ตาก

ตาก

เที่ยวผ่อนคลาย สบายใจ สบายตัว @ ตาก

พูดถึงจังหวัดตาก คนส่วนใหญ่คงนึกถึงสถานที่ท่องเที่ยวอย่างเขื่อนภูมิพล หรือไม่ก็น้ำตกใหญ่สวยอลังการอย่างน้ำตกทีลอซูแน่ ๆ แต่ทริปนี้ แอดจะพาเพื่อน ๆ ไปเที่ยวมุมอื่นบ้าง เป็นการเที่ยวแบบผ่อนคลายทั้งกายและใจ ได้สัมผัสทั้งธรรมชาติและบรรยากาศเรือนไม้เก่าที่สวยคลาสิค แต่หากเพื่อน ๆ ยังไม่สะดวกเดินทาง ไปเที่ยวทิพย์กับแอดก่อนได้เลย โปรแกรมเที่ยว วันที่ 1 ท่องเที่ยววิถีชุมชนชาวปกาเกอะญอ ที่บ้านป่าไร่เหนือ วันที่ 2 เวิร์คช้อปหัดสานปลาตะเพียนทางมะพร้าว เที่ยวในเมืองตาก ชมบ้านเก่าที่ตรอกบ้านจีน สักการะศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช อร่อยกับอาหารว่างท้องถิ่น เมี่ยงจอมพล แวะชิมครัวซองต์ร้านดัง เถียงนา Coffee and Bakery Farm วันที่ 1 แอดจะพาเพื่อน ๆ ไปเที่ยวที่บ้านป่าไร่เหนือ อ.แม่ระมาด ที่นี่เป็นโฮมสเตย์ที่จัดการโดยชาวชุมชน เปิดกว้างให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามาสัมผัสวิถีชุมชนที่ยังคงรักษาวัฒนธรรมความเป็นอยู่ อาหารการกิน และอื่น ๆ ของชาวปกาเกอะญอไว้ บอกเลยว่าแอดตั้งตานับวันรอจะไปเที่ยว ตั้งแต่ตอนโทร.สอบถามและจองที่พักกับทางพี่อาร์ เจ้าของโฮมสเตย์ที่แอดจะไปพักแล้ว จาก อ.เมือง ขับรถไปทาง อ.แม่สอด ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงก็มาถึงชุมชนบ้านไร่เหนือ อันดับแรกเราตรงไปที่โฮมสเตย์ที่จองไว้กันก่อน ที่นี่มีบ้านพักหลายแบบให้นักท่องเที่ยวเลือกพักดังนี้ แบบส่วนตัวหลังใหญ่ (มี 1 หลัง) ราคาเริ่มต้นที่ 2,000/คืน/4 คน (ถ้าต้องการพักเพิ่ม คนละ 500 บาท พักได้สูงสุดไม่เกิน 8 คน) แบบส่วนตัวหลังเล็ก (มี 2 หลัง) ราคา 1,290/คืน พักได้ไม่เกิน 4 คน โฮมสเตย์แบบพักร่วมกับเจ้าของบ้าน สัมผัสวิถีชุมชน คืนละ 390/คน (มีอาหารเช้าให้ฟรี) หลังจากเก็บของเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลาท่องเที่ยว ในชุมชนมีที่เที่ยวหลายจุดเลย เพื่อน ๆ สามารถเลือกได้ตามความสนใจ จุดแรก แอดขอแนะนำให้ไปที่ บ้านภูมิปัญญา สถานที่เรียนรู้ความเป็นมาของหมู่บ้าน วิถีชาวปกาเกอะญอ ความเป็นอยู่ ข้าวของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน และอื่น ๆ ที่นี่จะมีนักเล่าเรื่องชุมชนคอยให้ข้อมูล ทั้งแนะนำชุมชน และแนะนำจุดท่องเที่ยวต่าง ๆ ให้เราได้รู้จักที่นี่มากขึ้น ที่สำคัญจุดนี้ยังมีของที่ระลึกงานฝีมือจากชาวชุมชนวางขาย เช่น ชุดพื้นเมือง ผ้าคลุมไหล่ ผ้าพันคอ สมุดหุ้มผ้าพื้นเมือง พวงกุญแจ ฯลฯ ชุดน้ำชากับขนม ระหว่างฟังเรื่องเล่าจากนักเล่าเรื่องชุมชน เป็นชา “ควายหาว” รสชาติคล้ายน้ำที่ต้มกับข้าวโพด และขนม “เส็งเผ่” ที่คล้าย ๆ ขนมหม้อแกง จุดต่อไป เราจะนั่งรถอีต็อกไปที่ “ถ้ำซามูไร” กัน ถ้ำซามูไรเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ของที่นี่ ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ทหารญี่ปุ่นเคยใช้บ้านป่าไร่เหนือเป็นฐานบัญชาการเส้นทางเดินทัพไปสู่พม่า มีการเก็บอาวุธยุทโธปกรณ์ต่าง ๆ ไว้ในถ้ำ ภายหลังเมื่อญี่ปุ่นแพ้สงคราม จึงมีการระเบิดปิดปากถ้ำนี้ไว้ ที่นี่ถือเป็นสถานที่ปริศนาที่ยังไม่มีใครได้เข้าไป เพราะชาวบ้านถือเป็นสถานที่หวงห้าม ห้ามขุดเจาะ ทำลาย หรือเข้าไปหาสมบัติของมีค่าภายใน หากฝ่าฝืนจะพบกับเรื่องไม่เป็นมงคล จุดต่อไปคือ วัดตีนธาตุ ซึ่งเป็นวัดไม่กี่แห่งในชุมชนที่ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาคริสต์ ในการขึ้นไปกราบสักการะเจดีย์ เราต้องเดินขึ้นบันไดไป 200 กว่าขั้น ถ้าไม่ฟิต อาจมีหอบบ้าง เจดีย์นี้มีลักษณะคล้ายกับพระธาตุหริภุญไชย ครูบาแก้ว เจ้าอาวาสวัดสิทธาวาส จ.ลำพูน เป็นผู้สร้างไว้ ถือเป็นพระธาตุคู่ชุมชนและเป็นที่มาของชื่อ ต.พระธาตุ ที่ตั้งของบ้านป่าไร่เหนือแห่งนี้ ภายในบริเวณวัด มีต้นจามจุรีขนาดใหญ่ ประมาณ 10 -14 คนโอบ ชื่อว่า ต้นไม้ใหญ่จอมพลผิน โดยจอมพลผิน ชุณหะวันปลูกไว้ ในสมัยไปให้สัมปทานค้าไม้สัก ขณะดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร โดยใช้ที่นี่เป็นปางไม้ ก่อนลำเลียงไม้สักลงไปขายที่กรุงเทพ ฯ หน้าวัดมีแม่น้ำตะลอไหลผ่าน ตรงท่าน้ำบริเวณหน้าวัด ปลาชุมมาก เพื่อน ๆ สามารถให้อาหารปลาตรงนี้ได้ ซึ่งแม่น้ำตะลอนี้ เราจะเห็นได้ตลอดทางที่นั่งรถอีต๊อกเลยล่ะ นอกจากจะเป็นแม่น้ำสำคัญที่หล่อเลี้ยงชุมชนมาตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตในช่วงหน้าร้อนอีกด้วย จุดต่อไป คือ “ทิวไผ่งาม” ที่นี่สวยกว่าที่แอดคิดไว้เยอะเลย ถ่ายรูปได้สวยเก๋ไม่เหมือนใคร เอาไปอวดเพื่อน ๆ ในโซเชียลได้สบาย แต่หากรู้สึกปวดเมื่อย สามารถไปที่หมู่บ้านแม่กาษา เพื่อไปที่ “อโรคยาศาลโป่งคำราม (บ่อน้ำแร่โป่งคำราม)” ได้ ใช้เวลานั่งรถประมาณ 15 นาทีเท่านั้น โดยสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 09 8335 3360 (บ่อน้ำแร่โป่งคำราม) วันที่ 2ก่อนอำลาบ้านป่าไร่เหนือในเช้านี้ แอดจะพาไปบ้านป้าตุ้ยโฮมสเตย์ ซึ่งนอกจากจะเป็นที่พักแล้ว ป้าตุ้ยยังสอนทำงานฝีมือด้วย มีทั้งเครื่องจักสานโดยใช้ทางมะพร้าวสานเป็นปลาตะเพียน ตั๊กแตน และทำพวงกุญแจจากวัสดุเหลือใช้จากงานทอผ้าในชุมชน เพื่อน ๆ สาย DIY น่าจะถูกใจ ทำเสร็จเอากลับไปเป็นของฝากได้สบายเลย ระหว่างสอน ป้าตุ้ยก็จะเล่าเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเกี่ยวกับชุมชนให้ฟังไปด้วย ถือเป็นกิจกรรมสุดท้ายของหมู่บ้านที่เพลิดเพลินมาก ค่าบริการเพิ่มเติม รถอีต๊อก ราคา 600 บาท/คัน นั่งได้ 6 คน ไกด์ชุมชน 300-500 บาท แล้วแต่สถานที่ท่องเที่ยวที่จะไป (ไม่จ้างก็ได้) อาหารสั่งได้จากที่พัก มีทั้งแบบตามสั่งและอาหารถิ่น (อาหารถิ่นจะเสิร์ฟเป็นชุด มี 5-6 อย่าง ราคา 120 บาท/มื้อ/คน) : 100/1 หมู่ 3 ตำบล พระธาตุ อำเภอแม่ระมาด จังหวัดตาก 63140 […]

เที่ยวผ่อนคลาย สบายใจ สบายตัว @ ตาก อ่านเพิ่มเติม

ปลายฝนต้นหนาว ดอกไม้ผลิบาน 🌸🍃

การไปเที่ยวช่วงหน้าฝน นอกจากเราจะได้สัมผัสความสดชื่นชุ่มฉ่ำ ได้เห็นวิวสวย ๆ หมอกเยอะ ๆ แล้ว ก็ยังเป็นช่วงที่ดอกไม้สวยไม่แพ้หน้าหนาวเลย โดยเฉพาะดอกไม้ที่ออกดอกหน้าฝน แต่ละต้นแข่งกันสวยไม่มีแผ่ว วันนี้แอดจะพาไปชมดอกไม้บานยามหน้าฝนกันเพลิน ๆ ค่ะ มีที่ไหนบ้าง ไปดูกัน🌿 🌷 ไม่ว่าเพื่อน ๆ จะเดินทางไปเที่ยวสวนดอกไม้ที่ไหน ก็ต้องปฏิบัติตามป้ายคำแนะนำของสถานที่อย่างเคร่งครัด ไม่ทำลายหรือเด็ดดอกไม้กันน้า 😊 ดอกลิ้นมังกร น้ำตกหมันแดง อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า จังหวัดพิษณุโลก ดอกลิ้นมังกร หรือสังหิน หรือปัดแดง หรือว่านยานกเว้ เป็นกล้วยไม้ดินที่มีหลากหลายสี ทั้งสีส้ม สีแดง และสีชมพู ฤดูฝนจะเป็นช่วงเดียวของปีที่เราจะได้พบลิ้นมังกรบานสะพรั่งในป่าดิบตามโขดหินใกล้ ๆ น้ำตกหมันแดง การไปชมดอกลิ้นมังกร จะต้องเดินเท้าเข้าไปยังน้ำตกหมันแดงชั้นที่ 5 ระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร และต้องติดต่อเจ้าหน้าที่นำทางไปด้วยนะคะ ช่วงฤดูออกดอก : ปลายเดือนกรกฎาคม – กลางเดือนสิงหาคม สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า อ.นครไทย จ.พิษณุโลกโทร.0 5535 6607, 08 1596 5977ททท.สำนักงานพิษณุโลกโทร.0 5525 2742-3 ดอกหงอนนาค จังหวัดอุตรดิตถ์ ที่สุดของความสวยงามบนลานสนภูสอยดาว จังหวัดอุตรดิตถ์ เพื่อน ๆ ห้ามพลาดกันเลยนะ เพราะดอกหงอนนาคจะบานในหน้าฝนเท่านั้นดอกหงอนนาคเป็นพืชล้มลุก มีดอกเล็ก ๆ สีม่วงอ่อน แอดขอเรียกว่าเป็นสีม่วงพาสเทลแล้วกัน น่ารักมินิมอลมากค่ะ ใครมีแพลนพิชิตยอดภูสอยดาว เก็บภาพความประทับใจกับดอกหงอนนาค อย่าลืมเตรียมร่างกายให้พร้อม เพราะกว่าเราจะขึ้นไปถึงก็ต้องใช้พลังกายเยอะสักหน่อย ควรติดต่อกับทางอุทยานฯ เรื่องเจ้าหน้าที่นำทางและลูกหาบล่วงหน้ากันไว้ด้วยค่ะ ช่วงฤดูออกดอก : เดือนสิงหาคม – กันยายน (ดอกหงอนนาคจะบานในช่วงสาย ประมาณ 9 โมงไปจนถึงเที่ยงวัน) สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโทร. 095 629 9528, 095 024 7633, 091 024 7633 ดอกเปราะภูขาว อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า จังหวัดพิษณุโลก ดอกเปราะภู เป็นดอกไม้อีกชนิดหนึ่งที่หาชมได้แค่ช่วงฤดูฝน พบมากบริเวณทางเดินไปยังลานหินปุ่มและบริเวณผาชูธง อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า จังหวัดพิษณุโลก เปราะภูจะออกดอกเป็นช่อ ขึ้นแทรกตามกอหญ้าสีเขียว สีตัดกันสวยงามมาก ปกติเปราะภูจะมีสีขาว และสีชมพู แต่ที่ภูหินร่องกล้าจะเป็นสีขาวเท่านั้น นอกจากที่อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้าแล้ว สามารถชมเปราะภูสีชมพูได้ที่อุทยานแห่งชาติภูกระดึง ยอดภูเรือ และภูหลวง จังหวัดเลย ช่วงฤดูออกดอก : กลางเดือนมิถุนายน – กลางเดือนกรกฎาคม จะเป็นช่วงที่ดอกเปราะภูขาวสวยที่สุด ขอบคุณรูปภาพจากอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า อ.นครไทย จ.พิษณุโลกโทร.0 5535 6607, 08 1596 5977ททท.สำนักงานพิษณุโลกโทร.0 5525 2742-3 ดอกเทียนปีกผีเสื้อ จังหวัดตาก เทียนปีกผีเสื้อ หรือ เทียนอุ้มผาง เป็นพืชเฉพาะถิ่น พบเฉพาะที่จังหวัดตาก ตามลานหินปูนของบริเวณดอยหัวหมด ดอกเทียนปีกผีเสื้อมีสีชมพูอมม่วง กลีบดอกมีลักษณะกางออกคล้ายผีเสื้อ เมื่อถึงช่วงดอกบานเต็มทุ่ง บนดอยนี้จะเหมือนมีผีเสื้อบินอยู่เต็มไปหมด นอกจากเราจะได้ชมดอกเทียนปีกผีเสื้อบนดอยหัวหมดแล้ว ในอำเภออุ้มผางยังขึ้นชื่อในเรื่องของแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติอีกด้วย ช่วงฤดูออกดอก : ปลายเดือนกรกฎาคม – เดือนกันยายน สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมททท. สำนักงานตากโทร.0 5551 4341-3

ปลายฝนต้นหนาว ดอกไม้ผลิบาน 🌸🍃 อ่านเพิ่มเติม

ไหว้ ๑๒ พระบรมธาตุเจดีย์ประจำปีนักษัตร

“พระบรมธาตุเจดีย์” เป็นที่ประดิษฐาน พระบรมสารีริกธาตุ คือ อัฐิธาตุของพระพุทธเจ้า โดยมีการอัญเชิญและสร้างเจดีย์เป็นที่ประดิษฐาน ณ สถานที่ต่าง ๆ และจัดพิธีสักการบูชาพระบรมสารีริกธาตุในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา ตามคติความเชื่อของชาวล้านนา เชื่อว่าการสักการบูชาพระบรมสารีริกธาตุเสมือนการได้ “ชุธาตุ” หรือกราบไหว้บูชาองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า และมีคติความเชื่อว่า “นามเปิ้ง” คือนามของสัตว์ที่เป็นพาหนะในการนำมาเกิดตามราศี จึงกำหนดพระบรมธาตุเจดีย์ประจำปีเกิดนักษัตร เพื่อเพิ่มความเป็นสิริมงคลในการสักการบูชา พระบรมธาตุเจดีย์ประจำปีเกิดนักษัตรส่วนใหญ่จึงอยู่ในภาคเหนือ และมีหนึ่งแห่งอยู่ที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ๑. พระธาตุประจำปีเกิด ปีชวด (ปีหนู) ธาตุน้ำ“พระธาตุศรีจอมทอง” วัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร ถนนเชียงใหม่-ฮอด ตำบลบ้านหลวง อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ พระธาตุศรีจอมทอง ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุส่วนพระเศียรเบื้องขวาของพระพุทธเจ้า โดยพระบรมสารีริกธาตุนี้มิได้ถูกบรรจุฝังไว้ใต้ดินเช่นที่อื่น แต่ถูกบรรจุไว้ในพระโกศห้าชั้น ประดิษฐานอยู่ในพระวิหารหลวงซึ่งอยู่ด้านหลังองค์พระธาตุเจดีย์ศรีจอมทอง และในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๙ (เหนือ) หรือก็คือวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๗ (ประมาณเดือนมิถุนายน) ของทุกปี ที่วัดจะมีการจัดงานประเพณีสรงน้ำพระบรมธาตุศรีจอมทอง.การเดินทาง : จากตัวเมืองเชียงใหม่ ใช้ทางหลวงหมายเลข ๑๐๘ เส้นทางเชียงใหม่-ฮอด จนถึงตัวอำเภอจอมทอง จะพบวัดตั้งอยู่ซ้ายมือ มีรถโดยสารประจำทางทั้งรถเมล์และรถสองแถว สายเชียงใหม่-จอมทอง วิ่งผ่านหน้าวัด สามารถขึ้นรถได้ที่สถานีขนส่งช้างเผือกในตัวเมืองเชียงใหม่ ๒. พระธาตุประจำปีเกิด ปีฉลู (ปีวัว) ธาตุดิน“พระธาตุลำปางหลวง” วัดพระธาตุลำปางหลวง ตำบลลำปางหลวง อำเภอเกาะคา จังหวัดลำปาง วัดพระธาตุลำปางหลวง เป็นวัดไม้ที่สมบูรณ์แห่งหนึ่งของประเทศไทย จากตำนานกล่าวว่า วัดอยู่บนซากเมืองโบราณลัมพกัปปะนคร พระนางจามเทวีได้เสด็จมาโปรดฯ ให้บูรณะปฏิสังขรณ์ มีพระธาตุเจดีย์ทรงลังกาบุทองเหลืองฉลุลาย ภายในประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ ได้แก่ พระเกศาธาตุ (ผม) พระนลาฏ (หน้าผาก) ข้างขวา และส่วนพระศอด้านหน้าและด้านหลังของพระพุทธเจ้า การสักการบูชามักจัดให้มีขึ้นในช่วงวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา.การเดินทาง : จากตัวเมืองลำปาง ใช้ทางหลวงหมายเลข ๑ (ลำปาง-เถิน) จากนั้นเลี้ยวขวาเข้าตัวอำเภอเกาะคา และข้ามแม่น้ำวัง จะพบที่ว่าการอำเภอเกาะคา ให้เลี้ยวขวาและตรงไป ๓ กิโลเมตร ถึงวัด ๓. พระธาตุประจำปีเกิด ปีขาล (ปีเสือ) ธาตุไม้“พระธาตุช่อแฮ” วัดพระธาตุช่อแฮ ถนนช่อแฮ ตำบลช่อแฮ อำเภอเมืองแพร่ จังหวัดแพร่ ภายในพระบรมธาตุเจดีย์ประดิษฐาน พระเกศาธาตุและพระบรมธาตุส่วนพระศอกซ้ายของพระพุทธเจ้า ในวันขึ้น ๙ ค่ำ เดือน ๖ เหนือ (ประมาณช่วงเดือนกุมภาพันธ์หรือต้นเดือนมีนาคม) ของทุกปี ทางวัดจะจัด “งานประเพณีไหว้พระธาตุช่อแฮ เมืองแพร่ แห่ตุงหลวง” มีริ้วขบวนเครื่องสักการะ ผ้าห่มพระธาตุ ๑๒ ราศี ตุง ๑๒ ราศี และเทศน์มหาชาติ.การเดินทาง : จากสี่แยกบ้านทุ่งในตัวเมืองแพร่ ไปตามถนนช่อแฮ รวมระยะทางจากตัวเมืองประมาณ ๙ กิโลเมตร ๔. พระธาตุประจำปีเกิด ปีเถาะ (ปีกระต่าย) ธาตุน้ำ“พระธาตุแช่แห้ง” วัดพระบรมธาตุแช่แห้ง บ้านหนองเต่า ตำบลม่วงติ๊ด อำเภอภูเพียง จังหวัดน่าน ภายในพระบรมธาตุเจดีย์ประดิษฐาน พระเกศาธาตุและพระบรมธาตุส่วนข้อมือซ้ายของพระพุทธเจ้า ในวันขึ้น ๑๑-๑๕ ค่ำ และ แรม ๑ ค่ำ เดือน ๖ เหนือ (ประมาณเดือนมิถุนายนถึงกรกฎาคม) จะมีการจัด “งานนมัสพระธาตุแช่แห้ง” โดยมีการแห่ตุงถวายพระบรมธาตุ และจุดบอกไฟ (ลักษณะเดียวกับบั้งไฟ ประทัด หรือดอกไม้ไฟ) ถวายเป็นพุทธบูชา.การเดินทาง : จากตัวเมืองน่าน ข้ามสะพานแม่น้ำน่าน ไปตามทางหลวงหมายเลข ๑๑๖๘ ระยะทางประมาณ ๓ กิโลเมตร ๕. พระธาตุประจำปีเกิด ปีมะโรง (ปีงูใหญ่) ธาตุดิน“พระมหาธาตุเจดีย์ หรือ พระธาตุหลวง” วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร ถนนสามล้าน ตำบลพระสิงห์ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ ภายในพระบรมธาตุเจดีย์ประดิษฐานพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้า และบริเวณใกล้กันยังเป็นที่ตั้งของพระวิหารลายคำ ซึ่งภายในประดิษฐาน “พระสิงห์” (พระพุทธสิหิงค์) พระพุทธรูปคู่เมืองเชียงใหม่และแผ่นดินล้านนา พระวิหารลายคำนี้ได้รับรางวัลสถาปัตยกรรมดีเด่น เพราะมีลวดลายปิดทองล่องชาด เทคนิคการฉลุลายปรากฏบนฝาผนังหลังพระประธานและเสากลางพระวิหาร เสาระเบียงด้านหน้าพระวิหาร ตลอดถึงบางส่วนของโครงไม้ บนฝาผนังภายในมีภาพจิตรกรรมฝาผนังเรื่อง สังข์ทองและสุวรรณหงส์ เขียนด้วยสีฝุ่นมีความงดงามมาก.การเดินทาง : วัดพระสิงห์อยู่ใกล้บริเวณคูเมืองด้านใน ตรงบริเวณจุดบรรจบระหว่างถนนสามล้าน ถนนสิงหราช และถนนราชดำเนิน หรือใช้บริการรถโดยสารสองแถวแดงที่ให้บริการในตัวเมืองเชียงใหม่ ๖. พระธาตุประจำปีเกิด ปีมะเส็ง (ปีงูเล็ก) ธาตุน้ำ“พระเจดีย์เจ็ดยอด” วัดโพธารามมหาวิหาร ตำบลช้างเผือก อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ พระเจดีย์เจ็ดยอด จำลองแบบจากมหาวิหารเจดีย์พุทธคยา ประเทศอินเดีย สร้างสมัยพระเจ้าติโลกราชแห่งราชวงศ์มังราย พระองค์ทรงให้แบ่งหน่อพระศรีมหาโพธิ์ที่พระสงฆ์สิงหลนิกายลังกาวงศ์นำมาจากลังกาแล้วปลูกไว้ที่เชิงดอยสุเทพ ให้นำมาปลูกไว้ใกล้กับพระเจดีย์เจ็ดยอดด้วย จึงมีสองสิ่งสำคัญในการเป็นที่สักการะประจำปีเกิดปีมะเส็ง คือ ต้นพระศรีมหาโพธิ์และพระมหาเจดีย์เจ็ดยอด.การเดินทาง : จากตัวเมืองเชียงใหม่ ใช้ถนนห้วยแก้วจนถึงสี่แยกรินคำ ให้เลี้ยวขวาเข้าถนนซุปเปอร์ไฮเวย์ (เชียงใหม่-ลำพูน) ตรงไปประมาณ ๑ กิโลเมตร จะพบวัดตั้งอยู่ซ้ายมือ ๗. พระธาตุประจำปีเกิด ปีมะเมีย (ธาตุไฟ)พระบรมธาตุ วัดพระบรมธาตุบ้านตาก ตำบลเกาะตะเภา อำเภอบ้านตาก จังหวัดตาก มีตำนานกล่าวถึงสถานที่ตั้งของพระบรมธาตุเจดีย์ว่า สมัยพุทธกาลพระพุทธเจ้าได้เสด็จมาที่แห่งนี้ และตรัสว่าเมื่อพระองค์ปรินิพพานแล้วให้นำพระเกศาธาตุมาประดิษฐานไว้ที่นี่ ต่อมาจึงมีการสร้างพระบรมธาตุเจดีย์ขึ้น โดยภายในบรรจุพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้า ในวันขึ้น ๑๔-๑๕ ค่ำ เดือน ๙ เหนือ (ประมาณปลายเดือนพฤษภาคมหรือต้นเดือนมิถุนายน) ของทุกปี

ไหว้ ๑๒ พระบรมธาตุเจดีย์ประจำปีนักษัตร อ่านเพิ่มเติม

10 จุดชมความงาม ยามอาทิตย์อัสดง

1. วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร กรุงเทพฯ วัดอรุณราชวราราม เป็นวัดเก่าแก่ที่มีมาตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา ได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่ในช่วงสมัยรัชกาลที่ 2 และรัชกาลที่ 3 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ จุดเด่นของวัดแห่งนี้คือ “พระปรางค์” ซึ่งมีลักษณะทางสถาปัตยกรรมที่สวยงามโดดเด่นที่สุดวัดหนึ่งของไทย หากมองจากฝั่งพระนครไปยังวัดอรุณฯ ในช่วงพลบค่ำ ก็จะเห็นภาพดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าที่ด้านหลังของพระปรางค์พอดิบพอดี องค์ประกอบต่างๆ ล้วนทำให้เกิดเป็นภาพที่สวยงามลงตัวอย่างน่าอัศจรรย์ วัดอรุณราชวรารามวรมหาวิหารที่ตั้ง : ถ.วังเดิม แขวงวัดอรุณ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานครเปิดทุกวัน เวลา 8.30-17.30 น. 2. วัดไชยวัฒนาราม จ.พระนครศรีอยุธยา ในช่วงปีที่ผ่านมา วัดไชยวัฒนารามเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิต เนื่องจากเป็นฉากหนึ่งในละครเรื่องบุพเพสันนิวาสทีโด่งดังไปทั่ว ทำให้มีผู้คนเดินทางมาตามรอยละครกันมากมาย วัดไชยวัฒนาราม เป็นวัดเก่าแก่ที่สร้างในสมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง โดยจำลองรูปแบบการก่อสร้างมาจากปราสาทนครวัด มีพระปรางค์องค์ใหญ่เป็นประธานของวัด และมีปรางค์บริวารอยู่ที่มุมทั้ง 4 รอบพระปรางค์ล้อมรอบด้วยระเบียงคด ซึ่งมีเมรุทิศ เมรุราย อยู่ที่มุมและด้านของระเบียงคด นับเป็นโบราณสถานที่สวยงามตระการตาอีกแห่งหนึ่ง ในยามเย็นช่วงพระอาทิตย์ตกดิน แสงที่สาดส่องมายังโบราณสถาน ทำให้เกิดมุมมองที่แปลกตา สวยงามไม่แพ้กลางวันเลย วัดไชยวัฒนารามที่ตั้ง : อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยาเปิดทุกวัน เวลา 06.00-18.00 น. 3. ปราสาทหินพนมรุ้ง จ.บุรีรัมย์ หลายๆ คนอาจจะตั้งตารอชมปรากฏการณ์ที่ดวงอาทิตย์ขึ้นตรง 15 ช่องประตู ซึ่งใน 1 ปีจะเกิดขึ้นเพียง 4 ครั้งเท่านั้น แต่วันนี้แอดอยากจะบอกว่า ไม่ต้องรอให้ถึงช่วงเวลานั้น เราก็มีรูปสวยๆ ไปอวดเพื่อนๆ ได้เหมือนกัน ยามดวงอาทิตย์คล้อยลงต่ำ เตรียมจะลาลับขอบฟ้า เงาของปราสาทจะบดบังดวงอาทิตย์ ทำให้ปราสาทดูลึกลับและเต็มไปด้วยมนต์ขลังมากยิ่งขึ้น ปราสาทหินพนมรุ้งที่ตั้ง : ต.ตาเป๊ก อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์เปิดทุกวัน เวลา 06.00-18.00 น. 4. สะพานแขวนสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี จ.ตาก สะพานแห่งนี้ถือเป็นจุดชมวิวแม่น้ำปิงที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของ จ.ตาก เลยก็ว่าได้ โดยเฉพาะช่วงที่ดวงอาทิตย์ขึ้นและตก เราจะเห็นดวงอาทิตย์อยู่ตรงกับแนวสะพานพอดี เป็นภาพที่สวยงามมากๆ นอกจากนี้ ในช่วงเทศกาลลอยกระทงของทุกปี บริเวณสะพานแห่งนี้ยังใช้เป็นสถานที่จัดงานประเพณีลอยกระทงสายไหลประทีปพันดวง ซึ่งเป็นประเพณีท้องถิ่นของจังหวัดที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครอีกด้วย สะพานแขวนสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปีที่ตั้ง : อ.เมือง จ.ตาก 5. อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย จ.สุโขทัย อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย มรดกโลกที่สำคัญของไทย ร่องรอยความเจริญรุ่งเรืองของอาณาจักรสุโขทัยเมื่อกว่า 700 ปีก่อน ภายในอุทยานฯ เต็มไปด้วยโบราณสถานมากมายที่แม้จะปรักหักพังแต่ก็เต็มไปด้วยคุณค่าทั้งทางประวัติศาสตร์และทางจิตใจ ในช่วงเวลาโพล้เพล้ บริเวณสระน้ำหน้าวัดมหาธาตุนี่แหละคือสถานที่ยอดนิยมสำหรับนักถ่ายภาพ ภาพความยิ่งใหญ่ของโบราณสถานยามอาทิตย์อัสดงที่สะท้อนลงบนผิวน้ำนั้น งดงามเกินบรรยายจริงๆ อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยที่ตั้ง : ต.เมืองเก่า อ.เมือง จ.สุโขทัยเปิดทุกวัน เวลา 06.00-18.00 น. 6. กว๊านพะเยา จ.พะเยา กว๊านพะเยาเป็นบึงน้ำที่เกิดจากการรวมตัวของลำห้วยต่างๆ ถึง 18 สาย เป็นบึงที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในภาคเหนือ และใหญ่เป็นอันดับ 4 ของประเทศไทย นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปลากว่า 50 ชนิดด้วย คำว่า “กว๊าน” หมายถึง หนองน้ำ หรือบึงน้ำขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นคำที่ใช้เฉพาะที่จังหวัดพะเยาแห่งเดียวเท่านั้น ทัศนียภาพรอบกว๊านร่มรื่น มองเห็นแนวทิวเขาสลับซับซ้อนสวยงาม บริเวณริมกว๊านมีร้านอาหารและสวนสาธารณะ ซึ่งสามารถมาเดินเล่น หรือชมพระอาทิตย์ตกดินได้ มีบริการนั่งเรือพายชมทัศนียภาพกว๊านพะเยาด้วย ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท กว๊านพะเยาที่ตั้ง : ต.เวียง อ.เมือง จ.พะเยา 7. ประภาคาร จ.ระนอง ประภาคารแห่งนี้ ตั้งอยู่บริเวณท่าเทียบเรือด่านศุลกากรระนอง เป็นอาคารแปดเหลี่ยม สูง 50 เมตร ถือว่าเป็นประภาคารที่สูงที่สุดในประเทศไทย ประภาคารมีทั้งหมด 9 ชั้น โดยชั้นที่ 9 เป็นจุดชมวิวที่สามารถชมสวยงามของปากน้ำระนอง ก่อนไหลออกสู่ทะเลอันดามัน โดยอีกฟากฝั่งของแม่น้ำก็คือประเทศเมียนมานั่นเอง ใกล้มากๆ ในช่วงเย็น สถานที่แห่งนี้ยังเป็นสถานที่ที่เราสามารถมาเดินเล่น พักผ่อนหย่อนใจ รับลมเย็นๆ และถ่ายรูปเล่นได้อีกด้วย บอกเลยว่าภาพประภาคารที่มีภูเขาและดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าเป็นฉากหลังนั้น สวยงามไม่แพ้ที่ไหนๆ เลย ประภาคาร จ.ระนองที่ตั้ง : บ้านเขานางหงส์ ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.ระนองเปิดทุกวัน เวลา 8.00-20.00 น. 8. สะพานเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา จ.พัทลุง รู้หรือไม่..สะพานเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา จ.พัทลุง เป็นสะพานที่ยาวที่สุดของประเทศไทยในขณะนี้ สะพานแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อเชื่อมเส้นทางระหว่าง อ.ควนขนุน จ.พัทลุง และ อ.ระโนด จ.สงขลา เข้าด้วยกัน โดยทอดยาวผ่านทะเลน้อยอันกว้างใหญ่ ทัศนียภาพโดยรอบสะพานเป็นเวิ้งน้ำกว้างไกล สามารถมองเห็นทะเลบัวแดงในช่วงเช้า ส่วนช่วงสายก็จะพบกับนกน้ำที่ออกหากิน และถ้าโชคดีก็อาจได้พบควายน้ำด้วย ไฮไลท์อีกอย่างของที่นี่คือ ในช่วงเย็นเส้นทางนี้ยังได้ชื่อว่าเป็นจุดถ่ายภาพพระอาทิตย์ตกที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งอีกด้วย สะพานเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษาที่ตั้ง : ต.พนางตุง อ.ควนขนุน จ.พัทลุง 9. เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี เกาะเต่า จุดดำน้ำที่มีชื่อเสียงระดับโลก เนื่องจากมีแนวปะการังทั้งน้ำตื้นและน้ำลึกที่มีความสวยงามและสมบูรณ์ อีกทั้งยังเป็นที่อยู่อาศัยของปลาหลากหลายชนิด เกาะเต่ามีหาดทรายขาวละเอียดและสะอาดสวยงาม นอกจากนี้ยังเป็นเกาะที่เงียบสงบ ผู้คนไม่พลุกพล่าน เกาะเต่าจึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวที่ต้องการการพักผ่อนอย่างแท้จริง ถึงแม้เกาะเต่าจะตั้งอยู่ในเขต จ.สุราษฎร์ธานี แต่เนื่องจากอยู่ใกล้ฝั่งของ จ.ชุมพรมากกว่า นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวเกาะเต่าจึงนิยมขึ้นเรือจากชุมพรเป็นส่วนใหญ่ เกาะเต่าที่ตั้ง : อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี 10.

10 จุดชมความงาม ยามอาทิตย์อัสดง อ่านเพิ่มเติม

เส้นทางท่องเที่ยว จังหวัดตาก 2 วัน 1 คืน

ในช่วงวันหยุดที่จะถึงนี้ ถ้าใครยังคิดไม่ออกว่าจะไปเที่ยวที่ไหน แอดขอแนะนำจังหวัดตาก ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ มากนัก ขับรถประมาณ 5 ชั่วโมงก็ถึงแล้ว ที่นี่เพื่อน ๆ จะได้สัมผัสบรรยากาศชุ่มฉ่ำของสายฝนและหมอกหน้าฝนสวย ๆ อย่างแน่นอน.เส้นทางท่องเที่ยวในครั้งนี้ แอดจะพาเที่ยวไปเรื่อย ๆ จากอำเภอเมืองไปจนถึงอำเภออุ้มผางเลยค่ะ . วันที่ 1– อุทยานแห่งชาติตากสินมหาราช– วัดไทยวัฒนาราม– เข้าที่พักอำเภออุ้มผาง วันที่ 2– ดอยหัวหมด– ตลาดดอยมูเซอ– ร้านข้าวเม่า ข้าวฟ่าง อุทยานแห่งชาติตากสินมหาราช.อุทยานแห่งชาติตากสินมหาราชมีพื้นที่ครอบคลุมอำเภอเมืองและอำเภอแม่สอด สามารถไปเที่ยวได้ตลอดทั้งปี.ทางอุทยานฯ จำกัดจำนวนนักท่องเที่ยววันละ 400 คน และนักท่องเที่ยวสามารถจองวันที่จะเข้าไปเที่ยวอุทยานฯ ได้ในแอปพลิเคชัน QueQ.ที่ทำการอุทยานแห่งชาติตากสินมหาราชที่ตั้ง: 69 ถนนแม่สอด-ตาก ตำบลแม่ท้อ อำเภอเมืองตาก จังหวัดตากโทร. 055 511 429Facebook : https://www.facebook.com/kabakyai ค่าเข้าชมอุทยานฯชาวไทย ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาทชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาทค่าธรรมเนียมรถยนต์ 30 บาท เมื่อมาถึงอุทยานฯ อย่าลืมแวะทักทาย “ธันวา” หมีควายเจ้าถิ่นของที่นี่ ธันวาเป็นหมีกำพร้า เกิดในปี พ.ศ. 2542 มีพี่น้องท้องเดียวกันอีก 1 ตัว แม่ของมันถูกยิงตายเมื่อธันวาอายุได้แค่ 7 วันเท่านั้น จากนั้นลูกหมีทั้ง 2 ตัวจึงถูกนำมาเลี้ยงไว้ที่นี่ แต่เหลือเพียงธันวาที่รอดชีวิตและอาศัยอยู่ในอุทยานฯ จนถึงทุกวันนี้ ภายในอุทยานฯ มีบ้านพักให้บริการ 10 หลัง และมีลานกางเต็นท์ ที่นี่บรรยากาศดี เงียบสงบ เหมาะแก่การมาเที่ยวกับครอบครัวและกลุ่มเพื่อนสุด ๆ ค่ะ.ที่พักของอุทยานฯ ราคาเริ่มต้นที่ 1,000 – 2,400 บาท สามารถพักได้ตั้งแต่ 4-10 คน เต็นท์เช่า ราคา 225 บาท/หลัง/คืน นอนได้ 3 คนถ้านำเต็นท์มาเอง เสียค่าสถานที่กางเต็นท์ 30 บาท/คน/คืน.สามารถจองบ้านพักผ่านทางเว็บไซต์ของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช  http://nps.dnp.go.th/reservation.php สิ่งห้ามพลาดอีกหนึ่งอย่างเมื่อมาถึงอุทยานแห่งชาติตากสินมหาราชคือ ต้นกระบากใหญ่ ซึ่งอยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ประมาณ 2.5 กิโลเมตร เพื่อน ๆ ต้องขับรถไปจอดไว้ตรงปากทางที่จะเดินไปดูต้นกระบากใหญ่ จากนั้นต้องเดินต่อไปอีกประมาณ 400 เมตร.เส้นทางไปชมต้นกระบากใหญ่เป็นทางเดินศึกษาธรรมชาติที่มีความร่มรื่น แต่ทางค่อนข้างชัน ต้องเตรียมร่างกายและน้ำดื่มไปให้พร้อม…แอดเตือนแล้วนะ ไม่งั้นได้หอบแฮ่ก ๆ แบบแอดแน่นอน หลังจากเดินมา 400 เมตร (ที่เหมือน 4 กิโลเมตรสำหรับแอด) ในที่สุดเราก็ได้มาเห็นความยิ่งใหญ่ของต้นกระบากที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ต้นกระบากต้นนี้มีอายุประมาณ 700 ปี สูง 50 เมตร เส้นรอบวง 16 เมตร ค้นพบเมื่อปี พ.ศ. 2519 โดยนายสวาท ณ น่าน นายช่างไฟฟ้า สถานีโทรคมนาคม จังหวัดตาก เราออกจากอุทยานแห่งชาติตากสินมหาราช มุ่งหน้าสู่อำเภอแม่สอด เพื่อไปไหว้พระเสริมสิริมงคลที่วัดไทยวัฒนาราม.วัดไทยวัฒนาราม เดิมชื่อวัดแม่ตาวเงี้ยว หรือวัดไทยใหญ่ สร้างโดยชาวพม่าเมื่อ พ.ศ.2400 สิ่งก่อสร้างต่างๆ ภายในวัด ทั้งวิหาร เจดีย์ และรูปปั้นต่าง ๆ ล้วนได้รับอิทธิพลมาจากสถาปัตยกรรมแบบไทยใหญ่ของประเทศพม่า.ทางหลวงสายเอเชียหมายเลข 1 ตำบลท่าสายลวด อำเภอแม่สอด จังหวัดตากเปิดทุกวัน เวลา 07.00-17.00 น.พิกัด : https://goo.gl/maps/p3mubEZa7msSN1wn9 มาถึงวัดแห่งนี้แล้วต้องไปกราบสักการะพระมหามัยมุนี พระพุทธรูปปางมารวิชัยทรงเครื่ององค์ใหญ่ ซึ่งจำลองมาจากพระมหามัยมุนี พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศพม่า นอกจากนี้ ยังมีพระนอนองค์ใหญ่ที่มีความยาวตลอดองค์ประมาณ 40 เมตร ประดิษฐานอยู่ในวิหารโถงด้านหลังวัดด้วย เราเดินทางไปเที่ยวต่อกันที่อำเภออุ้มผาง โดยใช้ถนนสายแม่สอด-อุ้มผาง ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงซึ่งต้องผ่านโค้งทั้งหมด 1,219 โค้ง ใครเมารถ เตรียมยาดมและยาแก้เมารถไปให้พร้อมนะคะ แต่ถึงโค้งจะเยอะแค่ไหน แอดก็สู้ เพราะระหว่างทางยังมีวิวสวย ๆ ให้แวะถ่ายรูปและพักสายตาค่ะ.ในวันที่แอดเดินทาง ฝนตกหนักมาก จึงไม่ได้เก็บรูปวิวถนนลอยฟ้าสวย ๆ มาให้เพื่อน ๆ ดู ใครเคยไปเที่ยวแล้วถ่ายรูปไว้ เอามาอวดกันได้นะคะ  คืนนี้แอดพักที่อำเภออุ้มผาง ที่นี่มีที่พักบรรยากาศดีหลายแห่ง แถมแต่ละที่ก็มีบริการแพ็กเกจพาเที่ยวตามสถานที่ท่องเที่ยวในอำเภออุ้มผางด้วย เช่น ดอยหัวหมด น้ำตกทีลอซู น้ำตกทีลอเล และน้ำตกเปรโต๊ะลอซู เป็นต้น วันที่ 2 แอดตื่นแต่เช้าเพื่อไปชมพระอาทิตย์ขึ้นและทะเลหมอกที่ดอยหัวหมด ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่พักของแอดมากนัก การขึ้นไปชมทะเลหมอก เราจะต้องไปถึงจุดชมวิวประมาณ 05.30-06.30 น. จึงจะได้เห็นทะเลหมอกอย่างชัดเจน.ที่ตั้ง: ตำบลอุ้มผาง อำเภออุ้มผาง จังหวัดตากพิกัด : https://goo.gl/maps/GmEXvEqsJbMg5wTa7 ดอยหัวหมดมีจุดชมวิว 2 จุด ได้แก่ จุดชมวิว กม. 9 ต้องเดินขึ้นเขาไปประมาณ 1.5 กิโลเมตร และจุดชมวิว กม. 10 เดินขึ้นเขาเพียง 300 เมตร ซึ่งจุดนี้เป็นจุดที่แอดเลือกขึ้นไปชมวิวค่ะ บอกได้เลยว่า วิวภูเขาสลับซับซ้อนและหมอกหน้าฝนของที่นี่ สวยไม่แพ้ดอยอื่น ๆ ที่แอดเคยไปมาเลยล่ะค่ะ หลังจากทานอาหารเช้าเรียบร้อย ก็ได้เวลาบอกลาอำเภออุ้มผาง และเดินทางกลับบ้านแล้วค่ะ.ก่อนกลับอย่าลืมซื้อของฝากติดไม้ติดมือไปด้วยนะคะ เราแวะกันที่ ตลาดดอยมูเซอ ที่มีทั้งผัก ผลไม้ ขนม และข้าวของเครื่องใช้ให้เลือกมากมาย แอดคิดว่า เพื่อน

เส้นทางท่องเที่ยว จังหวัดตาก 2 วัน 1 คืน อ่านเพิ่มเติม

ฝนนี้ที่ทีลอซู

ฝนนี้ที่..ทีลอซู อำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก.เขาว่ากันว่า ใครไปเที่ยวจังหวัดตากแล้วไม่ได้ไปน้ำตกทีลอซู ก็เหมือนไปไม่ถึงจังหวัดตาก เพราะน้ำตกทีลอซูถือว่าเป็นน้ำตกที่สวยที่สุดอีกแห่งหนึ่งของประเทศไทย ที่ต้องไปเห็นด้วยตาตัวเองสักครั้งในชีวิต ยิ่งสำหรับผู้ที่รักธรรมชาติและการเดินทางแนวผจญภัยด้วยแล้วละก็ ยิ่งต้องไปสัมผัสบรรยากาศของทีลอซูในช่วงหน้าฝนให้ได้เลยล่ะ . การเดินทางไปเที่ยวน้ำตกทีลอซูช่วงหน้าฝน เพื่อน ๆ ต้องซื้อแพ็กเกจท่องเที่ยวกับบริษัททัวร์หรือรีสอร์ทในอำเภออุ้มผางที่เพื่อน ๆ เข้าพักเท่านั้น เพราะทางเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผางจะปิดเส้นทางรถยนต์ตั้งแต่หน่วยพิทักษ์ป่าห้วยหนองหลวงถึงน้ำตกทีลอซู ในช่วงเดือนมิถุนายน – กันยายนของทุกปี.ข้อควรปฏิบัติเมื่อไปเที่ยวน้ำตกทีลอซูช่วงหน้าฝน– ใส่รองเท้ารัดส้นเพื่อความคล่องตัวในการเดิน– เตรียมกระเป๋ากันน้ำ เสื้อกันฝน และยากันยุงให้พร้อม เพราะอาจมีฝนตก และระหว่างทางเดินไปน้ำตกมียุงค่อนข้างเยอะ– ขณะล่องเรือต้องใส่เสื้อชูชีพตลอดเวลา เพื่อความปลอดภัย เราเริ่มต้นการเดินทาง ด้วยการล่องเรือยางจากตัวอำเภออุ้มผางไปตามลำน้ำแม่กลอง จนถึงหน่วยพิทักษ์ป่าผาเลือด ที่อยู่ภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง เส้นทางล่องเรือยางเส้นนี้ ไม่โลดโผนเหมือนการไปล่องแก่งแบบที่หลายคนรู้จัก เรือยางจะล่องไปเรื่อย ๆ ทำให้เราได้ซึมซับบรรยากาศธรรมชาติรอบตัวได้อย่างเต็มที่ ขอบอกเลยว่าชิลสุด ๆ ระหว่างทางเราจะเห็นหน้าผาหินสูงชันสวยงามแปลกตา น้ำตกเล็ก ๆ และต้นไม้อันเขียวขจี ไฮไลท์ของการล่องเรือครั้งนี้ ก็คือน้ำตกทีลอจ่อ หรือน้ำตกสายฝน ซึ่งเป็นน้ำตกที่ไหลผ่านหน้าผาและโขดหิน ก่อนจะโปรยปรายลงมาเหมือนสายฝน ถ้าวันไหนมีแดด เพื่อน ๆ จะได้เห็นสายรุ้งบริเวณน้ำตกแห่งนี้ด้วยล่ะ หลังจากล่องเรือมาประมาณ 1 ชั่วโมง ก็จะถึงบ่อน้ำร้อนที่มีความร้อนประมาณ 40 องศา ใครที่นั่งเรือมานาน ๆ แล้วรู้สึกเมื่อย สามารถมาเดินยืดเส้นยืดสาย และแช่เท้าผ่อนคลายให้หายเมื่อยได้ค่ะ หลังจากยืดเส้นยืดสายกันแล้ว เราก็ล่องเรือต่อไปจนถึงหน่วยพิทักษ์ป่าผาเลือด ซึ่งเป็นจุดสิ้นสุดการล่องเรือ ต่อจากนั้น เราต้องนั่งรถกระบะไปยังจุดกางเต็นท์ที่อยู่ภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง ระยะทางประมาณ 14 กิโลเมตร ถนนค่อนข้างชันและขรุขระ เพื่อน ๆ ต้องเกาะเสาและราวไว้ให้มั่นเลยนะคะ ในที่สุดเราก็มาถึงจุดกางเต็นท์ มาถึงปุ๊บก็ขอเติมพลังเอาแรงกันสักหน่อย เพราะต้องเดินไปชมน้ำตกกันต่อ.เมื่อทานอาหารเสร็จแล้ว อย่าลืมช่วยกันรักษาความสะอาด ด้วยการเก็บขยะไปทิ้งนอกเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่านะคะ ใกล้กับจุดกางเต็นท์ เป็นเส้นทางเดินไปชมน้ำตกทีลอซู ระยะทาง 1.5 กิโลเมตร ทางเดินเป็นพื้นปูนสลับกับบันได เดินได้สบาย ๆ เลยค่ะ ระหว่างทางมีต้นไม้ และดอกไม้นานาพรรณ พอเดินไปเรื่อย ๆ แอดก็สะดุดตาเข้ากับเจ้าเห็ดถ้วยสีส้มแสนน่ารัก ซึ่งจะพบได้ในป่าดิบชื้น ช่วงหน้าฝนรู้ตัวอีกที แอดก็ได้รูปน้องเห็ดมาหลายรูปเลยล่ะค่ะ นอกจากเห็ดถ้วยแล้ว ก็มีดอกกระเจียวให้เห็นมากมาย ในที่สุดแอดก็มาถึงน้ำตกทีลอซู !! ยิ่งใหญ่และสวยงาม คุ้มค่ากับการเดินทางมาก ๆ.น้ำตกทีลอซูถือเป็นน้ำตกที่สวยงามและยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของไทย โดยน้ำตกตั้งอยู่สูงจากระดับทะเลปานกลาง 900 เมตร มีความสูงของสายน้ำที่ไหลตกลงจากหน้าผา 300 เมตร และความกว้างของม่านน้ำ 500 เมตร.น้ำตกแห่งนี้เกิดจากลำห้วย 2 สาย ได้แก่ ลำห้วยกล้อทอ และลำห้วยทีเครโกร ที่ไหลลดหลั่นผ่านช่องเขาขาดและตกลงสู่หน้าผาสูงชัน น้ำตกทีลอซูมีน้ำตลอดทั้งปี แต่ช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับการมาชมน้ำตกมากที่สุดคือ ฤดูฝน เพราะเป็นฤดูที่น้ำเยอะ ทำให้เห็นม่านน้ำได้อย่างชัดเจน.ในช่วงนี้เจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้เราลงไปที่ตัวน้ำตกเพราะน้ำไหลค่อนข้างแรง แต่แค่ได้มาเห็นความยิ่งใหญ่ของน้ำตกแอดก็ฟินแล้ว.เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง อำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก โทร. 088 427 5272

ฝนนี้ที่ทีลอซู อ่านเพิ่มเติม

อาบน้ำแร่ แช่น้ำร้อน : อโรคยาศาลโป่งคำราม

อโรคยาศาล โป่งคำราม เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดตาก ที่เรียกได้ว่าเป็นออนเซ็นแห่งแม่กาษาเลยทีเดียว ซึ่งสิ่งที่แปลกใหม่และไม่เหมือนใครในประเทศไทยนั่นก็คือ การแช่ออนเซ็นในถังไม้โอ๊กแบบญี่ปุ่นนั่นเอง น้ำแร่โป่งคำราม มีจุดเด่นอยู่ตรงที่เป็นน้ำพุร้อนอุณหภูมิประมาณ 60 องศาเซลเซียส จากการวิจัยพบว่ามีแร่ธาตุที่ดีต่อสุขภาพ ปราศจากกรดและกลิ่นกำมะถันอีกด้วย ถังไม้โอ๊กถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบ น่าลงไปแช่มากๆ แต่ก่อนจะลงไปแช่ต้องอาบน้ำชำระร่างกายให้สะอาดก่อนนะคะ จากนั้นลงแช่น้ำแร่ประมาณ 15-20 นาที หากแช่นานกว่านั้นอาจทำให้ร่างกายอ่อนเพลียหรือเกิดการช็อคได้ หลังจากแช่น้ำแร่แล้วควรอาบน้ำเย็นอีกครั้งเพื่อกระชับรูขุมขน ก็เป็นอันเสร็จขั้นตอนของการแช่น้ำแร่แล้วล่ะค่ะ การแช่น้ำแร่จะช่วยผ่อนคลายความเมื่อยล้า และช่วยทำให้ระบบหมุนเวียนโลหิตในร่างกายดีขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถรักษาโรคภัยไข้เจ็บบางอย่างได้ สำหรับผู้ที่ปวดเมื่อยตามร่างกายหรือเป็นตะคริวบ่อยๆ การแช่น้ำแร่เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีเลยล่ะ ที่นี่เค้าแยกโซนของผู้หญิงและผู้ชายอย่างชัดเจน ทั้งห้องเปลี่ยนผ้า ห้องน้ำ และโซนแช่น้ำแร่ แช่กันได้สบายใจ ไม่ต้องกลัวเขินเลย  ที่ตั้ง : 346 หมู่ 6 บ้านน้ำดิบ ตำบลแม่กาษา อำเภอแม่สอด จังหวัดตากเปิดทุกวันเวลา 06.00 – 20.00 น.โทร. 098 286 8899พิกัด : https://goo.gl/maps/H56vJ2pHzL82 เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 30 มกราคม 2562

อาบน้ำแร่ แช่น้ำร้อน : อโรคยาศาลโป่งคำราม อ่านเพิ่มเติม

ชิมแกงมะแฮะ อาหารถิ่น จ.ตาก

จากพืชพื้นบ้านสู่อาหารถิ่น จ.ตาก 
“มะแฮะ” เป็นพืชชนิดหนึ่ง ผลเป็นฝักเล็กๆ ลักษณะคล้ายฝักถั่วเหลืองหรือถั่วแระ เมล็ดมีรูปร่างกลมหรือแบนเล็กน้อย มีทั้งสีเหลือง สีขาว และสีแดง ขนาดเท่าเมล็ดถั่วเขียว…

ชิมแกงมะแฮะ อาหารถิ่น จ.ตาก อ่านเพิ่มเติม

9 จุด ถ่ายรูปกับ เขา

1. เขาโปกโล้น ร่องเขานครชุม จ.พิษณุโลก เขาโปกโล้น ตั้งอยู่ที่ตำบลนครชุม อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก เป็นจุดชมวิวธรรมชาติและทะเลหมอก ระยะทางเดินขึ้นไปประมาณ 1-2 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินประมาณ 30-40 นาที ถ้าโชคดีในช่วงเช้าเราจะเห็นทะเลหมอก ซึ่งในฤดูหนาวจะมีทะเลหมอกทุกวันเลยนะ แต่ถ้าไม่มีหมอก เราก็ถ่ายรูปกับเขาก็ได้ สวยเหมือนกัน ฮ่าๆ และตามเส้นทางเดินยังมีจุดสำคัญให้ศึกษา ไม่ว่าจะเป็นบ่อเสือตก น้ำบ่อศักดิ์สิทธิ์ และถ้ำผาปอง เป็นต้น  สำหรับที่พัก แอดแนะนำให้พักที่โฮมสเตย์ในอำเภอนครชุม เพราะเราจะต้องตื่นเช้า ประมาณ 05.00 น. เพื่อเดินขึ้นไปชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงามที่เขาโปกโล้นกัน ราคาโฮมสเตย์ 450 บาท/คน มีอาหารให้ 2 มื้อ คือมื้อเย็นและมื้อเช้า  ถ้าหากพร้อมแล้วและสนใจพิชิตทะเลหมอกติดต่อ อบต.นครชุม โทร 055 009 808 การเดินทาง ไปตามเส้นทางพิษณุโลก-นครไทย จากนั้นขับรถไปที่ตำบลนครชุม ประมาณ 28 กิโลเมตร ซึ่งห่างจากตัวเมืองพิษณุโลกประมาณ 100 กิโลเมตรพิกัด : https://goo.gl/maps/qfZa5MPvr8Q2 2.จุดชมวิวบ้านจ่าโบ่ จ.แม่ฮ่องสอน เป็นอีกหนึ่งจุดเช็คอินถ่ายรูป ที่ไม่ว่าใครก็ต้องมานั่งกินก๋วยเตี๋ยวห้อยขา ท่ามกลางหุบเขาและวิวทะเลหมอกแบบนี้  นั่งถ่ายรูปสวยๆ กินบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความเขียวชอุ่มและอากาศบริสุทธิ์ เติมพลังกันให้เต็มที่ไปเลย บ้านจ่าโบ่ ตั้งอยู่ไม่ไกลจากอำเภอปายมากนัก ใช้เวลาเดินทางจากอำเภอปายประมาณ 1 ชั่วโมง ถ้าใครที่ไปเที่ยวปาย ก็อย่าลืมแวะไปด้วยนะครับผม การเดินทางจากตัวเมืองแม่ฮ่องสอนวิ่งตามทางหลวงหมายเลข 1095 ไปทางอำเภอปางมะผ้า จนถึงแยกจุดตรวจแม่ละนา ให้เลี้ยวซ้ายไปตามทางหลวงหมายเลข 1226 อีก 3.5 กิโลเมตร จะถึงจุดชมวิวบ้านจ่าโบ่พิกัด : https://goo.gl/maps/yvUfLiyGYex 3.เขื่อนรัชชประภา จ.สุราษฎร์ธานี หรือที่ใครๆ รู้จักกันดีว่า “เขื่อนเชี่ยวหลาน” อันเป็นชื่อดั้งเดิม ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเขื่อนรัชชประภาในปัจจุบัน สำหรับเขื่อนรัชชประภานั้น มีจุดเด่นอยู่ตรงที่ภายในทะเลสาบเหนือเขื่อนเต็มไปด้วยภูเขาหินปูนธรรมชาติที่มีรูปร่างต่างๆ แปลกตา สวยงามลงตัวราวกับบรรจงสร้างมาให้เราเข้าไปชมเลยล่ะ  ไปยืนถ่ายรูปที่หัวเรือ โพสท่าเก๋ๆ คู่กับภูเขาหินปูน เอามาไว้โพสต์อวดเพื่อนๆ ในโซเชียล กิจกรรมที่น่าสนใจ– นอนเล่นกลางแพชมวิวทะเลสาบ อ่านหนังสือเล่มโปรด ฟังเพลงเบา ๆ – ล่องเรือชมธรรมชาติเหนือเขื่อน ชมเขาสามเกลอ หนึ่งในไฮไลท์ของภูเขาหินปูนที่อยู่ในอ่างเก็บน้ำ– พายเรือคายักหรือแคนู ซึ่งที่พักบางแห่งจะจัดไว้บริการนักท่องเที่ยว– ท่องถ้ำน้ำทะลุ ซึ่งเป็นถ้ำที่อยู่ห่างจากหน่วยพิทักษ์อุทยานฯ 6 กิโลเมตร เป็นถ้ำใหญ่ที่มีธารน้ำไหล มีหินงอกหินย้อยที่งดงาม การเดินเที่ยวถ้ำจำเป็นต้องมีเจ้าหน้าที่นำทาง การเดินทางจากอำเภอเมืองฯ ไปตามทางหลวงหมายเลข 401 แยกเข้าสู่หน่วยพิทักษ์อุทยานฯ ขส.2 (เชี่ยวหลาน) ตรงหลักกิโลเมตรที่ 60 ระยะทาง 14 กิโลเมตรพิกัด : https://goo.gl/maps/kXnARbdFFuv 4.เสม็ดนางชี จ.พังงา มาพังงาทั้งที ถ้าไม่ได้ไปเสม็ดนางชีถือว่าพลาด ถ้ามีโอกาสแอดอยากจะแนะนำให้ขึ้นไปชมวิวสุดประทับใจ ถ่ายรูปคู่กับทิวทัศน์สวยๆ ที่นี่ซักครั้ง นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปกางเต็นท์นอนค้างแรมเพื่อรอชมกลุ่มดาวเต็มท้องฟ้า และเมื่อเช้าวันใหม่อันสดใสมาถึง ทิวทัศน์ของตะวันขึ้นที่อ่าวพังงาก็จะติดตาตรึงใจเพื่อนๆ ไปอีกนาน ด้านบนมีร้านอาหาร มีเมนูทั้งอาหารคาวและอาหารหวานให้เราได้เลือกทานอย่างหลากหลาย  หรือจะชมแสงสุดท้ายยามเย็น พร้อมนั่งทานอาหารสุดอร่อย ดื่มด่ำกับวิวธรรมชาติอันสวยงาม ขอบอกเลยว่าจะทำให้มื้ออาหารมื้อนี้ประทับใจไม่รู้ลืมเลยล่ะ การเดินทางจากตัวเมืองพังงา ใช้เส้นทางพังงา-โคกกลอย เข้าสู่อำเภอตะกั่วทุ่งไปยังบ้านท่าอยู่ สังเกตจะมีสะพานลอยอยู่ก่อนถึงทางเข้าบ้านท่าอยู่ และมีซอยเล็กๆ ให้เลี้ยวเข้าไป ขับตรงไปอีกประมาณ 13 กิโลเมตร จะถึงจุดจอดรถพิกัด : https://goo.gl/maps/CFH2LK5vscQ2 5.ม่อนครูบาใส อุทยานแห่งชาติแม่เมย จ.ตาก ม่อนครูบาใส อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ประมาณ 7 กิโลเมตร เป็นจุดชมทะเลหมอกยามเช้า วิวภูเขา และพระอาทิตย์ตกดินที่สวยงาม นอกจากนี้ยังเป็นจุดที่มองเห็นดาวได้ชัดเจนอีกด้วย สามารถถ่ายรูปสวยๆ กับวิวสุดอลังการเก็บไปชมได้ไม่มีเบื่อเลยล่ะ ข้างบนนี้สามารถกางเต็นท์นอนได้ แต่ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกใดๆ เลย เพราะฉะนั้นต้องเตรียมอาหาร น้ำ และสิ่งของจำเป็นต่างๆ ขึ้นไปให้เรียบร้อยนะครับ การเดินทางแนะนำให้ใช้รถขับเคลื่อนสี่ล้อ เพราะช่วงนี้หน้าฝน ถนนอาจจะมีหลุมมีบ่ออยู่บ้าง และควรสอบถามกับทางอุทยานฯ ก่อนไปนะครับ ว่าเหมาะที่จะขึ้นไปเที่ยวหรือไม่ แต่ถ้าฝนไม่ตกติดต่อกันหลายวัน ก็สามารถขึ้นได้ครับผม การเดินทางจากตัวเมืองตาก ไปตามทางหลวงหมายเลข 105 (เส้นทางแม่สอด-แม่ระมาด-ท่าสองยาง) ระยะทางประมาณ 114 กิโลเมตร เลี้ยวขวาที่จุดตรวจแม่สลิด ซึ่งเป็นทางที่จะตัดไปสู่อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ เป็นทางขึ้นเขาไปอีกประมาณ 11 กิโลเมตร จะถึงที่ทำการอุทยานฯ (ทางขึ้นเขาเป็นทางลาดชัน รถบัสใหญ่ไม่สามารถขึ้นได้)พิกัด : https://goo.gl/maps/5nbbC1GW7b42 6.ดอยหัวหมด เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง จ.ตาก ยอดเขาหัวโล้นที่ปกคลุมด้วยต้นหญ้าและไม้ทนแล้ง ไม่มีต้นไม้ใหญ่ขึ้น เป็นที่มาของชื่อ “ดอยหัวหมด” บ้างก็เรียกว่า “เขาหัวโล้น” ลักษณะเป็นภูเขาหินปูนทอดตัวเป็นแนวยาวหลายลูกติดต่อกัน สามารถชมวิวได้รอบทิศ  ไฮไลท์เด่นของที่นี่คือ การชมพระอาทิตย์ขึ้นท่ามกลางทะเลหมอกในยามเช้า ควรเดินทางมาถึงจุดชมวิวในช่วง 05.00-06.00 น.  ดอยหัวหมดเป็นเนินที่ไม่สูงมากและระยะทางเดินไม่ไกลมากนัก เดินกันได้ชิลๆ ถ่ายรูปกันได้เรื่อยๆ เลยล่ะ การเดินทาง จากตัวเมืองตาก ใช้ทางหลวงหมายเลข 105 (ตาก-แม่สอด) ถึงหลักกิโลเมตรที่ 96 เปลี่ยนมาใช้ทางหลวงหมายเลข 1090 (แม่สอด-อุ้มผาง) เข้าสู่อำเภออุ้มผาง มุ่งหน้าบ้านปะหละทะ บริเวณกิโลเมตรที่ 10-11 จะมีทางแยกซ้ายไปดอยหัวหมด ประมาณ 700 เมตร จะถึงจุดจอดรถพิกัด : https://goo.gl/maps/V1k4MoZt7FD2 7.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก เมื่อมาถึงอำเภอเนินมะปรางกิจกรรมอย่างหนึ่งที่ห้ามพลาดเลยก็คือ การไปชมวิวภูเขาหินปูนล้านปี ที่บ้านมุง บอกเลยว่าภูเขาสวยอลังการมาก ถ่ายรูปออกมาแล้วให้ความรู้สึกเหมือนหลุดไปในภาพยนตร์เรื่องอวตารกันเลยทีเดียว ถ้าจะให้ดีต้องลองนั่งรถอีแต๊กที่ชาวบ้านบริการ หรือนำจักรยานมาปั่นเองในช่วงยามเย็น จะได้สัมผัสบรรยากาศของพระอาทิตย์ตกและธรรมชาติที่สวยงามบริเวณนั้น และยังสามารถรอชมฝูงค้างคาวนับล้านบินออกจากถ้ำไปหากิน ตอนเวลาประมาณ 18.00-19.00 น. ได้อีกด้วยนะ หากใครอยากลองนั่งรถอีแต๊กชมภูเขาหินปูนล้านปี ติดต่อได้ที่ คุณพิษณุชัย ทรงพุฒิ โทร.

9 จุด ถ่ายรูปกับ เขา อ่านเพิ่มเติม

ธรรม (ดา) พาไหว้ : พระธาตุประจำปีเกิด 12 ปีนักษัตร

ข้อห้ามควรรู้ก่อนสักการะบูชาพระธาตุ ไม่ควรนำรูปปั้นสัตว์ประจำปีเกิดไปบูชาพระธาตุ เพราะไม่ใช่หลักคำสอนของพระพุทธศาสนาห้ามไม่ให้ผู้หญิงขึ้นไปบริเวณรอบพระธาตุ เนื่องจากในสมัยโบราณมักจะบรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้ที่ฐานเจดีย์ ปีชวด พระธาตุศรีจอมทอง จ.เชียงใหม่ เป็นวัดสำคัญคู่เมืองจอมทอง เป็นที่เคารพสักการะของชาวเหนือโดยทั่วไป และเป็นพระธาตุประจำปีเกิดของคนที่เกิดปีชวด วัดพระธาตุศรีจอมทอง เป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุส่วนพระเศียรเบื้องขวาและส่วนอื่นๆ รวม 5 องค์ ซึ่งความพิเศษของพระบรมธาตุที่นี่คือ เป็นพระบรมธาตุเพียงแห่งเดียวในประเทศไทย ที่เราสามารถมองเห็น สักการะ และอัญเชิญลงมาสรงน้ำในพิธีต่างๆ ได้ เนื่องจากพระบรมธาตุไม่ได้บรรจุไว้ในเจดีย์แต่ประดิษฐานอยู่ในกู่ภายในพระวิหารนั่นเอง  ทุกปีจะมีประเพณีสรงน้ำพระบรมธาตุ ซึ่งตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 9 เหนือ (ราวเดือนมิถุนายน)  วัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหารเปิดทุกวัน ตั้งแต่ 06.00-18.00 น.โทร : 053 826 869, 053 342 184 การเดินทางจากเชียงใหม่ ใช้ทางหลวงหมายเลข 108 วิ่งมาเรื่อยๆ จนเข้าเขตอำเภอจอมทอง วัดจะอยู่ทางซ้ายมือพิกัด : https://goo.gl/maps/p24Q1EehcXo ปีฉลู พระธาตุลำปางหลวง จ.ลำปาง เป็นพระธาตุประจำปีเกิดของคนเกิดปีฉลู ที่เริ่มสร้างในปีฉลูและเสร็จในปีฉลูเช่นกัน มีความเก่าแก่มาตั้งแต่สมัยพระนางจามเทวีแห่งเมืองหริภุญชัย ภายในบรรจุพระเกศาธาตุ และพระบรมสารีริกธาตุส่วนพระนลาฎเบื้องขวาและพระศอ นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยว Unseen ที่สามารถมองเห็นเงาพระธาตุในมุมกลับได้อีกด้วย วัดพระธาตุลำปางหลวงเปิดทุกวัน ตั้งแต่ 07.30-17.00 น.โทร. 054 328 327 การเดินทางห่างจากตัวเมืองลำปางประมาณ 18 กิโลเมตร ตามทางหลวงสายลำปาง-เถิน ถึงหลักกิโลเมตรที่ 586 เลี้ยวเข้าไปจนถึงที่ว่าการอำเภอเกาะคา จากนั้นเลี้ยวขวาเข้าไปอีก 2 กิโลเมตร ถึงทางแยกเข้าอีก 1 กิโลเมตรพิกัด : https://goo.gl/maps/wMGGSc9htvj ปีขาล พระธาตุช่อแฮ จ.แพร่ เป็นปูชนียสถานอันศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองแพร่ ตามตำนานกล่าวว่าสร้างขึ้นราว พ.ศ.1879-1881 เมื่อครั้งพระมหาธรรมราชา (ลิไท) ยังเป็นพระมหาอุปราชครองเมืองศรีสัชนาลัย  ภายในพระธาตุบรรจุพระเกศาธาตุ และพระบรมสารีริกธาตุพระศอกซ้ายของพระพุทธเจ้า ทุกปีจะมีงานนมัสการพระธาตุในวันขึ้น 9 ค่ำ – ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 4 (ประมาณเดือนมีนาคม) ใช้ชื่องานว่า “งานประเพณีไหว้พระธาตุช่อแฮ เมืองแพร่แห่ตุงหลวง” วัดพระธาตุช่อแฮเปิดทุกวัน ตั้งแต่ 07.00-18.00 น.โทร. 054 599 073-4, 054 599 209 การเดินทางจากตัวเมืองแพร่ ขับไปตามทางหลวงหมายเลข 1022 (ถนนช่อแฮ) ประมาณ 9 กิโลเมตร https://goo.gl/maps/HWSvJCCGQNB2 ปีเถาะ พระธาตุแช่แห้ง จ.น่าน เป็นปูชนียสถานศักดิ์สิทธิ์ ตั้งอยู่บนเนินทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำน่าน บริเวณศูนย์กลางเมืองน่านเดิม หลังจากที่ย้ายมาจากเมืองปัว พระธาตุแช่แห้งสร้างในสมัยพญาการเมืองเป็นเจ้าผู้ครองนครน่าน เพื่อเป็นที่ประดิษฐานพระมหาชินธาตุเจ้า 7 พระองค์ (พระบรมสารีริกธาตุ) พระพิมพ์เงินและพระพิมพ์ทอง ที่ได้รับพระราชทานจากพระมหาธรรมราชาลิไท เมื่อครั้งที่พระองค์เสด็จไปช่วยสร้างวัดหลวงอภัย (วัดป่ามะม่วง จังหวัดสุโขทัยในปัจจุบัน)  วัดพระธาตุแช่แห้ง พระอารามหลวงเปิดทุกวัน ตั้งแต่ 06.00-18.00 น.โทร. 054 601 146 การเดินทางจากตัวเมือง ข้ามสะพานแม่น้ำน่าน ไปตามทางหลวงหมายเลข 1168 (น่าน-แม่จริม) ประมาณ 3 กิโลเมตรพิกัด : https://goo.gl/maps/znEpCM7mQFF2 ปีมะโรง เจดีย์วัดพระสิงห์ จ.เชียงใหม่ เจดีย์วัดพระสิงห์สร้างราว พ.ศ.1888 ต่อมามีการบูรณะให้สูงใหญ่ขึ้นในสมัยครูบาศรีวิชัย ภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่พระสุมนเถระนำมาจากลังกา และมีการอัญเชิญพระพุทธสิหิงค์จากลังกามาประดิษฐานไว้ที่วิหารลายคำในวัดแห่งนี้ด้วย วัดพระสิงห์วรมหาวิหารเปิดทุกวัน ตั้งแต่ 06.00-18.00 น.โทร. 053 416 019, 081 883 8752 การเดินทางวัดพระสิงห์ตั้งอยู่บริเวณคูเมืองด้านใน บริเวณถนนสิงหราชจรดกับถนนราชดำเนินพิกัด : https://goo.gl/maps/XQ9PvXJZVaR2 ปีมะเส็ง วัดโพธารามมหาวิหาร (วัดเจ็ดยอด) จ.เชียงใหม่ เป็นวัดเก่าแก่วัดหนึ่งของเชียงใหม่ สร้างโดยพระเจ้าติโลกราช เมื่อ พ.ศ.1999  เจดีย์เจ็ดยอด มีลักษณะคล้ายกับมหาวิหารโพธิที่พุทธคยาในประเทศอินเดีย โดยเป็นอาคารหรือวิหารที่มียอดเจดีย์ สร้างด้วยศิลาแลง ที่ผนังประดับปูนปั้นรูปเทวดาทรงเครื่อง มีทั้งนั่งขัดสมาธิและยืน งดงามมาก ภายในวิหารประดิษฐานหลวงพ่อใหญ่ พระพุทธรูปปางมารวิชัย สิ่งสักการะสำคัญในวัดคือ ต้นศรีมหาโพธิ์ขนาดใหญ่ ซึ่งพระเจ้าติโลกราชได้นำมาจากลังกา ถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำปีเกิดของผู้ที่เกิดปีมะเส็ง วัดโพธารามมหาวิหาร เปิดทุกวัน ตั้งแต่ 08.00-17.00 น.โทร. 053 221 464, 081 783 8567 การเดินทางใช้ทางหลวงหมายเลข 11 (เชียงใหม่-ลำปาง) ขับตรงมาเรื่อยๆ จะเห็นสี่แยกไฟแดงเจ็ดยอด ก่อนถึงสี่แยกรินคำ จะเห็นวัดเจ็ดยอดอยู่ทางขวามือพิกัด : https://goo.gl/maps/RqbeM8gZupF2 ปีมะเมีย พระบรมธาตุบ้านตาก จ.ตาก พระบรมธาตุบ้านตากจำลองแบบมาจากเจดีย์ชเวดากองในประเทศพม่า โดยสร้างครอบเจดีย์องค์เก่าไว้ ลักษณะเป็นเจดีย์องค์ใหญ่อยู่ตรงกลาง ล้อมรอบด้วยเจดีย์องค์เล็ก 16 องค์ ภายในเจดีย์องค์กลางบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และพระเกศาธาตุขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทุกปีในช่วงวันขึ้น 14 และ 15 ค่ำเดือน 9 ของชาวเหนือ (ระหว่างเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน) จะมีการจัดประเพณีขึ้นธาตุเดือนเก้าเพื่อเป็นการสักการะองค์พระบรมธาตุ และบวงสรวงขอพรเทวดาในการเริ่มฤดูทำนา  วัดพระบรมธาตุบ้านตากเปิดทุกวัน ตั้งแต่ 06.00 – 18.00 น.โทร. 055 591 009 การเดินทางจากอำเภอเมืองตากใช้ทางหลวงหมายเลข 1107 (ตาก-บ้านตาก) ไปประมาณ 35 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 1175 ไปประมาณ 1 กิโลเมตร วัดจะอยู่ทางซ้ายมือพิกัด : https://goo.gl/maps/tfcKzvaPydr ปีมะแม พระธาตุดอยสุเทพ

ธรรม (ดา) พาไหว้ : พระธาตุประจำปีเกิด 12 ปีนักษัตร อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top