ปทุมธานี

ปทุมธานี

เที่ยวหน้าฝน สัมผัสธรรมชาติ ให้ชื่นฉ่ำหัวใจ

หน้าฝนปีนี้ เพื่อน ๆ เตรียมตัวออกไปเที่ยวที่ไหนบ้างคะ หลายคนอาจจะคิดว่าฝนตกแบบนี้เที่ยวไหนไม่ได้ แต่รู้หรือไม่ว่า หน้าฝนบ้านเรา มีเสน่ห์ไม่แพ้หน้าร้อนเลยนะ ธรรมชาติจะเขียวขจี อากาศเย็นสบาย น้ำตกไหลแรง ดอกไม้ป่าบานสะพรั่ง เหมาะแก่การไปพักผ่อนหย่อนใจ ชมวิว ถ่ายรูป และสัมผัสประสบการณ์ใหม่ ๆ วันนี้บัดดี้มีภาพสวย ๆ จากแหล่งท่องเที่ยวทั่วประเทศ เพื่อเป็นไอเดียวางแผนการเดินทางไปยังสถานที่ต่าง ๆ ออกไปเที่ยวธรรมชาติ สัมผัสความสดชื่นกันค่ะ 1. ชมนาขั้นบันไดป่าบงเปียง จังหวัดเชียงใหม่ 2. ชมไร่ชาบนดอยแม่สลอง จังหวัดเชียงราย 3. นอนฟังเสียงฝน ตื่นมาชมผาช้างน้อย จังหวัดพะเยา 4. ถ่ายรูปกับถนนลอยฟ้า จังหวัดน่าน 5. ล่องแก่งลำน้ำเข็ก ที่ จังหวัดพิษณุโลก 6. เที่ยวป่าเขาใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา 7. ชมทุ่งดอกกระเจียว จังหวัดชัยภูมิ 8. ค้นหาหินโลมา ที่ ถ้ำนาคา จังหวัดบึงกาฬ 9. ชมวิวภูป่าเปาะ จังหวัดเลย 10. เล่นน้ำตกแสงจันทร์ จังหวัดอุบลราชธานี 11. เดินป่าระยะทางสั้น ๆ ที่ เขาช่องลม จังหวัดนครนายก 12. ล่องแก่งหินเพิง จังหวัดปราจีนบุรี 13. แช่น้ำเย็น ที่ น้ำตกพลิ้ว จังหวัดจันทบุรี 14. สวนพฤกษศาสตร์ จังหวัดระยอง 15. เที่ยวใกล้กรุง ที่ บางกะเจ้า จังหวัดสมุทรปราการ  16. ชมวาฬบรูดา ได้ที่ 3 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสงคราม และจังหวัดเพชรบุรี 17. เที่ยวหมู่บ้านอีต่อง จังหวัดกาญจนบุรี 18. เช็กอินชมวิวสวย ที่ ดงตาลสามโคก จังหวัดปทุมธานี 19. ชมวิวอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี 20. พายซัพบอร์ด ที่ อ่างเก็บน้ำท่าเคย จังหวัดราชบุรี 21. แช่น้ำร้อน ผ่อนคลาย ที่ จังหวัดระนอง 22. สัมผัสวิถีชุมชนบ้านน้ำราบ จังหวัดตรัง 23. ชมวิวเสม็ดนางชี จังหวัดพังงา 24. หลีกหนีความวุ่นวาย ไปเขื่อนเชี่ยวหลาน จังหวัดสุราษฎร์ธานี 25. ล่องแก่งหนานมดแดง ที่ จังหวัดพัทลุง ข้อแนะนำเพิ่มเติม*ตรวจสอบสภาพอากาศก่อนเดินทาง*เตรียมเสื้อผ้า ร่ม รองเท้า ให้เหมาะสมกับการเที่ยวหน้าฝน*พกยาประจำตัว ยากันยุง*เลือกที่พักที่ปลอดภัย สะดวกสบาย*เที่ยวอย่างมีสติ ปฏิบัติตามกฎระเบียบ

เที่ยวหน้าฝน สัมผัสธรรมชาติ ให้ชื่นฉ่ำหัวใจ อ่านเพิ่มเติม

แนะนำพิพิธภัณฑ์น่าเที่ยวช่วงหยุดยาว

ช่วงหยุดยาวนี้ ใครกำลังวางแผนพักผ่อน หาสถานที่ที่ไม่วุ่นวายมากนัก พาครอบครัวไปพักผ่อน หรือหากิจกรรมทำเงียบ ๆ บัดดี้ถือโอกาสมาแนะนำ “พิพิธภัณฑ์น่าเที่ยว” ในช่วงวันหยุดนี้ จากหลายจังหวัดในไทย ที่จะได้ทั้งหลบร้อน หลบฝน และได้ความรู้ ลองตามมาดูกัน ว่าจะมีที่ไหนบ้าง 1. มิวเซียมสยาม กรุงเทพมหานคร มิวเซียมสยาม พิพิธภัณฑ์การเรียนรู้ความเป็นไทยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ที่ใช้สื่อสร้างสรรค์ทันสมัย ที่ให้ความรู้พร้อมกับความสนุกสนาน ทั้งความเป็นมาของประเทศไทย ทั้งด้านเชื้อสาย ศิลปวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณี ความเชื่อและวิถีชีวิต แถมการเดินทางก็แสนง่ายเพราะอยู่ติดกับ MRT สถานีสนามไชย ทางออกที่ 1 ขึ้นบันไดเลื่อนมาปุ๊บ ก็ถึงปั๊บเลย ค่าเข้าชม : นักศึกษา 50 บาท | ผู้ใหญ่ (คนไทย) 100 บาท | ผู้ใหญ่ (ชาวต่างชาติ) 200 บาท | นักเรียน นักศึกษา (อายุมากกว่า 15 ปี) ราคา 25 บาท | ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ไม่เสียค่าเข้าชม ถนนสนามไชย แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร เปิดทุกวันเวลา 10.00-18.00 น. (ปิดทุกวันจันทร์) 0 2225 2777https://maps.app.goo.gl/xZcts74WZLqrTDvt8 2. องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ จ.ปทุมธานี องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ (อพวช.) เป็นรัฐวิสาหกิจ สังกัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ก่อตั้งในวันที่ 30 มกราคม 2538 มีเนื้อที่ประมาณ 180 ไร่ ภายในประกอบไปด้วย1. พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์2. พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยา3. พิพิธภัณฑ์เทคโนโลยีสารสนเทศ4. พิพิธภัณฑ์พระรามเก้า พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ เป็นอาคารที่มีรูปทรงเป็นลูกบาศก์ 3 ลูกเชื่อมติดกัน ภายในมี 6 ชั้น จัดแสดงเรื่องราวความรู้ทางวิทยาศาสตร์ผ่านสื่อมัลติมีเดียและแบบจำลองสามมิติ เหมาะสมกับทุกเพศทุกวัย หากพาเด็ก ๆ ไปก็จะได้ความรู้และประสบการณ์ใหม่ หากผู้ใหญ่ไปก็อาจจะได้ทั้งความรู้ใหม่ ๆ และความรู้หลาย ๆ เรื่องที่เคยรู้และหลงลืมไป พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยา เป็นศูนย์กลางการศึกษาวิจัยด้านธรรมชาติวิทยาของประเทศไทยและประเทศใกล้เคียง แถมยังเป็นศูนย์จัดแสดงนิทรรศการความหลากหลายทางชีวภาพที่สำคัญอีกด้วย นิทรรศการหลัก ๆ คือ เรื่องราวการกำเนิดโลก และวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ตั้งแต่สมัยดึกดำบรรพ์มาจนปัจจุบัน ผ่านการนำเสนอหลากหลายวิธี ทั้งมัลติมีเดีย แบบจำลอง รวมถึงการจัดแสดงสัตว์สตัฟฟ์และโครงกระดูกจริง ที่ช่วยให้เราเข้าใจเรื่องธรรมชาติวิทยาได้ดียิ่งขึ้น พิพิธภัณฑ์เทคโนโลยีสารสนเทศ เป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับความสำคัญของการสื่อสาร ที่จะทำให้ผู้เยี่ยมชมได้ทำความเข้าใจเรื่องคอมพิวเตอร์ เบื้องหลังการทำงาน และวิวัฒนาการของภาษาคอมพิวเตอร์ แถมยังมีกิจกรรมจำลองเสมือนจริงของการ X-ray, MRI, Ultrasound ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ปัจจุบันมีบทบาทในชีวิตเรามากขึ้นเรื่อย ๆ พิพิธภัณฑ์พระรามเก้า เป็นพิพิธภัณฑ์ที่เสนอหลักการคิด และวิธีการทรงงานตามกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่แก้ปัญหาให้กับพสกนิกรในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศไทย ภายในมีการจำลองป่าและน้ำตกสูงประมาณตึก 4-5 ชั้น มาไว้ภายในอาคาร เพื่อแสดงถึงระบบนิเวศวิทยา ภายในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ จะแบ่งส่วนจัดแสดงออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ บ้านของเรา (Our Home) นำเสนอเรื่องราวของกำเนิดจักรวาล ระบบสุริยะ และโลก ไปจนถึงวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตหลายสายพันธุ์ จนกระทั่งกำเนิดมนุษย์ ชีวิตของเรา (Our Life) นำเสนอเรื่องราวการปรับตัวของสิ่งมีชีวิตในสภาพแวดล้อมในแบบต่าง ๆ เช่น Antarctica, Arctic, Tundra, Taiga, Desert, Temperate และ Tropical ในหลวงของเรา (Our King) นำเสนอพระราชกรณียกิจ โครงการพระราชดำริ หลักคิด และหลักปรัชญาของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่ได้พระราชทานไว้เป็นแนวทางในการดำรงอยู่ของมนุษย์กับโลกใบนี้อย่างยั่งยืน ค่าเข้าชม (ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ)– ผู้ใหญ่ 200 บาท– เด็ก ผู้สูงอายุ ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เข้าชมฟรีสามารถ Walk-in ได้ หากมาหลายคนสามารถจองเข้าชมล่วงหน้าได้ที่ : https://nsm.welovebooking.net/onecampus ระบบจะตัดรอบจองล่วงหน้า 1 วัน ตอนเที่ยง เทคโนธานี ต.คลอง 5 อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ในช่วงเดือนเมษายนนี้ ที่นี่เปิดให้บริการเหมือนเดิม หยุดเฉพาะวันจันทร์– วันอังคาร-ศุกร์ เวลา 09.30-16.00 น.– วันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 09.30-17.00 น. 0 2577 9999 ต่อ 2122-2123https://maps.app.goo.gl/hosqpsRWG5m5uhdi9 3. พิพิธภัณฑ์ไม้กลายเป็นหิน จ.นครราชสีมา สำหรับภาคอีสาน บัดดี้มีอีกหนึ่งพิพิธภัณฑ์มานำเสนอ นั่นก็คือ พิพิธภัณฑ์ไม้กลายเป็นหิน ที่นี่ยังเป็น 1 ใน 8 พิพิธภัณฑ์ไม้กลายเป็นหินของโลก ซึ่งภายในจะแบ่งการจัดแสดงออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่1. พิพิธภัณฑ์ไม้กลายเป็นหิน2. พิพิธภัณฑ์ช้างดึกดำบรรพ์3. พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ พิพิธภัณฑ์ไม้กลายเป็นหิน จัดแสดงไม้กลายเป็นหินจากจังหวัดต่าง ๆ ในภาคอีสาน แต่ส่วนใหญ่จะเน้นของ จ.นครราชสีมา ซึ่งไม้กลายเป็นหินของจริงสวยมาก เช่น ไม้กลายเป็นหินเนื้ออัญมณี ไม้กลายเป็นหินตระกูลปาล์มและไม้กลายเป็นหินหลากหลายอายุ ที่มีความสวยเฉพาะตัวสุด

แนะนำพิพิธภัณฑ์น่าเที่ยวช่วงหยุดยาว อ่านเพิ่มเติม

หอศิลป์ ณ หออัครศิลปิน ✨

หออัครศิลปิน เปิดให้บริการเต็มรูปแบบแล้ว ใครที่ยังไม่รู้จักหออัครศิลปิน ตามมาทำความรู้จักกัน ดูว่าอาคารสถาปัตยกรรมไทยร่วมสมัยแห่งนี้น่าสนใจอย่างไร หออัครศิลปินคือหอศิลปะที่จัดแสดงนิทรรศการพระราชประวัติและผลงานศิลปะฝีพระหัตถ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ในฐานะที่ทรงเป็นองค์อัครศิลปิน นับเป็นหอศิลปะที่น่าเข้าชมมาก ใครยังไม่เคยไป อยากให้ลองหาโอกาสไปชมสักครั้ง 👉นอกจากนี้ ภายในหอฯ ยังมีส่วนนิทรรศการที่แสดงถึงพระอัจฉริยภาพทางด้านศิลปะ วัฒนธรรม และพระปรีชาสามารถของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในฐานะทรงเป็น “วิศิษฏศิลปิน” รวมทั้งมีห้องนิทรรศการที่จัดแสดงประวัติและผลงานของศิลปินแห่งชาติ ทั้ง 3 สาขา ได้แก่ สาขาวรรณศิลป์ สาขาทัศนศิลป์ และสาขาศิลปะการแสดง🌟 🔸ห้องนิทรรศการ “อัครศิลปิน” ห้องอัครศิลปิน จัดแสดงพระราชประวัติ พระราชกรณียกิจ และพระปรีชาสามารถทางด้านศิลปะ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 รวมถึงจิตรกรรมฝีพระหัตถ์ ภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ หนังสือพระราชนิพนธ์ วาทศิลป์ ดุริยางคศิลป์ หัตถศิลป์และงานออกแบบ ห้องนิทรรศการ วิศิษฏศิลปิน วิศิษฏศิลปิน แปลว่า ผู้เป็นเลิศทางศิลปะ ห้องนิทรรศการนี้ ถวายแด่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ด้วยพระองค์ทรงมีพระอัจริยภาพในงานศิลปะหลายสาขา ภายในจัดแสดงทั้งพระราชนิพนธ์ร้อยแก้ว ร้อยกรอง งานแปล การถ่ายภาพ และจิตรกรรม ห้องนิทรรศการศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ ภายในจัดแสดงประวัติผลงานและเครื่องมือที่ใช้ในการสร้างสรรค์ผลงานวรรณกรรมของศิลปินแห่งชาติ เพื่อก่อให้เกิดแรงบันดาลใจให้กับนักอ่าน นักเขียน และผู้ที่ชื่นชอบในงานวรรณศิลป์ ห้องนิทรรศการศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ ภายในจัดแสดงประวัติและผลงานสาขาทัศนศิลป์ ไม่ว่าจะเป็น จิตรกรรม ประติมากรรม สถาปัตยกรรม หัตถศิลป์ ภาพพิมพ์ ภาพถ่ายศิลปะ และสื่อผสม ห้องนิทรรศการศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง ภายในห้องจัดแสดงผลงานในด้านเพลงไทยลูกทุ่ง เพลงไทยสากล และดนตรีไทย ด้านการแสดงพื้นบ้านต่าง ๆ เช่น หนังตะลุง โนรา กลองสะบัดชัย รวมถึงการแสดงนาฏศิลป์ เช่น โขน หุ่นกระบอก หุ่นละครเล็ก ลิเก นาฏศิลป์สากล และดุริยางคศิลป์ เป็นต้น สามารถเข้าชมได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ แต่หากจะเข้าชมเป็นหมู่คณะ กรุณาแจ้งล่วงหน้านะคะ หออัครศิลปิน กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม ถนนเลียบคลองห้า ตำบลคลองห้า อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี เปิดวันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 09.30-16.00 น. (ปิดวันจันทร์) โทร. 09 3095 9665, 08 4199 2721 https://goo.gl/maps/FkaoN1kYjSUtETTQ6

หอศิลป์ ณ หออัครศิลปิน ✨ อ่านเพิ่มเติม

7 วัดสวยใกล้กรุงเทพฯ

🙏🏻ชวนไหว้พระทำบุญเพิ่มแต้มบุญ #วัดสวยใกล้กทม.🙏🏻 พิกัด อยุธยา นนทบุรี ปทุมธานี วันเดียวเที่ยวได้🙏🏻 เดินทางง่าย อิ่มบุญอิ่มใจ แถมยังได้ภาพสวย ๆ ยังอยู่ในช่วงต้นปี มาทำบุญเรียกสิ่งดี ๆ เสริมความเป็นสิริมงคลตลอดปีกันสักหน่อย กับ 7 วัดสวยใกล้กรุงเทพฯ เดินทางไม่เกิน 2 ชั่วโมง เหมาะกับการพาครอบครัวไปไหว้พระ ทำบุญและถ่ายภาพสวยลงโซเชียล เพราะแต่ละวัดนอกจากจะมีพระพุทธรูปอันศักดิ์สิทธิ์ให้ได้สักการะกันแล้ว ก็ยังก็มีความงดงามด้านสถาปัตยกรรมแตกต่างกันออกไป จะมีวัดไหนบ้างไปชมกัน ปราสาทนครหลวง จ. อยุธยา เป็นโบราณสถานอันทรงคุณค่านอกเกาะเมืองอยุธยา ที่เงียบสงบและสง่างาม ตั้งอยู่ริมแม่น้ำป่าสักฝั่งทิศตะวันออก มีความสวยสดงดงาม ด้วยสถาปัตยกรรมเก่าแก่ ลักษณะเป็นองค์ปราสาท พุทธสถานจตุรมุขทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า มี 3 ชั้น ชั้นที่ 2 เป็นซุ้มระเบียงล้อมรอบ ชั้นบนมีมณฑปประดิษฐานพระพุทธบาทสี่รอย อดีตเป็นตำหนักที่ประทับของกษัตริย์ในระหว่างเสด็จไปนมัสการพระพุทธบาทสระบุรี และเป็นที่ประทับแรมในระหว่างเสด็จไปลพบุรี คาดการณ์ว่าถูกสร้างขึ้นในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม แต่มาสร้างเป็นที่ประทับก่ออิฐถือปูน ในสมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง เมื่อพ.ศ. 2147 ที่อยู่: ตำบล นครหลวง อำเภอนครหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา 13260 พิกัด : https://goo.gl/maps/EDxy5zVWHx4qqxPQA เวลา : 08.30 – 16.30 น. วัดนิเวศธรรมประวัติราชวรวิหาร จ. อยุธยา เป็นวัดที่ตั้งอยู่บนเกาะบ้านเลนกลางแม่น้ำเจ้าพระยา ตรงข้ามกับพระราชวังบางปะอิน จุดเด่นของวัดนี้ คือ มีความสวยงามด้านสถาปัตยกรรม เนื่องจากมีการนำสไตล์ตะวันตกเข้ามาผสมผสาน เรียกกันว่า เป็นวัดไทยสไตล์ฝรั่ง เพราะรูปทรงภายนอกมีลักษณะคล้ายกับโบสถ์คริสต์ ภายในประดิษฐาน “พระพุทธนฤมลธรรโมภาส” เป็นพระประธาน ซึ่งการเดินทางมาที่วัดจะมีทางเดียว คือ ต้องนั่งกระเช้าไฟฟ้าข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ถือว่าเป็นอีกหนึ่งวัดที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ที่อยู่: บางปะอิน ตำบล บ้านเลน อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา 13160 พิกัด : https://goo.gl/maps/xUicR393HvSoSK4aA เวลา : 09:00 – 17.00 น. โทร : 035-262139 วัดพระปฐมเจดีย์ราชวรมหาวิหาร จ. นครปฐม พระปฐมเจดีย์ เป็นพระมหาเจดีย์ที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย หากได้มาเยือนแนะนำให้ไปกราบนมัสการพระร่วงโรจนฤทธิ์ หรือหลวงพ่อพระร่วง และไปกราบไหว้ศาลเจ้าพ่อปราสาททอง พระพุทธไสยาศน์ รวมถึงพระศิลาขาว นอกจากนี้อีกสิ่งหนึ่งที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาพระปฐมเจดีย์ คือ การเดินรอบพระอารามชั้นนอก หรือชั้นในให้ครบ 3 รอบ เพื่อเสริมสิริมงคล ที่อยู่: 27 ถนน เทศา ตำบลพระปฐมเจดีย์ อำเภอเมืองนครปฐม นครปฐม 73000 พิกัด : https://goo.gl/maps/zfu52LSAkAsEB8KV8 โทร : 034-242143  วัดศีรษะทอง จ. นครปฐม เป็นวัดเก่าแก่ของ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ที่นี่เต็มไปด้วยโบราณวัตถุ โบราณสถานสำคัญ ๆ ภายในวัดมีพระราหูขนาดใหญ่ให้สักการะบูชา เชื่อกันว่าพระราหูจะช่วยปัดเป่าเรื่องร้ายๆให้กลายเป็นดี และจะเกิดความสำเร็จในหน้าที่การงาน มีโชคลาภ และเจริญก้าวหน้า ร่ำรวยเงินทอง ที่อยู่ : ตำบลศรีษะทอง อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม พิกัด : https://goo.gl/maps/Tz4APQH132Z7vFm98 เวลา : 07.00-17.00 น. เว็บไซต์ : https://www.facebook.com/วัดศีรษะทอง – วัดพระราหู อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม  วัดไทรใหญ่ จ. นนทบุรี เป็นวัดเก่าแก่ของ อ.ไทรน้อย ภายในโบสถ์ ประดิษฐาน “หลวงพ่อทองคำ” ซึ่งเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์สมัยอู่ทอง ฝีมือช่างหลวง ปางมารวิชัย นับว่าเป็นที่เคารพสักการะของชาวไทรน้อยเป็นอย่างมาก ที่อยู่: 8917 ถนน บ้านกล้วย-ไทรน้อย ตำบลไทรน้อย อำเภอไทรน้อย นนทบุรี 11150 พิกัด : https://goo.gl/maps/1w8mN5T5oR13diHu7 โทร : 02-5970109 เว็บไซต์ https://th-th.facebook.com/saiyai111/  วัดโบสถ์ จ. ปทุมธานี เป็นวัดเก่าแก่โบราณในสมัยกรุงศรีอยุธยา สมัยก่อนจะเรียกว่า วัดสร้อยนางหงษ์ ไฮไลท์ของวัดโบสถ์ คือ ที่นี่จะมีหลวงพ่อโต และ หลวงพ่อโสธรองค์ใหญ่ที่สุดในไทยให้ได้สักการะ นอกจากนี้ยังมีพระพุทธรูปที่สำคัญ นั่นก็คือ หลวงพ่อเหลือ เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองปทุมธานี ที่ชาวปทุมธานีนับถือเป็นอย่างมาก ที่อยู่ : วัดโบสถ์ ตำบลบางกระบือ อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี พิกัด : https://goo.gl/maps/J8HEnv3wf1jxHc5FA เวลา : 06.00-18.00 น. เว็บไซต์ : https://www.facebook.com/วัดโบสถ์  วัดปัญญานันทาราม จ. ปทุมธานี เป็นวัดที่หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ อดีตเจ้าอาวาสวัดชลประทานรังสฤษฏ์ เป็นผู้ก่อตั้งขึ้น ไฮไลท์ที่โดดเด่นของที่นี่ คือ เจดีย์พุทธคยาจำลองถอดแบบมาจากประเทศอินเดีย และภาพปริศนาธรรมแบบ 3 มิติ หนึ่งเดียวในโลกที่จัดแสดงอยู่ด้านล่างเจดีย์พุทธคยา โดยแต่ละภาพจะมีความหมายสอดแทรกด้วยคติ ธรรมสอนใจ ในเรื่องของอริยสัจ4 ด้วย นอกจากนี้ภายในพระเจดีย์ก็มีพระประธานให้กราบไหว้ด้วยเช่นกัน ที่อยู่: เลขที่ 1 หมู่ 10 ซอย วัดปัญญา คลองหก อำเภอคลองหลวง ปทุมธานี 12120 พิกัด : https://goo.gl/maps/voG3FVWVaZHb4ywX7 เว็บไซต์: https://www.facebook.com/watpanyanantaram/ เวลา : 08:00 –

7 วัดสวยใกล้กรุงเทพฯ อ่านเพิ่มเติม

เที่ยวแบบสายกรีนที่ปทุมธานี ตอนที่ 4

ท่องเที่ยวสไตล์ใหม่ ใส่ใจธรรมชาติ เรียนรู้การเกษตร อินเทรนด์กับร้านต้นไม้ เอนกายพักผ่อนโฮมสเตย์ริมคลอง ชิมของอร่อยที่ตลาดริมน้ำ อิ่มหนำกับเบเกอรี่และเครื่องดื่มที่คาเฟ่ดอกไม้ในสวน . หากขับรถมุ่งหน้าไปทางทิศเหนือของกรุงเทพมหานคร ราว 40 กว่ากิโลเมตร ใช้เวลาเพียงไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง ก็เข้าสู่ จังหวัดปทุมธานี หนึ่งในห้าจังหวัดปริมณฑลที่ตั้งอยู่ชิดติดขอบเมืองกรุง บนพื้นที่ราบลุ่มริมแม่น้ำเจ้าพระยา แม้ความศิวิไลซ์ได้หลั่งไหลเข้าสู่พื้นที่อย่างต่อเนื่อง จนทำให้ปทุมธานีกลายเป็นศูนย์กลางด้านการศึกษา วิจัย และพัฒนาทาง เทคโนโลยีและอุตสาหกรรม แต่ในขณะเดียวกันก็ยังคงอุดมสมบูรณ์ไปด้วยพื้นที่สีเขียว เรือกสวนไร่นาของชาวบ้านอันหนาแน่นไปด้วย พืชผักผลไม้นานาชนิด และวิถีชีวิตของชุมชนริมฝั่งคลองที่สัมผัสได้ถึงท่วงทำนองของการดำเนินชีวิตอันเรียบง่าย ฉายให้เห็นเสน่ห์ที่ซุกซ่อนอยู่ในจังหวัดเล็กๆ แห่งนี้ ซึ่งผสานความเป็นเมืองและความเป็นชนบทเอาไว้ได้อย่างสมดุล . สำหรับสายเที่ยวรุ่นใหม่ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ชื่นชอบธรรมชาติด้วยแล้ว เราเชื่อว่าปทุมธานีมีสิ่งดี ๆ ให้คุณแอบหลงรัก เราจึงอยากชวนคุณมาทำความรู้จักกับ 12 สถานที่ ดีต่อใจในจังหวัดปทุมธานี นอกจากจะได้ท่องเที่ยว อย่างสบายใจแล้ว ยังได้เก็บเกี่ยวความรู้มากมายระหว่างการเดินทางอีกด้วย จะเที่ยวแบบเช้าไปเย็นกลับ หรืออยู่พักสัก 2 วัน 1 คืน ให้ชื่นมื่นหัวใจ ได้อ้อยอิ่งใช้ชีวิต ใกล้ชิดกับธรรมชาติ ก็บอกได้เลยว่าเพลิดเพลินเกินคาดเลยทีเดียว Florista Café and Eatery จิบชาท่ามกลางมวลหมู่ดอกไม้ในสวนสวยสไตล์อังกฤษเอาใจสาวๆ ที่ชื่นชอบดอกไม้ หลงใหลการนั่งคาเฟ่ ด้วยบรรยากาศสวนที่รายล้อมไปด้วยดอกไม้นานาชนิด ตัวร้านตกแต่งสไตล์อังกฤษ ตัวอาคารสร้างด้วยอิฐสีขาวหลังคาสีเทา มีห้องเล็กบนหลังคาสีฟ้าหม่น หน้าต่างเป็นกระจกบาน ใหญ่อยู่รอบตัวร้าน ด้านหน้ามีสนามหญ้าที่ตกแต่งด้วยน้ำพุ จัดวางด้วยรูปปั้นเจ้าหญิงน้อยๆ ไว้คอยต้อนรับลูกค้า เมื่อเข้ามาภายในร้าน เพดานที่สูงโปร่งกับตัวร้านที่กว้างขวางทำให้รู้สึกโล่งสบาย มีดอกไม้ประดับประดาเรียงรายอยู่บนชั้นวางกลางโถงร้านเลยทีเดียว มุมสุดฮิตที่ใครมาก็ต้องถ่ายรูปคือ กำแพงขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยดอกไม้ประดิษฐ์สีชมพูหวานละมุนละไม ส่วนโซนด้านนอกที่เป็นแบบโอเพ่นแอร์ ก็ได้บรรยากาศไปอีกแบบเหมาะสำหรับคนที่ชอบนั่งรับลมชิลๆ ในสวนกับต้นไม้เขียวๆ มีน้ำตกและธารน้ำไหลเล็กๆ ให้รู้สึกเย็นสบาย Florista Café and Eatery เป็นทั้งคาเฟ่และร้านอาหาร ที่มีเมนูให้เลือกมากมายหลากหลายเชื้อชาติ ทั้งอาหารไทย อาหารฝรั่ง อาหารญี่ปุ่น สไตล์ฟิวชั่น น่าทานไปหมดทุกอย่างเลย ทางเรานั้นเลือกเป็นของทานเล่นอย่าง ชีสบอลมันม่วงชีสเยิ้มๆ กับมันม่วงเนื้อเนียนนุ่มละมุนละลายในปาก ตามมาด้วย ซีซาร์สลัด เฟตตูชินี่ขี้เมาทะเล รสชาติจัดจ้านกำลังดีมีปลาหมึก หอยแมลงภู่ กุ้งตัวใหญ่เบิ้ม ตบท้ายด้วยเมนูของหวานอย่าง เค้กช็อกโกแลตลาวา นมสดเรนโบว์สีพาสเทลหวานอร่อย และลาเวนเดอร์มะนาวโซดาเปรี้ยวซ่าตัดเลี่ยนได้ดีเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังมีเมนูอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นข้าวผัดฟลอริสต้า ผัดไทยกุ้งสดห่อไข่ สปาเก็ตตี้คาโบนาร่า พิซซ่า เบอร์เกอร์ไก่เทอริยากิ ปูอัดวาซาบิ เกี๊ยวซ่า ให้เลือกสั่งได้ตามสไตล์ที่ชอบ อิ่มท้องกันแล้ว ก็ออกมาเดินย่อยด้วยการถ่ายรูปกันหน่อย เดินลึกเข้าไปด้านหลังร้านยังมีโซนใหม่สไตล์บาหลี ที่ตกแต่งแบบป่าๆ มีดอกหญ้า กระโจมฟาง ต้นกระบองเพชร ทางเดินสะพานไม้ไผ่ ส่วนไฮไลท์ที่พลาดไม่ได้เลย คือ ชิงช้ารังนกบาหลี ที่นี่จัดมุมถ่ายรูปสวยๆ ไว้เยอะมากๆ ไม่ว่าจะสายแชะ สายกิน สายคาเฟ่ สายดอกไม้ ก็แวะมาเที่ยวได้ไม่ผิดหวังแน่นอน ที่ตั้ง: 63/1 หมู่ 1 ถ.รังสิต-นครนายก คลอง 7 ต.ลำผักกูด อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี 12110วัน-เวลา: เปิดทุกวัน 9.00 – 21.00 น.ค่าเข้าชม: อาหารราคาเริ่มต้นที่ 40 – 400 บาทโทร: 09-8879—3954เว็บไซต์: Florista Cafe And Eatery Prem Café in the garden ธรรมชาติช่วยเยียวยาร่างกายของมนุษย์ เพราะการมองสีเขียวจะช่วยให้เรารู้สึกผ่อนคลายหายเหนื่อย เปรมคาเฟ่ เป็นร้านที่ซ่อนตัวอยู่ในสวนป่า มีต้นไม้หลากหลายทั้งชนิดและสายพันธุ์ ด้วยความที่เจ้าของร้านเป็นนักออกแบบจัดสวนทำให้รักและเข้าใจในธรรมชาติของต้นไม้เป็นอย่างดี “เปรมคาเฟ่ อิน เดอะ การ์เด้น” แห่งนี้จึงมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวในแบบของตัวเอง ความโดดเด่นที่ไม่เหมือนใครคือสไตล์เท่ๆ ของการจัดสวนแบบ Tropical Mexican ใช้ไม้มีหนามและพืชโซนร้อน ไม่แปลกใจเลยทำไมเราเห็นเจ้าต้นกระบองเพชรเทรกตัวอยู่ทั่วไป โดยเฉพาะต้นใหญ่ๆ ที่อยู่หน้าประตูทางเข้ารวมไปถึงต้นกล้วยและเฟิร์นหลากหลายสายพันธุ์ บรรยากาศตัวร้านเป็นบ้านสีขาวหลังเล็กๆ ภายในใช้สีสันสดใสอย่างสีฟ้าสด ปูพื้นด้วยกระเบื้องลายขาวสลับเขียว ตกแต่งด้วยถ้วยชามรามไหสไตล์เม็กซิกัน ด้านหน้าบ้านประดับด้วยกระถางต้นไม้สีบานเย็นจัดจ้านวางบนกระเบื้องลายขาวน้ำเงิน สร้างลูกเล่นโดยการใช้สีที่ตัดกัน หากเดินลึกเข้าไปด้านในสุดของร้านเป็นโซนริมน้ำ มีชุดโต๊ะเก้าอี้รายล้อมอยู่ทั่วบริเวณ มีชิงช้าให้นั่งเล่นแกว่งไกว รับลมเย็นจากแม่น้ำ มีต้นไม้ใหญ่ครึ้มช่วยให้ร่มรื่นมากๆ มีฟาร์มสัตว์เลี้ยงให้ชมด้วย อย่างน้องหมู น้องเป็ด น้องไก่ เป็นต้น อ้อ! ระหว่างทางที่เดินเข้าไปก่อนถึงริมน้ำมีจุดถ่ายรูปที่ถือว่าเป็นไฮไลท์เลยก็คือ ซุ้มประตูไม้เก่าๆ สีขาวอย่าลืมแวะถ่ายรูปกันนะ ในส่วนของเมนูอาหารที่นี่จะเน้นเป็นอาหารจานเดียวอย่าง ผัดมักกะโรนี สปาเกตตี ข้าวผัดพริกแกง ข้าวกะเพรา ราดหน้า สุกี้ หรือหากเป็นกับข้าวก็จะเป็นอาหารง่ายๆ อย่าง ต้มจืดเต้าหู้หมูสับ ผัดผักรวม ต้มยำน้ำข้นและน้ำใส เป็นต้น ส่วนเมนูขึ้นชื่อ คือ เสต็กที่อัดแน่นไปด้วยเครื่องเคียงทั้งผักและผลไม้ตามสไตล์เปรมคาเฟ่ ส่วนเครื่องดื่มมีทั้งชาไทย ชาเขียว ชาผลไม้ กาแฟ ช็อกโกแลต อิตาเลี่ยนโซดา น้ำผลไม้ปั่น และเบเกอร์รี่อย่าง เค้กมะพร้าว เค้กชาเขียว บลูเบอร์รี่ชีสเค้ก และอีกมากมายให้เลือกทาน ที่ตั้ง: 51/1 ม.6 ซ.วัดเสด็จ ต.สวนพริกไทย อ.เมืองปทุมธานี จ.ปทุมธานี 12000วัน-เวลา: วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 8.30 – 18.00 น. วันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขุตฤกษ์ เวลา 8.00 – 18.00 น.ค่าเข้าชม: อาหารราคาเริ่มต้นที่ 50 – 300 บาทโทร: 08-4563-9292, 09-4563-9924เว็บไซต์: www.facebook.com/Prem-Cafe-In-the-Garden

เที่ยวแบบสายกรีนที่ปทุมธานี ตอนที่ 4 อ่านเพิ่มเติม

เที่ยวแบบสายกรีนที่ปทุมธานี ตอนที่ 3

ท่องเที่ยวสไตล์ใหม่ ใส่ใจธรรมชาติ เรียนรู้การเกษตร อินเทรนด์กับร้านต้นไม้ เอนกายพักผ่อนโฮมสเตย์ริมคลอง ชิมของอร่อยที่ตลาดริมน้ำ อิ่มหนำกับเบเกอรี่และเครื่องดื่มที่คาเฟ่ดอกไม้ในสวน หากขับรถมุ่งหน้าไปทางทิศเหนือของกรุงเทพมหานคร ราว 40 กว่ากิโลเมตร ใช้เวลาเพียงไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง ก็เข้าสู่ จังหวัดปทุมธานี หนึ่งในห้าจังหวัดปริมณฑลที่ตั้งอยู่ชิดติดขอบเมืองกรุง บนพื้นที่ราบลุ่มริมแม่น้ำเจ้าพระยา แม้ความศิวิไลซ์ได้หลั่งไหลเข้าสู่พื้นที่อย่างต่อเนื่อง จนทำให้ปทุมธานีกลายเป็นศูนย์กลางด้านการศึกษา วิจัย และพัฒนาทาง เทคโนโลยีและอุตสาหกรรม แต่ในขณะเดียวกันก็ยังคงอุดมสมบูรณ์ไปด้วยพื้นที่สีเขียว เรือกสวนไร่นาของชาวบ้านอันหนาแน่นไปด้วย พืชผักผลไม้นานาชนิด และวิถีชีวิตของชุมชนริมฝั่งคลอง ที่สัมผัสได้ถึงท่วงทำนองของการดำเนินชีวิตอันเรียบง่าย ฉายให้เห็นเสน่ห์ที่ซุกซ่อนอยู่ในจังหวัดเล็กๆ แห่งนี้ ซึ่งผสานความเป็นเมืองและความเป็นชนบทเอาไว้ได้อย่างสมดุล สำหรับสายเที่ยวรุ่นใหม่ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ชื่นชอบธรรมชาติด้วยแล้ว เราเชื่อว่าปทุมธานีมีสิ่งดี ๆ ให้คุณแอบหลงรัก เราจึงอยากชวนคุณมาทำความรู้จักกับ 12 สถานที่ ดีต่อใจในจังหวัดปทุมธานี นอกจากจะได้ท่องเที่ยว อย่างสบายใจแล้ว ยังได้เก็บเกี่ยวความรู้มากมายระหว่างการเดินทางอีกด้วย จะเที่ยวแบบเช้าไปเย็นกลับ หรืออยู่พักสัก 2 วัน 1 คืน ให้ชื่นมื่นหัวใจ ได้อ้อยอิ่งใช้ชีวิต ใกล้ชิดกับธรรมชาติ ก็บอกได้เลยว่าเพลิดเพลินเกินคาดเลยทีเดียว หมู่บ้านไม้ดอกไม้ประดับคลอง 15 เพลิดเพลินเดินจับจ่าย ต้นไม้ดอกไม้ไว้ตกแต่งบ้านเรียกว่าเป็นอาณาจักรของคนรักต้นไม้เลยก็ว่าได้ สำหรับเส้นทางสายดอกไม้ระยะทางยาวกว่า 8 กิโลเมตร ภายใน หมู่บ้านไม้ดอกไม้ประดับคลอง15 ตั้งอยู่บนถนนรังสิต-นครนายก ไปทางอำเภอธัญบุรี เขตติดต่อปทุมธานีและนครนายก ด้วยเนื้อที่ทั้งหมดกว่า 900 ไร่ สองฝั่งถนนที่มุ่งตรงเข้าไปเรียงรายไปด้วยร้านรวงที่จำหน่ายพันธุ์ไม้นานาชนิด ทั้งไม้ดอก ไม้ประดับ พืชสวนครัว สมุนไพรไทย บอนไซ ไม้ถัก ไม้ล้อม ไม้หอม ไม้มงคล ฯลฯ ทั้งขนาดเล็ก ขนาดใหญ่ ของครอบครัวชาวเกษตรกรกว่า 500 ครัวเรือน ให้คุณเดินเลือกอย่างจุใจ ซึ่งนับได้ว่าเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยเลยทีเดียว ส่วนคนชอบจัดสวนหรือตกแต่งบ้าน ที่นี่ก็มีร้านจำหน่ายอุปกรณ์ต่างๆ อาทิ ตุ๊กตาปูนปั้น ตุ๊กตาไม้แกะสลัก โต๊ะเก้าอี้ตั้งในสวน กระถาง ตะกร้า โมบาย รั้วระแนง ไปจนถึงน้ำตกและน้ำพุ เรียกได้ว่าครบจบในที่เดียว ก็ได้สวนสวยๆ มาไว้ที่บ้านเลย ที่ตั้ง: คลอง 15 ถ.รังสิต-นครนายก ต.บางปลากด อ.องค์รักษ์ จ.นครนายกวัน-เวลา: เปิดทุกวัน 8.00 – 18.00 น.ค่าเข้าชม: ไม่เสียค่าเข้าชมโทร: 037-312-282, 037-312-284เว็บไซต์: https://flowermarketk15.makewebeasy.com ตลาดอิงน้ำสามโคก เดินเล่นชมวิถีชุมชนริมน้ำ ชิมของอร่อย ช้อปของฝากอะไรก็ตามที่มีความเก่า เรามักจะเห็นเสน่ห์ซุกซ่อนอยู่ ดังเช่นภาพบ้านไม้เรียงตัวเป็นแถวยาวริมแม่น้ำ คือ ชุมชนตลาดเก่าบางเตย ที่ยังคงคุ้นเคยกับการใช้ชีวิตอันเรียบง่ายเคียงคู่ไปกับสายน้ำ เพียงแค่เดินเข้าไปก็สัมผัสได้ถึงเสน่ห์ของวิถีชุมชนและผู้คนที่อาศัยอยู่ในตลาดเล็กๆ แห่งนี้ ร้านรวงต่างๆ ในตลาดอิงน้ำสามโคกส่วนใหญ่จะเปิดขายจากหน้าบ้านของตัวเอง มีทั้งของคาว ของหวาน ของกินเล่น อาทิ ผัดไทย หอยทอด ข้าวซอย ขนมตาล ขนมครก ขนมเบื้อง ทองม้วนสดไปจนถึงของกินที่หาทานได้ยาก อย่างเช่น ขนมจีนซาวน้ำ ข้าวแช่ หมี่กรอบโบราณสามรส ส่วนของกินแปลกใหม่น่าลองก็มี ก๋วยเตี๋ยวเรือกะลา ก๋วยเตี๋ยวปากหม้อ ข้าวหลามในลูกมะพร้าวอ่อน เป็นต้น เราเดินไปแวะชิมไปเรื่อยๆ ตามร้านค้าที่ตั้งอยู่ริมคลอง พ่อค้าแม่ค้ายิ้มแย้มแจ่มใสพูดคุยทักทายกันตลอดทาง พอข้ามสะพานมาอีกฝั่งคลองก็จะเจอคาเฟ่เล็กๆ แนวเรโทรย้อนยุค บรรยากาศสบายๆ น่าจะถูกใจคอกาแฟ มีร้านขายขนมไทยๆ ให้ลองลิ้มชิมรสอีกหลายอย่างมีร้านขายของเล่นเก่าๆ ขนมขบเคี้ยว ขนมกินเล่น สมัยเมื่อเรายังเป็นเด็ก ที่เดี๋ยวนี้แทบจะไม่มีให้เห็นตามร้านทั่วไปแล้วและนอกจากของกินอร่อยๆ ยังมีข้าวของเครื่องใช้ จานชามหม้อไห ปิ่นโตน่ารักๆ สไตล์วินเทจ ให้เลือกซื้อติดมือกลับบ้าน อีกด้วย ที่ตั้ง: ตั้งอยู่ใกล้กับวัดบางเตยนอก ซ.เทศบาล 2 หมู่ 9 ต.บางเตย อ.สามโคก จ.ปทุมธานี 12160วัน-เวลา: วันเสาร์-วันอาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ 7.00 – 16.00 น.ค่าเข้าชม: ไม่เสียค่าเข้าชมโทร: 09-4149-2265เว็บไซต์: www.facebook.com/BangtoeiOldMarketOfficial กระท่อมลุงจรณ์ สวรรค์ของคนรักกระบองเพชร ไม่ว่าจะเป็นสายกรีนมือใหม่ หรือรุ่นใหญ่นักสะสม เป็นต้องรื่นรมย์เมื่อได้มาชมเหล่ากระบองเพชรหลากหลายสายพันธุ์ที่เปรียบได้ดั่งสวรรค์ของคนรักกระบองเพชรจริงๆ จากความหลงใหลในเสน่ห์ของแคคตัส จนกลายมาเป็นจุดเริ่มต้นของการสะสมเรื่อยมา ทั้งหาซื้อเองบ้าง เพาะพันธุ์เองบ้าง จนถึงวันนี้กว่า 40 ปีแล้วทำให้กระท่อมลุงจรณ์หนาแน่นไปด้วยแคคตัสกว่า 2,000 สายพันธุ์ ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศก็มี เพาะพันธุ์ขึ้นมาใหม่เลยก็มี สนนราคาอยู่ที่หลักสิบไปจนถึงหลักแสนเลยทีเดียว โรงเรือนขนาดใหญ่แบบเปิดกว้างเรียงรายไปด้วยกระบองเพชร รูปทรงต่างๆ ขนาดเล็ก ขนาดใหญ่ มีดอก มีหนาม สีสันสดใส แตกต่างกันไปให้เหล่าสาวกเข้ามาเดินเลือกซื้อได้ตามชอบใจ ไม่ว่าจะเป็น ยิมโน แอสโตไฟตัม แมมมิลลาเลีย อากาเว่ ยูโฟเบีย ไปจนถึง หูกระต่าย ช้าง ดาวล้อมเดือน เป็นต้น พอเลือกเสร็จสรรพก็จัดใส่ถาดแล้วเอาไปให้เจ้าหน้าที่ เขาจะติดราคาให้ทราบตอนชำระเงิน ถ้าราคาแรงหรือแพงเกินรับไหว เลือกที่จะไม่รับก็ได้ไม่ว่ากัน นอกจากในโรงเรือนที่เปิดให้เข้าชมได้ทั่วไปแล้ว ยังมีในส่วนของห้องเรือนกระจกที่มีความพิเศษกว่า แต่ต้องโทร นัดล่วงหน้าถึงจะเข้าไปชมได้ ในระหว่างที่เราเดินดูไปด้วยถ่ายรูปไปด้วย ก็มีผู้คนแวะเวียนเข้ามาที่กระท่อมลุงจรณ์แห่งนี้ไม่ขาดสายเลย ทำให้เห็นว่าทุกวันนี้มีคนสนใจแคคตัสมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยความที่แคคตัสมีเสน่ห์ในตัวของมัน แต่ละสายพันธุ์ ก็ดูแลไม่เหมือนกัน เลี้ยงไม่ยากแต่ก็ไม่ง่าย จึงกลายเป็นความสนุกและความท้าทายของคนเลี้ยง ที่ตั้ง: 81/6 ม.2 ซ.วัดสิงห์ ต.สามโคก อ.สามโคก จ.ปทุมธานี 12160วัน-เวลา: ร้านหยุดทุกวันพุธ 8.00 – 17.00 น. (ควรโทรนัดล่วงหน้า)ค่าเข้าชม: ไม่เสียค่าเข้าชมโทร: 08-68525-6874เว็บไซต์: www.uncle-chorn.com 

เที่ยวแบบสายกรีนที่ปทุมธานี ตอนที่ 3 อ่านเพิ่มเติม

เที่ยวแบบสายกรีนที่ปทุมธานี ตอนที่ 2

ท่องเที่ยวสไตล์ใหม่ ใส่ใจธรรมชาติ เรียนรู้การเกษตร อินเทรนด์กับร้านต้นไม้ เอนกายพักผ่อนโฮมสเตย์ริมคลอง ชิมของอร่อยที่ตลาดริมน้ำ อิ่มหนำกับเบเกอรี่และเครื่องดื่มที่คาเฟ่ดอกไม้ในสวน หากขับรถมุ่งหน้าไปทางทิศเหนือของกรุงเทพมหานคร ราว 40 กว่ากิโลเมตร ใช้เวลาเพียงไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง ก็เข้าสู่ จังหวัดปทุมธานี หนึ่งในห้าจังหวัดปริมณฑลที่ตั้งอยู่ชิดติดขอบเมืองกรุง บนพื้นที่ราบลุ่มริมแม่น้ำเจ้าพระยา แม้ความศิวิไลซ์ได้หลั่งไหลเข้าสู่พื้นที่อย่างต่อเนื่อง จนทำให้ปทุมธานีกลายเป็นศูนย์กลางด้านการศึกษา วิจัย และพัฒนาทาง เทคโนโลยีและอุตสาหกรรม แต่ในขณะเดียวกันก็ยังคงอุดมสมบูรณ์ไปด้วยพื้นที่สีเขียว เรือกสวนไร่นาของชาวบ้านอันหนาแน่นไปด้วย พืชผักผลไม้นานาชนิด และวิถีชีวิตของชุมชนริมฝั่งคลอง ที่สัมผัสได้ถึงท่วงทำนองของการดำเนินชีวิตอันเรียบง่าย ฉายให้เห็นเสน่ห์ที่ซุกซ่อนอยู่ในจังหวัดเล็กๆ แห่งนี้ ซึ่งผสานความเป็นเมืองและความเป็นชนบทเอาไว้ได้อย่างสมดุล สำหรับสายเที่ยวรุ่นใหม่ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ชื่นชอบธรรมชาติด้วยแล้ว เราเชื่อว่าปทุมธานีมีสิ่งดี ๆ ให้คุณแอบหลงรัก เราจึงอยากชวนคุณมาทำความรู้จักกับ 12 สถานที่ ดีต่อใจในจังหวัดปทุมธานี นอกจากจะได้ท่องเที่ยว อย่างสบายใจแล้ว ยังได้เก็บเกี่ยวความรู้มากมายระหว่างการเดินทางอีกด้วย จะเที่ยวแบบเช้าไปเย็นกลับ หรืออยู่พักสัก 2 วัน 1 คืน ให้ชื่นมื่นหัวใจ ได้อ้อยอิ่งใช้ชีวิต ใกล้ชิดกับธรรมชาติ ก็บอกได้เลยว่าเพลิดเพลินเกินคาดเลยทีเดียว ฟาร์มลุงแดง เมลอน & ผักสลัด เที่ยว ชม ชิม เมลอนและผักสดจากฟาร์ม แหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรอินทรีย์ จากความที่เป็นคนชอบกินเมลอน แต่สมัยก่อนนั้นหาซื้อยากและมีราคาค่อนข้างแพง จึงทำให้ลุงแดง เกษตรกรเจ้าของฟาร์มลุงแดง เมลอน & ผักสลัดแห่งนี้ ริเริ่มที่จะปลูกเมลอนเอง โดยค่อยๆ ศึกษาหาความรู้ด้วยตนเอง ล้มลุกคลุกคลานลองผิดลองถูก และพัฒนามาเรื่อยๆ จนประสบความสำเร็จได้อย่างเช่นทุกวันนี้ จากเนื้อที่ทั้งหมด 8 ไร่ ครึ่งหนึ่งถูกขุดเป็นบ่อลึกเพื่อเก็บกักน้ำไว้ใช้เอง เพราะการใช้น้ำจากภายนอกหรือจากคลองชลประทาน อาจมีสารปนเปื้อนเข้ามาทำให้พืชผักเสียหายได้ ด้วยความที่เป็นเกษตรอินทรีย์จึงต้องให้ความสำคัญเรื่องสารพิษตกค้าง หรือสารเคมีปนเปื้อนเป็นพิเศษ ดังนั้น เราจึงมั่นใจได้ว่า ผัก ผลไม้ ของที่นี่สะอาด ปลอดภัย ไร้สารพิษ ปัจจุบันฟาร์มลุงแดงมีโรงเรือนปลูกเมลอน 10 หลัง ผักสลัด 2 หลัง มะเขือเทศ 1 หลัง และมัลเบอร์รี่ที่ปลูกไว้เป็นรั้วล้อมรอบอยู่ด้านนอก ทั้งหมดนี้สามารถเข้ามาเยี่ยมชม เก็บพืชผัก ผลไม้ได้เอง รวมไปถึงฟาร์มไก่ ก็มาเก็บไข่ไก่สดๆ ได้ด้วย มาถึงฟาร์มทั้งทีต้องมีการพิสูจน์ความสดใหม่ของวัตถุดิบจากในฟาร์ม ด้วยการรับประทานอาหารอร่อยๆ ที่คาเฟ่ มีเมนูให้เลือกมากมาย ทั้งอาหารคาว อาหารหวาน และเครื่องดื่ม เราสั่งสลัดกุ้งทอดที่มีผักสลัดอย่างกรีนโอ๊ค เรดโอ๊ค เก็บสดๆ มาจากโรงเรือน กรอบอร่อยเข้ากันได้ดีกับน้ำสลัดและกุ้งทอด ตามมาด้วยส้มตำผลไม้ที่มีพระเอกเป็นเมลอนสีทอง เนื้อสีส้ม ฟูกรอบ หวานฉ่ำ ตัดรสด้วยน้ำส้มตำเปรี้ยวๆ เผ็ดๆ บอกเลยว่าฟินกินแล้วเพลินมากๆ ส่วนของหวานนั้นเราเลือกเป็นเมลอนฮันนี่โทสต์ ขนมปังอุ่นๆ กรอบนอกนุ่มใน อบอวลด้วยกลิ่นเนย ทอปด้วยไอศกรีมวนิลา เสิร์ฟมาพร้อมกับเนื้อเมลอนลูกกลมๆ เพิ่มน้ำผึ้งมาให้สำหรับคนชอบหวาน อร่อยแบบไม่รู้จะอธิบายยังไง เอาเป็นว่ากินหมดตอนไหนไม่รู้ตัวเลยแหละ ปิดท้ายด้วยเครื่องดื่มที่พลาดไม่ได้อีกเช่นกัน เมลอนสดปั่น หวานหอมชื่นใจสุดๆ หลังจากอิ่มท้องแล้วก็ยังมีกิจกรรมอื่นๆ ให้ทำอีกเยอะเลย ไม่ว่าจะเป็น เล่นจักรยานปั่นน้ำ พายเรือไทย ให้อาหารน้องไก่อ้วนและไก่ญี่ปุ่นเล่นชิงช้าสูงที่ต้นไม้ใหญ่ท้ายฟาร์ม พร้อมถ่ายรูปวิวนา อย่าลืมหอบหิ้วเมลอนสดๆ กลับบ้านสักลูกสองลูก ที่ตั้ง: 26/4 หมู่ 7 ซ.เฉลิมพระเกียรติ 2 ต.คลองเจ็ด อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี 12120วัน-เวลา: วันพุธ-วันอาทิตย์ (หยุดวันจันทร์และวันอังคาร) 9.00 – 18.30 น.ค่าเข้าชม: ไม่เสียค่าเข้าชมโทร: 08-1989-5906เว็บไซต์: ฟาร์มลุงแดง Melon Farm & Cafe ปทุมธานี วัดปัญญานันทาราม ชมเจดีย์พุทธคยาจำลองจากอินเดีย สถาปัตยกรรมแห่งธรรม ความโดดเด่นที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางพื้นที่อันกว้างใหญ่ คือ เจดีย์พุทธคยาสีเทาอันสง่างาม ที่จำลองแบบมาจากประเทศอินเดีย เพียงแค่เห็นก็สะดุดใจในความสวยงาม แปลกตา ด้านหน้ามีบ่อน้ำสี่เหลี่ยมตั้งอยู่ตรงกลาง สองข้าง ทางเดินเป็นต้นไม่ใหญ่ มีบันไดทางขึ้นไปยังเจดีย์ด้านบน ก่อนจะเข้าสู่องค์เจดีย์มีรูปหล่อของหลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ อดีตเจ้าอาวาสวัดชลประทานรังสฤษฏ์ ผู้ก่อตั้งวัดปัญญานันทารามแห่งนี้ ประดิษฐานอยู่ด้านหน้าให้ประชาชนที่แวะเวียนมาได้กราบไหว้ ส่วนด้านในก็มีพระประทานองค์ใหญ่ให้เข้าไปกราบไหว้ด้วยเช่นกัน อีกหนึ่งไฮไลท์ของที่นี่ คือ ภาพปริศนาธรรม 3 มิติ จัดแสดงอยู่ด้านล่างเจดีย์พุทธคยา ซึ่งเรียกว่า ชั้นพุทธบารมี โดยแต่ละภาพต่างก็มีความหมายที่แฝงไปด้วยคติธรรมสอนใจในเรื่องของอริยสัจ 4 มีทั้งหมด 29 ภาพ ซึ่งถือได้ว่าเป็นการช่วยให้เกิดความเพลิดเพลิน สนุกสนานในการศึกษาหลักธรรมคำสอนนั่นเอง ความพิเศษของวัดแห่งนี้ที่เราสังเกตเห็นอีกอย่าง ก็คือ อุโบสถของวัดที่ไม่มีรูปลักษณ์ความเป็นอุโบสถอย่างวัดทั่วไปไม่มีช่อฟ้าใบระกา รวมถึงไม่มีการปิดทององค์พระ หรือฝังลูกนิมิต แต่สร้างอุโบสถขึ้นในรูปแบบของตัวอาคารที่มุ่งเน้นไปทางพุทธสถาปัตย์ ซึ่งออกแบบโดยสถาปนิกมืออาชีพ ผศ.ประชา แสงสายัณห์ อาจารย์ประจำคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ดีไซน์รูปแบบอาคารอุโบสถให้เรียบง่าย ภายใต้กรอบแนวทาง 3 ป. ของพระปัญญานันทมุนี เจ้าอาวาส คือ “ประหยัด ประโยชน์ และประยุกต์เข้ากับยุคสมัย” นอกจากนี้ ที่นี่ยังโด่งดังในเรื่องของการปฏิบัติธรรม โดยมีกิจกรรมให้พุทธศาสนิกชนได้เข้าร่วม อย่างเช่น การบวชเนกขัมมะ ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ หรือวันสำคัญทางศาสนา.ที่ตั้ง: 1 หมู่ 10 ต.คลองหก อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี 12120วัน-เวลา: วันจันทร์-วันอาทิตย์ 8.00 – 16.00 น.ค่าเข้าชม: ไม่เสียค่าเข้าชมโทร: 0-2904-6107 , 08-6461-8353เว็บไซต์: www.watpanya.org บ้านตานิด : Baan Ta Nid River Lodge’n Art Camp ลิ้มรสอาหารไทยโบราณ

เที่ยวแบบสายกรีนที่ปทุมธานี ตอนที่ 2 อ่านเพิ่มเติม

เที่ยวแบบสายกรีนที่ปทุมธานี ตอนที่ 1

เที่ยวแบบสายกรีนที่ปทุมธานี ท่องเที่ยวสไตล์ใหม่ ใส่ใจธรรมชาติ เรียนรู้การเกษตร อินเทรนด์กับร้านต้นไม้ เอนกายพักผ่อนโฮมสเตย์ริมคลอง ชิมของอร่อยที่ตลาดริมน้ำ อิ่มหนำกับเบเกอรี่และเครื่องดื่มที่คาเฟ่ดอกไม้ในสวน หากขับรถมุ่งหน้าไปทางทิศเหนือของกรุงเทพมหานคร ราว 40 กว่ากิโลเมตร ใช้เวลาเพียงไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง ก็เข้าสู่ จังหวัดปทุมธานี หนึ่งในห้าจังหวัดปริมณฑลที่ตั้งอยู่ชิดติดขอบเมืองกรุง บนพื้นที่ราบลุ่มริมแม่น้ำเจ้าพระยา แม้ความศิวิไลซ์ได้หลั่งไหลเข้าสู่พื้นที่อย่างต่อเนื่อง จนทำให้ปทุมธานีกลายเป็นศูนย์กลางด้านการศึกษา วิจัย และพัฒนาทาง เทคโนโลยีและอุตสาหกรรม แต่ในขณะเดียวกันก็ยังคงอุดมสมบูรณ์ไปด้วยพื้นที่สีเขียว เรือกสวนไร่นาของชาวบ้านอันหนาแน่นไปด้วย พืชผักผลไม้นานาชนิด และวิถีชีวิตของชุมชนริมฝั่งคลอง ที่สัมผัสได้ถึงท่วงทำนองของการดำเนินชีวิตอันเรียบง่าย ฉายให้เห็นเสน่ห์ที่ซุกซ่อนอยู่ในจังหวัดเล็กๆ แห่งนี้ ซึ่งผสานความเป็นเมืองและความเป็นชนบทเอาไว้ได้อย่างสมดุล สำหรับสายเที่ยวรุ่นใหม่ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ชื่นชอบธรรมชาติด้วยแล้ว เราเชื่อว่าปทุมธานีมีสิ่งดี ๆ ให้คุณแอบหลงรัก เราจึงอยากชวนคุณมาทำความรู้จักกับ 12 สถานที่ ดีต่อใจในจังหวัดปทุมธานี นอกจากจะได้ท่องเที่ยว อย่างสบายใจแล้ว ยังได้เก็บเกี่ยวความรู้มากมายระหว่างการเดินทางอีกด้วย จะเที่ยวแบบเช้าไปเย็นกลับ หรืออยู่พักสัก 2 วัน 1 คืน ให้ชื่นมื่นหัวใจ ได้อ้อยอิ่งใช้ชีวิต ใกล้ชิดกับธรรมชาติ ก็บอกได้เลยว่าเพลิดเพลินเกินคาดเลยทีเดียว ชวนคุณหวนคืนสู่ธรรมชาติ ในบรรยากาศเหมือนกลับบ้าน สัมผัสความสุขที่หาไม่ได้ในเมืองกรุง ณ บ้านพันไม้ คาเฟ่ แอนด์ ฟาร์ม ริมคลองบางเตย ในอำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี ที่สามารถแวะเวียนมาเยี่ยมชมได้เฉพาะวันหยุดเท่านั้นด้วยคอนเซปต์ของที่นี่คือ “บ้าน” ซึ่งอาศัยอยู่จริง ในวันจันทร์ถึงวันศุกร์จึงเป็นที่พักของครอบครัว แต่จะเปิดต้อนรับแขกเพียง 2 วัน คือ เสาร์และอาทิตย์ ตามแนวคิดของคุณโก้เจ้าของร้าน ที่ตั้งใจอยากจะทำบ้านให้มีรายได้ สามารถหาเงินเลี้ยงตัวมันเองได้ แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องทำให้เป็นธุรกิจที่มีความสุข อยู่บ้านแล้วก็มีความสุข ได้ใช้ชีวิตใกล้ชิดกับธรรมชาติจึงเกิดเป็น “บ้าน1000ไม้ Café and Farm” แห่งนี้ บนเนื้อที่ทั้งหมดกว่า 3 ไร่ ภายในบ้าน ถูกจัดสรรปันส่วนให้เป็นบ่อน้ำ 30 % นาข้าว 30% ทำเกษตรแบบผสมผสาน เช่น การปลูกไม้ผล ปลูกผัก เลี้ยงสัตว์ 30 % และอีก 10% คือบ้านอยู่อาศัย ดังนั้น ในวันหยุดที่บ้านหลังนี้เปิดต้อนรับแขก ที่มาเยือน ก็เสมือนได้มาเรียนรู้การเกษตร ตามรอยในหลวงรัชกาลที่ 9 ซึ่งคุณโก้ ได้น้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และเกษตรทฤษฎีใหม่มาปรับใช้ในชีวิตจริง สำหรับเด็กๆ แล้วที่นี่น่าจะเป็นอาณาจักรแห่งความสุข เพราะมีกิจกรรมให้ทำมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ระบายสี พายเรือ ทำเสื้อมัดย้อม เล่นทราย เก็บไข่เป็ดไข่ไก่ ทำไข่เค็ม ดำนา ทำสวน ปลูกผักไฮโดร โปนิกส์ ฯลฯ เรียกได้ว่า เป็นการเปิดโลกแห่งจินตนาการและเรียนรู้ผ่านวิถีธรรมชาติ ที่สามารถมาเที่ยวได้ทั้งเด็ก ทั้งผู้ใหญ่ หรือมาแบบทั้งครอบครัว ด้วยความร่มรื่นของต้นไม้ใหญ่ ภายใต้ร่มเงาของต้นจามจุรียักษ์ ก็มีคาเฟ่ให้นั่งพักจิบกาแฟ และเครื่องดื่มเย็นๆ ทานอาหารอร่อยๆ ที่ใช้วัตถุดิบจากในฟาร์ม ชิมขนมโบราณอย่างบ้าบิ่น หรือจะนั่งอ่านหนังสือรับลมเย็นๆ บนบ้านต้นไม้ก็ได้ ที่ศาลาริมแม่น้ำก็ดี ระหว่างรอเด็กๆ ทำกิจกรรมก็ชิลๆ กันได้ทั้งวันเลยทีเดียว.ที่ตั้ง: 48/8 ม. 6 ต.บางเตย อ.สามโคก จ.ปทุมธานี 12160วัน-เวลา: วันเสาร์-วันอาทิตย์ (และวันหยุดต่อเนื่อง) 10.00 – 17.00 น.ค่าเข้าชม : ไม่เสียค่าเข้าชมโทร. 091 998 2466เว็บไซต์: www.facebook.com/บ้าน๑,๐๐๐ไม้cafe’&farm  Wisdom Farm: จิบกาแฟท่ามกลางบรรยากาศแปลงนาอินทรีย์ สัมผัสเสน่ห์แห่งวิถีชีวิตเกษตร เราเดินเลี้ยวลดไปบนสะพานไม้ไผ่ที่คดเคี้ยวทอดตัวยาวไปตามแปลงนาสีเขียวสด สองฝั่งทางเดินเป็นสระบัวและแปลงนาสาธิตเกษตรทฤษฎีใหม่ พื้นที่แห่งนี้เป็นอีกหนึ่งโซนเปิดใหม่ ตั้งอยู่ในพิพิธภัณฑ์การเกษตรเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนี่เอง ชื่อว่าโซน Wisdom Farm แหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรภายใต้คอนเซปต์ สืบสาน รักษา ต่อยอด ศาสตร์ของพระราชาปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โดยแบ่งออกเป็นฐานการเรียนรู้สัตว์ในวิถีเกษตร หากเดินไปจนสุดสะพานไม้จะพบกับลานชมสัตว์ที่สามารถให้อาหารเหล่าน้องวัว น้องควาย น้องแพะ น้องหมูแคระได้ด้วย หลังจากนั้น เราแวะชมแปลงเกษตรการปลูกพืชแบบผสมผสานที่อยู่ไม่ไกลกัน ถัดไปอีกนิดเป็นโซนเรือนไทย 4 ภาค ที่จำลองวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้าน ทั้งภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคอีสาน และภาคใต้ สัมผัสเสน่ห์ของวิถีเกษตรไทย ที่สะท้อนความเชื่อ วิถีชีวิต และประเพณี โดยจะมีกิจกรรม work shop ของแต่ละภาคให้เราทำด้วย นอกจากนี้ ยังมีโซนบ้านดิน บ้านฟางที่จำลองการสร้างที่พักอาศัยตามวิถีชีวิตของเกษตรกรที่อยู่อย่างเรียบง่ายใกล้ชิดกับธรรมชาติ แล้วยังสามารถเข้าไปชมเรือขุดคลองสมัยรัชกาลที่ 5 ตื่นตา ตื่นใจกับเครื่องบินที่ใช้ทำฝนหลวงได้อีกด้วย อีกหนึ่งความพิเศษที่เป็นไฮไลท์ของโซนนี้เลย ก็คือ Wisdom Café ร้านกาแฟเกษตรอินทรีย์ริมทุ่งนา ที่เราอยากชวน คุณมานั่งพักจิบกาแฟคุณภาพดี หรือเครื่องดื่มเย็นๆ ให้ผ่อนคลาย ถ่ายรูปสวยๆ ท่ามกลางบรรยากาศแปลงนาอินทรีย์ เมนูแนะนำของที่นี่ คือ น้ำส้มคั้นสดใหม่ ดื่มแล้วชื่นใจ ไร้สารพิษ ดีต่อสุขภาพ เราแอบเห็นหนึ่งเมนูที่ใครมาก็ต้องสั่ง ชาเขียวโกโก้หน้าตาน่ากิน ฟินแบบทูอินวันในแก้วเดียว ในส่วนของตัวร้านสร้างด้วยโครงไม้ไผ่ขนาดเล็กแบบโอเพ่นแอร์ มีระเบียงไม้ยื่นออกมาสำหรับเป็นที่นั่งชมวิว หรือจะนั่งข้างนอกร้านก็มีแคร่ไม้ไผ่ ได้ฟีลกลิ่นอายริมทุ่งนาจริงๆ สำหรับ ใครที่ชอบแบบตื่นเต้นนิดๆ ก็มีเปลตาข่ายที่ยื่นออกไปในสระบัว สามารถลงไปนั่ง ไปนอน ถ่ายรูปเก๋ ๆ ลงโซเชียลอวด เพื่อนๆ ก็ดีต่อใจไม่แพ้กัน ที่ตั้ง: หมู่ที่ 13 ถ.พหลโยธิน ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี 12120วัน-เวลา: วันอังคาร-วันอาทิตย์ (ปิดทุกวันจันทร์และวันหยุดนักขัตฤกษ์) 9.00 –

เที่ยวแบบสายกรีนที่ปทุมธานี ตอนที่ 1 อ่านเพิ่มเติม

เส้นทางท่องเที่ยวตามรอยแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ : นนทบุรี และปทุมธานี

พระราชพิธีบรมราชาภิเษกที่จะจัดขึ้นในเดือนหน้า จำเป็นต้องใช้น้ำจากแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ทั่วประเทศไทย เพื่อนำมาทำน้ำอภิเษกประกอบในพระราชพิธี  วันนี้แอดจะพาไปดูว่าเส้นทางนนทบุรี และปทุมธานี มีแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่ไหนบ้าง จากนั้นก็ถือโอกาสแวะเที่ยวสถานที่ใกล้ๆ ไปด้วยเลย แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ : น้ำกลางแม่น้ำเจ้าพระยา เบื้องหน้าพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว วัดเฉลิมพระเกียรติวรวิหาร สถานที่ประกอบพิธีเสกน้ำ : พระอุโบสถวัดเฉลิมพระเกียรติวรวิหาร อ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ : แม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณหน้าวัดศาลเจ้า อ.เมืองปทุมธานี จ.ปทุมธานี สถานที่ประกอบพิธีเสกน้ำ : พระอุโบสถวัดเขียนเขตพระอารามหลวง อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี สถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง จังหวัดนนทบุรี– อุทยานเฉลิมกาญจนาภิเษก (ติดกับวัดเฉลิมพระเกียรติ) – เกาะเกร็ด จังหวัดปทุมธานี– ตลาดริมน้ำวัดศาลเจ้า

เส้นทางท่องเที่ยวตามรอยแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ : นนทบุรี และปทุมธานี อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top