ระนอง

ระนอง

เที่ยวหน้าฝน สัมผัสธรรมชาติ ให้ชื่นฉ่ำหัวใจ

หน้าฝนปีนี้ เพื่อน ๆ เตรียมตัวออกไปเที่ยวที่ไหนบ้างคะ หลายคนอาจจะคิดว่าฝนตกแบบนี้เที่ยวไหนไม่ได้ แต่รู้หรือไม่ว่า หน้าฝนบ้านเรา มีเสน่ห์ไม่แพ้หน้าร้อนเลยนะ ธรรมชาติจะเขียวขจี อากาศเย็นสบาย น้ำตกไหลแรง ดอกไม้ป่าบานสะพรั่ง เหมาะแก่การไปพักผ่อนหย่อนใจ ชมวิว ถ่ายรูป และสัมผัสประสบการณ์ใหม่ ๆ วันนี้บัดดี้มีภาพสวย ๆ จากแหล่งท่องเที่ยวทั่วประเทศ เพื่อเป็นไอเดียวางแผนการเดินทางไปยังสถานที่ต่าง ๆ ออกไปเที่ยวธรรมชาติ สัมผัสความสดชื่นกันค่ะ 1. ชมนาขั้นบันไดป่าบงเปียง จังหวัดเชียงใหม่ 2. ชมไร่ชาบนดอยแม่สลอง จังหวัดเชียงราย 3. นอนฟังเสียงฝน ตื่นมาชมผาช้างน้อย จังหวัดพะเยา 4. ถ่ายรูปกับถนนลอยฟ้า จังหวัดน่าน 5. ล่องแก่งลำน้ำเข็ก ที่ จังหวัดพิษณุโลก 6. เที่ยวป่าเขาใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา 7. ชมทุ่งดอกกระเจียว จังหวัดชัยภูมิ 8. ค้นหาหินโลมา ที่ ถ้ำนาคา จังหวัดบึงกาฬ 9. ชมวิวภูป่าเปาะ จังหวัดเลย 10. เล่นน้ำตกแสงจันทร์ จังหวัดอุบลราชธานี 11. เดินป่าระยะทางสั้น ๆ ที่ เขาช่องลม จังหวัดนครนายก 12. ล่องแก่งหินเพิง จังหวัดปราจีนบุรี 13. แช่น้ำเย็น ที่ น้ำตกพลิ้ว จังหวัดจันทบุรี 14. สวนพฤกษศาสตร์ จังหวัดระยอง 15. เที่ยวใกล้กรุง ที่ บางกะเจ้า จังหวัดสมุทรปราการ  16. ชมวาฬบรูดา ได้ที่ 3 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสงคราม และจังหวัดเพชรบุรี 17. เที่ยวหมู่บ้านอีต่อง จังหวัดกาญจนบุรี 18. เช็กอินชมวิวสวย ที่ ดงตาลสามโคก จังหวัดปทุมธานี 19. ชมวิวอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี 20. พายซัพบอร์ด ที่ อ่างเก็บน้ำท่าเคย จังหวัดราชบุรี 21. แช่น้ำร้อน ผ่อนคลาย ที่ จังหวัดระนอง 22. สัมผัสวิถีชุมชนบ้านน้ำราบ จังหวัดตรัง 23. ชมวิวเสม็ดนางชี จังหวัดพังงา 24. หลีกหนีความวุ่นวาย ไปเขื่อนเชี่ยวหลาน จังหวัดสุราษฎร์ธานี 25. ล่องแก่งหนานมดแดง ที่ จังหวัดพัทลุง ข้อแนะนำเพิ่มเติม*ตรวจสอบสภาพอากาศก่อนเดินทาง*เตรียมเสื้อผ้า ร่ม รองเท้า ให้เหมาะสมกับการเที่ยวหน้าฝน*พกยาประจำตัว ยากันยุง*เลือกที่พักที่ปลอดภัย สะดวกสบาย*เที่ยวอย่างมีสติ ปฏิบัติตามกฎระเบียบ

เที่ยวหน้าฝน สัมผัสธรรมชาติ ให้ชื่นฉ่ำหัวใจ อ่านเพิ่มเติม

เส้นทาง ระนอง 3 วัน 2 คืน

วันนี้บัดดี้ขอแนะนำเส้นทางท่องเที่ยวจังหวัดระนองแบบ 3 วัน 2 คืน เที่ยวแบบครบรส ทั้งไหว้พระ ชมประวัติศาสตร์ กินอาหารถิ่น สัมผัสใกล้ชิดธรรมชาติ นอนแช่น้ำแร่ ดำน้ำดูปะการัง จิบกาแฟชิล ๆ ไปชมกันเลยว่าไปที่ไหนบ้าง Day 1 วัดบ้านหงาว ภูเขาหญ้า ร้านอาหารคุ้นลิ้น Day 2 พระราชวังรัตนรังสรรค์ ค่ายเจ้าเมืองระนอง บ้านร้อยปีเทียนสือ J&T Restaurant น้ำตกปุญญบาล จุดชมวิวเขาคอม้า อุทยานแห่งชาติลำน้ำกระบุรี ธาริน ฮอทสปริง ร้านตินคาเฟ่ Day 3 อุทยานแห่งชาติแหลมสน เกาะค้างคาว เกาะกำตก (อ่าวเขาควาย) เกาะญี่ปุ่น ร้านข้าวหอมระนอง

เส้นทาง ระนอง 3 วัน 2 คืน อ่านเพิ่มเติม

จุดชมวิวสะพานข้ามคลองละอุ่น (จุดชมวิว กม.30) ระนอง

จุดชมวิวสะพานข้ามคลองละอุ่น หรือที่หลายๆ คน เรียกอีกชื่อว่า “จุดชมวิว กม.30” เป็นจุดชมวิวบนสะพานคอนกรีตที่ผู้คนในพื้นที่ใช้สัญจรเพื่อข้ามคลองละอุ่นอยู่เป็นประจำ สะพานแห่งนี้ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองระนองประมาณ 30 กิโลเมตร จึงเป็นที่มาของชื่อจุดชมวิว กม.30 นั่นเอง และนอกจากจะได้ชมวิวคลองละอุ่นแล้ว บริเวณโดยรอบยังมีชุมชนเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ติดริมแม่น้ำจึงทำให้เราสามารถชื่นชมวิถีชีวิตที่เรียบง่ายได้อีกด้วย สำหรับใครที่ต้องการเดินทางมาชมวิวที่จุดชมวิว กม.30 แนะนำให้มาช่วงเช้าและเย็น เพราะอากาศไม่ร้อนถ่ายรูปออกมาแสงสวยมาก โดยเฉพาะตอนเย็นเราจะได้ชมพระอาทิตย์ที่กำลังลาลับขอบฟ้าด้วย และยิ่งถ้ามากับคนรู้ใจบอกเลยว่าบรรยากาศโรแมนติกมาก  ข้อควรระวัง ไม่แนะนำให้จอดรถหรือชะลอรถขณะอยู่บนสะพานเพื่อชมวิวทิวทัศน์ เพราะอาจเกิดอุบัติเหตุได้ แนะนำให้จอดรถบริเวณจุดจอดรถช่วงก่อนขึ้นสะพานและหลังจากลงสะพาน บริเวณนั้นจะเป็นชุมชนและมีที่จอดรถได้สะดวก จากนั้นค่อยเดินขึ้นมาชมวิวบนสะพาน ทางหลวงหมายเลข 4 (ถนนเพชรเกษม) ช่วงกิโลเมตรที่ 569 ตำบลบางแก้ว อำเภอละอุ่น จังหวัดระนอง https://maps.app.goo.gl/e8tUoLEPwVw6PPyQ8

จุดชมวิวสะพานข้ามคลองละอุ่น (จุดชมวิว กม.30) ระนอง อ่านเพิ่มเติม

อุทยานแห่งชาติลำน้ำกระบุรี ระนอง

One Day Trip “อุทยานแห่งชาติลำน้ำกระบุรี” จังหวัดระนอง อุทยานแห่งชาติลำน้ำกระบุรี มีอาณาเขตครอบคลุมตลอดแนวแม่น้ำกระบุรี ซึ่งเป็นพรมแดนธรรมชาติกั้นระหว่างไทยและเมียนมา รวมทั้งผืนป่าชายเลนและป่าดิบชื้น โดยมีพื้นที่อุทยานฯ ทั้งสิ้นประมาณ 160 ตารางกิโลเมตร แหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจในพื้นที่อุทยานฯ ได้แก่1. บ่อน้ำแร่ร้อนหาดยาย บ่อน้ำแร่ร้อนหาดยาย เป็นน้ำแร่ร้อนที่ผุดขึ้นมาจากผิวดินตามธรรมชาติ เกิดจากภายใต้ชั้นหินที่มีรอยแตกของเปลือกโลก เมื่อเจอพลังงานความร้อนและแรงดัน ทำให้ในชั้นหินมีน้ำซึมผ่านขึ้นมา อุณหภูมิน้ำที่ผุดขึ้นมาเฉลี่ยประมาณ 49 องศาเซลเซียส ที่นี่มีการสร้างบ่อสำหรับแช่ตัวและแช่เท้าแบบบ่อรวม เพื่อให้บริการนักท่องเที่ยวจำนวน 2 บ่อ นอกจากนี้ยังมีบ่อแช่ส่วนตัวอีก 4 ห้อง โดยมีการเดินท่อนำน้ำแร่จากแหล่งกำเนิดมาผสมกับน้ำอุณหภูมิปกติ ก่อนปล่อยน้ำเข้าสู่บ่อแช่ที่ให้บริการนักท่องเที่ยว ซึ่งจะมีอุณหภูมิน้ำเฉลี่ยอยู่ที่ 38-43 องศาเซลเซียล เป็นอุณหภูมิที่เหมาะกับการแช่ตัวและเท้าเพื่อบำบัดรักษาโรคและผ่อนคลาย อัตราค่าบริการบ่อน้ำแร่ร้อน ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ราคาเดียวกัน คือ  ที่ตั้ง : หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ กบ.1 อุทยานแห่งชาติลำน้ำกระบุรี หมู่ที่ 2 ตำบลบางพระเหนือ อำเภอละอุ่น จังหวัดระนองพิกัด : https://maps.app.goo.gl/ij9wr3j4Fx9FAMUE7 2. น้ำตกปุญญบาล ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองระนอง 14 กิโลเมตร สามารถมองเห็นน้ำตกได้จากถนนเพชรเกษม มีน้ำตลอดทั้งปี ต้นน้ำเกิดจากลำห้วยที่ไหลมาจากป่าสงวนแห่งชาติป่าละอุ่น ป่าราชกรูด เกิดเป็นน้ำตกที่สวยงาม น้ำตกปุญญาบาลมีทั้งหมด 3 ชั้น ได้แก่ ชั้นที่ 1 ปุญญบาล ชั้นที่ 2 โตนต้นเฟิร์น ชั้นที่ 3 โตนไม้ไผ่ ปลายทางน้ำตกไหลลงสู่คลองเสร็จตะกวด บริเวณโดยรอบน้ำตกเป็นป่าดิบชื้นที่มีความเขียวชอุ่มตลอดทั้งปี มีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติระยะทาง 300 เมตร เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เดินศึกษาแหล่งต้นน้ำและระบบนิเวศป่าดิบชื้น พื้นที่บริเวณด้านล่างของน้ำตกมีลานหินโล่ง เหมาะสำหรับนั่งพักผ่อนและถ่ายภาพ ด้านหน้าทางเข้าน้ำตกมีลานจอดรถ ร้านกาแฟ และห้องน้ำให้บริการ ปัจจุบันฝั่งตรงกันข้ามมีสะพานให้เดินทอดยาวมายังฝั่งน้ำตกได้ เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมถ่ายรูปเช็กอินกันอีกจุด ที่ตั้ง : ริมทางหลวงหมายเลข 4 (ถนนเพชรเกษม) ระหว่างกิโลเมตรที่ 597-598 ฝั่งขาเข้าตัวเมืองระนอง อำเภอเมืองระนอง จังหวัดระนองพิกัด : https://maps.app.goo.gl/QtRGX9NsGdn7J2a3A 3. เส้นทางศึกษาธรรมชาติป่าชายเลนลำน้ำกระบุรี เส้นทางศึกษาธรรมชาติป่าชายเลนลำน้ำกระบุรี ได้รับการพัฒนาปรับปรุงขึ้นเพื่อร่วมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก เพื่อให้เป็นที่ศึกษาเรียนรู้ธรรมชาติและพักผ่อนหย่อนใจ ลักษณะทางเดินเป็นสะพานไม้ยกระดับเหนือพื้นดิน มีระยะทาง 900 เมตร ตลอดเส้นทางจะมีป้ายสื่อความหมายบอกชื่อพันธุ์ไม้และสัตว์ต่าง ๆ ที่สามารถพบได้ในพื้นที่ เช่น ลิงแสม ปลาตีน ปูก้ามดาบ เป็นต้น ที่ตั้ง : ตรงข้ามกับที่ทำการอุทยานแห่งชาติลำน้ำกระบุรี ตำบลปากน้ำ อำเภอเมืองระนอง จังหวัดระนองพิกัด : https://maps.app.goo.gl/qByLwSmfFTJTQJ1m6 4. จุดชมวิวเขาคอม้า ตั้งอยู่ในพื้นที่บริเวณที่ทำการอุทยานแห่งชาติลำน้ำกระบุรี จากศูนย์บริการนักท่องเที่ยวให้ขับรถตรงขึ้นเขาไปประมาณ 1.5 กิโลเมตร ถึงจุดชมวิวเขาคอม้า บริเวณจุดชมวิวสามารถชมทัศนียภาพอันกว้างไกลของแม่น้ำกระบุรี ซึ่งเป็นพรมแดนธรรมชาติกั้นเขตแดนระหว่างไทยและเมียนมา รวมทั้งเกาะต่าง ๆ กลางแม่น้ำ เช่น เกาะขวาง เกาะยาว เกาะปลิง เกาะโชน เกาะเสียด และเกาะนกเปล้า ตลอดจนทิวทัศน์ของป่าชายเลนที่ได้ชื่อว่ามีความสมบูรณ์มากอีกแห่งของประเทศไทย ทั้งยังเป็นจุดที่สามารถชมพระอาทิตย์ตกลับขอบฟ้าที่สวยงามอีกแห่ง บริเวณนี้สามารถกางเต็นท์พักแรมได้ ที่ตั้ง : ที่ทำการอุทยานแห่งชาติลำน้ำกระบุรี ตำบลปากน้ำ อำเภอเมืองระนอง จังหวัดระนองพิกัด : https://maps.app.goo.gl/gcsDKiNL2QF6EicH9 อัตราค่าบริการเข้าอุทยานฯ บัตรค่าบริการเข้าอุทยานฯ สามารถเก็บไว้แสดงต่อเจ้าหน้าที่ เพื่อเข้าท่องเที่ยวตามจุดต่าง ๆ ในเขตอุทยานฯ เดียวกันได้ ภายใน 24 ชั่วโมง การเดินทาง : ห่างจากตัวเมืองระนองประมาณ 17 กิโลเมตร ใช้ทางหลวงหมายเลข 4 (ระนอง-ชุมพร) จนถึงหลักกิโลเมตรที่ 595 จะพบสี่แยกตำบลทรายแดง ให้เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงชนบท รน.4010 ตรงไป 2 กิโลเมตร จะพบที่ทำการอุทยานฯ ตั้งอยู่ริมถนนทางซ้ายมือ สอบถามข้อมูล โทร. 0 7798 9817

อุทยานแห่งชาติลำน้ำกระบุรี ระนอง อ่านเพิ่มเติม

🌊เส้นทางท่องเที่ยวระนองแบบ 3 วัน 2 คืน🌴

🏝️วันนี้บัดดี้ขอแนะนำเส้นทางท่องเที่ยวจังหวัดระนองแบบ 3 วัน 2 คืน เที่ยวแบบครบรส ทั้งไหว้พระ ชมประวัติศาสตร์ กินอาหารถิ่น สัมผัสใกล้ชิดธรรมชาติ นอนแช่น้ำแร่ ดำน้ำดูปะการัง จิบกาแฟชิล ๆ ไปชมกันเลยว่าไปที่ไหนบ้าง🏝️ Day 1 วัดบ้านหงาว ภูเขาหญ้า ร้านอาหารคุ้นลิ้นDay 2 พระราชวังรัตนรังสรรค์ ค่ายเจ้าเมืองระนอง บ้านร้อยปีเทียนสือ J&T Restaurant น้ำตกปุญญบาล จุดชมวิวเขาคอม้า อุทยานแห่งชาติลำน้ำกระบุรี ธาริน ฮอทสปริง ร้านตินคาเฟ่Day 3 อุทยานแห่งชาติแหลมสน เกาะค้างคาว เกาะกำตก (อ่าวเขาควาย) เกาะญี่ปุ่น ร้านข้าวหอมระนอง เซฟภาพเก็บไว้ได้ แล้ววางแผนเดินทางไปกัน #สุขทันทีที่เที่ยวระนอง

🌊เส้นทางท่องเที่ยวระนองแบบ 3 วัน 2 คืน🌴 อ่านเพิ่มเติม

✨จุดชมวิวสะพานข้ามคลองละอุ่น✨

จุดชมวิวสะพานข้ามคลองละอุ่น หรือที่หลายๆ คน เรียกอีกชื่อว่า “จุดชมวิว กม.30” เป็นจุดชมวิวบนสะพานคอนกรีตที่ผู้คนในพื้นที่ใช้สัญจรเพื่อข้ามคลองละอุ่นอยู่เป็นประจำ สะพานแห่งนี้ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองระนองประมาณ 30 กิโลเมตร จึงเป็นที่มาของชื่อจุดชมวิว กม.30 นั่นเอง และนอกจากจะได้ชมวิวคลองละอุ่นแล้ว บริเวณโดยรอบยังมีชุมชนเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ติดริมแม่น้ำจึงทำให้เราสามารถชื่นชมวิถีชีวิตที่เรียบง่ายได้อีกด้วย☀️ สำหรับใครที่ต้องการเดินทางมาชมวิวที่จุดชมวิว กม.30 แนะนำให้มาช่วงเช้าและเย็น เพราะอากาศไม่ร้อนถ่ายรูปออกมาแสงสวยมาก โดยเฉพาะตอนเย็นเราจะได้ชมพระอาทิตย์ที่กำลังลาลับขอบฟ้าด้วย และยิ่งถ้ามากับคนรู้ใจบอกเลยว่าบรรยากาศโรแมนติกมาก ข้อควรระวัง ไม่แนะนำให้จอดรถหรือชะลอรถขณะอยู่บนสะพานเพื่อชมวิวทิวทัศน์ เพราะอาจเกิดอุบัติเหตุได้ แนะนำให้จอดรถบริเวณจุดจอดรถช่วงก่อนขึ้นสะพานและหลังจากลงสะพาน บริเวณนั้นจะเป็นชุมชนและมีที่จอดรถได้สะดวก จากนั้นค่อยเดินขึ้นมาชมวิวบนสะพาน ทางหลวงหมายเลข 4 (ถนนเพชรเกษม) ช่วงกิโลเมตรที่ 569 ตำบลบางแก้ว อำเภอละอุ่น จังหวัดระนอง 🌐https://maps.app.goo.gl/e8tUoLEPwVw6PPyQ8

✨จุดชมวิวสะพานข้ามคลองละอุ่น✨ อ่านเพิ่มเติม

พลับพลึงธาร…ราชินีแห่งสายน้ำ ✨

พันธุ์ไม้เฉพาะถิ่นของโลกพบได้ที่ระนองและพังงาเท่านั้น “พลับพลึงธาร” เป็นพืชน้ำอยู่ในวงศ์พลับพลึง Amaryllidaceae ชื่อสามัญคือ Water Onion, Water lily, Thai Water Onion, Onion Plant, Yellowish leaves lily. และมีชื่อที่เรียกในแต่ละท้องถิ่นแตกต่างกัน เช่น ช้องนางคลี่ หอมน้ำ เป็นต้น เป็นพืชเฉพาะถิ่น (endemic species) ที่พบได้ในจังหวัดระนองและจังหวัดพังงาของประเทศไทยเท่านั้น โดยที่จังหวัดระนองพบมีการกระจายพันธุ์อยู่ในพื้นที่อำเภอกระบุรี อำเภอกะเปอร์ และอำเภอสุขสำราญ ส่วนจังหวัดพังงาพบที่อำเภอคุระบุรี อำเภอตะกั่วป่า และอำเภอท้ายเหมือง ฤดูกาลออกดอกของพลับพลึงธาร ตั้งแต่เดือนกันยายน – เดือนธันวาคม ของทุกปี ตามมาทำความรู้จักและชมความสวยงามของพลับพลึงธาร … ราชินีแห่งสายน้ำ ด้วยกันในรีวิวค่ะ พลับพลึงธารได้รับฉายาว่าเป็น “ราชินีแห่งสายน้ำ” เนื่องจากเป็นไม้น้ำที่มีดอกชูช่อสวยงาม มีสีขาวเนียนคล้ายดอกพลับพลึง แต่อยู่ในน้ำเป็นพันธุ์ไม้เฉพาะถิ่นของโลกพบได้ที่ระนองและพังงาเท่านั้น ได้ขึ้นเป็นบัญชีพืชที่ใกล้สูญพันธุ์ของโลก (IUCN Redlist) เมื่อปี พ.ศ. 2554 พลึบพลึงธารพบมีการขึ้นกระจายพันธุ์อยู่ในระบบนิเวศเฉพาะ คือ บริเวณลำธารที่มีน้ำสะอาดไหลตลอดเวลา มีพื้นท้องน้ำที่ไม่ลาดชันมาก และพบว่าไม่มีการกระจายพันธุ์บริเวณที่น้ำทะเลท่วมถึง ลักษณะลำต้นเป็นลำต้นใต้ดิน ความสูงเตี้ยของลำต้นขึ้นอยู่กับความตื้นลึกของน้ำ ใบมีสีเขียวอ่อน มีลักษณะแถบยาวปลายใบเรียวแหลมลอยพริ้วตามสายน้ำ ดอกเป็นประเภทดอกสมบูรณ์เพศที่มีเกสรตัวผู้และเกสรตัวเมียในดอกเดียวกัน ช่อดอกประกอบด้วยดอกย่อยประมาณ 7-9 ดอก กลีบดอกมีสีขาวลักษณะรูปหอก มีเกสรสีแดง อับเรณูสีเหลืองอ่อน ตามวัฏจักรของพลับพลึงธาร หลังจากงอกเป็นลำต้น จะใช้ระยะเวลาเติบโตราว 3 ปี จึงเริ่มออกดอก เมื่อดอกบานจะส่งกลิ่นหอมเย็นอบอวล การขยายพันธุ์ของพลับพลึงธาร ตามธรรมชาติพลับพลึงธารจะขยายพันธุ์ด้วยการใช้เมล็ดสีเขียวอ่อนที่อยู่ในผลซึ่งมีลักษณะคล้ายหัวหอมแดง (ตามภาพ) เมื่อผลแก่จะแตกออกมาเองและเมล็ดสีเขียวอ่อนภายในผลจะไหลไปตามลำคลอง ยึดเกาะตามพื้นดินใต้น้ำหรือกองหินใต้น้ำ จากนั้นงอกเป็นต้นพลับพลึงธารต่อไป พลับพลึงธารจะออกดอกทุกปี คือระหว่างเดือนกันยายน-เดือนธันวาคม ช่วงเวลาที่พบว่าดอกพลับพลึงธารบานพร้อมกันเต็มที่ คือ ราวต้นเดือนพฤศจิกายน จุดชมพลับพลึงธารจุดแรกที่จะพาไปชม คือ บ้านไร่ใน ตำบลนาคา อำเภอสุขสำราญ จังหวัดระนอง พิกัด : https://maps.app.goo.gl/J66S3ntAbegH9R9e9  การเดินทาง : จากตัวเมืองระนอง ใช้ทางหลวงหมายเลข 4 (ระนอง-พังงา) จนถึงสามแยกตำบลนาคา อำเภอสุขสำราญ (กิโลเมตรที่ 677 ของถนนเพชรเกษม) ให้เลี้ยวซ้ายและตรงไป 8 กิโลเมตร ถึงศูนย์อนุรักษ์พลับพลึงธาร บ้านไร่ใน แนะนำให้โทรไปสอบถามช่วงเวลาการบานของพลับพลึงธารและการเดินทางไปชม ได้ที่  โทร. 08 2808 7548 (คุณอัมรินทร์ ผู้ประสานงานศูนย์อนุรักษ์และเรียนรู้พลับพลึงธารบ้านไร่ใน) หรือการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานชุมพร (ดูแลพื้นที่จังหวัดชุมพรและระนอง) โทร. 0 7750 2775-6, 0 7750 1831 โดยที่ศูนย์อนุรักษ์พลับพลึงธาร บ้านไร่ใน จะมีมัคคุเทศก์ท้องถิ่นในชุมชนพาเที่ยวชมพลับพลึงธารที่ขึ้นกระจายอยู่ตามลำธารในหมู่บ้าน ที่บ้านไร่ในมีการเตรียมกิจกรรม “จิบกาแฟ แลพลับพลึงธาร” ไว้รองรับนักท่องเที่ยวที่เข้ามาชมพลับพลึงธารในหมู่บ้าน เนื่องจากบ้านไร่ในมีการปลูกกาแฟสายพันธุ์โรบัสต้าและพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์สินค้าท้องถิ่นของหมู่บ้าน จึงมีการต่อยอดโดยการเปิดเป็นร้านกาแฟวิสาหกิจชุมชนบ้านไร่ใน ให้นักท่องเที่ยวได้มาจิบกาแฟคั่วหอมอร่อยท่ามกลางบรรยากาศร่มรื่น และจากนั้นจะพาไปชมพลับพลึงธารตามจุดต่าง ๆ นอกจากนี้ที่บ้านไร่ใน ยังมีกิจกรรม “พายคายัก คลองนาคา” รองรับนักท่องเที่ยว เป็นการพายคายักระยะ 2 – 4 กิโลเมตร ภายในคลองนาคา ซึ่งเป็นสายน้ำที่ไหลผ่านในหมู่บ้าน บรรยากาศสองฝั่งของลำคลองแวดล้อมไปด้วยธรรมชาติ เป็นพื้นที่ป่าชุมชนสลับกับสวนปาล์มของชาวบ้าน สอบถามข้อมูลกิจกรรม “จิบกาแฟ แลพลับพลึงธาร” และกิจกรรม “พายคายัก คลองนาคา” ได้ที่  โทร. 08 2808 7548 (คุณอัมรินทร์ ผู้ประสานงานศูนย์อนุรักษ์และเรียนรู้พลับพลึงธารบ้านไร่ใน) จุดที่สองในการแนะนำ คือ คลองตาเลื่อน เลขที่ 117 หมู่ที่ 1 บ้านบางซอย ตำบลคุระ อำเภอคุระบุรี จังหวัดพังงา พิกัด : https://maps.app.goo.gl/QpiocV6ckxVNL2vp7  การเดินทาง : จากตัวเมืองพังงา ใช้ทางหลวงหมายเลข 4 ถนนเพชรเกษม (พังงา-ระนอง) จนถึงสามแยกอำเภอคุระบุรี ให้เลี้ยวขวาเข้าถนนสายรองข้างโรงเรียนคุระบุรี ตรงเข้าไปประมาณ 5.5 กิโลเมตร ถึงจุดชมพลับพลึงธารคลองตาเลื่อน คุณตาเลื่อน มีแสง อายุ 87 ปี (เมื่อปี พ.ศ. 2566) ได้รับฉายาว่าเป็น “องครักษ์ผู้พิทักษ์พลับพลึงธาร” สืบเนื่องจากในลำคลองเล็ก ๆ ช่วงที่ไหลผ่านพื้นที่บ้านและสวนของคุณตาเลื่อน มีต้นพลับพลึงธารขึ้นกระจายอยู่เป็นจำนวนมาก จากคำบอกเล่าอย่างภาคภูมิใจของคุณตาเลื่อน ทำให้ทราบว่าพลับพลึงธารที่ขึ้นอยู่ในลำคลองข้างบ้านมีให้เห็นมาตั้งแต่สมัยรุ่นพ่อแม่ของคุณตาแล้ว และคุณตาได้ดูแลอนุรักษ์พลับพลึงธารเหล่านี้ด้วยความรักและผูกพันเสมอมา เมื่อเดินทางไปถึงบ้านคุณตาเลื่อน จะพบคุณตานั่งรอคอยต้อนรับนักท่องเที่ยวอยู่บริเวณหน้าบ้านเป็นประจำ คุณตาจะพาเดินชมพลับพลึงธารในลำคลองเล็ก ๆ ข้างบ้าน พร้อมบอกเล่าความเป็นมาของพลับพลึงธารที่ตนดูแลด้วยสีหน้าที่มีความสุข การมาเที่ยวชมพลับพลึงธารคลองตาเลื่อน ไม่เสียค่าเข้าชม แต่จะมีกล่องรับบริจาคเพื่อสนับสนุนกิจกรรมอนุรักษ์พลับพลึงธารตั้งอยู่บริเวณส่วนรับแขกหน้าบ้าน ผู้สนใจสามารถร่วมบริจาคได้แทนค่าเข้าชม แนะนำให้โทรไปสอบถามช่วงเวลาการบานของพลับพลึงธารและการเดินทางไปชมได้ที่ บ้านคุณตาเลื่อน  โทร. 06 1180 8438 หรือการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานพังงา โทร. 0 7641 3400-2 ในวันที่ 14 พฤศจิกายน ของทุกปี ถูกกำหนดให้เป็น “วันอนุรักษ์พลับพลึงธาร” ซึ่งจะมีการจัดกิจกรรมขึ้น ณ คลองตาเลื่อน โดยกิจกรรมในงานประกอบด้วย การเปิดให้ชมดอกพลับพลึงธารที่กำลังชูช่อดอกบานสะพรั่งในลำคลอง ร่วมเรียนรู้การเพาะปลูกพลับพลึงธาร การหว่านเมล็ดปลูกพลับพลึงธาร การเสวนาเรื่องการร่วมอนุรักษ์พลับพลึงธาร ชมนิทรรศการจากองค์กรภาคีเครือข่าย การมอบรางวัลการประกวดวาดภาพดอกพลับพลึงธาร การวาดภาพระบายสีบนกระเป๋าผ้า ร่วมชิมอาหารพื้นเมือง สินค้าโอทอป และดนตรีโฟล์คซอง  ข้อแนะนำที่ควรให้ความสำคัญในการเที่ยวชมดอกพลับพลึงธาร ได้แก่– ไม่ควรเดินเหยียบย่ำทุกส่วนของต้นพลับพลึงธาร– ไม่ควรเด็ดหรือสัมผัสดอกพลับพลึงธารแรง ๆ– ไม่ควรทิ้งขยะหรือทำความสกปรกให้กับลำคลองที่มีต้นพลับพลึงธารขึ้นอยู่– ควรเคารพกฎ กติกาที่ชาวบ้านในพื้นที่ได้กำหนดไว้ ในการท่องเที่ยวและชมพลับพลึงธาร

พลับพลึงธาร…ราชินีแห่งสายน้ำ ✨ อ่านเพิ่มเติม

ปฏิทินท่องเที่ยวเดือนกุมภาพันธ์ 🗓️

💕 เดือนกุมภาพันธ์ อบอวลด้วยความรักและเทศกาลพิเศษที่หลาย ๆ คนมีแผนจะเดินทางท่องเที่ยวเพื่อมอบความพิเศษให้กับคนรัก ไม่ว่าจะเป็นคนรู้ใจ ครอบครัว และเพื่อน ๆ ในเดือนกุมภาพันธ์นี้มีสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งที่เหมาะจะเดินทางอย่างมาก เนื่องจากสภาพอากาศยังมีช่วงที่อากาศเย็นสบาย ทะเลภาคใต้ฝั่งอันดามันปลอดมรสุม และที่สำคัญยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีระยะเวลาจำกัดอีกด้วย  Bangkok Design Week 2023 กรุงเทพฯ เตรียมตัวให้พร้อม เพราะเทศกาลงานออกแบบกรุงเทพฯ หรือ Bangkok Design Week (BKKDW) เทศกาลงานออกแบบที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังจะเริ่มขึ้นอีกครั้ง ซึ่งปีนี้ ก็มีคอนเซ็ปต์ที่น่าสนใจไม่น้อย ในธีม “urban‘NICE’zation เมือง – มิตร – ดี” ที่จะสร้างสรรค์กรุงเทพฯ ในแต่ละย่านให้กลายเป็นเมืองที่น่ารัก เป็นมิตร ด้วยศิลปะและงานกิจกรรมต่าง ๆ ให้แก่ผู้ที่สนใจได้เข้าไปสัมผัสได้อย่างเต็มที่ BKKDW จะจัดขึ้นในวันที่ 4-12 กุมภาพันธ์ 2566 ในย่านหลัก ๆ ได้แก่ โซนพระนคร ปากคลองตลาด เจริญกรุง-ตลาดน้อย เยาวราช สามย่าน-สยามอารีย์-ประดิพัทธ์ วงเวียนใหญ่-ตลาดพลู คลองสาน บางโพ พร้อมพงษ์ และ ม.เกษตรฯ เพื่อน ๆ ที่สนใจเข้าร่วมงาน หรืออยากจะดูว่ามีกิจกรรมที่ไหนบ้าง สามารถเข้ามาดูรายละเอียดได้ที่ https://www.bangkokdesignweek.com/bkkdw2023/program  เบญจมาศบานในม่านหมอก ประจำปี 2566 จ.นครราชสีมา ชวนคนรักไปสูดอากาศบริสุทธิ์กลางทุ่งดอกไม้ใน งานเทศกาลเบญจมาศบานในม่านหมอก 2566  เนรมิตพื้นที่กว้างขวางและบรรยากาศขุนเขาให้กลายเป็นทุ่งดอกเบญจมาศหลากสีหลายสายพันธุ์ และยังมีกิจกรรมการออกร้าน จำหน่ายสินค้า OTOP จำหน่ายผักปลอดสาร และชมนิทรรศการของส่วนต่าง ๆ ในปีนี้ เพื่อน ๆ สามารถชมได้ตั้งแต่ วันที่ 5-25 กุมภาพันธ์ 2566  อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี จ.กระบี่ ถ้าถามว่า ทะเลกระบี่สวยที่สุดช่วงไหน ก็คงตอบได้เลยว่าช่วงต้นปีนี่แหละเป็นช่วงที่อากาศดีสุด ๆ ท้องฟ้าปลอดโปร่ง อากาศเย็นสบาย และมักจะได้รับผลกระทบจากมรสุมน้อยที่สุดเลยก็ว่าได้ หากใครที่มากระบี่ อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี  ก็เป็นจุดหมายทางที่น่าสนใจไม่น้อยเลย ภายในอุทยานฯ มีชายหาดสวยงาม หมู่เกาะน้อยใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น เกาะไม้ไผ่ เกาะพีพีเล เกาะพีพีดอนถ้ำไวกิ้ง อ่าวต่าง ๆ เช่น อ่าวโล๊ะซามะ อ่าวมาหยาอ่าวปิเละ เป็นต้น และยังมีกิจกรรมทางทะเล ได้แก่ ล่องเรือชมเกาะต่าง ๆ ดำน้ำชมโลกใต้ทะเล ปีนผาชมวิวมุมสูงที่อ่าวไร่เลย์ ชมทะเลแหวกอัตราค่าบริการท่องเที่ยว ขึ้นอยู่กับโปรแกรมของแต่ละบริษัท หรือแล้วแต่ตกลงกับทางผู้นำเที่ยวว่าต้องการจะไปที่ไหนบ้าง และหากใครที่อยากนอนพักบนเกาะ สามารถไปพักได้ที่เกาะพีพีดอน ซึ่งมีที่พักเปิดให้บริการหลายแห่ง  79 หมู่ 5 ตำบลอ่าวนาง อำเภอเมืองกระบี่ จังหวัดกระบี่ 0 7566 1145 Facebook อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพีhttps://goo.gl/maps/3s19gU2bBwJ81s6E8  เกาะพยาม จ.ระนอง  เกาะพยาม  เป็นเกาะที่มีชื่อเสียงและมีความงดงามทางธรรมชาติอย่างมากแห่งหนึ่ง ซึ่งในช่วงนี้ก็เหมาะอย่างมากที่จะเดินทางไปเที่ยว บนเกาะมีอ่าวอยู่หลายแห่ง มีหาดทรายขาวละเอียดและน้ำทะเลใสสะอาด ซึ่งแต่ละอ่าวตั้งอยู่ไม่ไกลกันมากนัก ใช้เวลาประมาณ 10 นาทีก็ถึง บนเกาะ มีกิจกรรมให้เพื่อน ๆ ได้สนุกสนานเพลิดเพลินหลายอย่าง เช่น ชมพระอาทิตย์ตกบน “อ่าวใหญ่” ชมพระอาทิตย์ขึ้นบน “อ่าวแม่หม้าย” พายเรือคายักชม “ป่าโกงกาง” กลางเกาะ สัมผัสวิถีชีวิตของคนใน “หมู่บ้านมอแกน” เป็นต้น  การเดินทางมายังเกาะพยาม ต้องนั่งเรือจากท่าเรือเทศบาลตำบลปากน้ำ ซึ่งอยู่ห่างจากอำเภอเมืองระนองประมาณ 15 นาที เรือมี 2 แบบ ได้แก่ เรือธรรมดาและเรือสปีดโบต มีหลายบริษัทและผู้ให้บริการหลายเจ้า ราคาประมาณ 250-400 บาท  ตำบลเกาะพยาม อำเภอเมืองระนอง จังหวัดระนองโทร. 09 3582 4507 (อบต.เกาะพยาม)​https://goo.gl/maps/eqFYfNNiNaS2  อุทยานแห่งชาติดอยภูคา จ.น่าน ทางภาคเหนือ ก็มีสถานที่ท่องเที่ยวไฮไลต์อย่าง อุทยานแห่งชาติดอยภูคา  ที่หากใครมีโอกาส อยากจะลองไปชมสักครั้ง ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์นี้เหมาะมาก ๆ มีจุดที่น่าสนใจหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็น จุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นและตกบนจุดชมทิวทัศน์ 1715 ชมวิวสันเขาและหมอกหนาบนยอดดอยภูแว นอนดูดาว กางเต็นท์พักแรม นอกจากบรรยากาศจะดีมากแล้ว ยังจะได้ชมพืชพรรณต่าง ๆ ของอุทยานฯ อย่างเช่น ก่วมแดง ที่มีในลักษณะคล้ายเมเปิ้ล ชมดอกนางพญาเสือโคร่ง ที่กำลังบานเต็มที่ เตรียมต้อนรับฤดูที่เบ่งบานของดอกชมพูภูคา พันธุ์ไม้หิมาลัยที่ปัจจุบันในไทยพบเพียงที่ดอยภูคาเพียงแห่งเดียวเท่านั้น ในปี พ.ศ. 2566 นี้ ดอกชมพูภูคาจะบานช้ากว่าปกติเล็กน้อย ใครที่วางแผนจะไปชมดอกชมพูภูคา สามารถติดตาม อัปเดตทางหน้าเพจอุทยานฯ ได้โดยตรง สิ่งอำนวยความสะดวกภายในอุทยานฯ ร้านค้าสวัสดิการ เปิดทุกวัน เวลา 07.30-18.30 น. บ้านพักและลานกางเต็นท์ จองได้ที่เว็บไซต์ของอุทยานฯ  ตำบลภูคา อำเภอปัว จังหวัดน่าน อัตราค่าบริการชาวไทย ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท 08 2194 1349 Facebook อุทยานแห่งชาติดอยภูคา – Doi Phu Kha National Parkhttps://goo.gl/maps/aUL4NDdrfu9K3PqS7

ปฏิทินท่องเที่ยวเดือนกุมภาพันธ์ 🗓️ อ่านเพิ่มเติม

💧พักเท้าแช่น้ำร้อน ที่ บ่อน้ำร้อนรักษะวาริน จ. ระนอง💧

สิ้นปีนี้ใครกำลังหาสถานที่พักผ่อนร่างกาย พักผ่อนจิตใจ แอดอยากชวนลงใต้ ไปแวะพักเท้าแช่น้ำร้อน ที่ #บ่อน้ำร้อนรักษะวาริน จ. ระนอง กันค่ะ เพราะที่นี่ถือว่าเป็นบ่อน้ำร้อนที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ มีอุณหภูมิประมาณ 65 องศาเซลเซียส ได้รับการวิเคราะห์จากกรมวิทยาศาสตร์ว่าบ่อน้ำพุร้อนแห่งนี้ ประกอบไปด้วยแร่ธาตุที่สำคัญ และเป็นแหล่งเดียวในประเทศไทยที่ไม่มีสารกำมะถันเจือปน ทำให้เป็นบ่อน้ำร้อนที่มีความบริสุทธิ์มาก ๆ นั่นเองค่ะ มาถึง #ระนอง เมืองแห่งบ่อน้ำร้อน แอดบอกเลยว่าไม่ควรพลาด มาพักผ่อนทั้งทีลองเปลี่ยนมู้ดการท่องเที่ยวมา #ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ กันสักทีแล้วจะติดใจค่ะ บ่อน้ำร้อนรักษะวารินนี้ เป็นบ่อน้ำพุร้อนที่สำคัญที่สุดของระนอง เนื่องจากอยู่ใกล้แหล่งชุมชน และยังเป็นสถานที่ที่ได้รับการพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว เป็นสถานที่ดี ๆ ให้เราได้ช่วยกันอุดหนุนชาวบ้าน กระจายรายได้สู่ชุมชนด้วยค่ะ การแช่น้ำร้อนนอกจากจะช่วยผ่อนคลายแล้ว ยังช่วยให้เลือดลมไหลเวียนได้ดีขึ้น หรือใครที่มีอาการปวดเมื่อยอยู่ ก็จะคลายปวดได้นะคะ หากใครไม่อยากแช่น้ำร้อน ใกล้ ๆ กันก็ยังมีสวนสาธารณะรักษะวาริน บรรยากาศร่มรื่น เหมาะกับการมานั่งพักผ่อนในวันสบาย ๆ ได้เหมือนกันค่ะ บ่อน้ำร้อนธรรมชาติ ที่ บ่อน้ำร้อนรักษะวาริน ได้รับการรับรองจาก กรมวิทยาศาสตร์แล้วว่า ประกอบไปด้วยแร่ธาตุที่สำคัญ และไม่มีสาร กำมะถันเจือปน มีอุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ 65 องศาเซลเซียส ทำให้น้ำแร่ร้อนที่นี่มีประโยชน์ในการบำบัดรักษาสุขภาพ  บ่อน้ำร้อนรักษะวาริน จ. ระนอง : https://goo.gl/maps/8xv7zozxxJbKfeV78 บรรยากาศรอบข้างของบ่อน้ำร้อนรักษะวาริน มีความร่มรื่น แล้วยังติดลำธารเล็ก ๆ เหมาะกับการมาพักผ่อนสุด ๆ  บ่อน้ำร้อนรักษะวาริน จ. ระนอง : https://goo.gl/maps/8xv7zozxxJbKfeV78 บ่อน้ำร้อนรักษะวาริน ตั้งอยู่ที่ตำบลบางริ้น ห่างจากศาลหลักเมืองระนองไปประมาณ 2.5 กิโลเมตร โดยจากเส้นทางหลวงหมายเลข 4 ให้เลี้ยวเข้ามาตามทางหลวงหมายเลข 4005 อีกประมาณ 700 เมตร บ่อน้ำร้อนจะอยู่ทางด้านขวามือ  บ่อน้ำร้อนรักษะวาริน จ. ระนอง : https://goo.gl/maps/8xv7zozxxJbKfeV78  บ่อน้ำร้อนรักษะวาริน จ. ระนอง : https://goo.gl/maps/8xv7zozxxJbKfeV78 สวนสาธารณะรักษะวาริน ที่อยู่บริเวณใกล้เคียงกับบ่อน้ำร้อน มีบรรยากาศร่มรื่น เหมาะกับการนั่งพักผ่อน ชมวิวธรรมชาติสีเขียว  บ่อน้ำร้อนรักษะวาริน จ. ระนอง : https://goo.gl/maps/8xv7zozxxJbKfeV78 ส่วนใครอยากจะเดินเล่นรอบ ๆ บริเวณริมลำธาร มีสะพานแขวนให้เดินข้าม เชื่อว่าเป็นอีกหนึ่งจุดถ่ายรูปที่สวยงามไม่แพ้กันค่ะ  บ่อน้ำร้อนรักษะวาริน จ. ระนอง : https://goo.gl/maps/8xv7zozxxJbKfeV78 ที่สวนสาธารณะรักษะวาริน มีศาลาโยคะร้อนด้วยค่ะ บอกเลยว่าเป็นสถานที่ที่เหมาะกับการพักผ่อนที่แท้จริง เป็นการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ แบบครบทั้งภายในภายนอกเลยค่ะ  บ่อน้ำร้อนรักษะวาริน จ. ระนอง : https://goo.gl/maps/8xv7zozxxJbKfeV78

💧พักเท้าแช่น้ำร้อน ที่ บ่อน้ำร้อนรักษะวาริน จ. ระนอง💧 อ่านเพิ่มเติม

✨รวมอุทยานแห่งชาติทางทะเลฝั่งอันดามัน 16 แห่ง ✨

ทะเลไทยขึ้นชื่อว่าสวยงามไม่แพ้ใคร วันนี้แอดจะมาแนะนำ อุทยานแห่งชาติทางทะเลฝั่งอันดามัน 16 แห่ง ให้เพื่อน ๆ ได้รู้จัก หากใครมีโอกาสได้ไปรับรองประทับใจแน่นอน ลองตามแอดมาดูกันว่ามีที่ไหนบ้าง 👉 สำหรับนักท่องเที่ยวที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดข้อมูลก่อนการเดินทางได้ที่ สำนักอุทยานแห่งชาติ โทรศัพท์ 0 2579 5269 จังหวัดพังงา 1. อุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา มีพื้นที่ครอบคลุมอำเภอเมืองพังงา อำเภอตะกั่วทุ่งและอำเภอเกาะยาว อุทยานฯ แห่งนี้ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางภาคใต้ทางฝั่งทะเลอันดามันที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ มีชายหาดและเกาะสวยที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวทั่วโลกอยู่หลายแห่ง ที่สำคัญที่นี่ยังมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์จากการค้นพบหลักฐานหลายอย่างที่แสดงว่า เคยมีกลุ่มชนอาศัยอยู่บริเวณนี้ตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ เช่น ภาพเขียนสี เศษภาชนะดินเผา ขวานหิน ฯลฯ 2. อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ เป็นหมู่เกาะในทะเลอันดามันห่างจากฝั่งไปทางทิศตะวันตกประมาณ 70 กิโลเมตร อยู่ติดกับเขตชายแดนไทย-พม่า ประกอบด้วยเกาะสำคัญ 5 เกาะ คือ เกาะสุรินทร์เหนือ เกาะสุรินทร์ใต้ เกาะไข่ (เกาะตอรินลา) เกาะกลาง (เกาะปาจุมบา) และเกาะรี (เกาะสต๊อก) ด้วยความอุดมสมบูรณ์ของแนวปะการังน้ำตื้นของเกาะสุรินทร์เหนือและเกาะสุรินทร์ใต้ ที่นี่จึงถือเป็นแหล่งดำน้ำระดับแถวหน้าของเมืองไทย มีความหลากหลายทางชีวภาพสูงมาก จนได้รับยกย่องว่าเป็นแหล่งกำเนิดของแนวปะการังน้ำตื้นขนาดใหญ่และสมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย ส่วนอีกสามเกาะเป็นเกาะหินที่มีต้นไม้แคระแกร็นขึ้นอยู่ พืชพรรณที่พบเป็นพืชป่าดิบชื้น 3. อุทยานแห่งชาติเขาลำปี-หาดท้ายเหมือง อุทยานแห่งนี้ แยกออกเป็น 2 ส่วน คือ เทือกเขาลำปี มีลักษณะเป็นภูเขาหลายลูกเรียงเป็นแนวยาว ส่วนใหญ่เป็นหินอัคนีที่อายุราว ๆ 60–140 ล้านปี มีป่าดงดิบปกคลุม และอีกส่วนคือ ชายหาดท้ายเหมือง ที่มีลักษณะเป็นหาดทรายขาวสะอาดกว้างและยาว มีความเงียบสงบ เป็น่จุดวางไข่ของเต่าทะเลและที่อยู่อาศัยของนกจำนวนมาก 4.อุทยานแห่งชาติเขาหลัก-ลำรู่ ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของทะเลอันดามัน ครอบคลุมพื้นที่ 4 อำเภอของจังหวัดพังงา ได้แก่ อำเภอตะกั่วป่า อำเภอกะปง อำเภอท้ายเหมือง และ อำเภอเมือง ลักษณะเป็นเทือกเขาสลับซับซ้อน เป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำที่สำคัญในจังหวัดพังงา ได้แก่ แม่น้ำพังงาและแม่น้ำตะกั่วป่า ภายในมีชายหาดที่ซ่อนตัวอยู่ในเขา 2 แห่ง คือชายหาดเขาหลัก เป็นหาดหินสวยงาม มีต้นสนตลอดแนวริมหาด ส่วนอีกหาดคือ หาดเล็ก แต่อาจจะไม่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวมากนัก เหมาะการเล่นน้ำทะเลหรือพักผ่อนริมชายหาด มีบรรยากาศเงียบสงบเหมือนเป็นชายหาดส่วนตัว 5.อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน สิมิลัน มาจากภาษายาวี แปลว่า “เก้า” ซึ่งมาจากจำนวนของเกาะน้อยใหญ่ทั้งหมดที่รวมกันเป็นหมู่เกาะสิมิลัน อีกหนึ่งสวรรค์ของนักดำน้ำในไทยนั่นเองอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลันประกอบไปด้วย 9 เกาะ เรียงกันจากเหนือลงมาใต้ ดังนี้-เกาะหูยง-เกาะปายัง-เกาะปาหยัน-เกาะเมี่ยง เป็นสองเกาะติดกัน เป็นที่ตั้งของหน่วยพิทักษ์อุทยานฯ มีปูไก่และนกชาปีไหน สัตว์ที่หาชมได้ยาก-เกาะปายู-เกาะหัวกะโหลก เป็นเกาะที่มีลักษณะคล้ายหัวกะโหลก มีปะกะรัง ปลากระเบนราหูและหุบเขาใต้น้ำ-เกาะสิมิลัน มีขนาดใหญ่สุด เป็นแหล่งดำน้ำ ชมปะการังและสัตว์ทะเล มีจุดชมวิวหินเรือใบ-เกาะบางู จุดดำน้ำชมกองหินใต้น้ำ กองหินคริสต์มาสพอยต์ ต่อมาได้มีการรวมเอาเกาะตาชัยมาอยู่ในหมู่เกาะสิมิลันด้วย * พื้นที่บริเวณโดยรอบของเกาะหูยง เกาะปายัง และเกาะปาหยัน ได้ถูกสงวนให้เป็นพื้นที่วางไข่ของเต่าทะเล ห้ามนักท่องเที่ยวขึ้นเกาะโดยเด็ดขาด จังหวัดสตูล 6. อุทยานแห่งชาติตะรุเตา “ตะรุเตา” เป็นคำที่เพี้ยนมาจากภาษามลายูคำว่า “ตะโละเตรา” แปลว่า มีอ่าวมาก เป็นอุทยานแห่งชาติที่อยู่ในทะเลอันดามันบริเวณช่องแคบมะละกา มหาสมุทรอินเดีย ทางด้านใต้ของเขตอุทยานแห่งชาติห่างจากชายแดนไทย-มาเลเซีย เพียง 4.8 กิโลเมตร เป็นอุทยานแห่งชาติทางทะเลแห่งแรกของเมืองไทย อุทยานแห่งชาติตะรุเตา ประกอบด้วยเกาะใหญ่น้อยถึง 51 เกาะ โดยมีเกาะที่มีขนาดใหญ่ 7 เกาะ คือ เกาะตะรุเตา เกาะอาดัง เกาะราวี เกาะหลีเป๊ะ เกาะกลาง เกาะบาตวง และเกาะบิสสี โดยจัดแบ่งออกเป็นหมู่เกาะใหญ่ๆ ได้ 2 หมู่เกาะ คือ หมู่เกาะตะรุเตาและหมู่เกาะอาดัง-ราวี  7. อุทยานแห่งชาติทะเลบัน ตั้งอยู่ที่ตำบลวังประจัน อำเภอควนโดน จังหวัดสตูล ติดกับชายแดนของประเทศมาเลเซีย เป็นบึงน้ำจืดขนาดใหญ่ ตั้งอยู่กลางหุบเขาจีนและเขามดแดง เกิดขึ้นจากการยุบตัวของพื้นดิน โดยน้ำในบึงมาจากต้นน้ำที่ออกมาจากผนังภูเขา บริเวณรอบ ๆ ของอุทยาน มีป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์ มีภูเขา น้ำตก ถ้ำ เป็นแหล่งที่อยู่ของสัตว์หายากอย่าง เขียดว้าก (หมาน้ำ) สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำรูปร่างคล้ายกบที่ส่งเสียงร้องคล้ายลูกสุนัข และยังเป็นที่อยู่อาศัยของชนพื้นเมืองเผ่าซาไกหรือเงาะป่าอีกด้วย โดยคำว่า ทะเลบัน เพี้ยนมาจาก ภาษามลายูว่า เลิดเรอบัน ที่มีความหมายว่า แผ่นดินยุบ นั่นเอง 8. อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา ประกอบด้วยเกาะ 22 เกาะ วางตัวในแนวเหนือ-ใต้ รูปร่างแปลกตา มีลักษณะเป็นเกาะหินปูนที่มีความลาดชันมีโพรง ถํ้า หลุมยุบ หน้าผาสูงชัน จากการกัดเซาะของน้ำและลม ที่ราบบนเกาะส่วนมากเป็นหาดทรายแคบ ๆ สั้น ๆ อยู่ตามหัวแหลมของเกาะและอ่าว จังหวัดภูเก็ต 9. อุทยานแห่งชาติเขาสิรินาถเดิมชื่อ อุทยานแห่งชาติหาดในยาง ตั้งอยู่บริเวณชายฝั่งด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือของจังหวัดภูเก็ต ภายในบริเวณอุทยานมีป่าสนทะเล หาดทราย แนวปะการัง ที่วางไข่ของเต่าทะเล จักจั่นทะเลและเป็นที่อยู่อาศัยหอยทะเลที่หายากหลายชนิด จังหวัดตรัง 10. อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหมครอบคลุมพื้นที่ 2 อำเภอ คือ อำเภอกันตังและอำเภอสิเกา ภายในประกอบด้วยชายหาดและเกาะ 7 แห่ง โดยแบ่งพื้นที่ออกเป็น 2 ส่วน ดังนี้– ส่วนชายหาด ได้แก่ หาดปากเมง หาดฉางหลาง หาดยาว หาดหยงหลิง หาดสั้น หาดเจ้าไหม ถ้ำเจ้าไหม– ส่วนเกาะ ได้แก่ เกาะมุก เกาะกระดาน เกาะเชือก เกาะปลิง

✨รวมอุทยานแห่งชาติทางทะเลฝั่งอันดามัน 16 แห่ง ✨ อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top