Nan

Nan

สะปัน-ห้วยโทน-ห้วยหมี Nan in Green Season

เมื่อก้าวเข้าสู่ฤดูฝน เชื่อได้ว่าหนึ่งในจุดหมายปลายทางอันดับต้น ๆ ของนักท่องเที่ยว คือ จังหวัดน่าน ด้วยภาพจำอันโดดเด่นของภูเขาสูงชัน ทุ่งนาสีเขียว และสายน้ำชุ่มฉ่ำ ทำให้หลายต่อหลายคนหลงเสน่ห์เมืองน่านในช่วง Green Season บัดดี้ชวนเพื่อน ๆ ไปเที่ยวน่านในเส้นทางบ้านสะปัน-บ้านห้วยโทน-บ้านห้วยหมี เป็นเส้นทางท่องเที่ยวแบบวงกลมตามเข็มนาฬิกา อาจจัดทริป 3 วัน 2 คืนก็ได้ เช่น นอนบ้านสะปัน 1 คืน จากนั้นไปนอนที่บ้านห้วยโทนหรือบ้านห้วยหมีอีก 1 คืน ในรีวิวยังมีข้อมูลการเดินทางทั้งรถยนต์ รถโดยสารประจำทาง และรถขับเคลื่อนสี่ล้อ หากต้องการเที่ยวเป็นวงกลม แนะนำให้เริ่มจากตัวเมืองน่าน-อ.ปัว-ทางหลวงหมายเลข 1256-จุดชมวิวดอยภูคา 1715-อ.บ่อเกลือ-บ้านสะปัน-บ้านห้วยโทน-บ้านห้วยหมี-ทางหลวงหมายเลข 1081-โค้งพับผ้า-ถนนเลข 3-ตัวเมืองน่าน การไปเที่ยวให้ครบทั้ง 3 หมู่บ้าน ได้แก่ บ้านสะปัน บ้านห้วยโทน และบ้านห้วยหมี ในทริปเดียว แนะนำให้เริ่มที่บ้านสะปันก่อน โดยอาจจัดทริปแบบนอนค้างที่บ้านสะปันสัก 1 คืน จากนั้นวันถัดมาค่อยขึ้นเขาไปเที่ยวและพักที่บ้านห้วยโทนหรือบ้านห้วยหมี รถยนต์ สามารถไปได้ 2 เส้นทาง คือ เส้นทางที่ 1 จากตัวเมืองน่าน ใช้ทางหลวงหมายเลข 101 ผ่าน อ.ท่าวังผา จนถึง อ.ปัว และจากสามแยก อ.ปัว ให้แยกไปทางขวาใช้ทางหลวงหมายเลข 1256 ข้ามดอยภูคา ผ่านอุทยานแห่งชาติดอยภูคา จนถึงสามแยก อ.บ่อเกลือ จากนั้นเลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 1081 ตรงไปอีก 8 กิโลเมตร จะพบแยกขวามือเลี้ยวเข้าบ้านสะปัน ระยะทางรวมประมาณ 115 กิโลเมตร และตรงขึ้นเข้าในหมู่บ้านสะปันไปอีกประมาณ 5-10 กิโลเมตร จะถึงบ้านห้วยหมีและบ้านห้วยโทน เส้นทางที่ 2 จากตัวเมืองน่าน ใช้ทางหลวงหมายเลข 1169 ผ่าน อ. สันติสุข ต่อด้วยทางหลวงหมายเลข 1081 (ผ่านจุดชมวิวถนนหมายเลข 3) จนถึง อ. บ่อเกลือ (จุดนี้จะมาบรรจบกับเส้นทางที่ 1 ที่มาจากดอยภูคา) และเลยตัว อ.บ่อเกลือไปอีก 8 กิโลเมตร จะพบแยกขวามือเลี้ยวเข้าหมู่บ้านสะปัน ระยะทางรวมประมาณ 95 กิโลเมตร และตรงขึ้นเข้าในหมู่บ้านสะปันไปอีกประมาณ 5-10 กิโลเมตร จะถึงบ้านห้วยหมีและบ้านห้วยโทน พิกัดบ้านสะปัน : https://maps.app.goo.gl/7LXbnuemGnkQjsSq5พิกัดบ้านห้วยโทน : https://maps.app.goo.gl/GD1CrA9WT8uuKPHt9พิกัดบ้านห้วยหมี : https://maps.app.goo.gl/STwDhrevnrbf88zY7 การเดินทางจากตัวเมืองน่าน-บ้านสะปัน โดยรถโดยสารประจำทาง (ต่อที่ 1 ตัวเมืองน่าน-อ.ปัว)จากสถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดน่าน มีรถสองแถว (สีฟ้า) สายน่าน-ท่าวังผา-ปัว ให้บริการตั้งแต่เช้า 07.00 น. เป็นต้นไปจนถึงช่วงเย็น รถออกจาสถานีขนส่งฯ ทุก 30 นาที ค่าโดยสาร คนละ 50 บ. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1-1.30 ชั่วโมง เพราะรถจะวิ่งจอดรับ-ส่งผู้โดยสารไปตลอดทาง ปลายทางรถสองแถวจะไปสุดสายที่ท่ารถซึ่งตั้งอยู่ริมทางหลวงหมายเลข 1081 หลังตลาดเทศบาลปัวและข้างสนามกีฬา หากนั่งรถทัวร์มาจากกรุงเทพฯ แนะนำให้ซื้อตั๋วเลือกลงที่สถานีขนส่งผู้โดยสารอำเภอปัว (เช่น สมบัติทัวร์, บขส.) จากนั้นนั่งจักรยานยนต์รับจ้าง หรือสองแถวจากตัวเมืองน่านที่จะแวะเข้าไปรับผู้โดยสารในสถานีขนส่งฯ มาลงยังท่ารถสองแถว (สีกรมท่า) สายปัว-บ่อเกลือ (ต่อที่ 2 อ. ปัว – อ.บ่อเกลือ)รถสองแถว (สีกรมท่า) สายปัว-บ่อเกลือ ท่ารถจอดอยู่ข้างกันกับท่ารถสองแถว (สีฟ้า) สายปัว-ท่าวังผา-น่าน ริมทางหลวงหมายเลข 1081 ด้านหลังตลาดเทศบาลปัว ส่วนท่ารถที่ตัว อ.บ่อเกลือ ตั้งอยู่ริมทางหลวงหมายเลข 1081 เลยจากสามแยกตัว อ.บ่อเกลือ ไปทาง อ.เฉลิมพระเกียรติ ประมาณ 100 เมตร รอบเวลารถ ดังนี้ ปัว – บ่อเกลือเวลา 07.30 น./09.30 น./11.30 น.(รอบสุดท้ายอาจงดวิ่ง หากไม่มีผู้โดยสาร) บ่อเกลือ – ปัวเวลา 09.00 น./10.30 น./12.30 น.(รอบสุดท้ายอาจงดวิ่ง หากไม่มีผู้โดยสาร) ค่าโดยสาร ที่นั่งละ 80 บ.การเดินทางด้วยรถสองแถวจาก อ.ปัว – อ.บ่อเกลือ – บ้านสะปัน ใช้เวลาประมาณ 1.30 ชั่วโมงเบอร์โทรรถสองแถว (สีกรมท่า) ปัว-บ่อเกลือ โทร. 08 0794 4893, 08 0913 3554, 08 9835 6884 ทางหลวงหมายเลข 1256 (ปัว-บ่อเกลือ) ช่วงที่เป็น “ถนนลอยฟ้า” คือเป็นช่วงที่ถนนตัดผ่านบนสันเขา สองข้างทาง มองเห็นทิวทัศน์สวยงาม มุมโดรนจะยิ่งเห็น ถนนลอยฟ้าได้ชัดเจน จุดนี้ (รูปกลาง) ถ้ามาจาก อ.ปัว จะอยู่ประมาณช่วงหลักกิโลเมตรที่ 22 ของทางหลวงหมายเลข 1256 ช่วงที่ถ่ายนี้ คือ กลางเดือนมิถุนายน ที่ผ่านมา เพิ่งเข้าสู่ฤดูฝนได้ไม่นาน ภูเขาและต้นไม้ใบหญ้าจึงยังไม่เขียวเต็มพื้นที่ จุดชมวิว 1715 ดอยภูคา ตั้งอยู่ริมทางหลวงหมายเลข 1256 เป็นจุดพักรถระหว่างทางจากปัว-บ่อเกลือ มีห้องน้ำให้บริการด้วย และบริเวณถนนอีกฝั่งของจุดชมวิวดอยภูคา

สะปัน-ห้วยโทน-ห้วยหมี Nan in Green Season อ่านเพิ่มเติม

ชวนไปไหว้พระ 9 วัด ในเขตตัวเมืองน่าน

✨ ชวนไปไหว้พระ 9 วัด ในเขตตัวเมืองน่าน ที่สามารถเดินทางไปให้ครบได้ภายในวันเดียว บางวัดตั้งอยู่ใกล้กัน สามารถเดินถึงกันได้ บางวัดอาจต้องขับรถออกไปสักเล็กน้อย แต่ไม่เกิน 5 กิโลเมตรจากตัวเมือง 📌 วัดภูมินทร์ เดิมวัดนี้ชื่อว่า “วัดพรหมมินทร์” ตามพงศาวดารของเมืองน่าน พระเจ้าเจตบุตรพรหมมินทร์ เจ้าผู้ครองนครน่าน ได้สร้างวัดภูมินทร์ขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2139 หลังจากที่ครองนครน่านได้ 6 ปี ต่อมาได้รับการบูรณะครั้งใหญ่เมื่อปี พ.ศ. 2410 โดยพระเจ้าอนันตวรฤทธิเดช สันนิษฐานว่าภาพจิตรกรรมฝาผนังในวิหารหลวงคงจะวาดขึ้นในสมัยที่มีการซ่อมแซมครั้งนี้ วัดภูมินทร์เป็นวัดที่สร้างทรงจัตุรมุขหนึ่งเดียวในประเทศไทย มีประติมากรรมนาคสะดุ้งตัวใหญ่ 2 ตัวเทินพระอุโบสถไว้ ตัวอาคารเป็นทั้งพระอุโบสถ พระวิหาร และพระเจดีย์ประธาน โดยใช้อาคารในแนวตะวันออก-ตะวันตกเป็นพระวิหาร และอาคารแนวเหนือ-ใต้เป็นพระอุโบสถ รัฐบาลไทยเคยพิมพ์รูปวัดภูมินทร์ในธนบัตรใบละ 1 บาท ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ภายในพระอุโบสถประดิษฐานพระประธานจตุรทิศ เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย 4 องค์ หันพระพักตร์ออกสู่ประตูทั้งสี่ทิศ ผนังด้านในพระอุโบสถมีภาพจิตรกรรม (ฮูปแต้ม) เป็นภาพแสดงเรื่องชาดก ภาพวิถีชีวิตความเป็นอยู่ และภาพตำนานพื้นบ้านของชาวเมืองน่าน ภาพปู่ม่าน ย่าม่าน นับเป็นจิตรกรรมฝาผนังที่มีความสมบูรณ์ หาดูได้ยาก และเป็นภาพที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของวัดภูมินทร์ ตั้งอยู่ถนนผากอง ตำบลในเวียง อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่านพิกัด : https://maps.app.goo.gl/VumLFJYN6ijxoZaZ7 📌 วัดศรีพันต้น สร้างโดยพญาพันต้น เจ้าผู้ครองนครน่านแห่งราชวงศ์ภูคา (ครองนครน่านระหว่างปี พ.ศ. 1960-1969) บางสมัยเรียกว่า “วัดสลีพันต้น” คำว่า “สลี” หมายถึง ต้นโพธิ์ ซึ่งในอดีตมีต้นโพธิ์ใหญ่อยู่ด้านทิศเหนือและทิศใต้ของวัด ภายในวัดมีพระวิหารสีทองตั้งเด่นเป็นสง่า มีสถาปัตยกรรมปูนปั้นที่สวยงาม โดยเฉพาะพญานาคเจ็ดเศียรเฝ้าบันไดหน้าพระวิหาร สีทองเหลืองอร่ามสวยงามตระการตา เป็นฝีมือช่างเมืองน่าน ชื่อนายอนุรักษ์ สมศักดิ์ หรือ “สล่ารง” ภายในพระวิหารมีการเขียนภาพลายเส้นพุทธประวัติของพระพุทธเจ้าและประวัติการกำเนิดเมืองน่าน เป็นผลงานจิตรกรรมของช่างเมืองน่านเช่นกัน ตั้งอยู่ริมถนนเจ้าฟ้า ตำบลในเวียง อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่านพิกัด : https://maps.app.goo.gl/TZA1cgroBUUFq1wT9 📌 วัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร เดิมเรียก “วัดหลวง” หรือ “วัดหลวงกลางเวียง” สร้างขึ้นในสมัยเจ้าปู่แข็ง ราวปี พ.ศ. 1949 เป็นวัดหลวงในเขตนครน่าน สำหรับเจ้าผู้ครองนครใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีสำคัญทางพุทธศาสนาและพิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยา ตามศิลาจารึกหลักที่ 74 ซึ่งถูกค้นพบภายในวัดกล่าวว่า พญาพลเทพฤๅชัย เจ้าเมืองน่าน ได้ปฏิสังขรณ์บูรณะวิหารหลวงเมื่อปั พ.ศ. 2091 ลักษณะสถาปัตยกรรมของวัดพระธาตุช้างค้ำนี้สะท้อนให้เห็นอิทธิพลของศิลปะสุโขทัย เช่น เจดีย์ทรงลังกา (ทรงระฆัง) รอบฐานองค์พระเจดีย์ก่ออิฐถือปูนและปั้นเป็นรูปช้างครึ่งตัว ด้านละ 5 เชือก และที่มุมทั้งสี่อีก 4 เชือก ดูคล้ายจะเอาหลังหนุน หรือ “ค้ำ” องค์พระเจดีย์ไว้ ลักษณะคล้ายวัดช้างล้อม จังหวัดสุโขทัย ภายในวิหารประดิษฐานพระประธานเป็นปูนปั้นขนาดใหญ่ ศิลปะเชียงแสน ฝีมือสกุลช่างเมืองน่านที่มีพุทธลักษณะงดงามยิ่ง และใกล้กันยังมีอีกพระวิหารหนึ่ง ภายในประดิษฐาน พระพุทธนันทบุรีศรีศากยมุนี พระพุทธรูปสัมฤทธิ์ปางประทานอภัย สูง 1.45 เมตร อายุราวครึ่งหลังพุทธศตวรรษที่ 19 ตรงกับสมัยสุโขทัยตอนปลาย ส่วนผสมของทองคำร้อยละ 65 พุทธลักษณะงดงามเช่นกัน ตั้งอยู่ถนนสุริยพงษ์ ตำบลในเวียง อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่านพิกัด : https://maps.app.goo.gl/dfLuu2aq94sDQgh77 📌 วัดมิ่งเมือง ภายในวัดเป็นที่ประดิษฐานเสาหลักเมืองของจังหวัดน่าน อยู่ในศาลาจัตุรมุขด้านหน้าพระอุโบสถ เสาหลักเมืองมีความสูง 3 เมตร ฐานประดับด้วยไม้แกะลวดลายลงรักปิดทอง ยอดเสาแกะสลักเป็นรูปพรหมพักตร์ มีชื่อว่า เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา เดิมวัดแห่งนี้เป็นวัดร้าง สันนิษฐานว่าสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2400 มีการพบเสาหลักเมืองที่เป็นท่อนซุงขนาดใหญ่สองคนโอบ ต่อมาเจ้าอนันตวรฤทธิเดช เจ้าผู้ครองนครน่านได้สถาปนาวัดขึ้นมาใหม่ และตั้งชื่อว่า “วัดมิ่งเมือง” ตามชื่อที่เรียกเสาหลักเมืองว่า “เสามิ่งเมือง” ต่อมาในปี พ.ศ. 2527 มีการรื้อถอนและสร้างพระอุโบสถหลังใหม่เป็นแบบล้านนาร่วมสมัยดังที่ปรากฎในปัจจุบัน ลักษณะเด่นคือลายปูนปั้นที่ผนังด้านนอกของพระอุโบสถ เป็นฝีมือตระกูลช่างเชียงแสน มีความวิจิตรงดงามมาก ภายในมีภาพจิตรกรรมฝาผนังแสดงให้เห็นวิถีชีวิตของชาวเมืองน่าน ฝีมือช่างท้องถิ่นยุคปัจจุบัน ตั้งอยู่ริมถนนสุริยพงษ์ ตำบลในเวียง อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่านพิกัด : https://maps.app.goo.gl/1Jr4cF8uxvv3FMMu9 📌 วัดหัวข่วง วัดนี้ไม่ปรากฏว่าสร้างมาตั้งแต่สมัยใด มีเพียงหลักฐานว่าได้รับการบูรณะราวปี พ.ศ. 2425 โดยเจ้าอนันตวรฤทธิเดช เจ้าผู้ครองนครน่าน และมีการบูรณะอีกครั้งราวปี พ.ศ. 2472 ในสมัยเจ้ามหาพรหมสุรธาดา เจ้าผู้ครองน่านองค์สุดท้าย จากนั้นในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2533 กรมศิลปากรได้ส่งเจ้าหน้าที่มาบูรณะเจดีย์วัดหัวข่วง และประกาศเป็นโบราณสถานของชาติ สิ่งที่น่าสนใจภายในวัด ได้แก่ หอธรรมหรือหอไตร เป็นอาคารที่มีลักษณะทรงสี่เหลี่ยมจตุรมุขใต้ถุนก่อทึบทรงสี่เหลี่ยมยอดเป็นรูปเต้าสลักลายลงรักปิดทองประดับกระจก ใช้เป็นสถานที่เก็บคัมภีร์โบราณและพระไตรปิฏก พระเจดีย์วัดหัวข่วง ลักษณะของเจดีย์เป็นทรงเรือนธาตุแบบศิลปะล้านนา มีการดัดแปลงของช่างฝีมือของชาวน่าน จากลักษณะสถาปัตยกรรมพออนุมานได้ว่าน่าจะสร้างขึ้นในประมาณปี พ.ศ. 2200 พระวิหารของวัด เป็นอาคารทรงจั่วมีหน้าบันประดับลวดลายไม้จำหลักรูปพรรณพฤกษา ประตูหน้าต่างประดับลายปูนปั้นคล้ายกับใบผักกาด มีการเรียนแบบศิลปะตะวันตก แสดงให้เห็นว่าอดีตนครน่านก็มีการติดกับกลุ่มชาวตะวันตกทำให้วิหารที่นี่ค่อนข้างแตกต่างกับที่อื่น ๆ นอกจากนี้ภายในวิหารยังประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัย ลักษณะพุทธศิลป์แบบล้านนา และยังเป็นพระประธานเบี่ยงซ้ายแห่งเดียวในประเทศไทยด้วย ตั้งอยู่ริมถนนมหาพรหม ตำบลในเวียง อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่านพิกัด : https://maps.app.goo.gl/om6Ezqn7qUosXDrR9 📌 วัดสวนตาล วัดนี้สร้างขึ้นโดยพระนางปทุมวดี เมื่อปี พ.ศ. 1770 ภายในพระวิหารประดิษฐานพระพุทธรูปที่สำคัญคือ พระเจ้าทองทิพย์ ซึ่งพระเจ้าติโลกราชแห่งนครเชียงใหม่ โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นใน พ.ศ. 1992 เป็นพระพุทธรูปทองสัมฤทธิ์องค์ใหญ่ปางมารวิชัย มีงานนมัสการและสรงน้ำองค์พระเป็นประจำทุกปีในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ด้านหลังพระวิหารมีองค์พระเจดีย์ มีสัณฐานงดงาม ชั้นล่างมีซุ้มประตูทั้งสี่ทิศ จากภาพถ่ายในหอจดหมายเหตุแห่งชาติ รูปเจดีย์วัดสวนตาลก่อนการบูรณะในสมัยพระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดชฯ (ตรงกับรัชกาลที่

ชวนไปไหว้พระ 9 วัด ในเขตตัวเมืองน่าน อ่านเพิ่มเติม

ชวนไปไหว้พระ 9 วัด เมืองน่าน

ชวนไปไหว้พระ 9 วัด ในเขตตัวเมืองน่าน ที่สามารถเดินทางไปให้ครบได้ภายในวันเดียว บางวัดตั้งอยู่ใกล้กัน สามารถเดินถึงกันได้ บางวัดอาจต้องขับรถออกไปสักเล็กน้อย แต่ไม่เกิน 5 กิโลเมตรจากตัวเมือง ใครที่กำลังจะไปเที่ยวจังหวัดน่าน และวางแผนแวะเที่ยวในตัวเมืองน่าน อย่าลืมหาโอกาสตามรอยนะคะ 📌 วัดภูมินทร์ เดิมวัดนี้ชื่อว่า “วัดพรหมมินทร์” ตามพงศาวดารของเมืองน่าน พระเจ้าเจตบุตรพรหมมินทร์ เจ้าผู้ครองนครน่าน ได้สร้างวัดภูมินทร์ขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2139 หลังจากที่ครองนครน่านได้ 6 ปี ต่อมาได้รับการบูรณะครั้งใหญ่เมื่อปี พ.ศ. 2410 โดยพระเจ้าอนันตวรฤทธิเดช สันนิษฐานว่าภาพจิตรกรรมฝาผนังในวิหารหลวงคงจะวาดขึ้นในสมัยที่มีการซ่อมแซมครั้งนี้ วัดภูมินทร์เป็นวัดที่สร้างทรงจัตุรมุขหนึ่งเดียวในประเทศไทย มีประติมากรรมนาคสะดุ้งตัวใหญ่ 2 ตัวเทินพระอุโบสถไว้ ตัวอาคารเป็นทั้งพระอุโบสถ พระวิหาร และพระเจดีย์ประธาน โดยใช้อาคารในแนวตะวันออก-ตะวันตกเป็นพระวิหาร และอาคารแนวเหนือ-ใต้เป็นพระอุโบสถ รัฐบาลไทยเคยพิมพ์รูปวัดภูมินทร์ในธนบัตรใบละ 1 บาท ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ภายในพระอุโบสถประดิษฐานพระประธานจตุรทิศ เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย 4 องค์ หันพระพักตร์ออกสู่ประตูทั้งสี่ทิศ ผนังด้านในพระอุโบสถมีภาพจิตรกรรม (ฮูปแต้ม) เป็นภาพแสดงเรื่องชาดก ภาพวิถีชีวิตความเป็นอยู่ และภาพตำนานพื้นบ้านของชาวเมืองน่าน ภาพปู่ม่าน ย่าม่าน นับเป็นจิตรกรรมฝาผนังที่มีความสมบูรณ์ หาดูได้ยาก และเป็นภาพที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของวัดภูมินทร์ 📌 ถนนผากอง ตำบลในเวียง อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่านhttps://maps.app.goo.gl/VumLFJYN6ijxoZaZ7 📌 วัดศรีพันต้น สร้างโดยพญาพันต้น เจ้าผู้ครองนครน่านแห่งราชวงศ์ภูคา (ครองนครน่านระหว่างปี พ.ศ. 1960-1969) บางสมัยเรียกว่า “วัดสลีพันต้น” คำว่า “สลี” หมายถึง ต้นโพธิ์ ซึ่งในอดีตมีต้นโพธิ์ใหญ่อยู่ด้านทิศเหนือและทิศใต้ของวัด ภายในวัดมีพระวิหารสีทองตั้งเด่นเป็นสง่า มีสถาปัตยกรรมปูนปั้นที่สวยงาม โดยเฉพาะพญานาคเจ็ดเศียรเฝ้าบันไดหน้าพระวิหาร สีทองเหลืองอร่ามสวยงามตระการตา เป็นฝีมือช่างเมืองน่าน ชื่อนายอนุรักษ์ สมศักดิ์ หรือ “สล่ารง” ภายในพระวิหารมีการเขียนภาพลายเส้นพุทธประวัติของพระพุทธเจ้าและประวัติการกำเนิดเมืองน่าน เป็นผลงานจิตรกรรมของช่างเมืองน่านเช่นกัน 📌 ริมถนนเจ้าฟ้า ตำบลในเวียง อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่านhttps://maps.app.goo.gl/TZA1cgroBUUFq1wT9 📌 วัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร เดิมเรียก “วัดหลวง” หรือ “วัดหลวงกลางเวียง” สร้างขึ้นในสมัยเจ้าปู่แข็ง ราวปี พ.ศ. 1949 เป็นวัดหลวงในเขตนครน่าน สำหรับเจ้าผู้ครองนครใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีสำคัญทางพุทธศาสนาและพิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยา ตามศิลาจารึกหลักที่ 74 ซึ่งถูกค้นพบภายในวัดกล่าวว่า พญาพลเทพฤๅชัย เจ้าเมืองน่าน ได้ปฏิสังขรณ์บูรณะวิหารหลวงเมื่อปั พ.ศ. 2091 ลักษณะสถาปัตยกรรมของวัดพระธาตุช้างค้ำนี้สะท้อนให้เห็นอิทธิพลของศิลปะสุโขทัย เช่น เจดีย์ทรงลังกา (ทรงระฆัง) รอบฐานองค์พระเจดีย์ก่ออิฐถือปูนและปั้นเป็นรูปช้างครึ่งตัว ด้านละ 5 เชือก และที่มุมทั้งสี่อีก 4 เชือก ดูคล้ายจะเอาหลังหนุน หรือ “ค้ำ” องค์พระเจดีย์ไว้ ลักษณะคล้ายวัดช้างล้อม จังหวัดสุโขทัย ภายในวิหารประดิษฐานพระประธานเป็นปูนปั้นขนาดใหญ่ ศิลปะเชียงแสน ฝีมือสกุลช่างเมืองน่านที่มีพุทธลักษณะงดงามยิ่ง และใกล้กันยังมีอีกพระวิหารหนึ่ง ภายในประดิษฐาน พระพุทธนันทบุรีศรีศากยมุนี พระพุทธรูปสัมฤทธิ์ปางประทานอภัย สูง 1.45 เมตร อายุราวครึ่งหลังพุทธศตวรรษที่ 19 ตรงกับสมัยสุโขทัยตอนปลาย ส่วนผสมของทองคำร้อยละ 65 พุทธลักษณะงดงามเช่นกัน 📌 ถนนสุริยพงษ์ ตำบลในเวียง อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่านhttps://maps.app.goo.gl/dfLuu2aq94sDQgh77 📌 วัดมิ่งเมือง ภายในวัดเป็นที่ประดิษฐานเสาหลักเมืองของจังหวัดน่าน อยู่ในศาลาจัตุรมุขด้านหน้าพระอุโบสถ เสาหลักเมืองมีความสูง 3 เมตร ฐานประดับด้วยไม้แกะลวดลายลงรักปิดทอง ยอดเสาแกะสลักเป็นรูปพรหมพักตร์ มีชื่อว่า เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา เดิมวัดแห่งนี้เป็นวัดร้าง สันนิษฐานว่าสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2400 มีการพบเสาหลักเมืองที่เป็นท่อนซุงขนาดใหญ่สองคนโอบ ต่อมาเจ้าอนันตวรฤทธิเดช เจ้าผู้ครองนครน่านได้สถาปนาวัดขึ้นมาใหม่ และตั้งชื่อว่า “วัดมิ่งเมือง” ตามชื่อที่เรียกเสาหลักเมืองว่า “เสามิ่งเมือง” ต่อมาในปี พ.ศ. 2527 มีการรื้อถอนและสร้างพระอุโบสถหลังใหม่เป็นแบบล้านนาร่วมสมัยดังที่ปรากฎในปัจจุบัน ลักษณะเด่นคือลายปูนปั้นที่ผนังด้านนอกของพระอุโบสถ เป็นฝีมือตระกูลช่างเชียงแสน มีความวิจิตรงดงามมาก ภายในมีภาพจิตรกรรมฝาผนังแสดงให้เห็นวิถีชีวิตของชาวเมืองน่าน ฝีมือช่างท้องถิ่นยุคปัจจุบัน 📌 ริมถนนสุริยพงษ์ ตำบลในเวียง อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่านhttps://maps.app.goo.gl/1Jr4cF8uxvv3FMMu9 📌 วัดหัวข่วง วัดนี้ไม่ปรากฏว่าสร้างมาตั้งแต่สมัยใด มีเพียงหลักฐานว่าได้รับการบูรณะราวปี พ.ศ. 2425 โดยเจ้าอนันตวรฤทธิเดช เจ้าผู้ครองนครน่าน และมีการบูรณะอีกครั้งราวปี พ.ศ. 2472 ในสมัยเจ้ามหาพรหมสุรธาดา เจ้าผู้ครองน่านองค์สุดท้าย จากนั้นในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2533 กรมศิลปากรได้ส่งเจ้าหน้าที่มาบูรณะเจดีย์วัดหัวข่วง และประกาศเป็นโบราณสถานของชาติ สิ่งที่น่าสนใจภายในวัด ได้แก่ หอธรรมหรือหอไตร เป็นอาคารที่มีลักษณะทรงสี่เหลี่ยมจตุรมุขใต้ถุนก่อทึบทรงสี่เหลี่ยมยอดเป็นรูปเต้าสลักลายลงรักปิดทองประดับกระจก ใช้เป็นสถานที่เก็บคัมภีร์โบราณและพระไตรปิฏก พระเจดีย์วัดหัวข่วง ลักษณะของเจดีย์เป็นทรงเรือนธาตุแบบศิลปะล้านนา มีการดัดแปลงของช่างฝีมือของชาวน่าน จากลักษณะสถาปัตยกรรมพออนุมานได้ว่าน่าจะสร้างขึ้นในประมาณปี พ.ศ. 2200 พระวิหารของวัด เป็นอาคารทรงจั่วมีหน้าบันประดับลวดลายไม้จำหลักรูปพรรณพฤกษา ประตูหน้าต่างประดับลายปูนปั้นคล้ายกับใบผักกาด มีการเรียนแบบศิลปะตะวันตก แสดงให้เห็นว่าอดีตนครน่านก็มีการติดกับกลุ่มชาวตะวันตกทำให้วิหารที่นี่ค่อนข้างแตกต่างกับที่อื่น ๆ นอกจากนี้ภายในวิหารยังประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัย ลักษณะพุทธศิลป์แบบล้านนา และยังเป็นพระประธานเบี่ยงซ้ายแห่งเดียวในประเทศไทยด้วย 📌 ริมถนนมหาพรหม ตำบลในเวียง อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่านhttps://maps.app.goo.gl/om6Ezqn7qUosXDrR9 📌 วัดสวนตาล วัดนี้สร้างขึ้นโดยพระนางปทุมวดี เมื่อปี พ.ศ. 1770 ภายในพระวิหารประดิษฐานพระพุทธรูปที่สำคัญคือ พระเจ้าทองทิพย์ ซึ่งพระเจ้าติโลกราชแห่งนครเชียงใหม่ โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นใน พ.ศ. 1992 เป็นพระพุทธรูปทองสัมฤทธิ์องค์ใหญ่ปางมารวิชัย มีงานนมัสการและสรงน้ำองค์พระเป็นประจำทุกปีในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ด้านหลังพระวิหารมีองค์พระเจดีย์ มีสัณฐานงดงาม ชั้นล่างมีซุ้มประตูทั้งสี่ทิศ จากภาพถ่ายในหอจดหมายเหตุแห่งชาติ

ชวนไปไหว้พระ 9 วัด เมืองน่าน อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top