สถานที่ท่องเที่ยว

✨ป่าต้นน้ำบ้านน้ำราด ✨

ชวนไปแหวกว่ายคลายร้อนในน้ำเย็นสดชื่นกลางบ่อน้ำสีฟ้าที่ใสราวกระจก โอบล้อมด้วยผืนป่าอุดมสมบูรณ์ที่ป่าต้นน้ำบ้านน้ำราด จังหวัดสุราษฎร์ธานี ป่าต้นน้ำบ้านน้ำราด เป็นตาน้ำที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ และมีน้ำผุดขึ้นมาตลอดเวลา มีจุดเด่นที่แอ่งน้ำขนาดใหญ่ที่ใสจนมองเห็นพื้นและปลาที่อยู่ในน้ำได้อย่างชัดเจน ความพิเศษอีกอย่างหนึ่งคือถึงจะมีคนลงเล่นน้ำเยอะแค่ไหน แอ่งน้ำตรงนี้ก็ยังคงความใสไม่มีตะกอนได้อย่างเหลือเชื่อ กิจกรรมแนะนำเมื่อเดินทางมาถึงป่าต้นน้ำบ้านน้ำราดคือการลงเล่นน้ำในแอ่งน้ำที่ไม่ลึกมาก (แต่ผู้ปกครองที่พาบุตรหลานไปเล่นน้ำต้องคอยดูแลตลอดเวลา) และการนั่งเรือชมธรรมชาติ โดยจะมีน้อง ๆ ไกด์ท้องถิ่นตัวน้อยทำหน้าที่พายเรือและให้ความรู้ตลอดเส้นทาง และจากความสำคัญในฐานะต้นน้ำ ชาวบ้านบ้านน้ำราดจึงรวมตัวกันจัดตั้งวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ป่าต้นน้ำบ้านน้ำราดขึ้นเพื่อดำเนินกิจกรรมท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ โดยมีข้อปฏิบัติสำหรับนักท่องเที่ยวคือ ห้ามน้ำอาหารและเครื่องดื่มเข้าไปในบริเวณแอ่งน้ำ รวมถึงถุงผ้า ถุงพลาสติก หรือกระเป๋าขนาดใหญ่ โดยจะอนุญาตให้น้ำกระเป๋าเงินขนาดเล็ก โทรศัพท์มือถือ กล้องถ่ายรูป เสื้อผ้ารองเท้าสำหรับเปลี่ยนเล่นน้ำ และนมสำหรับเด็กอ่อนโดยบรรจุในขวดนมเท่านั้น โดยจะมีเจ้าหน้าที่ตรวจตราอยู่ ณ บริเวณจุดตรวจตั๋ว แนะนำว่าให้เก็บไว้ที่รถ หรือใช้บริการตู้เก็บของที่ชุมชนเตรียมไว้ได้เช่นกัน การเดินทางมาเที่ยวป่าต้นน้ำบ้านน้ำราดนั้นสะดวกสบายด้วยถนนลาดยางจนถึงจุดจอดรถ ซึ่งในบริเวณนี้มีร้านค้าและร้านอาหารให้บริการนักท่องเที่ยวหลายร้าน นอกจากนี้ยังมีห้องน้ำให้บริการหลายจุด โดยมีเจ้าหน้าที่จากกลุ่มวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ป่าต้นน้ำบ้านน้ำราดดูแลความเรียบร้อยเป็นอย่างดี พิกัด (จุดจอดรถป่าต้นน้ำบ้านน้ำราด) https://goo.gl/maps/pSPN8TrjcNsbfAJj6เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 09.00-17.00 น.

✨ป่าต้นน้ำบ้านน้ำราด ✨ อ่านเพิ่มเติม

🌟 เดินชมงานศิลป์ Check in ตลาดน้อย 🌟

ตลาดน้อยเป็นย่านชุมชนชาวจีนเก่าแก่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ที่นี่มีเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนาน อีกทั้งมีการผสมผสานวัฒนธรรมไทย-จีนได้อย่างลงตัว ซึ่งจะสัมผัสได้จากวิถีชีวิตท้องถิ่นและบ้านเรือนเก่าแก่ที่เรียงรายในชุมชน ตอนนี้ยังมีความเก๋ของภาพสตรีทอาร์ตที่ซ่อนอยู่มากมาย ยิ่งใครชอบถ่ายภาพหรือชอบถ่ายรูปแนว Street Art ล่ะก็ รับรองต้องถูกใจแน่นอน ที่สำคัญเดินทางง่ายด้วย! หากเพื่อน ๆ คนไหนมีจุดถ่ายรูปสวย ๆ เก๋ ๆ นอกเหนือจากที่แนะนำไป มาเม้นบอกกันได้นะ เผื่อจะตามไปถ่ายบ้าง เริ่มกันที่ ตรอกศาลเจ้าโรงเกือก ในตรอกนี้มีมุมสวย ๆ ให้ถ่ายรูปเยอะมาก ไม่ใช่แค่งานที่จัดแสดงให้ดูนะที่สวย แสงและเงาตามกำแพงก็สวยไม่แพ้กัน แนะนำเลยว่าห้ามพลาด : https://goo.gl/maps/ziDBrH3Wwe4mQaxK9 เห็นตรอกเล็ก ๆ แบบนี้ แต่ข้างในอัดแน่นไปด้วย Street Art สวย ๆ ตั้งแต่ต้นซอยยาวไปจนสุดเลยล่ะ ส่วนหนึ่งเป็นภาพวาดตามกำแพงจากร่องรอยของงาน “Urban Arts Festival 2016” นอกจากนี้อีกฝั่งของกำแพงยังมีนิทรรศการภาพถ่าย Portrait of Charoenkrung ที่มาจากงาน “Bangkok Design Week 2020” จัดแสดงอีกด้วย แค่จุดแรกก็ถ่ายรูปได้แบบจุก ๆ ไปเลย แวะสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ ศาลเจ้าโรงเกือก เดินจนสุดทางก็จะเจอศาลเจ้าโรงเกือก (ศาลเจ้าพ่อฮ้อนหว่องกุง) ที่นี่อยู่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นศาลเจ้าเก่าแก่ที่มีมาแต่สมัยรัชกาลที่ 5 จากคำบอกเล่าของผู้ดูแลสถานที่ บอกว่าศาลเจ้าแห่งนี้เริ่มจากพ่อค้าชาวจีนฮากกา (จีนแคะ) ได้เชิญองค์เจ้าพ่อฮ้อนหว่องกุงจากเมืองจีนมาประดิษฐานไว้เมื่อกว่า 100 ปีที่แล้ว ก่อนที่จะสร้างเป็นศาลเจ้าอย่างที่เห็นในปัจจุบัน ยิ่งในช่วงเทศกาลตรุษจีนจะคึกคักเป็นพิเศษ จะมีการตั้งโต๊ะไหว้เทพเจ้าไฉ่ซิงเอี๊ยะ (เทพเจ้าแห่งโชคลาภ) ใครสนใจจะมาไหว้ก็ซื้อของไหว้รวมไปถึงเครื่องกระดาษต่าง ๆ มาไหว้ได้เลย : https://goo.gl/maps/gYh6KLuWLwQ6y5Ar6: 7.00 – 17.00 น. เดินถัดมาถ่ายรูปอีกซอยไม่ไกลกัน ที่ซอยเจ้าสัวสอน มี Street Art ข้างตึกใหญ่โตสุด ๆ สายถ่ายรูปจะพลาดได้ไง 📍: https://goo.gl/maps/Ruy7AMLv2j9bEoX26 แวะโซวเฮงไถ่ คฤหาสน์จีนโบราณในย่านตลาดน้อย เดินตามทางมาไม่ไกล ก็จะเจอกับบ้านโซวเฮงไถ่ (บ้านนี้มีชื่อเรียกหลายชื่อ คนแถวนี้เรียก บ้านดวงตะวัน นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักเรียกว่าบ้านจีนโบราณ บ้านเก๋งโบราณ) ที่นี่จะเป็นบ้านจีนสไตล์โบราณ มีผังเป็นรูปตัวยู ถ้าพูดด้วยภาษาปัจจุบันก็คือ จะมีคอร์ตยาร์ต (COURTYARD) กลางบ้านเป็นสระ เอาไว้ดำน้ำ (ลูกชายเจ้าของบ้านชอบดำน้ำมาก จึงสร้างสระว่ายน้ำไว้กลางบ้าน และเปิดเป็นโรงเรียนสอนดำน้ำ) แล้วเก๋งจีนที่นี่ก็มีอายุเก่าแก่กว่า 200 ปีเลย สวยข้ามกาลเวลาจริง ๆ หลังจากสั่งเครื่องดื่มแล้ว เพื่อน ๆ สามารถขึ้นไปเดินชมบนตัวบ้านได้เลย บัดดี้อดรู้สึกตื่นเต้นไม่ได้ เพราะข้าวของทุกอย่างเป็นของเก่าจริง ๆ และสวยมาก ๆ เหมือนฉากในหนังเลยล่ะ ที่สำคัญคือ ควรเดินด้วยความระมัดระวังและสำรวมกันด้วยนะ เพราะที่นี่ยังคงเป็นบ้านที่อยู่อาศัยของเจ้าของบ้าน บริเวณไหนเป็นพื้นที่ส่วนตัวหรือห้ามเข้า ก็ปฏิบัติตามกันกฏด้วยน้าาา : https://goo.gl/maps/Xf3SnYgko8bfdd8B8: 9.00-17.00น. (หยุดวันจันทร์์) ถัดจากบ้านโซวเฮงไถ่เล็กน้อยก็จะเจอจุดมหาชนนิยมถ่ายรูปอีกแล้ว นั่นก็คือ รถเต่าสีส้มนั่นเอง จุดถ่ายรูปสุดฮิตของตลาดน้อยเลย!! รถคันนี้ จอดอยู่ริมกำแพงอิฐเก่าเกือบสุดซอย แอบอยากรู้เหมือนกันนะว่าใครกันที่เป็นคนขับรถเต่าสีส้มแบบนี้บนท้องถนนในอดีต ต้องเป็นคนจ๊าบแน่เลย…ว่าไหม? ระหว่างทางก็เจอกับบ้านไม้หลังใหญ่ เลยอดไม่ได้ที่จะแวะถ่ายรูปเก๋ ๆ : https://goo.gl/maps/mQRUJBQpuXhEWfTT8 แวะเติมความสดชื่นระหว่างวันที่ ร้าน Naam 1608 (น้ำหนึ่งหกศูนย์แปด) ร้าน Naam 1608 เป็นร้านอาหารบรรยากาศสุดชิล ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา เหมาะกับการแวะพักเติมพลังมาก ๆ ที่ร้าน Naam 1608 มีเมนูอาหารให้เลือกชิมเยอะมาก ๆ ทั้งอาหารคาว อาหารหวาน หรือจะเป็นเครื่องดื่มแบบต่าง ๆ : https://goo.gl/maps/MgtixwdfymaHJrqr7 : 091 936 1632 (โทรสำรองที่นั่งล่วงหน้า) สถานที่สุดท้ายที่จะแนะนำก็คือ วัดแม่พระลูกประคำ (โบสถ์กาลหว่าร์) โบสถ์กาลหว่าร์เป็นโบสถ์คริสต์เก่าแก่ที่มีความสวยงาม ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา สถาปัตยกรรมเป็นแบบนีโอโกธิค ภายในโบสถ์รวบรวมจิตรกรรมภาพกระจกสีที่บันทึกเรื่องราวเหตุการณ์สำคัญตามคริสต์คัมภีร์และจารึกรูปนักบุญชื่อดังไว้ด้วย : https://goo.gl/maps/c9aBuC9BF2BAnLxZA: เปิดทุกวัน 09.00 – 17.30 น

🌟 เดินชมงานศิลป์ Check in ตลาดน้อย 🌟 อ่านเพิ่มเติม

ท่าแร่ : ชุมชนเก่าแก่ จังหวัดสกลนคร 🌟

“สกลนครละเบ๋อ” 😀 หากเพื่อน ๆ มีโอกาสไปเที่ยวจังหวัดสกลนคร อาจเคยได้ยินสำเนียงการพูดภาษาถิ่นของที่นี่ บัดดี้ว่าเป็นเอกลักษณ์มาก ๆ ถึงแม้ว่าจะเป็นเมืองเล็ก ๆ แต่จริง ๆ แล้วที่นี่มีสิ่งที่น่าประทับใจไม่น้อยเลยล่ะ จุดมุ่งหมายของวันนี้คือ “บ้านท่าแร่” ชุมชนเก่าแก่ที่มีอายุมากกว่า 100 ปี มีทั้งโบสถ์และบ้านทรงโบราณมากมาย เราจะพาไปชมกันเพลิน ๆ ค่ะ 🚙 #บ้านท่าแร่ ชุมชนเก่าแก่ ก่อตั้งเมื่อ พ.ศ.2427 เป็นหนึ่งในชุมชนที่มีประชากรนับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกมากที่สุดในประเทศไทย  แต่เดิมชาวท่าแร่เป็นคริสตังที่อพยพมาจากตัวเมืองสกลนครที่อยู่อีกฝั่งของหนองหาร โดยต่อแพไม้ไผ่ขนาดใหญ่บรรทุกผู้คนและข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ ข้ามหนองหารมายังฝั่งชุมชนท่าแร่ในปัจจุบัน บ้านเรือนที่อยู่อาศัยเป็นสถาปัตยกรรมรูปแบบใหม่ที่เป็นอาคารกึ่งไม้กึ่งปูน และยังมีอาคารเก่าที่สร้างมานาน 80-90 ปี สร้างขึ้นเป็นตึกปูนทรงยุโรปในรูปแบบสถาปัตยกรรมฝรั่งเศสผสมเวียดนามที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้ให้ผู้คนได้มาสัมผัสถึงความเจริญรุ่งเรือง ถือเป็นเอกลักษณ์ของที่นี่เลย อย่าพลาดชมกันนะ  ภานในชุมชนมีโบสถ์ชื่อว่า #อาสนวิหารอัครเทวดามีคาแอล เป็นโบสถ์รูปทรงคล้ายเรือ เพื่อระลึกถึงการใช้เรือและแพในการอพยพมาจากตัวเมืองสกลนครนั่นเอง  นอกจากนี้ยังเป็นศูนย์กลางในการเผยแพร่ศาสนาไปยังหมู่บ้านต่าง ๆ ในจังหวัดสกลนคร และใช้ในการประกอบพิธีกรรมทางศาสนาจนถึงปัจจุบัน ไม่ไกลจากอาสนวิหารอัครเทวดามีคาแอล มี #บ้านโบราณ 100 ปี ตามประวัติคืออายุมากกว่า 90-100 ปี เดิมเป็นที่อาศัยของพระยาประจันตประเทศธานี เจ้าเมืองแห่งสกลนครในเวลานั้น เคยถูกไฟไหม้ เหลือเพียงโครงสร้างอาคารและไม่มีการบูรณะซ่อมแซม ต่อมามีต้นไม้ขึ้นปกคลุม กลายเป็นบ้านร้างอย่างที่เห็นในปัจจุบัน แต่ยังคงอนุรักษ์ไว้ให้นักท่องเที่ยวมาสัมผัสและได้รับรู้ความเป็นมาในประวัติศาสตร์อีกด้วย นอกจากนี้ หากใครหิว ใกล้ ๆ กันจะมี #ข้าวเปียกโบราณฟรานซิสโก ที่ใช้อาคารเก่าแก่เปิดเป็นร้านอาหาร แวะไปรองท้องกันได้ กิจกรรมที่ต้องห้ามพลาด ทุกวันที่ 25 ธันวาคมของทุกปี ที่หมู่บ้านท่าแร่จะมีการจัดประเพณีแห่ดาวเทศกาลคริสต์มาส  โดยจัดขบวนแห่ดาวคริสต์มาส ซึ่งหมู่บ้านต่าง ๆ จะจัดขบวนแห่มาร่วมฉลอง ประดับตกแต่งบ้านเรือนด้วยดวงไฟ ดาว และต้นคริสต์มาส เพื่อน ๆ สามารถไปเที่ยวชมในช่วงเทศกาลได้ด้วยนะ  ชุมชนท่าแร่ ตำบลท่าแร่ อำเภอเมืองสกลนคร จังหวัดสกลนครhttps://goo.gl/maps/WBH7QwPY5ysFWGYQ7

ท่าแร่ : ชุมชนเก่าแก่ จังหวัดสกลนคร 🌟 อ่านเพิ่มเติม

✨ รวม 8 วัด เส้นทางสายมู พิกัดรอบคูเมืองเชียงใหม่ ✨

ทุกครั้งที่เราได้มาเยือน #เชียงใหม่ สิ่งที่ชวนสะดุดตาและเป็นที่โดดเด่น คือความงดงามของศิลปะและวัฒนธรรมที่แสดงผ่านวิถีชีวิต ศาสนสถาน วัดวาอารามต่าง ๆ ที่กระจายตัวท่ามกลางชุมชน บริเวณคูเมืองใจกลางเชียงใหม่ เป็นอีกหนึ่งโลเคชันที่มีวัดอยู่มาก มองไปทางไหนก็เห็นวัดที่สง่างามเต็มไปหมด แถมอยู่ใกล้ ๆ กันด้วย น้องบัดดี้จะมาแจกพิกัดไหว้พระทั่วคูเมืองให้เพื่อน ๆ ได้ไปสักการะ มีที่ไหนน่าสนใจบ้าง ไปชมกัน 🚗 เพื่อน ๆ สามารถเดินทางในรูปแบบที่ตัวเองสะดวกได้เลย ไม่ว่าจะเป็นการเดินเที่ยว ก็สามารถเดินเรียงตามลำดับของบัดดี้ได้ ไม่ไกลกัน หรือจะเดินทางโดยรถส่วนตัวหรือเช่ารถขับก็ได้เช่นกัน นอกจากนี้ก็ยังสามารถเหมารถแดงเที่ยวได้นะ ราคาขึ้นอยู่กับการตกลงกับคนขับ  วัดโลกโมฬี เริ่มทริปจากบริเวณตอนเหนือของคูเมือง มาที่วัดโลกโมฬี วัดสวยเต็มไปด้วยศิลปะแบบล้านนา แม้จะไม่ปรากฏหลักฐานการสร้างวัดที่แน่ชัด และเคยถูกทิ้งร้างไปหลังจากเหตุการณ์สงครามโลกครั้งที่สอง แต่วัดแห่งนี้ก็ได้ขึ้นทะเบียนโดยกรมศิลปากร เป็นโบราณสถานแห่งชาติ เมื่อเดินเข้ามาภายในวัด มองเห็นพระวิหารไม้ที่บูรณะขึ้นใหม่ ลวดลายงามวิจิตร หน้าบันประดับกระจกสีระยิบระยับ ภายในประดิษฐาน “พระพุทธสันติจิรบรมโลกนาถ” และมีการบรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้ที่เศียร ด้านหลังพระวิหาร มีพระเจดีย์ทรงปราสาทองค์ใหญ่อายุกว่า 500 ปี วัดแห่งนี้ยังมีรูปเคารพของ “พระนางจิรประภามหาเทวี” กษัตริย์องค์ที่ 14 แห่งราชวงศ์มังราย ที่ขึ้นชื่อในเรื่องการขอพรด้านความรักอีกด้วย  ห่างจากประตูช้างเผือกระยะทาง 450 เมตร  ถนนมณีนพรัตน์ ตำบลศรีภูมิ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่https://goo.gl/maps/H4Jmahve1y8pWsd89  วัดเชียงยืน สักการะวัดสำคัญประจำทิศเหนือ ณ วัดเชียงยืน สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยพญามังราย เป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองแห่งที่ 2 ต่อจากวัดเชียงมั่น มีความหมายว่า “ยั่งยืน” เมื่อเข้ามาด้านในวัดจะเห็นพระพุทธรูป “พระเจ้าทันใจ” องค์ใหญ่สีเหลืองทอง ตั้งเด่นอยู่บนชั้นสองของอาคาร และเดินเข้าไปอีกนิดจะเห็น “องค์พระมหาธาตุเจดีย์” ทรงแปดเหลี่ยม สีขาว ประดับลายสีทอง ฝั่งทิศตะวันออก จะมีศาลาเล็ก ๆ ประดิษฐานพระพุทธรูปพระเจ้าทันใจองค์เล็ก ด้านหน้าศาลามีเสา “ตุงกระด้าง” ถือเป็นเครื่องสักการะทางศาสนา และเป็นเอกลักษณ์แบบชาวล้านนา  วัดนี้อยู่ห่างจากวัดโลกโมฬีระยะทาง 700 เมตร และห่างจากประตูช้างเผือกเพียง 350 เมตร  ถนนมณีนพรัตน์ ตำบลศรีภูมิ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่https://goo.gl/maps/RBAwh5EWnxgjtwDi6  วัดเชียงมั่น มาต่อกันที่ “วัดเชียงมั่น” วัดคู่บ้านคู่เมืองแห่งแรกที่สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยพญามังราย วัดนี้ถือว่าเป็นวัดที่เก่าแก่ที่สุดในเขตกำแพงเมืองเชียงใหม่ จารึกที่พบภายในวัดได้กล่าวถึงพญามังราย โปรดเกล้าฯ ให้สร้างเจดีย์ขึ้นในที่ประทับและสถาปนาเป็นวัด เรียกว่าวัดเชียงมั่น นับเป็นพระอารามหลวงแห่งแรกของเมืองเชียงใหม่ มีการสร้างปูชนียสถานขึ้นมากมายในช่วงที่พม่าปกครองเชียงใหม่ จนมาถึงสมัยพระเจ้ากาวิละ (ช่วงปี พ.ศ. 2325-2367) ได้บูรณะถาวรสถานเหล่านี้ใหม่อีกครั้ง ภายในวัดประดิษฐาน “พระแก้วขาว” หรือ “พระเสตังคมณี” ชาวบ้านนิยมมาสักการะเพื่อความเป็นสิริมงคล ช่วยคุ้มครองป้องกันอันตราย ที่สำคัญ ในอดีต ยังเป็นพระพุทธรูปสำหรับบูชาประจำพระองค์ของพระนางจามเทวี ปฐมกษัตริย์ผู้ครองนครหริภุญไชย และพญามังราย ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์มังราย หากใครได้ไปสักการะที่วัดเชียงยืน ก็คงจะไม่พลาดมาสักการบูชาที่วัดนี้แน่นอน  วัดนี้สามารถเดินจากวัดเชียงยืน เข้าทางประตูช้างเผือกได้ ระยะทางโดยรวม 800 เมตร  ตำบลศรีภูมิ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่https://goo.gl/maps/eZRN9rmjefqGs6U77  วัดอินทขีลสะดือเมือง วัดแห่งนี้ตั้งอยู่กลางเกาะเมือง ในอดีตเคยเป็นที่ประดิษฐานเสาอินทขิล หรือ เสาหลักเมือง ที่สร้างในสมัยพญามังราย เมื่อปี พ.ศ. 1839 เนื่องจากวัดนี้ ตั้งอยู่ใจกลางเมือง ผู้คนจึงเรียกกันว่า “วัดสะดือเมือง” และเป็นที่มาของชื่อวัดในปัจจุบัน วัดนี้ เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปที่สำคัญ “หลวงพ่อขาว” เป็นศิลปะแบบล้านนา มีพระพักตร์อิมเอิบดุจพระจันทร์ ประดิษฐานในวิหารทรงล้านนาที่สร้างด้วยไม้ทั้งหลัง  ตั้งอยู่ติดกับพระบรมราชานุสาวรีย์สามกษัตริย์ เดินมาจากวัดเชียงมั่นระยะทาง 700 เมตร  ถนนอินทรวโรรส ตำบลศรีภูมิ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่https://goo.gl/maps/PReSSePs6zJJrpYaA  วัดพันเตา เดิมมีชื่อว่า “วัดปันเต้า” (พันเท่า) หมายถึง การทำบุญเพียงหนึ่ง แต่จะได้รับบุญกลับมาเป็นพันเท่า แต่ภายหลังชื่อเพื้ยนเป็น “พันเตา” และยังมีที่กล่าวอีกว่า วัดนี้เคยใช้เป็นแหล่งสร้างเตาหล่อพระนับร้อยนับพันเตา ภายในวัดมี “พระวิหารหอคำหลวง” สร้างด้วยไม้สักทั้งหลังตามศิลปะแบบเชียงแสน ซุ้มประตูประดับไม้แกะสลักรูปนกยูง ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเจ้านายฝ่ายเหนือ สวยสง่า หยุดสายตาผู้คนให้เชยชมก่อนที่จะเดินเข้าไปในพระวิหาร ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปตามแบบศิลปะเชียงใหม่ ด้านหลังพระวิหารหอคำหลวง มีเจดีย์องค์ประธานของวัดทรงระฆังบนฐานแปดเหลี่ยม องค์สีเหลืองทองอร่าม รายล้อมด้วยเจดีย์ราย ยามเมื่อแสงแดดตกกระทบ มองดูแล้วงดงามมาก  วัดนี้ตั้งอยู่ไม่ไกลจากวัดอินทขีลสะดือเมือง ระยะทาง 350 เมตร  ถนนพระปกเกล้า ตำบลพระสิงห์ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่https://goo.gl/maps/MSnDmhubHapASmAg7  วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร วัดนี้เป็นวัดที่มีชื่อเสียงอย่างมาก สร้างในสมัยพระเจ้าแสนเมืองมา กษัตริย์องค์ที่ 7 แห่งราชวงศ์มังราย เพื่ออุทิศกุศลแด่พระเจ้ากือนา ผู้เป็นพระราชบิดา และอุปถัมภ์การสร้างต่อโดยพระนางติโลกจุฑาราชเทวี (พระมเหสีของพระเจ้าแสนเมืองมา) จนแล้วเสร็จ พระธาตุเจดีย์ นับเป็นพระธาตุที่สูงที่สุดในภาคเหนือ และเป็นเจดีย์ที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของเมืองเชียงใหม่ มีการอัญเชิญพระแก้วมรกตมาประดิษฐานนานถึง 80 ปี หน้าประตูทางเข้าวิหารมีบันไดนาคที่สวยงามวิจิตร โดยช่างฝีมือเก่าแก่ ปัจจุบันไม่ได้เปิดให้ขึ้นไปด้านบน ภายในวิหารหลวง ประดิษฐานพระพุทธรูปปางห้ามญาติขนาดใหญ่ นอกจากนี้ยังมี หออินทขิล เป็นที่ประดิษฐานเสาอินทขิลสร้างขึ้นโดยพญามังราย ที่เคยอยู่ ณ วัดอินทขีลสะดือเมือง ภายในอาคารประดับลวดลายจิตรกรรมฝาผนังที่งดงามมาก  วัดนี้จะตั้งอยู่ใกล้กับวัดพันเตามาก ระยะทางเพียง 100 เมตรเท่านั้น  ตั้งอยู่ถนนพระปกเกล้า ตำบลพระสิงห์ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่https://goo.gl/maps/izU92mMcsDZor8zN6  วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร วัดสำคัญและมีชื่อเสียงอีกแห่งหนึ่งในเชียงใหม่ ภายในพระบรมธาตุเจดีย์ประดิษฐานพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้า และบริเวณใกล้กันยังเป็นที่ตั้งของพระวิหารลายคำ ซึ่งภายในประดิษฐาน “พระสิงห์” (พระพุทธสิหิงค์) พระพุทธรูปคู่เมืองเชียงใหม่และแผ่นดินล้านนา พระวิหารลายคำนี้ได้รับรางวัลสถาปัตยกรรมดีเด่น เพราะมีลวดลายปิดทองล่องชาด เทคนิคการฉลุลายปรากฏบนฝาผนังหลังพระประธานและเสากลางพระวิหาร เสาระเบียงด้านหน้าพระวิหาร ตลอดถึงบางส่วนของโครงไม้ บนฝาผนังภายในมีภาพจิตรกรรมเรื่อง สังข์ทองและสุวรรณหงส์ เขียนด้วยสีฝุ่น มีความงดงามมาก ที่นี่ ยังเป็นที่กราบสักการะของคนเกิดปีนักษัตรประจำปีมะโรง (ปีงูใหญ่) ด้วยนะ

✨ รวม 8 วัด เส้นทางสายมู พิกัดรอบคูเมืองเชียงใหม่ ✨ อ่านเพิ่มเติม

🌳6 สวนในกรุง ใกล้รถไฟฟ้า🌳

สวัสดีเพื่อน ๆ ทุกคน วันหยุดนี้ หากใครอยากออกไปเจอธรรมชาติ แต่ไม่ได้มีเวลามากพอที่จะเดินทางไกล บัดดี้รวมสวนเขียวในกรุงเทพมหานครมา 6 แห่ง ที่เป็นทั้งสวนสาธารณะ สถานที่ออกกำลังกายและแหล่งพักผ่อนหย่อนใจของใครหลายคนมานำเสนอ หากใครกำลังมองหาสถานที่ที่สามารถมอบออกซิเจนให้ร่างกายในวันหยุด ลองตามมาอ่านได้เลย  1. สวนเบญจกิติ สวนเบญจกิติ ป่าใหญ่ใจกลางกรุง ที่ปัจจุบันมีการก่อสร้างส่วนขยายและออกแบบปรับปรุงเพื่อรองรับผู้คนทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นผู้พิการทางสายตา ผู้ที่ใช้บริการรถเข็น (Wheelchair) รวมไปถึงกลุ่มผู้สูงอายุ กลุ่มคนรักสุขภาพและกลุ่มคนรักสัตว์ ที่นี่แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ สวนน้ำและสวนป่า บริเวณโดยรอบสวนน้ำ เป็นจุดที่ผู้คนมักจะมาออกกำลังกายกัน มีทั้งคนเดิน วิ่ง หรือใครชอบปั่นจักรยานก็มีเส้นทาง Bike Lane สำหรับปั่นจักรยาน สำหรับโซนสวนป่าจะประกอบด้วยอาคารพิพิธภัณฑ์ อาคารแสดงศิลปะ หอสมุด ลานกิจกรรมกลางแจ้ง และเส้นทางปั่นจักรยานระยะทาง 3.5 กิโลเมตร เส้นทางวิ่งระยะทาง 3 กิโลเมตร รวมถึงไฮไลต์อย่างเส้นทางสกายวอล์ก ที่มีการเชื่อมกับสกายวอล์กเดิมที่มาจากสวนลุมพินี (สะพานเขียว) แถมยังมีการจำลองระบบนิเวศ ที่สร้างเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำ (Wet Land) มีการปลูกพันธุ์ไม้หายากเพื่อการอนุรักษ์  สวนเบญจกิติ การเดินทางMRT : สถานีสุขุมวิท ทางออก 3  2. อุทยาน 100 ปี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อุทยาน 100 ปี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หรืออุทยานจุฬาฯ 100 ปี ตั้งอยู่บริเวณซอยจุฬาฯ 5 (ระหว่างซอยจุฬาฯ 9 กับถนนบรรทัดทอง) ติดกับศูนย์การค้า I’m Park เป็นสวนสาธารณะแห่งใหม่ ที่สร้างขึ้นเนื่องในโอกาสครบรอบ 100 ปี แห่งการสถาปนาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อปี พ.ศ. 2560  สวนแห่งนี้มีลักษณะลาดเอียง สองข้างปลูกต้นไม้ใหญ่สลับกับไม้ประดับ เกิดขึ้นจากนโยบายการสร้างเมือง GREEN & CLEAN CITY ที่มีแรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากการเติบโตของกิ่งรากต้นไม้สัญลักษณ์ประจำของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ต้นจามจุรี รวมกับแนวคิดของโครงการแก้มลิง ที่ตัวของสวนสามารถรับน้ำและหมุนเวียนทรัพยากรน้ำเพื่อใช้ภายในสวนได้ หากมาที่นี่แล้ว เพื่อน ๆ สามารถเลือกนั่งใต้ร่มไม้ในสนามหญ้าสีเขียว ยิ่งช่วงเย็นจะเห็นทั้งคนวิ่งออกกำลังตามทางเดินลาดชัน ผู้คนจับกลุ่มถ่ายรูป นั่งเล่นกีตาร์กับเพื่อน หรือพาลูกหลานเดินดูต้นไม้ต่าง ๆ ซึ่งจะมีป้ายชื่อและข้อมูลติดไว้ให้ความรู้อยู่เต็มไปหมด  ริมสระน้ำ จะมีเครื่องออกกำลังกายที่ประยุกต์มาจากเครื่องบำบัดน้ำ “กังหันน้ำชัยพัฒนา” ที่เอาไว้ปั่นออกกำลังกายและเพิ่มออกซิเจนให้น้ำในสระไปในเวลาเดียวกัน  การเดินทางMRT : สถานีสามย่าน ทางออก 2  3. สวนลอยฟ้าเจ้าพระยา (พระปกเกล้า สกายปาร์ค) สวนลอยฟ้าเจ้าพระยา (Chao Phraya Sky Park) ตั้งอยู่บริเวณกลางสะพานพระปกเกล้า ที่ดัดแปลงมาจากโครงสร้างของรางรถไฟฟ้าลาวาลินที่ถูกปล่อยทิ้งร้างเอาไว้มานานกว่า 30 ปี ให้กลายเป็นสวนสาธารณะลอยฟ้า ที่เชื่อมฝั่งธนบุรีกับฝั่งพระนครเข้าด้วยกัน  ในสวนสาธารณะแห่งนี้ มีทางเดินและเลนจักรยาน ระยะทางกว่า 280 เมตร รวมไปถึงลิฟต์สำหรับผู้พิการและผู้สูงอายุ เพื่อให้ทุกคนสามารถมาใช้บริการได้ทุกเพศทุกวัย ที่สำคัญที่นี่ยังเป็นจุดชมวิวแม่น้ำเจ้าพระยาที่สวยที่สุดอีกจุดของกรุงเทพฯ แถมยังมองเห็นพระปรางค์วัดอรุณฯ พระบรมธาตุมหาเจดีย์ที่วัดประยุรฯ วัดซางตาครู้ส ชุมชนกุฎีจีน สะพานพุทธฯ ไอคอนสยาม ยิ่งช่วงเย็น จะมีทั้งลมเย็น ๆ และวิวพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าให้ชม รับรองได้ว่ามาแล้วประทับใจแน่นอน  การเดินทางMRT : สถานีสนามไชย ทางออก 5  4. สวนลุมพินี สวนลุมพินี เป็นสวนสาธารณะแห่งแรกของกรุงเทพฯ มักเรียกกันสั้น ๆ ว่า สวนลุม เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2468 บนถนนพระรามที่ 4 เป็นจุดพักผ่อนหย่อนใจของทั้งชาวกรุงเทพฯ และชาวต่างชาติ ร่มรื่นด้วยต้นไม้ขนาดใหญ่ ภายในสวนมีสวนปาล์ม สระน้ำขนาดใหญ่ เป็นจุดนัดพบของคนรักสุขภาพ เป็นที่พบปะสังสรรค์ พักผ่อน ออกกำลังกายยอดฮิตของคนเมือง   สวนลุมพินี  การเดินทางMRT : สถานีสีลม ทางออก 1 และ สถานีลุมพินี ทางออก 3BTS : สถานีศาลาแดง ทางออก 5  5. สวนวชิรเบญจทัศ (สวนรถไฟ) สวนวชิรเบญจทัศ หรือที่หลายคนคุ้นเคยในชื่อ สวนรถไฟ เป็นสวนสาธารณะใจกลางกรุงเทพฯ ที่ในอดีตเคยเป็นสนามกอล์ฟรถไฟของการรถไฟแห่งประเทศไทย ที่ต่อมามีการสร้างเป็นสวนสาธารณะเพื่อใช้เป็นสถานที่พักผ่อนและออกกำลังกายของประชาชนทั่วไป  ภายในสวนรถไฟมีสวนป่าใหญ่ในเมือง ที่รวบรวมพันธุ์ไม้หลายชนิด มีการจำลองระบบนิเวศของป่าเพื่อการเรียนรู้ มีเลนจักรยานที่มีความยาวถึง 3 กิโลเมตร มีศูนย์กีฬาที่มีทั้งสระว่ายน้ำ สนามฟุตบอล ฟิตเนส ฯลฯ สนามเด็กเล่น และเมืองจราจรจำลองท่ามกลางธรรมชาติสีเขียว ให้คนที่มาได้เลือกกิจกรรมที่สนใจได้ตามสะดวก   สวนวชิรเบญจทัศ (สวนรถไฟ)  การเดินทางMRT : สถานีจตุจักร ทางออก 1 และ 2BTS : สถานีหมอชิต ทางออก 1 และ 3  6. สวนจตุจักร สวนจตุจักร อีกหนึ่งสวนสำหรับการพักผ่อนหย่อนใจทางตอนเหนือของกรุงเทพฯ สร้างขึ้นโดย พลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ ซึ่งเกิดจากการรถไฟแห่งประเทศไทยได้น้อมเกล้าฯ ถวายที่ดิน 100 ไร่ เพื่อสร้างสวนสาธารณะตามพระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 4 รอบ เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2518 เมื่อสร้างสวนเสร็จ สวนแห่งนี้ได้รับพระราชทานนามว่า “สวนจตุจักร” และต่อมาถูกใช้เป็นชื่อของเขต และชื่อของแขวงที่เป็นที่ตั้งของสวน 

🌳6 สวนในกรุง ใกล้รถไฟฟ้า🌳 อ่านเพิ่มเติม

ปักหมุดเที่ยวตลาดน้ำ เย็นใจในเมืองกรุง 📌🚣‍♀

เที่ยวหน้าร้อนต้องใกล้น้ำ ชวนนักเดินทางปักหมุดเที่ยวตลาดน้ำในเมืองกรุง สัมผัสวิถีชีวิตริมน้ำของชุมชนริมคลอง ซึ่งหลายแห่งยังคงเห็นวิถีดั้งเดิม ที่สืบเนื่องถึงปัจจุบันเช่นเดียวกับสายน้ำที่ยังคงไหลรินเรื่อยมาแต่อดีต รื่นรมย์กับบรรยากาศที่ชวนย้อนเวลาราวกับยังมีชีวิต ลิ้มรสอาหารพื้นบ้าน ชมภูมิปัญญาท้องถิ่น สนับสนุนรายได้สู่ชุมชน แบ่งปันความสุขพร้อมมองสายน้ำไหลผ่านที่พาให้ใจร่มเย็นไปด้วยกัน 💗 เที่ยวตลาดน้ำในกรุงฯ มีกิจกรรมอะไรน่าสนใจบ้าง…1. ชิมอาหารพื้นบ้าน และอุดหนุนสินค้าชุมชน จากพ่อค้าแม่ค้าที่เป็นคนในพื้นที่2. เรียนรู้งานหัตถกรรม ภูมิปัญญาชาวบ้าน และเอกลักษณ์ประจำถิ่นของแต่ละพื้นที่3. นั่งเรือชมวิถีชีวิตของชาวบ้านริมสองฝั่งน้ำ  ตลาดน้ำคลองบางหลวง ตลาดน้ำท้องถิ่นเล็ก ๆ ริมคลองบางกอกใหญ่ เขตภาษีเจริญ เรือนไม้ ร้านกาแฟ งานศิลป์ หุ่นละครเล็ก และวัดเก่าตั้งแต่กรุงศรีอยุธยา กลายเป็นมนต์เสน่ห์ของชุมชนแห่งนี้ ผู้ชื่นชอบงานศิลป์และรักสงบเราขอแนะนำเลย  ตลาดน้ำวัดสะพาน ตลาดน้ำย่านราชพฤกษ์ ที่ชวนให้เพลิดเพลินกับรสมือของชาวชุมชนริมคลอง ข้าวหม้อแกงหม้อต่างล่องเรือมาขายให้นักท่องเที่ยวในราคาย่อมเยา มีบริการนั่งเรือชมวิว 2 ฝั่งคลองด้วย  ตลาดน้ำตลิ่งชัน ตลาดกึ่งชนบทผสมผสานระหว่างชีวิตริมคลองชักพระกับธรรมชาติ อยู่บริเวณหน้าสำนักงานเขตตลิ่งชัน นอกจากอาหารการกิน ยังมีงานหัตถกรรมภูมิปัญญาชาวบ้าน หรือจะนั่งเรือหางยาวไปตลาดน้ำแห่งอื่น ๆ ต่อก็ได้เช่นกัน  ตลาดน้ำสองคลอง อยู่ใกล้กับตลาดน้ำตลิ่งชันเพียงข้ามคลองวัดตลิ่งชันเท่านั้น ตั้งอยู่ในเขตวัดตลิ่งชัน ลิ้มรสอาหารไทยพื้นบ้านท่ามกลางบรรยากาศตลาดริมน้ำหลังคามุงแฝก ชมวิหารเก่า ให้อาหารปลาริมคลอง อิ่มใจ ได้บุญ  ตลาดน้ำคลองลัดมะยม แดนสวรรค์สำหรับสายกิน นักชิม หรือนักชอปสายอาหาร เพราะบรรดาร้านรวงในตลาดน้ำแห่งนี้ มีอาหารน่าอร่อยมากมาย เตรียมจับจ่ายพร้อมหิ้วกลับบ้านแบบจัดเต็ม

ปักหมุดเที่ยวตลาดน้ำ เย็นใจในเมืองกรุง 📌🚣‍♀ อ่านเพิ่มเติม

🌈🌴 หาดฟรีด้อม (Freedom Beach) 🌴🌈

หาดฟรีด้อม (Freedom Beach) จังหวัดภูเก็ต หาดสวยในอันดับที่ 18 จากการจัดอันดับชายหาดที่ดีที่สุดในโลก ประจำปี 2566 (Top 100 beaches on Earth 2023) โดยเว็บไซต์ World Beach Guide ของประเทศอังกฤษ 🌴 ทางลงหาดตั้งอยู่บนเขาระหว่างหาดป่าตองและหาดกะรน เป็นชายหาดที่มีความโค้งยาวประมาณ 500 เมตร ทรายเม็ดละเอียดขาวสะอาด น้ำทะเลสีฟ้าอมเขียว ชายหาดมีความลาดชันพอสมควร รวมทั้งคลื่นจะมีความแรงในบางช่วงเวลา จึงควรเล่นน้ำด้วยความระมัดระวัง บริเวณริมหาดมีร้านขายเครื่องดื่มให้บริการ\ ✨ หากใครได้มาเที่ยวและสัมผัสบรรยากาศของหาดนี้ด้วยตนเอง รับรองว่าต้องประทับใจในความเป็นธรรมชาติ หาดสะอาด น้ำทะเลสวยใส และผู้คนไม่พลุกพล่านจนเกินไป 🚗 การเดินทาง: จากถนนเส้นหลักคือทางหลวงหมายเลข 4030 หาดป่าตอง ขับลงมาทางตอนใต้ของหาด ผ่านท่าเทียบเรือหาดป่าตอง ข้ามสะพานคอนกรีตข้ามคลอง และแยกซ้ายใช้ถนนทวีวงศ์ตรงขึ้นเขาไปจนพบสามแยก 7-11 จากนั้นเลี้ยวซ้ายเข้าใช้ถนนส่วนบุคคลประมาณ 2 กิโลเมตร จะพบทางเดินลงหาดฟรีด้อมอยู่ทางขวามือ ปัจจุบันมีทางเดินลงหาด 2 จุด โดยจุดที่ 1 มีระยะทาง 1 กิโลเมตร และจุดที่ 2 มีระยะทาง 600 เมตร📍พิกัดทางเดินลงหาดฟรีด้อม จุดที่ 1https://goo.gl/maps/M2W6VVebndQtUgkx5📍พิกัดทางเดินลงหาดฟรีด้อม จุดที่ 2https://goo.gl/maps/tqKaUALMML6uDzfm9

🌈🌴 หาดฟรีด้อม (Freedom Beach) 🌴🌈 อ่านเพิ่มเติม

✨ ประเพณีบวชนาคช้าง จังหวัดสุรินทร์ ✨

บวชนาคช้าง 🐘 ประเพณีอันเก่าแก่และมีเอกลักษณ์อย่างยิ่งของชาวจังหวัดสุรินทร์ ทั้งเขมร ลาว กูยหรือกวย ที่นับถือพุทธศาสนาปฏิบัติสืบทอดกันมาอย่างยาวนาน เป็นที่ทราบกันดีว่า คนและช้างมีความสัมพันธ์กันมานานนับตั้งแต่ในอดีต และช้างสำหรับชาว สุรินทร์ เป็นเสมือนส่วนหนึ่งของครอบครัวเลยก็ว่าได้ 🎊 ตามความเชื่อของชาวสุรินทร์นั้น ชายหนุ่มที่อายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ จะต้องบวชเพื่อศึกษาธรรมวินัยก่อนที่จะมีเหย้ามีเรือน การบวชของชาวกูยนั้นถือเป็นงานบุญใหญ่ เมื่อถึงวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ของทุกปี (วันเพ็ญเดือน 6) ซึ่งเป็นวันคล้ายวันที่พระพุทธเจ้าทรงประสูติ ตรัสรู้ ปรินิพพาน ผู้ได้มาบูชาด้วยการปฏิบัติตาม ถือว่าได้เห็นพระพุทธเจ้า หนุ่มชาวกูยที่อายุครบ 20 ปี จะนัดกันไปบวชที่วัดแจ้งสว่าง และก่อนบวช 1 วัน นาคของแต่ละหมู่บ้านจะจัดขบวนแห่โดยมี “ช้าง” ร่วมขบวนเป็นจำนวนมาก โดยเชื่อว่าการบวชนี้ ถ้าจะให้ได้ชื่อเสียงหรือได้บุญหนัก จะต้องนั่งช้างแล้วแห่ไปเป็นระยะทางไกล ๆ ผู้คนก็จะมาร่วมขบวนแห่เป็นจำนวนมากด้วยเช่นกัน แต่ละขบวนจะแห่มารวมกันที่บริเวณวังทะลุ ซึ่งเป็นจุดที่แม่น้ำชีและแม่น้ำมูลมาบรรจบกัน เพื่อทำพิธีเซ่นศาลปู่ตาและขอขมา “ครูปะกำ” สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวบ้านนับถือ พร้อมประกอบพิธีอุปสมบทที่บริเวณดอนบวช (วังทะลุ) 🗓 ในปี พ.ศ. 2566 นี้ การบวชนาคช้างจัดขึ้นอีกปีอย่างยิ่งใหญ่ในวันที่ 2-4 พฤษภาคม⭐ ที่สำคัญ จะมีขบวนแห่บวชนาคช้างในวันที่ 3 พฤษภาคม สามารถชมและเข้าร่วมขบวนแห่นาคช้าง ได้ โดยจะเคลื่อนขบวน ตั้งแต่เวลา 13.30 น. เป็นต้นไป📍 วัดแจ้งสว่าง และศูนย์คชศึกษา บ้านตากลาง ตำบลกระโพ อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์ 📞 เพื่อน ๆ สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทาง Inbox https://www.facebook.com/tatsurin หรือโทรศัพท์ 0 4451 4447-8

✨ ประเพณีบวชนาคช้าง จังหวัดสุรินทร์ ✨ อ่านเพิ่มเติม

พระนคร Walking 🚶‍♀️

พระนคร Walking ส่องตึกเก่าย่านสามแพร่ง เดินเลาะเลียบถนนตะนาว ✨ สามแพร่ง ย่านชุมชนเก่าแก่บริเวณถนนตะนาว ในเขตพระนคร กรุงเทพฯ ในอดีต เป็นกลุ่มวังที่ประทับของเจ้านายในสมัยรัชกาลที่ 4 ได้แก่ วังกรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ วังกรมหมื่นภูธเรศธำรงศักดิ์ และวังกรมหลวงสรรพสาตรศุภกิจ จนกระทั่งสมัยรัชกาลที่ 5 มีการตัดทางผ่านกลางพื้นที่กลุ่มวังนี้ เพื่อเชื่อมถนนอัษฎางค์กับถนนตะนาว จนเกิดเป็นทางสามแพร่ง และตั้งชื่อถนนในย่านนี้ตามพระนามเจ้าของวัง คือ ถนนแพร่งสรรพศาสตร์ ถนนแพร่งนรา และถนนแพร่งภูธร เลียบถนนตะนาว เลาะไปตามซอยต่าง ๆ มีตึกรามบ้านช่องมากมาย เป็นทั้งแหล่งทำมาค้าขาย ที่พักอาศัย และที่ดินทรัพย์สินของเชื้อพระวงศ์ในสมัยนั้น วันเวลาผ่านไป อาคารเหล่านี้ก็เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย และยังคงมีอาคารดั้งเดิมที่ซ่อนตัวท่ามกลางชุมชน วันนี้ จะพาเพื่อน ๆ ไปเดินชมตึกเก่า ชี้พิกัดร้านอาหาร เพราะในย่านนี้ ได้ชื่อว่าเป็นแหล่งรวมร้านอร่อยอีกย่านหนึ่งในพระนครเลยล่ะ 😋  เส้นทางเดินเที่ยวลัดเลาะในทริปนี้ บัดดี้จะพาเพื่อน ๆ เดินทางโดยขนส่งสาธารณะแบบง่าย ๆ โดยรถไฟใต้ดิน MRT มาที่สถานีสามยอด  จากนั้นเดินเท้า มุ่งหน้าไปทางแยกสี่กั๊กพระยาศรี เลี้ยวขวาเข้าถนนเฟื่องนคร เดินตรงไปเรื่อย ๆ ก็จะมาถึงแยกสี่กั๊กเสาชิงช้า ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของถนนตะนาว หากมาตามแผนที่ที่แนะนำไว้ เพื่อน ๆ จะถึงที่แพร่งภูธรเป็นจุดแรก สามารถเดินเข้าได้ 2 ทางคือทางเข้าฝั่งถนนตะนาว และทางเข้าฝั่งถนนบำรุงเมือง เราจะพาเพื่อน ๆ มาเดินเข้าฝั่งถนนบำรุงเมืองเพื่อชม เดอะไนท์เฮ้าส์ (The Knight House)  อาคารสีเหลืองหลังคาจั่ว ลายฉลุแบบเรือนขนมปังขิง ผสมผสานศิลปะแบบโคโลเนียลเข้าด้วยกัน ในอดีตบนที่ดินผืนนี้เป็นตึกแถวของเจ้าจอมมารดาชุ่ม ในรัชกาลที่ 5 จากนั้นก็เปลี่ยนผู้ถือครองและเปิดเป็นร้าน “ไนท์ บาร์เบอร์” ที่อยู่คู่แพร่งภูธรมาราว ๆ 30 ปี ก่อนจะกลายมาเป็นเดอะไนท์เฮ้าส์ ซึ่งเป็นอาคารที่สร้างขึ้นใหม่และมีความสวยอย่างมาก ที่นี่เปิดให้บริการที่พักและคาเฟ่ หากเพื่อน ๆ มาเที่ยวชมแถวนี้ อย่าลืมแวะมาที่นี่กันนะ ฝั่งขวามือที่เรากำลังจะเดินเข้าไปในซอย มีป้ายชื่อถนนแพร่งภูธร ตัดกับอาคารสีเหลือง เหมาะจะเป็นมุมเช็กอินถ่ายรูปปัง ๆ แพร่งภูธร หรือในอดีตคือ “วังสะพานช้างโรงสี” ซึ่งเจ้านายพระองค์สุดท้ายที่ประทับที่วัง คือ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นภูธเรศธำรงศักดิ์ ซึ่งต่อมาเมื่อกรมหมื่นภูธเรศฯ สิ้นพระชนม์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 จึงโปรดเกล้าฯ ให้แบ่งพื้นที่ทำเป็นตึกแถว และยังคงรักษาสถาปัตยกรรมแบบเดิมไว้ เดินจากปากซอยตรงเข้ามาเพียงแค่นิดเดียว มองเห็น อาคารสีเหลือง 2 ชั้น ครอบด้วยหลังคาสีแดงดูสะดุดตา ที่นี่คือ “สุขุมาลอนามัย” สถานีกาชาดที่ 2 ที่ตั้งอยู่กลางแพร่งภูธร สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2471 เพื่อเป็นอนุสาวรีย์เชิดชูพระเกียรติคุณสมเด็จพระปิตุจฉาเจ้าสุขุมาลมารศรี พระอัครราชเทวี เดิมที อาคารสุขุมาลอนามัยเป็นตึกสีขาว ภายหลังมีการซ่อมแซมและทาสีใหม่จนเป็นที่โดดเด่นท่ามกลางตึกแถวในย่านนี้ เพื่อน ๆ บางคน โดยเฉพาะเพื่อน ๆ สายซีรีส์เกาหลีอาจจะคุ้น ๆ มุมภาพนี้ จริง ๆ แล้วตรงนี้เคยเป็นจุดที่มีถ่ายทำซีรีส์เกาหลีแนวคอมเมดี้ ฉายเมื่อปี ค.ศ. 2016 ซึ่งเป็นฉากที่พระเอก นางเอก และพระรอง กางร่มท่ามกลางสายฝนนั่นเอง  ตึกแถวในบริเวณนี้ รวมทั้งตึกแถวในซอยแพร่งนราจะมีลักษณะคล้ายคลึงกัน เป็นสถาปัตยกรรมสไตล์ยุโรปผสมจีนตั้งเรียงยาวทั้ง 2 ฝั่ง ตรงหน้านี้คือ 1905 เฮอริเทจ คอร์นเนอร์ (1905 Heritage Corner)  เป็นลักซูรี่เกสต์เฮาส์ขนาด 3 ห้อง ที่รีโนเวทมาจากตึกเก่าอย่างประณีต อยู่ใกล้ ๆ กับสุขุมาลอนามัยเพียงไม่กี่สิบก้าว จากการสืบค้นประวัติศาสตร์ เจ้าของเกสต์เฮาส์พบว่าที่นี่เคยเป็นโรงน้ำชามาก่อน จึงรีโนเวทและตกแต่งที่พักแห่งนี้ในคอนเซ็ปต์โรงน้ำชา มีกลิ่นอายความเป็นจีนผสมกับความเป็นโคโลเนียลตามยุคสมัยรัชกาลที่ 5 อย่างลงตัว นอกจากนี้ ที่นี่ยังมีร้านกาแฟและร้านขายงานคราฟต์ท้องถิ่นให้เราได้ไปชอปปิงเพลิน ๆ อีกด้วย เดินมาจนสุดทางแพร่งภูธร บรรจบกับถนนตะนาว ฝั่งตรงข้ามเป็นตึกเก่าเช่นกัน แม้ว่าจะดูหน้าตาคล้าย ๆ กัน แต่ก็มีลวดลายที่แตกต่างกันไป 2 คูหาในตึกแถวหลังนี้ คือที่ตั้งของร้านข้าวเหนียวมะม่วงเจ้าดังในย่านพระนคร “ก.พานิช”  ที่เปิดขายมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2485 แถมยังได้รับรางวัลการันตีความอร่อยมามากมาย รวมทั้งรางวัลบิบ กรูมองต์ ของมิชลิน รวมถึงในปีนี้ด้วย แค่เห็นหน้าตาข้าวเหนียวมะม่วงกล่องนี้ ก็เดาได้เลยว่าต้องอร่อย หวานฉ่ำแน่ ๆ ใครมาย่านนี้ อย่าลืมมาแวะซื้อที่ ก.พานิช กันนะ เดินชมกันต่อที่แพร่งนรา นอกจากอาคารตึกแถวสีเหลืองที่ตั้งเรียงทั้งสองฝั่งแล้ว ยังมีอาคารเก่าที่มีรูปแบบสวยงามไม่แพ้กัน ที่นี่คือ “โรงเรียนตะละภัฏศึกษา”  ในอดีตคือ “วังวรวรรณ” ที่ประทับของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ ผู้ทรงปรีชาสามารถมากในด้านการประพันธ์ ทรงเป็นผู้นิพนธ์บทละครร้อง และสร้างโรงละครปรีดาลัยซึ่งเป็นโรงละครร้องแห่งแรกของไทยขึ้นภายในวังของพระองค์ท่าน ลักษณะอาคารเป็นกึ่งปูนกึ่งไม้ มีระเบียงไม้ฉลุลายอย่างสวยงาม โรงเรียนแห่งนี้ปิดทำการไปเมื่อปี พ.ศ. 2538 แม้ปัจจุบันจะชมได้แค่ภายนอกเท่านั้น แต่ก็คุ้มค่าแก่การมาชม เพลิดเพลินกับศิลปะผ่านสถาปัตยกรรมกันมาพอสมควรแล้ว บัดดี้ขอปักหมุดร้านอร่อยในย่านนี้ให้เพื่อน ๆ ได้ลิสต์ไว้ มีทั้งคาวหวาน คาเฟ่น่านั่ง และอื่น ๆ อีกมากมาย ใครมีร้านเด็ดในย่านนี้ คอมเมนต์มาบอกได้เลยนะ  เดินเลียบถนนตะนาวมาจนถึงแพร่งสรรพศาสตร์ มองเห็นซุ้มประตูตั้งอยู่ด้านหน้า ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ “วังสรรพสาตรศุภกิจ” ซึ่งเดิมเคยเป็นที่ประทับของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงสรรพสาตรศุภกิจ ซุ้มประตูนี้มีรูปแบบสถาปัตยกรรมสไตล์ยุโรป หน้าบันเจาะเป็นวงกลม มีประติมากรรมรูปผู้หญิงในท่ายืนถือคบไฟ รอบ ๆ ประดับกระจกสี ต่อมาภายหลังได้เกิดเหตุเพลิงไหม้เสียหายจนหมด เหลือเพียงซุ้มประตูวังเก่าที่ยังคงความสวยงามให้คนรุ่นหลังได้ชม และเปรียบเสมือนเป็นสัญลักษณ์ของย่านสามแพร่ง เดินถัดจากซุ้มประตูไปไม่ไกล คือ “ศาลเจ้าพ่อเสือ”  มาถึงย่านนี้ สายมูห้ามพลาด ศาลเจ้าพ่อเสือ หรือที่ชาวจีนเรียกว่า “ตั่วเหล่าเอี้ย”

พระนคร Walking 🚶‍♀️ อ่านเพิ่มเติม

✨ รวมร้านเที่ยว-กิน ย่านท่าดินแดง ✨

วันนี้บัดดี้มีรูทเดินเที่ยวสั้น ๆ สำหรับคนที่มีเวลาน้อยและต้องการการเดินทางที่สะดวกมานำเสนอ ซึ่งรูทนี้จะเน้นที่กินเป็นหลัก ใครหาไอเดียเที่ยวง่าย ๆ ในเมืองกรุงแล้วยังไม่รู้จะไปที่ไหน ตามไปอ่านรายละเอียดกันได้ โดยวันนี้จะมีทั้งหมด 15 พิกัด การเดินทางรถประจำทาง สาย 6,42,43รถส่วนตัว จอดได้บริเวณวัดใกล้เคียง (วัดอนงคาราม,วัดทองนพคุณ) ทางเรือ1. เรือด่วนเจ้าพระยา ลงท่าราชวงศ์ จากนั้นโดยสารเรือข้ามฟากไปยังท่าดินแดง ราคา 4 บาท2. เรือบริการฟรี จากท่าไอคอนสยาม จอดส่งท่าดินแดง และท่าศาลเจ้ากวนอู รถไฟฟ้า BTS1. สายสีเขียวอ่อน(สีลม) ลงสถานีสะพานตากสิน ลงเรือด่วนเจ้าพระยา 15 บาท มาขึ้นที่ท่าราชวงศ์ จากนั้นโดยสารเรือข้ามฟากไปยังท่าดินแดง2. สายสีทอง ลงสถานีคลองสานแล้วเดินต่อไปทางถนนท่าดินแดง 1. ตรอกดิลกจันทร์ สถานที่แรกที่บัดดี้จะพาเพื่อน ๆ มาก็คือ ตรอกดิลกจันทร์ หรืออีกชื่อหนึ่งคือ ชุมชนสมเด็จย่า ในอดีตเป็นย่านธุรกิจที่คึกคักมาก มีกิจการขนาดใหญ่มากมาย ทั้งโรงสีข้าว โรงงานน้ำปลา โรงเกลือ โรงทำชันยาเรือ โรงงานทอผ้า ฯลฯ ก่อนจะซบเซาไป หลายกิจการปิดตัว หลายกิจการย้ายออก แต่ก็ยังมีตึกเก่าสวยคลาสสิคจากสมัยนั้นหลงเหลือให้ได้เห็นกันอยู่ นอกจากนี้ ที่นี่ยังเป็นชุมชนที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม เห็นได้จากที่มีทั้งวัดไทย ศาลเจ้าจีน และมัสยิดอยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืน บ้านเรือนในชุมชนส่วนใหญ่จะเป็นอาคารพาณิชย์ บรรยากาศไม่พลุกพล่าน มีร้านอาหาร ร้านรถเข็นให้เห็นหลายร้าน หลังจากเดินเล่นเรื่อยไปจนถึงกลาง ๆ ซอย เราก็ได้เจอกับ “ร้านขาหมูเจ๊นง” เป็นร้านรถเข็นเล็ก ๆ เจ้าของร้านอัธยาศัยดีเยี่ยม ยิ้มแย้มทักทายมาแต่ไกลเลยทีเดียว บัดดี้สั่งข้าวขาหมู และข้าวหมูแดงหมูกรอบมาลองชิม รสชาติอร่อยมาก ขาหมูไม่หวานจนเลี่ยน หมูกรอบเนื้อแน่น กรอบอร่อย หมูแดงเนื้อนุ่มหอมกลิ่นควันที่ใช้ย่าง สมกับที่เป็นเจ้าเก่าเปิดมากว่า 32 ปี ระหว่างที่กิน เจ๊นงก็ชวนคุยและเล่าความเป็นมารวมถึงแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในแถบนี้ให้ฟังซะเพลินเลย เจ๊นงบอกว่า มาย่านนี้ต้องไปไหว้ศาลเจ้าให้ครบ 2 แห่ง บัดดี้เลยมุ่งหน้าไปสักการะศาลเจ้าแห่งแรกก่อน นั่นคือ ศาลเจ้าพ่อเสือ(คลองสาน) ที่เดินจากร้านเจ๊นงไปไม่ถึง 10 นาที ศาลเจ้าแห่งนี้ แต่เดิมเป็นศาลไม้ ก่อนจะมีการบูรณะเพิ่มเติมในช่วงเวลาต่าง ๆ เช่น ยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 ช่วงเหตุการณ์น้ำท่วม ช่วงเหตุการณ์ไฟไหม้ จนเป็นอย่างที่เห็นในปัจจุบัน ศาลเจ้าพ่อเสือที่นี่เป็นศาลเก่าแก่ที่ชาวชุมชนให้ความเคารพมาก มีผู้ศรัทธาเข้ามากราบไหว้อยู่เสมอ คนที่ไม่รู้ว่าขั้นตอนไหว้เป็นยังไงไม่ต้องห่วง จะมีคนดูแลศาลเจ้าท่าทางใจดีคอยให้คำแนะนำ  ตรอกสะพานยาว แขวงสมเด็จเจ้าพระยา เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร เปิดบริการทุกวันเวลา 06.00-21.00 น.https://goo.gl/maps/Dgu7hXqVK4orXEGU7 ศาลเจ้าแห่งที่ 2 ที่เจ๊นงแนะนำ คือ ศาลเจ้ากวนอู เป็นศาลเจ้าริมน้ำที่ผ่านกาลเวลาและรวมความศรัทธาของคนในพื้นที่มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2279 ระหว่างทางจะมีกราฟิตี้สวย ๆ ตามผนังตึกให้ดูเป็นระยะ ใครอยากถ่ายรูปลงโซเชียล ก็จัดเต็มได้เลยนะ บริเวณริมน้ำด้านหน้าศาล เพื่อน ๆ จะพบรูปปั้นสักการะสมเด็จพระเจ้าตากสิน หันหน้าออกไปทางแม่น้ำเจ้าพระยา ว่ากันว่า สมเด็จพระเจ้าตากสินเคยเสด็จมาสักการะเทพเจ้ากวนอูที่ศาลเจ้าแห่งนี้ก่อนจะกรีธาทัพไปทำสงคราม นี่จึงเป็นที่มาของรูปปั้นสักการะดังกล่าว  ซอยสมเด็จเจ้าพระยา 3 เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร เปิดบริการทุกวันเวลา 07.00-17.00 น. 0 2439 6309https://goo.gl/maps/itjqC4BCfJn4JVaK9 2. My Grandparent’s House บ้านอากงอาม่า ติดกับศาลเจ้ากวนอู จะมีคาเฟ่ริมน้ำที่ดัดแปลงมาจากบ้านไม้ อายุกว่า 90 ปี จุดเด่นของที่นี่ก็คือ บรรยากาศ ที่มีความชิลระดับ 100 เต็ม 10 ทั้งตัวบ้านไม้ที่มีความย้อนยุคและขนม เครื่องดื่ม สูตรอาม่าเจ้าของร้าน ที่รอเพื่อน ๆ ไปชิม ด้านหน้าของร้านบ้านอากงอาม่า จะมีบ้านคหบดีจีนโบราณอายุประมาณสองร้อยกว่าปี และเป็นที่ตั้งของโรงน้ำปลาทั่งง่วนฮะ ธุรกิจที่ถูกส่งต่อจากบรรพบุรุษชาวจีน สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นช่วงปลายสมัยรัชกาลที่ 2 โดยได้รับอิทธิพลจากสถาปัตยกรรมของจีนทางตอนใต้ โดยจะเรียกบ้านในรูปทรงนี้เรียกว่าบ้านล้อมลาน เพราะจุดเด่นของบ้านที่มีลานโล่งอยู่ตรงกลางล้อมรอบด้วยอาคารที่อยู่อาศัย ซึ่งในปัจจุบันสถาปัตยกรรมในรูปแบบนี้แทบหาดูไม่ได้แล้ว  ไหน ๆ ก็มาถึงโรงน้ำปลาแล้ว บัดดี้เลยถือโอกาสซื้อติดไม้ติดมือกลับไปด้วย เพื่อน ๆ คนไหนอยากลองชิมน้ำปลาสูตรโบราณ ๆ ก็ลองซื้อติดไม้ติดมือกลับบ้านได้นะ  253 ซอยสมเด็จเจ้าพระยา 3 แขวง สมเด็จเจ้าพระยา เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร เปิดบริการทุกวันเวลา 10.00-18.00 น. 0 2437 5183https://goo.gl/maps/c3wy8g6bEiR9nT6w6 3. Deep Root Café สถานที่ต่อมาเป็นคาเฟ่ที่มีความ ดิบ เท่ ที่ในอดีต บริเวณนี้เป็นทางผ่านและขนส่งสินค้าแห้ง เพื่อลำเลียงไปยังท่าเรือเมื่อ 100 กว่าปีก่อน ผ่านการปรับเปลี่ยนโดยเจ้าของปัจจุบันจนกลายเป็นร้านกาแฟที่ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้น โดดเด่นด้วยภาพวาดสีสันฉูดฉาด ต้นไม้ใหญ่ และเครื่องดื่มสุดพิถีพิถันอร่อยในราคาย่อมเยา แถมยังจะได้ฟังเรื่องเล่าในอดีตของชุมชนแห่งนี้อีกด้วย  255/2 ซอยสมเด็จเจ้าพระยา 3 ถนนสมเด็จเจ้าพระยา แขวงสมเด็จเจ้าพระยา เขตคลองสาน กรุงเทพฯ 08 5150 4512 เปิดบริการทุกวันเวลา 10.00-20.00 น. (ปิดวันอังคาร)https://goo.gl/maps/bPMbQHzFhMP17NEG6 4. ข้าวพระรามลงสรง (ซาแต๊ปึ่ง) เดินผ่านสีแยกท่าดินแดงไปไม่ถึง 5 นาที ก็จะเจออีกหนึ่งร้านที่บัดดี้อยากแนะนำเพื่อน ๆ ตั้งอยู่ด้านขวามือ อยู่เยื้อง ๆ กับซอยท่าดินแดง 6 ข้าวพระรามลงสรงหรือชื่อในภาษาแต้จิ๋วว่า “ซาแต๊ปึ่ง” เป็นอาหารจีนชนิดหนึ่ง ที่ประกอบด้วยข้าวสวย ผักบุ้งลวกและเนื้อหมู ราดด้วยน้ำราดที่ทีลักษณะข้นคล้ายน้ำจิ้มสะเต๊ะ รสชาติออกหวานกินพร้อมกับน้ำพริกเผาอร่อยเข้ากันมาก ปัจจุบันหารับประทานได้ยาก ซึ่งร้านนี้มีทั้งแบบราดข้าวและราดเส้นหมี่ให้เลือก  61 ถนนท่าดินแดง แขวงสมเด็จเจ้าพระยา เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร

✨ รวมร้านเที่ยว-กิน ย่านท่าดินแดง ✨ อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top