นครราชสีมา

นครราชสีมา

เที่ยวเขาใหญ่ 2 วัน 1 คืน สัมผัสความสมบูรณ์ของธรรมชาติ

เพื่อน ๆ รู้หรือไม่ว่า เขาใหญ่คือ อุทยานแห่งชาติแห่งแรกของประเทศไทย ซึ่งอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่มีพื้นที่ครอบคลุมทั้งหมด 4 จังหวัด ได้แก่ นครราชสีมา สระบุรี ปราจีนบุรี และนครนายก มีเนื้อที่ประมาณ 2,168.75 ตารางกิโลเมตร และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี 2548 จาก UNESCO ภายใต้ชื่อ “พื้นที่กลุ่มป่าดงพญาเย็น – เขาใหญ่” และยังได้รับรางวัลยอดเยี่ยม Thailand Tourism Gold Awards ครั้งที่ 14 ประจำปี 2566 สาขาแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ จากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยอีกด้วย มากไปกว่านั้นที่นี่ยังเป็นถิ่นที่อยู่อาศัยของชนิดสัตว์ พันธุ์พืชที่หายากหรือที่ตกอยู่ในสภาวะอันตรายใกล้สูญพันธุ์ แต่ยังคงสามารถดํารงชีวิตอยู่ได้รวมถึงระบบนิเวศอันเป็นแหล่งรวมความอุดมสมบูรณ์ของพืช และสัตว์ที่ทั่วโลกให้ความสนใจอีกด้วย วันนี้บัดดี้จะพามาทัวร์จุดท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาดที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่กัน บัดดี้เริ่มต้นจุดแรกกันที่น้ำตกเหวนรก ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เขตจังหวัดนครนายก มีความสูงอยู่ที่ 150 เมตร ใช้ระยะเวลาการเดินไป-กลับประมาณ 1 ชั่วโมง ระหว่างทางบัดดี้แนะนำให้พกน้ำ และยาดมไปด้วย น้ำตกเหวนรกจะสวยมากในช่วงฤดูฝน เพราะมีน้ำเยอะ แต่อย่างไรก็ตาม ความสวยงามของน้ำตกแห่งนี้ก็แฝงไปด้วยความอันตราย เพราะกระแสน้ำที่แรงจึงทำให้ช้างป่าหลายตัวพลัดตกลงไปขณะที่กำลังข้ามลำธารในชั้นบนของน้ำตก จึงทำให้ที่นี่ได้ชื่อว่าเป็น “สุสานของช้างป่า” เพื่อความปลอดภัยบัดดี้ไม่แนะนำให้นำอาหารเข้าไปรับประทาน เพราะระหว่างทางเพื่อน ๆ อาจจะเจอลิงเข้ามาแย่งอาหารได้ และบริเวณน้ำตกเหวนรกไม่มีจุดทิ้งขยะ ทางอุทยานจึงขอความร่วมมือนักท่องเที่ยวนำขยะกลับบ้าน หรือนำลงไปทิ้งข้างล่าง เมื่อชมบรรยากาศของน้ำตกเหวนรกเสร็จแล้ว บัดดี้จะพาเพื่อน ๆ ไปต่อกันที่ ผาเดียวดาย ซึ่งเป็นจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นทัศนียภาพของธรรมชาติได้อย่างกว้างขวาง ใช้เวลาเดินจากที่จอดรถไปยังหน้าผา ประมาณ 5 นาที หากโชคดี เราก็จะได้เจอนกต่าง ๆ อย่างเช่นวันที่บัดดี้ไป บัดดี้ได้เจอกับ ไก่ฟ้าหลังขาวมาเดินอวดโฉมให้ได้ชมอีกด้วย มาต่อกันที่ ผาตรอมใจ ห่างจากผาเดียวดายประมาณ 600 เมตร ผาตรอมใจเป็นจุดสูงสุดของภาคกลาง บัดดี้แนะนำ หากเพื่อน ๆ มีเวลา อย่าลืมอุดหนุนข้าวไข่เจียวจากทางพี่ ๆ เจ้าหน้าที่อุทยาน สามารถนั่งรับประทานพร้อมชมวิวที่น่าหลงใหลกับสายลมที่อ่อนโยนได้ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ภายในตัวอาคารเป็นศูนย์การเรียนรู้ เช่น ความเป็นมาของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ สัตว์ป่า พืชพันธุ์นานาชนิดที่สามารถเจอได้ภายในอุทยาน จะมีร้านกาแฟอยู่ทางด้านหลัง ติดกับลำธาร บรรยากาศร่มรื่นและสงบ ช่วงบ่าย บัดดี้ได้ตัดสินใจเดินสำรวจเส้นทางธรรมชาติเส้นทางที่ 3 (กม.ที่ 33 – จุดส่องสัตว์หนองผักชี) ซึ่งเส้นทางศึกษาธรรมชาติอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่มีทั้งหมด 7 เส้นทาง ได้แก่📌 เส้นทางที่ 1: ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว-น้ำตกกรองแก้ว📌 เส้นทางที่ 2: น้ำตกผากล้วยไม้ – น้ำตกเหวสุวัต (160 ปี ความสัมพันธ์ ไทย-เยอรมัน)📌 เส้นทางที่ 3: กม. 33 – หนองผักชี (90 ปี ความสัมพันธ์ ไทย-สวิตเซอร์แลนด์)📌 เส้นทางที่ 4: ดงติ้ว – อ่างเก็บน้ำสายศร📌 เส้นทางที่ 5: ดงติ้ว – หนองผักชี📌 เส้นทางที่: 6 ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว – น้ำตกเหวสุวัต ( ใช้เวลาเดิน 6 ชั่วโมง ต้องเริ่มเดินก่อน 10.00 น.)📌 เส้นทางที่ 7: 200 ปี ความสัมพันธ์ไทย-สหรัฐอเมริกา หากเพื่อน ๆ สนใจที่จะเดินป่าศึกษาธรรมชาติเส้นทางที่ 3-4-5-6 ซึ่งเป็นเส้นทางที่จำเป็นต้องมีเจ้าหน้าที่อุทยานนำทาง สามารถ walk in ติดต่อเจ้าหน้าที่ ได้ที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ มีค่าใช้จ่าย 500 บาท/กลุ่ม หมายเหตุ: เส้นทางที่ 1-5 และ 7 สามารถเริ่มเดินได้ตั้งแต่ 08.00-14.00 น.เส้นทางที่ 6 จำเป็นต้องเริ่มเดินก่อน 10.00 น. และต้องเตรียมอาหารไปเผื่อด้วย เพราะใช้เวลาเดินถึง 6 ชั่วโมง ระหว่างการเดินสำรวจป่าเส้นทางที่ 3 เจ้าหน้าที่อุทยานแนะนำสิ่งต่าง ๆ ดีมาก ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลเบื้องต้นของเส้นทางนี้และข้อควรปฏิบัติในขณะเดินป่า แม้กระทั่งการสังเกตที่อยู่อาศัยของสัตว์ เช่น หากเราเจอโพรงไม้ หรือรู อาจจะเป็นที่อยู่ของสัคว์มีพิษ เช่น แมงป่อง งู ได้ และเส้นทางนี้เป็นเส้นทางการหากินของช้างและกระทิง ในระหว่างเดิน จะมีแนวเขตกั้น ไม่ให้เราเดินออกนอกเส้นทาง เพราะหากเราเดินออกจากเส้นทาง เราจะรบกวนสัตว์ป่าที่อยู่บริเวณรอบ ๆ เช่น นกเงือก ที่อาศัยอยู่บริเวณนั้น และนี่เป็นอีก 1 จุดที่ยอดฮิต เพราะนักท่องเที่ยวชอบมาถ่ายรูปกับต้นไทรอายุมาก ที่มีรากไม้ที่สวยงามตามธรรมชาติ โดยไม่ผ่านการตกแต่งใด ๆ จากมนุษย์ ซึ่งทางด้านเจ้าหน้าที่ได้ให้ข้อมูลมาว่า ต้นไทรต้นนี้มีความใหญ่อยู่ที่ประมาณ 40 คนโอบเลยทีเดียว วันที่บัดดี้ไป บัดดี้ได้เจอรอยเท้าของสัตว์ป่าด้วย เพื่อน ๆ ทายกันได้ไหมเอ่ย ว่านี่คือรอยของสัตว์ชนิดใด เฉลย รอยเท้าของกระทิง นั่นเอง และนี่เป็นหลักฐานว่าเส้นทางนี้มีกระทิงผ่านมาจริง ๆ และเมื่อเดินไปเรื่อย ๆ เราจะเจอกับโป่ง ซึ่งเป็นแหล่งอาหารของสัตว์ ตรงจุดหนองผักชี มีต้นไม้ขนาดใหญ่ให้ร่มเงาตลอดเส้นทาง เช่น ไทร หว้า ที่ดึงดูดนกและสัตว์ป่านานาชนิดเข้ามากินลูกไม้ จนได้รับสมญานามว่า “ภัตตาคารของสัตว์ป่า” และมีต้นกะเพรายักษ์เป็นไม้ที่มีเฉพาะป่าดงพญาเย็นเท่านั้น

เที่ยวเขาใหญ่ 2 วัน 1 คืน สัมผัสความสมบูรณ์ของธรรมชาติ อ่านเพิ่มเติม

ตามรอยบัดดี้ เที่ยวโคราช 2 วัน 1 คืน

วันนี้บัดดี้ขอแชร์ไอเดียเที่ยวจังหวัดนครราชสีมา หรือ โคราช 2 วัน 1 คืน กับเส้นทางท่องเที่ยวที่ชวนทุกคนให้ไปสัมผัสกับความโดดเด่นและความหลากหลายทั้งในด้านธรรมชาติ วัฒนธรรม วิถีชีวิต และอาหาร มาลองรู้จักกับโคราชตั้งแต่สมัยดึกดำบรรพ์จนมาถึงปัจจุบัน ผ่านเส้นทางท่องเที่ยวนี้ดู รับรองว่าจะรู้จักกับโคราชมากขึ้นแน่นอน 📌 วันที่ 1– พิพิธภัณฑ์ไม้กลายเป็นหิน (Thailand Tourism Awards)– อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี– วัดศาลาลอย– ปราสาทพนมวัน 📌 วันที่ 2– อุทยานประวัติศาสตร์พิมาย– พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพิมาย– ไทรงาม

ตามรอยบัดดี้ เที่ยวโคราช 2 วัน 1 คืน อ่านเพิ่มเติม

เที่ยวโคราช 2 วัน 1 คืน ฉบับย้อนเวลาตั้งแต่อดีตมาจนปัจจุบัน

จังหวัดนครราชสีมา หรือโคราช เปรียบเสมือนประตูสู่ภาคอีสาน เป็นเมืองที่มีความโดดเด่นและมีความหลากหลายทั้งในด้านธรรมชาติ วัฒนธรรม วิถีชีวิตและอาหาร บัดดี้เลยจะพาเพื่อน ๆ ย้อนไปรู้จักกับโคราชตั้งแต่สมัยดึกดำบรรพ์จนมาถึงปัจจุบัน กับตัวอย่างเส้นทางท่องเที่ยว แบบ 2 วัน 1 คืน ที่เที่ยวตามแล้วบอกเลยว่าจะรู้จักกับโคราชมากขึ้นแน่นอน 1. พิพิธภัณฑ์ไม้กลายเป็นหิน สถาบันวิจัยไม้กลายเป็นหินฯ บ้านโกรกเดือนห้า ตั้งอยู่บ้านโกรกเดือนห้า ถนนมิตรภาพ-หนองปลิง ตำบลสุรนารี เป็นพิพิธภัณฑ์แห่งแรกของประเทศไทยและหนึ่งในเจ็ดแห่งของโลก ที่แสดงพรรณไม้ดึกดำบรรพ์ขนาดใหญ่ อายุประมาณ 800,000–320 ล้านปี เป็นแหล่งเรียนรู้ของการเริ่มต้น Korat UNESCO Global Geopark ซึ่งคณะกรรมการบริหารยูเนสโก ประชุมที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 มีวาระการพิจารณาเรื่องการรับรองจีโอพาร์คทั้ง 18 แห่งทั่วโลก ซึ่งรวมทั้งโคราชจีโอพาร์ค เป็นจีโอพาร์คโลกยูเนสโก หรือ UNESCO Global Geopark ภายในจัดแสดงเกี่ยวกับการกำเนิดโลก วิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต และไม้กลายเป็นหิน และยังมีพิพิธภัณฑ์ช้างดึกดำบรรพ์ 8 สกุล จาก 42 สกุล ที่พบทั่วโลก ทั้งช้างสี่งา ช้างงาจอบ ช้างงาเสียม (อายุประมาณ 16-5 ล้านปีก่อน) รวมทั้งฟอสซิลสัตว์นานาชนิด เช่น เต่ายักษ์ ตะโขง เอป (ลิงไม่มีหางที่มีสายวิวัฒนาการใกล้เคียงกับมนุษย์) นอกจากนี้ยังมีสวนไม้กลายเป็นหินด้านนอกอาคารให้เดินชมอีกด้วย 📌 184 หมู่ 7 ถนนมิตรภาพ – หนองปลิง บ้านโกรกเดือนห้า ตำบลสุรนารี อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา: https://maps.app.goo.gl/fetPko99CWrbpDm67⏰ เปิดวันอังคาร – วันอาทิตย์ เวลา 09.00 – 15.30 น.☎️ 0 4437 0739-40💸 อัตราค่าบริการในการเข้าชมพิพิธภัณฑ์– นักเรียนอนุบาล-ปวช. 20 บาท– นักศึกษา ปวส.-ปริญญาตรี 30 บาท– ผู้ใหญ่ 50 บาท– เด็กต่างชาติ (Youth) 50 บาท– ชาวต่างชาติ (Foreigner) 120 บาท 2. อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2477 เพื่อเป็นอนุสรณ์ในวีรกรรมอันกล้าหาญของ “ย่าโม” อนุสาวรีย์ตั้งอยู่บนฐานสูง เหนือขึ้นไปเป็นประติมากรรมย่าโมในท่ายืน แต่งกายด้วยเครื่องยศพระราชทาน มือขวาถือดาบ ปลายจรดลงพื้น หล่อด้วยทองแดงรมดำ หันหน้าไปทางทิศตะวันตกซึ่งเป็นที่ตั้งของกรุงเทพมหานคร ท้าวสุรนารีมีนามเดิมว่า คุณหญิงโม เป็นภรรยาปลัดเมืองนครราชสีมา เมื่อ พ.ศ. 2369 เจ้าอนุวงศ์แห่งเวียงจันทน์ยกทัพเข้ายึดเมืองโคราช และกวาดต้อนผู้คนรวมถึงคุณหญิงโมไปด้วย คุณหญิงโมได้คิดอุบายหาทางช่วยเหลือชาวบ้านโดยถ่วงเวลารอให้กำลังมาสมทบ จากนั้นจึงได้ช่วยกันต่อสู้จนกองทัพแตกพ่ายและเลิกทัพกลับเวียงจันทน์ในที่สุด พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาคุณหญิงโมเป็น “ท้าวสุรนารี” ด้านหลังอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารีเป็นที่ตั้งของประตูชุมพล ซึ่งเป็นประตูเมืองที่สร้างขึ้นในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เพื่อป้องกันการรุกรานของข้าศึก มีลักษณะเป็นประตูทรงไทย ศิลปะอยุธยา หลังคามุงด้วยกระเบื้องดินเผา เดิมประตูเมืองมีทั้งหมด 4 ประตู แต่ปัจจุบันเหลือประตูชุมพลเพียงแห่งเดียวที่ยังคงมีสภาพสมบูรณ์ ชาวโคราชเชื่อว่า หากลอดประตูชุมพลแล้วจะโชคดี ถนนราชดำเนิน ตำบลในเมือง อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมาhttps://maps.app.goo.gl/R56U4K1DhG9fgZFo7 3. วัดศาลาลอย วัดแห่งนี้สร้างขึ้นราว พ.ศ. 2370 โดยท้าวสุรนารีและพระยาสุริยเดช ปลัดเมืองนครราชสีมา สามีของท่าน ชื่อวัดศาลาลอยนั้นมีที่มา หลังจากรบชนะกองทัพของเจ้าอนุวงศ์ที่ทุ่งสัมฤทธิ์แล้ว ท้าวสุรนารีก็ยกทัพกลับเมืองนครราชสีมา ระหว่างที่แวะพักบริเวณท่าตะโก ท่านได้สั่งให้ทหารทำแพเป็นรูปศาลาลอยไปตามลำตะคองเพื่อเสี่ยงทาย โดยตั้งจิตอธิษฐานว่า ถ้าแพรูปศาลานี้ลอยไปติดที่ไหน ก็จะสร้างวัดไว้เป็นอนุสรณ์ที่นั่น ปรากฎว่าแพลอยไปติด ณ ริมฝั่งขวาของลำตะคอง ซึ่งเป็นที่ตั้งของวัดศาลาลอยในปัจจุบัน ภายในวัดมีสถานที่ที่น่าสนใจหลายแห่ง เช่น อุโบสถหลังเก่า อุโบสถหลังใหม่ และเจดีย์บรรจุอัฐิของย่าโม อุโบสถหลังเก่า เป็นอุโบสถขนาดเล็ก ไม่มีการเจาะช่องหน้าต่าง และมีประตูเข้า-ออกทางด้านหน้าเพียงด้านเดียว หรือที่เรียกว่า ‘โบสถ์มหาอุด’ ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัยศิลปะล้านช้าง ที่ท้าวสุรนารีได้สร้างไว้เพื่อเป็นอนุสรณ์ในการรบชนะเจ้าอนุวงศ์ อุโบสถหลังใหม่สร้างใน พ.ศ. 2510 ผลงานการออกแบบของ รศ. ดร.วิโรฒ ศรีสุโร เป็นศิลปะไทยประยุกต์ ที่ออกแบบเป็นรูปสำเภา และใช้กระเบื้องดินเผา ของดีจากตำบลด่านเกวียนมาประดับตกแต่ง อุโบสถหลังนี้ได้รับรางวัลดีเด่นแนวบุกเบิกอาคารทางศาสนา จากสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์ และรางวัลจากมูลนิธิเสฐียรโกเศศและนาคะประทีป ในปี พ.ศ. 2516 บริเวณหน้าอุโบสถหลังเก่ามีเจดีย์บรรจุอัฐิของย่าโม และอนุสาวรีย์ย่าโมที่จำลองมาจากของจริงที่บริเวณลานย่าโมด้วย ซอยท้าวสุระ 3 ตำบลในเมือง อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมาhttps://maps.app.goo.gl/2vWtVW6P2Mp8wKbK6 4. ปราสาทพนมวัน ตั้งอยู่ที่บ้านมะค่า ตำบลบ้านโพธิ์อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา ในส่วนที่ตั้งปราสาทพนมวัน ตั้งอยู่บนเนินดินสูงกว่าบริเวณโดยรอบ สร้างขึ้นเนื่องในลัทธิความเชื่อศาสนาฮินดูลัทธิไศวนิกาย ซึ่งนับถือพระอิศวร (ศิวะ) เป็นเทพสูงสุด ปราสาทประธาน ก่อสร้างด้วยหินทราย ศิลาแลงและอิฐ เป็นสถาปัตยกรรมหลักที่สำคัญที่สุด ตั้งอยู่ตรงศูนย์กลางของลานปราสาทชั้นใน หันด้านหน้าไปด้านทิศตะวันออก ปราสาทพนมวันและสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ สร้างขึ้นตามรูปแบบสถาปัตยกรรมเขมร มีลำดับอายุสมัยในการก่อสร้างตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 15-17 นอกจากนี้ยังพบหลักฐานการอยู่อาศัย ของชุมชนสมัยก่อนประวัติศาสตร์ สมัยสำริด (3,400-2,500 ปีมาแล้ว) และสมัยเหล็ก (2,500-1,500 ปีมาแล้ว) อยู่ในพื้นที่ก่อนที่จะมีการก่อสร้างปราสาทพนมวันอีกด้วย ปัจจุบันภายในปราสาทประธาน มีการประดิษฐานพระพุทธรูปปางประทานอภัย ซึ่งส่วนใหญ่ได้แก้ไขดัดแปลงในสมัยอยุธยา แสดงให้เห็นว่าปราสาทพนมวันยังคงเป็นศาสนสถานที่ชุมชนในท้องถิ่นให้ความเคารพความศรัทธาสืบเนื่องมา 📌 บ้านมะค่า ตำบลบ้านโพธิ์ อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา:

เที่ยวโคราช 2 วัน 1 คืน ฉบับย้อนเวลาตั้งแต่อดีตมาจนปัจจุบัน อ่านเพิ่มเติม

ทุ่งดอกหญ้าคา หอดูสัตว์หนองผักชี อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่

เตรียมชุด เตรียมกล้องให้พร้อม แล้วไปถ่ายรูปกับทุ่งหญ้าที่เขาใหญ่กัน!! เรียกได้ว่าเป็นจุดถ่ายรูปที่มาแรงแซงทุกแห่งเลย สำหรับทุ่งหญ้าคา ณ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ที่ปีนี้หลาย ๆ คนต่างเดินทางไปเที่ยวและถ่ายรูปสวย ๆ ลงโซเชียลกันเพียบ จุดที่นักท่องเที่ยวนิยมไปถ่ายรูปกันก็คือบริเวณหอดูสัตว์หนองผักชี โดยบริเวณนี้เป็นลานโล่งกว้าง สุดลูกหูลูกตา มีร่มไม้ใหญ่ให้คอยหลบร้อน บางมุมมีเนินเขาเตี้ย ๆ ที่ถ่ายรูปออกมาแล้วดูมีมิติ สวยสุด ๆ ไปเลย ช่วงเวลาที่แนะนำคือ ช่วงเช้าเวลาประมาณ 06.30-10.00 น. และช่วงเย็นประมาณ 16.00-18.00 น. แสงกำลังสวยและอากาศกำลังดีเลย ปกติแล้วหญ้าคาบริเวณนี้จะออกดอกเป็นประจำทุกปี ตั้งแต่ปลายเดือนพฤษภาคม ไปจนถึงเกือบ ๆ ปลายเดือนกรกฎาคม แต่จะมีดอกเยอะหรือดอกน้อยแตกต่างกันไปในแต่ละปีนะ ข้อสำคัญที่ต้องทำตามและตระหนักถึงเลยก็คือ ห้ามเดินไปบริเวณโป่งดินโดยเด็ดขาด เพราะโป่งดินเป็นแหล่งอาหาร แหล่งแร่ธาตุที่สำคัญของสัตว์ต่าง ๆ นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคและสัตว์มีพิษต่าง ๆ อีกด้วย ฉะนั้น ควรเที่ยวและถ่ายรูปเฉพาะบริเวณที่ทางอุทยานฯ กำหนดไว้ให้เท่านั้นนะ ค่าบริการนักท่องเที่ยวชาวไทยเด็ก 20 บาท | ผู้ใหญ่ 40 บาทผู้สูงอายุและผู้พิการ ไม่เสียค่าบริการเข้าอุทยานฯ ค่าบริการนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเด็ก 100 บาท | ผู้ใหญ่ 200 บาท (รวมถึงผู้สูงอายุและผู้พิการ) ค่าบริการประเภทยานพาหนะรถจักรยานยนต์ คันละ 20 บาทรถยนต์ 4 ล้อ คันละ 30 บาทรถยนต์ 6 ล้อ คันละ 100 บาทรถยนต์ มากกว่า 6 ล้อ แต่ไม่เกิน 10 ล้อ คันละ 200 บาท หมายเหตุ– บัตรที่ซื้อ 1 ใบ สามารถใช้แสดงการเข้า – ออกอุทยานแห่งชาติฯ ภายในวันเดียวกันเท่านั้น– เด็ก คือ บุคคลที่มีอายุต่ำกว่า 14 ปี– ผู้ใหญ่ คือ บุคคลที่มีอายุ 14 – 60 ปี– ผู้สูงอายุ คือ บุคคลที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป– ผู้พิการ คือ บุคคลที่มีบัตรผู้พิการหรือผู้ที่ประจักษ์โดยสายตาว่ามีสภาพพิการ โดยให้แสดงบัตรประจำตัวประชาชนพร้อมบัตรประจำตัว คนพิการเพื่อเป็นหลักฐานยืนยันตน หอดูสัตว์หนองผักชีhttps://maps.app.goo.gl/4jKMbgmoZT5tN3GL8 เวลาเปิดอุทยาน: 06:00 – 18:00 น. ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว โทร : 08 6092 6529 (08.30-16.30 น.)

ทุ่งดอกหญ้าคา หอดูสัตว์หนองผักชี อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ อ่านเพิ่มเติม

เที่ยวหน้าฝน สัมผัสธรรมชาติ ให้ชื่นฉ่ำหัวใจ

หน้าฝนปีนี้ เพื่อน ๆ เตรียมตัวออกไปเที่ยวที่ไหนบ้างคะ หลายคนอาจจะคิดว่าฝนตกแบบนี้เที่ยวไหนไม่ได้ แต่รู้หรือไม่ว่า หน้าฝนบ้านเรา มีเสน่ห์ไม่แพ้หน้าร้อนเลยนะ ธรรมชาติจะเขียวขจี อากาศเย็นสบาย น้ำตกไหลแรง ดอกไม้ป่าบานสะพรั่ง เหมาะแก่การไปพักผ่อนหย่อนใจ ชมวิว ถ่ายรูป และสัมผัสประสบการณ์ใหม่ ๆ วันนี้บัดดี้มีภาพสวย ๆ จากแหล่งท่องเที่ยวทั่วประเทศ เพื่อเป็นไอเดียวางแผนการเดินทางไปยังสถานที่ต่าง ๆ ออกไปเที่ยวธรรมชาติ สัมผัสความสดชื่นกันค่ะ 1. ชมนาขั้นบันไดป่าบงเปียง จังหวัดเชียงใหม่ 2. ชมไร่ชาบนดอยแม่สลอง จังหวัดเชียงราย 3. นอนฟังเสียงฝน ตื่นมาชมผาช้างน้อย จังหวัดพะเยา 4. ถ่ายรูปกับถนนลอยฟ้า จังหวัดน่าน 5. ล่องแก่งลำน้ำเข็ก ที่ จังหวัดพิษณุโลก 6. เที่ยวป่าเขาใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา 7. ชมทุ่งดอกกระเจียว จังหวัดชัยภูมิ 8. ค้นหาหินโลมา ที่ ถ้ำนาคา จังหวัดบึงกาฬ 9. ชมวิวภูป่าเปาะ จังหวัดเลย 10. เล่นน้ำตกแสงจันทร์ จังหวัดอุบลราชธานี 11. เดินป่าระยะทางสั้น ๆ ที่ เขาช่องลม จังหวัดนครนายก 12. ล่องแก่งหินเพิง จังหวัดปราจีนบุรี 13. แช่น้ำเย็น ที่ น้ำตกพลิ้ว จังหวัดจันทบุรี 14. สวนพฤกษศาสตร์ จังหวัดระยอง 15. เที่ยวใกล้กรุง ที่ บางกะเจ้า จังหวัดสมุทรปราการ  16. ชมวาฬบรูดา ได้ที่ 3 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสงคราม และจังหวัดเพชรบุรี 17. เที่ยวหมู่บ้านอีต่อง จังหวัดกาญจนบุรี 18. เช็กอินชมวิวสวย ที่ ดงตาลสามโคก จังหวัดปทุมธานี 19. ชมวิวอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี 20. พายซัพบอร์ด ที่ อ่างเก็บน้ำท่าเคย จังหวัดราชบุรี 21. แช่น้ำร้อน ผ่อนคลาย ที่ จังหวัดระนอง 22. สัมผัสวิถีชุมชนบ้านน้ำราบ จังหวัดตรัง 23. ชมวิวเสม็ดนางชี จังหวัดพังงา 24. หลีกหนีความวุ่นวาย ไปเขื่อนเชี่ยวหลาน จังหวัดสุราษฎร์ธานี 25. ล่องแก่งหนานมดแดง ที่ จังหวัดพัทลุง ข้อแนะนำเพิ่มเติม*ตรวจสอบสภาพอากาศก่อนเดินทาง*เตรียมเสื้อผ้า ร่ม รองเท้า ให้เหมาะสมกับการเที่ยวหน้าฝน*พกยาประจำตัว ยากันยุง*เลือกที่พักที่ปลอดภัย สะดวกสบาย*เที่ยวอย่างมีสติ ปฏิบัติตามกฎระเบียบ

เที่ยวหน้าฝน สัมผัสธรรมชาติ ให้ชื่นฉ่ำหัวใจ อ่านเพิ่มเติม

แนะนำพิพิธภัณฑ์น่าเที่ยวช่วงหยุดยาว

ช่วงหยุดยาวนี้ ใครกำลังวางแผนพักผ่อน หาสถานที่ที่ไม่วุ่นวายมากนัก พาครอบครัวไปพักผ่อน หรือหากิจกรรมทำเงียบ ๆ บัดดี้ถือโอกาสมาแนะนำ “พิพิธภัณฑ์น่าเที่ยว” ในช่วงวันหยุดนี้ จากหลายจังหวัดในไทย ที่จะได้ทั้งหลบร้อน หลบฝน และได้ความรู้ ลองตามมาดูกัน ว่าจะมีที่ไหนบ้าง 1. มิวเซียมสยาม กรุงเทพมหานคร มิวเซียมสยาม พิพิธภัณฑ์การเรียนรู้ความเป็นไทยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ที่ใช้สื่อสร้างสรรค์ทันสมัย ที่ให้ความรู้พร้อมกับความสนุกสนาน ทั้งความเป็นมาของประเทศไทย ทั้งด้านเชื้อสาย ศิลปวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณี ความเชื่อและวิถีชีวิต แถมการเดินทางก็แสนง่ายเพราะอยู่ติดกับ MRT สถานีสนามไชย ทางออกที่ 1 ขึ้นบันไดเลื่อนมาปุ๊บ ก็ถึงปั๊บเลย ค่าเข้าชม : นักศึกษา 50 บาท | ผู้ใหญ่ (คนไทย) 100 บาท | ผู้ใหญ่ (ชาวต่างชาติ) 200 บาท | นักเรียน นักศึกษา (อายุมากกว่า 15 ปี) ราคา 25 บาท | ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ไม่เสียค่าเข้าชม ถนนสนามไชย แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร เปิดทุกวันเวลา 10.00-18.00 น. (ปิดทุกวันจันทร์) 0 2225 2777https://maps.app.goo.gl/xZcts74WZLqrTDvt8 2. องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ จ.ปทุมธานี องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ (อพวช.) เป็นรัฐวิสาหกิจ สังกัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ก่อตั้งในวันที่ 30 มกราคม 2538 มีเนื้อที่ประมาณ 180 ไร่ ภายในประกอบไปด้วย1. พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์2. พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยา3. พิพิธภัณฑ์เทคโนโลยีสารสนเทศ4. พิพิธภัณฑ์พระรามเก้า พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ เป็นอาคารที่มีรูปทรงเป็นลูกบาศก์ 3 ลูกเชื่อมติดกัน ภายในมี 6 ชั้น จัดแสดงเรื่องราวความรู้ทางวิทยาศาสตร์ผ่านสื่อมัลติมีเดียและแบบจำลองสามมิติ เหมาะสมกับทุกเพศทุกวัย หากพาเด็ก ๆ ไปก็จะได้ความรู้และประสบการณ์ใหม่ หากผู้ใหญ่ไปก็อาจจะได้ทั้งความรู้ใหม่ ๆ และความรู้หลาย ๆ เรื่องที่เคยรู้และหลงลืมไป พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยา เป็นศูนย์กลางการศึกษาวิจัยด้านธรรมชาติวิทยาของประเทศไทยและประเทศใกล้เคียง แถมยังเป็นศูนย์จัดแสดงนิทรรศการความหลากหลายทางชีวภาพที่สำคัญอีกด้วย นิทรรศการหลัก ๆ คือ เรื่องราวการกำเนิดโลก และวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ตั้งแต่สมัยดึกดำบรรพ์มาจนปัจจุบัน ผ่านการนำเสนอหลากหลายวิธี ทั้งมัลติมีเดีย แบบจำลอง รวมถึงการจัดแสดงสัตว์สตัฟฟ์และโครงกระดูกจริง ที่ช่วยให้เราเข้าใจเรื่องธรรมชาติวิทยาได้ดียิ่งขึ้น พิพิธภัณฑ์เทคโนโลยีสารสนเทศ เป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับความสำคัญของการสื่อสาร ที่จะทำให้ผู้เยี่ยมชมได้ทำความเข้าใจเรื่องคอมพิวเตอร์ เบื้องหลังการทำงาน และวิวัฒนาการของภาษาคอมพิวเตอร์ แถมยังมีกิจกรรมจำลองเสมือนจริงของการ X-ray, MRI, Ultrasound ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ปัจจุบันมีบทบาทในชีวิตเรามากขึ้นเรื่อย ๆ พิพิธภัณฑ์พระรามเก้า เป็นพิพิธภัณฑ์ที่เสนอหลักการคิด และวิธีการทรงงานตามกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่แก้ปัญหาให้กับพสกนิกรในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศไทย ภายในมีการจำลองป่าและน้ำตกสูงประมาณตึก 4-5 ชั้น มาไว้ภายในอาคาร เพื่อแสดงถึงระบบนิเวศวิทยา ภายในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ จะแบ่งส่วนจัดแสดงออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ บ้านของเรา (Our Home) นำเสนอเรื่องราวของกำเนิดจักรวาล ระบบสุริยะ และโลก ไปจนถึงวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตหลายสายพันธุ์ จนกระทั่งกำเนิดมนุษย์ ชีวิตของเรา (Our Life) นำเสนอเรื่องราวการปรับตัวของสิ่งมีชีวิตในสภาพแวดล้อมในแบบต่าง ๆ เช่น Antarctica, Arctic, Tundra, Taiga, Desert, Temperate และ Tropical ในหลวงของเรา (Our King) นำเสนอพระราชกรณียกิจ โครงการพระราชดำริ หลักคิด และหลักปรัชญาของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่ได้พระราชทานไว้เป็นแนวทางในการดำรงอยู่ของมนุษย์กับโลกใบนี้อย่างยั่งยืน ค่าเข้าชม (ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ)– ผู้ใหญ่ 200 บาท– เด็ก ผู้สูงอายุ ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เข้าชมฟรีสามารถ Walk-in ได้ หากมาหลายคนสามารถจองเข้าชมล่วงหน้าได้ที่ : https://nsm.welovebooking.net/onecampus ระบบจะตัดรอบจองล่วงหน้า 1 วัน ตอนเที่ยง เทคโนธานี ต.คลอง 5 อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ในช่วงเดือนเมษายนนี้ ที่นี่เปิดให้บริการเหมือนเดิม หยุดเฉพาะวันจันทร์– วันอังคาร-ศุกร์ เวลา 09.30-16.00 น.– วันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 09.30-17.00 น. 0 2577 9999 ต่อ 2122-2123https://maps.app.goo.gl/hosqpsRWG5m5uhdi9 3. พิพิธภัณฑ์ไม้กลายเป็นหิน จ.นครราชสีมา สำหรับภาคอีสาน บัดดี้มีอีกหนึ่งพิพิธภัณฑ์มานำเสนอ นั่นก็คือ พิพิธภัณฑ์ไม้กลายเป็นหิน ที่นี่ยังเป็น 1 ใน 8 พิพิธภัณฑ์ไม้กลายเป็นหินของโลก ซึ่งภายในจะแบ่งการจัดแสดงออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่1. พิพิธภัณฑ์ไม้กลายเป็นหิน2. พิพิธภัณฑ์ช้างดึกดำบรรพ์3. พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ พิพิธภัณฑ์ไม้กลายเป็นหิน จัดแสดงไม้กลายเป็นหินจากจังหวัดต่าง ๆ ในภาคอีสาน แต่ส่วนใหญ่จะเน้นของ จ.นครราชสีมา ซึ่งไม้กลายเป็นหินของจริงสวยมาก เช่น ไม้กลายเป็นหินเนื้ออัญมณี ไม้กลายเป็นหินตระกูลปาล์มและไม้กลายเป็นหินหลากหลายอายุ ที่มีความสวยเฉพาะตัวสุด

แนะนำพิพิธภัณฑ์น่าเที่ยวช่วงหยุดยาว อ่านเพิ่มเติม

Rosemary House นครราชสีมา

คงจะดีไม่ใช่น้อยหากเราได้ตื่นเช้าช่วงวันหยุดในสถานที่ที่เงียบสงบ มองวิวไปรอบ ๆ เห็นธรรมชาติที่สวยงาม บางพื้นที่อากาศเย็นลงอีกด้วย ครั้งนี้ เราจะพาไปเปลี่ยนห้องนอนกันที่ Rosemalicious By Rosemary House อีกทั้งอิ่มอร่อยกับอาหารเลิศรสฉบับโฮมเมด ที่นี่ซ่อนตัวอยู่ในอำเภอปากช่อง เป็นทั้งที่พักและร้านอาหารบนพื้นที่เล็ก ๆ อัดแน่นไปด้วยต้นไม้หลากชนิด ไม้ดอกที่สวยงาม พืชสวนต่าง ๆ ปลูกเรียงกันอย่างสวยงาม ด้วยสภาพอากาศและทำเลที่ตั้งเหมาะสมในการปลูกให้เจริญเติบโตได้ดี ซึ่งเป็นไอเดียของ ‘ป้าติ๋ม’ สาวสวยจากกรุงเทพฯ ที่ตราตรึงกับความสวยงามของปากช่องและย้ายมาตั้งถิ่นฐานอยู่ที่นี่กว่า 10 ปี แรกเริ่มนั้น ป้าติ๋มปลูกไม้ดอก ต่อมาจึงหันมาปลูกโรสแมรี่ ขยายพันธุ์เพิ่มขึ้นจนกลายเป็นจำนวนมาก กลิ่นสมุนไพรของโรสแมรี่หอมอบอวลไปทั่ว นอกจากนี้ยังปลูกลาเวนเดอร์ รัสเซียนเสจ ซึ่งเป็นสมุนไพร และอื่น ๆ ได้แก่ กุหลาบ สนเกรวิลเลีย อะโวคาโด โอลีฟอีกจำนวนมาก เพื่อแบ่งปันสัมผัสดี ๆ แบบนี้ ป้าติ๋มจึงเริ่มทำโฮมสเตย์ ให้ผู้ที่อยากจะใช้เวลาพักผ่อนท่ามกลางสวนสไตล์อังกฤษ บนพื้นที่ 2 แปลง คือ Rosemary House Homestay และ ภายใน Rosemalicious By Rosemary House ซึ่งอยู่ห่างกันไม่มากนัก นอกจากบรรยากาศดีแล้ว เรื่องอาหารของที่นี่ก็ไม่เป็นรอง หากใครไม่ได้มาพัก แต่อยากมาชิมอาหาร ก็ติดต่อจองมาได้เช่นกัน ป้าติ๋มจะจัดเตรียมอาหารตามจำนวนคนที่มา เป็นเมนูสไตล์ยุโรป-อิตาเลียนและทำสดใหม่ อาจจะใช้เวลารอหน่อย แต่อร่อยแน่นอน ทั้งนี้ ไส้กรอก เครื่องเคียงและผักดอง แยมรสต่าง ๆ ที่นี่ก็ทำเองด้วยนะ และที่ห้ามพลาด ตบท้ายด้วยไอศกรีมบลูเบอร์รี่โฮมเมด อร่อยสุด ๆ เล่ามาทั้งหมดนี้คงไม่หนำใจหากเพื่อน ๆ ไม่ได้ไปสัมผัสด้วยตนเอง 218 หมู่ 14 ตำบลปากช่อง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา 08 2164 2859 https://maps.app.goo.gl/e912xrS9ZmoBxB7i9 (ปักหมุดว่า Rosemalicious By Rosemary House นะคะ)

Rosemary House นครราชสีมา อ่านเพิ่มเติม

 ฟาร์มโชคชัย นครราชสีมา

“ฟาร์มโชคชัย” เป็นฟาร์มที่เรามักจะนึกถึงเป็นอันดับต้น ๆ ว่าเป็นฟาร์มโคนมที่มีชื่อเสียงมายาวนาน ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2500 โดย ดร.โชคชัย บูลกุล ได้ริเริ่มทำฟาร์มปศุสัตว์บนพื้นที่ 250 ไร่ และในปี พ.ศ. 2521 ก็ได้เปลี่ยนมาเป็นฟาร์มโคนมโดยสมบูรณ์ รวมพื้นที่เป็น 12,000 ไร่ และมีการเลี้ยงโคนมในฟาร์มหลายพันตัว นอกจากจะประสบความสำเร็จในเรื่องของฟาร์มโคนมแล้ว ที่นี่ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะมีความหลากหลายทั้งเรื่องธรรมชาติ กิจกรรมสนุกสนาน และยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรกรรมที่ให้เพื่อน ๆ ได้เข้าไปเรียนรู้และสัมผัสการทำฟาร์มโคนมได้อย่างเพลิดเพลิน กิจกรรมที่ “ฟาร์มโชคชัย” มีหลากหลายกิจกรรมดี ๆ ที่รอให้เราไปสนุกด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น ป้อนหญ้าแกะฝูงใหญ่ บริเวณด้านหน้าฟาร์ม ค่าบริการหญ้ากำละ 40 บาท ชมทุ่งดอกไม้หลากสีสัน ที่ฟาร์มโชคชัย จะมีจัดโซนแปลงดอกไม้หลายชนิด สลับกันไปตามแนว มีสีสันสวยงามมาก ไม่ว่าจะเป็นดอกหงอนไก่ ดอกบานเย็น ดอกกระดาษ ดอกน้ำพุแดง ทุ่งคอสมอส ทุ่งทานตะวัน เดินถ่ายรูปได้อย่างเพลิดเพลินเลย โดยทุ่งดอกไม้ที่นี่เปิดให้ชมตลอดทั้งปี และอาจจะผลัดเปลี่ยนไปตามฤดูกาลนะ กิจรรมสายลุยก็มี ที่นี่มีทั้ง ATV และ UTV ให้ขับ สำหรับใครที่ไม่เคยขับขี่มาก่อน ไม่ต้องกังวลเลย มีเจ้าหน้าที่คอยสาธิตและดูและความปลอดภัยให้ ค่าบริการ ATV 220 บาท/คน , UTV 330 บาท/คน แอบบอกก่อนว่านี่เป็นการขับ ATV ครั้งแรกของบัดดี้เลย และพี่เจ้าหน้าที่สอนเข้าใจง่ายสุด ๆ จึงใช้เวลาในการเรียนรู้ไม่นาน พอขับเป็นแล้วก็ไม่รอช้า ออกไปสนุกกันเลย สนามขับ ATV ที่นี่ค่อนข้างใหญ่ ระยะทางขับประมาณ 2 กิโลเมตร สามารถชมธรรมชาติทั้งสองข้างทางได้อย่างเพลิดเพลิน สัมผัสวิถีชีวิตและทดลองเป็นคนเลี้ยงโคนม ที่รีดนมวัวด้วยมือเปล่าแบบดั้งเดิม มีเจ้าหน้าที่คอยให้คำแนะนำและสาธิตการรีดนมวัวอยู่ด้วยตลอด และนมที่รีดได้ก็จะนำไปเข้าโรงผลิตต่อด้วยเช่นกัน ค่าบริการ 50 บาท/คน จะเห็นว่าที่นี่มีโคนมเยอะมาก ๆ และประสบความสำเร็จได้อย่างดี มีผลิตภัณฑ์โคนมออกมาหลายชนิด ในแบรนด์ อืมม!..มิลค์ โดยมีจุดขายของผลิตภัณฑ์คือความสดใหม่ เพราะมีโรงงานผลิตอยู่ห่างจากจุดที่รีดนมไม่ถึง 50 เมตร ผลิตจากน้ำนมดิบที่ได้จากการคัดสรรพันธุกรรมโคนมอย่างพิถีพิถัน ไม่ว่าจะเป็น นมสดพาสเจอร์ไรส์ ลูกอม นมอัดเม็ด ไอศกรีมแสนอร่อยที่ใครมาก็ห้ามพลาดชิม นอกจากเรื่องฟาร์มโคนมแล้ว ที่ฟาร์มโชคชัย ยังได้ชื่อว่าเป็นดินแดนแห่งคาวบอยเมืองไทยอีกด้วย บนพื้นที่ของฟาร์มโชคชัยที่ได้จัดโซนการแสดงคาวบอย แสดงถึงวิถีชีวิต การขี่ม้า การใช้เชือกเพื่อประโยชน์ใช้สอยต่าง ๆ ของคาวบอย การแสดงคาวบอยที่ฟาร์มโชคชัย จะมีเฉพาะวันเสาร์- อาทิตย์ และวันนักขัตฤกษ์ รอบการแสดง 11.20 / 12.20 /13.20 / 14.20หมายเหตุ : อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสม ชมพิพิธภัณฑ์ฟาร์มโชคชัย อาคารที่รวบรวมเรื่องราวความเป็นมา และความรู้ต่าง ๆ เกี่ยวกับฟาร์มโชคชัย นอกจากนี้ก็ยังจำลองเมืองคาวบอยให้เราได้ชมอีกด้วย อีกชั้นหนึ่งในอาคารพิพิธภัณฑ์ฟาร์มโชคชัย มีการจำลองป่าดงพญาเย็น ป่าดงดิบ ที่อุดมไปด้วยสัตว์ป่ามากมายภายในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เผยให้เห็นถึงสิ่งมีชีวิตและธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ตั้งแต่สมัยที่ยังใช้ชื่อว่าป่าดงพญาไฟ เพื่อน ๆ สามารถแวะมาเที่ยวชมกันได้ ที่ฟาร์มโชคชัย ยังมีกิจกรรมอีกมากมายที่เพื่อน ๆ สามารถใช้เวลาไปเที่ยวชมได้ตลอดทั้งวัน สามารถดูรายละเอียดกิจกรรมต่าง ๆ ค่าใช้จ่าย และแผนที่ของฟาร์มได้ที่ https://farmchokchai.com/home/map/ ฟาร์มโชคชัย ตั้งอยู่ริมถนนมิตรภาพ ฝั่งขาเข้ากรุงเทพฯ ช่วงกิโลเมตรที่ 159-160 ตำบลหนองน้ำแดง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา เปิดทุกวัน เวลา 09.30-16.30 น. 09 8719 4464, 06 1394 5890 Facebook : Farm Chokchai https://maps.app.goo.gl/dTAeYvTzHyK2TLdH9

 ฟาร์มโชคชัย นครราชสีมา อ่านเพิ่มเติม

🌥🌬เส้นทางดอกไม้ ปากช่อง – วังน้ำเขียว✨

ลมหนาวหวนกลับมาอีกครั้ง ชวนให้นึกถึงบรยากาศทุ่งดอกไม้หลากสีที่บานสะพรั่งรับลมเย็น ๆ และมักจะเป็นสถานที่ยอดฮิตของสาว ๆ ผู้ชื่นชอบดอกไม้ เพื่อน ๆ จะนึกถึงที่ไหนกันบ้าง หากใครยังไม่มีเวลามากพอที่จะเก็บกระเป๋าเดินทางไกลไปชมดอกไม้เมืองหนาว บัดดี้ก็มีสถานที่ที่ใช้เวลาเดินทางไม่นาน บนเส้นทางปากช่อง-วังน้ำเขียว นครราชสีมา แหล่งที่ได้ชื่อว่ามีความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ บรรยากาศดี และมีทุ่งดอกไม้ให้เพื่อน ๆ ได้เช็กอินกันหลายแห่ง จะมีที่ไหนบ้าง ไปดูกัน สวน Klang Pana Roses Garden & Cafe Khao Yai🌹 ชมสวนกุหลาบที่โอบล้อมไปด้วยวิวเขาบนถนนผ่านศึก-กุดคล้า ที่ Klang Pana Roses Garden & Cafe Khao Yai หรือ สวนกุหลาบกลางพนา ภายในมีกุหลาบหลายสายพันธุ์ส่งกลิ่นหอมไปทั่วบริเวณ มีคาเฟ่หลังเล็ก ๆ ให้บริการเบเกอรีและเครื่องดื่ม เพื่อน ๆ จะนั่งในร้านหรือนั่งด้านนอกก็ได้ มีที่นั่งมากมายริมสวนให้เราได้ใกล้ชิดและเพลิดเพลินกับดอกกุหลาบนานาพันธุ์ เดินเล่นถ่ายรูปได้หลายมุมไม่มีเบื่อเลย แถมที่นี่ก็ยังมีกุหลาบจำหน่ายด้วยนะ 📍 ตำบลหมูสี อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา⏰ เปิดทุกวัน เวลา 08.30-17.30 น.💵 ค่าเข้า 50 บาท ใช้เป็นคูปองส่วนลดเครื่องดื่มได้📞 08 1811 8299📱 Facebook : สวน Klang Pana Roses Garden & Cafe Khao Yai🌐 https://maps.app.goo.gl/sgcf1BrzZUceRVrU7 สวน Klang Pana Roses Garden & Cafe Khao Yai Hokkaido Flower Park Khaoyai 🪻 เช็กอินสวนดอกไม้บรรยากาศสไตล์ญี่ปุ่น ที่นี่มีดอกไม้หลากสี หลายสายพันธุ์ปลูกเรียงกัน ดอกไม้บานสวยงามตั้งเช้าจรดเย็นไม่มีแผ่ว ตรงกลางสวนมีบ้านเล็ก ๆ สไตล์หมู่บ้านชิราคาวาโกะ แถมมีชุดยูกาตะให้เช่าอีกด้วย ด้านหน้ามีคาเฟ่หลังเล็ก ๆ ให้บริการอีกด้วยนะ บัดดี้มาที่นี่ช่วงเย็น ๆ แสงสวยมาก ทางสวนจะเปิดไปจนถึงเดือนมิถุนายน 2567 และก็จะปิดปรับปรุงสวนเพื่อเตรียมปลูกดอกไม้ใหม่ 📍 ตำบลหมูสี อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา⏰ เปิดทุกวัน เวลา 08.00-17.30 น.💵 ค่าเข้าชมผู้ใหญ่ 120 บาท เด็ก 6-12 ปี 50 บาท ต่ำกว่า 6 ขวบ เข้าชมฟรี สามารถใช้เป็นคูปองส่วนลดค่าเครื่องดื่มและของหวานได้ตามกำหนดของทางร้าน📞 09 7926 8662📱 Facebook : Hokkaido Flower Park Khaoyai🌐 https://maps.app.goo.gl/Qw8irJxyzmCKCDrn6 Hokkaido Flower Park Khaoyai ไร่มณีศร ทุ่งทานตะวัน เขาใหญ่ 🌻 ที่เขาใหญ่ มีทุ่งดอกทานตะวันที่ใหญ่มากท่ามกลางวิวเขาที่สวยงาม ช่วงนี้ดอกทานตะวันกำลังบานสะพรั่งเต็มทุ่ง เดินเที่ยวชม ถ่ายรูปคู่กับดอกทานตะวันน่ารัก ๆ กันอย่างเพลิดเพลิน ใครชอบกินเมล็ดทานตะวันก็มาอุดหนุนร้านรวงของพ่อค้าแม่ค้าในสวนกันได้ ไม่ได้อร่อยแค่กับคนนะ ที่นี่ยังเป็นแหล่งอาหารชั้นเลิศของนกแขกเต้าฝูงใหญ่ บินมากินเมล็ดทานตะวันกันตั้งแต่เช้าตรู่เลยล่ะ ใครมีแพลนจะมาที่นี่ มาได้จนถึงเดือนมกราคม 2567 เลยนะ 📍 ตำบลหมูสี อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา⏰ เปิดทุกวัน เวลา 07.00-18.00 น.💵 ค่าเข้าชมชาวไทย 50 บาท ชาวต่างชาติ 100 บาท📞 08 4430 9191, 09 8301 9051📱 Facebook : ไร่มณีศร ทุ่งทานตะวัน เขาใหญ่🌐 https://maps.app.goo.gl/Qw8irJxyzmCKCDrn6 ไร่มณีศร ทุ่งทานตะวัน เขาใหญ่ Farm Chokchai 🌼 ที่นี่ตั้งอยู่ถนนมิตรภาพ ฝั่งขาเข้ากรุงเทพฯ เป็นฟาร์มที่มีชื่อเสียงและเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยว มีกิจกรรมให้ทำอีกมากมาย และที่พลาดไม่ได้เลยก็คือกิจกรรม #ขับรถตะลอนฟาร์มโชคชัย มีดอกไม้หลากชนิดผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนในแปลงดอกไม้ของฟาร์มโชคชัยอย่างสวยงาม 💵 ค่าเข้าขับรถตะลอนชมฟาร์มด้านในผู้ใหญ่ 120 บาท เด็ก 70 บาท (สูง 90-140 cm.)*รถทุกประเภทสามารถเข้าได้ไม่มีค่าใช้จ่าย จำกัดความสูงรถไม่เกิน 2.6 เมตรจุดจำหน่ายบัตร 3 จุด ได้แก่ 🚜 ส่วนใครที่อยากนั่งรถบริการของฟาร์ม ก็มีรถรางแทร็กเตอร์ชมฟาร์มให้บริการด้วยนะค่าบริการสำหรับผู้ใหญ่ 140 บาท เด็ก 100 บาท (สูง 90-140 cm.)ให้บริการวันละ 4 รอบ เฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ และวันนักขัตฤกษ์เวลา 11.00 / 12.00 / 13.00 / 14.00 📍 169 หมู่ที่ 2 ถนนมิตรภาพ ตำบลหนองน้ำแดง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา⏰ เปิดทุกวัน เวลา 09.30-16.30 น.📞 09 8719 4464,

🌥🌬เส้นทางดอกไม้ ปากช่อง – วังน้ำเขียว✨ อ่านเพิ่มเติม

🪵เที่ยว 3 พิพิธภัณฑ์แห่งโคราชจีโอพาร์ค🌗

📣วันหยุดนี้พาแม่ พาครอบครัวไปเที่ยวที่ไหนกันบ้างคะ ✨🥰 หากใครได้มีโอกาสไปเที่ยวจังหวัดนครราชสีมา เมืองย่าโม บัดดี้อยากจะชวนเพื่อน ๆ พาครอบครัวมากันที่ #พิพิธภัณฑ์ไม้กลายเป็นหิน ส่วนหนึ่งของอุทยานธรณีโลกโคราช หรือ โคราช จีโอพาร์ค นับว่าเป็นความมหัศจรรย์ของธรรมชาติที่เราจะได้เห็นและเรียนรู้เรื่องราวได้จากที่นี่มากมายเลยค่ะ 👉พิพิธภัณฑ์ไม้กลายเป็นหิน ที่นี่อยู่ในความดูแลของสถาบันวิจัยไม้กลายเป็นหินและทรัพยากรธรณีภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เฉลิมพระเกียรติ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมาจุดแรกที่เราจะเข้าไปชมกัน โซนพิพิธภัณฑ์ไม้กลายเป็นหิน ภายในพิพิธภัณฑ์ฯ แบ่งพื้นที่สำหรับนำเสนอเรื่องราวของไม้กลายเป็นหินในจังหวัดนครราชสีมา และจังหวัดอื่น ๆ ในภาคอีสาน ทั้งไม้กลายเป็นหินที่มีอายุหลายพันปี หลายตระกูล ให้เราได้ชมกัน แต่ละห้องจะมีเรื่องราว วิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต การเกิดของไม้กลายเป็นหินที่บอกเล่าให้ได้อ่านกันแบบเข้าใจง่าย ๆ แต่เพื่อน ๆ สงสัยเหมือนบัดดี้ไหมคะ ว่าไม้กลายเป็นหินได้อย่างไรกัน ไม้กลายเป็นหินส่วนใหญ่อาจเกิดจากอิทธิพลของภูเขาไฟหรืออิทธิพลของน้ำท่วม ทำให้ถูกกระแสน้ำพัด ทับถมตะกอน กรวด ทราย ดิน ซึ่งทำให้สภาพแวดล้อมไม่มีออกซิเจนและจุลินทรีย์ จึงเกิดการผุพังของไม้เกิดขึ้นได้ช้า น้ำใต้ดินที่มีสารละลายแร่ธาตุอยู่จำนวนมาก จะสามารถเข้าไปแทรกตามช่องว่างหรือแทนที่เซลล์ของไม้ จนกระทั่งกลายเป็นหินมีอายุประมาณ 10,000 ปี จนถึง 400 ล้านปีก่อนนั่นเอง 👉พิพิธภัณฑ์ช้างดึกดำบรรพ์ ถัดมาเป็นโซนที่เด็ก ๆ ตื่นเต้นกันมากเลยค่ะ พิพิธภัณฑ์ช้างดึกดำบรรพ์ ที่จัดแสดงทั้งซากช้างดึกดำบรรพ์ การขุดเจอโครงกระดูกของช้างหลายสายพันธุ์ ในจังหวัดนครราชสีมานับว่าเป็นหนึ่งจังหวัดที่ขุดเจอซากช้างดึกดำบรรพ์เป็นจำนวนมากในประเทศไทยเลยทีเดียว ในภาพนี้คือ โครงกระดูกช้างพลายยีราฟ เมื่อไปยืนข้าง ๆ เห็นเลยว่ามีขนาดใหญ่มากเลยล่ นอกจากนี้ ยังมีห้องวีดิโอช้างดึกดำบรรพ์โคราช ซากฟอสซิลช้างดึกดำบรรพ์ให้ได้ชมกันด้วย พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ โซนสุดท้ายไปผจญภัยในดินแดนไนโนเสาร์กัน พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ จะบอกเล่าความเป็นมาของไดโนเสาร์ในยุคต่าง ๆ บอกเลยว่าโซนนี้ไม่ใช่แค่เด็ก ๆ ที่ตื่นเต้น บัดดี้เองก็สนุกสนามแถมได้ความรู้เรื่องไดโนเสาร์มากมายเลยค่ะ  หากเดินเข้าไปเรื่อย ๆ ภายในมีทั้งฟอสซิล ไดโนเสาร์จำลองเท่าขนาดจริงพันธุ์ต่าง ๆ ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ และได้สัมผัสความตื่นเต้นของการเคลื่อนไหว เสียงขู่คำรามของไดโนเสาร์ด้วย 

🪵เที่ยว 3 พิพิธภัณฑ์แห่งโคราชจีโอพาร์ค🌗 อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top