นครสวรรค์

นครสวรรค์

รวมพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ ชวนเที่ยวหลบร้อน

วันนี้บัดดี้จะพาเพื่อน ๆ หนีความร้อนมาชมความงามของโลกใต้น้ำ โดยการพาเที่ยวพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำในหลาย ๆ ที่ในไทย หากวันหยุดนี้ใครว่างและกำลังหาที่เที่ยวแบบหลบแดดแล้ว ยังได้ความรู้และความเพลิดเพลิน ลองตามมาอ่านดูว่าใกล้ที่ไหนแล้วลองตามรอยบัดดี้ดู เชื่อได้เลยว่าต้องชอบใจแน่ ๆ สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำภูเก็ตเป็นสถานที่แสดงพันธุ์สัตว์น้ำ หนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่อด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งในจังหวัดภูเก็ตมากว่า 30 ปี ภายในมีการจัดแสดงพันธุ์สัตว์นํ้าที่สวยงาม หลากหลาย บางชนิดหาดูยากมาก ภายในแบ่งเป็น 5 โซนใหญ่ ที่มีทั้งโซนจัดแสดงพันธุ์สัตว์น้ำจืด น้ำเค็ม เส้นทางศึกษาธรรมชาติ ชมวิวทะเลแหลมพันวา โรงเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ บ่อเลี้ยงเต่าทะเลฝั่งอันดามันและเรือจักทอง เรือสำรวจทะเลลึกที่สามารถจุคนได้ถึง 100 คน ค่าเข้าชม– ชาวไทยผู้ใหญ่ 80 บาทเด็ก 40 บาท– ชาวต่างชาติผู้ใหญ่ 300 บาทเด็ก 150 บาท 51 หมู่ 8 ถนนศักดิเดช ตำบลวิชิต อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต เปิดทุกวันเวลา 08.30–16.30 น (ปิดจำหน่ายบัตร เวลา 16.00 น.) 0 7639 1126https://maps.app.goo.gl/u8MGnQvXA2yqqJUN Chiang Mai Zoo Aquarium สถานที่รวบรวมปลาน้ำจืดแห่งลุ่มแม่น้ำโขงและสิ่งมีชีวิตใต้ทะเล มีอุโมงค์ใต้น้ำขนาดใหญ่ ยาว 133 เมตร ที่แบ่งเป็นอุโมงค์ทะเลและอุโมงค์น้ำจืดอย่างละครึ่งภายใต้ความลึก 5 เมตร ภายในแบ่งจัดแสดงเป็น 6 โซนโซน 1 สำรวจลุ่มน้ำในป่าลึกสำรวจป่านานาพรรณพร้อมศึกษาระบบนิเวศริมน้ำและสำรวจสัตว์น้ำจืดตามแหล่งกำเนิด โซน 2 สัตว์ประหลาดนักล่าร่วมผจญภัยในถ้ำ ไม่เพียงแต่ชมการจัดแสดงสัตว์เลื้อยคลานในร่มที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย แต่ยังมีแมงมุมทารันทูรา กบต้นไม้ตาแดง ตะกอง กบชะง่อนผาเขียว สัตว์สายพันธุ์ที่พบแค่พื้นที่บริเวณดอยอินทนนท์ ดอยสุเทพและพื้นที่ใกล้เคียงเท่านั้น โซน 3 สำรวจห้วงสมุทรชมระบบนิเวศชายฝั่งและเรื่องราวของม้าน้ำ ปลาไหลชนิดต่าง ๆ ปลาฉลามกบพร้อมไข่ของมัน ที่ปัจจุบันที่แดนเหนือแห่งนี้มีลูกฉลามกบกว่า 100 ตัวแล้ว โซน 4 ความลึกลับใต้ลุ่มน้ำอุโมงค์น้ำจืดที่จำลองชีวิตลุ่มน้ำโขง พร้อมปลาน้ำจืดหายากจากทั่วโลก โซนที่ 5 แปลกประหลาดอย่างน่าอัศจรรย์บ้านของปลามีพิษ ที่จะบอกเล่าเรื่องราวและข้อมูลสุดมหัศจรรย์ของแต่ละตัว แถมยังมีปลาไหลมอเรย์และส่วนจัดแสดงพิพิธภัณฑ์กระดูกปลาจำลองอีกด้วย โซนที่ 6 โลกสีครามใต้ท้องทะเลบอกเล่าเรื่องราวของชีวิตใต้ทะเล ที่มีการจำลองระบบนิเวศใต้ทะเลที่หลากหลาย ทั้งโซนปลาเศรษฐกิจของไทย โซนปลานักล่าและโซนปลาสวยงามตามแนวปะการัง ค่าเข้าชมผู้ใหญ่ 250 บาทเด็กอายุ 3-12 ปี 80 บาท 100 ถนนห้วยแก้ว ตำบลสุเทพ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ เปิดทุกวันเวลา 08.30-17.00 น. 0 5408 1775https://maps.app.goo.gl/cuWo7YdiBgxrN9yK7 อาคารแสดงพันธุ์สัตว์น้ำ อุโมงค์ปลาบึงบอระเพ็ด อาคารแสดงพันธุ์สัตว์น้ำบึงบอระเพ็ด เฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา เป็นอาคารรูปทรงเรือกระแชงขนาดใหญ่ ภายในมีอุโมงค์ปลาน้ำจืดที่ยาวถึง 24 เมตร มีตู้ปลาที่จัดแสดงปลาน้ำเค็ม ปลาจากต่างประเทศที่หาดูยากมากกว่า 33 ตู้ นอกจากการชมปลาในตู้แล้ว ที่นี่ยังมีการแสดงจระเข้ กิจกรรมล่องเรือรอบบึงบอระเพ็ดเพื่อดูนกนานาชนิด มีจุดส่องนกรอบเรือ ชมปลากระเบนราหูยักษ์ ปลาน้ำจืดขนาดใหญ่ที่พบในบึงบอระเพ็ดและปลาเสือตอลายใหญ่ สัตว์น้ำจืดที่มีถิ่นกำเนิดอยู่ในประเทศไทยที่ปัจจุบันคาดว่าได้สูญพันธุ์ไปจากแหล่งน้ำธรรมชาติประเทศไทยแล้ว ค่าเข้าชมผู้ใหญ่ 49 บาทเด็ก 19 บาทการแสดงจระเข้ผู้ใหญ่ 30 บาทเด็ก 20 บาท ตำบลแควใหญ่ อำเภอเมืองนครสวรรค์ จังหวัดนครสวรรค์ วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 09.30 – 16.30 น. วันเสาร์ – อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 09.00–16.30 น. 0 5627 4522 สายด่วน โทร. 1131https://maps.app.goo.gl/62KofhQfp16xKBLo6 พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำหว้ากอ หนึ่งในพิพิธภัณฑ์ทางทะเลชื่อดังแห่งนี้ ตั้งอยู่ในโซนอ่าวคลองวาฬ มีการจัดวางและแบ่งโซนการจัดแสดงภายในได้ดีและสวยงามมาก สามารถเรียนรู้ระบบนิเวศใต้ทะเล น้ำกร่อย น้ำจืดและทำความรู้จักสิ่งมีชีวิตหลากชนิดได้อย่างเพลิดเพลิน ภายในแบ่งเป็น 6 โซนด้วยกันคือโซนอัศจรรย์โลกสีคราม โซนจากขุนเขาสู่สายน้ำ โซนสีสันแห่งท้องทะเล โซนเปิดโลกใต้ทะเล โซนพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำและโซนกิจกรรมปฏิบัติการ แถมยังมีกิจกรรมนั่งรถรางนำชมทัศนียภาพรอบพิพิธภัณฑ์อีกด้วย ค่าเข้าชมผู้ใหญ่ 50 บาทเด็กที่มีความสูง 90-135 เซนติเมตร 30 บาทเด็กที่มีความสูงไม่เกิน 90 เซนติเมตร พระภิกษุ สามเณร ผู้สูงอายุ ผู้พิการ ผู้ด้อยโอกาส และผู้อยู่ในความดูแลของสถานสงเคราะห์ต่างๆ เข้าชมฟรี อุทยานวิทยาศาสตร์พระจอมเกล้า ณ หว้ากอ ตำบลคลองวาฬ อำเภอเมือง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เปิดทุกวันเวลา 09.00-16.00 น. 0 3266 1098, 0 3266 1726 ต่อ 0https://maps.app.goo.gl/Qo3PnWH1o7cwTtth7 สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำเทศบาลเมืองร้อยเอ็ด สถานที่จัดแสดงและให้ความรู้เกี่ยวกับปลาและสัตว์น้ำจืดชนิดต่าง ๆ ประกอบด้วยอาคาร 2 หลัง หลังแรกเป็นทั้งสำนักงาน ห้องโถง ห้องบรรยาย และห้องนิทรรศการให้ความรู้เกี่ยวกับปลา สัตว์น้ำจืดและอุปกรณ์จับปลา อาคารหลังที่ 2 แบ่งเป็น 2 ส่วน ชั้นล่างจัดแสดงพันธุ์สัตว์น้ำ ภายในมีการจัดแสดงสัตว์สตัฟฟ์ มีตู้ปลาขนาดเล็กรอบอาคาร 24 ตู้ และเป็นอุโมงค์แก้วให้เดินชมปลาใต้น้ำได้ ชั้นบนจะเป็นบ่อพักน้ำและแหล่งสำรองพันธุ์สัตว์น้ำ โดยปลาทั้งหมดที่นำมาจัดแสดง จะเป็นปลาจากแม่น้ำโขง แม่น้ำชีและแม่น้ำมูล ที่นี่ไม่เก็บค่าธรรมเนียมในการเข้าชม หากใครอยากช่วยเหลือจะเป็นการให้บริจาคค่าอาหารสัตว์น้ำแทนที่ตู้บริจาคแทน […]

รวมพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ ชวนเที่ยวหลบร้อน อ่านเพิ่มเติม

✨ รวม 10 วัดหลากสีสัน ✨

สวัสดีทุกคน วันนี้บัดดี้จะมาแนะนำวัดจากหลายจังหวัด ที่มีสีสันสวยโดดเด่นสะดุดตา จนกลายเป็นทั้งสถานที่ทำบุญและสถานที่ท่องเที่ยว แถมบางวัดยังกลายเป็น Land Mark สำคัญของจังหวัดไปเลยด้วย ลองตามมาอ่านกันดู ว่าวันนี้บัดดี้มีวัดไหนมานำเสนอบ้าง สีขาว 1. วัดร่องขุ่น จ.เชียงราย วัดร่องขุ่น ออกแบบและสร้างโดยอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินชื่อดังของไทย ที่สร้างขึ้นจากปณิธานและแรงศรัทธา ด้วยงานศิลปะงดงามสีขาว ทั้งลวดลายปูนปั้น การประดับกระจกและจิตรกรรรมปูนปั้นหลายจุด แรงบันดาลใจในการสร้างวัดของอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ คือการอยากจะสร้างวัดให้เหมือนเมืองสวรรค์ ที่มนุษย์สามารถเดินทางไปสัมผัสได้ ซึ่งหลายจุดในวัด มีการสร้างเป็นสื่อสัญลักษณ์ต่าง ๆ ในพุทธศาสนา อย่างทางเข้าด้านหน้าจะมีสระน้ำขนาดใหญ่ ที่มีสะพานเป็นทางเดินเข้าสู่ตัววัด หมายถึง การเดินข้ามวัฏสงสารมุ่งสู่พุทธภูมิ ครึ่งวงกลมเล็กหมายถึงโลกมนุษย์ วงใหญ่ที่มีเขี้ยวเป็นปากของพญามารหรือพระราหู เปรียบเหมือนกิเลสในใจ ผู้ที่จะเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าในพุทธภูมิต้องตั้งจิตปลดปล่อยกิเลสตัณหาของตนเองลงไปในปากพญามาร เพื่อเป็นการชำระจิตให้ผ่องใสก่อนที่จะเดินผ่านเข้าไปนั่นเอง ปัจจุบัน วัดร่องขุ่นเปิดจุดเช็กอินแห่งใหม่ที่ใช้เวลาสร้างกว่า 6 ปี นั่นก็คือ “ถ้ำศิลป์วัดร่องขุ่น” เป็นผลงานประติมากรรมของอาจารย์เฉลิมชัย ภายในถ้ำ มีรูปทรงหินงอกหินย้อย พระพุทธรูปทุกขภูมิ ขุมนรกและประตูพระนิพพาน มีเพลงบรรเลงประกอบแสงสีเสียงตลอดเส้นทาง โดยมีค่าเข้าชม 50 บาท/คน มีเวลาประมาณ 10-15 นาที ต่อรอบ รายละเอียด ต.ป่าอ้อดอนชัย อ.เมือง จ.เชียงราย เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 6.30 – 18.00 น.ห้องแสดงภาพ : เปิดให้เข้าชมวันจันทร์–ศุกร์ เวลา 8.00 – 17.30 น.วันเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดราชการ เวลา 8.00 – 18.00 น. วัดร่องขุ่น 0 5367 3579, ททท.สำนักงานเชียงราย 0 5371 7433, ศูนย์บริหารจัดการการท่องเที่ยวจังหวัดเชียงราย 0 5371 5690https://goo.gl/maps/sQZ7Q2qq9cyRJhs79เว็บไซต์ : https://www.facebook.com/วัดร่องขุ่น 2. วัดข่อย จ.เพชรบุรี ตั้งอยู่ติดกับอุทยานประวัติศาสตร์พระนครคีรี สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยอยุธยาตอนปลาย มีการใช้รูปแบบของยันต์ฉิมพลีมาประกอบสถาปัตยกรรมการสร้างเป็นทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส ตัวอาคาร มี 3 ชั้นประกอบด้วยชั้นที่ 1 ประดิษฐานพระพุทธรูป 3 องค์ คือพระพุทธเศรษฐีมิ่งมงคล พระพุทธเศรษฐีนวโกฏิ และพระสิวลีมหาลาภชั้นที่ 2 ผนังด้านนอกเป็นลายอักขระยันต์ฉิมพลี มีฉัตรทองเหลืองดุนลาย 9 ยอด 4 ทิศ ด้านในเป็นไม้สักแกะสลักลวดลายยันต์โภคทรัพย์ชั้นที่ 3 เป็นซุ้มเรือนยอดประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุในบุษบก 5 ยอดลงรักปิดทอง ยอดฉัตรทำด้วยทองคำ  ถ.คีรีรัถยา ต.คลองกระแชง อ.เมือง จ.เพชรบุรี เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 06.00-17.00 น. 06 1061 7868, 08 9052 7874https://goo.gl/maps/NQSr5AkQEyy9pvQE7เว็บไซต์ : https://www.facebook.com/พระธาตุฉิมพลีพระเศรษฐีนวโกฏิ-วัดข่อย สีน้ำเงิน 3. วัดร่องเสือเต้น จ.เชียงราย วัดแห่งนี้ในอดีตราว ๆ 80-100 ปีก่อน เคยเป็นวัดร้าง มีสัตว์ป่ามาอาศัย โดยเฉพาะเสือที่มีอยู่มาก และชอบกระโดดข้ามร่องน้ำไปมา ชาวบ้านจึงเรียกบริเวณนี้ว่า ร่องเสือเต้น ภายหลังชาวบ้านได้ร่วมกันบูรณะวัดขึ้นมา จึงเรียกชื่อวัดว่า “วัดร่องเสือเต้น” เพื่อใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีทางศาสนาในวันสำคัญต่าง ๆ และเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวบ้าน  สิ่งก่อสร้างโดดเด่นที่สุดในวัดนี้ คือ วิหารสีน้ำเงิน ที่สร้างโดย “สล่านก” หรือ นายพุทธา กาบแก้ว ศิลปินท้องถิ่นชาวเชียงราย ลูกศิษย์ของ อ.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ โดยเริ่มก่อสร้างเมื่อ พ.ศ. 2548 แล้วเสร็จ พ.ศ. 2559 รวมระยะเวลาถึง 11 ปี ภายในวิหารประดิษฐาน “พระพุทธรัชมงคลบดีตรีโลกนาถ” พระประธานสีขาวปางมารวิชัย ศิลปะเชียงแสน ซึ่งภายในพระเศียรบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ที่สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เป็นผู้ประทานให้  ด้านหลังวิหารเป็นที่ตั้งของเจดีย์ทรงระฆัง สูง 20 เมตร นามว่า “พระธาตุเกศแก้วจุฬามณีห้าพระองค์” บนยอดเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่ได้รับประทานจาก สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก  ต.ริมกก อ.เมือง จ.เชียงราย 08 2026 9038 เปิดทุกวันเวลา 07.00-17.00 น.https://goo.gl/maps/ne1JD21wNp12 4. วัดปากน้ำแขมหนู จ.จันทบุรี วัดแห่งนี้มีความโดดเด่นที่ “โบสถ์เซรามิกสีน้ำเงิน” ซึ่งมีที่มาจาก โบสถ์หลังเก่าที่สร้างขึ้นมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2489 เริ่มชำรุดทรุดโทรม มีการผุกร่อนมาก เนื่องจากวัดตั้งอยู่ติดกับทะเล ทางวัดและชาวบ้านจึงร่วมกันรื้อโบสถ์หลังเก่าและสร้างโบสถ์ใหม่ขึ้นในปี พ.ศ. 2534 ประตูโบสถ์ด้านในทั้ง 4 บาน มีการแกะสลักภาพนูนต่ำ เกี่ยวกับประวัติพระพุทธเจ้า ด้านนอกบานประตูและหน้าต่างมีการลงลายมุข ภาพเทพทวารบาล พื้นผนังด้านในพระอุโบสถมีการประดับภาพลงสีในพื้นเซรามิกเกี่ยวกับวรรณคดีชาดกและพระมหาชนก ภายในโบสถ์ประดิษฐานพระพุทธชินราชองค์จำลอง เป็นที่สักการบูชาของชาวบ้านและนักท่องเที่ยว  ต.ตะกาดเง้า อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี เปิดให้เข้าชมทุกวันเวลา 08.00-16.00 น.https://goo.gl/maps/imZW46D6sfUbZFDN9 สีเหลือง 5. วัดนิเวศธรรมประวัติราชวรวิหาร จ.อยุธยา วัดนิเวศธรรมประวัติราชวรวิหาร ตั้งอยู่บนเกาะลอย เกาะกลางแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นวัดที่ในหลวงรัชกาลที่ 5 โปรดฯ ให้สร้างขึ้น เพื่อทรงใช้เป็นสถานที่สำหรับบำเพ็ญพระราชกุศล เมื่อครั้งเสด็จฯ แปรพระราชฐานมาประทับที่พระราชวังบางปะอิน โดยมีรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบโกธิก เลียนแบบโบสถ์ของศาสนาคริสต์ ด้านหน้าบริเวณทางเข้าของพระอุโบสถ จะมีมุขเป็นแบบสามเหลี่ยมหน้าจั่วซ้อนกัน 2 ชั้น รอบผนังพระอุโบสถเจาะช่องหน้าต่าง เป็นลักษณะปลายแหลมแบบโกธิก ด้านหลังพระอุโบสถเป็นหอระฆังยอดโดม

✨ รวม 10 วัดหลากสีสัน ✨ อ่านเพิ่มเติม

นกเงือก…สัญลักษณ์แห่งรักแท้ 🥰🦅

“นกเงือก” หรือ “Hornbills” เป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ตามพ.ร.บ. สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 และถือเป็นตัวบ่งบอกความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่าที่สำคัญ เนื่องจากนกเงือกจะอาศัยอยู่แต่ในป่าที่มีความอุดมสมบูรณ์สูง หากพูดถึงสัญลักษณ์แห่งรักแท้…เมื่อนกเงือกจับคู่แล้ว จะใช้ชีวิตแบบผัวเดียวเมียเดียวไปตลอดชีวิต ไม่ว่าคู่เดิมจะตายหรือหายไปก็จะไม่หาคู่ใหม่โดยนกเงือกจะเริ่มหาคู่ในช่วงปลายปี และเข้าสู่ฤดูผสมพันธุ์ช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน❣️ 📣ด้วยพฤติกรรมการครองรักและผสมพันธุ์กับคู่เดิมนี้ จึงยกให้นกเงือกให้เป็นสัญลักษณ์แห่งความรัก มูลนิธิศึกษาวิจัยนกเงือก มหาวิทยาลัยมหิดลจึงได้กำหนดให้วันที่ 13 กุมภาพันธ์ของทุกปีเป็น “วันรักนกเงือก” (Love Hornbills Day) ตั้งแต่ พ.ศ. 2547 นกเงือกเป็นนกขนาดใหญ่ อาศัยอยู่ตามทุ่งหญ้าและป่าดิบเขตร้อน ซึ่งในประเทศไทยมีนกเงือกทั้งหมด 13 ชนิด และหลายชนิดอยู่ในสภาวะใกล้สูญพันธุ์นกเงือกมีลักษณะที่เป็นจุดเด่นของตัวเองคือ ตัวนกจะมีทั้งที่มีขนสีดำ สีขาว บางชนิดอาจจะมีสีอื่น ๆ เช่น สีน้ำตาลหรือสีเทา ส่วนที่ถือว่าฉูดฉาดที่สุดบนตัวนกเงือกจะอยู่ที่บริเวณหนังคอ ไม่ก็ขอบตา มีตั้งแต่ขนาดเล็กไปจนถึงใหญ่มาก นอกจากนี้ นกเงือกยังมีความสำคัญกับระบบนิเวศป่าอีกด้วย ตามธรรมชาติการหาอาหารของนกเงือกจะกินทั้งผลไม้และสัตว์เล็ก ๆ แต่พฤติกรรมส่วนใหญ่จะเลือกกินผลไม้สุกและทิ้งเมล็ดไปในพื้นที่ต่าง ๆ นี่จึงเป็นเหมือนตัวช่วยปลูกป่า ซึ่งเมื่อป่าเติบโตก็จะเป็นแหล่งอาหารต่อไป🌱 🔎แหล่งที่เราสามารถพบเห็นนกเงือกในประเทศไทยมีหลายแห่งมากค่ะ วันนี้เรามีสถานที่ที่พบเห็นนกเงือกมาฝากเป็นไอเดียให้เพื่อน ๆ ได้ไปชมกันด้วย-เกาะยาวน้อย เกาะยาวใหญ่ จังหวัดพังงา-อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา-อุทยานแห่งชาติแม่วงก์ จังหวัดนครสวรรค์-เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ฮาลา-บาลา จังหวัดนราธิวาส-เกาะเฮ จังหวัดภูเก็ต-ป่าพรุโต๊ะแดง ศูนย์วิจัยและศึกษาธรรมชาติป่าพรุสิรินธร จังหวัดนราธิวาส

นกเงือก…สัญลักษณ์แห่งรักแท้ 🥰🦅 อ่านเพิ่มเติม

🏮 ตรุษจีนปากน้ำโพ จ.นครสวรรค์ 🏮

ตุ้งแช่ ตุ้งแช่ ตุ้งแช่ตุ้งแช่ตุ้งแช่ เปิดมาแบบนี้พอจะนึกออกไหมคะว่าเป็นเสียงอะไร เสียงกลองเวลาเขาแห่มังกรหรือเชิดสิงโตอย่างไรล่ะเพื่อน ๆ ตรุษจีนวนกลับมาอีกครั้ง โดยในปีนี้ตรงกับวันที่ 22 มกราคม 2566 และเมื่อพูดถึงตรุษจีนก็นึกถึง จังหวัดนครสวรรค์ ที่จัดงานแห่เจ้าพ่อ-เจ้าแม่ปากน้ำโพเรียกได้ว่าเป็นประเพณีที่มีชื่อเสียงของจังหวัดก็ว่าได้ เนื่องจากในอดีตเกิดโรคระบาดครั้งใหญ่ทำให้ชาวบ้านล้มตายเป็นจำนวนมาก ชาวบ้านได้ไปขอพรกับเจ้าพ่อเทพารักษ์ เจ้าพ่อได้ประทับทรงและทำฮู้หรือยันต์ให้ไปติดหน้าบ้านและนำไปเผาเพื่อผสมน้ำเพื่อทำเป็นน้ำมนต์ให้ชาวบ้านดื่มและไปพรมทั่วตลาด เมื่อโรคระบาดหายชาวบ้านจึงอัญเชิญเจ้าพ่อ-เจ้าแม่ ในศาลเจ้าพ่อเทพารักษ์แห่รอบตลาดปากน้ำโพ ด้วยความศรัทธาของชาวปากน้ำโพจึงทำให้มีการสืบสานประเพณีแห่เจ้าพ่อ-เจ้าแม่ปากน้ำโพมายาวนานถึง 107 ปี ภายในขบวนแห่ฯ จะมีการแสดงจาก สิงโตฮากกา, สิงโตปักกิ่ง, มังกรทอง, เสือไหหนำ, สิงโตกว๋องสิว, ล่อโก๊ว, สิงโตฮกเกี้ยน และเอ็งกอพะบู๊ รวมถึงการแสดงจากโรงเรียน วิทยาลัย และมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ในจังหวัดร่วมขบวนด้วย องค์สมมติเจ้าแม่กวนอิม ทางคณะจัดงานจะดำเนินการคัดเลือกใหม่ทุกปี ในส่วนของปีนี้งานจะจัดตั้งแต่วันที่ 15-26 มกราคม 2566 ภายในงานจะมีร้านค้าต่าง ๆ สำหรับขบวนแห่ฯ จะมีทั้งหมด 2 ช่วงเวลา คือ ขบวนแห่กลางคืน  และขบวนแห่กลางวัน  วันแห่กลางคืน  (ชิวซา) จะจัดในวันที่ 24 มกราคม 2566 จุดเริ่มต้นขบวนจะอยู่บริเวณเทศบาลนครนครสวรรค์การแสดงของมังกรแห่กลางคืนจะมีการพ่นไฟ (จุดพลุ)  วันแห่กลางวัน  (ชิวสี่) จะจัดในวันที่ 25 มกราคม 2566 จุดเริ่มต้นขบวนจะอยู่บริเวณสี่แยกสะพานเดชาติวงศ์ เพื่อน ๆ ที่ยังไม่เคยไปชมขบวนแห่ฯ ด้วยตาตัวเองต้องไปชมให้ได้นะคะ นอกจากจะได้ชมการแสดงจากในขบวนแล้วยังได้เห็นประเพณีวัฒนธรรมที่สืบสานกันมากว่า 100 ปีเลยนะ 

🏮 ตรุษจีนปากน้ำโพ จ.นครสวรรค์ 🏮 อ่านเพิ่มเติม

✨ แนะนำที่เที่ยวเดือนพฤศจิกายน ✨

สวัสดีทุกคน สิ้นเดือนแบบนี้ แอดจะมาแนะนำสถานที่เที่ยวในเดือนพฤศจิกายนนิด ๆ หน่อย ๆ ให้กับเพื่อน ๆ เผื่อใครอยากเที่ยว แต่ยังไม่มีแพลนว่าจะไปเที่ยวที่ไหนดี ลองมาอ่านสถานที่ที่แอดนำมาเสนอประกอบการตัดสินใจกันได้เลย แต่ไปเที่ยวแล้วอย่าลืมรักษ์ธรรมชาติกันด้วยล่ะ สถานที่ท่องเที่ยวจะได้สวยงามไปนาน ๆ ให้เรากลับไปเที่ยวได้บ่อย ๆ #responsibletourism  อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ จ.เชียงใหม่  เริ่มต้นกันที่ภาคเหนือ อากาศเริ่มหนาวลงแล้ว แอดแนะนำ อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ สถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิต ภูเขาที่สูงที่สุดในประเทศไทย ครอบคลุม อ.จอมทอง อ.แม่แจ่ม อ.แม่วาง อ.ดอยหล่อ ที่นี่มีที่ให้เที่ยวเยอะมาก เช่น นาขั้นบันไดป่าบงเปียง น้ำตกผาดอกเสี้ยว น้ำตกวชิรธาร เส้นทางศึกษาธรรมชาติอ่างกา เส้นทางศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปาน ซึ่งตลอดเส้นทางจะเห็นทิวทัศน์สวย ๆ ของทิวเขาสลับซับซ้อนมากมาย แต่เดิมดอยอินทนนท์มีชื่อว่า ดอยหลวง หรือ ดอยอ่างกา ซึ่งคำว่า “หลวง” ในภาษาเหนือ แปลว่า ใหญ่ และคำว่า “อ่างกา” ในภาษาปกาเกอะญอ ก็แปลว่า ใหญ่ ซึ่งทั้งสองชื่อหมายถึงดอยที่มีขนาดใหญ่เหมือนกัน ในเวลาต่อมาดอยแห่งนี้ได้เปลี่ยนชื่อเป็น “ดอยอินทนนท์” ตามพระนามของพระเจ้าอินทวิชยานนท์ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ องค์ที่ 7 พระบิดาของเจ้าดารารัศมี พระราชชายาในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวนั่นเอง เส้นทางศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปาน จะมีไกด์ท้องถิ่นพาเดินและแนะนำจุดน่าสนใจต่าง ๆ ระหว่างทาง จุดชมวิวเส้นทางศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปาน เส้นทางศึกษาธรรมชาติอ่างกา น้ำตกผาดอกเสี้ยว หนึ่งในสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง “รักจัง” น้ำตกวชิรธาร นาขั้นบันไดป่าบงเปียง หากมาหน้าฝนจะเจอภูเขาสีเขียวชุ่มฉ่ำ หากมาช่วงเริ่มหนาวจะเจอต้นข้าวสีเหลืองทองสวยงาม  ทะเลหมอกอัยเยอร์เวง จ.ยะลา  สถานที่ต่อมา อยู่ใต้สุดของประเทศไทย นั่นก็คือทะเลหมอกอัยเยอร์เวง อ.เบตง จ.ยะลา ที่นี่มี Sky walk ที่สามารถชมวิวทะเลหมอกมุมสูงและเดินไปตามระเบียงทางเดินที่ยื่นออกไปจากฐาน ส่วนปลายคือระเบียงที่มีลักษณะเป็นพื้นกระจกใส ที่ Sky walk จะมีการจำกัดจำนวนคนในการเข้าชม ประมาณรอบละ 70 คน (รอบละ 15 นาที) เมื่อหมดเวลาจะมีเสียงกระดิ่ง เพื่อน ๆ ก็เดินลงบันไดที่อยู่บริเวณกลางสะพานลงมาได้เลย หากใครต้องการชมหมอกสวย ๆ พร้อมกับวิวพระอาทิตย์ขึ้น แอดแนะนำให้มาแต่เช้า รับรองวิวที่เห็นคุ้มกับการตื่นเช้าแน่นอน Skywalk อัยเยอร์เวง Skywalk อัยเยอร์เวง  อุทยานแห่งชาติผาแต้ม จ.อุบลราชธานี  ที่ต่อมาอยู่ภาคอีสาน เป็นอุทยานแห่งชาติที่มีแม่น้ำโขงเป็นเส้นกั้นพรมแดนระหว่างประเทศไทยและสปป.ลาว ช่วงปลายฝนต้นหนาวจะมีดอกไม้ป่าอย่างดอกสร้อยสุวรรณา ดุสิตา สรัสจันทร ทิพเกสรและมณีเทวา ออกดอกบานสะพรั่งบริเวณลานเสาเฉลียงคู่ นอกจากนี้ภายในอุทยานฯ ยังมีสถานที่ทางประวัติศาสตร์ที่สะท้อนถึงอารยธรรมมนุษย์โบราณและประติมากรรมธรรมชาติที่มีรูปทรงแปลกตา ทั้งภาพเขียนสีก่อนประวัติศาสตร์ น้ำตกสร้อยสวรรค์ น้ำตกแสงจันทร์ ผาโสก รวมถึง “ผาชะนะได” จุดชมตะวันขึ้นที่แรกของประเทศไทย และเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่ไม่ควรพลาดเมื่อเดินทางมาเยือน จุดชมตะวันขึ้นที่แรกของประเทศไทย “ผาชะนะได” ผาโสก น้ำตกแสงจันทร์ น้ำตกสุดสวยของอุทยานแห่งชาติผาแต้ม น้ำตกห้วยพอก  ทุ่งปอเทืองไร่ธรรมชัย จ.นครสวรรค์  ทุ่งดอกไม้สวยของ จ.นครสวรรค์ ที่เต็มไปด้วยปอเทืองสีเหลืองเต็มทุ่งตัดกับแนวภูเขาสีเขียว ที่จะบานในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม มีจุดถ่ายรูปที่ห้ามพลาดคือบันไดลอยฟ้า ซุ้มถ่ายภาพ ระเบียงชมวิวบริเวณกลางทุ่ง เนื่องจากทุ่งปอเทืองที่มีพื้นที่กว้างขวางมาก แอดแนะนำให้เตรียมร่มและหมวกมาด้วย เพราะแดดค่อนข้างแรง ดอกปอเทือง ไร่ธรรมชัย กลางไร่มีจุดถ่ายรูป บันไดลอยฟ้า ใครอยากได้รูปสวย ๆ อย่าพลาดล่ะ  เกาะช้าง จ.ตราด  ปิดท้ายกันที่เที่ยวทะเลบ้าง สำหรับสภาพภูมิอากาศของเกาะช้างระหว่างเดือนพฤศจิกายน – กุมภาพันธ์ จะมีอากาศเย็นสดชื่น ท้องฟ้าโปร่งใส มาเที่ยวได้ สนุกแน่นอน เกาะช้างเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดเป็นอับดับสองของประเทศไทยรองจากภูเก็ต มีความอุดมสมบูรณ์ โอบล้อมไปด้วยภูเขาและป่าฝนเมืองร้อน มีที่เที่ยว ที่พักและจุดน่าเช็กอิน เกาะช้างแบ่งออกเป็นฝั่งซ้ายและฝั่งขวา ให้ความรู้สึกแตกต่างกัน ใครชอบเที่ยวหาดทรายสวย ๆ ขาว ๆ เล่นน้ำได้ มีร้านอาหารริมทะเล มีที่พัก ติดชายหาดต้องมาฝั่งขวา ส่วนทางซ้ายจะเป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติ และชุมชนของชาวบ้านที่นี่ ป่าชายเลนชุมชนบ้านสลักเพชร อยู่ฝั่งซ้ายของเกาะ เป็นเส้นทางเดินสบาย มีมุมสวย ๆ ให้ถ่ายรูป น้ำตกคลองพลู ใครสนใจเดินศึกษาเส้นทางธรรมชาติ แอดแนะนำที่นี่เลย ปางช้างคลองพลู ชุมชนบ้านสลักคอก สถานที่ล่องเรือยอดฮิตอีกแห่งของเกาะช้าง หากชอบพายคายัคหรือดำน้ำ แอดแนะนำฝั่งขวาของเกาะ จุดชมวิวหาดทรายขาว หาดเพนนินซูลา

✨ แนะนำที่เที่ยวเดือนพฤศจิกายน ✨ อ่านเพิ่มเติม

✨แม่น้ำสองสีที่ปากน้ำโพ ✨

เพื่อน ๆ ทราบไหมคะว่าแม่น้ำสองสีไม่ได้มีแค่ที่ จ.อุบลราชธานีเท่านั้น วันนี้แอดจะพาไปรู้จักจุดชมแม่น้ำสองสีอีกจุดหนึ่งที่ชื่อว่า พาสาน คุ้น ๆ แล้วใช่ไหม… ใช่แล้ว แอดจะพาเพื่อน ๆ ไปดูแม่น้ำสองสีที่ปากน้ำโพ จ.นครสวรรค์นั่นเอง แม่น้ำสองสีจุดนี้ก็คือจุดบรรจบของแม่น้ำปิงและแม่น้ำน่านที่ไหลมารวมกันเป็นแม่น้ำเจ้าพระยาที่จังหวัดนครสวรรค์ แม่น้ำน่านจะมีสีค่อนข้างแดง และแม่น้ำปิงจะเป็นสีเขียวเข้ม บริเวณที่แม่น้ำมาบรรจบกันคือบริเวณ #ปากน้ำโพ อำเภอเมืองนครสวรรค์ เหตุที่เรียกบริเวณนี้ว่าปากน้ำโพ ปากน้ำโพ มาจากชื่อเต็ม ๆ ว่าปากแม่น้ำคลองโพ มาจากคลองโพที่ไหลมารวมกับแม่น้ำน่าน ชาวบ้านจึงเรียกแม่น้ำน่านช่วงจาก จ.อุตรดิตถ์ ไปจนถึง จ.นครสวรรค์ว่าแม่น้ำโพ จึงเรียกบริเวณปากน้ำน่านว่าปากน้ำคลองโพ จนเหลือเพียง ปากน้ำโพอย่างในปัจจุบัน เพื่อน ๆ ที่อยากเห็นแม่น้ำสองสีชัด ๆ สามารถมาชมได้ที่ พาสาน อาคารสัญลักษณ์ต้นแม่น้ำเจ้าพระยา 📍: แหลมเกาะยม ต ปากน้ำโพ อ.เมือง นครสวรรค์ 60000 ⏰: 06.00-20.00 น. 📞: 0 5622 1812 ททท.สำนักงานนครสวรรค์ 🌐: https://goo.gl/maps/ZGU2CSdhLQyAxRbS6

✨แม่น้ำสองสีที่ปากน้ำโพ ✨ อ่านเพิ่มเติม

ภูมิปัญญาไทยในการทำ “น้ำตาลปึก”

เมื่อร่างกายต้องการความหวาน จะมี “น้ำตาล” ชนิดไหนบ้างมาช่วยเติมความอร่อยลงในอาหารแต่ละมื้อของเรา ในบ้านเรามีกระบวนการนำน้ำหวานจากธรรมชาติมาทำเป็นวัตถุดิบเพื่อใช้ปรุงอาหารในรูปแบบต่าง ๆ หนึ่งในนั้นก็คือ “น้ำตาลปึก” เป็นการนำน้ำหวานจากธรรมชาติมาเคี่ยวให้เหนียวและข้นจนเป็นสีเหลือง-น้ำตาลอ่อน ๆ จับให้เป็นก้อน แล้วพักไว้ให้เย็น เป็นภูมิปัญญาเรื่องอาหารที่ส่งทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น ปัจจุบันก็ยังมีการใช้น้ำตาลปึกในการปรุงอาหาร นอกจากนี้ ยังมีการส่งเสริมการทำน้ำตาลปึกให้มีคุณภาพเพื่อจำหน่าย และช่วยให้เกิดอาชีพในชุมชน น้ำตาลจากภูมิปัญญาในแต่ละท้องถิ่นจะผลิตจากวัตถุดิบใดบ้าง ไปดูกัน อ้อย พืชเศรษฐกิจหลักที่สร้างรายได้ให้ชุมชน สามารถนำไปผลิตเป็นน้ำตาลได้หลายรูปแบบ รวมถึงน้ำตาลปึก โดยคั้นเอาน้ำจากลำตัน นำไปเคี่ยวจนเหนียวหนึบ แล้วนำมาหยอดเป็นก้อนกลม ปัจจุบันมีเหลือเพียงไม่กี่ที่ที่ยังผลิตน้ำตาลอ้อยแบบโบราณกันอยู่ หาซื้อได้ที่ นครสวรรค์ และกาญจนบุรี เป็นต้น วิสาหกิจชุมชนเกษตรกรสรรพสิ่งบ้านนากลาง ตำบลนากลาง อำเภอโกรกพระ จังหวัดนครสวรรค์ 086 351 2633 วิสาหกิจชุมชนน้ำตาลทรายแดง บ้านวังหิน หมู่ที่ 1 ตำบลเลาขวัญ อำเภอเลาขวัญ จังหวัดกาญจนบุรี 081 008 3965 มะพร้าว พืชตระกูลเดียวกับปาล์ม สามารถเก็บน้ำตาลได้จากช่อดอกมะพร้าว โดยการตัดปลายช่อออก แล้วนำกระบอกมารองน้ำตาลที่จะไหลออกมา ทิ้งไว้ข้ามคืน ก็จะได้น้ำตาลจากมะพร้าวเต็มกระบอก เพื่อน ๆ สามารถหาชมการทำน้ำตาลปึกจากมะพร้าวได้ในบริเวณจังหวัดราชบุรี สมุทรสงคราม เป็นต้น กลุ่มน้ำตาลมะพร้าวตาหลวง หมู่ 6 ตำบลตาหลวง อำเภอดำเนินสะดวก จังหวัดราชบุรี 081 014 8345, 083 026 3005, 090 437 8831, 085 393 9499 บ้านเตาไทยเดิม หมู่ 4 ตำบลบางกระบือ อำเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงคราม 087 321 1288, 089 770 7541 ตาลโตนด การเก็บน้ำหวานจากตาลโตนด มีวิธีการคล้ายกับการเก็บน้ำตาลมะพร้าว แต่จะนิยมเก็บน้ำตาลจากต้นตัวผู้ เนื่องจากทำง่ายกว่า ใช้ “ไม้คาบ” อุปกรณ์สำหรับการนวดจั่นตาล (งวงดอกตาล) นวดวันละ 1 ครั้งไป 3-4 วัน จากนั้นตัดปลายจั่นแล้วเอากระบอกรองเก็บน้ำตาล ก็จะได้น้ำตาลจากตาลโตนด สามารถกินเป็นน้ำตาลสด หรือเอาไปทำน้ำตาลปึกได้ ตาลโตนดที่ขึ้นชื่ออยู่ที่เพชรบุรี นอกจากนี้ก็ยังมีที่อื่น ๆ ได้แก่ นครสวรรค์ สุโขทัย พิษณุโลก เป็นต้น สวนตาลลุงถนอม ตำบลถ้ำรงค์ อำเภอบ้านลาด จังหวัดเพชรบุรี 087 800 7716 วิสาหกิจชุมชนบ้านปากคลองเกยไชย ตำบลเกยไชย อำเภอชุมแสง จังหวัดนครสวรรค์ 084 657 7227, 098 549 9974 ต้นจาก อีกหนึ่งภูมิปัญญาที่เกือบสูญหาย คือการทำน้ำตาลจากต้นจาก พืชตระกูลปาล์มอีกหนึ่งชนิดที่สามารถนำไปทำน้ำตาลปึกได้ การเก็บน้ำตาล ทำโดยการตัดเอาจาก “งวงจาก” คือส่วนก้านของผลจากที่มี 30 ผลขึ้นไป ลอกกาบออก ตัดปลายงวงที่มีทะลายจากออก ทำซ้ำเป็นเวลา 3 วัน แล้ววันที่ 4 จึงสามารถเก็บเกี่ยวน้ำหวานได้ นำกระบอกที่เจาะรูด้านข้างไว้เพื่อเสียบงวงจากได้ ทิ้งไว้ 1 คืนก็จะได้น้ำตาล ส่วนมากทำกันในแถบภาคใต้ เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีการปลูกต้นจากจำนวนมาก ได้แก่ นครศรีธรรมราช ตรัง เป็นต้น วิสาหกิจแปรรูปน้ำตาลจาก “ขนาบนาก” หมู่ 5 ตำบลขนาบนาก อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช 095 682 4343 วิสาหกิจชุมชนแปลงใหญ่จากอำเภอกันตัง หมู่ที่ 4 ตำบลบางหมาก อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง 083 088 4978

ภูมิปัญญาไทยในการทำ “น้ำตาลปึก” อ่านเพิ่มเติม

นกเงือก สัญลักษณ์แห่งรักแท้

ในเดือนแห่งความรัก แอดมีเรื่องราวดี ๆ ของนกเงือกที่เป็นเหมือนสัญลักษณ์แห่งรักแท้ มาให้อ่านกันเพลิน ๆ ค่ะ “นกเงือก” หรือ “Hornbills” เป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ตามพรบ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 และถือเป็นตัวบ่งบอกความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่าที่สำคัญ เนื่องจากนกเงือกจะอาศัยอยู่แต่ในป่าที่มีความอุดมสมบูรณ์สูงนั่นเอง นกเงือกเป็นนกขนาดใหญ่อาศัยอยู่ตามทุ่งหญ้าและป่าดิบเขตร้อน พบได้ในทวีปเอเชียและแอฟริกา ปัจจุบันมีถึง 54 ชนิดทั่วโลก โดยในประเทศไทยมี 13 ชนิด กระจายอยู่ทั่วประเทศ รูปร่างหน้าตาจำได้ง่ายเพราะโดดเด่นตั้งแต่บริเวณปากที่มีขนาดใหญ่และโหนกมีสีเหลือง ขนมักมีสีดำ-ขาว บางชนิดมีขนสีน้ำตาล สถานที่ที่สามารถพบเห็นนกเงือกในประเทศไทยมีหลายแห่งมากค่ะ แอดมีลิสต์สถานที่ที่พบเห็นนกเงือกมาฝากเป็นไอเดียให้เพื่อน ๆ ได้ไปชมกันด้วย เกาะยาวน้อย เกาะยาวใหญ่ จังหวัดพังงา อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา อุทยานแห่งชาติแม่วงก์ จังหวัดนครสวรรค์ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ฮาลา-บาลา จังหวัดนราธิวาส นอกจากนี้ นกเงือกยังมีความสำคัญกับระบบนิเวศป่าอีกด้วย ตามธรรมชาติการหาอาหารของนกเงือกแล้ว จะกินทั้งผลไม้และสัตว์เล็ก แต่พฤติกรรมส่วนใหญ่จะเลือกกินผลไม้สุกและทิ้งเมล็ดไปในพื้นที่ต่าง ๆ นี่จึงเป็นเหมือนตัวช่วยปลูกป่า ซึ่งเมื่อป่าเติบโตก็จะเป็นแหล่งอาหารต่อไป หากพูดถึงที่มาของสัญลักษณ์แห่งรักแท้ รู้หรือไม่ ? เมื่อนกเงือกจับคู่แล้ว จะใช้ชีวิตแบบผัวเดียวเมียเดียวไปตลอดชีวิต ไม่ว่าคู่เดิมจะตายหรือหายไปก็จะไม่หาคู่ใหม่ เรียกได้ว่ารักเดียวใจเดียวมากจริง ๆ โดยนกเงือกจะเริ่มหาคู่ในช่วงปลายปี และเข้าสู่ฤดูผสมพันธุ์ช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน ทางมูลนิธิศึกษาวิจัยนกเงือก มหาวิทยาลัยมหิดลได้กำหนดให้วันที่ 13 กุมภาพันธ์ของทุกปีเป็น “วันรักนกเงือก” (Love Hornbills Day) ตั้งแต่ พ.ศ.2547 เป็นต้นมา

นกเงือก สัญลักษณ์แห่งรักแท้ อ่านเพิ่มเติม

บ้านมอญ นครสวรรค์ แหล่งเครื่องปั้นดินเผาระดับ 5 ดาว

บ้านมอญ นครสวรรค์ แหล่งเครื่องปั้นดินเผาระดับ 5 ดาว.บ้านมอญเป็นชุมชนชาวมอญเก่าแก่ของนครสวรรค์ มีชื่อเสียงมากเรื่องเครื่องปั้นดินเผา สืบค้นกลับไปได้ว่ามีการย้ายถิ่นมาจากอำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ในราว พ.ศ. 2398 และสืบทอดภูมิปัญญาการทำเครื่องปั้นดินเผามาจนถึงปัจจุบัน .เครื่องปั้นดินเผาบ้านมอญได้รับการยอมรับว่าเป็นเครื่องปั้นดินเผาคุณภาพดี เป็นสินค้าโอท็อประดับ 5 ดาวของนครสวรรค์ จุดเด่นคือ ใช้ดินเหนียวคุณภาพดีในท้องถิ่น ปั้นง่าย เผาแล้วไม่แตก อีกทั้งมีฝีมือการปั้นที่ประณีต สร้างสรรค์งานหลากหลายรูปแบบ ทั้งทำเป็นของที่ระลึก ตกแต่งบ้าน ตกแต่งสวน และราคาไม่แพง ใครมานครสวรรค์ก็มักมาแวะซื้อหากลับไปใช้งาน หรือเป็นของฝาก นอกจากนี้ยังมีการส่งขายทั่วไทย รวมทั้งส่งออกต่างประเทศ อย่างสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่นอีกด้วย.ชุมชนบ้านมอญตั้งอยู่ในตำบลบ้านแก่ง อำเภอเมืองนครสวรรค์ จุดสังเกตชัดเจนมาก ถ้าเพื่อน ๆ เห็นเครื่องปั้นดินเผาตั้งเรียงรายอยู่ทั้งสองฝั่งถนน นั่นล่ะ เรามาถึงแล้ว ถ้าใครอยากรู้ว่ากว่าจะออกมาเป็นถ้วยโถโอชามสักใบ มีขั้นตอนอย่างไร สามารถไปชมได้ที่ศูนย์สาธิตการทำเครื่องปั้นดินเผาของชุมชน ส่วนใครที่อยากเลือกซื้อเครื่องปั้นดินเผาสวย ๆ ไปใช้งาน ที่นี่ก็มีให้เลือกหลากหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็น กระถางต้นไม้ ตุ๊กตาประดับสวน อ่างปลา ถ้วยชามต่าง ๆ เป็นต้น .ติดต่อเข้าชมการสาธิตทำเครื่องปั้นดินเผาได้ที่ กลุ่มเครื่องปั้นดินเผาบ้านมอญ โทร. 09 9885 3646

บ้านมอญ นครสวรรค์ แหล่งเครื่องปั้นดินเผาระดับ 5 ดาว อ่านเพิ่มเติม

นครสวรรค์…สวรรค์ใกล้กรุง

นครสวรรค์ เป็นจังหวัดที่ได้ชื่อว่าเป็นประตูสู่ภาคเหนือ หลายคนเคยผ่านแต่ไม่เคยแวะ ถ้าเพื่อน ๆ เป็นคนหนึ่งในนั้น มาค่ะ…มาทำความรู้จักนครสวรรค์กัน . แอดจะพาไปเที่ยว 2 วัน 1 คืน ไหว้พระคู่บ้านคู่เมือง เดินเล่นที่ชุมแสง อำเภอเล็กๆริมน้ำน่าน ล่องเรือชมนก และทำน้ำตาลกันสด ๆ รับรองว่าทริปนี้เหมือนสวรรค์ใกล้กรุงของจริงเลยล่ะ . ในอดีต นครสวรรค์หรือปากน้ำโพ เป็นเมืองที่คึกคักมาก เพราะเป็นศูนย์กลางการค้าขายที่สำคัญระหว่างภาคกลางและภาคเหนือ โดยเฉพาะข้าวและไม้สัก มีแม่น้ำสำคัญจากภาคเหนือไหลผ่าน และยังเป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำเจ้าพระยา การคมนาคมขนส่งสะดวกทั้งทางน้ำ ทางเกวียน และทางรถไฟ ก่อนจะค่อย ๆ ซบเซาลงเมื่อมีการตัดถนน นครสวรรค์จึงไม่ได้เป็นศูนย์กลางเช่นในอดีต . ด้วยบรรยากาศการค้าที่คึกคักในยุคนั้น จึงทำให้มีชาวจีนหลั่งไหลเข้ามาทำมาหากินมากมาย และมีส่วนช่วยสร้างเศรษฐกิจของนครสวรรค์ให้เจริญรุ่งเรือง พร้อมกับการลงหลักปักฐาน เหล่าชาวจีนก็ได้ปรับตัวเพื่อให้เข้ากับประเพณีและวัฒนธรรมของไทย ขณะเดียวกันก็ยังรักษาธรรมเนียมประเพณีของชาวจีนเองเอาไว้ จะเห็นได้จากประเพณีจีนที่ยังคงสืบทอดมาจนถึงทุกวันนี้อย่างประเพณีแห่เจ้าพ่อ-เจ้าแม่ปากน้ำโพ และเทศกาลตรุษจีนที่ขึ้นชื่อว่าอลังการควรค่าแก่การไปชมสักครั้ง วันที่ 11.วัดคีรีวงศ์2.เกาะญวณ3.ตลาดชุมแสง4.บ้านเกยไชย5.ตลาดท่าเรือคลองคาง วันที่ 26.บึงบอระเพ็ด7.อาคารแสดงพันธุ์ปลา8.ศาลเจ้าพ่อเทพารักษ์-เจ้าแม่ทับทิม9..ทุ่งปอเทือง ไร่ธรรมชัย วันที่ 1ทริปนี้แอดเริ่มเดินทางจากกรุงเทพฯ ใช้เวลาขับรถประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่งก็ถึงจังหวัดนครสวรรค์.วัดคีรีวงศ์จุดแรก แอดจะพาไปไหว้พระเพื่อความเป็นสิริมงคลกันก่อนที่วัดคีรีวงศ์ บนเขาดาวดึงส์ วัดนี้เป็นปูชนียสถานสำคัญที่ชาวนครสวรรค์ให้ความเคารพนับถืออย่างมาก สิ่งที่โดดเด่นก็คือ พระจุฬามณีเจดีย์ เป็นเจดีย์ขนาดใหญ่ตั้งอยู่บนยอดเขา มี 4 ชั้น ชั้นแรกเป็นที่จุดธูปบูชา ชั้นที่สองมีรูปหล่อของพระเกจิอาจารย์ชื่อดัง รวมถึงรอยพระพุทธบาทจำลองไว้ให้ประชาชนได้กราบสักการะและปิดทอง.จากนั้นเดินขึ้นสู่ชั้นที่สาม ซึ่งประดิษฐานพระพุทธรูปจำลองที่สำคัญของเมืองไทยไว้ให้ประชาชนได้กราบไหว้บูชา อันได้แก่ พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรจำลอง (พระแก้วมรกต) พระพุทธชินราชจำลอง พระพุทธโสธรจำลอง ฯลฯ รวมทั้งสามารถมองเห็นวิวเมืองสวย ๆ ได้อีกด้วย แต่ถ้าอยากเห็นวิวเมืองนครสวรรค์แบบเต็มตา ต้องเดินต่อไปที่ชั้นสี่ ซึ่งมีจุดชมวิวแบบพานอรามา 360 องศา.ที่ตั้ง. ถนนมาตุลี ตำบลปากน้ำโพ อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์เปิดทุกวัน เวลา 08.00-18.00 น.โทร. 056 221 633, 056 222 009พิกัด. https://goo.gl/maps/bEtmcptQvNjWN3gi8 ออกจากวัดคีรีวงศ์ เราไปกันต่อที่ เกาะญวน เกาะเล็ก ๆ ที่ได้มาตั้งถิ่นฐานอยู่ที่บริเวณจุดเริ่มต้นของแม่น้ำเจ้าพระยา จุดเด่นอยู่ที่คลองเล็ก ๆ มีระยะทางยาวประมาณ 1 กิโลเมตร ทางเทศบาลได้ปรับภูมิทัศน์คลองระบายน้ำที่ผ่านเครื่องบำบัดน้ำเสียก่อนปล่อยลงแม่น้ำเจ้าพระยา ให้กลายเป็นพื้นที่ที่ดูสวยงามราวกับทางเดินเล่นในปารีสหรือโซลเลยทีเดียว ปัจจุบันบริเวณคลองเกาะญวนเปิดให้เป็นพื้นที่พักผ่อนออกกำลังกายหรือมาเที่ยวชมได้ นอกจากนี้ยังจะปรับปรุงคุณภาพของน้ำและเริ่มเพาะพันธุ์ปลาเพื่อความสนใจและมีเสน่ห์. พิักัด. https://goo.gl/maps/noB2KMyHCyHWYBCg7 ตลาดเก่าชุมแสง.จากอำเภอเมือง เราเดินทางต่อไปที่อำเภอชุมแสง ซึ่งห่างออกไปประมาณ 40 กิโลเมตร ไปสัมผัสวิถีชีวิตชุมชนที่ชื่อว่า “ชุมแสง” ชุมชนเล็ก ๆ เงียบสงบตั้งอยู่เลียบทางรถไฟสถานีชุมแสง ซึ่งเป็นสถานีสุดท้ายของจังหวัดนครสวรรค์ก่อนเข้าเขตจังหวัดพิจิตร เมื่อเดินเลียบทางรถไฟมาเรื่อย ๆ จะเจอตลาดเก่าร้อยปี เป็นจุดที่ห้ามพลาดเพราะใครมาชุมแสงก็ต้องมาถ่ายรูปเช็คอินตรงนี้ เราจะได้สัมผัสบรรยากาศชุมชนริมแม่น้ำน่าน และเสน่ห์ของอาคารบ้านไม้เก่า อายุกว่า 100 ปีสุดคลาสสิค แม้ปัจจุบันความคึกคักจะน้อยลงกว่าสมัยก่อนแต่ก็ไม่ถึงเงียบเหงา แอดเดินตามตรอกออกตามซอยยังคงเห็นคุณย่า คุณยายขายของกันสารพัดทำให้ดูมีชีวิตชีวามาก ๆ เลยค่ะ มาถึงชุมแสงก็ต้องมาตามรอยละครกรงกรรมสักหน่อย แอดจะพาไปแวะเช็คอินที่บ้านแม่ย้อย หรือที่คุ้นชื่อกันว่า อัศวรุ่งเรืองพานิช เป็นบ้านไม้เก่าสองชั้น อยู่ไม่ไกลจากตลาดเก่า ใครชื่นชอบละครเรื่องนี้ก็ตามมาถ่ายรูปกับบ้านหลังนี้ได้.พิกัด. https://goo.gl/maps/eKMjQRr7fCBh4v3d9 ถัดมาอีกหน่อยจะเจอ ชุมแสง แกลเลอรี่ ภายในจัดแสดงรูปภาพและของเก่าวินเทจที่หาดูได้ยาก.พิกัด. https://goo.gl/maps/bgxQGDAwfr8qByxJ6 ส่วนด้านหน้าจะมีกราฟิตี้ลายหน้ากากอยู่บนกำแพงบ้าน เก๋ๆชิคๆแบบนี้ก็ต้องมีภาพกลับไปอวดเพื่อน ๆ แล้วล่ะ.พิกัด. https://goo.gl/maps/bgxQGDAwfr8qByxJ6 ออกจากแกลเลอรี่ เดินมาเรื่อย ๆ ก็จะเจอศาลเจ้าพ่อเจ้าแม่ชุมแสง เป็นศาลเจ้าที่อยู่คู่ชุมชนชุมแสงมานาน อยู่ติดกับปากคลองจระเข้เผือก ชาวชุมแสงจึงเรียกขานกันว่า ศาลเจ้าพ่อคลองจระเข้เผือก ศาลนี้สร้างขึ้นด้วยความศรัทธาของชาวจีนที่อาศัยอยู่ในตลาดชุมแสง และในทุก ๆ ปีจะมีงานแห่เจ้าพ่อ-เจ้าแม่ชุมแสง ซึ่งเป็นเทศกาลสำคัญที่ปฏิบัติสืบต่อกันมานาน.พิกัด. https://goo.gl/maps/XBH7RUGtkwz4Gns28 ว่ากันว่า มาชุมแสงต้องลิ้มลองซาหริ่มรถเข็นเจ้าดังที่อยู่ใกล้ ๆ สถานีรถไฟชุมแสง เพื่อน ๆ สามารถเลือกได้ความชอบเลยค่ะ ทั้งหอมทั้งอร่อย แถมราคาไม่แพงอีกด้วย เริ่มต้นที่ 10 บาท พิกัด. https://goo.gl/maps/QY6YbGVhFnyEQf2r5 บ้านปากคลองเกยไชย.จากตลาดเก่าชุมแสงไปประมาณ 7 กิโลเมตร เราจะไปบ้านเกยไชย ดูวิธีการทำน้ำตาลสด ๆ กัน บ้านเกยไชย มีต้นตาลเป็นจำนวนมาก ชาวบ้านที่นี่จึงรู้จักวิธีการทำน้ำตาลโตลด น้ำตาลสด และอื่น ๆ เป็นอย่างดี ไม่เพียงเพื่อใช้ในชีวิตประจำวัน แต่ยังแปรรูปเป็นสินค้าวางขายด้วย ที่นี่ได้รับการส่งเสริมให้เป็นหมู่บ้านท่องเที่ยวชุมชน เพราะมีความโดดเด่นเรื่องวิถีชีวิตท้องถิ่น นักท่องเที่ยวสามารถมาชมการสาธิตขึ้นเก็บตาล การผลิตน้ำตาลสด การทำน้ำตาลโตนด การทำขนมตาล การทำอาหารจากตาล และการทำไอศกรีมตาล  ต้นตาลที่สามารถให้น้ำตาลได้นั้นจะต้องมีอายุถึง 20 ปี ตาลที่ได้มาจะมีสีเหลืองนวลและหวานหอม เหมาะกับการนำไปทำขนมซึ่งจะให้ความหวานอร่อยได้ดีกว่าขนมที่ทำด้วยน้ำตาลทราย หากใครอยากจะมาเรียนรู้การทำน้ำตาลสด แอดแนะนำให้ติดต่อล่วงหน้านะคะ ตาลจะมีตลอดปี แต่ช่วงระหว่างเดือนมกราคม-กรกฎาคม จะมีตาลเยอะที่สุด บ้านปากคลองเกยไชย ที่ตั้ง. ตำบลเกยไชย อำเภอชุมแสง จังหวัดนครสวรรค์เปิดทุกวัน เวลา 09.00-17.00 น.โทร. 08 1067 9646, 08 1786 7716พิกัด. https://goo.gl/maps/rvmFGuiqv79yUHpu9 เย็นนี้แอดขอพากลับมาที่อำเภอเมืองนะคะ มาเดินเล่นกันที่ตลาดท่าเรือคลองคาง ริมแม่น้ำปิง.ตลาดท่าเรือคลองคางเป็นตลาดต้องชม มีของขายมากมายทั้งของคาวและของหวาน แอดบอกเลยว่ายามเย็นที่นี่บรรยากาศดีมาก ๆ ค่ะ เราสามารถนั่งชิล รับลมเย็น ๆ ริมน้ำได้อย่างสบายอารมณ์ เพราะทางตลาดมีโซนนั่งกินริมน้ำให้สำหรับนักท่องเที่ยว รวมไปถึงมุมถ่ายรูปสวย ๆ.ที่ตั้ง. ตำบลบึงเสนาท อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์เปิดวันเสาร์และอาทิตย์ เวลา 15.00-21.00 น.โทร. 08 9643 9237พิกัด. https://goo.gl/maps/bKohoH97HvuHFesx8 วันที่ 2บึงบอระเพ็ด.เช้านี้แอดจะพาเพื่อน ๆ ไปล่องเรือดูนกกันที่บึงบอระเพ็ด แอดเชื่อว่าหลาย ๆ คนต้องเคยได้ยินชื่อเสียงของที่นี่แน่ ๆ

นครสวรรค์…สวรรค์ใกล้กรุง อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top