อุตรดิตถ์

อุตรดิตถ์

🌳ทุเรียนหลงลับแล 🌳

หลงลับแล ชื่อของทุเรียนสายพันธุ์นี้อาจจะแปลกหูสำหรับคนที่ไม่ใช่สาวกทุเรียนตัวจริง 😁 แต่หากใครที่ชื่นชอบการกินทุเรียนเป็นชีวิตจิตใจแล้ว บัดดี้เชื่อว่า หลงลับแล ต้องเป็นทุเรียนที่ติดอันดับต้น ๆ ในใจของใครหลายคน 🫶 👉 หลงลับแล เป็นทุเรียนสายพันธุ์พื้นเมืองของอำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ ผลเป็นทรงกลม ขนาดไม่ใหญ่มากนัก ประมาณ 1-2 กิโลกรัมต่อลูก เปลืองบาง ส่วนเนื้อมีสีเหลืองนวล เนียนละเอียด ไม่มีเส้นใย รสชาติหวานมันนุ่มละมุนลิ้น กลิ่นหอมอ่อน ๆ รับประทานแล้วเหมือนจะละลายหายไปในปากเลยทีเดียว ทุเรียนพันธุ์นี้เจริญเติบโตได้ดีบนภูเขา ทำให้มีต้นทุนในการดูแลและเก็บเกี่ยว จึงมีราคาสูงกว่าทุเรียนพันธุ์อื่น ๆ มีให้รับประทานเฉพาะช่วงเดือนพฤษภาคม-เดือนสิงหาคมเท่านั้น แต่ถึงแม้จะมีราคาสูง บัดดี้ก็อยากให้เพื่อน ๆ ได้ลิ้มลองรสของหลงลับแลสักครั้ง รับรองว่าอร่อยจนครั้งเดียวไม่พออย่างแน่นอน 😍

🌳ทุเรียนหลงลับแล 🌳 อ่านเพิ่มเติม

✨ วัดดอนสัก อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ ✨

สวัสดีเพื่อน ๆ ทุกคน วันนี้มีวัดสวยลึกลับกลางเมืองลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ มาแนะนำให้ชมกัน นั่นก็คือวัดดอนสัก นั่นเอง ชื่อของวัดมาจากการสร้างวิหารด้วยไม้สักเพียงต้นเดียว มีเรื่องเล่ากันว่าวัดนี้รอดพ้นจากการถูกพม่าเผาทำลายเพราะมีเสาหงส์ จึงเว้นไว้ไม่เผา แต่ใช้ดาบฟันบานประตูวิหารเพื่อเป็นเครื่องหมายว่าได้ทำการทำลายลงแล้ว มีร่องรอยให้เห็นจนถึงทุกวันนี้ วิหารของวัดมีบานประตูเป็นคู่บานประตูไม้จำหลักโบราณ มีลวดลายสวยงาม สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยอยุธยาตอนปลาย ตัวเสาประตูเป็นลายกนกใบเทศสลับลายกนกก้ามปู บานประตูเป็นไม้แกะสลักทั้งบาน รูปลายกนกก้านขด มีรูปสัตว์หิมพานต์แทรกอยู่ในลวดลายกนกต่าง ๆ มีความอ่อนช้อยสวยงาม โดยบานซ้ายและขวานั้นไม่เหมือนกัน แต่เมื่อปิดบานแล้วลวดลายมีความลงตัวเข้ากันได้สนิท และเป็นบานประตูมีความสวยงามมากที่สุด 1 ใน 3 คู่ของจังหวัดอุตรดิตถ์ หากเพื่อนคนไหนมาเที่ยวเมืองลับแล แล้วไม่ได้มาเยี่ยมชมที่วัดนี้ถือว่าพลาดมาก

✨ วัดดอนสัก อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ ✨ อ่านเพิ่มเติม

ปลายฝนต้นหนาว ดอกไม้ผลิบาน 🌸🍃

การไปเที่ยวช่วงหน้าฝน นอกจากเราจะได้สัมผัสความสดชื่นชุ่มฉ่ำ ได้เห็นวิวสวย ๆ หมอกเยอะ ๆ แล้ว ก็ยังเป็นช่วงที่ดอกไม้สวยไม่แพ้หน้าหนาวเลย โดยเฉพาะดอกไม้ที่ออกดอกหน้าฝน แต่ละต้นแข่งกันสวยไม่มีแผ่ว วันนี้แอดจะพาไปชมดอกไม้บานยามหน้าฝนกันเพลิน ๆ ค่ะ มีที่ไหนบ้าง ไปดูกัน🌿 🌷 ไม่ว่าเพื่อน ๆ จะเดินทางไปเที่ยวสวนดอกไม้ที่ไหน ก็ต้องปฏิบัติตามป้ายคำแนะนำของสถานที่อย่างเคร่งครัด ไม่ทำลายหรือเด็ดดอกไม้กันน้า 😊 ดอกลิ้นมังกร น้ำตกหมันแดง อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า จังหวัดพิษณุโลก ดอกลิ้นมังกร หรือสังหิน หรือปัดแดง หรือว่านยานกเว้ เป็นกล้วยไม้ดินที่มีหลากหลายสี ทั้งสีส้ม สีแดง และสีชมพู ฤดูฝนจะเป็นช่วงเดียวของปีที่เราจะได้พบลิ้นมังกรบานสะพรั่งในป่าดิบตามโขดหินใกล้ ๆ น้ำตกหมันแดง การไปชมดอกลิ้นมังกร จะต้องเดินเท้าเข้าไปยังน้ำตกหมันแดงชั้นที่ 5 ระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร และต้องติดต่อเจ้าหน้าที่นำทางไปด้วยนะคะ ช่วงฤดูออกดอก : ปลายเดือนกรกฎาคม – กลางเดือนสิงหาคม สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า อ.นครไทย จ.พิษณุโลกโทร.0 5535 6607, 08 1596 5977ททท.สำนักงานพิษณุโลกโทร.0 5525 2742-3 ดอกหงอนนาค จังหวัดอุตรดิตถ์ ที่สุดของความสวยงามบนลานสนภูสอยดาว จังหวัดอุตรดิตถ์ เพื่อน ๆ ห้ามพลาดกันเลยนะ เพราะดอกหงอนนาคจะบานในหน้าฝนเท่านั้นดอกหงอนนาคเป็นพืชล้มลุก มีดอกเล็ก ๆ สีม่วงอ่อน แอดขอเรียกว่าเป็นสีม่วงพาสเทลแล้วกัน น่ารักมินิมอลมากค่ะ ใครมีแพลนพิชิตยอดภูสอยดาว เก็บภาพความประทับใจกับดอกหงอนนาค อย่าลืมเตรียมร่างกายให้พร้อม เพราะกว่าเราจะขึ้นไปถึงก็ต้องใช้พลังกายเยอะสักหน่อย ควรติดต่อกับทางอุทยานฯ เรื่องเจ้าหน้าที่นำทางและลูกหาบล่วงหน้ากันไว้ด้วยค่ะ ช่วงฤดูออกดอก : เดือนสิงหาคม – กันยายน (ดอกหงอนนาคจะบานในช่วงสาย ประมาณ 9 โมงไปจนถึงเที่ยงวัน) สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโทร. 095 629 9528, 095 024 7633, 091 024 7633 ดอกเปราะภูขาว อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า จังหวัดพิษณุโลก ดอกเปราะภู เป็นดอกไม้อีกชนิดหนึ่งที่หาชมได้แค่ช่วงฤดูฝน พบมากบริเวณทางเดินไปยังลานหินปุ่มและบริเวณผาชูธง อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า จังหวัดพิษณุโลก เปราะภูจะออกดอกเป็นช่อ ขึ้นแทรกตามกอหญ้าสีเขียว สีตัดกันสวยงามมาก ปกติเปราะภูจะมีสีขาว และสีชมพู แต่ที่ภูหินร่องกล้าจะเป็นสีขาวเท่านั้น นอกจากที่อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้าแล้ว สามารถชมเปราะภูสีชมพูได้ที่อุทยานแห่งชาติภูกระดึง ยอดภูเรือ และภูหลวง จังหวัดเลย ช่วงฤดูออกดอก : กลางเดือนมิถุนายน – กลางเดือนกรกฎาคม จะเป็นช่วงที่ดอกเปราะภูขาวสวยที่สุด ขอบคุณรูปภาพจากอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า อ.นครไทย จ.พิษณุโลกโทร.0 5535 6607, 08 1596 5977ททท.สำนักงานพิษณุโลกโทร.0 5525 2742-3 ดอกเทียนปีกผีเสื้อ จังหวัดตาก เทียนปีกผีเสื้อ หรือ เทียนอุ้มผาง เป็นพืชเฉพาะถิ่น พบเฉพาะที่จังหวัดตาก ตามลานหินปูนของบริเวณดอยหัวหมด ดอกเทียนปีกผีเสื้อมีสีชมพูอมม่วง กลีบดอกมีลักษณะกางออกคล้ายผีเสื้อ เมื่อถึงช่วงดอกบานเต็มทุ่ง บนดอยนี้จะเหมือนมีผีเสื้อบินอยู่เต็มไปหมด นอกจากเราจะได้ชมดอกเทียนปีกผีเสื้อบนดอยหัวหมดแล้ว ในอำเภออุ้มผางยังขึ้นชื่อในเรื่องของแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติอีกด้วย ช่วงฤดูออกดอก : ปลายเดือนกรกฎาคม – เดือนกันยายน สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมททท. สำนักงานตากโทร.0 5551 4341-3

ปลายฝนต้นหนาว ดอกไม้ผลิบาน 🌸🍃 อ่านเพิ่มเติม

✨ ดูดาวเต็มฟ้า ดอกไม้ป่าเต็มทุ่ง @ ภูสอยดาว ✨

ถ้าช่วงนี้ เพื่อน ๆ เป็นเหมือนแอด ร่างกายรู้สึกโหยหาธรรมชาติสุด ๆ นึกถึงแต่ภาพเดินป่า ดูหมอก ส่องดาวแล้วละก็ เราอยู่สายเดียวกัน วันนี้แอดมีจุดหมายที่น่าจะถูกใจทุกคนมานำเสนอ เผื่อเป็นแรงบันดาลใจให้เพื่อน ๆ เก็บกระเป๋าออกเดินทางกัน ทริปนี้ แอดจะพาไปเที่ยว “อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว”สถานที่ ๆ มีสภาพป่าอุดมสมบูรณ์มากซึ่งสำนักงานของอุทยานฯ ตั้งอยู่ใน จ.อุตรดิตถ์ แต่มีพื้นที่ครอบคลุมจาก จ.อุตรดิตถ์ ไปถึง จ.พิษณุโลก โดยมีช่วงท่องเที่ยวที่แนะนำคือ ช่วงหน้าฝน (กรกฎาคม-ตุลาคม) : สามารถเดินขึ้นไปถึงลานสน เพื่อดูดอกหงอนนาคได้ โดยดอกหงอนนาคจะบานในช่วงหน้าฝนเท่านั้น และจะออกดอกเยอะที่สุดในช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายน ช่วงหน้าหนาว (พฤศจิกายน-มกราคม) : สามารถเดินขึ้นไปถึงลานสน เพื่อดูดาว ดูดอกกระดุมเงิน กล้วยไม้รองเท้านารีอินทนนท์ และใบเมเปิลที่จะเปลี่ยนเป็นสีแดง และเดินขึ้นยอดสูงสุดของภูสอยดาวซึ่งติดกับชายแดนลาวได้ การเดินทางนักท่องเที่ยวที่เดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว สามารถไปตามโลเคชั่นนี้ได้เลย : https://goo.gl/maps/9a8g1kgVDbdCvySq7 หากเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะอื่น ๆ สามารถมาลงได้ที่1. ขนส่งน้ำปาด จ.อุตรดิตถ์ (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.30 ชั่วโมง)2. ขนส่ง จ.พิษณุโลก (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง)3. สถานีรถไฟ จ. พิษณุโลก (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง) แล้วหารถเหมาไปอุทยานฯ โดยตรง ราคาเหมาคันละประมาณ 800-1000 บาท (ปัจจุบันไม่มีรถประจำทางไปที่อุทยาน) อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว เปิดให้เข้ามาท่องเที่ยว 2 วิธี วิธีที่ 1 จองล่วงหน้าผ่านแอป QueQ โดยสามารถจองล่วงหน้าได้ถึง 15 วัน เมื่อมาถึงที่ภูสอยดาว ให้ลงทะเบียน ณ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ตั้งแต่เวลา 08.00-13.00 น. เพื่อยืนยันตัวตนได้เลย วิธีที่ 2 สามารถ Walk in เข้าไปได้ตามปกติ แต่แอดขอแจ้งไว้ก่อนว่า ทางภูสอยดาวจะรับนักท่องเที่ยวที่จองผ่านแอปพลิเคชัน 70% นักท่องเที่ยววอล์คอิน 30% โดยแบ่งเป็นจุดที่ 1 ที่ทำการอุทยานฯ และน้ำตกภูสอยดาว ไม่เกิน 150 คน/วัน (QueQ 105 คน/ Walk in 45 คน)จุดที่ 2 ลานสนภูสอยดาว ไม่เกิน 350 คน/วัน (QueQ 245 คน/ Walk in 105 คน) หลังจากลงทะเบียนแล้ว เพื่อน ๆ สามารถสอบถามเรื่องการเช่าเต็นท์ เครื่องนอน และอุปกรณ์ทำอาหาร หรือจ้างลูกหาบ แล้วไปรับของบนลานสนได้เลย จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็จะพาไปขึ้นรถอีแต๋นเพื่อไปจุดเริ่มต้นเดินป่า ซึ่งแอดแนะนำให้กินอาหารและเข้าห้องน้ำให้เรียบร้อย เพราะระหว่างทางไม่มีร้านอาหาร ไม่มีห้องน้ำ และไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ ควรพกขนมและน้ำไปกินระหว่างทางด้วย (ที่สำคัญอย่าลืมเก็บขยะกลับมาด้วยห้ามทิ้งไว้ระหว่างทางนะ!) ขอบคุณภาพจาก อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว จะเปิดให้นักท่องเที่ยวขึ้นลานสนภูสอยดาวได้ ตั้งแต่เวลา 08.00-14.00 น. เท่านั้น โดยหลัง 16.00 น. จะมีเจ้าหน้าที่เดินขึ้นไปยังจุดกางเต็นท์ เพื่อเช็คจำนวนนักท่องเที่ยว ว่ามีใครตกหล่นอยู่ระหว่างทางไหม และมีจำนวนคนตรงกับที่ลงทะเบียนไหม เพื่อความปลอดภัยนั่นเอง ทั้งนี้ อุทยานแห่งชาติภูสอยดาวจะปิดรับนักท่องเที่ยว ระหว่างวันที่ 15 มกราคม-31 มิถุนายนของทุกปี เพื่อให้ธรรมชาติได้ฟื้นฟู เอาล่ะ เมื่อเตรียมพร้อมแล้ว ก็เริ่มเดินทางกันเลย!!!! ขอบคุณภาพจาก อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว หลังจากนั่งรถของเจ้าหน้าที่มาตรงจุดเริ่มต้น เพื่อน ๆ จะพบกับ “น้ำตกภูสอยดาว” เป็นเหมือนสถานที่ต้อนรับในตอนแรก โดยน้ำตก่จะมีทั้งหมด 5 ชั้น ชื่อไพเราะคล้องจองกันว่า ภูสอยดาว สกาวเดือน เหมือนฝัน กรรณิการ์ และสุภาภรณ์ มีน้ำไหลตลอดทั้งปี สภาพป่าโดยรอบน้ำตกจึงมีความชุ่มชื้นมาก มีมอสส์ขึ้นปกคลุมตามก้อนหินริมน้ำสวยงาม น้ำตกภูสอยดาว จากนี้ต้องตั้งใจเดินแล้วละนะ จุดหมายของแอดคือ “ลานสนสามใบภูสอยดาว” ซึ่งแอดขอแนะนำ ว่าควรออมแรงกันไว้หน่อยนะ เพราะกว่าจะถึงจุดหมาย ต้องเดินเท้าเป็นระยะทางประมาณ 6.5 กิโลเมตร ผ่านเนินต่าง ๆ ถึง 5 เนิน ที่มีชื่อแสนจะไม่ต้อนรับ คือ เนินส่งญาติ, เนินปราบเซียน, เนินป่าก่อ, เนินเสือโคร่ง และเนินมรณะ ลักษณะทางเดินจะมีความชันขึ้นไปเรื่อย ๆ ระหว่างทางเพื่อน ๆ จะได้สัมผัสธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ และมีดอกไม้ป่าที่สวยงามเป็นระยะ จากเนินแรก (เนินส่งญาติ) ไปลานสน จะใช้เวลาจะประมาณ 4 – 6 ชั่วโมง แล้วแต่กำลังของแต่ละคน อ้อ…อย่าไปยึดติดกับคำว่า จิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว ในตอนเราเหนื่อยล่ะ ถ้าบ่าวบอกเหนื่อยก็พักก่อนได้ อาจจะนั่งเล่น จิบน้ำชมวิวเพื่อซึมซับความรู้สึกในป่าระหว่างรอกำลังกายกลับมา ก็เป็นความคิดที่ดีมากเลยนะ ระหว่างแต่ละเนินทางจะชันขึ้นเรื่อย ๆ ความยากแตกต่างกันไป ตามลักษณะภูมิประเทศ ระหว่างเดินแอดแทบไม่ได้พูดเลย ตั้งใจเดินเป็นหลัก (จริง ๆ กลัวเหนื่อยกว่าเดิมนั่นแหละ) แต่พอมองวิวข้างทางที่สวยแล้ว ก็หายเหนื่อยไปได้เยอะเลย ในที่สุดก็มาถึง “เนินมรณะ” เนินสุดท้ายก่อนถึงจุดหมาย ทางเดินค่อนข้างแคบและชัน ต้องใช้สมาธิในการเดินมาก ๆ ขณะเดิน มีลูกหาบที่เดินสวนลงมาคอยให้กำลังใจเป็นระยะ ๆ ด้วยนะ ยอมรับเลยว่าตื่นเต้นสุด ๆ

✨ ดูดาวเต็มฟ้า ดอกไม้ป่าเต็มทุ่ง @ ภูสอยดาว ✨ อ่านเพิ่มเติม

✨ ลับแลเมืองน่ารัก ✨

เคยมีวลีของใครคนหนึ่งที่ชาวอุตรดิตถ์รู้สึกชื่นชอบว่า “อุตรดิตถ์แดนฝัน สวรรค์บนดิน เมืองแห่งภูเขากินได้” รวมถึงตำนานของเมืองลับแล ดินแดนแห่งลางสาดหวาน ทุเรียนพื้นเมือง หลงลับแล หลินลับแล สับปะรดห้วยมุ่น ก็ยังเป็นที่สนใจของผู้คนจากต่างแดนอีกเช่นกัน TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง ร่วมกับ The Cloud ขอนำเสนอคอลัมน์ Take Me Out อาสาพาลัดเลาะแหล่งท่องเที่ยวในเมืองลับแล ทำความรู้จักอุตรดิตถ์ผ่าน 10 สถานที่ เริ่มตั้งแต่ร้านก๋วยเตี๋ยวกินแล้วอิ่มกับเรื่องเล่า สวนผลไม้สารพัดที่ทำให้จังหวัดนี้ได้ชื่อว่าเมืองแห่งภูเขากินได้ ไปจนถึงอาร์ตสเปซแสดงงานศิลป์ที่เปิดเป็นห้องเรียนวัฒนธรรม ยินดีต้อนรับสู่อุตรดิตถ์ เมืองที่อวลไปด้วยมวลความสุข อุตรดิตถ์มีภูเขาสูงสลับซับซ้อน อากาศค่อนข้างร้อนอบอ้าวในฤดูร้อน คนอุตรดิตถ์ใช้ชีวิตวิถีเกษตรกรรมเป็นหลัก ความน่ารักของคนอุตรดิตถ์อีกอย่างหนึ่งคือภาษาพูด จนเคยมีผู้กล่าวไว้ว่า อุตรดิตถ์เป็นเมืองที่มีภาษาพูดมากที่สุดในประเทศ ส่วนจะเท็จจริงอย่างไร คงต้องมาลองสนทนาพาทีกับคนที่นี่ดู การท่องเที่ยวของอุตรดิตถ์มีความหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นแหล่งโบราณคดี ประวัติศาสตร์ ธรรมชาติ ซึ่งในระยะหลังอุตรดิตถ์ชัดเจนเรื่องการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม วิถีชีวิต ความเป็นอยู่ชุมชน ตลอดจนการนำเสนอด้วยเสน่ห์อาหารการกินหลากหลายเชื้อชาติของคนอุตรดิตถ์ มีรสชาติแบบ กลาง เหนือ อีสาน ใต้ จีน ที่สำคัญราคาน่ารักไม่แพง ครั้งนี้อยากให้ใคร ๆ ลองกำหนดแผนเพียงหลวม ๆ แล้วใช้วิธีการเสาะแสวงหา ลัดเลาะไปตามแหล่งชุมชน กระทั่งลองแวะชิมอาหารริมทาง หรือเดินดูหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่ไหนสักแห่ง แทนที่จะตั้งหน้าตั้งตาขับรถไปให้ถึงที่หมายโดยเร็วที่สุด ลองเปลี่ยนเป็นเริ่มจากแวะร้านค้า ตลาด ไร่ นา สวน แม่น้ำ วัด บ้านชาวบ้านข้างทางระหว่างเส้นทางนั้น และทำความรู้จักอุตรดิตถ์ผ่าน 10 สถานที่ต่อไปนี้  1 มา มะ อาร์ตสเปซ ติ๋ว-แสงเดือน จริยารัตนกูล แบ่งพื้นที่อยู่อาศัยของครอบครัวเป็นพื้นที่ศิลปะชื่อ ‘มา มะ อาร์ตสเปซ’ มีชั้นบนเป็นพื้นที่สร้างสรรค์และจัดแสดงผลงาน เพราะอยากเอาฝีมือตัวเองแขวนให้คนอื่นดูบ้าง ชั้นล่างของที่นี่เป็นห้องเก็บผลงานสำคัญของศิลปิน เผื่อใครไม่มีโอกาสไปหอศิลป์ก็มาที่นี่ได้ และตอนนี้มีเพิ่มงานเครื่องปั้นดินเผาเข้ามาด้วย  มาเยือนอุตรดิตถ์ทั้งที อย่าลืมแวะมาที่นี่นะ ที่ตั้ง 52 หมู่ 2 ตำบลผาจุก อำเภอเมืองอุตรดิตถ์ จังหวัดอุตรดิตถ์ พิกัด https://goo.gl/maps/76bVsYnZVQcEQXyU6 เปิดวันเสาร์-วันอาทิตย์ เวลา 09.00-17.00 น. (ปิดวันจันทร์-วันศุกร์ แต่จะเปิดเป็นกรณีพิเศษหากติดต่อล่วงหน้า) โทร. 089 859 9161 Facebook : MA MA ART SPACE 2 บุญดำรงค์กรีนฟาร์ม จากเด็กที่เดินตามผู้เฒ่าผู้แก่ หาบผลไม้ขึ้นรถไฟไปปลูกในป่า เอด-สุทธิรัตน์ ปลาลาศ บัณฑิตคณะเกษตรศาสตร์ เลือกเป็นเกษตรกรของ ‘บุญดำรงค์กรีนฟาร์ม’ ฟาร์มปลูกแบบเกษตรอินทรีย์ บนผืนนาติดทางรถไฟในหมู่บ้านน้ำริด มีตั้งแต่ผักพื้นบ้าน แถมยังมีร้านค้ากึ่งร้านอาหารที่แม่ของเอดจะทำอาหารพื้นบ้านอร่อย ๆ มาให้ชิม แวะซื้อหาของฝากกันได้นะ  ที่ตั้ง 172 หมู่ 1 ตำบลน้ำริด อำเภอเมืองอุตรดิตถ์ จังหวัดอุตรดิตถ์ พิกัด https://goo.gl/maps/H6Sz9c6kA11PAP6d8 เปิดวันจันทร์-วันอาทิตย์ เวลา 09.00-17.00 น. (หรือติดต่อล่วงหน้าเพื่อความสะดวก) โทร. 086 590 6115 Facebook : บุญดำรงค์กรีนฟาร์ม 3 ลับแล เมืองน่ารัก ‘ลับแล เมืองน่ารัก’ บ้านไม้ธรรมดาที่เป็นทั้งร้านขายข้าวแคบและข้าวพัน รวมทั้งแกลเลอรี่จัดแสดงเรื่องเมืองลับแลในมุมมองที่ต่างออกไป เพื่อบอกเล่าเรื่องราวของคนลับแลผ่านภาพถ่าย ซึ่ง ใหม่-ณฐพร พรมโพธิ์ และภรรยา กำลังเตรียมพื้นที่เล็ก ๆ ใกล้บ้านเป็นร้านขายข้าวพันผัก อาหารหลักของคนลับแล ทำสตูดิโอภาพถ่าย ของที่ระลึก และเป็นที่พักสำหรับนักเดินทางที่ชอบความ เงียบ ง่าย งาม หากใครอยากสัมผัสวิถีชีวิตแบบลับแลได้มากขึ้น ลองแวะมากันนะ ที่ตั้ง 662 ถนนศรีวิจารณ์ ตำบลศรีพนมมาศ อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ เปิดวันจันทร์-วันอาทิตย์ 09.00-17.00 น. (หรือติดต่อล่วงหน้าเพื่อความสะดวก) โทร. 087 657 5959 Facebook : ลับแล เมืองน่ารัก 4 นา นา ฟิลด์ นา นา ฟิลด์ ร้านอาหารและคาเฟ่ ของ แป้ง-ธัญญารัตน์ สุนทรารัณญ์ ที่เติบโตในชุมชนบ้านพระฝาง ด้วยความตั้งใจอยากให้ผู้คนได้รับรู้เรื่องราวแหล่งท่องเที่ยวของชุมชน และอยากชวนให้คนมาวัดพระฝาง เธอจึงขอเป็นส่วนหนึ่งโดยการทำร้านอาหาร ให้เพื่อนที่มาเที่ยวต้องมาทานอาหารที่นี่ ส่วนกิจกรรมที่พลาดไม่ได้คือการลงแขกดำนา กิจกรรมชวนเพื่อนบ้าน พี่ น้อง มาร่วมสนุกกันทุกปี นอกจากนี้ยังมีกระท่อมกลางนา ซึ่งจะเปิดให้บริการในเร็ววันนี้ด้วย ที่ตั้ง 185 บ้านพระฝาง หมู่ 3 ตำบลผาจุก อำเภอเมืองอุตรดิตถ์ จังหวัดอุตรดิตถ์ พิกัด https://goo.gl/maps/xvvzN5Xw3ztkXaTE8 เปิดวันอังคาร-วันอาทิตย์ 09.30-17.30 น. (ปิดวันจันทร์) โทร. 097 297 2396 Facebook : NANA Field 5 ก๋วยเตี๋ยวหมูตุ๋นครูเก่ง มองภายนอกดูเป็นเหมือนสตูดิโอ ร้านทำป้าย หรือร้านขายของเก่า แต่ที่นี่คือร้านก๋วยเตี๋ยวเส้นสดชื่อ ‘ก๋วยเตี๋ยวหมูตุ๋นยาจีนครูเก่ง’ ของ ครูเก่ง-วิทยา ศรีม่วง ที่ตกแต่งเหมือนทำงานศิลปะสื่อผสม ปะปนกับเรื่องราวการเดินทางในอดีต ขอบอกว่าเส้นก๋วยเตี๋ยวของร้านนี้ไม่เหมือนใครแน่นอน

✨ ลับแลเมืองน่ารัก ✨ อ่านเพิ่มเติม

เที่ยว 5 ป่าสน #ปลายฝนต้นหนาว

5 ป่าสนที่แอดหยิบยกมาในวันนี้ ได้แก่– สถานีวนวัฒนวิจัยบ่อแก้ว จ.เชียงใหม่– ป่าสนวัดจันทร์ โครงการบ้านวัดจันทร์ จ.เชียงใหม่– อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว จ.อุตรดิตถ์– โครงการพระราชดำริปางตอง 2 จ.แม่ฮ่องสอน– ถนนเลียบหาดสวนสน จ.ระยอง สถานีวนวัฒนวิจัยบ่อแก้ว จ.เชียงใหม่ “สถานีวนวัฒนวิจัยบ่อแก้ว” หรือชื่อที่หลายๆ คนรู้จักก็คือ “สวนสนบ่อแก้ว” เป็นส่วนหนึ่งของโครงการสำรวจวัตถุดิบเพื่อทำเยื่อกระดาษ ภายในสถานีจึงมีการปลูกพืชจำพวกสนและยูคาลิปตัส เรียงรายเป็นระเบียบอยู่ทั่วบริเวณ มองแล้วสวยงามราวกับอยู่ต่างประเทศเลยล่ะ นอกจากนั้น อากาศของที่นี่ยังหนาวเย็นตลอดทั้งปี โดยอุณหภูมิเฉลี่ยสูงสุดอยู่ที่ 27.3 องศาเซลเซียส และอุณหภมิเฉลี่ยต่ำสุดคือ 16.8 องศาเซลเซียส ไม่ต้องรอหน้าหนาวก็สามารถไปเที่ยวแบบคูลๆ ได้เลย สถานีวนวัฒนวิจัยบ่อแก้วที่ตั้ง : ต.บ่อหลวง อ.สะเมิง จ.เชียงใหม่เปิดทุกวัน ตั้งแต่ 08.00-17.00 น. ป่าสนวัดจันทร์ โครงการบ้านวัดจันทร์ จ.เชียงใหม่ “ป่าสนวัดจันทร์ โครงการบ้านวัดจันทร์” เป็นพื้นที่ที่องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (อ.อ.ป) เข้ามาดำเนินการพัฒนาและใช้ประโยชน์จากไม้สนเขาและยางธรรมชาติ โดยมีการปลูกป่าทดแทน และฟื้นฟูป่าไม้บริเวณแหล่งต้นน้ำให้กลับคืนสู่สภาพเดิม บริเวณนี้ยังเป็นที่ตั้งของหมู่บ้านกะเหรี่ยงมูเส่คี (ซึ่งมีความหมายว่า ต้นน้ำแม่แจ่ม) ผู้ดูแลรักษาป่าแห่งนี้เป็นอย่างดีราวกับผืนป่าคือส่วนหนึ่งของชีวิต ทุกครั้งที่มีเด็กเกิดใหม่ ชาวบ้านจะนำสายสะดือของเด็กไปผูกไว้ที่ต้นไม้ใหญ่ และจะไม่มีการตัดต้นไม้ต้นนั้น ดังนั้นป่าสนวัดจันทร์จึงยังคงความเป็นธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์อยู่ ในช่วงฤดูหนาว ประมาณเดือนพฤศิจกายน – มกราคมของทุกปี จะมีนักท่องเที่ยวนิยมเดินทางเข้ามาสัมผัสความสวยงามของป่าสนแห่งนี้เป็นจำนวนมาก ซึ่งที่นี่สามารถทำกิจกรรมได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น ปั่นจักรยาน พายเรือยางในทะเลสาบ หรือเดินเล่นสูดอากาศบริสุทธิ์ ป่าสนวัดจันทร์ โครงการบ้านวัดจันทร์ที่ตั้ง : ต.บ้านจันทร์ อ.กัลยาณิวัฒนา จ.เชียงใหม่เปิดทุกวัน ตั้งแต่ 08.00-17.00 น.สอบถามข้อมูล และจองที่พักได้ที่โทร. 053 249 349 อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว จ.อุตรดิตถ์ “ภูสอยดาว” ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติภูสอยดาว เป็นยอดเขาที่สูงเป็นอันดับ 4 ของไทย โดยยอดสูงสุดของภูสอยดาวมีความสูง 2,102 เมตร จากระดับทะเลปานกลาง ไฮไลท์ของที่นี่คือ การเดินป่าผจญภัยขึ้นสู่ลานสนสามใบ ระยะทางประมาณ 6.5 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินเท้าประมาณ 4 – 6 ชั่วโมง ซึ่งในช่วงเดือนสิงหาคม – กันยายนของทุกปี บริเวณลานสนสามใบจะมีดอกไม้สีสันต่างๆ บานสะพรั่งสวยงามเต็มท้องทุ่ง ทั้งดอกหงอนนาคสีม่วง ดอกสร้อยสุวรรณาสีเหลือง และดอกหญ้ารากหอมสีม่วงเข้ม ส่วนเดือนพฤศจิกายน – มกราคม ก็สามารถมาชมดอกกระดุมเงิน กล้วยไม้รองเท้านารีอินทนนท์ และใบเมเปิลที่เปลี่ยนเป็นสีแดง รวมทั้งยังชมดาวได้อีกด้วย บริเวณลานสนสามใบมีลานกางเต็นท์และห้องสุขาไว้บริการ แต่ไม่มีร้านอาหาร ต้องเตรียมอาหารขึ้นไปเอง ส่วนใครที่ไม่ได้นำเต็นท์ไป ทางอุทยานฯ ก็มีเต็นท์ให้เช่าด้วย อุทยานแห่งชาติภูสอยดาวที่ตั้ง : ต.ห้วยมุ่น อ.น้ำปาด จ.อุตรดิตถ์เปิดให้เดินขึ้นเขา เวลา 08.00 – 14.00 น.สอบถามข้อมูล และจองที่พักได้ที่โทร. 095 629 9528, 095 024 7633, 091 024 7633 โครงการพระราชดำริปางตอง 2 จ.แม่ฮ่องสอน “ปางอุ๋ง” หรือ “โครงการพระราชดำริปางตอง 2” จ.แม่ฮ่องสอน เป็นโครงการในพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่ทรงส่งเสริมให้ราษฎรชาวเขาปลูกพืชชนิดอื่นแทนการปลูกฝิ่น และหันมาฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติให้สมบูรณ์ยั่งยืน ปัจจุบันปางอุ๋งกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของแม่ฮ่องสอน เพราะมีภูมิทัศน์ที่สวยงาม มีอ่างเก็บน้ำที่แวดล้อมไปด้วยป่าสนสองใบ อากาศก็เย็นสบายตลอดทั้งปี ในช่วงเช้าจะมีหมอกบางๆ ลอยขึ้นเหนือผืนน้ำ บรรยากาศโรแมนติกสุดๆ โดยเฉพาะในช่วงหน้าหนาวจะมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากมากางเต็นท์พักแรมที่นี่ โครงการพระราชดำริปางตอง 2ที่ตั้ง : ต.หมอกจำแป่ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอนเปิดทุกวัน ตั้งแต่ 06.00-20.00 น.สอบถามข้อมูลได้ที่โทร. 080 847 8456, 087 661 8594 ถนนเลียบหาดสวนสน จ.ระยอง ผู้คนที่สัญจรผ่านไปมาบริเวณนี้ล้วนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “ถนนเลียบหาดสวนสน จ.ระยอง” เป็นถนนที่สวยที่สุดของระยอง เนื่องจากตลอดเส้นทางเลียบชายหาดหลายกิโลเมตรมีต้นสนปกคลุมราวกับเป็นอุโมงค์ บรรยากาศร่มรื่นสวยงามมาก ทำให้นักท่องเที่ยวที่เดินทางผ่านถนนเส้นนี้มักจะแวะถ่ายภาพเก็บไว้ นอกจากนั้นบริเวณชายหาดที่มีความโค้งกว่า 4 กิโลเมตร ยังสามารถลงเล่นน้ำได้ และตรงข้ามชายหาดก็มีร้านอาหารและที่พักบริการอย่างครบครัน หาดสวนสนที่ตั้ง : ต.แกลง อ.เมือง จ.ระยองเปิดทุกวัน เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 14 กันยายน 2562

เที่ยว 5 ป่าสน #ปลายฝนต้นหนาว อ่านเพิ่มเติม

ฝนนี้ที่ภูสอยดาว

ภูสอยดาว ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติภูสอยดาว เป็นยอดเขาที่สูงอันดับ 4 ของประเทศ โดยยอดสูงสุดของภูสอยดาวมีความสูง 2,102 เมตร จากระดับทะเลปานกลาง.อุทยานแห่งชาติภูสอยดาวที่ตั้ง : ต.ห้วยมุ่น อ.น้ำปาด จ.อุตรดิตถ์เปิดให้เดินขึ้นเขา เวลา 08.00 – 14.00 น.โทร. 095 629 9528, 095 024 7633, 091 024 7633 ทำไมต้องไปภูสอยดาวหน้าฝน เพื่อเดินขึ้นภู ไปดูดอกหงอนนาค ช่วงหน้าฝนแบบนี้ เราสามารถเดินขึ้นไปถึงลานสน และไปดูดอกหงอนนาคได้ โดยดอกหงอนนาคจะบานในช่วงหน้าฝนเท่านั้น และจะออกดอกเยอะที่สุดในช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายน ทำไมต้องไปภูสอยดาวหน้าฝน ไปแช่น้ำให้เย็นชื่นใจ น้ำตกภูสอยดาว เป็นน้ำตก 5 ชั้น ที่มีน้ำไหลตลอดปี โดยเฉพาะหน้าฝน น้ำจะเยอะกว่าช่วงอื่น จะลงไปแช่น้ำ หรือนั่งเล่นชิลๆ ก็ฟินสุดๆ ทำไมต้องไปภูสอยดาวหน้าฝน ไปทดสอบกำลังกาย และกำลังใจ จะขึ้นไปถึงลานสนสามใบได้ ต้องฝ่าฟันเนินทั้ง 5 เนินไปให้ได้ ได้แก่ เนินส่งญาติ เนินปราบเซียน เนินป่าก่อ เนินเสือโคร่ง และเนินมรณะ ระยะทางประมาณ 6.5 กิโลเมตร.ถ้าใครไม่ได้เดินป่าบ่อยๆ อาจจะมีหอบ และเมื่อยล้ากันบ้าง แต่เราก็ยังมีวิวสวยๆ ให้ดูระหว่างทาง ดูแล้วหายเหนื่อยเลยล่ะ จะบอกให้ นอกจากวิวสวยๆ แล้ว ช่วงหน้าฝน หมอกเยอะไม่แพ้ช่วงหน้าหนาว ทำให้ธรรมชาติสวยไปอีกแบบ แถมเหมาะกับการถ่ายรูปเก๋ๆ มากเลยล่ะ ทำไมต้องไปภูสอยดาวหน้าฝน ไปนอนกางเต็นท์ใกล้ชิดธรรมชาติ บรรยากาศที่ลานสนค่อนข้างคึกคัก บอกเลยว่า แต่ละคนไม่มีใครยอมใคร นำอาหารสดขึ้นมาปรุงบนเขากันอย่างสนุกสนาน ทั้งหมูกระทะ กุ้งเผา บาร์บีคิว.เมื่อถึงจุดกางเต็นท์บนลานสน ให้ทุกคนไปติดต่อเจ้าหน้าที่เรื่องเต็นท์และสัมภาระต่างๆ อุปกรณ์ทำอาหาร ขัน ถังน้ำ สามารถเช่าได้ที่จุดนี้เลย แล้วค่อยไปจ่ายเงินด้านล่าง หลังจากลงจากเขาค่ะ ข้างบนนี้มีห้องน้ำแยกชาย-หญิง ถ้าจะอาบน้ำ ต้องตักจากลำธารใกล้ๆ มาอาบ ส่วนน้ำสำหรับดื่ม จะมีแท็งก์น้ำแยกไว้โดยเฉพาะค่ะ ทำไมต้องไปภูสอยดาวหน้าฝน ไปดูหมอกยามเช้า จุดชมทะเลหมอกอยู่ห่างจากจุดกางเต็นท์ไม่ไกล สามารถเดินไปได้.นอกจากนี้ ยังมีจุดห้ามพลาดอื่นๆ ที่ต้องไปเช็คอินบนลานสนจุดชมวิวตรงป้ายผู้พิชิตลานสนภูสอยดาวน้ำตกสายทิพย์หลักกิโลเมตรแบ่งเขตไทย-ลาว คำแนะนำในการไปเที่ยวภูสอยดาว เมื่อถึงที่ทำการอุทยานฯ เราต้องไปติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อลงทะเบียนก่อน ถ้าไม่ได้นำเต็นท์ เครื่องนอน และอุปกรณ์ทำอาหารมาเอง สามารถมาเช่าได้ที่นี่ โดยเจ้าหน้าที่จะจดรายการสิ่งของที่เราเช่าเอาไว้ แล้วค่อยขึ้นไปรับของที่ลานสน ถ้าใครแบกสัมภาระทั้งหมดไม่ไหว สามารถจ้างลูกหาบได้ โดยต้องชั่งกิโลสิ่งของ แล้วเจ้าหน้าที่จะให้บัตรคิวรับของมา จากนั้นเราก็ขึ้นไปรอรับสัมภาระของเราได้ที่ด้านบน จากที่ทำการไปถึงศูนย์บริการ 2 หรือจุดเริ่มเดิน ต้องนั่งรถอีแต๊กขึ้นไปค่ะ เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 21 กรกฎาคม 2562

ฝนนี้ที่ภูสอยดาว อ่านเพิ่มเติม

อัศจรรย์ “พระประธานอกแตก”

อัศจรรย์ พระประธานอกแตก วัดบ้านแก่งใต้ จ.อุตรดิตถ์ วัดบ้านแก่งใต้มีพระประธานภายในพระอุโบสถชื่อ หลวงพ่อเพชร เป็นพระพุทธรูปเก่าแก่ สร้างขึ้นเมื่อใดไม่ปรากฏ ต่อมา พ.ศ.2493 หลวงพ่อเพชรชำรุดทรุดโทรมและผุกร่อนมาก ทางวัดจึงตัดสินใจสร้างหลวงพ่อเพชรองค์ใหม่ครอบองค์เดิมเอาไว้.กาลเวลาผ่านไป ก็ไม่มีการบูรณะซ่อมแซมอีก จนกระทั่ง… เมื่อ 6 ปีที่แล้ว ทางวัดได้บูรณะพระอุโบสถและซ่อมแซมหลวงพ่อเพชรที่ชำรุดทรุดโทรมลงมาก .แต่ขณะที่กำลังบูรณะอยู่นั้น ก็ได้พบรอยแตกบริเวณพระอุระของหลวงพ่อเพชร และมีปูนหลุดร่วงลงมาจำนวนมาก จึงทำให้พบว่ามีพระพุทธรูปอยู่ภายใน โดยสามารถมองเห็นพระพักตร์และพระเศียรของหลวงพ่อเพชรองค์เดิมที่อยู่ภายในได้อย่างชัดเจน ชาวบ้านจึงเรียกกันว่า “พระอกแตก”.ซึ่งจากลักษณะทางศิลปกรรมที่ปรากฏ สันนิษฐานว่าหลวงพ่อเพชรองค์เดิมนั้นสร้างขึ้นโดยฝีมือของช่างพื้นเมืองในสมัยรัตนโกสินทร์ จากปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้ชาวบ้านเกิดความเสื่อมใสศรัทธา และพากันมากราบไหว้หลวงพ่อเพชรกันเป็นจำนวนมาก✨.ถ้าใครเดินทางไปจังหวัดอุตรดิตถ์ อย่าลืมมาแวะสักการะกันนะคะ.วัดบ้านแก่งใต้ ที่ตั้ง : ต.บ้านแก่ง อ.ตรอน จ.อุตรดิตถ์พิกัด Google map : https://goo.gl/maps/CyZVitxYZip. ขอบภาพจาก เพจอุตรดิตถ์ 24 ชั่วโมง

อัศจรรย์ “พระประธานอกแตก” อ่านเพิ่มเติม

Let’s go to ภูสอยดาว : 569 กิโลเมตร จากบ้านไปดูดอกหงอนนาคที่ลานสน

ภูสอยดาว ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติภูสอยดาว เป็นยอดเขาที่สูงอันดับ 4 ของประเทศ โดยยอดสูงสุดของภูสอยดาวมีความสูง 2,102 เมตร จากระดับทะเลปานกลาง ✳ ช่วงหน้าฝน (กรกฎาคม-ตุลาคม) : สามารถเดินขึ้นไปถึงลานสน และไปดูดอกหงอนนาคได้ โดยดอกหงอนนาคจะบานในช่วงหน้าฝนเท่านั้น และจะออกดอกเยอะที่สุดในช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายน ✳ ช่วงหน้าหนาว (พฤศจิกายน-มกราคม) : สามารถเดินขึ้นไปถึงลานสน ไปดูดาว ดูดอกกระดุมเงิน กล้วยไม้รองเท้านารีอินทนนท์ และใบเมเปิลที่จะเปลี่ยนเป็นสีแดง และเดินขึ้นยอดสูงสุดของภูสอยดาวได้ ⭐อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว⭐ “เราจะซิ่งไปด้วยกัน” การเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปอุทยานแห่งชาติภูสอยดาว ถ้าให้แอดพิมพ์อธิบายมันก็จะค่อนข้างยาวสักหน่อย เอาเป็นว่า แอดขอแปะลิงค์แผนที่ไว้ให้แทนละกันนะคะ >>https://goo.gl/maps/e8qDnhAr8Jw สามารถเปลี่ยนจุดเริ่มต้นได้ตามใจชอบเลยค่ะ เมื่อถึงที่ทำการอุทยานฯ เราต้องไปติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อลงทะเบียนก่อน ✳ถ้าไม่ได้นำเต็นท์ เครื่องนอน และอุปกรณ์ทำอาหารมาเอง สามารถมาเช่าได้ที่นี่ โดยเจ้าหน้าที่จะจดรายการสิ่งของที่เราเช่าเอาไว้ แล้วค่อยขึ้นไปรับของที่ลานสน ✳ถ้าใครแบกสัมภาระทั้งหมดไม่ไหว (แค่เดินให้ถึงก็แย่แล้ว  สิ่งแรกที่เราจะพบก่อนขึ้นไปยังภูสอยดาวก็คือ น้ำตกภูสอยดาว เป็นน้ำตก 5 ชั้น มีน้ำไหลตลอดปี.เอ้า!! เริ่มเดินกันเถอะ แอดและเพื่อนอีก 2 คน เริ่มเดินตอนเที่ยงกว่าๆ ซึ่งถือว่าค่อนข้างช้า ในใจเริ่มหวั่นแล้วว่าจะถึงกี่โมงกันเนี่ย ช่วงแรกๆ จะเป็นป่าดิบชื้น มีต้นไม้ค่อนข้างสูง สลับกับพื้นที่โล่งมีลำธารน้ำไหล ✳ จะขึ้นไปถึงลานสนสามใบได้ ต้องฝ่าฟันเนินทั้ง 5 เนินไปให้ได้ ได้แก่ เนินส่งญาติ เนินปราบเซียน เนินป่าก่อ เนินเสือโคร่ง และเนินมรณะ ✳ กว่าจะถึงเนินแรก “เนินส่งญาติ” ก็เริ่มหอบแล้ว ระหว่างทาง แอดก็เดินไป พักกินข้าวเหนียวไก่ย่างที่หอบหิ้วมาด้วยไปพลางๆ ❓ ถามว่าเนินไหนเดินเหนื่อยที่สุด แอดตอบเลยว่าเหนื่อยทุกเนิน  ในที่สุดก็มาถึงเนินสุดท้าย แค่เห็นชื่อก็ขาสั่นแล้ว “เนินมรณะ” เป็นทางเดินแคบและชัน ต้องใช้กำลังขาในการปีน แนะนำว่าให้เดินเรื่อยๆ ไม่ต้องรีบ จะได้ไม่เหนื่อยมากค่ะ ระหว่างที่แอดกำลังเดิน ก็มีลูกหาบที่เดินสวนลงมาคอยให้กำลังใจเป็นระยะๆ ในที่สุดก็มาถึงลานสนแล้ว แต่ยังไม่ถึงจุดกางเต็นท์นะคะ (คุณหลอกดาว  ในที่สุดก็ถึงจุดกางเต็นท์ค่ะ พอถึงตรงนี้ให้ทุกคนไปติดต่อเจ้าหน้าที่เรื่องเต็นท์และสัมภาระต่างๆ ✳จะเช่าอุปกรณ์ทำอาหาร ขัน ถังน้ำ สามารถเช่าได้ที่จุดนี้เลย แล้วค่อยไปจ่ายเงินด้านล่าง หลังจากลงจากเขาค่ะ ✳ ข้างบนนี้มีห้องน้ำแยกชาย-หญิง ถ้าจะอาบน้ำ ต้องตักจากลำธารใกล้ๆ มาอาบ ส่วนน้ำสำหรับดื่ม จะมีแท็งก์น้ำแยกไว้โดยเฉพาะค่ะ บรรยากาศที่ลานสนค่อนข้างคึกคัก แต่ละคนไม่มีใครยอมใคร นำอาหารสดขึ้นมาปรุงบนเขากันอย่างสนุกสนาน เต็นท์ตรงข้ามแอดมีหมูกระทะ ส่วนข้างๆ มีกุ้งเผา เบคอนย่าง ส่วนแอด…ไม่ไหวแล้ว เดินเหนื่อยมาก ขออะไรก็ได้ที่ได้กินเร็วๆ  หมดแรงจะเดิน ก็หมดแรงจะทำอาหารด้วย แนะนำสำหรับผู้ที่ไม่อยากทำอะไรให้ยุ่งยาก พกอาหารซองสำเร็จรูปขึ้นไปเลยค่ะ แค่จุ่มซองในน้ำร้อน รอจนอาหารร้อนก็ทานได้แล้ว คิดดูไฮโซแค่ไหนมานั่งทานสปาเก็ตตี้บนภูเขา หลังจากนอนพักเอาแรงจนเต็มอิ่ม ตอนเช้าถ้าใครตื่นไหว สามารถไปดูพระอาทิตย์ขึ้นได้ค่ะ แต่แอดตื่นไม่ทัน ก็เลยเดินเล่นแถวๆ จุดกางเต็นท์ ไปยืนดูวิวภูเขาและสายหมอกแทน และไฮไลท์ของทริปนี้ก็คือ ดอกหงอนนาค ที่เราอุตส่าห์ปีนป่ายเขาขี้นมาตั้ง 6.5 กิโลเมตรเพื่อมาชม ซึ่งก็ไม่ทำให้ผิดหวัง ดอกหงอนนาคขึ้นกันอย่างหนาแน่น บานจนเต็มทุ่ง ได้รูปสวยๆ กลับบ้านกันอย่างจุใจ ✳ ดอกหงอนนาคจะบานในช่วงสาย ประมาณ 9 โมงไปจนถึงเที่ยงวัน เรามุ่งหน้าไปทางอำเภอบ้านโคก จังหวัดอุตรดิตถ์ ใช้ทางหลวงชนบทหมายเลข 1268 ผ่านตำบลมะม่วงเจ็ดต้น จากนั้นใช้ทางหลวงชนบทหมายเลข 1241 ผ่านตำบลบ่อเบี้ย จากนั้นตัดเข้าทางหลวงชนบทหมายเลข 1083 ผ่านอุทยานแห่งชาติศรีน่าน อำเภอนาน้อย จังหวัดน่าน โดยเส้นทางจะเป็นทางขึ้น-ลงเขา และโค้งเยอะมาก ถ้าใครจะวิ่งเส้นทางนี้ ต้องขับอย่างระมัดระวังด้วยนะคะ จากนั้น เราผ่านตัวอำเภอนาน้อย และถึงจุดหมายปลายทางที่ชายทุ่ง โฮมสเตย์ อำเภอนาหมื่น ซึ่งใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงในการเดินทาง อำเภอนาหมื่นเป็นอำเภอที่เงียบสงบมาก เหมาะกับการมาพักผ่อนอย่างแท้จริง และวิวทุ่งนาเขียวขจี บริเวณหน้าที่พัก ก็ทำให้พวกเราฟินสุดๆ ถือเป็นการจบทริปอย่างอิ่มเอมใจ 

Let’s go to ภูสอยดาว : 569 กิโลเมตร จากบ้านไปดูดอกหงอนนาคที่ลานสน อ่านเพิ่มเติม

ยิ่งปั่น ยิ่งหลง…รักลับแล

ยิ่งปั่น ยิ่งหลงรักลับแล ซุ้มประตูเมืองลับแล และรูปปั้นแม่ม่าย เมื่อไปถึงอำเภอลับแล เราจะเจอซุ้มประตูเมืองเป็นอันดับแรก เป็นซุ้มประตูที่ดูมีความลึกลับ ราวกับว่าถ้าเดินลอดไปแล้วเราจะได้ไปโผล่ในอีกยุคยังไงยังงั้น  ข้างๆ ประตูเมืองมีประติมากรรมหญิงสาวอุ้มลูก และมีสามีนั่งคอตกอยู่ข้างๆ ซึ่งเป็นการถ่ายทอดตำนานเมืองแม่ม่าย เมืองที่ห้ามพูดโกหก โดยเป็นเรื่องราวในตอนที่ลูกร้องไห้หาแม่ไม่ยอมหยุด พ่อจึงหลอกว่าแม่มาแล้ว เท่ากับเป็นการพูดเท็จ จึงต้องออกจากหมู่บ้านไป และเมื่อออกไปแล้ว จะหาทางกลับมาเมืองลับแล เส้นทางก็วกวนจนกลับไม่ถูก เป็นที่มาความลึกลับของเมืองลับแลนั่นเอง มาเที่ยวเมืองลับแลครั้งนี้ แอดจะพาไปปั่นจักรยานเที่ยวกันค่ะ นักท่องเที่ยวสามารถมายืมจักรยานได้ที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวซึ่งอยู่ภายในบริเวณพิพิธภัณฑ์เมืองลับแล เพียงนำบัตรประชาชนไปแลก ก็จะได้จักรยานมาปั่นแบบฟรีๆ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ : ศูนย์ประชาสัมพันธ์เทศบาลศรีพนมมาศ โทร. 055 431 076 พิพิธภัณฑ์เมืองลับแลก่อนจะไปปั่นเรามาทำความรู้จักอำเภอลับแลที่พิพิธภัณฑ์ฯ กันก่อนดีกว่า พิพิธภัณฑ์เมืองลับแล เป็นสถานที่รวบรวมเรื่องราวประวัติของเมือง วิถีชีวิต และขนบธรรมเนียมการใช้ชีวิตของผู้คนในเมืองลับแล โดยจำลองผ่านเรือนแต่ละหลัง ยกตัวอย่างห้องจัดแสดง เช่น เรือนการทำอาหาร ชาวลับแลหรือคนไทยภาคเหนือส่วนใหญ่นิยมทำอาหารบนเรือน และอาหารที่ขึ้นชื่อของเมืองลับแล คือ หมี่พัน  พิพิธภัณฑ์เมืองลับแล (เข้าชมฟรี)ที่ตั้ง : ตำบลศรีพนมมาศ อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์เปิดทุกวัน เวลา 09.00 – 16.00 น.โทร : 055 431 078 กด 0 อนุสาวรีย์พระศรีพนมมาศพระศรีพนมมาศเป็นบุคคลสำคัญของเมืองลับแล เดิมชื่อ ทองอิน เป็นนายอากรสุรา เชื้อสายจีน ผู้มีความรักในท้องถิ่นจึงได้พัฒนาเมืองลับแลมาโดยตลอด เช่น สร้างถนน สร้างฝายกั้นน้ำ และเป็นผู้นำชุมชนที่ชาวเมืองลับแลเคารพรัก ป้าหว่าง หมี่พันแวะเติมพลังกันสักหน่อย มาถึงอุตรดิตถ์ทั้งทีต้องมาทานอาหารท้องถิ่นขึ้นชื่อของที่นี่ นั่นก็คือ “ข้าวแคบ” เป็นข้าวที่ทำจากแป้งหมัก นำไปละเลงเป็นแผ่นบนผ้าขาวบางเหมือนข้าวเกรียบปากหม้อ จากนั้นนำไปตากให้แห้ง สามารถทานเล่นเปล่าๆ ได้ หรือนำแป้งไปแช่น้ำ แล้วไปห่อเส้นหมี่ก็จะกลายเป็น “หมี่พัน”  แอดขอแนะนำร้านป้าหว่างหมี่พัน ร้านเก่าแก่เปิดมา 30 ปี เส้นหมี่สด สะอาด ปรุงรสกลมกล่อมที่ตั้ง : ถนนราษฎร์อุทิศ ซอย 5 ตำบลศรีพนมมาศ อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์พิกัด : https://goo.gl/maps/iVaPL2kNFVE2เปิดทุกวัน เวลา 10.00 – 17.00 น.โทร. 084 045 2407 อาหารขึ้นชื่ออีกอย่างคือ “ข้าวพันผัก” วิธีการทำการทำแป้งเหมือนทำข้าวแคบ แต่ไม่ต้องนำแป้งไปตากแห้ง ให้นำแป้งสดมาห่อผักและเครื่องต่างๆ แทน ใครอยากทานข้าวพันผัก แอดแนะนำร้านกิ๊ก ข้าวพันผักพื้นบ้าน ที่มีเมนูให้เลือกหลากหลาย ทั้งข้าวพันผัก ไข่ม้วน และส้มตำรสแซ่บ ข้าวพันผักพื้นบ้าน ที่ตั้ง : ถนนราษฎร์อุทิศ ตำบลศรีพนมมาศ อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ (ใกล้ร้านป้าหว่าง หมี่พัน) พิกัด : https://goo.gl/maps/CGKM14wpjYS2เปิดวันอังคาร – อาทิตย์ เวลา 09.30 -16.30 น.โทร. 099 235 6373 ขอบคุณรูปภาพจาก : facebook ร้านข้าวพันผักพื้นบ้าน จบจากร้านข้าวพันผัก หมี่พัน ใครยังมีพื้นที่ในกระเพาะเหลือก็มาต่อที่ร้านนี้ได้ ร้าน”ลำลำลับแล” ร้านก๋วยเตี๋ยวสูตรน้ำพริกเผาลับแลโบราณอายุกว่า 200 ปี เมนูเด็ดของทางร้าน ได้แก่ เล้งแซ่บ ผัดกระเพราไข่ลวกชีส ก๋วยเตี๋ยวต้มยำใส่ชีสและเครื่องชนิดต่างๆ ร้านลำลำ ลับแลที่ตั้ง : 448/1 ตำบลศรีพนมมาศ อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์พิกัด : https://goo.gl/maps/k1ckgzSxC3E2เปิดวันอังคาร – อาทิตย์ (ปิดวันจันทร์) เวลา 10.00 – 16.00 น.โทร. 088 805 0210 ขอบคุณรูปภาพจาก facebook ร้านลำลำ ลับแล อิ่มกันแล้วก็ไปปั่นกันต่อ เราไปกันที่กลุ่มทำไม้กวาดบ้านท้องลับแล อยู่ห่างจากโซนร้านอาหารไปอีก 4 กิโลเมตร เพื่อไปดูวิธีการทำไม้กวาดตองกง หนึ่งในสินค้าขึ้นชื่อของเมืองลับแลเอกลักษณ์ของไม้กวาดตองกงคือ จะถักตรงปลายให้โค้งงอเป็นตะขอ ปลายด้ามจับจะมีริบบิ้นสีแดงผูกอยู่ ถ้ามีเวลาเยอะไปลองนั่งถักไม้กวาดได้นะคะ คุณป้าใจดียินดีสอนให้ค่ะ กลุ่มทำไม้กวาดบ้านท้องลับแลที่ตั้ง : 43/3 หมู่ 7 ตำบลฝายหลวง อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์เปิดทุกวัน เวลา 09.00 – 17.00 น.พิกัด : https://goo.gl/maps/tmHS5JY2aKtโทร. 089 839 2683 เที่ยวเหนื่อยมาทั้งวัน ปิดท้ายทริปด้วยการหาอะไรเย็นๆ ดื่มสักหน่อยที่ร้าน “ลับแล คลับ” Wifi Cafe ร้านนี้มีทั้งเครื่องดื่มและอาหารพร้อมบริการ ทางร้านใช้กาแฟอาราบิก้าแท้100% เครื่องดื่มแนะนำ คือ เมนูลาเต้อาร์ต ส่วนอาหารแนะนำ ได้แก่ เส้นใหญ่ผัดขี้เมา ยำหมูยอ ก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ หอยทอด และออส่วน ลับแล คลับที่ตั้ง : ถนนอินใจมี ตำบลศรีพนมมาศ อำเภอลับแล จังหวัด (ก่อนถึงซุ้มประตูเมืองลับแล ตรงข้ามศึกษาภัณฑ์พานิชย์ อุตรดิตถ์)พิกัด : https://goo.gl/maps/4cBgb1VfTQvเปิดวันอังคาร-วันอาทิตย์ เวลา 06.30 – 20.00 น.โทร. 062 296 4922 ขอบคุณภาพจาก ร้านลับแลคลับ

ยิ่งปั่น ยิ่งหลง…รักลับแล อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top