมภา…กุมมือคนรักไปเที่ยวกัน 🫶💕 💕ใกล้ช่วงวาเลนไทน์แบบนี้ไปไหนดีนะ คนมีแฟนคงกำลังก้มหน้าหาลิสต์ชวนกันไปเดทอยู่แน่ ๆ ส่วนคนโสดก็ไม่ต้องเสียใจไป ชวนแก๊งเพื่อนไปเที่ยวก็ได้ ไปกันหลายคนรับรองไม่เหงาใจแน่นอน 🥰 วันนี้มีไอเดียแหล่งท่องเที่ยวเดทกับหวานใจมาฝากกันค่ะ ไปดูกันเลย สะพานเขียว สวนลุมพินี สถานที่เดทที่ดีต่อใจ ก็ต้องที่นี่เลยค่ะ #สะพานเขียว เป็นสกายวอล์กเชื่อมระหว่างสวนลุมพินีและสวนเบญจกิติ สวนสาธารณะใจกลางเมือง ที่มาที่ไปของสะพานเขียว มาจากสะพานเส้นนี้ทาถนนเป็นสีเขียวตลอดเส้นเลยล่ะ ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ญี่ปุ่นเหมือนกันนะคะ เรียกได้ว่าพาหวานใจมาถ่ายรูป แฮปปี้แน่นอน ถนนสารสิน แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพฯเปิดทุกวัน เวลา 06.00 – 21.00 น.MRT : สถานีลุมพินี ทางออก 3https://goo.gl/maps/4DWiiPmvEDHnpxeA8 ท่ามหาราช คอมมิวนิตีริมแม่น้ำเจ้าพระยา บรรยากาศสุดโรแมนติก ที่มีทั้งร้านอาหาร จุดถ่ายรูปเก๋ ๆ พาหวานใจมาดื่มด่ำกับวิวสวย ๆ ทั้งเช้าจนค่ำ หรือจะพาชอปเพลิน ๆ ก็ได้เช่นกัน ประทับใจแน่นอน  #ท่ามหาราช อยู่ไม่ไกลจากพระบรมมหาราชวัง เพื่อน ๆ สามารถเดินไปไหว้พระกันได้ หรือจะนั่งเรือข้ามฟากไปเที่ยวตลาดวังหลัง วัดระฆังโฆษิตารามวรมหาวิหารได้อีกด้วย  1/11 ตรอกเสถียร แขวงบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพฯเปิดทุกวัน เวลา 10.00 – 21.00 น.MRT : สถานีสนามไชย ทางออก 5https://goo.gl/maps/j7sAE5jBcHqgfcxe8 มหานครสกายวอล์ก จุดชมวิวชั้นดาดฟ้าที่สูงที่สุดในประเทศไทย สามารถเดินเล่นชมวิวบนพื้นกระจกทั้งน่าตื่นเต้นและหวาดเสียวกันเลยทีเดียว แถมยังรอชมแสงพระอาทิตย์ตกสวย ๆ ได้เช่นกัน รวมถึงยังมีรูฟท็อปบาร์ จิบเครื่องดื่มชิล ๆ ท่ามกลางบรรยากาศวิวเมืองในตอนกลางคืนอีกด้วย 114 ถนนนราธิวาสราชนครินทร์ เเขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพฯเปิดทุกวัน เวลา 10.00 – 24.00 น. (เปิดให้เข้าชมรอบสุดท้ายเวลา 23.00 น.)BTS ช่องนนทรี ทางออก 3https://goo.gl/maps/LkMJhgHrFSCBbzhp7 สวนเบญจกิติ สวนเบญจกิติ เป็นสวนสาธารณะใจกลางกรุงเทพฯ ตั้งอยู่ข้างศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ สามารถเดินทางมาได้ง่าย ๆ ทั้ง MRT และ BTS ปัจจุบันเป็นทั้งสถานที่พักผ่อนและออกกำลังกาย หากใครได้ไปเที่ยวในช่วงนี้ #สวนเบญจกิติ ได้เปิดเต็มรูปแบบมีทั้งสวนป่า สวนน้ำ เส้นทางเดิน เส้นทางวิ่ง เส้นทางจักรยาน และเส้นทางสกายวอล์กด้วย ลองชวนคู่เดตไปเดินเล่นถ่ายรูปสวย ๆ บนสกายวอล์กก็โรแมนติก   ถนนรัชดาภิเษก แขวงคลองเตย เขตคลองเตย กรุงเทพฯเปิดทุกวัน เวลา 05.00 – 21.00 น.MRT : สถานีศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์BTS : สถานีอโศกhttps://goo.gl/maps/rRQDNYDSDjtD2rza6 Asiatique The Riverfront (เอเชียทีค เดอะริเวอร์ ฟร้อนท์) อีกหนึ่งจุดเช็กอินที่ต้องห้ามพลาด #เอเชียทีค สถานที่รวมแหล่งชอปปิง ร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยวเด่น ๆ และกิจกรรมต่าง ๆ เอาไว้ อีกหนึ่งไฮไลท์ของที่นี่คือ ชิงช้าสวรรค์ขนาดยักษ์ที่จะทำให้เราสามารถมองเห็นวิวกรุงเทพฯ และแม่น้ำเจ้าพระยาได้แบบ 360 อาศา ยิ่งเป็นช่วงเย็น ๆ ก็จะได้บรรยากาศพระอาทิตย์ตกสวย ๆ ด้วย 2194 ถนนเจริญกรุง แขวงวัดพระยาไกร เขตบางคอแหลม กรุงเทพฯเปิดทุกวัน เวลา 16.00 – 22.00 น.BTS : สถานีสะพานตากสิน ทางออก 2 และไปที่ท่าเรือสาทร ใช้บริการเรือข้ามไปเอเชียทีคhttps://goo.gl/maps/EQC8pREsL8oq1hE79

💕 5 สถานที่เดทในกรุงเทพฯ 💕 อ่านเพิ่มเติม

✨ Wetland ชุ่มฉ่ำใจ ในแหล่งท่องเที่ยวพื้นที่ชุ่มน้ำของไทย ✨

เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมานี้ คือ #วันพื้นที่ชุ่มน้ำโลก ซึ่งเป็นแหล่งที่มีความสำคัญทางด้านทรัพยากรธรรมชาติอย่างมาก เพราะมีธรรมชาติที่สมบูรณ์ และมีความหลากหลายของระบบนิเวศมากที่สุด ปัจจุบัน มีการสำรวจและพบว่าประเทศไทยมีพื้นที่ชุ่มน้ำทั้งที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติและที่มนุษย์สร้างขึ้นกระจายอยู่ทั่วประเทศ เพื่อน ๆ ทราบกันหรือไม่ว่า พื้นที่ชุ่มน้ำในไทยถูกแบ่งกลุ่มตามลำดับความสำคัญตามอนุสัญญา #แรมซาร์ รวม 131 พื้นที่ โดยแบ่งเป็น🌿 พื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระดับระหว่างประเทศ (Ramsar Sites)🌿 พื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระดับนานาชาติ🌿 พื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระดับชาติ 📌 พื้นที่ชุ่มน้ำที่หลาย ๆ คนรู้จักกัน ประกอบด้วยป่าชายเลน ป่าพรุ หนอง บึง อ่างเก็บน้ำ ทะเลสาบและแม่น้ำ แต่ถ้าหากแบ่งตามประเภทของพื้นที่ชุ่มน้ำจริง ๆ แล้วแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ พื้นที่ชุ่มน้ำชายฝั่งทะเล และพื้นที่ชุ่มน้ำในแผ่นดิน ที่สำคัญ ยังต้องประกอบไปด้วยความอุดมสมบูรณ์ทางชีวภาพและความหลากหลายของระบบนิเวศ มีลักษณะเฉพาะ และเกื้อกูลสิ่งมีชีวิตทั้งพืชและสัตว์ โดยเฉพาะสิ่งมีชีวิตที่หาพบได้ยากหรือใกล้สูญพันธุ์ พื้นที่ชุ่มน้ำยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวและพื้นที่ศึกษาระบบนิเวศนอกห้องเรียนที่ดีอีกด้วย เพราะจะทำให้เพื่อน ๆ ได้เข้าใจและตระหนักถึงการช่วยกันรักษาธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้เกิดความยั่งยืน วันนี้ จึงขอแนะนำ 5 สถานที่ท่องเที่ยวในพื้นที่ชุ่มน้ำของไทยว่ามีที่ไหนบ้าง ไปชมกันเลย 😉 พรุควนขี้เสียน  พื้นที่ชุ่มน้ำแห่งนี้อยู่เขตพื้นที่ของเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย แหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมในจังหวัดพัทลุง ที่สำคัญ ยังเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำแห่งแรกในไทยที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระหว่างประเทศ (Ramsar Sites) มีลักษณะเป็นพื้นที่ราบลุ่ม ตั้งอยู่ตอนเหนือของทะเลสาบสงขลา มีน้ำท่วมขังตลอดทั้งปี มีต้นเสม็ดขาวปกคลุมโดยรอบ และเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์หลายชนิด เพื่อน ๆ ที่อยากไปเที่ยวที่นี่ นอกจากจะสามารถล่องเรือชมพรุควนขี้เสียนแล้ว ภายในเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย ยังมีแหล่งเที่ยวชมอีกหลายจุดได้แก่ อุทยานนกน้ำทะเลน้อย ทะเลสาบน้ำจืดที่เชื่อมต่อกับทะเลสาบสงขลา ชมทุ่งบัวแดงแห่งภาคใต้ และฝูงกระบือที่ลัดเลาะเล่นน้ำไปตามสายน้ำ คลองปากประ แหล่งท่องเที่ยวและที่สำหรับพักผ่อนหย่อนใจที่มี “ยอ” อุปกรณ์จับสัตว์น้ำขนาดใหญ่ตั้งเรียงตระหง่านทั่วบริเวณ  ตำบลทะเลน้อย อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุงhttps://goo.gl/maps/bEk5pi3f8DxNpiS98 ป่าพรุโต๊ะแดง  หรือ ศูนย์วิจัยและศึกษาธรรมชาติป่าพรุสิรินธร เป็นป่าพรุผืนสุดท้ายที่ยังมีความสมบูรณ์แห่งเดียวในไทย ครอบคลุมถึง 3 อำเภอในจังหวัดนราธิวาส มีพรรณไม้และสัตว์ป่าหายากหลายชนิด แม้จะอยู่ไกล แต่หากมีโอกาสได้ไปแล้วนับเป็นสิ่งคุ้มค่าที่ได้ไปชมด้วยตาตัวเอง ที่นี่มีพรรณไม้มากกว่า 400 ชนิด รวมทั้งสัตว์ป่านานาชนิดอีกมากมาย หนึ่งในนั้นคือ “นกเงือกดำ” 1 ใน 13 สายพันธุ์นกเงือกที่มีอยู่ในไทย พบในป่าพรุแห่งนี้เพียงแห่งเดียว  เพื่อน ๆ สามารถเดินชมศึกษาเส้นทางธรรมชาติไปบนสะพานไม้ระยะทาง 1,200 เมตร และมีกิจกรรมพายเรือคายัคแก่เพื่อน ๆ ที่สนใจ แต่ต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ล่วงหน้ากันด้วยนะ   ตำบลปูโย๊ะ อำเภอสุไหงโกลก จังหวัดนราธิวาส เปิดทุกวัน เวลา 08.30-16.30 น. (กรณีเที่ยวชมวันเสาร์-อาทิตย์ให้ติดต่อเจ้าหน้าที่) 098 010 5736 (อาจติดต่อยากบางเวลาเนื่องจากติดภารกิจ)https://goo.gl/maps/DVPpdhWDHP2x61Bt8 อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม-เขตห้ามล่าสัตว์ป่าหมู่เกาะลิบง-ปากแม่น้ำตรัง  ทั้ง 3 พื้นที่นี้ถูกจัดให้เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระหว่างประเทศ (Ramsar Sites) ในอาณาเขตเดียวกัน มีพื้นที่อยู่ใกล้กัน มีระบบนิเวศที่หลากหลาย เป็นถิ่นอาศัยของสัตว์หลายชนิดและเป็นพันธุ์ที่หายาก มีแหล่งหญ้าทะเลขนาดใหญ่ที่มีความสำคัญต่อสิ่งมีชีวิตในท้องทะเล โดยเฉพาะ “พะยูน” พื้นที่ชุ่มน้ำขนาดใหญ่นี้ยังครอบคลุมเกาะแก่งต่าง ๆ และแหล่งท่องเที่ยวหลายแห่ง เช่น หาดต่าง ๆ ในเขตอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม จุดชมนกบนเกาะลิบง ถ้ำมรกตบนเกาะมุก แหล่งดำน้ำชมปะการังที่เกาะแหวน ล่องเรือชมป่าชายเลนชุมชนบ้านน้ำราบ เป็นต้น  ครอบคลุมอำเภอสิเกา อำเภอปะเหลียน อำเภอกันตัง จังหวัดตรังhttps://goo.gl/maps/KzmgUo19hv5Cy7fa7 (อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม)https://goo.gl/maps/ChnG4YNThkUzvBnp6 (เขตห้ามล่าสัตว์ป่าหมู่เกาะลิบง)https://goo.gl/maps/6BoUPxMUrHaKphjD9 (ปากแม่น้ำตรัง)  อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน  พื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระดับนานาชาติ เป็นแหล่งต้นน้ำลำธารของแม่น้ำเพชรบุรี และแม่น้ำปราณบุรี มีพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขาสลับซับซ้อนอยู่ในแนวทิวเขาตะนาวศรี ที่สำคัญยังเป็นแหล่งน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค เกษตรกรรม และการประมง ภายในอุทยานฯ มีอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ เกิดจากการสร้างเขื่อนดินปิด 3 ช่องทางระหว่างหุบเขา ทำให้น้ำเอ่อล้นท่วมแก่งน้ำเดิม กลายเป็นผืนน้ำขนาดกว้างใหญ่ กลางอ่างเก็บน้ำมีเกาะแก่งโผล่พ้นน้ำกระจายตัวอยู่หลายจุด ทำให้เกิดทิวทัศน์ที่สวยงาม  ที่นี่ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวใกล้กรุงฯ ที่นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางมาพักผ่อน ล่องเรือ ตั้งแคมป์ ชมธรรมชาติพืชพรรณต่าง ๆ และยังเป็นแหล่งดูนกที่หาได้ยากหลายชนิดอีกด้วย   คลอบคลุมอำเภอหนองหญ้าปล้อง อำเภอแก่งกระจาน อำเภอท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี และ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์https://goo.gl/maps/kNJbPTsSwtLoTbLy9 เขตห้ามล่าสัตว์ป่าอ่างเก็บน้ำห้วยจรเข้มาก  เป็นอีกหนึ่งแห่งที่ได้รับการจัดลำดับว่าเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระดับนานาชาติ มีสภาพพื้นที่เป็นอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ ลักษณะเป็นทะเลสาบน้ำจืด และยังเป็นแหล่งน้ำทางการเกษตรและประมงท้องถิ่นอีกด้วย ที่นี่เป็นที่อยู่อาศัยของนกหลายชนิด และเป็นบ้านของนกกระเรียนไทย นกขนาดใหญ่ที่จัดอยู่ในบัญชีรายชื่อสัตว์ป่าสงวน 1 ใน 19 ชนิด และยังเป็นแหล่งวางไข่ของนกตีนเทียนที่อพยพมาในช่วงที่มีสภาพอากาศหนาวเย็นอีกด้วย  เพื่อน ๆ ที่เดินทางมาจังหวัดบุรีรัมย์ สามารถมาเยี่ยมชมศูนย์อนุรักษ์พื้นที่ชุ่มน้ำและนกกระเรียนพันธุ์ไทยที่ตั้งอยู่ริมอ่างเก็บน้ำได้ ภายในมีพิพิธภัณฑ์จัดแสดงเกี่ยวกับนกกระเรียนไทย และยังมีนกกระเรียนไทยให้ได้ชมกันอีกด้วย นอกจากนี้ เพื่อน ๆ สามารถทำกิจกรรมล่องเรือชมพระอาทิตย์ขึ้นและชมนกที่โบยบินไปรอบ ๆ ได้ แนะนำให้มาช่วงเช้า ๆ อากาศกำลังดี  ตำบลบ้านบัว อำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์https://goo.gl/maps/52y6RFDLBwW8PivF6

✨ Wetland ชุ่มฉ่ำใจ ในแหล่งท่องเที่ยวพื้นที่ชุ่มน้ำของไทย ✨ อ่านเพิ่มเติม

✨ ผ้าลายอย่าง (Siam Pattern) ✨

ปัจจุบันละครไทยย้อนยุคหลายเรื่องเป็นที่นิยม ปฏิเสธไม่ได้ว่า หนึ่งในองค์ประกอบเล็ก ๆ ที่ทำให้ผู้ชมรับชมได้อย่างเพลิดเพลินคือเครื่องแต่งกายของตัวละคร วันนี้เลยถือโอกาสมาแนะนำ “ผ้าลายอย่าง” ผ้าในราชสำนักในสมัยอยุธยาและรัตนโกสินทร์ตอนต้น ลองตามมาอ่านกัน ความเป็นมาน่าสนใจไม่น้อยทีเดียว ผ้าลายอย่าง ถือเป็นผ้าที่มีเรื่องราวและที่มาน่าสนใจไม่น้อย ในอดีตอยุธยาถือเป็นศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนสินค้าของหลายประเทศ หนึ่งในประเทศที่มีชื่อเสียงในการผลิตผ้าคุณภาพดีและมีวิธีการผลิตผ้าที่ล้ำหน้าในยุคนั้นคืออินเดีย จึงเป็นที่ต้องการของชนชั้นสูงในสมัยนั้น แต่ลวดลายผ้าจะเป็นแบบที่นิยมในอินเดีย ไม่ค่อยเป็นที่ถูกใจของคนสยามมากนัก ทางราชสำนักสยามจึงส่งลายผ้าที่ต้องการไปที่อินเดีย ให้ผลิตตามแบบอย่างที่ส่งไป จนเป็นที่มาของคำพูดที่ว่า “จ้างให้อินเดียเขียนผ้าตามแบบอย่าง” ที่ต่อมากลายเป็นชื่อของ “ผ้าลายอย่าง” และมีการพบแม่พิมพ์ของผ้าลายอย่างที่เมืองกุจาราช ประเทศอินเดีย แหล่งผลิตผ้าที่มีชื่อเสียงในอดีต ซึ่งเป็นแม่พิมพ์ที่เป็นลายไทย ที่เรียกกันว่า “Siam Pattern” ผ้าลายอย่างเป็นผ้าที่ใช้ในราชสำนักในสมัยอยุธยาและรัตนโกสินทร์ตอนต้นสำหรับกษัตริย์ เชื้อพระวงศ์ชั้นสูงและข้าราชสำนัก สามัญชนไม่สามารถหาซื้อมานุ่งได้ตามใจ ยกเว้นจะได้รับพระราชทานจากพระมหากษัตริย์เท่านั้น

✨ ผ้าลายอย่าง (Siam Pattern) ✨ อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top