ศรีสะเกษ

ศรีสะเกษ

รวมพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ ชวนเที่ยวหลบร้อน

วันนี้บัดดี้จะพาเพื่อน ๆ หนีความร้อนมาชมความงามของโลกใต้น้ำ โดยการพาเที่ยวพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำในหลาย ๆ ที่ในไทย หากวันหยุดนี้ใครว่างและกำลังหาที่เที่ยวแบบหลบแดดแล้ว ยังได้ความรู้และความเพลิดเพลิน ลองตามมาอ่านดูว่าใกล้ที่ไหนแล้วลองตามรอยบัดดี้ดู เชื่อได้เลยว่าต้องชอบใจแน่ ๆ สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำภูเก็ตเป็นสถานที่แสดงพันธุ์สัตว์น้ำ หนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่อด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งในจังหวัดภูเก็ตมากว่า 30 ปี ภายในมีการจัดแสดงพันธุ์สัตว์นํ้าที่สวยงาม หลากหลาย บางชนิดหาดูยากมาก ภายในแบ่งเป็น 5 โซนใหญ่ ที่มีทั้งโซนจัดแสดงพันธุ์สัตว์น้ำจืด น้ำเค็ม เส้นทางศึกษาธรรมชาติ ชมวิวทะเลแหลมพันวา โรงเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ บ่อเลี้ยงเต่าทะเลฝั่งอันดามันและเรือจักทอง เรือสำรวจทะเลลึกที่สามารถจุคนได้ถึง 100 คน ค่าเข้าชม– ชาวไทยผู้ใหญ่ 80 บาทเด็ก 40 บาท– ชาวต่างชาติผู้ใหญ่ 300 บาทเด็ก 150 บาท 51 หมู่ 8 ถนนศักดิเดช ตำบลวิชิต อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต เปิดทุกวันเวลา 08.30–16.30 น (ปิดจำหน่ายบัตร เวลา 16.00 น.) 0 7639 1126https://maps.app.goo.gl/u8MGnQvXA2yqqJUN Chiang Mai Zoo Aquarium สถานที่รวบรวมปลาน้ำจืดแห่งลุ่มแม่น้ำโขงและสิ่งมีชีวิตใต้ทะเล มีอุโมงค์ใต้น้ำขนาดใหญ่ ยาว 133 เมตร ที่แบ่งเป็นอุโมงค์ทะเลและอุโมงค์น้ำจืดอย่างละครึ่งภายใต้ความลึก 5 เมตร ภายในแบ่งจัดแสดงเป็น 6 โซนโซน 1 สำรวจลุ่มน้ำในป่าลึกสำรวจป่านานาพรรณพร้อมศึกษาระบบนิเวศริมน้ำและสำรวจสัตว์น้ำจืดตามแหล่งกำเนิด โซน 2 สัตว์ประหลาดนักล่าร่วมผจญภัยในถ้ำ ไม่เพียงแต่ชมการจัดแสดงสัตว์เลื้อยคลานในร่มที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย แต่ยังมีแมงมุมทารันทูรา กบต้นไม้ตาแดง ตะกอง กบชะง่อนผาเขียว สัตว์สายพันธุ์ที่พบแค่พื้นที่บริเวณดอยอินทนนท์ ดอยสุเทพและพื้นที่ใกล้เคียงเท่านั้น โซน 3 สำรวจห้วงสมุทรชมระบบนิเวศชายฝั่งและเรื่องราวของม้าน้ำ ปลาไหลชนิดต่าง ๆ ปลาฉลามกบพร้อมไข่ของมัน ที่ปัจจุบันที่แดนเหนือแห่งนี้มีลูกฉลามกบกว่า 100 ตัวแล้ว โซน 4 ความลึกลับใต้ลุ่มน้ำอุโมงค์น้ำจืดที่จำลองชีวิตลุ่มน้ำโขง พร้อมปลาน้ำจืดหายากจากทั่วโลก โซนที่ 5 แปลกประหลาดอย่างน่าอัศจรรย์บ้านของปลามีพิษ ที่จะบอกเล่าเรื่องราวและข้อมูลสุดมหัศจรรย์ของแต่ละตัว แถมยังมีปลาไหลมอเรย์และส่วนจัดแสดงพิพิธภัณฑ์กระดูกปลาจำลองอีกด้วย โซนที่ 6 โลกสีครามใต้ท้องทะเลบอกเล่าเรื่องราวของชีวิตใต้ทะเล ที่มีการจำลองระบบนิเวศใต้ทะเลที่หลากหลาย ทั้งโซนปลาเศรษฐกิจของไทย โซนปลานักล่าและโซนปลาสวยงามตามแนวปะการัง ค่าเข้าชมผู้ใหญ่ 250 บาทเด็กอายุ 3-12 ปี 80 บาท 100 ถนนห้วยแก้ว ตำบลสุเทพ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ เปิดทุกวันเวลา 08.30-17.00 น. 0 5408 1775https://maps.app.goo.gl/cuWo7YdiBgxrN9yK7 อาคารแสดงพันธุ์สัตว์น้ำ อุโมงค์ปลาบึงบอระเพ็ด อาคารแสดงพันธุ์สัตว์น้ำบึงบอระเพ็ด เฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา เป็นอาคารรูปทรงเรือกระแชงขนาดใหญ่ ภายในมีอุโมงค์ปลาน้ำจืดที่ยาวถึง 24 เมตร มีตู้ปลาที่จัดแสดงปลาน้ำเค็ม ปลาจากต่างประเทศที่หาดูยากมากกว่า 33 ตู้ นอกจากการชมปลาในตู้แล้ว ที่นี่ยังมีการแสดงจระเข้ กิจกรรมล่องเรือรอบบึงบอระเพ็ดเพื่อดูนกนานาชนิด มีจุดส่องนกรอบเรือ ชมปลากระเบนราหูยักษ์ ปลาน้ำจืดขนาดใหญ่ที่พบในบึงบอระเพ็ดและปลาเสือตอลายใหญ่ สัตว์น้ำจืดที่มีถิ่นกำเนิดอยู่ในประเทศไทยที่ปัจจุบันคาดว่าได้สูญพันธุ์ไปจากแหล่งน้ำธรรมชาติประเทศไทยแล้ว ค่าเข้าชมผู้ใหญ่ 49 บาทเด็ก 19 บาทการแสดงจระเข้ผู้ใหญ่ 30 บาทเด็ก 20 บาท ตำบลแควใหญ่ อำเภอเมืองนครสวรรค์ จังหวัดนครสวรรค์ วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 09.30 – 16.30 น. วันเสาร์ – อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 09.00–16.30 น. 0 5627 4522 สายด่วน โทร. 1131https://maps.app.goo.gl/62KofhQfp16xKBLo6 พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำหว้ากอ หนึ่งในพิพิธภัณฑ์ทางทะเลชื่อดังแห่งนี้ ตั้งอยู่ในโซนอ่าวคลองวาฬ มีการจัดวางและแบ่งโซนการจัดแสดงภายในได้ดีและสวยงามมาก สามารถเรียนรู้ระบบนิเวศใต้ทะเล น้ำกร่อย น้ำจืดและทำความรู้จักสิ่งมีชีวิตหลากชนิดได้อย่างเพลิดเพลิน ภายในแบ่งเป็น 6 โซนด้วยกันคือโซนอัศจรรย์โลกสีคราม โซนจากขุนเขาสู่สายน้ำ โซนสีสันแห่งท้องทะเล โซนเปิดโลกใต้ทะเล โซนพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำและโซนกิจกรรมปฏิบัติการ แถมยังมีกิจกรรมนั่งรถรางนำชมทัศนียภาพรอบพิพิธภัณฑ์อีกด้วย ค่าเข้าชมผู้ใหญ่ 50 บาทเด็กที่มีความสูง 90-135 เซนติเมตร 30 บาทเด็กที่มีความสูงไม่เกิน 90 เซนติเมตร พระภิกษุ สามเณร ผู้สูงอายุ ผู้พิการ ผู้ด้อยโอกาส และผู้อยู่ในความดูแลของสถานสงเคราะห์ต่างๆ เข้าชมฟรี อุทยานวิทยาศาสตร์พระจอมเกล้า ณ หว้ากอ ตำบลคลองวาฬ อำเภอเมือง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เปิดทุกวันเวลา 09.00-16.00 น. 0 3266 1098, 0 3266 1726 ต่อ 0https://maps.app.goo.gl/Qo3PnWH1o7cwTtth7 สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำเทศบาลเมืองร้อยเอ็ด สถานที่จัดแสดงและให้ความรู้เกี่ยวกับปลาและสัตว์น้ำจืดชนิดต่าง ๆ ประกอบด้วยอาคาร 2 หลัง หลังแรกเป็นทั้งสำนักงาน ห้องโถง ห้องบรรยาย และห้องนิทรรศการให้ความรู้เกี่ยวกับปลา สัตว์น้ำจืดและอุปกรณ์จับปลา อาคารหลังที่ 2 แบ่งเป็น 2 ส่วน ชั้นล่างจัดแสดงพันธุ์สัตว์น้ำ ภายในมีการจัดแสดงสัตว์สตัฟฟ์ มีตู้ปลาขนาดเล็กรอบอาคาร 24 ตู้ และเป็นอุโมงค์แก้วให้เดินชมปลาใต้น้ำได้ ชั้นบนจะเป็นบ่อพักน้ำและแหล่งสำรองพันธุ์สัตว์น้ำ โดยปลาทั้งหมดที่นำมาจัดแสดง จะเป็นปลาจากแม่น้ำโขง แม่น้ำชีและแม่น้ำมูล ที่นี่ไม่เก็บค่าธรรมเนียมในการเข้าชม หากใครอยากช่วยเหลือจะเป็นการให้บริจาคค่าอาหารสัตว์น้ำแทนที่ตู้บริจาคแทน […]

รวมพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ ชวนเที่ยวหลบร้อน อ่านเพิ่มเติม

✨ 10 สถานที่ท่องเที่ยวปราสาทหิน ✨

อารยธรรมขอมมีความเก่าแก่ และมีความสำคัญอย่างมาก ข้อหนึ่งที่เห็นได้ก็คือก่อให้เกิดศิลปะอันทรงคุณค่า เกิดเป็นสถาปัตยกรรมอันงดงามให้เราได้ชมจนถึงทุกวันนี้ การเผยแพร่อิทธิพลขอมในไทยที่เห็นได้อย่างชัดเจนคือ “ปราสาทหิน” ในประเทศไทยมีปราสาทหินโบราณที่สร้างในสมัยที่อาณาจักรขอมโบราณเจริญรุ่งเรืองนับร้อยแห่ง ทั้งอโรคยาศาลา ที่พักคนเดินทาง สะพานขอม หลายแห่งชำรุดทรุดโทรมไปตามกาลเวลา แต่ก็มีอีกหลายแห่งที่ยังคงสภาพสมบูรณ์รวมถึงมีการบูรณะซ่อมแซมให้มีความสมบูรณ์มากที่สุด วันนี้ แอดขอยก 10 สถานที่ปราสาทหินถิ่นแดนไทยมาแนะนำเพื่อน ๆ กัน  อุทยานประวัติศาสตร์สด๊กก๊อกธม จังหวัดสระแก้ว ปราสาทสด๊กก๊อกธม เป็นชื่อเรียกในภาษาเขมร ตั้งอยู่ในจังหวัดสระแก้วที่มีอาณาเขตติดต่อกับกัมพูชา ราวกับเป็นจุดเริ่มต้นเส้นทางปราสาทขอมโบราณที่เผยแพร่เข้ามาในไทย อาคารโบราณสถานเป็นแบบศาสนสถานฮินดู ก่อด้วยหินทรายและศิลาแลงตามลักษณะศิลปะขอม แบบคลัง-บาปวน สร้างในช่วงพุทธศวรรษที่ 15-16 ปัจจุบัน ปราสาทสด๊กก๊อกธม ได้รับการบูรณะซ่อมแซมให้มีสภาพสมบูรณ์ตามแบบเดิม และยังได้จัดตั้งศูนย์ข้อมูลแห่งใหม่ที่รวบรวมประวัติ สถาปัตยกรรมของสด๊กก๊อกธม รวมทั้งนิทรรศการพิเศษเจาะลึกปราสาทเขมรในไทยอย่างละเอียดอีกด้วย  บ้านหนองเสม็ด ตำบลโคกสูง อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว  เปิดทุกวัน เวลา 08.30 – 16.30 น. (ศูนย์บริการข้อมูล เปิดทุกวัน เวลา 9.00 – 16.00 น.)  037 550 454 https://goo.gl/maps/u5LMfmmoV266qGNB6  ปราสาทศีขรภูมิ จังหวัดสุรินทร์ สร้างขึ้นตามรูปแบบศิลปกรรมเขมรโบราณ ตรงกับศิลปะสมัยบาปวนต่อเนื่องถึงสมัยนครวัด ช่วงพุทธศตวรรษที่ 16-17 เพื่อเป็นศาสนสถานของศาสนาฮินดู ลัทธิไศวนิกาย ที่นับถือพระศิวะเป็นเทพเจ้าสูงสุด ภายในประกอบด้วย ปราสาทอิฐ 5 หลัง ตั้งอยู่บนฐานศิลาแลงเดียวกัน โดยมีปราสาทประธานอยู่ตรงกลาง สิ่งที่น่าสนใจของปราสาทศีขรภูมิ คือ ทับหลังหินทรายเหนือกรอบประตูทางเข้าปราสาทประธาน จำหลักเป็นรูปศิวนาฏราช (พระศิวะทรงฟ้อนรำ) อยู่บนหงส์ 3 ตัว เหนือหน้ากาล แวดล้อมไปด้วยบริวารที่ร่วมทรงดนตรี และยังมีรูปจำหลักเทพองค์สำคัญอยู่รอบ ๆ รูปศิวนาฏราช  บ้านปราสาท ตำบลระแงง อำเภอศีขรภูมิ จังหวัดสุรินทร์  เปิดทุกวัน เวลา 07.30-18.00 น.  ค่าเข้าชมชาวไทย 10 บาท ต่างชาติ 50 บาท  044 508 240 https://goo.gl/maps/k2pmA9h6has6EiTcA  โบราณสถานกลุ่มปราสาทตาเมือน จังหวัดสุรินทร์ กลุ่มปราสาทตาเมือน เป็นโบราณสถานที่มีปราสาททั้งหมดสามแห่งตั้งอยู่ใกล้กัน และมีความสำคัญแตกต่างกัน ได้แก่ ปราสาทตาเมือน เป็นศาสนสถานในพุทธศาสนาลัทธิมหายาน สร้างขึ้นเพื่อเป็นธรรมศาลาหรือที่พักคนเดินทาง ปราสาทตาเมือนโต๊ด เป็นอโรคยาศาลหรือสถานพยาบาลของชุมชน และอย่างในภาพนี้คือปราสาทตาเมือนธม สร้างขึ้นในศาสนาฮินดูลัทธิไศวนิกาย ซึ่งนับถือพระศิวะเป็นเทพสูงสุด เป็นปราสาทที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในกลุ่มปราสาทตาเมือน และสันนิษฐานว่าเก่าแก่ที่สุด เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่อยู่ใกล้ชายแดนไทย-กัมพูชา แนะนำให้สอบถามข้อมูลจากหน่วยทหารที่ดูแลพื้นที่บริเวณนั้นก่อน และนำบัตรประชาชนติดตัวไปทุกครั้ง  บ้านหนองคันนา ตำบลตาเมียง อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์  เปิดทุกวัน เวลา 08.00-17.00 น.  044 508 240 https://goo.gl/maps/k2pmA9h6has6EiTcA  ปราสาทสระกำแพงใหญ่ จังหวัดศรีสะเกษ จังหวัดศรีสะเกษ เป็นอีกหนึ่งจังหวัดในภาคอีสานตอนใต้ที่มีอาณาเขตติดต่อกับกัมพูชา ที่สำคัญยังคงวัฒนธรรมขอมเอาไว้อยู่ด้วย โบราณสถานสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงอารยธรรมขอมในอดีต คือ “ปราสาทสระกำแพงใหญ่” ปัจจุบัน ตั้งอยู่ภายในวัดสระกำแพงใหญ่ เป็นปราสาทขอมที่มีขนาดใหญ่และสมบูรณ์ที่สุดของจังหวัดศรีสะเกษ สันนิษฐานว่าปราสาทแห่งนี้สร้างขึ้นในราวพุทธศตวรรษที่ 16 ตรงกับศิลปะขอมแบบบาปวน เพื่อเป็นเทวาลัยถวายแด่พระศิวะ มีลักษณะเป็นปรางค์ 3 องค์บนฐานเดียวกัน ปรางค์ประธานอยู่ตรงกลาง ก่อด้วยหินทราย มีอิฐแซมบางส่วน ภายในมีทับหลังจำหลักภาพพระอินทร์ทรงช้างบนแท่นเหนือหน้ากาล  ตำบลสระกำแพงใหญ่ อำเภออุทุมพรพิสัย จังหวัดศรีสะเกษ  062 142 9261 https://goo.gl/maps/G5YQPqnrqVk7zRdv5  อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง จังหวัดบุรีรัมย์ ปราสาทหินในไทยที่มีชื่อเสียงที่สุดคงต้องยกให้ “ปราสาทหินพนมรุ้ง” โบราณสถานที่มีสภาพสมบูรณ์อย่างมาก และมีขนาดใหญ่กว่า 451 ไร่ ปราสาทหินพนมรุ้งตั้งอยู่บนภูเขาไฟที่ดับสนิทแล้ว เป็นศาสนสถานที่สร้างขึ้นเพื่อถวายแด่องค์พระศิวะ เทพเจ้าสูงสุดในศาสนาฮินดูลัทธิไศวนิกาย เขาพนมรุ้งและปราสาทบนยอดเขาจึงเปรียบเสมือนเขาไกรลาสอันเป็นที่ประทับของพระศิวะ และยังเป็นสัญลักษณ์ของศูนย์กลางจักรวาลอีกด้วย กลุ่มอาคารบนยอดเขามีการก่อสร้างหลายยุคสมัยตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 15 – 18 “พนมรุ้ง” หรือ “วนํรุง” เป็นภาษาเขมร แปลว่า “ภูเขาอันกว้างใหญ่” โดยคำนี้ปรากฏอยู่ในศิลาจารึกอักษรขอมที่พบที่ปราสาทหินพนมรุ้ง และยังปรากฏชื่อผู้สร้างปราสาท คือ “นเรนทราทิตย์” เชื้อสายราชวงศ์มหิธรปุระ ผู้เกี่ยวข้องเป็นพระญาติกับพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 ผู้สร้างปราสาทนครวัด ตำบลตาเป๊ก อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดบุรีรัมย์  อัตราค่าเข้าชม ชาวไทย 20 บาท ต่างชาติ 100 บาท หากไปชมปราสาทหินเมืองต่ำด้วย สามารถซื้อตั๋วเหมาได้ ชาวไทย 30 บาท ต่างชาติ 150 บาท  เปิดทุกวัน เวลา 06.00-18.00 น.  044 666 251-2 https://goo.gl/maps/yWnKAEJdBiyfH5mA9  ปราสาทเมืองต่ำ จังหวัดบุรีรัมย์ ปราสาทแห่งนี้มีลักษณะของศิลปะขอมแบบบาปวน ปนด้วยศิลปะขอมแบบคลัง ภาพจำหลักส่วนใหญ่เป็นภาพเทพในศาสนาฮินดู ภายในปราสาท มีปรางค์อิฐ 5 องค์สร้างอยู่บนฐานเดียวกัน โดยองค์ปรางค์ประธานเหลือแต่เพียงฐาน นอกจากนี้ ยังมีบารายขนาดใหญ่อยู่ทางทิศเหนือของปราสาท ชาวบ้านเรียกกันว่า “ทะเลเมืองต่ำ” จากการศึกษาทางโบราณคดีพบว่า มีการตั้งถิ่นฐานของชุมชนโบราณในละแวกนี้อยู่หลายชุมชน ที่สำคัญยังมีการขุดพบโบราณวัตถุมากมายที่สามารถพิสูจน์ได้ว่า บริเวณนี้มีชุมชนเก่าแก่ตั้งแต่มีการสร้างปราสาทเมืองต่ำ  ตำบลจรเข้มาก อำเภอประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์  อัตราค่าเข้าชม ชาวไทย 20 บาท ต่างชาติ 100 บาท หากไปชมปราสาทหินพนมรุ้งด้วย สามารถซื้อตั๋วเหมาได้ ชาวไทย 30 บาท ต่างชาติ 150 บาท

✨ 10 สถานที่ท่องเที่ยวปราสาทหิน ✨ อ่านเพิ่มเติม

คักอีหลี “ทุเรียนภูเขาไฟ ศรีสะเกษ”

ปลายหน้าร้อนแบบนี้ ก็ยังมีทุเรียนให้เพื่อน ๆ ได้กินกันแบบจุใจ เพราะทุเรียนภูเขาไฟ ศรีสะเกษ กำลังจะออกผลผลิตให้เพื่อน ๆ ได้ลิ้มรสกันในช่วงกลางเดือนพฤษภาคมเป็นต้นไป ทุเรียนภูเขาไฟ เป็นทุเรียนพันธุ์หมอนทอง ชะนีและก้านยาวที่มีการเพาะปลูกในพื้นที่ที่เคยเป็นภูเขาไฟ ซึ่งจะเป็นดินที่มีแร่ธาตุอยู่มาก ทำให้สร้างผลผลิตได้ดี ทุเรียนมีความกรอบนอก นุ่มใน ละมุนลิ้น กลิ่นไม่ฉุนมาก พื้นที่ที่ปลูกทุเรียนมากเป็นอันดับต้น ๆ ของจังหวัดศรีสะเกษ ได้แก่ อำเภอกันทรลักษ์ อำเภอขุนหาญ อำเภอศรีรัตนะ หากเพื่อน ๆ ที่อยากลิ้มรสความอร่อยของทุเรียนภูเขาไฟ สามารถสั่งออนไลน์ได้ที่ www.lavadurian.com เว็บไซต์ซื้อขายทุเรียนภูเขาไฟออนไลน์ ที่เตรียมเสิร์ฟความอร่อยให้ถึงบ้าน สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ : ททท.สำนักงานสุรินทร์ (ดูแลพื้นที่จังหวัดสุรินทร์และศรีสะเกษ) Facebook: https://www.facebook.com/tatsurin

คักอีหลี “ทุเรียนภูเขาไฟ ศรีสะเกษ” อ่านเพิ่มเติม

ทำความรู้จัก…ทุเรียนอีสานใต้

รู้หรือไม่ ภาคอีสานก็ปลูกทุเรียนเหมือนกันนะ เพื่อน ๆ อาจจะคุ้นเคยกับทุเรียนภูเขาไฟของจังหวัดศรีสะเกษ และอาจจะยังไม่รู้ว่าจังหวัดบุรีรัมย์และสุรินทร์ก็มีทุเรียนอร่อย ๆ ให้ชิม ได้แก่– บุรีรัมย์ – ทุเรียนน้ำแร่– สุรินทร์ – ทุเรียนเมืองช้าง– ศรีสะเกษ – ทุเรียนภูเขาไฟ ทุเรียนน้ำแร่ จังหวัดบุรีรัมย์.“ทุเรียนน้ำแร่ธรรมชาติ ดินภูเขาไฟบุรีรัมย์” เป็นทุเรียนที่ปลูกในพื้นที่ที่มีดินภูเขาไฟและมีน้ำแร่อยู่ใต้ดิน ทุเรียนจึงมีการเจริญเติบโตดี เนื้อนุ่ม รสชาติหวานมันเป็นเอกลักษณ์ โดยจังหวัดบุรีรัมย์มีการปลูกทุเรียนในพื้นที่ อำเภอเมือง อำเภอโนนสุวรรณ อำเภอปะคำ และอำเภอบ้านกรวด.ใครอยากชิมทุเรียนน้ำแร่ของบุรีรัมย์ แอดมีรายชื่อสวนมาให้แล้ว สามารถโทรไปสอบถามและจับจองกันได้เลยค่ะ สวนปลวกทอง อำเภอโนนสุวรรณโทร. 095 614 1218.สมหมาย ฟาร์ม อำเภอโนนสุวรรณโทร. 062 389 5285Facebook : Sommai Farm.สวนลุงคำพันธุ์โทร. 082 148 8869Facebook : สวนเงาะ ทุเรียน ลุงคำพันธุ์ Buriram.สวนทุเรียนสามดอ อำเภอปะคำโทร. 084 900 8184 (แม่ผ่องศรี เด็ดดวงรัมย์).สวนทุเรียนบิ๊กเบนซ์ อำเภอปะคำโทร. 061 102 6616/ 09 3429 2535.สวนทุเรียนป๋าเบิ้ม อำนวย พาลัง อำเภอโนนสุวรรณโทร. 096 236 3744.สวนยายเฑียร ทุเรียนน้ำแร่ อำเภอโนนสุวรรณโทร. 081 790 9951.ไร่นายตะวัน อำเภอโนนสุวรรณโทร. 082 027 7413.สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ททท. สำนักงานบุรีรัมย์ โทร. 044 634 722-3.ขอบคุณรูปภาพจาก ททท.สำนักงานบุรีรัมย์ ทุเรียนเมืองช้าง จังหวัดสุรินทร์.เมืองสุรินทร์ไม่ได้มีแค่ช้าง แต่มีทุเรียนด้วยนะ ทุเรียนเมืองช้างมีความกรอบนอกนุ่มใน หอมหวานละมุนลิ้น กินแล้วจะต้องติดใจ พื้นที่ปลูกทุเรียนในจังหวัดสุรินทร์ มี 7 อำเภอ คือ อำเภอบัวเชด อำเภอกาบเชิง อำเภอศีขรภูมิ อำเภอพนมดงรัก อำเภอสังขะ และ อำเภอปราสาท.สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ : ททท.สำนักงานสุรินทร์ (ดูแลพื้นที่จังหวัดสุรินทร์และศรีสะเกษ)โทร. 044 514 447-8 . ขอบคุณรูปภาพจาก ททท. สำนักงานสุรินทร์ ทุเรียนภูเขาไฟ จังหวัดศรีสะเกษ.เป็นทุเรียนที่มีความกรอบนอก นุ่มใน ละมุนลิ้น กลิ่นไม่ฉุนมาก เพราะปลูกในพื้นที่ที่เคยเป็นภูเขาไฟ ดินจึงมีแร่ธาตุอยู่มาก  โดยพื้นที่ที่ปลูกทุเรียนมากเป็นอันดับต้น ๆ ของจังหวัดศรีสะเกษ ได้แก่ อำเภอกันทรลักษณ์ อำเภอขุนหาญ อำเภอศรีรัตนะ.ใครอยากลิ้มรสความอร่อยของทุเรียนภูเขาไฟ สามารถสั่งออนไลน์ได้ที่ www.lavadurian.comเว็บไซต์ซื้อขายทุเรียนภูเขาไฟออนไลน์ ที่มีร้านค้าให้เลือกกว่า 37 ร้าน กดสั่งไม่กี่คลิก ก็รอรับทุเรียนอร่อย ๆ มาส่งถึงบ้านได้เลย สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ : ททท.สำนักงานสุรินทร์ (ดูแลพื้นที่จังหวัดสุรินทร์และศรีสะเกษ)โทร. 044 514 447-8.ขอบคุณรูปภาพจาก ททท. สำนักงานสุรินทร์

ทำความรู้จัก…ทุเรียนอีสานใต้ อ่านเพิ่มเติม

สัมผัสรุ่งอรุณ ณ ผามออีแดง จ.ศรีสะเกษ

ผามออีแดงถือเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยงามแห่งหนึ่งของจังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งแอดรับรองว่าถ้าใครได้ชมจะต้องประทับใจแน่นอน ผามออีแดง เป็นลานหินธรรมชาติที่ตั้งอยู่ริมหน้าผา มีพรมแดนติดกับประเทศกัมพูชา สามารถมองเห็นทัศนียภาพของทิวเขาพนมดงรักและปราสาทเขาพระวิหารที่อยู่ในฝั่งของกัมพูชาได้.เพื่อนๆ สามารถไปเที่ยวที่นี่ได้ตลอดทั้งปี ยิ่งในช่วงฤดูหนาวจะได้เห็นทะเลหมอกด้วยนะ ในการชมพระอาทิตย์ขึ้นนั้น แอดแนะนำให้ไปตั้งแต่เช้ามืด เพราะเราจะได้เห็นท้องฟ้าค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีชมพูอมส้ม สวยงามมากๆ และถ้าโชคดี ท้องฟ้าปลอดโปร่ง เพื่อนๆ ก็จะได้เห็นพระอาทิตย์สีแดงกลมโต โผล่พ้นขอบฟ้าขึ้นมาแบบนี้เลยค่ะ  อีกหนึ่งไฮไลท์ที่พลาดไม่ได้ก็คือ หน้าผาที่สลักประติมากรรมนูนต่ำเป็นภาพบุคคล 3 คน แต่งกายแบบขอมโบราณ เชื่อกันว่าเป็นที่ซ้อมมือของช่างก่อนแกะสลักจริงที่ปราสาทเขาพระวิหาร อายุประมาณ 1,500 ปี ซึ่งการชมภาพสลักนี้ เราจะต้องเดินลงบันไดไป แอบหวาดเสียวนิดๆ แต่ถ้าไปแล้วก็ต้องไปชมให้ได้นะ  ผามออีแดงตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร อําเภอกันทรลักษณ์ จังหวัดศรีสะเกษ เปิดให้ขึ้นชมทุกวัน เวลา 05.30-16.30 น. ค่าธรรมเนียมอุทยานฯชาวไทย ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาทชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 400 บาท เด็ก 200 บาท ค่าธรรมเนียมยานพาหนะรถจักรยานยนต์ 20 บาทรถยนต์ 4 ล้อ 30 บาท สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโทร. 045 816 000, 045 816 071, 098 957 5890 การเดินทางจาก อ.กันทรลักษณ์ ใช้ทางหลวงหมายเลข 221 ระยะทางประมาณ 25 กิโลเมตร ถึงที่ทำการอุทยานฯ

สัมผัสรุ่งอรุณ ณ ผามออีแดง จ.ศรีสะเกษ อ่านเพิ่มเติม

ไก่ย่างไม้มะดัน ของอร่อยห้วยทับทัน ต้องห้ามพลาด!!!

ไก่ย่างไม้มะดัน #ของอร่อยห้วยทับทัน ต้องห้ามพลาด!!! ถ้าเราเดินทางไปทางอีสานใต้ โดยใช้ทางหลวงหมายเลข 226 เมื่อถึงบริเวณอำเภอห้วยทับทัน เราจะพบกับร้านไก่ย่างไม้มะดันเรียงรายอยู่ริมทางมากมาย มีให้เลือกซื้อเลือกชิมมากกว่า 50 ร้านเลยทีเดียว บางคนอาจมีคำถามว่า ทำไมต้องเป็นไม้มะดัน ? ที่มานั้นก็เนื่องมาจาก บริเวณริมลำน้ำห้วยทับทันมีต้นมะดันป่าจำนวนมาก ซึ่งคุณสมบัติพิเศษของไม้มะดันก็คือ มีความเหนียว ไม่ฉีกขาดง่าย ทนร้อน ทนไฟ และเมื่อนำไปทำไม้หนีบไก่สำหรับย่างนั้น จะทำให้มีกลิ่นหอมและมีรสชาติเฉพาะตัวกว่าไม้ไผ่ซึ่งหาได้ยากในบริเวณนี้ จึงทำให้กลายเป็นเอกลักษณ์ของไก่ย่างที่นี่ไปนั่นเอง ไก่ที่นำมาย่างนั้นจะใช้ไก่ลูกผสมหรือไก่สามสายพันธุ์ ที่สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดศรีสะเกษ กรมปศุสัตว์ นำแม่พันธุ์มาส่งเสริมให้เกษตรกรเลี้ยง ขยายพันธุ์ และนำมาแปรรูปเป็นไก่ย่าง ไก่ย่างที่ย่างสุกแล้ว เนื้อไก่จะแน่นมันน้อย ได้รสเปรี้ยวเล็กๆ ของไม้มะดัน จิ้มน้ำจิ้มสูตรเฉพาะ ทานคู่กับข้าวเหนียวร้อนๆ อร่อยฟินเฟร่อออออออ ราคาไก่ย่างแต่ละไม้ ขึ้นอยู่กับขนาดของไก่ เริ่มต้นที่ 25 บาท ถึงประมาณ 120 บาทต่อไม้ หาซื้อทานได้ที่ บริเวณอำเภอห้วยทับทัน ริมทางหลวงหมายเลข 226 (สุรินทร์ – ศรีสะเกษ) หรือบริเวณหน้าสถานีรถไฟห้วยทับทัน ร้านส่วนใหญ่จะเปิดขายตั้งแต่เช้าตรู่ ถึงตอนค่ำๆ เลย  ถ้าใครมีโอกาสผ่านไปแถวนั้น อย่าลืมแวะชิมความอร่อยของไก่ย่างไม้มะดันกันด้วยนะครับผม ^^ พิกัด : https://goo.gl/maps/BF2iMJ8BQvk

ไก่ย่างไม้มะดัน ของอร่อยห้วยทับทัน ต้องห้ามพลาด!!! อ่านเพิ่มเติม

เที่ยวไหนดีที่ศรีสะเกษ เมืองแห่งกลิ่นอายวัฒนธรรมขอม

ในทริปนี้เราเดินทางจากกรุงเทพฯ โดยเครื่องบินไปลงที่จ.อุบลราชธานี จากนั้นนั่งรถตู้สายกันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ และต่อด้วยรถโดยสารไปที่อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงเศษเท่านั้น เริ่มด้วยการออกตามหาร่องรอยของอารยธรรมขอม ที่อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหารแห่งนี้ นอกจากป่าไม้อันอุดมสมบูรณ์ภายในอุทยานแห่งชาติแล้ว สิ่งที่ไม่ควรพลาดคือ ผามออีแดง เดินจากจุดบริการนักท่องเที่ยวไม่ไกลเราก็มาถึง จุดชมวิวผามออีแดง หน้าผาสูงชันที่เป็นปราการธรรมชาติแบ่งเขตแดนไทย-กัมพูชา มองไปด้านล่างจะเห็นดินแดนฝั่งกัมพูชามีป่าไม้ขึ้นอย่างหนาแน่นเขียวขจีไกลสุดสายตา ในวันที่อากาศปลอดโปร่งจะมองเห็นปราสาทเขาพระวิหารตั้งอยู่บนเขาอยู่ลิบๆ ให้ได้จินตนาการว่าถ้าเข้าไปดูใกล้ ๆ จะยิ่งใหญ่อลังการขนาดไหน ถ้ามาในช่วงเช้าที่อากาศเย็นหรือมีความชื้นสูง ใครโชคดีจะได้เห็นทะเลหมอกที่เป็นจุดที่สวยงามอีกจุด หรือถ้ามาช่วงเย็นชมพระอาทิตย์ตกดินก็สวยงามไปอีกแบบ เมื่อเดินตามสะพานไม้เลาะไปตามริมหน้าผามออีแดงด้านขวาลึกลงไปเป็นป่าไม้เขียวขจีในเขตกัมพูชาพอให้ได้เสียวเล็กน้อย เดินไม่ไกลจะพบภาพสลักนูนต่ำ เทพ 3 องค์ขนาดเท่าคนจริง อายุไม่ต่ำกว่า 1,000 ปี เชื่อว่าเป็นภาพที่สลักขึ้นเพื่อซ้อมมือก่อนเริ่มแกะสลักจริงที่ปราสาทเขาพระวิหาร หลายคนคิดว่านี่เป็นสิ่งเล็ก ๆ แต่มันแสดงถึงศิลปะที่บ่งบอกถึงความรุ่งเรืองในอดีตของอารยธรรมขอมที่ยังคงหลงเหลืออยู่อย่างค่อนข้างสมบูรณ์ ผามออีแดง จากนั้นถ้าอยากชมปราสาทขอมอย่างใกล้ชิด ลองแวะไปที่ปราสาทโดนตวล เป็นปราสาทหินแบบขอมขนาดไม่ใหญ่ สร้างขึ้นในราวพุทธศตวรรษที่ 15 – 16 ตั้งอยู่บริเวณบ้านภูมิซรอล ตำบลบึงมะลู อำเภอกันทรลักษ์ ขากลับเรากลับกันที่อุบลราชธานีอีกครั้ง มีเวลาแวะไหว้พระทำบุญกันก่อนกลับที่วัดพระธาตุหนองบัว วัดนี้มีพระธาตุเจดีย์ศรีมหาโพธิ์ที่จำลองแบบมาจากเจดีย์ที่พุทธคยา ประเทศอินเดีย เป็นสถานที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ บรรยากาศร่มรื่น จินตนาการว่าได้ยืนอยู่ที่เจดีย์ที่พุทธคยา ประเทศอินเดียก็รู้สึกสงบอย่างบอกไม่ถูก ก่อนกลับแวะซื้อของฝากตามธรรมเนียมที่ “ร้านระหว่างทาง” ใกล้กับทุ่งศรีเมือง หรือ “ร้านพันชาติ” มีของฝากน่ารักออกแบบได้ทันสมัยน่าสนใจ เช่น กระเป๋า เสื้อ ตุ๊กตา ที่ทำจากผ้าพื้นเมือง ผ้าซิ่นงาม ๆ ซื้อไปฝากญาติผู้ใหญ่ก็น่าจะถูกใจไม่น้อย สำหรับสายกินอย่าพลาดแวะซื้ออาหารประจำจังหวัดอุบลราชธานี อย่างหมูยอ กุนเชียง แหนม ร้านอร่อยก็อยู่ใกล้ ๆ กับทุ่งศรีเมืองนี่แหละ เช่น หมูยอเขื่อนธานี ที่เป็นหมูยอไม่ผสมแป้งที่คนอุบลฯ นิยมไปซื้อกัน

เที่ยวไหนดีที่ศรีสะเกษ เมืองแห่งกลิ่นอายวัฒนธรรมขอม อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top