ที่เที่ยวภาคเหนือ

เชียงใหม่ 3 วัน 2 คืน แนะนำเส้นทางขับรถท่องเที่ยวเดินทางได้เอง

บัดดี้แชร์ไอเดียเที่ยว “เชียงใหม่ 3 วัน 2 คืน” อยากหนีความวุ่นวายมาพักผ่อนที่เชียงใหม่ เราจะพาคุณไปสัมผัสเสน่ห์เมืองเหนือแบบจัดเต็ม ทั้งวัดวาอารามเก่าแก่ ธรรมชาติสวย ๆ และอาหารอร่อย ๆ คอนเฟิร์มว่าคุ้มค่าแน่นอน! Day 1– อนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย– วัดผาลาด (สกิทาคามี)– วัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร– ข้าวซอยลุงประกิจกาดก้อม (Michelin Guide)– วัดเด่นสะหลีศรีเมืองแกน (วัดบ้านเด่น)– ไร่ชาลุงเดช– ชุมชนบ้านเหล่าพัฒนา Day 2– จุดชมวิวยอดดอยม่อนเงาะ– กาดชุมชนท่องเที่ยวห้วยน้ำเย็น– สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ (Thailand Tourism Awards)– สวนสนแม่แตง (สวนผลิตเมล็ดพันธุ์ไม้สนสองใบ)– พิพิธภัณฑ์พระตำหนักดาราภิรมย์ (Thailand Tourism Awards)– อุทยานดาราศาสตร์สิรินธร (Thailand Tourism Awards) Day 3– พระบรมราชานุสาวรีย์สามกษัตริย์– หอศิลปวัฒนธรรมเมืองเชียงใหม่– พิพิธภัณฑ์พื้นถิ่นล้านนา– เอกฉันท์ (Michelin Guide)– วัดเจดีย์หลวง– วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร

เชียงใหม่ 3 วัน 2 คืน แนะนำเส้นทางขับรถท่องเที่ยวเดินทางได้เอง อ่านเพิ่มเติม

ชมดอย ปั้นดิน มองเมืองโบราณ @ เชียงราย

วันนี้บัดดี้จะพาเพื่อน ๆ มาเที่ยว ณ ดินแดนเหนือสุดในสยาม นครหลวงก่อนการกำเนิดอาณาจักรล้านนา มีความอุดมสมบูรณ์ทั้งด้านศิลปะ ประเพณีวัฒนธรรม และความหลากหลายทางชาติพันธุ์ ฐานปฏิบัติการดอยช้างมูบ บัดดี้ขอเริ่มต้นทริปนี้ด้วยจุดชมวิวสวยบริเวณชายแดน ที่สามารถมองเห็นวิวแบบพาโนรามาของเทือกเขาฝั่งเมียนมาสีเขียวหลายเฉดสลับซ้อนกัน พร้อมก้อนเมฆและท้องฟ้าที่มองเห็นได้ไกลสุดลูกหูลูกตา ความพิเศษของจุดชมวิวนี้ คือการตั้งอยู่ในบริเวณฐานปฏิบัติการทางทหาร หน่วยกองกำลังป้องกันแนวชายแดน ซึ่งตั้งอยู่บนแนวสันเขาแบ่งเขตแดนไทย-เมียนมา มีอากาศเย็นสบายแทบทั้งปี ที่สำคัญมีร้านกาแฟให้บริการนักท่องเที่ยวสำหรับคนที่ต้องการนั่งพักหรือปล่อยอารมณ์ให้ลอยไปกับสายลมและวิวธรรมชาติเบื้องหน้า ต.โป่งงาม อ.แม่สาย จ.เชียงรายเปิดทุกวันเวลา 08.00-17.00 น.https://maps.app.goo.gl/HUeMYRLc5YLasyUT9 หมู่บ้านผาฮี้ หลังจากชมวิวเสร็จ บัดดี้จะพาเพื่อน ๆ ขับรถประมาณ 2.5 กิโลเมตร มาที่หมู่บ้านผาฮี้ เส้นทางค่อนข้างคดเคี้ยว ตอนขับต้องใช้ความระมัดระวังในการขับขี่เป็นพิเศษ ในอดีต ที่นี่เคยเป็นแหล่งปลูกฝิ่นและทำไร่เลื่อนลอยมาก่อน จนในปี พ.ศ. 2531 โครงการพัฒนาดอยตุงได้เข้ามาให้ความรู้และส่งเสริมให้ชาวบ้านหันมาปลูกกาแฟแทนการปลูกฝิ่น ทำให้ปัจจุบันหมู่บ้านผาฮี้กลายเป็นแหล่งปลูกและผลิตกาแฟพันธุ์อาราบิก้าที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย ปัจจุบันหมู่บ้านผาฮี้มีการขยายตัวของหมู่บ้านออกไปอย่างมาก อย่างประตูผีแห่งนี้ที่เคยอยู่หน้าหมู่บ้าน ปัจจุบันกลับกลายเป็นตั้งอยู่กลางหมู่บ้านจากความเจริญที่งอกเงยมากขึ้น แต่ประเพณี ความเชื่อและวิถีชีวิตก็ยังคงอยู่จากการร่วมกันรักษาไว้ของคนทุกวัยในหมู่บ้าน หากใครมีโอกาสได้มาเที่ยวที่นี่ อย่าลืมที่จะลองดื่มกาแฟหอม ๆ สักแก้ว หากถูกใจอย่าลืมซื้อกลับไปเป็นของฝากหรือเป็นของขวัญให้ผู้ที่หลงใหลในเมล็ดคาเฟอีนคั่วดู รับรองว่าต้องถูกใจแน่นอน ต.โป่งงาม อ.แม่สาย จ.เชียงรายhttps://maps.app.goo.gl/VwyJb3Cm8JCut2ka6 บ้านดอยดินแดง นอกจากเชียงรายจะเป็นแหล่งปลูกกาแฟขึ้นชื่อของประเทศไทยแล้ว เชียงรายยังเป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่มีชื่อเสียงเกี่ยวกับงานศิลปะ หนึ่งในแขนงงานศิลปะที่สวยงามและสามารถใช้ได้ในชีวิตประจำที่บัดดี้จะพาเพื่อน ๆ มาชมวันนี้คือ “บ้านดอยดินแดง” บ้าน สตูดิโอและโรงงาน ของศิลปินนักปั้นดินมือเก๋า อ.สมลักษณ์ ปันติบุญ ผู้ผสานการปั้นดินในท้องที่เข้ากับศิลปะวิถีเซนของญี่ปุ่น ภายในบ้านดอยดินแดง มีเครื่องปั้นดินเผาให้ดูหลายสีหลายแบบ เพื่อน ๆ สามารถเดินชมความสวยงามที่กลมกลืนกับธรรมชาติรอบข้างได้อย่างเพลินตาเพลินใจ ทั้งในและนอกตัวอาคาร หลายชิ้นที่บัดดี้สังเกตเห็นรอยตำหนิที่ช่วยทำให้ชิ้นงานสวยงามและมีเสน่ห์เฉพาะตัวจนทำให้หยุดมองได้ยาก รู้ตัวอีกทีก็ใช้เวลาในการมองไปหลายนาทีแล้ว หากเพื่อน ๆ สนใจในงานเซรามิก เครื่องปั้นดินเผา ที่นี่ถือเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ห้ามพลาดเลยล่ะ เพราะมีทั้งชิ้นงานสวย ๆ ให้ดู มีสินค้าอย่างจาน ชามที่สามารถใช้งานได้จริงและยังเป็นของตกแต่งบ้านไปในตัวได้ด้วย แต่หากเพื่อน ๆ อยากทำเวิร์คชอป ต้องโทรติดต่อล่วงหน้า เพราะไม่ได้มีให้ทำทุกช่วง 49 หมู่ 6 บ้านป่าอ้อ ถนนพหลโยธิน ต.นางแล อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงรายเปิดวันจันทร์-เสาร์ เวลา 08.00-17.00 น. (ปิดวันอาทิตย์)https://maps.app.goo.gl/J1j6cci2Pb5ipSLDA วัดพระธาตุผาเงา สถานที่ต่อไปคือวัดเก่าแก่และสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สำคัญของ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย มาอย่างยาวนาน โดยชื่อ “พระธาตุผาเงา” มาจากเงาของหินก้อนใหญ่ทรงคล้ายเจดีย์ เวลาพระอาทิตย์ส่องผ่านก้อนหินทำให้เกิดเงาขนาดใหญ่นั่นเอง ภายในวัด มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และโบราณวัตถุ ที่มีการค้นพบมากมาย แถมปัจจุบันยังมีการสร้างสกายวอล์คที่เกิดจากความร่วมมือของทางวัด บริษัทเอกชน และชุมชน ที่สร้างขึ้นเพื่อให้พุทธศาสนิกชนและนักท่องเที่ยวได้ชมทิวทัศน์ของแม่น้ำโขงทั้งฝั่งไทย สปป.ลาว ประเทศเมียนมา และสามเหลี่ยมทองคำ โดยไม่มีอะไรมาบังอีกด้วย สำหรับขึ้นชมสกายวอล์ค เพื่อน ๆ สามารถนั่งรถรับส่งของทางวัดได้ โดยมีค่าบริการคนละ 30 บาท หรือเพื่อน ๆ สามารถเลือกเส้นทางเดินเท้า ขึ้นทางบันไดนาค ข้างวิหารหลวงพ่อผาเงาได้ ใช้เวลาประมาณ 20-30 นาที ระยะทางประมาณ 600-700 เมตร โดยเปิดให้เข้าชมอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2565 ที่ผ่านมา หากเพื่อน ๆ ต้องการเข้าไปเดินบนสกายวอล์ค ต้องเสียค่าเข้าชมคนละ 40 บาท และสวมถุงเท้าที่ทางวัดจัดเตรียมไว้ให้เพื่อรักษาสภาพของกระจกทางเดิน โดยจะจำกัดจำนวนคนให้เข้าไปได้ครั้งละไม่เกิน 100 คน สามารถเที่ยวชมได้ตั้งแต่เวลา 07.30-18.00 น. – เด็กสูงไม่เกิน 120 ซม. และผู้สูงอายุ ตั้งแต่ 80 ปีขึ้นไป (แสดงบัตรประชาชน) เข้าชมฟรี– พระภิกษุสามเณร เข้าชมฟรี– ไม่อนุญาตให้นำสัตว์เลี้ยงเข้าไปบนสกายวอล์ค สามารถนำฝากไว้ด้านนอกได้– ไม่อนุญาตให้นำวิลล์แชร์เข้าไปบนสกายวอล์ค เพราะล้อเหล็กของวิลล์แชร์อาจจะทำให้กระจกเสียหายแต่สามารถมาชมบริเวณรอบ ๆ ด้านนอกได้ 391 หมู่ที่ 5 ต.เวียง อ.เชียงแสน จ.เชียงรายเปิดทุกวันเวลา 06.00-18.00 น.https://maps.app.goo.gl/63A6TMUuSFhHr1UR9 เมืองโบราณเชียงแสน สถานที่สุดท้ายสำหรับเส้นทางท่องเที่ยวนี้คือ เมืองโบราณเชียงแสน สถานที่ที่เคยเป็นที่ตั้งของเวียงหิรัญนครเงินยาง ศูนย์กลางอาณาจักรล้านนาในยุคแรก ๆ มีกำแพงเมืองและคูน้ำล้อมรอบตัวเมือง รวมถึงปัจจุบัน ยังมีการขุดค้นพบโบราณสถานมากมายทั้งในและนอกตัวเมืองกว่า 160 แห่ง ซึ่งบัดดี้ติดต่อไปยังศูนย์บริการนักท่องเที่ยวเมืองเชียงแสนเพื่อขอจองรถรางและไกด์นำชม วัดแรกที่บัดดี้ไปก็คือ “วัดเจดีย์หลวง” วัดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของเมืองเชียงแสน ตั้งอยู่ภายในกำแพงเมือง แผนผังของเจดีย์เป็นรูปแปดเหลี่ยม ฐานกว้างด้านละ 9.50 เมตร สูงประมาณ 35.50 เมตร ตามตำนานกล่าวว่า สร้างโดยพญาแสนพู ผู้ซึ่งเป็นพระราชนัดดาของพญามังราย ที่เสด็จจากเมืองเงินยางมาสร้างเมืองเชียงรายและยึดเมืองหริภุญชัยราวปี พ.ศ. 1836 จากนั้นไกด์นำชมขับรถรางพาบัดดี้ไปที่ “วัดป่าสัก” ตั้งอยู่ด้านนอกกำแพงเมืองเชียงแสนทางด้านทิศตะวันตก สันนิษฐานสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 1875 หลังจากที่พญาแสนภูสร้างกำแพงเมืองเชียงแสนเสร็จสิ้นแล้ว 4 ปี มีต้นสักล้อมรอบวัดกว่า 300 ต้น เจดีย์ประธาน มีลักษณะเป็นเจดีย์ทรงปราสาทยอด ผสมผสานศิลปะสุโขทัย พุกาม และหริภุญไชยเข้าด้วยกัน จนเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว หลังจากนั้น การเที่ยวของบัดดี้จะเป็นการนั่งรถรางชมตัวเมืองเชียงแสน ที่มีโบราณสถานอยู่แทรกกับบ้านเรือนของชาวบ้าน มีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่น่าตื่นเต้นมากมายให้เรียนรู้ อย่างเช่นมีการนำอิฐของกำแพงเมืองเชียงแสนไปหาค่าอายุด้วยวิธีเทอร์โมลูมิเนสเซนส์ที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ แล้วพบว่าค่าอายุดินและอิฐของกำแพงเมืองเชียงแสนสมัยที่นำไปตรวจสอบมี 1,400-1,600 ปีมาแล้ว ปิดท้ายด้วยการชมวิวแม่น้ำโขง ณ ด้านทิศตะวันตกของตัวเมือง สันนิษฐานว่าในอดีตมีกำแพงเมืองอยู่ แต่ปัจจุบันพังทลายไปจากการกัดเซาะของแม่น้ำโขงแล้ว แต่ปัจจุบันทางเทศบาลตำบลเวียงเชียงแสนและชาวบ้านในพื้นที่ ได้พยายามรักษาสภาพเมืองเก่าเอาไว้ เพื่ออนุรักษ์เมืองล้านนาโบราณแห่งนี้เอาไว้ไม่ให้พังทลายไปมากกว่านี้ ต.เวียง อ.เชียงแสน จ.เชียงราย0 5377 7287 (ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวอำเภอเชียงแสน)https://maps.app.goo.gl/3oX2x8M1NU3i5fFL6

ชมดอย ปั้นดิน มองเมืองโบราณ @ เชียงราย อ่านเพิ่มเติม

เส้นทางลัดเลาะรอบ “เชียงราย” 4 วัน 3 คืน

บัดดี้แนะนำเส้นทางขับรถท่องเที่ยวเดินทางได้เอง เซฟเก็บไว้ พร้อมเที่ยวตามรอยได้ทันที ✨ บัดดี้แชร์ไอเดียเที่ยว “เส้นทางลัดเลาะรอบเชียงราย” 4 วัน 3 คืน เสน่ห์ของเชียงรายไม่ได้อยู่เพียงแค่ธรรมชาติและวัฒนธรรม แต่ยังรวมถึงวิถีชีวิตของชุมชนที่อบอุ่นเป็นกันเอง สัมผัสประสบการณ์ใหม่ ๆ เรียนรู้วิถีชีวิตของชาวบ้าน ทำกิจกรรมร่วมกับชุมชน ลิ้มรสอาหารพื้นเมือง หากพร้อมแล้ว เชิญมาเติมเต็มวันพักผ่อนของคุณที่เชียงราย 📍 Day 1: รับประทานอาหารที่บริเวณหอนาฬิกา สักการะพ่อขุนเม็งราย กษัตริย์ผู้สร้างเมืองเชียงราย เพิ่มความสดชื่นให้ร่างกาย ที่ ร้านจันกะผัก Workshop ทำกระดาษสา จินนาลักษณ์กระดาษสาบ้านปางห้า ชมสามเหลี่ยมทองคำ ชมเมืองโบราณเชียงแสน วัดพระธาตุผาเงา เดินบนสกายวอร์กผาเงา 3 แผ่นดิน พักที่โรงแรมหรือโฮมสเตย์📍 Day 2: ร่วมพิธีบายศรีสู่ขวัญแบบอบอุ่น ณ ชุมชนโฮมสเตย์บ้านท่าขันทอง สักการะพระแก้ว ณ วัดพระแก้วเชียงของ รับประทานอาหารมื้อกลางวันจากเชฟชุมชน นั่งรถอีต๊อกเลาะริมโขงชมธรรมชาติและวิถีชีวิตรอบ ๆ หมู่บ้าน 📍 Day 3: เดินเล่น เส้นทางเดิน ปั่นจักรยานริมโขงยามเช้า เรียนรู้วัฒนธรรมชาติพันธุ์ไทยลื้อ พิพิธภัณฑ์ลื้อลายคำ  แวะซื้อผ้าทอจาก กลุ่มสตรีทอผ้าศรีดอนชัย ชิมขาหมูที่บ้านผาตั้ง เข้าที่พักบริเวณภูชี้ฟ้า📍 Day 4: ชมทะเลหมอกอุทยานภูชี้ฟ้า รับประทานอาหารกลางวัน ณ ไร่รื่นรมย์เชียงราย เดินทางไปยัง วัดร่องขุ่น และปิดท้ายด้วย สิงห์ปาร์ค เชียงราย แหล่งท่องเที่ยวหลายแห่ง ได้รับการันตีรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ซึ่งเป็นรางวัลที่รับรองคุณภาพสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยว ด้วยมาตรฐานการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน รับผิดชอบต่อสังคม และสิ่งแวดล้อมด้วย มีดังนี้ จินนาลักษณ์กระดาษสา 📞 08 1883 9062 โฮมสเตย์บ้านท่าขันทอง📞 08 1952 7058 กลุ่มสตรีทอผ้าศรีดอนชัย📞 08 5720 5192 ไร่รื่นรมย์เชียงราย📞 09 5403 2574 สิงห์ปาร์ค เชียงราย📞 09 1576 0374

เส้นทางลัดเลาะรอบ “เชียงราย” 4 วัน 3 คืน อ่านเพิ่มเติม

“ม่อนจอง” ต้องลองไป

เส้นทางศึกษาธรรมชาติดอยม่อนจอง ระยะทางเดินเท้า 4-5 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินเฉลี่ยประมาณ 3-5 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับสมรรถภาพร่างกายแต่ละคน เป็นเส้นทางเดินป่าระดับง่าย เหมาะกับผู้เริ่มต้นหัดเดินป่า เพราะเส้นทางเดินเท้าค่อนข้างชัดเจน ทางเดินจะชันมากในช่วงเนินแรกและเนินสุดท้ายก่อนถึงทุ่งหญ้าโล่งบนสันเขา ดอยม่อนจองต้องพักค้างแรมที่จุดกางเต็นท์ยอดดอย 1 คืน นักท่องเที่ยวต้องนำอุปกรณ์กางเต็นท์และค้างแรมมาเอง รวมทั้งเสบียงอาหาร สามารถประกอบอาหารบริเวณจุดกางเต็นท์ได้ มีลูกหาบเป็นชาวบ้านในพื้นที่ให้บริการช่วยขนสัมภาระและดูแลตลอดการเดินทางไปกลับ บริเวณจุดลงทะเบียนยืนยันตัวตน จุดเริ่มต้นเดินเท้า จุดกางเต็นท์บนดอย และจุดสูงสุดยอดดอยที่ผาหัวสิงห์ มีเจ้าหน้าเขตฯ คอยดูแลให้ความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยวเช่นกัน วิธีเดินทางไปยังยอดดอยม่อนจอง1. ลงทะเบียนขออนุญาตและจองสิทธิ์เดินป่าล่วงหน้าก่อนเดินทางอย่างน้อย 3 วัน2. ยืนยันตัวตนในวันเดินป่า ณ ที่ทำการเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอมก๋อย (ปางตึง)3. นั่งรถโฟร์วีลไปยังจุดเริ่มเดินเท้า ประมาณ 45 นาที4. เดินเท้าไปจุดกางเต็นท์บนสันดอย ประมาณ 4 กิโลเมตร5. เดินเท้าจากจุดกางเต็นท์ไปยอดดอยบริเวณผาหัวสิงห์ ประมาณ 1 กิโลเมตร ที่ตั้ง: เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอมก๋อย อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่พิกัด: https://maps.app.goo.gl/wThQ4JDtoWFKdbop8ช่วงฤดูกาลเปิดเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ: เดือนพฤศจิกายน – กลางเดือนกุมภาพันธ์ ของทุกปี ดอยม่อนจอง ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ ประมาณ 240 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางจากตัวเมืองเชียงใหม่ไปยังที่ทำการเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอมก๋อย (ปางตึง) ประมาณ 4-5 ชั่วโมง เพื่อทำเรื่องรายงานตัวตอน 08.00 น. เป็นต้นไป ดังนั้นนักท่องเที่ยวควรแวะพักค้างคืนยังที่พักเอกชนในพื้นที่ใกล้เคียง หรือออกเดินทางจากจุดเริ่มต้น ไม่ว่าจากไหนก็ตาม เพื่อกะเวลามาให้ถึงเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฯ ในช่วงเช้าตรู่ เพื่อลงทะเบียนยืนยันตัวตนและชำระค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ติดตามและอัปเดตข้อมูลการเดินขึ้นม่อนจองได้ที่ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอมก๋อย (ป่าตึง) Facebook page: เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอมก๋อย – Omkoi Wildlife Sanctuary สอบถามข้อมูลเรื่องการอนุญาตและการจองสิทธิ์ได้ตามช่องทางดังนี้โทร. 08 3482 1983Line id: omk1983 การเดินทางไปยังที่ทำการเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอมก๋อย (ปางตึง):จากถนนสายหลัก ทางหลวงหมายเลข 108 (ฮอด-แม่สะเรียง) วิ่งมาจนถึงตำบลบ่อหลวง อำเภอฮอด เลี้ยวซ้ายเข้าใช้ทางหลวงหมายเลข 1099 ระยะทางประมาณ 115 กิโลเมตร ถึงที่ทำการเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอมก๋อย (ปางตึง) พิกัดที่ทำการเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอมก๋อย (ปางตึง)https://maps.app.goo.gl/1gknr3GgG1P3dMCU8 เมื่อลงทะเบียนยืนยันตัวตนและชำระค่าธรรมเนียมต่าง ๆ แล้ว จากนั้นขนสัมภาระเปลี่ยนไปนั่งรถโฟร์วีลของชาวบ้านที่จองไว้ พร้อมลูกหาบ เข้าป่าไปอีกประมาณ 45 นาที ไปยังจุดเริ่มต้นเดินเท้า ซึ่งนักท่องเที่ยวต้องไปถึงจุดเริ่มต้นเดินเท้าก่อน 12.00 น. ไม่เช่นนั้นเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฯ อาจไม่ให้ขึ้นดอย เพราะเกรงว่าจะมืดค่ำระหว่างทาง สอบถามและติดต่อเรื่องรถโฟร์วีลและลูกหาบได้ที่Facebook page: ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวดอยม่อนจอง – บ้านมูเซอโทร. 09 3731 0626 เมื่อถึงจุดเริ่มเดินเท้า แต่ละคนต้องแยกสัมภาระที่จะต้องแบกด้วยตัวเอง เช่น ของมีค่าส่วนตัว น้ำดื่ม ยารักษาโรคประจำตัว เสบียงอาหารหรือขนมเติมพลังระหว่างทาง เป็นต้น และสัมภาระส่วนกลางที่จะให้ลูกหาบแบกให้ เช่น อุปกรณ์เต็นท์และเครื่องนอน อุปกรณ์ประกอบอาหาร น้ำดื่มแบบขวด เป็นต้น เมื่อเตรียมตัวพร้อมแล้ว ก็เริ่มออกเดินเท้าขึ้นยอดดอยม่อนจอง เส้นทางเดินเท้าระยะทางประมาณ 4 กิโลเมตร จากจุดเริ่มเดินเท้า-จุดกางเต็นท์บนสันดอย ลักษณะเส้นทางเดิน ช่วงที่ 1 เปรียบเหมือนช่วงวัดใจ เดินข้ามเขาลูกแรก มีความชันค่อนข้างมาก อาจรู้สึกเหนื่อยหอบได้ง่าย เพราะร่างกายอาจยังปรับสภาพไม่ทัน แต่ระยะทางช่วงไม่ไกล มีเส้นทางเดินชัดเจน ผ่านป่าสนลมเย็นสบาย มีจุดให้แวะนั่งพักระหว่างทาง ช่วงที่ 2 เริ่มเดินเข้าป่าทึบ มีต้นไม้ใหญ่ร่มครึ้มและมีไม้ล้มลุกขึ้นตามพื้นดิน เป็นทางค่อนข้างราบ ไม่ค่อยมีทางชัน ช่วงที่ 3 เริ่มเดินขึ้นสันเขาอีกลูก ทางโล่งมีลมพัดเย็น แต่แสงแดดก็แรงเช่นกัน เห็นทิวทัศน์สันเขาตลอดทาง มีจุดไฮไลต์ คือ ลานหินช่อ ลักษณะเป็นก้อนหินสูงซ้อนกัน สามารถปีนขึ้นไปชมทิวทัศน์และถ่ายรูปได้ เมื่อเดินมาถึงจุดนี้แสดงว่าเดินมาได้ครึ่งทางแล้ว และบริเวณใกล้กับลานหินช่อ มีแนวร่มไม้ใหญ่บนสันเขาให้นั่งพักผ่อน เป็นจุดที่นักเดินป่าและลูกหาบนิยมแวะพักทานมื้อเที่ยงกัน ช่วงที่ 4 เริ่มเดินเข้าป่าทึบอีกครั้ง สลับเดินขึ้นลงเนินอีกเล็กน้อย ไม่ชันมาก และระยะทางไม่ไกล เดินจนพ้นชายป่า จะพบทางเดินขึ้นสันเขาโล่งกว้าง จุดนี้เรียกว่า ดอยหมาหอบ ลักษณะเป็นทางเดินขึ้นสันเขาที่มีความชันมากที่สุดในเส้นทางเดินขึ้นม่อนจอง ระยะทางไม่ไกล ประมาณ 200 เมตร เท่านั้น แต่อากาศร้อนมาก เพราะเป็นทุ่งหญ้าโล่ง ไม่มีต้นไม้ใหญ่เลย นักเดินป่าส่วนใหญ่จะต้องได้นั่งพักหอบแฮกกลางทุ่งหญ้าระหว่างทาง อย่างน้อยคนละ 1 ครั้ง ก่อนจะฝืนใจดันตัวเองเดินขึ้นสู่สันเขา เมื่อเดินขึ้นมาถึงสันเขา และมองกลับไปยังทางที่ขึ้นมาของดอยหมาหอบ หลังผ่านดอยหมาหอบ ก็จะเป็นทางเดินบนสันเขาและทุ่งหญ้า ช่วงที่ 5 เป็นทางเดินไปตามสันเขาที่เป็นทุ่งหญ้าโล่ง ระยะทางประมาณ 500 เมตร จะพบทางเดินตัดลงไปในหุบเขาทางซ้ายมือ ซึ่งเป็นจุดกางเต็นท์บนดอยม่อนจอง เดินตัดจากทุ่งหญ้าสันเขาลงมาเพียง 100 เมตร ถึงจุดกางเต็นท์ บริเวณจุดกางเต็นท์จะอยู่ชายป่า มีต้นไม้ใหญ่ให้ร่มเงา มีห้องน้ำให้บริการ และมีสำนักงานชั่วคราวของเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฯ พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ คอยดูแลความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยวตลอดเวลา ปกติหากเริ่มเดินเท้าจากจุดเริ่มเดินช่วงประมาณ 10.00 น. ส่วนมากจะเดินมาถึงจุดกางเต็นท์กันไม่เกิน 15.00 น. เมื่อจัดการกางเต็นท์ เก็บสัมภาระ และพักผ่อนกันแล้ว นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะเดินไปชมทิวทัศน์และแสงยามเย็นของพระอาทิตย์ตก ณ จุดสูงสุดยอดดอย ที่เรียกว่า “ผาหัวสิงห์” ซึ่งห่างจากจุดกางเต็นท์ประมาณ 1-1.5 กิโลเมตร ไฮไลต์ของม่อนจองอยู่ที่บรรยากาศแสงยามเย็น เพราะแสงอาทิตย์ยามสาดสะท้อนภูเขาหญ้าสีทองนั้น ให้ความรู้สึกสวยสะกดสายตาอย่างมาก ฉะนั้นแนะนำให้พยายามทำเวลา เริ่มเดินขึ้นดอยอย่าสายจนเกินไป จะได้มาถึงจุดกางเต็นท์เร็ว ๆ และมีเวลาเดินเล่นเก็บบรรยากาศยามเย็น ผาหัวสิงห์

“ม่อนจอง” ต้องลองไป อ่านเพิ่มเติม

ปักหมุด 50 จุดชมวิวฤดูหนาว

50 จุดชมวิวฤดูหนาว ที่เหมาะกับการชมทะเลหมอก พระอาทิตย์ขึ้น พระอาทิตย์ตก และมวลหมู่ดาวในยามค่ำคืน จะมีที่ไหนบ้างตามมาชมกัน 1. ภูชี้ฟ้าภูชี้ฟ้ามีลักษณะเป็นยอดเขาที่แหลมชี้ขึ้นไปบนท้องฟ้า มีความสูง 1,628 เมตร จากระดับทะเล บนยอดภูชี้ฟ้าเป็นสันเขาและทุ่งหญ้า มีหน้าผาเป็นแนวยาวยื่นไปทางฝั่งลาว สามารถชมทัศนียภาพได้ 360 องศา มองเห็นทิวเขาอันสลับซับซ้อนได้ทั้งฝั่งไทยและฝั่งลาว เป็นจุดชมทะเลหมอกและพระอาทิตย์ขึ้นในยามเช้า และแสงยามเย็นของพระอาทิตย์ตกก็สวยงามไม่แพ้กัน บริเวณทางขึ้นภูชี้ฟ้ามีที่พักและร้านอาหารให้บริการหลายแห่ง และมีบริการรถกระบะรับส่งจากที่พักไปยังจุดเริ่มเดินเท้าขึ้นยอดภู ระยะทางเดินเท้าประมาณ 700 เมตร หากต้องการขึ้นไปชมพระอาทิตย์ขึ้น แนะนำให้เผื่อเวลามาถึงจุดเริ่มเดินขึ้นภูชี้ฟ้าอย่างช้าไม่เกิน 05.30 น. พิกัดจุดจอดรถยนต์ส่วนตัวและจุดให้บริการรถกระบะขึ้นภูชี้ฟ้า (กรณีไม่ได้พักค้างคืนที่พักบริเวณนี้) : https://maps.app.goo.gl/tnyf1mqvQSBqzbu97ข้อแนะนำ คือ ควรใส่รองเท้าที่รัดกุมและกันลื่นได้ดี พกไฟฉายเพื่อใช้ส่องสว่างในการเดินขึ้นยอดภูตอนเช้ามืดหรือเดินลงช่วงหัวค่ำตั้งอยู่ตำบลตับเต่า อำเภอเทิง จังหวัดเชียงรายพิกัด : https://maps.app.goo.gl/6r7e9UbxGPbKXUY57 2. ภูชี้ดาวภูชี้ดาวตั้งอยู่ระหว่างเส้นทางจากภูชี้ฟ้าไปผาตั้ง โดยอยู่ห่างจากภูชี้ฟ้า 12 กิโลเมตร การขึ้นไปยอดภูชี้ดาว ไม่ว่าจะเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวหรือรถเช่าเหมาจากที่พักบริเวณใกล้เคียง เช่น ภูชี้ฟ้าหรือผาตั้ง นักท่องเที่ยวต้องจอดรถไว้ยังลานจอดรถตรงทางขึ้นภูชี้ดาว (ริมถนนทางหลวงหมายเลข 1093) จากนั้นใช้บริการรถกระบะของชาวบ้านในพื้นที่เท่านั้นเพื่อไปยังจุดเริ่มเดินเท้าขึ้นยอดภูชี้ดาว ระยะทาง 3 กิโลเมตร บริเวณจุดเริ่มเดินเท้ามีร้านค้าและมีห้องน้ำบริการ จากนั้นเดินเท้าขึ้นเขาระยะทาง 350 เมตร ถึงยอดภูชี้ดาว ลักษณะทางเดินขึ้นยอดภู ทางเดินชัดเจน แต่ค่อนข้างชัน พิกัดจุดจอดรถยนต์ส่วนตัวและจุดให้บริการรถกระบะขึ้นภูชี้ดาว : https://maps.app.goo.gl/iuj2WartBpNCGRLx8ยอดภูชี้ดาวมีความสูงประมาณ 1,800 เมตร จากระดับน้ำทะเล ลักษณะเป็นสันเขาทอดตัวแนวยาวจากเหนือไปใต้ มีระเบียงไม้กั้นตลอดแนวทางเดินเพื่อป้องกันการพลัดตกลงไปหุบเขาด้านล่าง บริเวณจุดสูงสุดมีหลักกิโลเขตแดนไทยตั้งอยู่เป็นสัญลักษณ์ สามารถชมทัศนียภาพได้ 360 องศา เห็นทิวทัศน์ของทิวเขาทั้งฝั่งไทยและฝั่งลาว ชมได้ทั้งพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตกข้อแนะนำ คือ ควรใส่รองเท้าที่รัดกุมและกันลื่นได้ดี พกไฟฉายเพื่อใช้ส่องสว่างในการเดินขึ้นยอดภูตอนเช้ามืดหรือเดินลงช่วงหัวค่ำตั้งอยู่ตำบลปอ อำเภอเวียงแก่น จังหวัดเชียงรายพิกัด : https://maps.app.goo.gl/MWzA6gCpiXeotmxM6 3. ภูชี้เดือนตั้งอยู่ห่างจากภูชี้ดาวเพียง 1 กิโลเมตร มีความสูง 1,743 เมตร จากระดับน้ำทะเล บนภูชี้เดือนสามารถชมทิวทัศน์ได้ 360 องศา ทั้งพระอาทิตย์ขึ้น พระอาทิตย์ตก และทะเลหมอก เห็นทิวเขาทั้งฝั่งไทยและฝั่งลาว จากถนนสายหลัก คือ ทางหลวงหมายเลข 1093 บริเวณทางแยกขึ้นภูชี้เดือน นักท่องเที่ยวต้องใช้บริการรถกระบะของชาวบ้านในพื้นที่ ใช้เวลาประมาณ 15 นาที ไปถึงจุดเริ่มเดินเท้า จากนั้นก็ต้องเดินเท้าต่อไปอีก 5-10 นาที ถึงยอด ภูชี้เดือน สามารถจัดโปรแกรมเที่ยวภูชี้เดือนและภูชี้ดาวได้ภายในครึ่งวันเช้า เพราะทางขึ้นทั้งสองภูนั้นอยู่ใกล้ ๆ กัน พิกัดจุดขึ้นรถกระบะขึ้นภูชี้เดือน : https://maps.app.goo.gl/AYTfuMsXuDmtXaxj8ตั้งอยู่บ้านร่มฟ้าหลวง ตำบลปอ อำเภอเวียงแก่น จังหวัดเชียงรายพิกัด : https://maps.app.goo.gl/coWaEgZAu6e6nWvf8 4. จุดชมวิวดอยผาหม่นดอยผาหม่นเป็นเส้นแบ่งเขตแดนธรรมชาติระหว่างไทย-ลาว บริเวณจุดชมวิวดอยผาหม่นสามารถชมทัศนียภาพได้ 360 องศา ทิศตะวันออกเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นท่ามกลางทิวเขาฝั่งลาว และยังมองเห็นแม่น้ำโขงไหลคดเคี้ยวไปตามร่องเขาเบื้องล่าง ส่วนทิศตะวันตกเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกท่ามกลางทิวเขาฝั่งไทย ทางด้านทิศเหนือสามารถมองเห็นยอดดอยผาหม่นตั้งเด่นตระหง่านโดยมีปลายยอดเฉียงชี้ขึ้นฟ้า ส่วนทางด้านทิศใต้มองเห็นสันเขาเป็นแนวยาว ซึ่งตามแนวสันเขานี้มีจุดชมทิวทัศน์ตลอดแนว ได้แก่ ภูชี้เดือน ภูชี้ดาว และภูชี้ฟ้า บริเวณจุดชมวิวดอยผาหม่น ไม่มีที่พักและไม่สามารถกางเต็นท์พักแรมได้เนื่องจากลมแรงมาก แต่มีจุดกางเต็นท์ของชาวบ้านในพื้นที่ให้บริการ จากถนนสายหลัก คือ ทางหลวงหมายเลข 1093 (ผาตั้ง-ภูชี้ฟ้า) ไปยังจุดชมวิวเป็นทางวิบาก ระยะทาง 3 กิโลเมตร ต้องใช้รถขับเคลื่อนสี่ล้อขึ้นไปยังจุดชมวิว ทางชุมชนไม่อนุญาตให้รถยนต์ภายนอกพื้นที่ขับขึ้นไปเอง จุดขึ้นรถโฟร์วีลจุดหลักอยู่บ้านร่มฟ้าผาหม่น ตั้งอยู่ริมทางหลวงหมายเลข 1093 ช่วงหลักกิโลเมตรที่ 83 (เส้นทางผาตั้ง-ภูชี้ฟ้า) เมื่อนั่งรถโฟร์วีลไปถึงลานจอดรถบนดอย ต้องเดินเท้าขึ้นเนินเขาระยะทาง 50 เมตร ถึงจุดชมวิวดอยผาหม่น หากจะไปให้ทันชมพระอาทิตย์ขึ้น ควรขึ้นรถโฟร์วีลก่อน 05.30 น. พิกัดจุดขึ้นรถโฟร์วีลขึ้นดอยผาหม่นhttps://goo.gl/maps/Jb7CR8Bb7Jp1LPM87ตั้งอยู่บ้านร่มฟ้าผาหม่น ตำบลปอ อำเภอเวียงแก่น จังหวัดเชียงราย (ห่างจากบ้านผาตั้ง 6 กิโลเมตร)พิกัด : https://goo.gl/maps/GwEhyoCrq98eLPZb6 5. ดอยผาตั้งอยู่ห่างจากภูชี้ฟ้า 25 กิโลเมตร ตามเส้นทางหลวงหมายเลข 1093 ดอยนี้เป็นที่ตั้งของหมู่บ้านชาวจีนฮ่อ ม้ง และเย้า ปัจจุบันชาวบ้านประกอบอาชีพเกษตรกรรมปลูกพืชเมืองหนาว เช่น บ๊วย ท้อ แอปเปิล และชา ดอยผาตั้งเป็นจุดชมทิวทัศน์ที่มองเห็นทิวเขาทั้งฝั่งไทยและฝั่งลาว มีจุดชมวิวที่ชื่อว่า “ช่องผาบ่อง” ลักษณะเป็นช่องหินขนาดใหญ่ จุดนี้มองเห็นแม่น้ำโขงทอดตัวคดเคี้ยวในฝั่งลาว หากเดินเท้าต่อไปอีก 1 กิโลเมตร จะถึงจุดชมวิวเนิน 103 สภาพเส้นทางบางช่วงสูงชัน เป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้น พระอาทิตย์ตก และทะเลหมอก ตั้งอยู่บ้านผาตั้ง ตำบลปอ อำเภอเวียงแก่น จังหวัดเชียงรายพิกัด : https://maps.app.goo.gl/QdjiG8uAVMvE86BGA 6. เนิน 104 ดอยผาตั้งลักษณะเป็นสันเขาโล่ง ปกคลุมไปด้วยทุ่งหญ้าสลับก้อนหินขนาดใหญ่ สามารถชมทัศนียภาพได้รอบทิศ 360 องศา ทางทิศตะวันออกมองเห็นทิวเขาฝั่งลาวและเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้น ทางฝั่งทิศตะวันตกมองเห็นทิวเขาฝั่งไทยและบ้านผาตั้ง และเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงามอีกแห่ง หากไปช่วงปลายฝนต้นหนาว ประมาณเดือนตุลาคม-มกราคม มีโอกาสพบทะเลหมอกในยามเช้า บริเวณเนิน 104 ดอยผาตั้ง ไม่มีที่พักและไม่สามารถกางเต็นท์พักแรมได้ ที่พักใกล้เคียงจะอยู่ในหมู่บ้านผาตั้ง จากบ้านผาตั้ง ต้องใช้รถขับเคลื่อนสี่ล้อเพื่อไปยังเนิน 104 เพราะเป็นถนนขรุขระ ระยะทางประมาณ 1.8 กิโลเมตร จากนั้นต้องเดินเท้าตามสันเขาซึ่งเป็นทางราบและทุ่งหญ้าประมาณ 350 เมตร ต่อด้วยปีนป่ายก้อนหินอีกประมาณ 50 เมตร ถึงจุดชมวิวเนิน 104 นักท่องเที่ยวสามารถจอดรถยนต์ส่วนตัวไว้ ณ โรงเรียนบรรพตวิทยา และนัดหมายรถขับเคลื่อนสี่ล้อให้มารับ หรือจะให้รถไปรับ-ส่งยังที่พักในหมู่บ้านผาตั้งก็ได้

ปักหมุด 50 จุดชมวิวฤดูหนาว อ่านเพิ่มเติม

บัดดี้พามาแอ่วเหนือ จิบกาแฟ นอนโฮมสเตย์ สัมผัสวิถีชุมชน ณ ชุมชนบ้านป่าเหมี้ยง

บัดดี้จะพาเพื่อน ๆ มาแอ่วเหนือ จิบกาแฟ นอนโฮมสเตย์ สัมผัสวิถีชุมชน ณ ชุมชนบ้านป่าเหมี้ยง หมู่บ้านเล็ก ๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ในอ้อมกอดของหุบเขาที่รายล้อมไปด้วยป่าเขาเขียวขจี เหมาะสำหรับพักผ่อนจากความเหนื่อยล้าที่สะสมมาตลอดทั้งปี ชุมชนป่าเหมี้ยง 📍 ตำบลแจ้ซ้อน อำเภอเมืองปาน จังหวัดลำปาง🌐 https://maps.app.goo.gl/pS1PjMSkVgdcNFYG6 บัดดี้และเพื่อน ๆ เลือกที่พักคนบนดอย โฮมสเตย์ บ้านป่าเหมี้ยง เป็นที่พักติดลำธาร นอนฟังเสียงลำธารไหล บรรยากาศควรค่าแก่การมาพักผ่อนอย่างมาก เมนูอาหารเย็นบัดดี้ฝากท้องกับโฮมสเตย์ มีความสุขและอิ่มอร่อยมาก  ตื่นเช้าวันต่อมาโฮมสเตย์มีกาแฟให้บริการ จิบกาแฟพร้อมฟังเสียงลำธารไหล เป็นการเริ่มต้นเช้าวันใหม่ที่ดีอีกวันหนึ่งเลยค่ะ จากนั้นไปเดินเล่นกันภายในหมู่บ้าน เราจะเห็นว่าเป็นบ้านเรือนไม้ดั้งเดิมเกือบทั้งหมด หน้าบ้านมีต้นไม้ ดอกไม้ปลูกไว้มองแล้วสบายตา อากาศเย็นสบาย และรอยยิ้มของชาวบ้านที่ส่งมาพร้อมคำทักทาย ฮีลใจบัดดี้และเพื่อน ๆ ได้เป็นอย่างมาก สะพานรักดอกเสี้ยว จุดถ่ายภาพสวย ๆ และจุดชมดอกเสี้ยวที่ออกดอกบานสะพรั่งระหว่างเดือนกุมภาพันธ์-เดือนมีนาคมของทุกปี จนกลายเป็นเทศกาลสุดคึกคักของหมู่บ้าน ชาวบ้านในชุมชนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเก็บใบชาป่า เพื่อนำมาแปรรูปเป็นอาหารทานเล่นที่ชาวเหนือเรียกว่า เมี่ยงหรือเหมี้ยง จนกลายเป็นชื่อหมู่บ้านป่าเหมี้ยงกิจกรรมน่าสนใจภายในหมู่บ้าน: การเดินป่าเก็บใบชา การทำหมอนใบชา และชมวิธีการทำเมี่ยง ถ้าใครยังไม่เคยชิมเมี่ยงมาก่อน บัดดี้อยากให้ลองชิม รสชาติมีทั้งเปรี้ยว หวาน และฝาด ใครได้ชิมอาจจะติดใจเหมือนบัดดี้ก็ได้ค่ะ อกจากเรียนรู้วิถีชุมชนบ้านป่าเหมี้ยงแล้ว การพาตัวเองมาอยู่ที่ชุมชนเล็ก ๆ ที่น่ารักในอ้อมกอดธรรมชาติก็เป็นความสุขอีกอย่างหนึ่ง ที่บัดดี้และเพื่อน ๆ ไม่มีวันลืมและต้องกลับมาอีกครั้งแน่นอนค่ะ

บัดดี้พามาแอ่วเหนือ จิบกาแฟ นอนโฮมสเตย์ สัมผัสวิถีชุมชน ณ ชุมชนบ้านป่าเหมี้ยง อ่านเพิ่มเติม

ตามรอยอาหารถิ่น กินแบบลิซ่า

ลิซ่า สาวน้อยมหัศจรรย์ชาวไทย ที่ดังไกลไปทั่วโลก มากด้วยความสามารถทั้งการร้อง การเต้น การแสดงโชว์ ซึ่งหลาย ๆ คนคงได้เห็นกันแล้ว ไม่ว่าเธอจะเยื้องย่างไปที่ใด ก็จะมีออร่า เปล่งประกายเจิดจรัส แทบทุกอิริยาบถ สัปดาห์ก่อนก็เช่นกัน เธอได้แนะนำอาหารที่คิดถึงมา 5 เมนู ได้แก่ แกงส้มชะอมไข่กุ้ง ไข่ลูกเขย ยำมะม่วง หมูปลาร้า น้ำแข็งไส แต่ละเมนู ถือเป็นอาหารที่หารับประทานง่าย มีความหลากหลาย แถมอร่อยถูกปากคนไทยอีกด้วย สามารถทำได้ด้วยตัวเองหรือสั่งได้ทั่วไป วันนี้บัดดี้จะตามรอยเมนูโปรดของลิซ่า แกงส้มชะอมไข่กุ้ง เมนูไทย หอมเครื่องแกง มีรสชาติอมเปรี้ยวอมหวาน ที่มีส่วนผสมหลักคือ ชะอม ไข่ และกุ้งสดใหม่ เป็นเมนูที่ทำง่ายและได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะนอกจากจะมีรสชาติอร่อยแล้ว ยังมีประโยชน์ต่อร่างกายอีกด้วย  นอกจากเมนูแกงส้มชะอมไข่กุ้งแล้ว ยังมีเมนูแกงส้มอื่น ๆ ที่ใช้วัตถุดิบอื่น ๆ เรียกตามชื่อวัตถุดิบที่ใส่ เช่น แกงส้มปลา แกงส้มผักบุ้ง แกงส้มมะละกอ แกงส้มดอกแค  ในแต่ละภูมิภาคของประเทศไทย มีแกงส้มที่มีสีสันและรสชาติแตกต่างกันไปอีกด้วย ภาคเหนือ เรียกแกงส้มเมือง มักใช้ปลาคัง ปลาสลิด เห็ดเผาะ หน่อไม้ มาทำแกง มีรสเปรี้ยวจากน้ำมะกรูด ใบส้มป่อย ภาคกลาง รสชาติกลมกล่อม หวานนำ เปรี้ยวตาม ส่วนใหญ่ทำเป็นแกงส้มปลา เช่น ปลาดุก ปลาทู กุ้ง ผักรวมภาคอีสาน รสชาติเผ็ด จัดจ้าน ใช้ปลาทับทิม ปลาช่อน หน่อไม้ดอก ผักหวาน มาทำแกงส้ม ใส่ปลาร้าหมัก มีกลิ่นหอม แซ่บนัวจริง ๆ ภาคใต้ เรียกแตกต่างจากทุกภาค ซึ่งจะเรียกแกงส้มว่า แกงเหลือง ใช้ขมิ้นและเครื่องแกงจัดจ้าน มีความเผ็ดร้อนสูง รสชาติเข้มข้น ร้านแนะนำ Must-try restaurant 1. ร้านจานกับข้าว กรุงเทพมหานคร (Jarn kubkao, Bangkok) https://www.facebook.com/Jarnkubkaoofficial พิกัด https://maps.app.goo.gl/9EaYYptpJaB1rrHy9 2. ร้านป้อน กรุงเทพมหานคร (Ponn cafe, Bangkok) https://www.facebook.com/ponncafe/photos พิกัด https://maps.app.goo.gl/zJS656gmGF9catfZ6 3. ร้านอาหารบ้านพี่เล็ก เฉลิมพระเกียรติ ร.9 กรุงเทพมหานคร (Baan P’Lek, Bangkok) https://www.facebook.com/baanpeelekthairestaurants?locale=th_TH พิกัด https://maps.app.goo.gl/xdfRpsZwUtbAsuc7A 4. บ้านริมน้ำ จังหวัดเพชรบุรี (Ban Rimnam, Phetchaburi) https://www.facebook.com/baanrimnamphetchburi/?locale=th_TH พิกัด https://maps.app.goo.gl/ZChUYRh1cNxSTDPK6 5. ร้านครัวไม้เมือง จังหวัดแพร่ (Khrua Mai Mueang, Phrae) https://www.facebook.com/profile.php?id=100049980644654&locale=th_TH พิกัด https://maps.app.goo.gl/frGDtSTzbdy6FQU9A 6. ร้านอาหารบ้านฉัน จังหวัดระยอง (Ban Chan, Rayong) https://www.facebook.com/baanchan.restaurant?locale=th_TH พิกัด https://maps.app.goo.gl/zYAHDsV1awL5Q6889 7. ครัวบ้านสวนแก้ว จังหวัดชลบุรี (Khrua Ban Suan Kaeo, Chon Buri) https://www.facebook.com/RestaurantNears?locale=th_TH พิกัด https://maps.app.goo.gl/ZeNmMJWxVqr5LxjB9 8. สวนอาหารมัจฉาผาสุข จังหวัดอุดรธานี (Majcha Phasuk, Udon Thani) https://www.facebook.com/majchaphasukudonthani?locale=th_TH พิกัด https://maps.app.goo.gl/Lw9UUMT58rZopfG2A 9. ชุมชนคีรีวงกต จังหวัดอุดรธานี (Khiri Wongkot Village, Udon Thani) ผู้ใหญ่นรินทร์ โทร: 083-147-9004 พิกัด https://goo.gl/maps/mgCtqPMYprsqn6CNA 10. ร้านน้ำย้อย จังหวัดภูเก็ต (Nam Yoi, Phuket) https://www.facebook.com/NaamYoi?locale=th_TH พิกัด https://maps.app.goo.gl/d4Grsw8tLazFaoru7 ไข่ลูกเขย เมนูไทยรสชาติเปรี้ยวหวานกลมกล่อม กินอร่อย ด้วยเนื้อไข่ที่นุ่มเด้ง จากการนำไข่ต้มไปทอด ซึ่งส่วนใหญ่ใช้ไข่เป็ด ผสานกับน้ำราดรสเปรี้ยวหวาน เค็มกำลังดี ทำให้ไข่ลูกเขยเป็นเมนูที่อร่อยถูกปากหลายคน และยังเป็นเมนูที่ทำง่าย สามารถทำทานเองได้ที่บ้าน รวมทั้งมีขายตามร้านอาหารตามสั่ง ร้านข้าวแกง ร้านอาหารไทย กินกับข้าวสวยร้อน ๆ ผักสดช่วยตัดเลี่ยน สามารถประยุกต์เมนูเป็น ส้มตำไข่ลูกเขย ยำไข่ลูกเขยได้  ในแต่ละภูมิภาคของประเทศไทย มีเมนูไข่ลูกเขยที่มีลักษณะเดียวกันรับประทานเป็นกับข้าว กินกับอะไรก็อร่อย เช่นภาคเหนือ กินไข่ลูกเขยคู่กับข้าวเหนียว น้ำพริกหนุ่ม ภาคกลาง กินไข่ลูกเขยคู่กับข้าวสวย น้ำพริก ภาคอีสาน กินไข่ลูกเขยคู่กับส้มตำ ลาบภาคใต้ กินไข่ลูกเขยคู่กับข้าวสวย แกงเหลือง ร้านแนะนำ Must-try restaurant 1. 80/20 Fine dining, Bangkok https://www.facebook.com/8020bkk?locale=th_TH พิกัด https://maps.app.goo.gl/RMxmLp3fKaxSve4B7 2. กับข้าว’ กับปลา (Kubkao Kubpla, Bangkok) https://www.facebook.com/kubkaokubplabyiberry พิกัด https://maps.app.goo.gl/nCxkGPzsU8TKJDtH9 3.ร้านอาหารสุพรรณิการ์ กรุงเทพมหานคร (Supanniga Eating Room, Bangkok) https://www.facebook.com/SupannigaEatingRoom พิกัด https://maps.app.goo.gl/s56BKPNqDtcawxrt6 4. ร้านข้าวแกงกาย&กัน (หลานตาลี)

ตามรอยอาหารถิ่น กินแบบลิซ่า อ่านเพิ่มเติม

ชวนใช้รถสาธารณะ นั่งรถไฟเที่ยวไทย ไปที่ไหนได้บ้าง? 🚞

ชวนเพื่อน ๆ นักเดินทาง #ลดมลพิษ หันมาใช้รถสาธารณะเดินทางไปท่องเที่ยวทั่วไทย ซึมซับบรรยากาศ และความสวยงามของประเทศไทย ด้วยการนั่ง #รถไฟ ไปเที่ยวด้วยกัน แต่เชื่อว่าหลาย ๆ คนน่าจะยังรู้สึกงงกันอยู่ หากเราต้องการนั่งรถไฟไปเที่ยวนั้น สรุปแล้วต้องไปขึ้นที่ไหน? หัวลำโพงยังเปิดอยู่ไหม? หรือย้ายไปที่สถานีกรุงเทพอภิวัฒน์หมดแล้ว? แชร์ไว้เลยโพสต์นี้มีคำตอบให้ค่ะ ตอนนี้หากเราต้องการจะนั่งรถไฟไปต่างจังหวัด สามารถขึ้นได้ทั้งที่ #สถานีหัวลำโพง และ #สถานีกรุงเทพอภิวัฒน์​ (สถานีกลางบางซื่อ) เลยค่ะ แต่ต้องดูว่าเราจะไปภาคไหน เพราะตอนนี้สายเหนือ สายใต้ และสายตะวันออกเฉียงเหนือ ย้ายไปอยู่ที่สถานีกรุงเทพอภิวัฒน์แล้วนั่นเองค่ะ นอกจากนี้ใครที่ต้องการเดินทางท่องเที่ยวในทริปสั้น ๆ เช่น ไปนครปฐม ไปกาญจนบุรี ไปชุมพร ก็สามารถขึ้นรถไฟที่ #สถานีธนบุรี ได้อีกด้วยค่ะ 😊 สถานีรถไฟหัวลำโพงยังไม่ปิด ยังคงให้บริการขบวนรถไฟชานเมือง ขบวนรถธรรมดา ขบวนรถท่องเที่ยว และขบวนรถไฟสายตะวันออก สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ หรือสถานีกลางบางซื่อ ให้บริการสำหรับขบวนรถไฟทางไกล กลุ่มขบวนรถด่วนพิเศษ และรถด่วนรถเร็ว สายเหนือ ใต้ และอีสาน สถานีธนบุรี ให้บริการสำหรับขบวนรถพิเศษชานเมือง และรถธรรมดา เหมาะสำหรับทริปท่องเที่ยวไม่ไกลกรุงฯ

ชวนใช้รถสาธารณะ นั่งรถไฟเที่ยวไทย ไปที่ไหนได้บ้าง? 🚞 อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top