สถานที่ท่องเที่ยว

เที่ยวเกาะ…ชลบุรี ต้อนรับซัมเมอร์ 🌤

ถ้าหากวันนึงเธออยากจะไปเที่ยวทะเล พอได้ยินเพลงนี้ทีไร ใจก็นึกอยากไปเที่ยวทะเลขึ้นมา เหมาะกับบรรยากาศฤดูร้อนแบบนี้แบบนี้สุด ๆ ต้องหาที่คลายร้อนกันสักหน่อย . วันนี้บัดดี้มีเกาะในพื้นที่จังหวัดชลบุรีมาฝากค่ะ ตอบโจทย์แน่นอนเพราะมาวันเดียวก็เที่ยวได้ ใช้เวลาขับรถมาไม่ไกลจากกรุงเทพฯ สามารถไปเช้าเย็นกลับได้แบบสบาย ๆ เลยนะ #เกาะขาม แหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ อยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของสำนักงานกิจการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์อุทยานใต้ทะเลเกาะขาม ทัพเรือภาคที่ 1 ที่นี่มีไฮไลต์ตรงสะพานไม้ลัดเลาะตามโขดหิน สามารถเดินชิล ๆ ได้ บนเกาะขามยังงดนำถุงพลาสติกขึ้นบนเกาะ เพื่อรักษาสิ่งแวดล้อมให้สะอาด สวยงาม และยั่งยืนนั่นเองค่ะ เกาะขามไม่อนุญาตให้พักค้างคืน แนะนำให้นักท่องเที่ยวหาที่พักบริเวณท่าเรือเขาหมาจอนะคะ  บนเกาะมีกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวได้ทำมากมาย เช่น ดำน้ำตื้นชมปะการังและฝูงปลา นั่งเรือท้องกระจกชมโลกใต้ทะเล ใช้เวลารอบละ 30 นาที หรือจะเดินเท้าและปีนป่ายขึ้นไปยังจุดชมวิวบนยอดเขา ระยะทางราว 300 เมตร  อัตราค่าบริการเรือ (ไป-กลับ)ชาวไทย ผู้ใหญ่ 300 บาทชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 600 บาทเด็ก อายุไม่เกิน 18 ปี 250 บาท ช่องทางการจองตั๋วต้องจองตั๋วล่วงหน้าเท่านั้นได้ที่ ท่าเรือเขาหมาจอโทร. 0 3312 4848 , 09 3397 1342 (เฉพาะวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 08.30-11.30 น. และ 13.00- 16.30 น.) การเดินทางข้ามไปยังเกาะขามสามารถโดยสารเรือข้ามไปยังเกาะได้ที่ท่าเทียบเรือเขาหมาจอท่าเรือเขาหมาจอ : https://goo.gl/maps/LAKwkuZ6zhgbrWNz8เกาะขาม : https://goo.gl/maps/9p2YxtPi9fE5Pyff7 ตำบลแสมสาร อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรีhttps://www.kohkham.com/index.php #เกาะแสมสาร ที่นี่เป็น 1 ใน 9 เกาะที่อยู่ในโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริสมเด็จพระเทพฯ หรือที่รู้จักกันในนามของ อพ.สธ. เปิดเป็นแหล่งเรียนรู้และท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์  เกาะแสมสารเที่ยวได้ตลอดทั้งปี แบ่งออกเป็น 5 ชายหาดคือ หาดเทียน หาดแหลมฝรั่ง หาดเตยหาดกรวดและหาดลูกลม หาดที่เปิดให้เที่ยวชมมี 2 หาด คือ หาดเทียน และหาดลูกลม (อ่านว่า ลูก-ลม) มีร้านขายขนมและเครื่องดื่มให้บริการด้วยนะ นอกจากนี้ บนเกาะก็มีกิจกรรมหลายอย่างไม่ว่าจะเป็น ดำน้ำดูปะการัง นั่งเรือท้องกระจกชมปลา พายเรือคายัก อีกด้วย อยู่ที่เกาะกันได้ทั้งวันเลยล่ะ ก่อนเดินทางอย่าลืมเช็คสภาพอากาศ วางแผนการเดินทาง และเผื่อเวลาด้วยนะคะ เนื่องจากวันหยุดมีนักท่องเที่ยวเยอะมาก การเดินทางไปเกาะแสมสาร เพื่อน ๆ สามารถจองตั๋วล่วงหน้าได้ที่ https://www.samaesarnisland.com/index.php/booking/ โดยไปรับตั๋วที่อาคารต้อนรับพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยาเกาะและทะเลไทย (หากใครไม่สะดวกจองออนไลน์ สามารถมาซื้อได้ที่นี่เช่นกัน) แล้วขึ้นเรือที่ท่าเทียบเรือเขาหมาจอ ซึ่งอยู่ห่างพิพิธภัณฑ์ไม่ถึง 100 เมตร อัตราค่าบริการเรือ (ไป-กลับ)ชาวไทย ผู้ใหญ่ 300 บาท เด็ก 220 บาทชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 600 บาท เด็ก 600 บาท (ความสูง 110 ซม. ขึ้นไป) ตำบลแสมสาร อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี เปิดทุกวันเวลา 09.00-16.00 น.โทร. 0 3843 2475, 0 3843 2473 (ฝ่ายประชาสัมพันธ์เกาะแสมสาร)https://goo.gl/maps/Dag5TjbhVYW38Sx26 #เกาะล้านเป็นอีกเกาะที่มากี่ครั้งต้องกลับไปซ้ำ นอกจากน้ำทะเลใส หาดทรายสวย สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ยังมีกิจกรรมมากมาย เป็นเหตุผลที่หลายคนก็หลงรักและอยากกลับไปเที่ยวอีกหลาย ๆ ครั้ง บนเกาะล้านมีหาดมากมาย ไม่ว่าจะเป็นหาดตาแหวน หาดเทียน หาดตายาย หาดนวล ฯลฯ เพื่อน ๆ สามารถชมทุกหาดรอบ ๆ เกาะได้เพราะอยู่ไม่ไกลกัน จุดขึ้นเรือที่แหลมบาลีฮาย พัทยา ใช้เวลาเดินทางประมาณ 20-40 นาที แหลมบาลีฮาย ถนนพัทยาใต้ เมืองพัทยา อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรีhttps://goo.gl/maps/osdmggxTDakzqQnx6 #เกาะสีชัง อีกหนึ่งเกาะที่ฮิตไม่แพ้ที่อื่น ๆ นั่นคือ เกาะสีชัง สถานที่ตากอากาศได้รับความนิยมมานานนับร้อยปี เพราะมีบรรยากาศที่เงียบสงบ และสถานที่ท่องเที่ยวสวยงามน่าชมหลายจุด ไม่ว่าจะเป็น #ช่องเขาขาด จุดชมวิวพระอาทิตย์ตกดินสุดโรแมนติกบนเกาะ#สะพานอัษฎางค์ เป็นสะพานไม้สีขาวยื่นไปในทะเล ตั้งอยู่บริเวณพระจุฑาธุชราชฐาน #แหลมถ้ำพัง จุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงามอีกแห่งบนเกาะ และยังมีจุดอื่น ๆ ที่ต้องไปเช็กอินอีกเพียบเลยค่ะ  ขึ้นเรือได้ที่ ท่าเรือเกาะลอย มีเรือโดยสารประจำทางให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 06.00-19.00 น. ใช้เวลาประมาณ 45 นาที เกาะลอยศรีราชา ตำบลศรีราชา อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรีท่าเรือเกาะลอย https://goo.gl/maps/kZD3Gv1fZQXEQdh36

เที่ยวเกาะ…ชลบุรี ต้อนรับซัมเมอร์ 🌤 อ่านเพิ่มเติม

✨ เขาคอหงส์ จ.สงขลา ✨

เขาคอหงส์ เป็นทั้งเทือกเขาและผืนป่าใหญ่ของหาดใหญ่ ทอดตัวอยู่ในแนวทิศเหนือ-ใต้ ตั้งอยู่ในพื้นที่ของสวนสาธารณะเทศบาลนครหาดใหญ่ ที่ดัดแปลงพื้นที่จากภูเขาทั้งลูกให้เป็นสวนสาธารณะ โดยมีเนื้อที่กว่า 900 ไร่ ภายในมีทั้งจุดชมวิวมุมสูง ร้านกาแฟ จุดกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ และจุดชมธรรมชาติ ให้ทั้งคนในพื้นที่และนักท่องเที่ยวมาพักผ่อนได้ตามอัธยาศัย โดยเฉพาะในช่วงเย็นจะมีคนมาวิ่งออกกำลังกายขึ้นเขากันหลายคน ภายในสวนสาธารณะสามารถขับรถยนต์เข้าชมได้ตั้งแต่ข้างล่างไปจนถึงยอดเขา ระหว่างทางขึ้นเขา เพื่อน ๆ สามารถแวะสักการะ “พระโพธิสัตว์กวนอิมเขาคอหงส์” ซึ่งเป็นรูปสลักปางประทานพร สูง 9.9 เมตร แกะสลักจากหินหยกขาว จำนวน 8 ท่อนโดยช่างชาวจีน ใต้รูปสลักฐานพระโพธิสัตว์กวนอิม เป็นอาคารตำหนักทรงแปดเหลี่ยม เสากลางภายในรายล้อมด้วยรูปปั้นพระโพธิสัตว์ขนาดเล็ก ประมาณ 1,000 องค์ ไฮไลต์ของที่นี่อยู่บนยอดเขา เป็นจุดชมวิวที่สามารถชมวิวของเมืองหาดใหญ่แบบพาโนรามาได้จากมุมสูง จากจุดนี้เพื่อน ๆ จะเห็นวิวสีเขียวของผืนป่า ทะเลสาบสงขลา และผังเมืองของหาดใหญ่ได้อย่างชัดเจน รวมถึงยังเป็นที่ประดิษฐานของพระพทุธรูปประจำเมืองหาดใหญ่ “พระพุทธมงคลมหาราช” พระพุทธรูปปางห้ามญาติที่มีความสูง 19.9 เมตร ตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกัน อีกหนึ่งไฮไลต์ของการมาที่นี่คือการนั่ง “หาดใหญ่เคเบิ้ลคาร์” กระเช้าลอยฟ้าแห่งแรกของประเทศไทย ที่จะพาเพื่อน ๆ นั่งจากจุดชมวิวไปยังเขาคอหงส์ มีระยะทางกว่า 525 เมตร บรรทุกผู้โดยสารได้ครั้งละ 8 คน ที่สำคัญใช้เวลาเดินทางต่อรอบไม่เกิน 3 นาที เมื่อข้ามมาแล้ว จะพบลานที่เป็นที่ประดิษฐานสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในศาสนาฮินดู ทั้งท้าวมหาพรหม พระศิวะ พระพิฆเนศ รวมไปถึงพญาครุฑและช้างเอราวัณ เขาคอหงส์ ถือเป็นอีกแหล่งท่องเที่ยวที่รวบรวมความเชื่อความศรัทธาของหลากวัฒนธรรม ทั้งของชาวไทยพุทธ ชาวไทยที่นับถือศาสนาฮินดู และชาวไทยเชื้อสายจีน ไว้ด้วยกันในแหล่งพักผ่อนหย่อนใจกลางเมืองหาดใหญ่ได้อย่างพอดิบพอดี ซึ่งหากใครมีเวลาหรือมีโอกาสได้ไปเที่ยวหาดใหญ่ ที่นี่เป็นอีกสถานที่ที่ไม่ควรพลาดชม ข้อมูลเพิ่มเติม สวนสาธารณะหาดใหญ่ ตำบลหาดใหญ่ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เปิดทำการทุกวันเวลา 06.00-20.00 น. กระเช้าลอยฟ้าเปิดให้บริการวันอังคาร-วันเสาร์ 09.00-16.00 น. 0 7420 0000 ค่าบริการ : ผู้ใหญ่ 100 บาท เด็ก 50 บาท / ข้าราชการ นักเรียน นักศึกษาที่สวมเครื่องแบบ 50 บาทและชาวต่างชาติ 200 บาทhttps://goo.gl/maps/NFJj1eoZB6t91bxL9

✨ เขาคอหงส์ จ.สงขลา ✨ อ่านเพิ่มเติม

บางแสน บางใจ : ชลบุรี 🌊🌤

หลังวันหยุดยาว เพื่อน ๆ เป็นอย่างไรกันบ้าง…เล่นน้ำสงกรานต์สนุกกันแน่ ๆ เช่นเดียวกับบัดดี้ที่สนุกไม่แพ้กัน หากใครจำได้บัดดี้ได้เกริ่นไว้ว่า เรามีโอกาสไปเที่ยวบางแสน ทะเลใกล้กรุงเทพฯ ในวันเดียวก็เที่ยวได้ วันนี้เราเอาภาพบรรยากาศที่บัดดี้ได้เดินทางไปมาแล้ว แค่ 1 วัน ได้ทั้งอิ่มท้อง อิ่มใจมาฝากเพื่อน ๆ ไปตามรอยกันได้นะ สามารถเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัวหรือจะเดินทางโดยรถสาธารณะเหมือนบัดดี้ก็ได้เช่นกันค่ะ ทริปนี้บัดดี้จะพาเพื่อน ๆ เดินทางจากกรุงเทพฯ เริ่มต้นกันที่ไปดื่มกาแฟรถ Truck สุดเก๋ริมชายหาด ชมโลกใต้ทะเลที่อควาเรียม อิ่มท้องกับร้านอาหารแสนอร่อย เช็กอินมุมใหม่ฟีลญี่ปุ่นกันที่ตลาดปลาบางแสนและแวะชอปของฝากติดไม้ติดมือก่อนกลับ แต่ละแหล่งจะมีที่ไหนบ้าง ไปดูกันเลยค่ะ การเดินทาง เราเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปขึ้นรถที่สถานีขนส่งสายตะวันออกกรุงเทพฯ (เอกมัย) ที่นี่มีเคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋วไปเส้นทางสายตะวันออกอยู่หลายบริษัท มีทั้งรถตู้และมินิแวน แต่จุดหมายปลายทางของพวกเราก็คือ บางแสนนั่นเองค่ะ รถเที่ยวแรกเริ่มตั้งแต่เวลา 07.00 น.ราคาคนละ 110 บาท รถออกทุก 40 นาที สถานีขนส่งสายตะวันออกกรุงเทพฯ (เอกมัย)โทร. 0 2391 6846  จากสถานีขนส่งกรุงเทพฯ (เอกมัย) มาบางแสนใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่งก็ถึงแล้วค่ะ โดยเรามาลงตรงวงเวียนบางแสน ซึ่งเป็นป้ายสุดท้ายของจุดส่งผู้โดยสารค่ะ จากวงเวียนบางแสนก็เห็นวิวทะเลแบบนี้ ช่วงเช้าบรรยากาศกำลังดีเลยค่ะ อากาศก็ไม่ร้อนเกินไป  เราไปถึงบางแสนเช้า ๆ ทริปนี้บัดดี้ได้ยินมาว่ามีร้านกาแฟที่ต้องตื่นเช้าที่สุดอยู่ริมชายหาด เพราะร้านนี้เปิดแค่ช่วงเช้าเท่านั้น พลาดไม่ได้แน่นอน!! ร้าน #Triple_N รถ Truck ที่ทำเป็นร้านกาแฟเล็ก ๆ ตกแต่งแนวสตรีทแต่คงกลิ่นอายชาวเลอยู่ด้วย วัยรุ่นแบบเราก็ต้องขอลองสักหน่อย เติมพลังกันก่อน บริเวณด้านหลังของร้านมีโต๊ะ เก้าอี้สนามให้ลูกค้านั่งดื่มกาแฟชมวิวทะเลได้ด้วยค่ะ ชิลมาก  หากใครอยากรองท้อง ร้านข้าง ๆ กันก็มีเมนูมื้อเช้าอย่างไข่กระทะด้วยนะ รสชาติใช้ได้เลยล่ะ  ของหวานก็มีค่ะ วาฟเฟิลหน้าต่าง ๆ ทานคู่กับกาแฟ เข้ากันสุด ๆ  ดื่มกาแฟกันแล้ว เราก็เดินทางโดยรถสาธารณะไปที่ #อควาเรียมบางแสน ห่างจากร้าน Triple N ประมาณ 2 กิโลเมตรก็มาถึงแล้ว ภายในแบ่งออกเป็น 3 โซน คือ #สถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล (สถานเลี้ยงสัตว์น้ำเค็ม พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ทางทะเล) และศูนย์เรียนรู้โลกใต้ทะเลบางแสน (โซนใหม่) อีกทั้งภายในอาคารมีอากาศเย็นสบาย เหมาะจะมาเดินหลบลมร้อนในช่วงนี้เลยค่ะ ค่าเข้าชมผู้ใหญ่ 80 บาทเด็ก 40 บาท สถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล เปิดทุกวัน เวลา 09.00-16.00 น.ศูนย์เรียนรู้โลกใต้ทะเลบางแสน (โซนใหม่) เปิดทุกวันเวลา 09.00-16.30 น. ตำบลแสนสุข อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี06 2713 1116https://goo.gl/maps/4u2KAY99urepNdUb8 ภายในมีจุดที่น่าสนใจหลายจุด แต่ที่สะดุดตาในทันทีคือ ตู้แมงกระพรุนหลายสายพันธุ์และหลากหลายสีสัน สวยมากเลยค่ะ โซนสีสันแห่งท้องทะเล เราจะได้พบกับปะการังต่าง ๆ และปลาที่เรารู้จักกันดีอย่าง ปลาการ์ตูนด้วยค่ะ  เดินกันมาเรื่อย ๆ จะถึงจุดที่นั่งชมปลาต่าง ๆ ในตู้ปลาขนาดใหญ่ จุดนี้จะเป็นจุดที่มีกิจกรรมการแสดงดำน้ำให้อาหารปลาด้วยนะคะ กิจกรรมมีทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 14.30 น. เดินมาถึงจุดไฮไลต์อีกจุดอย่างอุโมงค์ปลา เหมือนเราเข้าสู่โลกใต้ท้องทะเล ซึ่งที่นี่ได้จัดงานรับปริญญาสวย ๆ ของนักศึกษามหาวิทยาลัยบูรพาอีกด้วย ถือได้ว่าเป็นจุดยอดฮิตที่ต้องห้ามพลาดเลยนะคะ มาตามรอยเก๋ ๆ ที่นี่กันได้  เดินชมในอควาเรียมกันเสร็จแล้ว แวะมาชอปในโซนของฝากกลับบ้านกันได้นะคะ  ถัดมาเราไปชอปกันที่ #ตลาดปลาบางแสน ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ญี่ปุ่นกันเลยทีเดียว ถือว่าเป็นจุดเช็กอินแห่งใหม่ต้องห้ามพลาดเมื่อมาเที่ยวบางแสน ภายในแบ่งออกเป็น 2 โซน ได้แก่โซนอิซากายะ เปิดวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 15.00-23.00 น.โซนตลาดปลาบางแสน เปิดวันจันทร์-อาทิตย์ เวลา 10.00-21.00 น. โซนอิซากายะ มีทั้งร้านอาหารมากมาย ตกแต่งร้านสไตล์ญี่ปุ่นน่ารัก ๆ มีมุมถ่ายรูปอีกเพียบไม่ว่าจะเป็นซุ้มประตู สถานีรถไฟจำลอง ต้นซากุระ ฯลฯ อากาศร้อน ๆ แบบนี้ ต้องลอง ไทยากิรูปปลาสอดไส้ไอศกรีมช็อกโกแลตเย็น ๆ  มีมุมให้ถ่ายรูปฟีลเหมือนอยู่ญี่ปุ่นเลยล่ะ  เดินเที่ยว ถ่ายรูปกันแบบจัดเต็มไปแล้ว ก็ต้องหาอะไรกินให้อิ่มท้องก่อนกลับ ที่ร้าน #ไกลลิบ ชื่อร้านอาจจะดูไกล แต่จริง ๆ แล้ว เป็นร้านที่ซ่อนตัวอยู่ในถนนสายเล็ก ๆ แต่มีคนมาอย่างไม่ขาดสาย แถมใกล้กับชายหาดอีกด้วยค่ะ ร้านไกลลิบ ร้านอาหารทะเลพื้นบ้านมีอาหารมากมายหลายประเภทเลยค่ะ เมนูแนะนำที่ต้องกิน คือ ยำ 3 ไข่ ปูนิ่มผัดผงกระหรี่ ปลาหมึกผัดไข่เค็ม ฯลฯ แต่ละเมนูอาหารทะลจัดเต็มมาก เครื่องแน่นและกลมกล่อม ต้องลองไปชิมกันนะคะ  ถนนบางแสนล่าง 14/3 ตำบลแสนสุข อำเภอเมืองชลบุรี ชลบุรีเปิดทุกวัน เวลา 08.00-19.00 น. (ปิดวันอังคาร)08 7740 9111https://goo.gl/maps/ALwNsW7CP1fQAnGt5 ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯ ก็ขอแวะชอปปิงของอร่อยบางแสนกันสักหน่อยที่ #ตลาดหนองมน ที่นี่มีของฝากให้เราได้เลือกซื้อติดไม้ติดมือกลับบ้านเยอะแยะเลยค่ะ แต่ที่ห้ามพลาดเลยนั่นคือ ข้ามหลามหนองมน รสชาติดี หอม มัน มีหลากหลายเจ้าให้เลือกซื้อกันค่ะ  ตลาดหนองมน ถนนสุขุมวิท ตำบลแสนสุข อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรีhttps://goo.gl/maps/EjrR84J9kogKz5du8

บางแสน บางใจ : ชลบุรี 🌊🌤 อ่านเพิ่มเติม

✨ ปัตตานี เมืองงาม สามวัฒนธรรม ✨

ภาพจำของคนส่วนใหญ่เมื่อพูดถึงจังหวัดปัตตานี หนึ่งใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ ก็จะนึกถึงการแต่งกาย วิถีชีวิตและกิจวัตรประจำวันของชาวมุสลิม แต่แท้จริงแล้ว ปัตตานีเป็นจังหวัดที่ผสมผสานวัฒนธรรมของชาวไทยพุทธ มุสลิม และชาวไทยเชื้อสายจีน เข้าด้วยกัน ซึ่งสะท้อนผ่านศาสนสถาน และวิถีชีวิตของคนในแต่ละเชื้อสาย กลายเป็นเมืองแห่งพหุวัฒนธรรม ที่อยู่ร่วมกันได้เป็นอย่างดี วันนี้เราจะมาบอกเล่าความเป็นปัตตานี ที่รับรองว่าเมื่ออ่านจบแล้ว เพื่อน ๆ จะอยากเก็บกระเป๋า สวมรองเท้า แล้วออกไปเยือนปัตตานี  ศาลเจ้าแม่ลิ้มก่อเหนี่ยว  เริ่มต้นการเดินทางด้วยการพาไปสัมผัสวัฒนธรรมของชาวไทยเชื้อสายจีนที่ศาลเจ้าแม่ลิ้มก่อเหนี่ยว ศาลเจ้าเก่าแก่ที่อยู่คู่ปัตตานีมาอย่างยาวนาน ผู้คนที่มาเยือนปัตตานี นิยมมาไหว้ขอพรเรื่องการค้าขาย โชคลาภ ขอให้หายจากอาการเจ็บป่วย และยังเป็นสถานที่แก้ปีชงตามความเชื้อของชาวไทยเชื้อสายจีน บริเวณที่ตั้งของศาลเจ้า เรียกว่า กือดาจีนอ เป็นภาษามลายู ซึ่ง “กือดา”แปลว่า ตลาด ส่วนคำว่า “จีนอ” แปลว่า จีน รวมกันเป็นตลาดของชาวจีน ที่ได้อพยพมาอาศัยอยู่ในจังหวัดปัตตานี ที่นี่เป็นย่านเมืองเก่าที่มีความเจริญรุ่งเรืองทางด้านการค้าในอดีต และยังคงทิ้งร่องรอยสถาปัตยกรรมแบบผสมผสานไทยและจีนให้ชมผ่านอาคารบ้านเรือนหลายหลัง  ศาลเจ้าแม่ลิ้มก่อเหนี่ยว  เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 06.00-17.00 น.https://goo.gl/maps/xqEKUTgADYVqxCQW7  วัดทรายขาว  เดินทางไปต่อที่อำเภอโคกโพธิ์ ที่ตั้งของชุมชนทรายขาว ที่นี่มีวัดทรายขาว วัดเก่าแก่ที่สร้างขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2300 ภายในวัดประดิษฐานรูปแกะสลักหินอ่อนของพระอาจารย์นอง หรือพระครูธรรมกิจโกศล อดีตเจ้าอาวาสวัดทรายขาว ผู้เป็นสหธรรมิกกับพระอาจารย์ทิม วัดช้างให้ และมีส่วนร่วมในการจัดสร้างและปลุกเสกพระเครื่องหลวงปู่ทวดมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2497 เป็นพระอาจารย์ที่เป็นที่เคารพศรัทธาของคนในชุมชนและละแวกใกล้เคียง  วัดทรายขาว https://goo.gl/maps/J9JhzNmbpBbyCJX46  มัสยิดนัจมุดีน (มัสยิดบ้านควนลังงา)  ไม่ไกลจากวัดทรายขาว มีมัสยิดเก่าแก่อายุกว่า 300 ปี ที่ผสมผสานสถาปัตยกรรมระหว่างไทยและมุสลิม เป็นมัสยิดไม้ที่สร้างขึ้นโดยไม่ใช้ตะปู ใช้เพียงไม้เป็นสลักในการยึดแต่ละส่วนเข้าด้วยกัน ออกมาเป็นรูปแบบศาลาการเปรียญ ไม่มีโดม แตกต่างจากมัสยิดที่พบเห็นกันทั่วไป ซึ่งมัสยิดแห่งนี้เป็นการออกแบบร่วมกันระหว่างพระครูศรีรัตนากร หรือพ่อท่านศรีแก้ว เจ้าอาวาสวัดทรายขาวในสมัยนั้น กับโต๊ะอิหม่าม เป็นการยืนยันถึงความสัมพันธ์อันดีระหว่างชาวบ้านทั้งสองศาสนาในชุมชน ซึ่งสะท้อนผ่านวัฒนธรรมการอยู่ร่วมกันมาอย่างยาวนาน ปัจจุบันมีการสร้างมัสยิดหลังใหม่ติดกับมัสยิดหลังเดิม เนื่องจากต้องการพื้นที่ใช้ทำกิจกรรมทางศาสนาเพิ่มมากขึ้น  มัสยิดนัจมุดีน (มัสยิดบ้านควนลังงา) https://goo.gl/maps/JyR23gBuNFnVQq7z5

✨ ปัตตานี เมืองงาม สามวัฒนธรรม ✨ อ่านเพิ่มเติม

✨ ปฏิทินท่องเที่ยวเดือนพฤษภาคม ✨

เดือนพฤษภาคม บางพื้นที่เริ่มมีฝนพรำ แต่ไม่ว่าจะฤดูไหน ๆ ก็เที่ยวได้ เพื่อน ๆ คนไหนยังไม่ได้วางแผนหรือยังไม่มีไอเดียว่าจะไปไหนดี มาชมแหล่งท่องเที่ยวตามพิกัดนี้กันได้เลย  เทศกาลชมผีเสื้อ อุทยานแห่งชาติปางสีดา จังหวัดสระแก้ว  เมื่อมาเที่ยวจังหวัดสระแก้วช่วงเดือนพฤษภาคม คงไม่มีใครอยากพลาดชมสีสันแห่งปางสีดาอย่างผีเสื้อป่านับร้อยที่กระพือปีกบินอวดโฉมไปทั่วอุทยานฯ โดยจุดที่นิยมไปชมฝูงผีเสื้อนั้นคือบริเวณ ลานน้ำตกปางสีดา และโป่งผีเสื้อ ช่วงที่เหมาะแก่การชมผีเสื้อ คือช่วงเดือนพฤษภาคม – สิงหาคม อย่ารอช้า รีบ ๆ มาชมกันนะ อัตราค่าบริการ ชาวไทย ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาท สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมอุทยานแห่งชาติปางสีดา จังหวัดสระแก้ว 0 3724 7948, 08 1862 1511  ตำบลท่าแยก อำเภอเมืองสระแก้ว จังหวัดสระแก้วhttps://goo.gl/maps/vVYQAna5zocCh9dv5  เขื่อนรัชชประภา จังหวัดสุราษฎร์ธานี  พักผ่อนหย่อนใจแบบชิล ๆ กันที่เขื่อนรัชชประภา เป็นเขื่อนอเนกประสงค์ของภาคใต้ที่ใช้ผลิตกระแสไฟฟ้า และกักเก็บน้ำเพื่อทำการเกษตร รวมทั้งเป็นแหล่งประมงน้ำจืดอีกด้วย เดิมเขื่อนนี้ชื่อว่า “เขื่อนเชี่ยวหลาน” และภายหลังก่อสร้างเสร็จ จึงได้รับพระราชทานชื่อใหม่จากพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ว่า “เขื่อนรัชชประภา” มีความหมายว่า “แสงสว่างแห่งราชอาณาจักร”  กิจกรรมท่องเที่ยวเขื่อนรัชชประภา นอนแพกลางน้ำ เล่นน้ำเหนือเขื่อน นั่งเรือหางยาวชมทะเลสาบ ล่องแพไม้ไผ่ชมป่าสีเขียว และสัตว์ป่าหายาก เช่น กระทิง กวาง หมูป่า นกเงือก สมเสร็จ เป็นต้น พายเรือคายักกลางธรรมชาติ เดินป่าชมความงามของถ้ำปะการัง ระยะทางประมาณ 1.5 กม. และล่องแพไม้ไผ่อีก 15 นาที ไปยังถ้ำปะการัง  เนื่องจากกิจกรรมส่วนใหญ่เป็นกิจกรรมทางน้ำ แนะนำให้สวมชูชีพตลอดเวลาขณะลงเล่นน้ำเพื่อความปลอดภัย ที่นี่มีสัญญาณโทรศัพท์แค่บางจุด สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติเขาสก (บริการที่พัก) 0 7739 5154-5การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (บริการเรือเที่ยวชม) 0 7724 2560-1  หมู่ 3 ตำบลเขาพัง อำเภอบ้านตาขุน จังหวัดสุราษฎร์ธานีhttps://goo.gl/maps/wtvxgpPXZeD2  บ้านสลักคอก  พาเพื่อน ๆ มาล่องเรือชมป่าชายเลน สัมผัสวิถีชีวิตชาวประมงที่ชุมชนหมู่บ้านสลักคอก หมู่บ้านชาวประมงแห่งนี้ตั้งอยู่ภายในอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง ซึ่งซ่อนตัวอยู่ในช่องแคบ มีลักษณะเป็นเวิ้งขนาดใหญ่คล้ายคอกสัตว์ จึงเป็นที่มาของชื่อหมู่บ้าน รอบ ๆ รายล้อมไปด้วยแนวป่าชายเลนซึ่งเป็นพื้นที่ทำกิน แหล่งประมงพื้นบ้าน และยังเป็นที่อนุบาลพันธุ์สัตว์น้ำต่าง ๆ  นักท่องเที่ยวนิยมมาล่องเรือมาด หรือ กอนโดลา  เพื่อชมบรรยากาศของป่าชายเลนที่มีความอุดมสมบูรณ์ และเงียบสงบ พร้อมรับประทานอาหารบนเรือแบบชิล ๆ ค่าบริการล่องเรือมาด ลำละ 800 บาท นั่งได้ 4 คน ใช้เวลาล่องเรือราว ๆ 40 นาที นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมอื่น ๆ ได้แก่ พายเรือคายัก : อัตราค่าบริการ 200 บาท / 2 คน / 1 ชั่วโมง พายซับบอร์ด : อัตราค่าบริการ 600 บาท / 1 คน / 2 ชั่วโมง (มีเจ้าหน้าที่ของชมรมคอยติดตาม) สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมชมรมนำเที่ยวพื้นบ้านสลักคอก เกาะช้างใต้ 08 7748 9497  ตำบลเกาะช้างใต้ อำเภอเกาะช้าง จังหวัดตราดhttps://goo.gl/maps/FdCnNVFfniCmEkqB7  น้ำตกขุนกรณ์ จังหวัดเชียงราย  เข้าสู่เดือนฝนพรำ น้ำตกก็เริ่มมีน้ำมากแล้ว ที่น้ำตกขุนกรณ์ เป็นน้ำตกซึ่งตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติลำน้ำกก ขึ้นชื่อว่าเป็นน้ำตกที่สวยที่สุดในจังหวัดเชียงราย นักท่องเที่ยวที่มาเชียงรายจะนิยมมาที่น้ำตกแห่งนี้เพราะเป็นน้ำตกที่ลำธารใสสะอาด น้ำไหลเย็นตลอดทั้งปี เมื่อถึงหน่วยพิทักษ์อุทยานฯ จะต้องเดินเท้าเข้าไปประมาณ 1.5 กิโลเมตร สองข้างทางเดินเป็นป่าร่มรื่น มีที่พักเหนื่อยเป็นระยะ บางช่วงจะค่อนข้างชันแนะนำให้เดินด้วยความระมัดระวัง สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมอุทยานแห่งชาติลำน้ำกก 08 3764 6475  ตำบลแม่กรณ์ อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงรายhttps://goo.gl/maps/fpVvuj6Bce4ZZ7fv5  ฤดูกาลชมวาฬบรูดา ทะเลอ่าวไทย  วาฬบรูดา พี่ใหญ่แห่งท้องทะเลไทย อาศัยอยู่ทั่วบริเวณน่านน้ำอ่าวไทย มีลักษณะตัวสีเทาเข้มออกดำอมน้ำเงิน รูปร่างเพรียวยาวกว่า 15 เมตร กินปลาเล็กจำนวนมากเป็นอาหาร ในช่วงนี้ เหล่าวาฬบรูดาก็จะออกมาเผยโฉมอันมหึมาให้เราได้ชมเป็นระยะ ๆ จากข้อมูลของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งระบุว่า ช่วงเวลาที่พบบ่อยคือช่วงเดือนเมษายน – กันยายนของทุกปี ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มีปลากะตักและกุ้งเคยอุดมสมบูรณ์ และเป็นอาหารมื้อใหญ่ของเจ้าวาฬบรูดา กิจกรรมในการไปชมวาฬบรูดานั้น เพื่อน ๆ จะต้องนั่งเรือออกไปกลางทะเล ในบริเวณที่มีวาฬบรูดากำลังหม่ำปลาน้อย ๆ กันอย่างอิ่มอกอิ่มใจ อย่างไรก็ตาม ช่วงที่มีมรสุม เป็นช่วงที่ไม่เหมาะแก่การออกไปล่องเรือกลางทะเล ดังนั้น หากเพื่อน ๆ อยากไปชม แนะนำให้โทรสอบถามกับศูนย์บริการนักท่องเที่ยวและศูนย์นำเที่ยวชมวาฬบรูดาก่อน พิกัดจุดล่องเรือทะเลอ่าวไทยชมวาฬบรูดา ปากแม่น้ำบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา โทร. 08 1488 8618คลองประมง จังหวัดสมุทรสาคร โทร. 09 8589 2550 (ร้านครัวบ้านประมง), 09 8795 4563 (ร้านเจ๋ง ครัวชายทะเล)บ้านบางตะบูน จังหวัดเพชรบุรี โทร. 0 3258 1233, 08 9796 5506, 08 2499 9993 (บางตะบูนเบย์)ชมรมวาฬบรูด้าแหลมผักเบี้ย จังหวัดเพชรบุรี โทร. 08 1865 4939 

✨ ปฏิทินท่องเที่ยวเดือนพฤษภาคม ✨ อ่านเพิ่มเติม

พิธีอัญเชิญพระพุทธสิหิงค์ ออกจากวิหารลายคำขึ้นประดิษฐานบนรถบุษบก

✨ ช่วงเช้า พิธีอัญเชิญพระพุทธสิหิงค์ ออกจากวิหารลายคำขึ้นประดิษฐานบนรถบุษบก เพื่อเตรียมเข้าร่วมขบวนแห่สรงน้ำพระในช่วงบ่ายของวัน ✨ จากนั้นในเวลา 14.09 น. เคลื่อนขบวนแห่พระพุทธสิหิงค์ ร่วมกับพระพุทธรูปสำคัญของวัดต่าง ๆ ให้ประชาชนได้สรงน้ำพระ ✨ ช่วงเย็น อัญเชิญพระพุทธสิหิงค์ ขึ้นประดิษฐานบนแท่นกลางวงเวียนด้านหน้าวิหารหลวง ณ วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร หลังจากเสร็จสิ้นขบวนแห่ เพื่อให้ประชาชนได้สักการะและสรงน้ำตลอดช่วงเทศกาลสงกรานต์ บรรยากาศเต็มไปด้วยความคึกคัก สนุกสนาน เล่นน้ำคลายร้อนกันตลอดสาย ตั้งแต่บริเวณสี่แยกสันป่าข่อย ประตูท่าแพ จนถึงวัดพระสิงห์วรมหาวิหาร 💦🎉

พิธีอัญเชิญพระพุทธสิหิงค์ ออกจากวิหารลายคำขึ้นประดิษฐานบนรถบุษบก อ่านเพิ่มเติม

ขบวนแห่อัญเชิญน้ำทิพย์นมัสการพระพุทธสิหิงค์ “ไหว้สาจุมสะหรีน้ำทิพย์ปี๋ใหม่เมือง ปี 2566”

ชวนชมภาพบรรยากาศขบวนแห่อัญเชิญน้ำทิพย์นมัสการพระพุทธสิหิงค์ “ไหว้สาจุมสะหรีน้ำทิพย์ปี๋ใหม่เมือง” จัดขึ้นในวันที่ 12 เมษายน 2566 เวลา 16.00 น. ที่ผ่านมา 💦✨ นับว่าเป็นกิจกรรมสุดพิเศษที่ในปีนี้มีการแห่อัญเชิญน้ำทิพย์ที่ผ่านการประกอบพิธีหุงน้ำทิพย์ปีใหม่เมือง ซึ่งเป็นน้ำจากแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 9 แห่ง ในจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อความเป็นสิริมงคลในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี๋ใหม่เมือง 2566 และแจกจ่ายให้ประชาชนที่เดินทางมาท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงใหม่ วันที่ 12-16 เมษายน 2566 (หรือจนกว่าจะหมด) 🎉 สำหรับเพื่อน ๆ ที่อยู่ในพื้นที่เมืองเชียงใหม่ หรือใครที่กำลังเดินทางมาเที่ยวเชียงใหม่ในวันที่ 13 เมษายน 2566 นี้ ยังมีกิจกรรมตลอดทั้งวัน ได้แก่⏰ เวลา 08.00 น. สรงน้ำและทำพิธีอาราธนาพระพุทธสิหิงค์ ณ วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร จังหวัดเชียงใหม่ ลงจากบุษบกเพื่อเตรียมสำหรับพิธีการแห่ในช่วงบ่าย⏰ เวลา 14.09 น. เคลื่อนขบวนแห่ ณ บริเวณสี่แยกสันป่าข่อย สิ้นสุดที่วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร

ขบวนแห่อัญเชิญน้ำทิพย์นมัสการพระพุทธสิหิงค์ “ไหว้สาจุมสะหรีน้ำทิพย์ปี๋ใหม่เมือง ปี 2566” อ่านเพิ่มเติม

✨ Van Gogh Alive Bangkok @ ICON SIAM ✨

วันนี้จะเป็นการนำเสนอนิทรรศการศิลปะจากศิลปินชื่อดังระดับโลก “ฟินเซนต์ วิลเลิม ฟัน โคค” หรือที่พวกเราเรียกกันติดปากว่า “วินเซนต์ แวนโกะห์” ศิลปินชาวดัตช์ผู้ยิ่งใหญ่ที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดคนหนึ่งในวงการศิลปะ พร้อมกับสไตล์งานที่โดดเด่นในยุคนั้น ทั้งการใช้สีสันและฝีแปรงที่ถ่ายทอดอารมณ์ของคนวาดลงไปอย่างเต็มที่ จนหลายคนมองว่าเขาเป็นคนสติเฟื่อนและมีภาพจำว่าเขาเป็นเพียงศิลปินที่มีปัญหาทางอารมณ์ที่เกินควบคุมจนถึงขนาดกล้าตัดหูตัวเอง คอนเทนต์ในวันนี้ จะเป็นการนำเสนอประวัติของ แวนโกะห์ ผ่านนิทรรศการภาพวาดของตัวเขาเอง ที่ไม่อยากให้ใครหลายคนพลาด ตามมาดูเรื่องราวของความมหัศจรรย์บนผืนผ้าใบยุคก่อนบนจอสกรีนขนาดใหญ่ในยุคนี้ไปพร้อมกัน ว่าจะพาเราให้รู้จักเรื่องราวของศิลปินคนนี้ได้อย่างไรบ้าง เอาล่ะ มาเริ่มเดินทางเข้าสู่นิทรรศการนี้ไปพร้อมกัน เพื่อน ๆ สามารถซื้อบัตรเข้างานออนไลน์ได้ที่ https://www.thaiticketmajor.com/van-gogh-alive/…หรือหากใครไม่สะดวก ก็เดินไปซื้อที่งานได้เลย งานจัดอยู่ที่ Attraction Hall ชั้น 6 ณ ศูนย์การค้าไอคอนสยาม (นิทรรศการจัดใกล้ ๆ โรงหนัง SF) เมื่อเข้ามาแล้ว ในโซนแรกจะเป็นห้องที่บอกเล่าประวัติของ แวนโกะห์ คร่าว ๆ เผื่อใครเพิ่งเริ่มติดตามจะได้ทราบประวัติของเขาแบบย่อ ๆ ซึ่งการได้รู้ประวัติของตัวศิลปินก่อนเข้าชมนิทรรศการ สามารถเพิ่มอรรถรสในการชมห้องต่อไปได้มากทีเดียว โดย แวนโกะห์ มีประวัติย่อ ๆ ดังนี้ แวนโกะห์ เกิดวันที่ 30 มีนาคม ค.ศ. 1853 ที่เมืองซึนเดิร์ต (Zundert) ในประเทศเนเธอร์แลนด์ มีพ่อเป็นนักบวชหลวงนิกายโปรแตสแตนท์ แม่และครอบครัวฝั่งแม่ทำงานด้านศิลปะ มีพี่น้องด้วยกันทั้งหมด 6 คน โดยมีน้องชายที่เขาสนิทชื่อ ธีโอ ตลอดชีวิตในวัยเด็ก เขาคลุกคลีและได้เรียนรู้ถึงความเป็นอยู่ระหว่างชนชั้นกลางของทางบ้านเขาและเหล่าเกษตรกร กรรมกร ว่าต่างกันขนาดไหน ซึ่งประสบการณ์ในช่วงนี้จะเป็น 1 ในอิทธิพลที่ส่งผลต่อผลงานการวาดภาพช่วงแรก ๆ ของเขา หลังจากเรียนจบ เขาได้ทำงานที่ Goupil & Cie ห้องภาพแห่งหนึ่งที่ญาติเขาเป็นหุ้นส่วนตั้งแต่อายุ 16 ปี และเมื่อเขามีอายุได้ 18 ปี เขาถูกส่งตัวไปยังห้องภาพสาขาปารีส ด้วยความที่เขาเป็นคนซื่อและพูดตรง เขาจะบอกลูกค้าไม่ให้ซื้อภาพนั้นหากเป็นภาพที่ไม่คุ้มค่ากับราคา จนสร้างความไม่พอใจให้ทางร้านและไล่เขาออกในที่สุด ในช่วงอายุ 20 เป็นช่วงที่เขาทั้งผิดหวังจากความรักและมีภาวะซึมเศร้า เขาจึงเริ่มมองหาเส้นทางใหม่ ๆ ให้กับตัวเอง อย่างการลองศึกษาศาสนาและเป็นผู้เผยแพร่ แต่ก็ไปไม่รอดเพราะเขาเป็นคนที่พูดจูงใจคนไม่เก่ง แถมยังอุทิศเงินส่วนตัวให้กับคนทุกข์ยากจนตัวเองลำบาก ต้องกินแค่เศษขนมปัง ทำให้ร่างกายผอมลงและเป็นพิษไข้ สุดท้ายเขาก็ถูกไล่ออกจากการเป็นผู้เผยแพร่ศาสนา จนกระทั่งเขาอายุได้ 27 ปี เป็นช่วงที่เขาได้พบกับเส้นทางที่เขาตามหา เขาเริ่มหันมาสนใจในศิลปะอีกครั้ง จากการพบเห็นผลงานศิลปะแบบ Impression ในยุคนั้น เขาเริ่มเรียนรู้ที่จะวาดและถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกของเขาลงไปในภาพวาด โดยมีน้องชายของเขา ธีโอ เป็นนายหน้าขายภาพให้ หากเทียบกับศิลปินคนอื่น ถือว่าเขาเริ่มต้นวาดภาพช้าและมีเวลาในการวาดรูปเพียง 10 ปีเท่านั้น เพราะในช่วงวัย 37 ปี เขาได้เสียชีวิตลงจากสาเหตุยิงตัวเองเข้าที่กลางลำตัว หลายคนก็ตั้งข้อสันนิษฐานว่าเขาน่าจะเสียชีวิตจากอุบัติเหตุเพราะมีปากเสียงกับเด็กหนุ่มวัยคึกคะนองในละแวกนั้นมากกว่า แต่ใน 10 ปีนี้ เขามีผลงานศิลปะราว 2,100 ชิ้น เป็นภาพวาดสีน้ำมันกว่า 900 ชิ้น และภาพวาดลายเส้นอีกประมาณ 1,100 ชิ้น ซึ่งส่วนใหญ่เขาวาดในช่วงเวลาสองปีสุดท้ายก่อนเสียชีวิต หลังจากเขาเสียชีวิตไปแล้ว 6 เดือนต่อมา ธีโอ น้องชายผู้สนับสนุนและคอยผลักดันเส้นทางการเป็นศิลปินของแวนโกะห์ ก็เสียชีวิตจากโรคทางสมอง โจฮันนา ภรรยาหม้ายของธีโอ ที่ยังเชื่อมั่นในตัวของแวนโกะห์ ก็ต่อสู้ผลักดันผลงานของเขาต่อไป จนผลงานของเขาเป็นที่นิยมขึ้นมา และกลายเป็นของล้ำค่าราคาสูงจนถึงปัจจุบัน ในห้องเดียวกันมีประวัติของภาพวาดอย่าง The Starry Night, Café Terrace At Night, Sunflowers, Almod Blossom, Portrait Of Dr.Garchet, Wheat Field With Crow ให้อ่านด้วยนะ นอกจากนี้ ภายในโซนแรก เพื่อน ๆ จะพบกับห้องนอนจำลอง ที่มีต้นแบบมาจากภาพวาด Bedroom in Arles ภาพห้องนอนของ แวนโกะห์ ในบ้านหลังสีเหลือง ที่เขาอาศัยร่วมอยู่กับเพื่อนศิลปิน พอล โกแกง (Paul Gauguin) ที่ทำให้ต่อมามีรูปที่มีชื่อเสียงมาก ๆ อีกรูปก็คือ “ดอกทานตะวัน” นั่นเอง จากนั้นจะเป็นการเดินทางเข้าสู่โซนที่ 2 ไฮไลท์ของนิทรรศการนี้ ซึ่งจะมีป้ายแจ้งข้อมูลก่อนเดินเข้าไป ว่าทางนิทรรศการแนะนำให้ผู้เข้าชมใช้เวลาอย่างน้อย 40 นาทีในการชมโซนที่ 2 นี้ การเล่าเรื่องของโซนนี้ จะเป็นการนำเสนอประวัติของ แวนโกะห์ ที่เราอ่านกันในโซนที่ 1 ผ่านภาพวาดของเขาตามช่วงอายุ ด้วย Immersive Multi-Sensory Experience ที่จะเริ่มฉายภาพไปทั่วกำแพงและพื้น มีตั้งแต่ภาพที่เขาเริ่มวาดด้วยสีทึมทะมึน อย่างภาพ The potato eaters ที่บอกเล่าเรื่องราวที่เขาพบเจอมาในช่วงเด็ก ที่นำเสนอภาพชีวิตของครอบครัวชาวนาล้อมวงกินอาหารมื้อค่ำอย่างสมถะ ซึ่งภาพนี้เป็นอีกภาพที่ทำให้คนเริ่มหันมามองเขาในฐานะศิลปิน ไปจนถึงภาพที่เขาหัดวาดดอกไม้ และวาดภาพเหมือนของตัวเอง บรรยากาศรอบตัวจะเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ จากภาพวาดของเขาที่มีอยู่หลายพันภาพ ให้ความรู้สึกเหมือนตัวเราเป็นส่วนหนึ่งของภาพวาด ที่สำคัญในบางช่วงจะมี “กลิ่น” ที่ทางงานปล่อยออกมา เพื่อให้ผู้เข้าชมได้รับประสบการณ์ในการชมที่มากขึ้นอีกด้วย ภาพที่ฉายออกมา หากไปดูใกล้ ๆ จะเห็นรายละเอียดของฝีแปรงจากตัวศิลปินได้อย่างชัดเจน อย่างภาพ Starry Night Over the Rhône ก็เห็นรายละเอียดนี้ชัดมาก ต้องชมความเก่งและความทันสมัยของเทคโนโลยีและผู้จัดงานนี้จริง ๆ ที่ถ่ายทอดประสบการณ์ดี ๆ มาให้ผู้ชมงานได้มากขนาดนี้ โซนต่อมา เป็น Installation Art ที่จะจำลองภาพวาดของเขาออกมาเป็นพื้นที่จริง ให้ผู้เข้าชมได้ไปถ่ายรูปอย่างใกล้ชิด ซึ่งเมื่อก้าวเข้าสู่ห้องนี้ เพื่อน ๆ จะเจอกับภาพ Noon, Rest

✨ Van Gogh Alive Bangkok @ ICON SIAM ✨ อ่านเพิ่มเติม

✨ ประเพณีปอยส่างลอง หรือ บวชลูกแก้ว ✨

การบรรพชาสามเณรตามแบบฉบับของชาวไทยใหญ่ ซึ่งเชื่อกันว่าได้กุศลแรงกว่าการบวชพระ โดยเด็กที่เข้าพิธีบรรพชาจะเรียกว่า “ส่างลอง” เมื่อถึงกำหนดจัดงานจะมีการโกนผมส่างลอง แต่จะไม่โกนคิ้ว (เพราะพระภิกษุพม่าไม่โกนคิ้ว) แล้วแต่งกายอย่างสวยงามด้วยเครื่องประดับอันมีค่า เช่น สวมสายสร้อย กำไล แหวน และใช้ผ้าโพกศีรษะแบบพม่า สวมถุงเท้ายาว นุ่งโสร่ง ทาแป้งขาว เขียนคิ้ว ทาปาก จากนั้นพาไปขึ้นขี่บนหลังม้า ถ้าไม่มีม้าก็จะขี่คอคน ซึ่งเรียกว่า “พี่เลี้ยง” หรือ “ตะแปส่างลอง” แล้วแห่ไปตามถนนสายต่าง ๆ มีกลดทองหรือ “ทีคำ” แบบพม่า กางเพื่อกันแดด ปัจจุบันประเพณีได้มีการกำหนดรูปแบบให้เป็นการบรรพชาสามเณรแบบสามัคคี คือ จัดให้มีการบรรพชาส่างลองจำนวนมากในคราวเดียวกัน โดยมักจัดเป็นประจำทุกปีในช่วงปลายเดือนมีนาคม-ต้นเดือนเมษายน หรือช่วงระหว่างปิดภาคการศึกษาของเด็ก ๆ นั่นเอง ทำให้ประเพณีปอยส่างลองของจังหวัดแม่ฮ่องสอนมีความยิ่งใหญ่และงดงามเป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยว ภาพชุดนี้เป็นบรรยากาศส่วนหนึ่งของประเพณีปอยส่างลอง ที่จัดขึ้น ณ วัดปางล้อ อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน จังหวัดแม่ฮ่องสอน เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2566 ที่ผ่านมา เป็นประเพณีที่แสดงให้เห็นถึงศรัทธาอันแรงกล้าในพระพุทธศาสนาของชุมชนท้องถิ่น ตลอดจนการสืบทอดประเพณีจากรุ่นสู่รุ่น ซึ่งควรค่าแก่การอนุรักษ์สานต่อให้คงอยู่สืบไป สำหรับนักท่องเที่ยวและผู้สนใจจะมาชมประเพณีปอยส่างลองที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน ยังมีอีกหลายวัดที่กำลังจะจัดขึ้นในเดือนเมษายน 2566 นี้ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ททท. สำนักงานแม่ฮ่องสอน โทร. 0 5361 2982

✨ ประเพณีปอยส่างลอง หรือ บวชลูกแก้ว ✨ อ่านเพิ่มเติม

✨ บ้านมุง เนินมะปราง จ.พิษณุโลก ✨

ถ้าพูดถึงเพลงดังในช่วงนี้ หลายคนคงนึกถึงเพลงฮิตติดหูอย่างเพลง “นะหน้าทอง” ของ “โจอี้ – ภูวศิษฐ์” ที่สร้างปรากฏการณ์ความนิยม จนยอดชมในยูทูปทะลุถึง 175 ล้านวิวไปแล้ว (ณ วันที่ 31 มีนาคม 2566) ซึ่งสถานที่ถ่ายทำสุดสวยและบรรยากาศที่เต็มไปด้วยธรรมชาติของทุ่งกว้างและภูเขาสูงที่เห็นในเพลงนั้น เป็นสถานที่ท่องเที่ยวมีชื่อ ของ จ.พิษณุโลก นั่นก็คือ ต.บ้านมุง อ.เนินมะปราง ตามมาอ่านรายละเอียดกันได้เลย ต.บ้านมุง ห่างจากตัวเมืองพิษณุโลก 80 กิโลเมตรนิด ๆ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง ที่นี่เป็นชุมชนที่โอบล้อมด้วยภูเขาหินปูนขนาดใหญ่ มีหลักฐานด้านธรณีวิทยาบอกว่ามีอายุมากกว่า 300 ล้านปี ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง พื้นที่รอบหมู่บ้านเป็นทุ่งนา ไร่ข้าวโพด แปลงดอกไม้ มีเส้นทางเดินเขาและชมถ้ำ ที่เป็นบ้านของค้างคาวนับล้าน ที่จะออกหากินในช่วงเย็น หนึ่งกิจกรรมเด่นของคนมาเยือนหมู่บ้านแห่งนี้ เมื่อมาถึงหมู่บ้าน เพื่อน ๆ จะพบกับ “แลนด์มาร์คบ้านมุง” ซึ่งเป็นจุดนัดพบของกิจกรรมแรกที่จะมานำเสนอ นั่นก็คือ การนั่งรถอีแต๊กเที่ยวรอบหมู่บ้าน โดยคุณตุ่น แอดมินกลุ่มคนรักเนินมะปรางจะเป็นไกด์นำเที่ยว ซึ่งกิจกรรมนี้จะใช้เวลาราว ๆ หนึ่งชั่วโมงครึ่ง แต่หากใครไม่อยากนั่งรถอีแต๊ก ก็สามารถหาเช่ารถจักรยานได้เช่นกัน รถอีแต๊กนำเที่ยว ที่ปรับมาจากรถที่ใช้ในการเกษตร ในช่วงแรกของการนั่งรถชมหมู่บ้าน จะเป็นการพาชมถ้ำหินต่าง ๆ ที่กระจายตัวอยู่ทั่วชุมชน ทั้งถ้ำหลวงพ่อบุญมี ถ้ำนางสิบสอง รวมไปถึงถ้ำที่เหล่าค้างคาวอาศัยอยู่ ใครอยากตามรอย MV เพลงนะหน้าทอง ตามมาถ่ายได้เลย จากนั้นจะเป็นการนั่งรถชมบรรยากาศรอบหมู่บ้าน บอกเลยว่าอากาศดีมาก รอบข้างก็มีแต่ธรรมชาติ มองไปทางไหนก็สบายตาไปหมด จุดต่อมา คุณตุ่นพาไปชมจุดตั้งแคมป์ เช่น บ้านมุงแคมป์และแคมป์หมาบ้าใจดี ที่พักแนวตั้งแคมป์กางเต็นท์ ที่นำรายได้ไปช่วยเหลือสุนัขจรจัด แต่สำหรับใครที่อยากทำกิจกรรมเเนวเเอดเวนเจอร์มากกว่าแค่นอนเต็นท์ สามารถสอบถามข้อมูลพิชิตยอดเขาหินปูนและจองล่วงหน้าที่คุณตุ่นได้เลย ในตอนนั่งรถกลับ จะเป็นการชมเส้นทางภูเขาหินรอบเนินมะปรางในอีกเส้นทาง ซึ่งคุณตุ่นเล่าให้ฟังว่า ภูเขาหินที่เรียงกันเนี่ย ยาวถึง 13.5 กิโลเมตรเลยนะ แต่หากใครมาช่วงเย็นอาจต้องทำเวลาหน่อย เพราะในเวลาประมาณ 18.00 น. เป็นช่วงเวลาหากินของค้างคาว ซึ่งจุดชมค้างคาวก็ไม่ใช่ที่ไหน ตรงจุดแลนมาร์คที่ขึ้นรถกันนี่แหละ ในช่วง 15-20 นาทีแรกจะเห็นค้างคาวบินออกมาเยอะมากและค่อย ๆ ดูบางตาลงในช่วงเวลา 19.00 น. การเดินทางไปบ้านมุงที่อยากแนะนำคือ การเช่ารถ หรือถ้าเพื่อน ๆ เป็นสายลุย ก็สามารถนั่งรถโดยสารสายพิษณุโลก – เนินมะปราง จากสถานี บขส.เก่ามาได้ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง ค่ารถ 70 บาท

✨ บ้านมุง เนินมะปราง จ.พิษณุโลก ✨ อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top