Nakhon Ratchasima

Nakhon Ratchasima

ปักหมุดเที่ยวรอบ ‘เขาใหญ่’ จังหวัดนครราชสีมา

Green Season นี้ บัดดี้ชวนเพื่อน ๆ มาเที่ยว มาสูดอากาศบริสุทธิ์กันให้เต็มปอด ปล่อยกายปล่อยใจไปกับบรรยากาศสุดชิลกันที่ “อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่” อุทยานแห่งชาติแห่งแรกและเป็น “อุทยานมรดกของกลุ่มประเทศอาเซียน” หนึ่งในมรดกโลกของประเทศไทยที่ได้รับการประกาศจากองค์การยูเนสโก เพลิดเพลินกับกิจกรรมสุดฮิตอย่างการพายคายักตามลำคลองน้ำใสที่มองเห็นตัวปลาแหวกว่ายไปมา และปิดท้ายด้วยการพาเพื่อน ๆ มาลิ้มลองอาหารอร่อย ๆ ทั้งร้านที่เสิร์ฟเมนูเพื่อสุขภาพอย่างผักสด ๆ จากสวนผักออร์แกนิก และร้านที่การันตีความอร่อยด้วยรางวัลมิชลิน ถ้าพร้อมแล้วก็ตามมาเที่ยวด้วยกันเลย! 🌿💚 ปักหมุด Khao Yai All Around📌 อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่– จุดชมวิว กม.30– อ่างเก็บน้ำสายศร– น้ำตกเหวสุวัตร– น้ำตกเหวนรก– หอดูสัตว์หนองผักชี📌 บ่อน้ำผุดธรรมชาติบ้านท่าช้าง📌 ร้านอาหารแนะนำ– สวนผักลุงฤทธิ์– ร้านเป็นลาว มาเริ่มต้นกันที่ “อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่” หนึ่งในมรดกโลก UNESCO และได้รับรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ครั้งที่ 14 (Thailand Tourism Awards) รางวัล Gold Awards ประเภทแหล่งท่องเที่ยว สาขาแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ ปี 2566 จากการท่องเที่ยวประเทศไทย อุทยานมีพื้นที่ครอบคลุมถึง 4 จังหวัด คือ จังหวัดนครราชสีมา ปราจีนบุรี นครนายก และสระบุรี ภายในอุทยานฯ มีสถานที่น่าสนใจหลายแห่ง ซึ่งถ้าใครชอบเที่ยวสายธรรมชาติ บัดดี้บอกเลยว่ามาเที่ยวที่นี่แล้วเพื่อน ๆ จะประทับใจ และถ้าอยากได้ฟิลธรรมชาติแบบเต็ม ๆ บัดดี้แนะนำให้นอนค้างสัก 1-2 คืน ไม่ว่าจะลองมากางเต็นท์หรือเลือกพักบ้านพักอุทยานฯ พอตื่นเช้ามาก็จะได้สัมผัสบรรยากาศเย็นสบาย ฟังเสียงธรรมชาติ รับรองจะฟินไปอีกแบบ 🌿 นอกจากนี้ ที่นี่ก็ยังมีกิจกรรมให้เลือกทำอีกมากมาย ทั้งดูนก ดูดาว เดินป่าศึกษาธรรมชาติ หรือกิจกรรมส่องสัตว์ยามค่ำคืนเพื่อสัมผัสประสบการณ์แปลกใหม่ ก็ถือเป็นไฮไลต์อีกอย่างของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เพื่อน ๆ สามารถแพลนทริปและเลือกที่เที่ยวที่น่าสนใจตามไลฟสไตล์ของเพื่อน ๆ ได้เลย ⏰ เปิดทุกวัน เวลา 06.00-18.00 น.💸 อัตราค่าบริการเข้าอุทยานฯ ชาวไทย ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท | ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 400 บาท เด็ก 200 บาท🏡 ที่พักและสิ่งอำนวยความสะดวก อุทยานฯ มีศูนย์บริการนักท่องเที่ยว บ้านพัก จุดกางเต็นท์ เต็นท์และเครื่องนอนให้เช่า มีร้านอาหาร และร้านค้าสวัสดิการให้บริการ☎️ สอบถามข้อมูล ที่ทำการอุทยานฯ โทร. 08 6092 6527 ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว โทร. 08 6092 6529🌐 เว็บไซต์ www.khaoyainationalpark.com จุดชมวิว กม.30 จุดเช็กอินยอดฮิตของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เป็นจุดชมทิวทัศน์ที่สวยงามแห่งหนึ่งซึ่งสามารถชมทิวทัศน์ได้แบบพานอรามา ถ้าโชคดีก็อาจได้เห็นทะเลหมอกลอยอยู่ตามแนวเขาสลับซับซ้อนในยามเช้า และที่นี้ยังมีแท่นหินสลักสัญลักษณ์ผืนป่ามรดกโลกตั้งอยู่ด้วย 🌿 อ่างเก็บน้ำสายศร เป็นอ่างเก็บน้ำสำหรับใช้อุปโภคและบริโภคภายในอุทยานฯ ทั้งยังเป็นแหล่งน้ำของสัตว์ป่า แต่เดิมเรียกว่าอ่างเก็บน้ำมอสิงโต ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็นอ่างเก็บน้ำสายศร เพื่อเป็นเกียรติแก่นายบุญเรือง สายศร อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่คนแรก ซึ่งเป็นผู้บุกเบิกจัดตั้งอุทยานฯ และดำเนินการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำแห่งนี้ ที่นี่มีมุมถ่ายภาพสวย ๆ เต็มไปหมด และยังเป็นสถานที่ปิกนิกยามแดดร่มลมตกที่น่านั่งพักผ่อนอีกด้วย 🌿 น้ำตกเหวสุวัตร เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ สายน้ำไหลตกลงมาจากหน้าผาสูงราว 20 เมตร บริเวณด้านล่างน้ำตกเป็นแอ่งน้ำและลำธาร มีจุดชมน้ำตกจากระยะไกลในมุมสูง จึงมองเห็นความสวยงามของตัวน้ำตกได้ทั้งหมด 🌿 น้ำตกเหวนรก เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ มี 3 ชั้น ความสูงของน้ำตกประมาณ 150 เมตร ลักษณะการไหลตกของน้ำจากหน้าผาเป็นแนวดิ่งลงสู่หุบเหวเบื้องล่าง สายน้ำแรงและอันตรายมาก ไม่แนะนำให้ลงเล่นน้ำอย่างเด็ดขาด โดยเฉพาะฤดูฝน แต่แค่มาชมความงามของน้ำตกและถ่ายรูปเช็กอินก็ฟินอิ่มใจสุด ๆ แล้ว 🌿 หอดูสัตว์หนองผักชี เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวสายธรรมชาติ โดยจุดเริ่มต้นเส้นทางเดินอยู่ริมถนนธนะรัชต์ กิโลเมตรที่ 33 และต้องเดินเท้าตัดเข้าสู่ป่าดิบแล้งที่มีต้นไม้ขนาดใหญ่ขึ้นเรียงรายอยู่ทั่วไป ผ่านกลุ่มต้นยางเสียน ต้นไทรใหญ่ รังนกเงือก ออกสู่ทุ่งหญ้า ผ่านโป่งสัตว์ริมหนองน้ำจนถึงหอดูสัตว์หนองผักชี บนหอดูสัตว์หนองผักชีจะมองเห็นทัศนียภาพของผืนป่าและทุ่งหญ้าได้รอบทิศ รวมทั้งหนองผักชีซึ่งเป็นแหล่งน้ำสำคัญของสัตว์ป่าในบริเวณนั้น จากหอดูสัตว์เดินตามถนนลูกรังออกสู่ถนนธนะรัชต์ กิโลเมตรที่ 35 รวมระยะทางเดินประมาณ 3.5 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินราว 2-3 ชั่วโมง 🌿 น้ำผุดธรรมชาติบ้านท่าช้าง แหล่งท่องเที่ยวตามกระแสโซเชียลที่กำลังเป็นจุดหมายปลายทางของใครหลาย ๆ คน ด้วยความที่น้ำใสบวกกับภาพบรรยากาศร่มรื่น และมีกิจกรรมคูล ๆ อย่างพายเรือคายักล่องตามลำคลอง จึงทำให้ที่นี่กลายมาเป็นจุดเช็กอินยอดฮิตอีกแห่งหนึ่งของชาวโซเชียล 🌿 น้ำผุดเป็นตาน้ำธรรมชาติเกิดจากน้ำฝนที่ตกลงมาไหลผ่านชั้นหินลงไปยังชั้นใต้ดิน และต่อมาก็ค่อย ๆ ผุดขึ้นมาเป็นตาน้ำ มีน้ำไหลตลอดทั้งปี น้ำที่นี่สีฟ้าอมเขียวคล้ายกับสระมรกตที่กระบี่ น้ำมีคุณสมบัติความเป็นด่าง เพื่อน ๆ สามารถลงเล่นน้ำได้บริเวณโซนที่จัดให้ลงเล่นน้ำ ยกเว้นบริเวณตาน้ำ หากใครต้องการพายเรือคายักไปตามสายน้ำลำตะคองก็สามารถเช่าเรือคายักได้บริเวณลานจอดรถ ⏰ เปิดทุกวัน เวลา 08.30-16.30 น.💸 ค่าบริการพายคายัก– 30 นาที คนละ 100 บาท– 1 ชั่วโมง คนละ 150 บาท ร้านเป็นลาว ร้านอาหารอีสานรสแซ่บ ตั้งอยู่ก่อนถึงทางขึ้นอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ (ถนนธนะรัชต์) ประมาณ 700 เมตร ตกแต่งร้านด้วยเครื่องจักรสานนานาชนิดอันเป็นเอกลักษณ์สไตล์อีสาน เสิร์ฟความอร่อยแบบอีสานแท้ ๆ พร้อมวัตถุดิบคุณภาพดี โดยคัดสรรมาจากเกษตรกรจากชุมชน การันตีความอร่อยด้วยรางวัลมิชลิน

ปักหมุดเที่ยวรอบ ‘เขาใหญ่’ จังหวัดนครราชสีมา อ่านเพิ่มเติม

สถานีวิจัยสิ่งแวดล้อมสะแกราช จ.นครราชสีมา

วันนี้บัดดี้จะพาเพื่อน ๆ มาสำรวจพื้นที่สงวนชีวมณฑล (Sakaerat biosphere reserve) แห่งแรกของประเทศไทย ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนรับรองจาก UNESCO เมื่อปี พ.ศ. 2519 ในปัจจุบันสถานที่แห่งนี้อยู่ใต้การดูแลของสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ขอนำเสนอความสวยงามและความหลากหลายทางชีววิทยาของสถาบันวิจัยแห่งนี้ ที่เหมาะกับทั้งผู้ชอบธรรมชาติ ผู้ต้องการหาความรู้ใหม่ ๆ ผู้ชอบเดินป่า หรือแม้แต่ผู้ที่อยากพักผ่อนหย่อนใจในบรรยากาศที่เงียบสงบ เอาล่ะ…ตามบัดดี้มาสำรวจสถาบันวิจัยแห่งนี้ได้เลย สถานีวิจัยสิ่งแวดล้อมสะแกราช ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2510 ปกคลุมด้วยป่าไม้สำคัญ 2 ชนิด คือ ป่าดิบแล้ง (Dry Evergreen forest) และป่าเต็งรัง (Dry Dipterocarp forest) มีพันธุ์ไม้และสิ่งมีชีวิตที่หลากหลาย ที่นี่เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศและห้องปฏิบัติการธรรมชาติสำหรับนักเรียน นักศึกษา รวมไปถึงนักวิจัยจากหลายประเทศ ไฮไลต์แรกของที่นี่ คือ กระรอกขาว ที่จะอยู่บริเวณศูนย์อำนวยการของสถานีวิจัยสิ่งแวดล้อมสะแกราช มีครอบครัวหมูป่าวิ่งไปมาดูน่ารักมาก ๆ กิจกรรมต่อมาที่บัดดี้อยากนำเสนอ คือ การนั่งรถรางชมธรรมชาติ ตลอดเส้นทาง 2.5 กิโลเมตร เจ้าหน้าที่จะอธิบายเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยน่าสนใจ แถมยังพาไปดูต้นตะเคียนหินอายุ 557 ปี ที่มีอายุเท่ากับ จ.นครราชสีมา รวมไปถึงต้นน้ำของป่าบริเวณนี้ และไฮไลต์ของเส้นทางนี้ การดูนกประจำชาติไทย “ไก่ฟ้าพญาลอ” การจะชมไก่ฟ้าพญาลอ ต้องมาก่อนเวลา 16.00 น. เมื่อมาถึงจุดชมไก่ฟ้าพญาลอ เจ้าหน้าที่จะเลียนแบบเสียงของไก่ฟ้าพญาลอพร้อมกับชี้ให้ดูจุดที่พบอยู่เป็นประจำ บัดดี้ยืน ๆ นั่ง ๆ อยู่ไม่นานเจ้าไก่ฟ้าพญาลอก็โผล่ออกมาโชว์ตัวให้ดูแล้วล่ะ มื้อเย็นของที่นี่ จะบริการเป็นแบบบุฟเฟต์ มีเสียงลือเสียงเล่าอ้างว่าอาหารที่นี่อร่อย ซึ่งบัดดี้ต้องขอคอนเฟิร์มว่าอร่อยจริง หลังจากกินแล้ว เพื่อน ๆ ต้องล้างจานเอง ซึ่งทางสถานีวิจัยฯ ก็เตรียมพื้นที่ล้างจานไว้ให้แล้วเป็นอย่างดี กิจกรรมยามฟ้ามืดของที่นี่คือการดูดาว เจ้าหน้าที่จะพาเพื่อน ๆ เดินไปตามเส้นทางประมาณ 7-10 นาทีจนถึงลานกว้าง เพื่อน ๆ สามารถชมกับดักแมลงที่ทางเจ้าหน้าที่นำผ้าขาวมาขึงกับไม้แล้วส่องไฟเพื่อล่อแมลงได้อย่างใกล้ชิด หากหิวเพื่อน ๆ ก็สามารถปิ้งข้าวโพด ปิ้งข้าวจี่ และข้าวเกรียบว่าวกินได้ เมื่อถึงเวลา ลานกว้างจะถูกปิดไฟจนมืดสนิท เมื่อเงยหน้าขึ้นไปบนฟ้าจะเห็นดาวเต็มท้องฟ้า ระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่ก็จะชี้ให้ดูกลุ่มดาวที่เห็นชัดเจนในตอนนั้น หากใครมาในช่วงเดือนตุลาคม จะเห็นทางช้างเผือกด้วยนะ บัดดี้มีนัดทำกิจกรรมต่อไปในเช้าวันรุ่งขึ้น นั่นก็คือ “การส่องนก” เจ้าหน้าที่จะแจกกล้องส่องทางไกลและพจนานุกรมนก ตลอดเส้นทาง เจ้าหน้าที่จะชี้ให้ดูตลอดว่านกอยู่ตรงไหน นกพันธุ์อะไร รู้ตัวอีกทีเวลาผ่านไปเป็นชั่วโมงแล้ว ใครอยากขมวดปมความรู้และความเป็นมาของสถานีวิจัยฯ สามารถเดินขึ้นไปที่ชั่น 2 ของศูนย์อำนวยการได้ จะมีพิพิธภัณฑ์เล็ก ๆ สถานที่รวบรวมตัวอย่างพันธุ์พืชและพันธุ์สัตว์มากมายในบริเวณนี้เอาไว้ ถือเป็นการปิดจบและสรุปความรู้ที่บัดดี้ได้รับมาตั้งแต่มาเยือนที่แห่งนี้ได้ดีเลยทีเดียว หากใครยังคิดว่าไม่จุใจ สามารถสอบถามไปยังสถานีวิจัยสิ่งแวดล้อมสะแกราชได้ เพราะที่นี่ยังมีกิจกรรมเดินป่าศึกษาธรรมชาติ ที่มีให้เลือกหลายเส้นทางตั้งแต่เส้นทางที่ใช้เวลาเดิน 1 ชั่วโมงครึ่งไปจนถึง 3 ชั่วโมง มีที่พักรับรองหลายห้อง หากได้มาสักครั้งรับรองเลยว่าต้องได้รับประสบการณ์ดี ๆ กลับไปอย่างแน่นอน 📌 สถานีวิจัยสิ่งแวดล้อมสะแกราช 1 หมู่ 9 ต.อุดมทรัพย์ อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา⏰ เปิดทุกวันเวลา 08.30-16.30 น. / เสาร์-อาทิตย์ 10.00-16.00 น.☎️ 0 4476 0110-2, 09 8219 5570📱 www.tistr.or.th/sakaerat📱 สถานีวิจัยสิ่งแวดล้อมสะแกราช📍 https://maps.app.goo.gl/fJ1drrYB78XFKbaJ9

สถานีวิจัยสิ่งแวดล้อมสะแกราช จ.นครราชสีมา อ่านเพิ่มเติม

เที่ยวเขาใหญ่ 2 วัน 1 คืน สัมผัสความสมบูรณ์ของธรรมชาติ

เพื่อน ๆ รู้หรือไม่ว่า เขาใหญ่คือ อุทยานแห่งชาติแห่งแรกของประเทศไทย ซึ่งอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่มีพื้นที่ครอบคลุมทั้งหมด 4 จังหวัด ได้แก่ นครราชสีมา สระบุรี ปราจีนบุรี และนครนายก มีเนื้อที่ประมาณ 2,168.75 ตารางกิโลเมตร และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี 2548 จาก UNESCO ภายใต้ชื่อ “พื้นที่กลุ่มป่าดงพญาเย็น – เขาใหญ่” และยังได้รับรางวัลยอดเยี่ยม Thailand Tourism Gold Awards ครั้งที่ 14 ประจำปี 2566 สาขาแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ จากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยอีกด้วย มากไปกว่านั้นที่นี่ยังเป็นถิ่นที่อยู่อาศัยของชนิดสัตว์ พันธุ์พืชที่หายากหรือที่ตกอยู่ในสภาวะอันตรายใกล้สูญพันธุ์ แต่ยังคงสามารถดํารงชีวิตอยู่ได้รวมถึงระบบนิเวศอันเป็นแหล่งรวมความอุดมสมบูรณ์ของพืช และสัตว์ที่ทั่วโลกให้ความสนใจอีกด้วย วันนี้บัดดี้จะพามาทัวร์จุดท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาดที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่กัน บัดดี้เริ่มต้นจุดแรกกันที่น้ำตกเหวนรก ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เขตจังหวัดนครนายก มีความสูงอยู่ที่ 150 เมตร ใช้ระยะเวลาการเดินไป-กลับประมาณ 1 ชั่วโมง ระหว่างทางบัดดี้แนะนำให้พกน้ำ และยาดมไปด้วย น้ำตกเหวนรกจะสวยมากในช่วงฤดูฝน เพราะมีน้ำเยอะ แต่อย่างไรก็ตาม ความสวยงามของน้ำตกแห่งนี้ก็แฝงไปด้วยความอันตราย เพราะกระแสน้ำที่แรงจึงทำให้ช้างป่าหลายตัวพลัดตกลงไปขณะที่กำลังข้ามลำธารในชั้นบนของน้ำตก จึงทำให้ที่นี่ได้ชื่อว่าเป็น “สุสานของช้างป่า” เพื่อความปลอดภัยบัดดี้ไม่แนะนำให้นำอาหารเข้าไปรับประทาน เพราะระหว่างทางเพื่อน ๆ อาจจะเจอลิงเข้ามาแย่งอาหารได้ และบริเวณน้ำตกเหวนรกไม่มีจุดทิ้งขยะ ทางอุทยานจึงขอความร่วมมือนักท่องเที่ยวนำขยะกลับบ้าน หรือนำลงไปทิ้งข้างล่าง เมื่อชมบรรยากาศของน้ำตกเหวนรกเสร็จแล้ว บัดดี้จะพาเพื่อน ๆ ไปต่อกันที่ ผาเดียวดาย ซึ่งเป็นจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นทัศนียภาพของธรรมชาติได้อย่างกว้างขวาง ใช้เวลาเดินจากที่จอดรถไปยังหน้าผา ประมาณ 5 นาที หากโชคดี เราก็จะได้เจอนกต่าง ๆ อย่างเช่นวันที่บัดดี้ไป บัดดี้ได้เจอกับ ไก่ฟ้าหลังขาวมาเดินอวดโฉมให้ได้ชมอีกด้วย มาต่อกันที่ ผาตรอมใจ ห่างจากผาเดียวดายประมาณ 600 เมตร ผาตรอมใจเป็นจุดสูงสุดของภาคกลาง บัดดี้แนะนำ หากเพื่อน ๆ มีเวลา อย่าลืมอุดหนุนข้าวไข่เจียวจากทางพี่ ๆ เจ้าหน้าที่อุทยาน สามารถนั่งรับประทานพร้อมชมวิวที่น่าหลงใหลกับสายลมที่อ่อนโยนได้ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ภายในตัวอาคารเป็นศูนย์การเรียนรู้ เช่น ความเป็นมาของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ สัตว์ป่า พืชพันธุ์นานาชนิดที่สามารถเจอได้ภายในอุทยาน จะมีร้านกาแฟอยู่ทางด้านหลัง ติดกับลำธาร บรรยากาศร่มรื่นและสงบ ช่วงบ่าย บัดดี้ได้ตัดสินใจเดินสำรวจเส้นทางธรรมชาติเส้นทางที่ 3 (กม.ที่ 33 – จุดส่องสัตว์หนองผักชี) ซึ่งเส้นทางศึกษาธรรมชาติอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่มีทั้งหมด 7 เส้นทาง ได้แก่📌 เส้นทางที่ 1: ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว-น้ำตกกรองแก้ว📌 เส้นทางที่ 2: น้ำตกผากล้วยไม้ – น้ำตกเหวสุวัต (160 ปี ความสัมพันธ์ ไทย-เยอรมัน)📌 เส้นทางที่ 3: กม. 33 – หนองผักชี (90 ปี ความสัมพันธ์ ไทย-สวิตเซอร์แลนด์)📌 เส้นทางที่ 4: ดงติ้ว – อ่างเก็บน้ำสายศร📌 เส้นทางที่ 5: ดงติ้ว – หนองผักชี📌 เส้นทางที่: 6 ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว – น้ำตกเหวสุวัต ( ใช้เวลาเดิน 6 ชั่วโมง ต้องเริ่มเดินก่อน 10.00 น.)📌 เส้นทางที่ 7: 200 ปี ความสัมพันธ์ไทย-สหรัฐอเมริกา หากเพื่อน ๆ สนใจที่จะเดินป่าศึกษาธรรมชาติเส้นทางที่ 3-4-5-6 ซึ่งเป็นเส้นทางที่จำเป็นต้องมีเจ้าหน้าที่อุทยานนำทาง สามารถ walk in ติดต่อเจ้าหน้าที่ ได้ที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ มีค่าใช้จ่าย 500 บาท/กลุ่ม หมายเหตุ: เส้นทางที่ 1-5 และ 7 สามารถเริ่มเดินได้ตั้งแต่ 08.00-14.00 น.เส้นทางที่ 6 จำเป็นต้องเริ่มเดินก่อน 10.00 น. และต้องเตรียมอาหารไปเผื่อด้วย เพราะใช้เวลาเดินถึง 6 ชั่วโมง ระหว่างการเดินสำรวจป่าเส้นทางที่ 3 เจ้าหน้าที่อุทยานแนะนำสิ่งต่าง ๆ ดีมาก ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลเบื้องต้นของเส้นทางนี้และข้อควรปฏิบัติในขณะเดินป่า แม้กระทั่งการสังเกตที่อยู่อาศัยของสัตว์ เช่น หากเราเจอโพรงไม้ หรือรู อาจจะเป็นที่อยู่ของสัคว์มีพิษ เช่น แมงป่อง งู ได้ และเส้นทางนี้เป็นเส้นทางการหากินของช้างและกระทิง ในระหว่างเดิน จะมีแนวเขตกั้น ไม่ให้เราเดินออกนอกเส้นทาง เพราะหากเราเดินออกจากเส้นทาง เราจะรบกวนสัตว์ป่าที่อยู่บริเวณรอบ ๆ เช่น นกเงือก ที่อาศัยอยู่บริเวณนั้น และนี่เป็นอีก 1 จุดที่ยอดฮิต เพราะนักท่องเที่ยวชอบมาถ่ายรูปกับต้นไทรอายุมาก ที่มีรากไม้ที่สวยงามตามธรรมชาติ โดยไม่ผ่านการตกแต่งใด ๆ จากมนุษย์ ซึ่งทางด้านเจ้าหน้าที่ได้ให้ข้อมูลมาว่า ต้นไทรต้นนี้มีความใหญ่อยู่ที่ประมาณ 40 คนโอบเลยทีเดียว วันที่บัดดี้ไป บัดดี้ได้เจอรอยเท้าของสัตว์ป่าด้วย เพื่อน ๆ ทายกันได้ไหมเอ่ย ว่านี่คือรอยของสัตว์ชนิดใด เฉลย รอยเท้าของกระทิง นั่นเอง และนี่เป็นหลักฐานว่าเส้นทางนี้มีกระทิงผ่านมาจริง ๆ และเมื่อเดินไปเรื่อย ๆ เราจะเจอกับโป่ง ซึ่งเป็นแหล่งอาหารของสัตว์ ตรงจุดหนองผักชี มีต้นไม้ขนาดใหญ่ให้ร่มเงาตลอดเส้นทาง เช่น ไทร หว้า ที่ดึงดูดนกและสัตว์ป่านานาชนิดเข้ามากินลูกไม้ จนได้รับสมญานามว่า “ภัตตาคารของสัตว์ป่า” และมีต้นกะเพรายักษ์เป็นไม้ที่มีเฉพาะป่าดงพญาเย็นเท่านั้น

เที่ยวเขาใหญ่ 2 วัน 1 คืน สัมผัสความสมบูรณ์ของธรรมชาติ อ่านเพิ่มเติม

ตามรอยบัดดี้ เที่ยวโคราช 2 วัน 1 คืน

วันนี้บัดดี้ขอแชร์ไอเดียเที่ยวจังหวัดนครราชสีมา หรือ โคราช 2 วัน 1 คืน กับเส้นทางท่องเที่ยวที่ชวนทุกคนให้ไปสัมผัสกับความโดดเด่นและความหลากหลายทั้งในด้านธรรมชาติ วัฒนธรรม วิถีชีวิต และอาหาร มาลองรู้จักกับโคราชตั้งแต่สมัยดึกดำบรรพ์จนมาถึงปัจจุบัน ผ่านเส้นทางท่องเที่ยวนี้ดู รับรองว่าจะรู้จักกับโคราชมากขึ้นแน่นอน 📌 วันที่ 1– พิพิธภัณฑ์ไม้กลายเป็นหิน (Thailand Tourism Awards)– อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี– วัดศาลาลอย– ปราสาทพนมวัน 📌 วันที่ 2– อุทยานประวัติศาสตร์พิมาย– พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพิมาย– ไทรงาม

ตามรอยบัดดี้ เที่ยวโคราช 2 วัน 1 คืน อ่านเพิ่มเติม

เที่ยวโคราช 2 วัน 1 คืน ฉบับย้อนเวลาตั้งแต่อดีตมาจนปัจจุบัน

จังหวัดนครราชสีมา หรือโคราช เปรียบเสมือนประตูสู่ภาคอีสาน เป็นเมืองที่มีความโดดเด่นและมีความหลากหลายทั้งในด้านธรรมชาติ วัฒนธรรม วิถีชีวิตและอาหาร บัดดี้เลยจะพาเพื่อน ๆ ย้อนไปรู้จักกับโคราชตั้งแต่สมัยดึกดำบรรพ์จนมาถึงปัจจุบัน กับตัวอย่างเส้นทางท่องเที่ยว แบบ 2 วัน 1 คืน ที่เที่ยวตามแล้วบอกเลยว่าจะรู้จักกับโคราชมากขึ้นแน่นอน 1. พิพิธภัณฑ์ไม้กลายเป็นหิน สถาบันวิจัยไม้กลายเป็นหินฯ บ้านโกรกเดือนห้า ตั้งอยู่บ้านโกรกเดือนห้า ถนนมิตรภาพ-หนองปลิง ตำบลสุรนารี เป็นพิพิธภัณฑ์แห่งแรกของประเทศไทยและหนึ่งในเจ็ดแห่งของโลก ที่แสดงพรรณไม้ดึกดำบรรพ์ขนาดใหญ่ อายุประมาณ 800,000–320 ล้านปี เป็นแหล่งเรียนรู้ของการเริ่มต้น Korat UNESCO Global Geopark ซึ่งคณะกรรมการบริหารยูเนสโก ประชุมที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 มีวาระการพิจารณาเรื่องการรับรองจีโอพาร์คทั้ง 18 แห่งทั่วโลก ซึ่งรวมทั้งโคราชจีโอพาร์ค เป็นจีโอพาร์คโลกยูเนสโก หรือ UNESCO Global Geopark ภายในจัดแสดงเกี่ยวกับการกำเนิดโลก วิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต และไม้กลายเป็นหิน และยังมีพิพิธภัณฑ์ช้างดึกดำบรรพ์ 8 สกุล จาก 42 สกุล ที่พบทั่วโลก ทั้งช้างสี่งา ช้างงาจอบ ช้างงาเสียม (อายุประมาณ 16-5 ล้านปีก่อน) รวมทั้งฟอสซิลสัตว์นานาชนิด เช่น เต่ายักษ์ ตะโขง เอป (ลิงไม่มีหางที่มีสายวิวัฒนาการใกล้เคียงกับมนุษย์) นอกจากนี้ยังมีสวนไม้กลายเป็นหินด้านนอกอาคารให้เดินชมอีกด้วย 📌 184 หมู่ 7 ถนนมิตรภาพ – หนองปลิง บ้านโกรกเดือนห้า ตำบลสุรนารี อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา: https://maps.app.goo.gl/fetPko99CWrbpDm67⏰ เปิดวันอังคาร – วันอาทิตย์ เวลา 09.00 – 15.30 น.☎️ 0 4437 0739-40💸 อัตราค่าบริการในการเข้าชมพิพิธภัณฑ์– นักเรียนอนุบาล-ปวช. 20 บาท– นักศึกษา ปวส.-ปริญญาตรี 30 บาท– ผู้ใหญ่ 50 บาท– เด็กต่างชาติ (Youth) 50 บาท– ชาวต่างชาติ (Foreigner) 120 บาท 2. อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2477 เพื่อเป็นอนุสรณ์ในวีรกรรมอันกล้าหาญของ “ย่าโม” อนุสาวรีย์ตั้งอยู่บนฐานสูง เหนือขึ้นไปเป็นประติมากรรมย่าโมในท่ายืน แต่งกายด้วยเครื่องยศพระราชทาน มือขวาถือดาบ ปลายจรดลงพื้น หล่อด้วยทองแดงรมดำ หันหน้าไปทางทิศตะวันตกซึ่งเป็นที่ตั้งของกรุงเทพมหานคร ท้าวสุรนารีมีนามเดิมว่า คุณหญิงโม เป็นภรรยาปลัดเมืองนครราชสีมา เมื่อ พ.ศ. 2369 เจ้าอนุวงศ์แห่งเวียงจันทน์ยกทัพเข้ายึดเมืองโคราช และกวาดต้อนผู้คนรวมถึงคุณหญิงโมไปด้วย คุณหญิงโมได้คิดอุบายหาทางช่วยเหลือชาวบ้านโดยถ่วงเวลารอให้กำลังมาสมทบ จากนั้นจึงได้ช่วยกันต่อสู้จนกองทัพแตกพ่ายและเลิกทัพกลับเวียงจันทน์ในที่สุด พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาคุณหญิงโมเป็น “ท้าวสุรนารี” ด้านหลังอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารีเป็นที่ตั้งของประตูชุมพล ซึ่งเป็นประตูเมืองที่สร้างขึ้นในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เพื่อป้องกันการรุกรานของข้าศึก มีลักษณะเป็นประตูทรงไทย ศิลปะอยุธยา หลังคามุงด้วยกระเบื้องดินเผา เดิมประตูเมืองมีทั้งหมด 4 ประตู แต่ปัจจุบันเหลือประตูชุมพลเพียงแห่งเดียวที่ยังคงมีสภาพสมบูรณ์ ชาวโคราชเชื่อว่า หากลอดประตูชุมพลแล้วจะโชคดี ถนนราชดำเนิน ตำบลในเมือง อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมาhttps://maps.app.goo.gl/R56U4K1DhG9fgZFo7 3. วัดศาลาลอย วัดแห่งนี้สร้างขึ้นราว พ.ศ. 2370 โดยท้าวสุรนารีและพระยาสุริยเดช ปลัดเมืองนครราชสีมา สามีของท่าน ชื่อวัดศาลาลอยนั้นมีที่มา หลังจากรบชนะกองทัพของเจ้าอนุวงศ์ที่ทุ่งสัมฤทธิ์แล้ว ท้าวสุรนารีก็ยกทัพกลับเมืองนครราชสีมา ระหว่างที่แวะพักบริเวณท่าตะโก ท่านได้สั่งให้ทหารทำแพเป็นรูปศาลาลอยไปตามลำตะคองเพื่อเสี่ยงทาย โดยตั้งจิตอธิษฐานว่า ถ้าแพรูปศาลานี้ลอยไปติดที่ไหน ก็จะสร้างวัดไว้เป็นอนุสรณ์ที่นั่น ปรากฎว่าแพลอยไปติด ณ ริมฝั่งขวาของลำตะคอง ซึ่งเป็นที่ตั้งของวัดศาลาลอยในปัจจุบัน ภายในวัดมีสถานที่ที่น่าสนใจหลายแห่ง เช่น อุโบสถหลังเก่า อุโบสถหลังใหม่ และเจดีย์บรรจุอัฐิของย่าโม อุโบสถหลังเก่า เป็นอุโบสถขนาดเล็ก ไม่มีการเจาะช่องหน้าต่าง และมีประตูเข้า-ออกทางด้านหน้าเพียงด้านเดียว หรือที่เรียกว่า ‘โบสถ์มหาอุด’ ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัยศิลปะล้านช้าง ที่ท้าวสุรนารีได้สร้างไว้เพื่อเป็นอนุสรณ์ในการรบชนะเจ้าอนุวงศ์ อุโบสถหลังใหม่สร้างใน พ.ศ. 2510 ผลงานการออกแบบของ รศ. ดร.วิโรฒ ศรีสุโร เป็นศิลปะไทยประยุกต์ ที่ออกแบบเป็นรูปสำเภา และใช้กระเบื้องดินเผา ของดีจากตำบลด่านเกวียนมาประดับตกแต่ง อุโบสถหลังนี้ได้รับรางวัลดีเด่นแนวบุกเบิกอาคารทางศาสนา จากสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์ และรางวัลจากมูลนิธิเสฐียรโกเศศและนาคะประทีป ในปี พ.ศ. 2516 บริเวณหน้าอุโบสถหลังเก่ามีเจดีย์บรรจุอัฐิของย่าโม และอนุสาวรีย์ย่าโมที่จำลองมาจากของจริงที่บริเวณลานย่าโมด้วย ซอยท้าวสุระ 3 ตำบลในเมือง อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมาhttps://maps.app.goo.gl/2vWtVW6P2Mp8wKbK6 4. ปราสาทพนมวัน ตั้งอยู่ที่บ้านมะค่า ตำบลบ้านโพธิ์อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา ในส่วนที่ตั้งปราสาทพนมวัน ตั้งอยู่บนเนินดินสูงกว่าบริเวณโดยรอบ สร้างขึ้นเนื่องในลัทธิความเชื่อศาสนาฮินดูลัทธิไศวนิกาย ซึ่งนับถือพระอิศวร (ศิวะ) เป็นเทพสูงสุด ปราสาทประธาน ก่อสร้างด้วยหินทราย ศิลาแลงและอิฐ เป็นสถาปัตยกรรมหลักที่สำคัญที่สุด ตั้งอยู่ตรงศูนย์กลางของลานปราสาทชั้นใน หันด้านหน้าไปด้านทิศตะวันออก ปราสาทพนมวันและสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ สร้างขึ้นตามรูปแบบสถาปัตยกรรมเขมร มีลำดับอายุสมัยในการก่อสร้างตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 15-17 นอกจากนี้ยังพบหลักฐานการอยู่อาศัย ของชุมชนสมัยก่อนประวัติศาสตร์ สมัยสำริด (3,400-2,500 ปีมาแล้ว) และสมัยเหล็ก (2,500-1,500 ปีมาแล้ว) อยู่ในพื้นที่ก่อนที่จะมีการก่อสร้างปราสาทพนมวันอีกด้วย ปัจจุบันภายในปราสาทประธาน มีการประดิษฐานพระพุทธรูปปางประทานอภัย ซึ่งส่วนใหญ่ได้แก้ไขดัดแปลงในสมัยอยุธยา แสดงให้เห็นว่าปราสาทพนมวันยังคงเป็นศาสนสถานที่ชุมชนในท้องถิ่นให้ความเคารพความศรัทธาสืบเนื่องมา 📌 บ้านมะค่า ตำบลบ้านโพธิ์ อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา:

เที่ยวโคราช 2 วัน 1 คืน ฉบับย้อนเวลาตั้งแต่อดีตมาจนปัจจุบัน อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top