น่าน

น่าน

⛅ Unseen 12 จุดชมหมอกเมืองไทย ⛅

อลังการความงามของธรรมชาติทั้งปี หมอกสวย วิวอลัง การเดินทางสุดมันส์ บรรยากาศเหล่านี้จะกลับมาอีกครั้ง เริ่ม !! ส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปี 2565 ด้วยพิกัดเที่ยว “ตามล่าหาทะเลหมอก” ช่วงนี้อากาศกำลังเย็นสบาย เราขอแนะนำที่เที่ยว ชวนไปสัมผัสอากาศหนาวกันบ้าง พาไปชมทะเลหมอกขาว ท่ามกลางธรรมชาติ ดูแสงแรกยามเช้า รับอากาศบริสุทธิ์ ซึ่งแต่ละสถานที่นั้น สวยไม่แพ้กันเลย เอาใจสายรักหมอกมาก ๆ เพราะธรรมชาติเมืองไทย มีให้เราไปเจอได้แบบไม่สิ้นสุด แถมยังเที่ยวได้ทั้งปีอีกด้วย คุณลองหลับตา และจินตนาการถึงสายหมอก สายลมเย็นเหนือขุนเขาที่พัดผ่านผิวกาย สองเท้าย่ำไปบนผืนดิน สูดรับออกซิเจนบริสุทธิ์เข้าปอด และมองดูความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่าที่เติบโตเพิ่มขึ้น แล้วความสุขของการท่องเที่ยวและพักผ่อน บรรยากาศดี ๆ เหล่านั้นจะกลับมา และช่วงเวลาแบบนี้ เราถือโอกาสบอกต่อสิ่งดี ๆ ให้คุณ สำหรับใครที่กำลังมองหาภาพปฏิทินสวย ๆ พร้อมแนะนำที่เที่ยว หรือดาวน์โหลดปฏิทิน ทำ E-Card ด้วยตัวเอง เพื่อส่งต่อความสุขให้กับคนที่เรารักและห่วงใย สามารถคลิกที่นี่ได้เลย https://tatcalendar.com/ สำหรับการทำ E-Card ด้วยตัวเองก็ง่ายมาก เราขอชวนคุณมาร่วมทำไปด้วยกัน เพียง.. คลิกเลือก E-card แบบรูปภาพหรือวิดีโอ ใช้คำอวยพรเดิมที่มีให้ หรือพิมพ์ข้อความใหม่ ความยาวไม่เกิน 30 ตัวอักษร ลงในช่องกรอกข้อความ คลิก เปลี่ยนข้อความ คลิกขวาเพื่อบันทึกรูปภาพพร้อมข้อความ สำหรับ PC หรือแตะที่รูปค้างไว้แล้วเลือก บันทึกรูปภาพ สำหรับโทรศัพท์มือถือและแท็บเล็ต นำภาพหรือวิดีโอที่บันทึกไว้ ส่งผ่านช่องทางต่างๆ ได้แก่ Social Media, E-mail เป็นต้น นอกจากมีเว็บไซต์แล้ว ยังมีแอพพลิเคชัน TAT CALENDAR ด้วยนะ สามารถดาวน์โหลดมาใช้งานกันแบบง่าย ๆ ได้แล้ววันนี้ ทั้งระบบ Android และ iOS ดาวน์โหลดผ่านระบบ Android คลิก : https://bit.ly/3oU23br ดาวน์โหลดผ่านระบบ iOS คลิก : https://apple.co/3GHsjfq ม่อนหมอกตะวันจังหวัดตาก “ม่อนหมอกตะวัน” ตั้งอยู่ที่บ้านป่าหวาย ธรรมชาติแห่งขุนเขายามเช้า ท่ามกลางสายหมอกพริ้วไหว และดอกเสี้ยนฝรั่งสีบานเย็นสลับขาวที่ผลิดอกสะพรั่งบานเต็มทั่วทิวเขา เป็นความงดงามที่เพิ่งถูกค้นพบและกลายเป็นจุดชมวิวแห่งใหม่ของจังหวัดตาก ที่นี่ มีบริการลานกางเต็นท์ บ้านพัก ให้ตื่นมาพร้อมชมพระอาทิตย์ขึ้น กับทะเลหมอก รวมทั้งดอกไม้ที่สวยงามตระการตา กับบรรยากาศที่รับรองว่าไม่เหมือนใคร ทางขึ้นของที่นี่ค่อนข้างชัน เป็นถนนแบบคอนกรีตผสมลูกรัง ขับรถระวัง ๆ กันด้วยนะ พิกัด : บ้านป่าหวาย อ.พบพระ จ. ตากGPS : https://goo.gl/maps/vqKcH9SVkRxJNrDD6 ดอยผาตั้งจังหวัดเชียงราย จุดชมวิวบนดอยผาตั้ง เป็นอีกหนึ่งสถานที่ห้ามพลาดในช่วงหน้าหนาว เพราะนอกจากอากาศที่หนาวสะท้านไปถึงกระดูกแล้ว ยังได้ไปชมพระอาทิตย์ขึ้นกลางทะเลหมอกขาวโพลนอีกด้วย บรรยากาศดีมาก ซึ่งจุดชมวิวที่เป็นไฮไลท์บนดอยแห่งนี้ มีอยู่หลายจุด ไม่ว่าจะเป็น ‘ป่าหินยูนนาน’ แนวโขดหินริมหน้าผา ไปนั่งเท่ ๆ ถ่ายภาพคู่กับวิวทะเลหมอกได้ หรือจุดชมวิว ‘ช่องเขาขาด’ เป็น landscape ที่โดดเด่น มีช่องเขาที่มองเห็นทะเลหมอกกับวิวภูเขาฝั่ง สปป.ลาวเป็น background ‘เนิน102’ อยู่ถัดจากช่องเขาขาดไปเล็กน้อย เดินขึ้นง่ายไม่เหนื่อย เป็นจุดที่มองเห็นวิวโดยรอบได้ 360 องศา ด้านหนึ่งจะเห็นยอดเขาแหลมฝั่งลาวที่สวยงามมาก นอกจากนี้ยังมีจุดชมวิวอื่น ๆ ใกล้เคียงอีกด้วย แต่ว่าต้องเดินไกลหน่อย รวมไปถึงมีที่พักไว้บริการด้วยนะ พิกัด : ดอยผาตั้ง อ. เวียงแก่น จ. เชียงรายGPS : ‭https://goo.gl/maps/nHvzsZDLD7z ดอยตาปังจังหวัดชุมพร “ดอยตาปัง” อยู่ในพื้นที่ของเขาทะลุ เป็นจุดชมวิวทะเลหมอก สุดฟินแห่งภาคใต้ เพราะมีหมอกตลอดทั้งปี ซึ่งที่นี่เป็นดอยที่ชาวบ้านในชุมชนช่วยกันผลักดันจนกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของชุมพร ที่นี่จะมองเห็นทะเลหมอกทอดผ่านแนวทิวเขาสวยงามไม่แพ้ทางเหนือ เหมาะกับการชมพระอาทิตย์ขึ้น มีลานกางเต็นท์ให้บริการ การเดินทางจะต้องใช้รถที่ขับเคลื่อนสี่ล้อเท่านั้น เนื่องจากข้างบนเป็นพื้นที่แคบ แนะนำให้ใช้การบริการรถจากชาวบ้านซึ่งเป็นผู้ชำนาญเรื่องถนนหนทางพาขึ้นไปดีกว่านะ พิกัด : ดอยตาปัง อ.สวี จ.ชุมพรGPS : https://goo.gl/maps/21FgYFpJorMSBPhq9 และช่วงเวลาแบบนี้ เราถือโอกาสบอกต่อสิ่งดี ๆ ให้คุณด้วย สำหรับใครที่กำลังมองหาภาพปฏิทินสวย ๆ พร้อมคำแนะนำงานประเพณี กิจกรรมดีดี หรือดาวน์โหลดปฏิทิน ทำ E-Card ด้วยตัวเอง เพื่อส่งต่อความสุขให้กับคนที่เรารักและห่วงใย สามารถคลิกที่นี่ https://tatcalendar.com/ หรือสแกน QR Code ในภาพได้เลย นอกจากเว็บไซต์แล้ว ยังมีแอพพลิเคชัน TAT CALENDAR ด้วยนะ สามารถดาวน์โหลดมาใช้งานกันแบบง่าย ๆ ได้แล้ววันนี้ ทั้งระบบ Android และ iOS ดาวน์โหลดผ่านระบบ Android คลิก : https://bit.ly/3oU23brดาวน์โหลดผ่านระบบ iOS คลิก : https://apple.co/3GHsjfq  และนี่ก็คือตัวอย่าง E-Card ที่เราทำ ซึ่งสามารถใช้คำอวยพรเดิมที่มีให้ หรือเปลี่ยนข้อความเป็นคำอวยพรในสไตล์ของตัวเองได้เลย สำหรับการทำ E-Card ด้วยตัวเองก็ง่ายมาก เราขอชวนคุณมาร่วมทำไปด้วยกัน เพียง..1. คลิกเลือก E-card แบบรูปภาพหรือวิดีโอ2. ใช้คำอวยพรเดิมที่มีให้ หรือพิมพ์ข้อความใหม่ ความยาวไม่เกิน 30 ตัวอักษร ลงในช่องกรอกข้อความ3. คลิก เปลี่ยนข้อความ4. คลิกขวาเพื่อบันทึกรูปภาพพร้อมข้อความ สำหรับ PC หรือแตะที่รูปค้างไว้แล้วเลือก บันทึกรูปภาพ สำหรับโทรศัพท์มือถือและแท็บเล็ต5. นำภาพหรือวิดีโอที่บันทึกไว้ ส่งผ่านช่องทางต่าง ๆ […]

⛅ Unseen 12 จุดชมหมอกเมืองไทย ⛅ อ่านเพิ่มเติม

น่าน….เต๊อะ

น่าน นครแห่งขุนเขา จุดหมายปลายทางที่ใครๆ ก็อยากเดินทางไปสักครั้ง….ทั้งสัมผัสอากาศหนาว ธรรมชาติที่สวยงาม วิถีชีวิตและความเงียบสงบ เรียบง่ายน่าอยู่ของจังหวัดนี้ ไปน่านทั้งทีเราเลยเก็บภาพและ 10 จุดเช็คอินมาฝากทุกคน …. อยากไปเที่ยวไหน แนะนำเลยว่า น่าน..เต๊อะ (เต๊อะ เป็นภาษาเหนือแปลว่า เถอะนะ) …. รับรองว่าครบ ฟิน แล้วจะตกหลุมรักนครแห่งขุนเขานี้ไปกับเราแน่นอน 10 จุดเช็คอินน่าน .1. หอศิลป์ริมน่าน2. วัดหนองบัว3. Cocoa Valley4. ดอยซิลเวอร์5. ดอยสกาด6. บ่อเกลือสินเธาว์7. ถนนหมายเลข 38. ถนนคนเดินน่าน9. วัดภูมินทร์10. วัดช้างค้ำ หอศิลป์ริมน่าน.แหล่งรวมงานศิลปะและวัฒนธรรมขนาดใหญ่ของจังหวัดน่าน บนพื้นที่กว่า 13 ไร่ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำน่าน โดยมีการแสดงผลงานต่างๆ ในรูปแบบกึ่งนิทรรศการถาวรให้ได้ชมเกือบตลอดทั้งปี ในสภาพภูมิประเทศที่เป็นธรรมชาติ เพื่อให้คนที่มาเสพศิลปะนั้นได้ความรู้สึกสบายใจและพักผ่อนไปด้วย ภายในจัดแสดงงานศิลปะทั้งภาพวาด และงานศิลปะต่างๆ ที่จะหมุนเวียนผลัดเปลี่ยนกันไปตามวาระต่างๆ และด้านหลังบริเวณเฮือนศรีนวลเป็นรานกาแฟและจำหน่ายของที่ระลึก ที่สามารถนั่งพักผ่อนพร้อมชมวิวทิวทัศน์ของแม่น้ำน่านท่ามกลางธรรมชาติได้อีกด้วย.เปิดทำการวันพฤหัสบดี-วันอังคาร ตั้งแต่เวลา 9:00-17:00 น. และปิดให้บริการทุกวันพุธเสียค่าธรรมเนียมในการเข้าชมคนละ 20 บาทโทร. 081 9892 912 , 054 798 046พิกัด https://goo.gl/maps/EcvxT3TJn3be8Bys8รายละเอียดเพิ่มเติม : https://www.facebook.com/holsil.rimnan วัดหนองบัว.ตั้งอยู่ในอำเภอท่าวังผา เป็นวัดเก่าแก่ที่อยู่ท่ามกลางหมู่บ้านชาวไทลื้อ ใครมาจังหวัดน่านแล้วไม่ได้มาวัดหนองบัวถือว่าพลาดมาก เพราะวัดนี้มีภาพเขียนสีสกุลช่างไทลื้อที่หาชมได้ยากมากๆ เพราะมีอยู่แค่ 2 แห่งเท่านั้นในจังหวัดน่านก็คือที่วัดภูมินทร์และวัดหนองบัวแห่งนี้ ภาพเขียนสีฝาผนังก็มีความงดงามมากเป็นภาพวาดที่สื่อถึงวิถีชีวิตของชาวไทลื้อ ส่วนด้านหลังของวัดก็ยังมีจุดแสดงวัฒนธรรมของชุมชน มีการทอผ้าซิ่นพร้อมทั้งจำหน่ายให้ได้เป็นของฝากกันอีกด้วย.เปิดทุกวัน เวลา 08.00-18.00 น.พิกัด https://goo.gl/maps/sFKg8TSyCV1kVpMm9รายละเอียดเพิ่มเติม : https://www.facebook.com/106watnongbua/ Cocoa Valley.แหล่งรวมกิจกรรม ที่พัก และค่าเฟ่น่ารักๆ พร้อมกับวิวธรรมชาติที่สวยงาม ผู้ที่ชื่นชอบช็อคโกแลตไม่ควรพลาด เพราะที่นี่มีกิจกรรมให้ทำมากมาย ทั้งการเก็บโกโก้จากสวน การชมกรรมวิธีในการผลิตช็อคโกแลต การทำช็อคโกแลตบาร์ด้วยตัวเอง การดื่มเครื่องดื่มและขนมสุดแสนอร่อยที่มาจากต้นโกโก้ที่ปลูกแบบวิถีเกษตรอินทรีย์ มาตรฐาน Earth safe จากมูลนิธิรักษ์ดิน รักษ์น้ำ มั่นใจได้เลยว่าเป็นโกโก้แท้ 100% และถ้าใครอยากซึมซับบรรยากาศกับธรรมชาติแบบชุ่มฉ่ำก็ต้องพักที่นี่เลยจ้า รับรองว่าต้องตกหลุมรักที่นี่อย่างแน่นอน.เปิดทุกวัน 10.00-18.00 น.โทร. 063 791 1619พิกัด https://goo.gl/maps/hKY1GB9EN58poNV26รายละเอียดเพิ่มเติม : https://www.facebook.com/cocoavalleyresort/ ดอยซิลเวอร์.ศูนย์หัตถกรรมที่มีชื่อเสียงของจังหวัดน่าน และยังได้สืบสานศิลปหัตถกรรมเครื่องประดังเงินจากบรรพบุรุษ ด้วยประสบการณ์ด้านเครื่องประดับเงินมากกว่า 70 ปี เป็นแหล่งเรียนรู้การทำเครื่องเงินที่สร้างสรรค์ ที่ไม่ได้เป็นแค่สถานที่จำหน่ายเครื่องเงิน แต่ยังมีกิจกรรมการทำเครื่องประดับจากเงินให้นักท่องเที่ยวได้ร่วมสนุกกันอีกด้วย ทั้งสร้อย ต่างหู สามารถร่วมทำตามความชื่นชอบของนักท่องเที่ยวเลยจ้า.เปิดทุกวัน 08.00-17.00 น.โทร. 054 791 650พิกัด https://goo.gl/maps/hHRpCaHxjndBTAK66รายละเอียดเพิ่มเติม : https://doisilver-factory.com/  ดอยสกาด.ตั้งอยู่ในอำเภอปัว หมู่บ้านเล็กๆ เป็นถิ่นที่อยู่ของชาวไทยภูเขาเผ่าลัวะ ที่มีวิถีชีวิตแบบเรียบง่าย ที่นี่มีอากาศเย็นสบายตลอดปี มีที่พักแบบโฮมสเตย์ สามารถมองเห็นวิวของเทือกเขาดอยภูคาได้แบบพาโนรามา ใครที่อยากสัมผัสกับธรรมชาติแบบเป็นส่วนตัว เงียบสงบ ชมความสวยงามของวิวธรรมชาติ สัมผัสอากาศหนาวพร้อมกับการดริฟกาแฟ จิบชาอัสสัม (ของดีดอยสกาด) ถ่ายภาพสวยๆ จากวิวของที่พัก ต้องมาที่นี่เลย…ห้ามพลาด แถมเจ้าของบ้านก็น่ารักมากๆ เป็นกันเองและทำอาหารอร่อยมากอีกด้วยจ้า  บ่อเกลือสินเธาว์โบราณ.ตั้งอยู่ที่อำเภอบ่อเกลือ ห่างจากตัวเมืองประมาณ 80 กิโลเมตร มีชื่อเสียงในการทำเกลือสินเธาว์ โดยเป็นการทำเกลือบนภูเขาที่ไม่มีที่ใดเหมือนหรือจะเรียกว่าเป็นที่เดียวในโลกก็ว่าได้ บ่อเกลือนี้มีมาตั้งแต่โบราณ แต่ปัจจุบันเหลืออยู่เพียง 2 บ่อเท่านั้น คือบ่อเกลือเหนือและบ่อเกลือใต้ ที่นี่ยังคงมีการต้มเกลือแบบโบราณให้เราได้ชมกันอีกด้วย และยังมีผลิตภัณฑ์มากมายที่ทำจากเกลือให้เราได้ซื้อหากันเป็นของฝาก เช่น ดอกเกลือ เกลือพอกหน้า เกลือขัดผิว ยาสีฟันเกลือ ใครได้ไปเที่ยวที่นี่ก็อย่าลืมอุดหนุนผลิตภัณฑ์ดีๆ ของชุมชนนี้กันนะจ๊ะ.เปิดทุกวัน 06.30-18.00 น.พิกัด https://goo.gl/maps/Xx1v1KW1DrCcWjgD7  ถนนหมายเลข 3.ถนนที่มีความโค้งสวยงามเหมือนเลข 3 อยู่บนทางหลวงหมายเลข 1081 สายสันติสุข-บ่อเกลือ ช่วงกิโลเมตรที่ 38-39 เป็นเส้นถนนที่มีความสวยงาม ทั้งสองข้างทางเต็มไปด้วยต้นไม้ตามแนวธรรมชาติที่เห็นแล้วต้องร้องว้าว…… ถือว่าถนนสายนี้สวยมากจริงๆ เหมาะกับการถ่ายภาพ เช็คอินลงโชเชียลมากๆเลย ใครที่เดินทางไปเที่ยวที่อำเภอบ่อเกลือขากลับก็อย่าลืมแวะตรงนี้เพื่อถ่ายภาพสวยๆกันก่อนนะจ๊ะ.พิกัด https://goo.gl/maps/VgcAgJ8ucXE8jm2Q6  ถนนคนเดินเมืองน่าน หรือที่เรียกกันว่ากาดข่วงเมืองน่าน.แหล่งช็อปปิ้งที่ไม่ควรพลาดเด็ดขาด ถ้าได้มาเที่ยวจังหวัดน่านแล้วไม่ได้มาเดินถนนคนเดินเมืองน่านถือว่ามาไม่ถึงนะจ๊ะ เพราะที่นี่ถือเป็นศูนย์รวมของอร่อย สินค้าพื้นเมือง ของแฮนด์เมดมากมายให้นักท่องเที่ยวได้เลือกซื้อกัน และบริเวณด้านข้างของวัดภูมิทร์ก็มีลานกว้างให้เราได้นั่งกินอาหารกันพร้อมกับชมบรรยากาศเมืองน่าน ฟังเพลงพื้นเมืองเพราะๆ และสัมผัสอากาศดีๆ ของเมืองนี้กันด้วย รับรองว่าถ้าได้ไปเดินเที่ยวกันแล้วจะต้องทั้งอิ่มท้อง และได้ของฝากติดไม้ติดมือกลับบ้านกันแน่นอน.เปิดทุกวันศุกร์-อาทิตย์ เวลาประมาณ 17.00-22.00 น.พิกัด https://goo.gl/maps/qWM9SUVYbBRAUYjB9  วัดภูมินทร์.วัดนี้ถือได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ของเมืองน่าน และเป็นไฮไลท์สำหรับการมาท่องเที่ยวจังหวันน่านเลยทีเดียว เพราะด้วยความสวยงามและความเป็นมาที่น่าสนใจมากๆ รวมถึงจิตกรรมฝาผนังหรือที่เรียกกันว่าฮูบแต้มที่อยู่ภายในพระอุโบสถสวยงามมากจริงๆ เป็นเหมือนการบรรยายวิถีชีวิตและตำนานพื้นบ้านของคนเมืองน่านในอดีตด้วยการวาดภาพ ส่วนภาพที่ทุกคนมาแล้วต้องดูให้ได้ก็คือภาพปู่ม่าน ย่าม่าน ตำนานแห่งคำว่าน่านกระซิบรัก และนอกจากจะไปสักการะพระพุทธรูป ชมจิตรกรรมฝาผนังอันเลื่องชื่อกันแล้วก็อย่าลืมซื้อของที่ระลึกกันนะจ๊ะ มีทั้งภาพวาดเหมือนจิตรกรรมฝาผนังของวัด ภาพปู่ม่าน-ย่าม่าน ให้เลือกกันมากมายเลยจ้า แล้วก็อย่าลืมไปลอดช่องประตูใต้ท้องพญานาคกันนะจ๊ะเพราะเชื่อกันว่าถ้าเป็นคนต่างถิ่นได้ลอดช่องประตูนี้แล้วจะได้กลับมาเยือนเมืองน่านอีกครั้ง.เปิดทุกวัน เวลา 06.00-18.00 น.พิกัด https://goo.gl/maps/Pcayk24NCuM3rwcj8  วัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร.เดิมเรียกวัดหลวง หรือวัดหลวงกลางเวียง ตั้งอยู่ตรงข้ามพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติน่าน เป็นที่ประดิษสถานพระบรมสารีริกธาตุไว้ภายใน ด้านในวัดมีเจดีย์ทรงลังกา (ทรงระฆังคว่ำ) ซึ่งเป็นศิลปสมัยสุโขทัย โดยรอบเจดีย์มีรูปปั้นช้างปูนปั้นเพียงครึ่งตัวประดับอยู่โดยรอบ ภายในวิหารประดิษฐานพระพุทธรูปทองคำ ปางลีลา วัดนี้ถือเป็นวัดที่มีความสวยงามมากอีกที่หนึ่งของจังหวัดน่านที่น่าแวะไปสักการะเพื่อความเป็นสิริมงคล หากใครมีเวลาเราแนะนำให้ถวายสังฆทานที่นี่เลยเพราะนอกจากหลวงพ่อจะให้ศีลให้พรเป็นภาษาเมืองเหนือแล้วหลวงพ่อก็จะเล่าประวัติความเป็นมาของวัดนี้ให้ฟังด้วย ถือว่าอิ่มบุญและได้ความรู้กลับมาด้วยจ้า.เปิดทุกวัน เวลา 06.00-18.00 น.พิกัด https://goo.gl/maps/rY3dRxpRWyVGrMoc8 

น่าน….เต๊อะ อ่านเพิ่มเติม

ไหว้ ๑๒ พระบรมธาตุเจดีย์ประจำปีนักษัตร

“พระบรมธาตุเจดีย์” เป็นที่ประดิษฐาน พระบรมสารีริกธาตุ คือ อัฐิธาตุของพระพุทธเจ้า โดยมีการอัญเชิญและสร้างเจดีย์เป็นที่ประดิษฐาน ณ สถานที่ต่าง ๆ และจัดพิธีสักการบูชาพระบรมสารีริกธาตุในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา ตามคติความเชื่อของชาวล้านนา เชื่อว่าการสักการบูชาพระบรมสารีริกธาตุเสมือนการได้ “ชุธาตุ” หรือกราบไหว้บูชาองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า และมีคติความเชื่อว่า “นามเปิ้ง” คือนามของสัตว์ที่เป็นพาหนะในการนำมาเกิดตามราศี จึงกำหนดพระบรมธาตุเจดีย์ประจำปีเกิดนักษัตร เพื่อเพิ่มความเป็นสิริมงคลในการสักการบูชา พระบรมธาตุเจดีย์ประจำปีเกิดนักษัตรส่วนใหญ่จึงอยู่ในภาคเหนือ และมีหนึ่งแห่งอยู่ที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ๑. พระธาตุประจำปีเกิด ปีชวด (ปีหนู) ธาตุน้ำ“พระธาตุศรีจอมทอง” วัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร ถนนเชียงใหม่-ฮอด ตำบลบ้านหลวง อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ พระธาตุศรีจอมทอง ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุส่วนพระเศียรเบื้องขวาของพระพุทธเจ้า โดยพระบรมสารีริกธาตุนี้มิได้ถูกบรรจุฝังไว้ใต้ดินเช่นที่อื่น แต่ถูกบรรจุไว้ในพระโกศห้าชั้น ประดิษฐานอยู่ในพระวิหารหลวงซึ่งอยู่ด้านหลังองค์พระธาตุเจดีย์ศรีจอมทอง และในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๙ (เหนือ) หรือก็คือวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๗ (ประมาณเดือนมิถุนายน) ของทุกปี ที่วัดจะมีการจัดงานประเพณีสรงน้ำพระบรมธาตุศรีจอมทอง.การเดินทาง : จากตัวเมืองเชียงใหม่ ใช้ทางหลวงหมายเลข ๑๐๘ เส้นทางเชียงใหม่-ฮอด จนถึงตัวอำเภอจอมทอง จะพบวัดตั้งอยู่ซ้ายมือ มีรถโดยสารประจำทางทั้งรถเมล์และรถสองแถว สายเชียงใหม่-จอมทอง วิ่งผ่านหน้าวัด สามารถขึ้นรถได้ที่สถานีขนส่งช้างเผือกในตัวเมืองเชียงใหม่ ๒. พระธาตุประจำปีเกิด ปีฉลู (ปีวัว) ธาตุดิน“พระธาตุลำปางหลวง” วัดพระธาตุลำปางหลวง ตำบลลำปางหลวง อำเภอเกาะคา จังหวัดลำปาง วัดพระธาตุลำปางหลวง เป็นวัดไม้ที่สมบูรณ์แห่งหนึ่งของประเทศไทย จากตำนานกล่าวว่า วัดอยู่บนซากเมืองโบราณลัมพกัปปะนคร พระนางจามเทวีได้เสด็จมาโปรดฯ ให้บูรณะปฏิสังขรณ์ มีพระธาตุเจดีย์ทรงลังกาบุทองเหลืองฉลุลาย ภายในประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ ได้แก่ พระเกศาธาตุ (ผม) พระนลาฏ (หน้าผาก) ข้างขวา และส่วนพระศอด้านหน้าและด้านหลังของพระพุทธเจ้า การสักการบูชามักจัดให้มีขึ้นในช่วงวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา.การเดินทาง : จากตัวเมืองลำปาง ใช้ทางหลวงหมายเลข ๑ (ลำปาง-เถิน) จากนั้นเลี้ยวขวาเข้าตัวอำเภอเกาะคา และข้ามแม่น้ำวัง จะพบที่ว่าการอำเภอเกาะคา ให้เลี้ยวขวาและตรงไป ๓ กิโลเมตร ถึงวัด ๓. พระธาตุประจำปีเกิด ปีขาล (ปีเสือ) ธาตุไม้“พระธาตุช่อแฮ” วัดพระธาตุช่อแฮ ถนนช่อแฮ ตำบลช่อแฮ อำเภอเมืองแพร่ จังหวัดแพร่ ภายในพระบรมธาตุเจดีย์ประดิษฐาน พระเกศาธาตุและพระบรมธาตุส่วนพระศอกซ้ายของพระพุทธเจ้า ในวันขึ้น ๙ ค่ำ เดือน ๖ เหนือ (ประมาณช่วงเดือนกุมภาพันธ์หรือต้นเดือนมีนาคม) ของทุกปี ทางวัดจะจัด “งานประเพณีไหว้พระธาตุช่อแฮ เมืองแพร่ แห่ตุงหลวง” มีริ้วขบวนเครื่องสักการะ ผ้าห่มพระธาตุ ๑๒ ราศี ตุง ๑๒ ราศี และเทศน์มหาชาติ.การเดินทาง : จากสี่แยกบ้านทุ่งในตัวเมืองแพร่ ไปตามถนนช่อแฮ รวมระยะทางจากตัวเมืองประมาณ ๙ กิโลเมตร ๔. พระธาตุประจำปีเกิด ปีเถาะ (ปีกระต่าย) ธาตุน้ำ“พระธาตุแช่แห้ง” วัดพระบรมธาตุแช่แห้ง บ้านหนองเต่า ตำบลม่วงติ๊ด อำเภอภูเพียง จังหวัดน่าน ภายในพระบรมธาตุเจดีย์ประดิษฐาน พระเกศาธาตุและพระบรมธาตุส่วนข้อมือซ้ายของพระพุทธเจ้า ในวันขึ้น ๑๑-๑๕ ค่ำ และ แรม ๑ ค่ำ เดือน ๖ เหนือ (ประมาณเดือนมิถุนายนถึงกรกฎาคม) จะมีการจัด “งานนมัสพระธาตุแช่แห้ง” โดยมีการแห่ตุงถวายพระบรมธาตุ และจุดบอกไฟ (ลักษณะเดียวกับบั้งไฟ ประทัด หรือดอกไม้ไฟ) ถวายเป็นพุทธบูชา.การเดินทาง : จากตัวเมืองน่าน ข้ามสะพานแม่น้ำน่าน ไปตามทางหลวงหมายเลข ๑๑๖๘ ระยะทางประมาณ ๓ กิโลเมตร ๕. พระธาตุประจำปีเกิด ปีมะโรง (ปีงูใหญ่) ธาตุดิน“พระมหาธาตุเจดีย์ หรือ พระธาตุหลวง” วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร ถนนสามล้าน ตำบลพระสิงห์ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ ภายในพระบรมธาตุเจดีย์ประดิษฐานพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้า และบริเวณใกล้กันยังเป็นที่ตั้งของพระวิหารลายคำ ซึ่งภายในประดิษฐาน “พระสิงห์” (พระพุทธสิหิงค์) พระพุทธรูปคู่เมืองเชียงใหม่และแผ่นดินล้านนา พระวิหารลายคำนี้ได้รับรางวัลสถาปัตยกรรมดีเด่น เพราะมีลวดลายปิดทองล่องชาด เทคนิคการฉลุลายปรากฏบนฝาผนังหลังพระประธานและเสากลางพระวิหาร เสาระเบียงด้านหน้าพระวิหาร ตลอดถึงบางส่วนของโครงไม้ บนฝาผนังภายในมีภาพจิตรกรรมฝาผนังเรื่อง สังข์ทองและสุวรรณหงส์ เขียนด้วยสีฝุ่นมีความงดงามมาก.การเดินทาง : วัดพระสิงห์อยู่ใกล้บริเวณคูเมืองด้านใน ตรงบริเวณจุดบรรจบระหว่างถนนสามล้าน ถนนสิงหราช และถนนราชดำเนิน หรือใช้บริการรถโดยสารสองแถวแดงที่ให้บริการในตัวเมืองเชียงใหม่ ๖. พระธาตุประจำปีเกิด ปีมะเส็ง (ปีงูเล็ก) ธาตุน้ำ“พระเจดีย์เจ็ดยอด” วัดโพธารามมหาวิหาร ตำบลช้างเผือก อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ พระเจดีย์เจ็ดยอด จำลองแบบจากมหาวิหารเจดีย์พุทธคยา ประเทศอินเดีย สร้างสมัยพระเจ้าติโลกราชแห่งราชวงศ์มังราย พระองค์ทรงให้แบ่งหน่อพระศรีมหาโพธิ์ที่พระสงฆ์สิงหลนิกายลังกาวงศ์นำมาจากลังกาแล้วปลูกไว้ที่เชิงดอยสุเทพ ให้นำมาปลูกไว้ใกล้กับพระเจดีย์เจ็ดยอดด้วย จึงมีสองสิ่งสำคัญในการเป็นที่สักการะประจำปีเกิดปีมะเส็ง คือ ต้นพระศรีมหาโพธิ์และพระมหาเจดีย์เจ็ดยอด.การเดินทาง : จากตัวเมืองเชียงใหม่ ใช้ถนนห้วยแก้วจนถึงสี่แยกรินคำ ให้เลี้ยวขวาเข้าถนนซุปเปอร์ไฮเวย์ (เชียงใหม่-ลำพูน) ตรงไปประมาณ ๑ กิโลเมตร จะพบวัดตั้งอยู่ซ้ายมือ ๗. พระธาตุประจำปีเกิด ปีมะเมีย (ธาตุไฟ)พระบรมธาตุ วัดพระบรมธาตุบ้านตาก ตำบลเกาะตะเภา อำเภอบ้านตาก จังหวัดตาก มีตำนานกล่าวถึงสถานที่ตั้งของพระบรมธาตุเจดีย์ว่า สมัยพุทธกาลพระพุทธเจ้าได้เสด็จมาที่แห่งนี้ และตรัสว่าเมื่อพระองค์ปรินิพพานแล้วให้นำพระเกศาธาตุมาประดิษฐานไว้ที่นี่ ต่อมาจึงมีการสร้างพระบรมธาตุเจดีย์ขึ้น โดยภายในบรรจุพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้า ในวันขึ้น ๑๔-๑๕ ค่ำ เดือน ๙ เหนือ (ประมาณปลายเดือนพฤษภาคมหรือต้นเดือนมิถุนายน) ของทุกปี

ไหว้ ๑๒ พระบรมธาตุเจดีย์ประจำปีนักษัตร อ่านเพิ่มเติม

Go 5 Adventures

Go 5 Adventures.ปีนผา อ่าวไร่เลย์ จังหวัดกระบี่.สำหรับกิจกรรมปีนผาเป็นอะไรที่ท้าทาย โดนใจวัยรุ่น และเป็นที่นิยมอย่างมากทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ซึ่งนอกจากจะได้ท้าทายความสูงแล้ว ยังได้ออกกำลังทุกส่วนของร่างกายเลยนะ แถมยังเป็นหนึ่งในกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงนิเวศที่ได้ใกล้ชิดธรรมชาติแบบสุดๆ อีกด้วย ซึ่งที่อ่าวไร่เลย์นี้ก็นับว่ามีแนวหินปูนสวยงามที่เหมาะแก่การปีนผาเป็นอย่างยิ่ง มีนักท่องเที่ยวมาท้าทายความสูงที่นี่กันอย่างมากมายเลยล่ะ ล่องแก่งลำน้ำว้า จังหวัดน่าน อีกหนึ่งกิจกรรมสุดพีค ที่ไม่มีไม่ได้เลยค่ะ ล่องแก่งลำน้ำว้าเป็นสถานที่ล่องแก่งที่ตื่นเต้นและสนุกที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย ลำน้ำว้าแบ่งออกเป็น 3 ช่วง ได้แก่ ลำน้ำว้าตอนบน ตอนกลางและตอนล่าง สามารถล่องได้ตลอดทั้งปี ซึ่งลำน้ำว้าแต่ละช่วงจะมีฤดูการล่องแก่งที่แตกต่างกัน มีระดับความยากตั้งแต่ระดับ 3 – 5 หากใครยังไม่เคยมาลอง ครั้งหน้าอย่าพลาดนะ รับประกันความมันแน่นอน ขับรถ ATV จังหวัดนครนายก.สายลุย สายผจญภัย ต้องห้ามพลาดกิจกรรมนี้! กับการขับรถ ATV บนพื้นที่โดยรอบอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ที่มีครบทุกรสชาติ เพื่อนๆ จะได้ลุยโคลน ลงคลอง ผ่านหลุมขรุขระ ทั้งแนวราบและแนวสูงชัน สนุกสนานเต็มที่แน่นอน บอกไว้ก่อนเลยว่าตลอดเส้นทางมีทั้งความตื่นเต้นและความเสียวปะปนกันไป และเพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ ต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัดนะคะ ขี่ช้าง สังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี.มาดูโหมดผจญภัยเบาๆ กันบ้างค่ะ การขี่ช้างเป็นกิจกรรมที่เป็นที่นิยมอย่างหนึ่ง เพราะเราจะได้ใกล้ชิดกับช้างท่ามกลางธรรมชาติ ได้ข้ามลำห้วย บุกป่า ขึ้นเขาผ่านหมู่บ้านกะเหรี่ยง ซึ่งเราจะได้อยู่บนหลังช้างประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่งเลยล่ะ Tree Top Adventure Park กิจกรรมสุดท้ายกลางป่าใหญ่ เป็นกิจกรรมที่ให้เราได้ปืนป่ายไปบนสะพานแขวนแคบๆ ซึ่งจะพาเราลัดเลาะไปตามยอดไม้ โดยมีสายรัดตัวที่ใช้ล็อกกับลวดสลิงเพื่อความปลอดภัยให้สวมใส่ อาจจะดูหวาดเสียวแต่ไม่น่ากลัวเลย ถ้าเราปฏิบัติตามที่เจ้าหน้าที่บอกค่ะ นอกจากเราจะได้ความตื่นเต้นแล้ว ยังได้ชมวิวจากมุมสูงอีกด้วยนะ หวาดเสียวคูณสองไปเลย สำหรับผู้ที่ชอบความท้าทายแล้ว เล่นได้ทั้งวันไม่มีเบื่อแน่นอน Tree Top Adventure Park มีให้บริการอยู่หลายแห่งทั่วประเทศ ได้แก่ เชียงราย กาญจนบุรี ประจวบคีรีขันธ์(หัวหิน) ตราด(เกาะช้าง) และกระบี่ ใกล้ที่ไหนไปที่นั่นได้เลย เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 28 กันยายน 2562

Go 5 Adventures อ่านเพิ่มเติม

ผจญแก่ง ล่องลำน้ำว้า จังหวัดน่าน

ลำน้ำว้า หรือแม่น้ำว้า มีต้นกำเนิดจากตาน้ำบนเทือกเขาในหมู่บ้านน้ำว้า ตำบลบ่อเกลือเหนือ อำเภอบ่อเกลือ จังหวัดน่าน ลำน้ำว้าไหลผ่านอุทยานแห่งชาติ 3 แห่ง คือ อุทยานแห่งชาติขุนน่าน อุทยานแห่งชาติดอยภูคา และอุทยานแห่งชาติแม่จริม ไปบรรจบกับแม่น้ำน่านบริเวณอำเภอเวียงสา โดยมีความยาวทั้งหมดประมาณ 300 กิโลเมตร ลำน้ำว้าแบ่งเป็น 3 ช่วง ได้แก่ ลำน้ำว้าตอนบน ตอนกลาง และตอนล่าง การล่องแก่งลำน้ำว้า สามารถล่องได้ตลอดทั้งปี ซึ่งลำน้ำว้าแต่ละช่วงจะมีฤดูการล่องแก่งที่แตกต่างกัน ดังนี้– ล่องแก่งลำน้ำว้าตอนบน-ตอนล่าง (บ้านสะปัน-บ้านวังลูน) เดือนสิงหาคม-ต้นเดือนตุลาคม ระยะทาง 120 กิโลเมตร **แนะนำให้ไปเดือนกันยายน เพราะน้ำจะเยอะที่สุด** – ล่องแก่งลำน้ำว้าตอนกลาง-ตอนล่าง (บ้านสบมาง-บ้านวังลูน) เดือนพฤษภาคม-ต้นเดือนมกราคม ระยะทาง 80 กิโลเมตร – ล่องแก่งลำน้ำว้าตอนล่าง (บ้านแม่สนาน-บ้านวังลูน) เดือนพฤษภาคม-ต้นเดือนมกราคม ระยะทาง 50 กิโลเมตร สำหรับแอด ได้ไปล่องแก่งลำน้ำว้าตอนกลาง-ตอนล่าง ระยะทาง 80 กิโลเมตร เป็นทริปแบบ 2 วัน 1 คืน ต้องนอนพักในแคมป์กลางป่า ตื่นเต้นสุดๆ  พวกเรานัดเจอกับเจ้าหน้าที่ของบริษัททัวร์ล่องแก่งที่ติดต่อไว้ ตรงจุดลงเรือที่บ้านสบมาง เพื่อจัดสัมภาระลงเรือยาง จากนั้นเจ้าหน้าที่จะสอนวิธีการพายเรือ การนั่งบนเรือ และวิธีการเอาตัวรอดเมื่อตกจากเรือ เรือยาง 1 ลำ นั่งได้สูงสุด 6 คน และมีเจ้าหน้าที่ประจำเรือ 2 คน ที่จะคอยดูแลความปลอดภัยของทุกคน และช่วยให้เราผ่านแก่งยากๆ ไปได้ การล่องแก่งลำน้ำว้าตอนกลาง-ตอนล่าง เราจะได้สัมผัสกับสายน้ำเย็นๆ ที่ช่วยดับร้อนได้เป็นอย่างดี  และยังมีแก่งน้อยใหญ่หลายสิบแก่ง เยอะมากจนนับไม่หมด ระดับความยากมีตั้งแต่ระดับ 3 – ระดับ 5 เช่น แก่งเสือเต้น แก่งห้วยเดื่อ และแก่งผีป่า (สถานที่ถ่ายทำโฆษณาเครื่องดื่มเป๊ปซี่) นอกจากแก่งน้อยใหญ่ที่ทำให้เราตื่นเต้นแล้ว ธรรมชาติระหว่างทางของการล่องแก่งก็น่าตื่นตาตื่นใจเช่นเดียวกัน เพราะที่นี่ป่าไม้สมบูรณ์ เขียวชอุ่มมาก จากจุดเริ่มต้นบริเวณบ้านสบมาง ถึงจุดพักแรมริมลำน้ำว้า ใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมง เรียกได้ว่า พายเรือจนกล้ามขึ้น แช่น้ำจนตัวเปื่อยเลยทีเดียว ที่แคมป์พักแรม มีเต็นท์ และห้องอาบน้ำให้บริการ แถมเจ้าหน้าที่ยังทำอาหารให้เราทานด้วยนะ อย่าลืมถ่ายรูปกับป้ายผู้พิชิตลำน้ำว้าด้วยนะ เดี๋ยวเค้าจะหาว่ามาไม่ถึง ตกดึกเริ่มหิวอีกรอบ ก็เลยนั่งล้อมวง เอาหมูที่ซื้อจากตลาดมาหมักเกลือแล้วย่างทาน มันอร่อยมาก!! คาดว่าพี่ๆ เจ้าหน้าที่น่าจะหมักด้วยเกลือสินเธาว์ จากอำเภอบ่อเกลือ  บรรยากาศยามเช้าบริเวณที่พักแรม เติมพลังก่อนออกพายเรือ ด้วยอาหารเช้าง่ายๆ แต่อร่อยเว่อร์ ฝีมือพี่ๆ เจ้าหน้าที่  อยู่กลางป่าไม่อดอยาก ขนมปังปิ้งก็มีนะจ๊ะ หลังจากทานอาหารเช้าและเก็บข้าวของขึ้นเรือเรียบร้อยแล้ว เราก็ออกเดินทางกันต่ออีกประมาณ 3 ชั่วโมง ก็จะถึงจุดสิ้นสุดการล่องแก่ง ส่งท้ายทริปสุดมันนี้ด้วยแก่งระดับ 5 แอดนี่พายเรือรัวๆ ไปเลย สิ่งสำคัญของการล่องแก่งก็คือ ทุกคนต้องสามัคคี ร่วมแรงร่วมใจกันพาย และคอยฟังคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ แค่นี้เราก็ผ่านแก่งยากๆ ไปได้อย่างสนุกสนานและปลอดภัยแล้ว ถ้าใครอยากไปล่องแก่งสนุกๆ แบบแอด ติดต่อบริษัททัวร์ล่องแก่งน้ำว้า ด้านล่างนี้ได้เลย น่านน้ำว้าทัวร์ โทร. 095 535 0124, 096 923 9465แจง แอนด์ เจ ทัวร์ โทร. 081 765 4194 เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 12 มิถุนายน 2562

ผจญแก่ง ล่องลำน้ำว้า จังหวัดน่าน อ่านเพิ่มเติม

ดอยสวนยาหลวง บ้านสันเจริญ จังหวัดน่าน

ดอยสวนยาหลวง ที่ตั้ง : บ้านสันเจริญ ตำบลผาทอง อำเภอท่าวังผา จังหวัดน่านพิกัด : https://goo.gl/maps/n4krwZZg5K42 ทริป 2 วัน 1 คืน ที่ดอยสวนยาหลวง จังหวัดน่าน บ้านสันเจริญเป็นหมู่บ้านเล็กๆ กลางหุบเขา ห่างจากตัวอำเภอท่าวังผา 32 กิโลเมตร ชาวบ้านเป็นชาวเขาเผ่าเมี่ยน (เย้า) ในอดีตที่นี่เป็นดงฝิ่นบนดอยสูง ปัจจุบันเปลี่ยนมาทำไร่กาแฟจนกลายเป็นแหล่งปลูกกาแฟที่มีชื่อเสียงของจังหวัดน่าน พวกเรานัดคุณกริช ไกด์หนุ่มพร้อมรถกระบะ 4WD ให้มารับที่หน้าที่ว่าการอำเภอท่าวังผาเวลา 15.00 น. เพื่อขึ้นไปยังจุดชมวิวดอยสวนยาหลวง ระยะทาง 32 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที ถนนเป็นสองเลนแคบๆ คดเคี้ยวบางช่วง สำหรับใครที่ไปครั้งแรกก็ไม่แปลกที่จะสงสัยว่า เขาจะพาเราไปไหน? เพราะมองไปรอบๆ มีแต่ป่าเขาและเปลี่ยวมากกก เรียกได้ว่าห่างไกลความเจริญเลยทีเดียว ระหว่างทางที่จะขึ้นไปชมพระอาทิตย์ตกบนดอยสวนยาหลวงนั้น โชคดีที่ยังพอมีเวลา คุณกริชจึงได้แวะจอดรถให้พวกเราได้ไปชมชาวบ้านที่กำลังเก็บผลกาแฟสดจากต้นด้วย ซึ่งปกติชาวบ้านจะเก็บผลกาแฟสดกันจนถึงเวลาประมาณ 17.30 น. กาแฟที่นี่เป็นพันธุ์อาราบิก้า ปลูกบนพื้นที่เกือบ 5,000 ไร่ นับว่าใหญ่เป็นที่ 2 รองจากดอยช้างที่จังหวัดเชียงรายเลยทีเดียว ฤดูเก็บเกี่ยวคือช่วงเดือนพฤศจิกายน-มีนาคม ของทุกปี ใช้เวลาปลูก 3-4 ปี ถึงจะเริ่มให้ผลผลิต ถึงแล้ววว จุดชมวิวดอยสวนยาหลวง จุดชมวิวแห่งนี้มีลักษณะเป็นเนินภูเขาหญ้า ที่สามารถมองเห็นทัศนียภาพของภูเขาได้สุดสายตา 360 องศา และยังชมทิวทัศน์ตอนเย็น ดูพระอาทิตย์ตก สัมผัสบรรยากาศตอนเช้าตรู่ ดูพระอาทิตย์ขึ้น และชมทะเลหมอกได้อีกด้วย นอกจากนี้ดอยสวนยาหลวงยังเป็นแนวสันเขาที่เป็นรอยต่อระหว่างอำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน กับอำเภอปง จังหวัดพะเยา เรียกว่ามาที่เดียวได้ชมวิว 2 จังหวัดเลย เห็นแล้วอยากจะกลิ้งไปบนภูเขา ฮ่าๆ ล้อเล่น…วิวดีมากๆ เลยล่ะ ประทับใจสุดๆ เวลาพลบค่ำ บรรยากาศก็เริ่มหนาวเย็น มีลมแรงและหมอกจางๆ พัดมาสัมผัสตัวเบาๆ ข้างบนนี้สามารถกางเต็นท์นอนดูดาวได้ แต่พวกเราเลือกที่จะลงไปพักที่บ้านกลางไร่กาแฟ เพราะบนลานกางเต็นท์อากาศหนาว และที่สำคัญไม่มีห้องน้ำด้วยจ้า  พระอาทิตย์ตกแล้ว หมอกเริ่มหนา อากาศก็เย็นขึ้น แอดอยู่ถ่ายรูปเพลินๆ กับหมอกสักพักก็เริ่มหิวแล้วล่ะ ไปทานมื้อเย็นกันดีกว่า บ้านพักของพวกเราอยู่กลางไร่กาแฟบนดอย หรือที่เรียกว่า “Coffee Farm Stay” จากตรงนี้สามารถมองเห็นวิวหมู่บ้านสันเจริญได้ ที่จริงแล้วบ้านพักตรงนี้เดิมคือ บ้านที่ชาวบ้านสร้างเอาไว้พักเวลาขึ้นมาเก็บผลกาแฟบนดอย เนื่องจากการลงไปยังหมู่บ้านด้านล่างค่อนข้างไกลและลำบากพอสมควร แต่ปัจจุบันได้มีการปรับปรุงบ้านให้คงทนแข็งแรงขึ้น เพื่อรองรับนักท่องเที่ยว อาหารเย็นของพวกเราสุดแสนจะเรียบง่าย แต่รสชาติอร่อยสุดๆ อาจเป็นเพราะความประทับใจตั้งแต่ขึ้นรถมายังหมู่บ้าน เพื่อนร่วมทางที่สร้างเสียงหัวเราะ รวมทั้งคุณกริชที่เป็นกันเองมากๆ หรืออาจเพราะความเหนื่อยก็แล้วแต่ เมนูของพวกเราในวันนี้มี ไก่อบหม้อดิน ผัดผัก ปลานิลทอด และเมนูแนะนำคือ แกงใบแจ้อ๊อเมี๊ย ซึ่งเป็นผักท้องถิ่นของหมู่บ้านสันเจริญนั่นแหละ รสชาติแปลกๆ แต่อร่อยดีนะ อิ่มแล้วเราก็นั่งดูดาวกันต่อสักพัก แม้อากาศจะหนาวมาก แต่ก็รู้สึกอบอุ่นที่ได้มองท้องฟ้าแล้วเห็นดาวพร่างพรายเต็มไปหมด นี่สินะ..การพักผ่อนอย่างแท้จริง บรรยากาศดีๆ กับกลุ่มเพื่อนรู้ใจ ชิลกว่านี้ไม่มีแล้วล่ะ พวกเราตั้งนาฬิกาปลุก 05.30 น. เพื่อจะขึ้นไปดูทะเลหมอกบนจุดชมวิวดอยสวนยาหลวง คุณกริชได้เตรียมอาหารเช้าเป็นข้าวต้มไก่ร้อนๆ ให้เราขึ้นไปรับประทานกันข้างบน บนยอดดอยสวนยาหลวงตอนเช้าตรู่อากาศดีเหลือเกิน สดชื่นสุดๆ เห็นทะเลหมอกอยู่ตรงหน้าเลยนะ แสงแรกของวันช่างทำให้มีพลังและเบิกบานใจ แต่จะมีความสุขไหนเท่ากับการมีบาริสต้าส่วนตัวอย่างคุณกริช มาดริปกาแฟสดๆ ให้พวกเราได้ดื่ม ขณะชมทัศนียภาพของทิวเขาและทะเลหมอก ที่นี่คั่วเมล็ดกาแฟเอง บรรจุใส่ถุงเอง มั่นใจในเรื่องรสชาติและคุณภาพได้เลย It’s Very Really Amazing! หมอกหนาลอยสูงขึ้นเรื่อยๆ ท่ามกลางทิวเขาที่สลับซับซ้อนสวยงาม เก็บภาพบรรยากาศกันไว้สักหน่อยก่อนกลับ บอกเลยว่าต้องมาเพราะมันดีจริงๆ ดอกไม้บนดอยสูงนี่ช่างสวยงามจริงๆ เห็นทีต้องถ่ายภาพเป็นที่ระลึกซะหน่อยแล้ว ^^ ช่วงสายแดดเริ่มแรง พวกเรากลับลงมาที่พัก อาบน้ำ จัดสัมภาระเตรียมตัวกลับบ้าน แต่ก่อนกลับคุณกริชก็ได้พาพวกเราแวะชมน้ำผุดบ้านสันเจริญ น้ำผุดที่นี่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ น้ำใสเย็น นักท่องเที่ยวสามารถลงเล่นน้ำได้ มีห้องน้ำบริการฟรีด้วย สุดท้ายและท้ายสุด…ดอยสวนยาหลวงถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวใจกลางหุบเขาขนาดใหญ่ที่สงบ และยังคงความเป็นธรรมชาติอย่างดีเยี่ยมของเมืองน่าน แอดอยากให้เพื่อนๆ ที่รักการเดินทางท่องเที่ยว ได้มาสัมผัสความสุขเหมือนอย่างพวกเราครับ สอบถามข้อมูลบ้านพัก และรถกระบะ 4WD ขึ้นไปจุดชมวิวดอยสวนยาหลวงโทร.096 952 2223 (คุณกริช ผู้ประสานงานกลุ่มท่องเที่ยวชุมชนเชิงอนุรักษ์ดอยสวนยาหลวง บ้านสันเจริญ) เว็บไซต์ https://www.facebook.com/ท่องเที่ยวดอยสวนยาหลวง บ้านสันเจริญ ค่าบริการราคาคนละ 1,000 บาท (กลุ่มละ 5-10 คน)(ราคานี้รวมรถรับ-ส่งจากบ้านสันเจริญ ไปบ้านพักบนไร่กาแฟ และไปชุดชมวิวดอยสวนยาหลวง รวมอาหาร 2 มื้อ) ถ้าต้องการให้ไปรับ-ส่งที่ตัวอำเภอท่าวังผา ราคา 2,000 บาท เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2562

ดอยสวนยาหลวง บ้านสันเจริญ จังหวัดน่าน อ่านเพิ่มเติม

เส้นทางท่องเที่ยวน่าน-แพร่ 3 วัน 2 คืน

เส้นทางท่องเที่ยวน่าน-แพร่ 3 วัน 2 คืน วันที่ 1วัดภูมินทร์พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ น่านซุ้มลีลาวดีวัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร วันที่ 2วัดพระธาตุแช่แห้งวัดหนองบัวกาแฟบ้านไทลื้อฟาร์มเห็ดบ้านหัวน้ำ วันที่ 3พิพิธภัณฑ์เมืองแพร่ คุ้มเจ้าหลวงคุ้มวงศ์บุรีวัดพระธาตุช่อแฮวัดพระธาตุดอยเล็ง วันที่ 1 สำหรับวันแรกเราเริ่มต้นกันที่จังหวัดน่าน ชวนมาอิ่มบุญ ไหว้พระขอพรเสริมสิริมงคลให้แก่ชีวิตกันก่อน.เริ่มที่ “วัดภูมินทร์” วัดที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนี่งของจังหวัดน่าน วัดนี้มีจุดเด่นอยู่ที่เป็นอาคารทรงจตุรมุขหนึ่งเดียวในประเทศไทย โดยรวมเอาโบสถ์ วิหาร และเจดีย์ไว้ในอาคารเดียวกัน เป็นการจำลองแผนภูมิจักรวาลตามความเชื่อทางพุทธศาสนา  ภายในประดิษฐานพระประธานปางมารวิชัยขนาดใหญ่ 4 องค์ หันพระปฤษฎางค์ชนกัน เชื่อกันว่าหากได้มาสักการะพระพุทธรูปทั้งสี่ทิศแล้ว จะเป็นสิริมงคล บุญกุศลจะส่งให้มีความเจริญรุ่งเรืองในชีวิตและแคล้วคลาดปลอดภัย ไฮไลท์ที่ห้ามพลาดก็คือภาพจิตรกรรมฝาผนัง “กระซิบรักบันลือโลก” ซึ่งเป็นภาพของปู่ม่านย่าม่านหรือสามีภรรยาชาวพม่ากำลังกระซิบสนทนากัน นับเป็นจิตรกรรมที่โดดเด่นและมีชื่อเสียงที่สุดของวัดภูมินทร์ ผลงานของหนานบัวผัน จิตรกรชาวไทลื้อ.ที่ตั้ง : ถนนผากอง ตำบลในเวียง อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน เปิดทุกวัน เวลา 08.00-19.00 น.  ถัดไปไม่ไกลเราแวะชม “พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ น่าน” ซึ่งเดิมเป็นหอคำ ที่ประทับและออกว่าราชการของพระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดช เจ้าผู้ครองนครน่าน สร้างเมื่อ พ.ศ. 2446 ถ้าเพื่อน ๆ ยังจำได้ เมื่อก่อนตัวอาคารจะเป็นสีขาว มุงด้วยกระเบื้องสีเขียว แต่ภายหลังได้รับการบูรณะใหม่ ให้ใกล้เคียงกับในสมัยก่อนมากที่สุด ซึ่งจะสังเกตได้ว่านอกจากจะทาสีใหม่แล้ว ส่วนประดับตกแต่งอาคารหลายส่วนก็ยังเปลี่ยนแปลงไปด้วย ปัจจุบันพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ได้จัดแสดงเรื่องราวด้านโบราณคดีและประวัติศาสตร์ศิลปะ รวมทั้งชีวิตความเป็นอยู่ของชนเผ่าต่าง ๆ ในจังหวัดน่าน นอกจากนี้ที่นี่ยังมีมุมยอดฮิตที่ไม่ว่าใครก็ต้องมาแวะถ่ายรูปให้ได้นั่นก็คือ “ซุ้มลีลาวดี” นั่นเอง ซึ่งแอดก็ไม่พลาดที่จะเก็บภาพมาอวดเพื่อน ๆ ด้วย  จากพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ น่าน ข้ามถนนมาก็จะเจอกับ “วัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร” เดิมเรียกว่า “วัดหลวง” หรือ “วัดหลวงกลางเวียง” เป็นวัดซึ่งเจ้าผู้ครองนครใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีสำคัญ  ภายในวัดมีพระวิหารขนาดใหญ่เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัย ศิลปะเชียงแสน สกุลช่างน่าน  วัดพระธาตุช้างค้ำ ยังมีสถาปัตยกรรมที่สะท้อนถึงอิทธิพลของศิลปะสุโขทัย นั่นก็คือเจดีย์ช้างล้อม มีลักษณะเป็นเจดีย์ทรงระฆังที่มีช้างปูนปั้นครึ่งตัวประดับอยู่รอบฐาน ซึ่งคำว่า “ช้างค้ำ” ก็หมายถึงการค้ำจุนพุทธศาสนานั่นเอง.ที่ตั้ง : ถนนสุริยพงษ์ ตำบลในเวียง อำเภอเมือง จังหวัดน่านเปิดทุกวัน เวลา 06.00-18.00 น.  วันที่ 2 วันนี้เราจะไปสักการะพระธาตุแช่แห้ง ออกเดินทางไปชมภาพจิตรกรรมที่วัดหนองบัว และไปชมวิวทุ่งนาสีเขียวที่อำเภอปัวกัน “วัดพระธาตุแช่แห้ง” เป็นปูชนียสถานศักดิ์สิทธิ์ของจังหวัด ตั้งอยู่บนเนินเขาเตี้ย ๆ ทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำน่าน ซึ่งเป็นบริเวณศูนย์กลางเมืองน่านเดิม ภายในวัดมีพระธาตุแช่แห้งซึ่งเป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และยังเป็นพระธาตุประจำปีเกิดของผู้ที่เกิดปีเถาะอีกด้วย เชื่อกันว่าผู้ที่ได้บูชาพระธาตุแช่แห้ง จะได้รับการอุดหนุนค้ำชู มีชื่อเสียง ลาภยศ สรรเสริญ.ที่ตั้ง : ตำบลม่วงตื้ด อำเภอภูเพียง จังหวัดน่านเปิดทุกวัน เวลา 06.00-18.00 น.โทร. 054 601 146  ที่ต่อไปเราไปกันที่วัดหนองบัว อำเภอท่าวังผา อีกหนึ่งวัดที่มีชื่อเสียงของจังหวัดน่าน เป็นวัดเก่าแก่ประจำหมู่บ้านหนองบัว โดดเด่นด้วยวิหารแบบไทลื้อที่ภายในประดิษฐานพระประธานปางมารวิชัย และมีภาพจิตรกรรมฝาผนังที่งดงาม สำหรับภาพจิตรกรรมฝาผนังที่วัดหนองบัวนั้น สันนิษฐานว่าศิลปินผู้สร้างสรรค์ผลงานก็คือ หนานบัวผัน เจ้าของภาพปู่ม่านย่าม่านอันเลื่องชื่อที่วัดภูมินทร์นั่นเอง นอกจากความสวยงามของวัดและภาพจิตรกรรมฝาผนังแล้ว ที่วัดแห่งนี้ยังมีเรือนไทลื้ออายุกว่า 100 ปี ซึ่งเป็นที่ตั้งของ “ศูนย์บูรณาการวัฒนธรรมไทยสายใยชุมชน” บริเวณใต้ถุนบ้านจะมีคุณยายมานั่งปั่นฝ้ายและสาธิตการทอผ้าให้ชม เป็นการสืบสานวัฒนธรรมอันดีงามของท้องถิ่น เพื่อน ๆ สามารถมาลองรีดเมล็ดฝ้ายและปั่นฝ้ายได้ด้วยนะคะ มีคุณยายคอยช่วยสอนอยู่อย่างใกล้ชิดเลย.ที่ตั้ง : บ้านหนองบัว ตำบลป่าคา อำเภอท่าวังผา จังหวัดน่านเปิดทุกวัน เวลา 07.00-17.00 น.  จากวัดหนองบัวเราเดินทางไปต่อกันที่ “ร้านกาแฟบ้านไทลื้อ” ซึ่งบริการทั้งอาหารพื้นเมืองและเครื่องดื่มเย็น ๆ ในบรรยากาศที่ใกล้ชิดธรรมชาติสุด ๆ เพราะโดยรอบจะเป็นวิวภูเขาและทุ่งนาสีเขียว ถ่ายรูปมุมไหนก็สวย  มีทางเดินไม้ทอดยาวให้เดินเล่นชมวิวได้รอบเลยแนะนำว่าให้มาตอนเช้าหรือไม่ก็ตอนเย็น ๆ เพราะอากาศจะได้ไม่ร้อนเกินไป.ที่ตั้ง : ตำบลศิลาแลง อำเภอปัว จังหวัดน่าน เปิดทุกวัน เวลา 07.00-17.00 น. หากใครแวะมาอำเภอปัวต้องมาลิ้มลองรสชาติเมนูสารพัดเห็ดที่ “ฟาร์มเห็ดบ้านหัวน้ำ” ที่นี่เป็นทั้งฟาร์มเห็ดและร้านอาหาร มีที่นั่งให้เลือก 2 โซน โซนร้านอาหารมี 2 ชั้น จะนั่งชั้นล่างหรือชั้นบนก็บอกเลยว่าวิวสวยไม่แพ้กัน นอกจากนี้ยังมีโซนที่เป็นห้องส่วนตัวด้วย โดยรอบจะเป็นทุ่งนาสีเขียวมีภูเขาล้อมรอบและยังมีหมอกจาง ๆ เรียกว่าบรรยากาศดี๊ดีเลยละ   นอกจากจะได้ชมวิวสวย ๆ แล้วในเรื่องของอาหารก็ห้ามพลาด เพราะเมนูของที่นี่จะนำเห็ดชนิดต่าง ๆ มาเป็นวัตถุดิบทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น พิซซ่าเห็ด ยำเห็ด ไข่ป่ามเห็ด เป็นต้น ได้ทั้งความอร่อยแถมยังดีต่อสุขภาพด้วยนะ   ยำเห็ด.ทานอาหารเสร็จเราก็เดินทางไปยังจังหวัดแพร่และพักค้างคืนกัน เพื่อที่พรุ่งนี้จะได้เริ่มเที่ยวตั้งแต่เช้าเลยค่ะ ฟาร์มเห็ดบ้านหัวน้ำที่ตั้ง : 129 บ้านหัวน้ำ ตำบลศิลาแลง อำเภอปัว จังหวัดน่านโทร. 081 005 1533เปิดทุกวัน เวลา 08.00-17.00 น.  วันที่ 3 วันสุดท้ายเราเริ่มกันที่ “พิพิธภัณฑ์เมืองแพร่ คุ้มเจ้าหลวง” ที่นี่สร้างเมื่อ พ.ศ. 2435 โดยเจ้าพิริยเทพวงศ์ เจ้าหลวงเมืองแพร่องค์สุดท้าย ลักษณะสถาปัตยกรรมเป็นแบบไทยผสมยุโรป มีการประดับส่วนต่าง ๆ ของอาคารด้วยไม้ฉลุงดงาม  ตัวอาคารมี 3 ชั้น โดย 2 ชั้นบนจำลองเป็นห้องต่างๆ เช่น ห้องนอน ห้องรับแขก ห้องจัดเลี้ยง ฯลฯ ซึ่งแต่ละห้องจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้ในสมัยโบราณ ส่วนชั้นล่างสุดหรือที่เรียกกันว่าชั้นใต้ดินนั้นแบ่งเป็น 3 ห้อง ได้แก่ ห้องขังผู้ที่ถูกจับกุมเพื่อรอการไต่สวนและลงอาญา ห้องบ่าวไพร่ และห้องเก็บของ

เส้นทางท่องเที่ยวน่าน-แพร่ 3 วัน 2 คืน อ่านเพิ่มเติม

5 พิกัดชมทะเลหมอกสุดปัง

5 พิกัดชมทะเลหมอกสุดปัง . ลมหนาวใกล้เข้ามาแล้ว กิจกรรมสุดฮิตในช่วงฤดูหนาวแบบนี้คงหนีไม่พ้นการไปดื่มด่ำธรรมชาติบนยอดดอย ชมทะเลหมอก และเฝ้ารอพระอาทิตย์ขึ้นในยามเช้าอย่างใจจดใจจ่อ . วันนี้แอดมี 5 พิกัดชมหมอกยามเช้ามาแนะนำ เอาไว้เป็นไอเดียสำหรับการวางแผนท่องเที่ยวในช่วงหยุดยาวที่จะถึงนี้ค่ะ 1. จุดชมทะเลหมอกอัยเยอร์เวง จังหวัดยะลา2. จุดชมวิวดอยกิ่วลม จังหวัดเชียงใหม่3. เขาหลวง จังหวัดสุโขทัย4. สวนยาหลวง บ้านสันเจริญ จังหวัดน่าน5. ภูห้วยอีสัน จังหวัดหนองคาย จุดชมทะเลหมอกอัยเยอร์เวง จังหวัดยะลา เป็นจุดชมวิวยอดฮิตของอำเภอเบตง อยู่ในพื้นที่ของเขาไมโครเวฟ ที่นี่สามารถมองเห็นทะเลหมอกได้ตลอดทั้งปี เพราะถูกโอบล้อมด้วยภูเขาสลับซับซ้อน มีป่าที่อุดมสมบูรณ์ และมีแม่น้ำปัตตานีไหลผ่าน นอกจากทะเลหมอกแล้ว เราจะได้เห็นทิวทัศน์อันสวยงามของเขาไมโครเวฟด้วย จุดชมวิวทะเลหมอกมี 2 จุด ได้แก่ จุดชมวิว กม. 32 เป็นจุดที่มองเห็นทะเลหมอกได้ชัดที่สุด ถ้าเพื่อน ๆ จะขึ้นมาชมทะเลหมอกที่จุดนี้ ต้องจอดรถไว้ที่ลานจอดรถ แล้วเดินขึ้นมาประมาณ 500 เมตร ถ้าเดินไม่ไหว สามารถนั่งรถมอเตอร์ไซต์ขึ้นมาได้ ค่ารถคนละ 20 บาท ตอนนี้มีสกายวอล์คเปิดให้บริการแล้ว ใครอยากสัมผัสหมอกกันแบบใกล้ชิด ต้องห้ามพลาดจุดนี้เลยค่ะ.จุดชมวิวอีกจุดหนึ่งอยู่ถัดลงมาจากจุดแรก อยู่ใกล้โซนร้านอาหาร เป็นลานระเบียงกว้างขวาง จุดนี้นักท่องเที่ยวสามารถนำรถมาจอดได้.ที่ตั้ง: ต.อัยเยอร์เวง อ.เบตง จ.ยะลาพิกัด: https://goo.gl/maps/Ljk4R7YUKT5v8xTQ7  สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ องค์การบริหารส่วนตำบลอัยเยอร์เวง 0 7328 5111 จุดชมวิวดอยกิ่วลม จังหวัดเชียงใหม่ จุดชมวิวดอยกิ่วลมตั้งอยู่บริเวณที่ทำการอุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง นักท่องเที่ยวสามารถชมพระอาทิตย์ขึ้นและทะเลหมอกท่ามกลางภูเขาที่สลับซับซ้อนสวยงาม รวมทั้งยังสามารถมองเห็นดอยหลวงเชียงดาว ยอดเขาที่สูงเป็นอันดับ 3 ของประเทศไทยได้อีกด้วย นับเป็นจุดชมวิวที่สวยงามมากแห่งหนึ่งที่ไม่ควรพลาด.ภายในอุทยานฯ มีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกมากมาย เช่น จุดชมวิวดอยช้าง สวนดอกไม้หลากสี น้ำพุร้อนโป่งเดือด เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีบ้านพักและลานกางเต็นท์ให้บริการ โดยเปิดให้กางเต็นท์ค้างแรมในเดือนตุลาคม-เมษายน ของทุกปี .อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดังต.กึ๊ดช้าง อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่พิกัด: https://goo.gl/maps/rm3K7hn6samaCMVb8โทร. 0 5324 8491, 08 4908 1531 เขาหลวง จังหวัดสุโขทัย เขาหลวง ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติรามคำแหง มีความสูงจากระดับทะเลปานกลาง 1,200 เมตร บนยอดเขามีทิวทัศน์ที่สวยงามและปกคลุมด้วยทุ่งหญ้าธรรมชาติ อากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี บนยอดเขาสามารถชมพระอาทิตย์ขึ้น พระอาทิตย์ตก และทะเลหมอกได้ เพื่อน ๆ สามารถเดินเท้าขึ้นไปพิชิตยอดเขาหลวงได้ ระยะทางประมาณ 3.7 กิโลเมตร ใช้เวลาในการเดินขึ้นไปบนยอดเขาราว 4 ชั่วโมง ดังนั้น ถ้าใครอยากพิชิตยอดเขาหลวง เตรียมร่างกาย เตรียมน้ำและเสบียงไปให้พร้อมนะคะ.อุทยานแห่งชาติรามคำแหง ต.นาเชิงคีรี อ.คีรีมาศ จ.สุโขทัยพิกัด: https://goo.gl/maps/KNJeNQWvwQ5XcaFE6โทร. 09 8883 9297 สวนยาหลวง บ้านสันเจริญ จังหวัดน่าน หมู่บ้านสันเจริญเคยเป็นพื้นที่ปลูกฝิ่นของชาวเขาเผ่าเมี่ยน ก่อนจะเปลี่ยนมาปลูกกาแฟเป็นอาชีพหลัก จนปัจจุบันกลายเป็นแหล่งปลูกกาแฟที่มีชื่อเสียงของจังหวัดน่าน จากบ้านสันเจริญ เราสามารถขึ้นไปชมทะเลหมอก พระอาทิตย์ขึ้น และพระอาทิตย์ตกได้บนยอดดอยสวนยาหลวง ซึ่งเป็นจุดชมวิวที่มีลักษณะเป็นเนินภูเขาหญ้า สามารถมองเห็นทัศนียภาพของภูเขาได้สุดสายตา 360 องศา นอกจากนี้ดอยสวนยาหลวงยังเป็นแนวสันเขาที่เป็นรอยต่อระหว่างอำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน กับอำเภอปง จังหวัดพะเยา เรียกว่ามาที่เดียวได้ชมวิว 2 จังหวัดเลยค่ะ การขึ้นไปชมวิวบนยอดดอยสวนยาหลวง ต้องนั่งรถขับเคลื่อนสี่ล้อจากหมู่บ้านสันเจริญขึ้นไป เส้นทางเป็นถนนลูกรังและค่อนข้างชัน ตลอดเส้นทางจะได้เห็นความสวยงามของไร่กาแฟที่ปลูกกระจายอยู่ทั่วหุบเขา ยิ่งในช่วงเช้า บรรยากาศจะยิ่งสวยงามแปลกตา เพราะจะมีสายหมอกจาง ๆ ปกคลุมไร่กาแฟ ระหว่างทางจากบ้านสันเจริญไปยังยอดดอยสวนยาหลวงมีที่พักรองรับนักท่องเที่ยว เรียกว่า coffee farm stay เป็นที่พักเรียบง่ายกลางไร่กาแฟ ใครอยากตื่นมาจิบกาแฟพร้อมชมวิวไร่กาแฟยามเช้า ต้องไปพักที่นี่เลยค่ะ.ที่ตั้ง : ต.ผาทอง อ.ท่าวังผา จ.น่านพิกัด https://goo.gl/maps/Ljk4R7YUKT5v8xTQ7กลุ่มท่องเที่ยวชุมชนเชิงอนุรักษ์ดอยสวนยาหลวง บ้านสันเจริญ โทร. 08 6390 7737 ภูห้วยอีสัน จังหวัดหนองคาย เป็นจุดชมวิวบนเขาสูง สามารถมองเห็นพระอาทิตย์ขึ้นกลางลำน้ำโขงและแนวเขาสลับซับซ้อนในเขตประเทศลาวได้ ถ้าอยากเห็นหมอกแบบแน่น ๆ แอดแนะนำให้มาชมในช่วงฤดูหนาวค่ะ การเดินทางขึ้นไปที่ภูห้วยอีสันไม่สามารถใช้รถยนต์ส่วนตัวขึ้นไปได้ เพราะว่าทางขึ้นสูงและชันมาก เพื่อน ๆ สามารถใช้บริการรถอีแต๊กได้ โดยจุดบริการรถอีแต๊กจะอยู่ที่อบต.บ้านม่วง ค่าบริการคนละ 60 บาท (ไป-กลับ) ในการชมพระอาทิตย์ขึ้นและทะเลหมอก แนะนำให้มาขึ้นรถอีแต๊กเวลาประมาณ 05.00 น. เพราะระยะทางจากจุดขึ้นรถไปถึงภูห้วยอีสัน ใช้เวลาประมาณ 45-50 นาที.ที่ตั้ง: ตำบลบ้านม่วง อำเภอสังคม จังหวัดหนองคายพิกัด: https://goo.gl/maps/JvNbFTfrWd8nK2pp8เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 04.00 น.โทร. 0 4241 4871, 09 6068 2362, 08 7219 5500 เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 4 ธันวาคม 2563

5 พิกัดชมทะเลหมอกสุดปัง อ่านเพิ่มเติม

เที่ยวดอยตีดู้ว์ จ.น่าน

หนาวนี้ที่รอคอย… ในช่วงนี้อากาศกลับมาเย็นลงอีกครั้งหนึ่งแล้วนะคะ สมกับที่หลายคนกำลังรอคอยอย่างใจจดใจจ่อ.อากาศหนาวๆ ก็มักจะมาพร้อมกับทะเลหมอกสวยๆ วันนี้แอดก็จะมาแนะนำสถานที่ชมทะเลหมอกแห่งใหม่ของ จ.น่าน กันค่ะ รับรองว่าสวยไม่แพ้ที่อื่นเลย . สถานที่ชมทะเลหมอกแห่งใหม่ที่แอดพูดถึงก็คือ “ดอยตีดู้ว์” จ.น่าน.ซึ่งชื่อ “ดอยตีดู้ว์” นั้นก็มาจากภาษาม้ง ที่แปลว่า “ใกล้ขอบฟ้า” นั่นเองค่ะ ถึงแม้ว่าดอยตีดู้ว์จะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เพิ่งเปิดใหม่ได้ไม่นาน แต่ก็มีนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกสารทิศเดินทางมาสัมผัสทะเลหมอกที่นี่เป็นจำนวนมาก สำหรับเพื่อนๆ ที่อยากจะเดินทางมาชมความงามนี้ด้วยตนเอง แอดแนะนำให้มาช่วงเช้าระหว่างเวลา 06.30-08.30 น. นะคะ.เนื่องจากช่วงเวลานี้เป็นช่วงที่ดีที่สุดของการชมทะเลหมอก และเพื่อนๆ ยังจะได้สัมผัสกับอากาศหนาวเย็นอีกด้วยค่ะ ดอยตีดู้ว์ ตั้งอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองน่านมากนัก ใช้เวลาเดินทางเพียง 30 นาทีเท่านั้นค่ะ หากใครไม่อยากเดินทางไปชมทะเลหมอกในตอนเช้า แต่อยากตื่นขึ้นมาแล้วพบกับทะเลหมอกเลย ที่ดอยแห่งนี้ก็มีจุดกางเต็นท์ไว้คอยให้บริการด้วยนะคะ ติดต่อสอบถามข้อมูลได้ที่ คุณจี โทร. 061 381 0962 เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 3 มกราคม 2562

เที่ยวดอยตีดู้ว์ จ.น่าน อ่านเพิ่มเติม

ปัว 2 วัน 1 คืน : ชิมโกโก้ ชมธรรมชาติ

วันที่ 1บ่อเกลือสินเธาว์จุดชมวิวดอยภูคา 1715Cocoa Valley วันที่ 2โรงเรียนชาวนาวังศิลาแลงวัดภูเก็ต วันที่ 1 ใครมาเที่ยวน่าน ก็ต้องไม่พลาดแวะอำเภอบ่อเกลือ ถือว่าเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวเลยล่ะ อำเภอบ่อเกลือเป็นที่ตั้งของบ่อเกลือโบราณอายุกว่า 800 ปี ซึ่งเป็นแหล่งผลิตเกลือสินเธาว์บนภูเขาแห่งเดียวในโลก ในอดีตที่นี่มีบ่อเกลือหลายบ่อ แต่ปัจจุบันเหลือเพียง 2 บ่อเท่านั้นคือ บ่อเหนือและบ่อใต้ ชาวบ้านที่นี่ยังคงต้มเกลือด้วยวิธีการแบบดั้งเดิมเพื่อใช้ในการบริโภค และมีการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับความงามจำหน่ายอีกด้วย. ที่ตั้ง : อำเภอบ่อเกลือ จังหวัดน่านเปิดทุกวัน เวลา 08.00-17.00 น. (เข้าชมฟรี)บ่อเกลือจะปิดช่วงประเพณีเข้าพรรษาช่วงเดือนกรกฏาคม-กันยายน และวันสงกรานต์ของทุกปีโทร. 087 176 2016 (กลุ่มที่นำเกลือไปแปรรูปเป็นเกลือสปา)พิกัด : https://goo.gl/maps/aaigsLsHJn2y3dwh8 จุดชมวิวดอยภูคา 1715 จุดชมวิวดอยภูคา ตั้งอยู่ริมถนนหมายเลข 1256 อยู่เลยทางเข้าอุทยานฯ ไปประมาณ 4 กม. เป็นจุดชมวิวที่มีนักท่องเที่ยวแวะชมพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยงาม รวมถึงทะเลหมอกด้วยนะ นับเป็นอีกแห่งที่สวยสุด ๆ ไม่แพ้ที่อื่น ๆ เลยล่ะ.ในช่วงเดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ของทุกปี ดอกชมพูภูคาเริ่มทยอยบานสะพรั่งบริเวณอุทยานแห่งชาติดอยภูคา ซึ่งชมได้ปีละครั้งเท่านั้น หากมีโอกาสแวะไปชมกันนะ.ที่ตั้ง : ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1256 อำเภอปัว จังหวัดน่านพิกัด :  https://goo.gl/maps/Y4TcBDyTN4pwwAHB8 สาวกช็อกโกแลตไม่ควรพลาด เพราะเราจะได้เปิดประสบการณ์ใหม่จากสวนโกโก้แท้ ๆ ในประเทศไทยที่จังหวัดน่าน “Cocoa Valley” ที่นี่เปิดเป็นคาเฟ่ที่ใช้วัตถุดิบจากสวนและยังเป็นรีสอร์ทอีกด้วย เอาล่ะ…เดี๋ยวแอดพาทุกคนเข้าสวนไปเก็บผลโกโก้กันสด ๆ และลงมือทำช็อกโกแลตด้วยตัวเองกันค่ะ ก่อนอื่นเลย เจ้าหน้าที่จะอธิบายที่มาที่ไปของโกโก้และขั้นตอนการเก็บ ซึ่งโกโก้นั้นต้องใช้เวลาการปลูกกว่า 3 ปีเลยนะจึงจะสามารถเก็บผลผลิตมาใช้ได้ หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่จะให้เราเก็บผลโกโก้สด ๆ จากต้นกับมือเลยล่ะ จากนั้นเจ้าหน้าที่จะใช้มีดหั่นลงไปตรงกลางของผลโกโก้และวนให้รอบจนขาดออกจากกันเพื่อเราดูเมล็ด แอดบอกเลยว่าเมล็ดโกโก้สีขาว ๆ นั้นสามารถกินได้ด้วยนะ มีรสชาติออกเปรี้ยว ๆ แถมยังมีประโยชน์ช่วยเรืองความจำอีกด้วย หลังจากเราเก็บผลโกโก้จากสวนแล้ว เจ้าหน้าที่จะพาเราไปดูวิธีการถัดไปคือ ต้องนำผลโกโก้ไปหมักและตากแห้ง จะเป็นหน้าตาแบบนี้เลย จากนั้นก็ฝัดเพื่อเอาฝุ่นออกและแยกเปลือกออกมา ซึ่งเปลือกยังสามารถนำไปบดเพื่อใช้ย้อมผ้าได้อีกด้วย ถึงเวลาที่เราสนุกกันละ ถึงเวลาทำช็อกโกแลตกันแล้วค่ะ โดยจะใช้โกโก้ที่ผ่านการแปรรูปแล้วมาผสมกับน้ำตาลโตนดเพื่อให้ได้รสหวาน ส่วนใครชอบแบบเข้มข้นก็ไม่ต้องผสมน้ำตาลเลยก็ได้ โกโก้ที่เจ้าหน้าที่ได้เตรียมไว้ ค่อนข้างมีอุณหภูมิสูง เราจึงต้องทำให้อุณหภูมิของโกโก้พอดีกับอุณหภูมิห้องเสียก่อน โดยการเทโกโก้ลงบนโต๊ะหินอ่อนปาดสลับไปมา จนรู้สึกว่าโกโก้เริ่มหนืด จากนั้นก็ตักใส่ชามและเทลงในกรวย แล้วก็บีบโกโก้ลงในเฟรมที่เตรียมไว้ ตกแต่งด้วยอัลมอนด์ ลูกเกดตามความชอบได้เลย  ตกแต่งหน้าตาช็อกโกแลตเรียบร้อยก็นำไปแช่เย็นประมาณ 5 นาที เราก็จะได้ช็อกโกแลตฝีมือตัวเองกลับบ้าน หากเพื่อน ๆ อยากมาทำกิจกรรมสามารถติดต่อจองล่วงหน้าได้ค่ะ.กิจกรรมใช้เวลา 45 นาที ราคาคนละ 350 บาท ที่ตั้ง : 339 หมู่ 8 ตำบลปัว อำเภอปัว จังหวัดน่านเปิดทุกวัน เวลา 10.00 – 18.00 น.โทร. 063 791 1619พิกัด : https://goo.gl/maps/nB649qmGhBx วันที่ 2 โรงเรียนชาวนาที่นี่เปิดเป็นฟาร์มสเตย์ ตั้งอยู่กลางทุ่งนาบริเวณบ้านนาคำ ที่นี่เน้นวิถีธรรมชาติและได้สัมผัสวิถีชีวิตที่เรียบง่ายแต่ไม่ธรรมดา.นอกจากเป็นที่พักแล้ว โรงเรียนชาวนาก็ยังมีกิจกรรมให้ทำด้วยค่ะ ขึ้นอยู่กับฤดูกาล แต่บรรยากาศโดยรอบ โรงเรียนชาวนาเต็มไปด้วยทุ่งนา ถ้าไปในช่วงฤดูดำนา เพื่อน ๆ ก็จะได้เรียนดำนา หรือหากไปในช่วงที่กำลังรอการเก็บเกี่ยวช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้ เพื่อน ๆ ก็สามารถได้เกี่ยวกันด้วยนะ สำหรับกิจกรรมต้องติดต่อล่วงหน้าไว้ด้วยนะคะ สำหรับผู้ที่ไม่ได้เข้าพักก็สามารถแวะมาถ่ายรูปกับวิวทุ่งนา โอบล้อมด้วยภูเขา สูดอากาศบริสุทธิ์กันให้เต็มปอด.ที่ตั้ง : โรงเรียนชาวนา 225 หมู่ 1 บ้านนาคำ ตำบลศิลาเพชร อำเภอปัว จังหวัดน่านที่พักราคา 600 – 4,000 บาท/หลัง (รวมอาหารเช้า)โทร. 089 999 7737พิกัด : https://goo.gl/maps/XN7gnfSfVZP2 วังศิลาแลง สำหรับใครที่มีโอกาสไปอำเภอปัว ก็อย่าลืมแวะมาชมความสวยงามของ วังศิลาแลง หรือเรียกกันว่าแกรนด์แคนยอนเมืองปัว.ที่นี่มีลักษณะเป็นซอกหินผาที่เกิดจากการกัดเซาะของลำน้ำกูนที่ไหลผ่านมาเป็นเวลานาน ประกอบด้วยวังน้ำและโตรกผาเป็นช่วง ๆ โดยมีวังน้ำประมาณ 7 วัง รวมระยะทางกว่า 400 เมตร การเดินทางเข้าไปสามารถเดินเท้าเข้าไปจากฟาร์มเห็ดบ้านหัวน้ำลงไปได้เลย ประมาณ 15 นาทีก็ถึง แต่ระหว่างทางเดินต้องระมัดระวังกันด้วยนะ บางจุดจะค่อนข้างชันและแคบ.ไม่น่าเชื่อว่าซอกหินผาที่ดูธรรมดา แต่ความจริงนั้น เราจะได้พบกับธรรมชาติอันงดงามที่ซ่อนตัวอยู่อย่างลึกลับแบบนี้.ที่ตั้ง : บ้านหัวน้ำ หมู่ 5 ตำบลศิลาแลง อำเภอปัว จังหวัดน่าน (ติดกับฟาร์มเห็ดบ้านหัวน้ำ)พิกัด : https://goo.gl/maps/EpwqkebJsm62  วัดภูเก็ต วัดภูเก็ต ที่ไม่ใช่จังหวัดภูเก็ต แต่แท้จริงแล้วอยู่จังหวัดน่าน แค่ชื่อก็ถือว่าเป็นจุดน่าสนใจ ชื่อวัดมาจากการเรียกชื่อตามหมู่บ้านที่ชื่อว่า “หมู่บ้านเก็ต” และเนื่องจากเป็นวัดตั้งอยู่บนเนินเขาซึ่งทางเหนือ เรียกว่า “ดอย” หรือ “ภู” จึงมีชื่อว่า “วัดภูเก็ต” หมายถึง วัดบ้านเก็ตที่อยู่บนภู หรือ ดอย ไฮไลท์ของวัดนี้จะมีระเบียงชมวิวด้านหลังวัด ซึ่งจะติดกับทุ่งนาเขียวขจี โอบล้อมด้วยภูเขาของอุทยานแห่งชาติดอยภูคา สำหรับช่วงเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน ทุ่งนาจะออกรวงสวยงามด้วยนะ.ที่ตั้ง : บ้านเก็ต หมู่ 2 ตำบลวรนคร อำเภอปัว จังหวัดน่านโทร. 084 046 9745 (เจ้าอาวาส)พิกัด : https://goo.gl/maps/WSPrL4bUdgT2

ปัว 2 วัน 1 คืน : ชิมโกโก้ ชมธรรมชาติ อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top