กรุงเทพมหานคร

กรุงเทพมหานคร

✨เดินชมศิลป์ บนฝา(ท่อ) ✨

เพื่อน ๆ เคยเห็นฝาท่อลายศิลป์ในกรุงเทพฯ ที่ไหนกันบ้าง อาจจะเคยเห็นแถวคลองโอ่งอ่างเมื่อหลายปีก่อน ฝาท่อลายศิลปะเหล่านั้นเกิดจากโครงการวิจัยการออกแบบประติมากรรมบนที่สาธารณะกับการมีส่วนร่วมของชุมชน โดยมหาวิทยาลัยศิลปากรในโครงการวิจัยนี้ได้เสนอให้นำอัตลักษณ์ของชุมชนมาสร้างศิลปะบนฝาท่อ ผลการวิจัยได้มอบให้กับสำนักการวางผังและพัฒนาเมืองกรุงเทพมหานคร ซึ่งทางกรุงเทพมหานครได้ร่วมกันจัดทำโครงการปรับปรุงภูมิทัศน์คลองโอ่งอ่างได้นำผลงานออกแบบไปดำเนินจัดทำฝาท่อและติดตั้งอย่างที่ เพื่อน ๆ ได้เห็นกัน นอกจากบริเวณคลองโอ่งอ่างที่มีการปรับปรุงภูมิทัศน์แล้วนั้น เมื่อต้นปีที่ผ่านมาบริเวณคลองผดุงกรุงเกษมก็เป็นอีกจุดหนึ่งที่ได้รับการปรับปรุงภูมิทัศน์โดยแบ่งเป็น 6 โซน โซนที่เป็นโซนนำร่องคือโซนที่ 2 หัวลำโพง ตั้งแต่ช่วงสะพานเจริญสวัสดิ์-สะพานกษัตริย์ศึก แอดได้มีโอกาสไปเดินเล่นมาแล้วทั้งคลองโอ่งอ่างและคลองผดุงได้เก็บภาพบางส่วนมาฝากเพื่อน ๆ เอาล่ะ ตามไปดูกันเลย คลองโอ่งอ่างที่ได้รับการปรับภูมิทัศน์ทางเท้าขยายกว้างขึ้นทำให้สามารถเดินออกกำลังกายได้สะดวกกว่าเดิม หรือเพื่อน ๆ จะมานั่งปิกนิกก็ได้นะ พิกัด : https://goo.gl/maps/zwk7soqJDkaG53Bz8 พิกัด : https://goo.gl/maps/XUb44ssPKj6GLH7MA พิกัด : https://goo.gl/maps/8ePeHZWxwBVek3pP9 พิกัด : https://goo.gl/maps/EWZTkaU5PNmSg2Cz6 พิกัด : https://goo.gl/maps/1Zp6PwMzApyRG47Z9 พิกัด : https://goo.gl/maps/CYFongCffiNiTFnV6 พิกัด : https://goo.gl/maps/wiEXfWvoYsyWdUdX6 พิกัด : https://goo.gl/maps/8ePeHZWxwBVek3pP9 พิกัด : https://goo.gl/maps/CnxaBa8H7RjmGMHX8 พิกัด : https://goo.gl/maps/2AydHqKGw4pcKrGk8 พิกัด : https://goo.gl/maps/kVsNYCyaVyHaqv9EA พิกัด : https://goo.gl/maps/EwMCW6R6wipELtU1A

✨เดินชมศิลป์ บนฝา(ท่อ) ✨ อ่านเพิ่มเติม

✨ล่องเรือไหว้พระวัดปากน้ำภาษีเจริญ 🛶

วัดที่แอดจะพามานั่นก็คือ วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ เป็นวัดเก่าแก่ก่อตั้งในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนกลาง ตั้งอยู่บริเวณปากคลองด่านเชื่อมกับคลองบางกอกใหญ่จึงเรียกกันว่า วัดปากน้ำ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ได้ทำการบูรณปฏิสังขรณ์แต่ยังให้คงรูปแบบสถาปัตยกรรมสมัยกรุงศรีอยุธยาไว้ และได้บูรณปฏิสังขรณ์อีกครั้งในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ต่อมาในสมัยพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 วัดปากน้ำไม่ได้รับการดูแลเนื่องจากไม่มีเจ้าอาวาสทางเจ้าคณะอำเภอขณะนั้นจึงได้ส่ง หลวงพ่อสด จากวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามมาเป็นเจ้าอาวาสในปี พ.ศ. 2459 หลวงพ่อสดได้ทำให้วัดปากน้ำกลายเป็นศูนย์กลางการปฏิบัติธรรมมีภิกษุ สามเณร รวมถึงประชาชนได้เข้ามาปฎิบัติธรรมที่วัดเป็นจำนวนมากสืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน หลวงพ่อสดมรณภาพเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2502 แต่สรีรสังขารยังถูกเก็บไว้ ณ หอสังเวชนีย์มงคลเทพนิรมิต วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ และยังเปิดให้ประชาชนสามารถเข้าไปสักการะได้ สิ่งที่น่าสนใจภายในวัด ได้แก่ พระมหาเจดีย์มหารัชมงคล ใช้ระยะเวลาสร้างตั้งแต่ พ.ศ. 2547 แล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2555 เจดีย์เป็นศิลปะรัตนโกสินทร์และล้านนาประยุกต์เข้าด้วยกัน ฐานของเจดีย์ได้ต้นแบบมาจากวัดโลกโมฬี จังหวัดเชียงใหม่ มีความสูง 80 เมตร ภายในแบ่งออกเป็นชั้น ถึง 5 ชั้นด้วยกัน โดยแต่ละชั้นจะจัดแสดงแตกต่างกันไป ในส่วนของชั้นที่ 1 จะเป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงของเครื่องใช้ต่าง ๆ ที่ผู้มีจิตศรัทธานำมาบริจาค เช่นรถเก่า จักรเย็บผ้า พระพุทธรูปแกะสลัก ถ้าเพื่อน ๆได้มาที่นี่จะสังเกตเห็นตาลปัตรโชว์อยู่รอบเจดีย์ถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ของพิพิธภัณฑ์เลยก็ว่าได้ ในส่วนของชั้น 2 เป็นห้องปฏิบัติธรรม ชั้นที่ 3 เป็นพิพิธภัณฑ์สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญฺโญ) จัดแสดงเครื่องใช้ของส่วนตัวและของที่ลูกศิษย์นำมาถวาย ชั้นที่ 4 เป็นห้องประดิษฐานพระทองคำรูปเหมือนหลวงพ่อสด และบูรพาจารย์ท่านอื่น ๆ ชั้นที่ 5 ประดิษฐาน เจดีย์แก้วมรกต ภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ มีเพดานเป็นทรงโดมระบายด้วยภาพวาดจิตรกรรมเป็นจักรวาล อีกหนึ่งจุดที่ไม่พูดถึงคงจะไม่ได้คือ พระพุทธธรรมกายเทพมงคล เป็นพระพุทธรูปปางสมาธิหน้าตักกว้าง 40 เมตร สูง 69 เมตร ประดิษฐานคู่กับเจดีย์พระมหาเจดีย์มหารัชมงคลสร้างขึ้นตามนิมิตของหลวงพ่อสดซึ่งท่านเห็นลักษณะของพระพุทธรูปนี้ในขณะที่กำลังเจริญสมาธิกรรมฐานนอกจากจะสร้างเพื่อถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา และสังฆบูชา ยังสร้างเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เพื่อน ๆ สามารถเดินทางมาวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ได้หลายรูปแบบวันนี้แอดเลือกล่องเรือ 1 ลำจะสามารถนั่งได้ 1–3 คน สามารถขึ้นเรือได้ที่วัดราชโอรส หรือ วัดใหม่ยายนุ้ย หากมีรถส่วนตัวแนะนำให้ไปจอดที่วัดราชโอรส หากมารถสาธารณะ สามารถนั่งรถไฟฟ้า BTS ลงสถานีวุฒากาศประตู 3 จากนั้นเดินไปขึ้นเรือที่วัดใหม่ยายนุ้ย ใช้เวลาล่องเรือ 1 ชั่วโมงราคา 600 บาท 091 025 9479 คุณบอยแนะนำให้โทรจองล่วงหน้า 1-2 วัน

✨ล่องเรือไหว้พระวัดปากน้ำภาษีเจริญ 🛶 อ่านเพิ่มเติม

✨ ตรอกสุกร ซอยเล็ก (ร้าน) อร่อยเยอะ ✨

ประเทศไทยนั้นขึ้นชื่อเรื่องอาหารการกินอยู่แล้ว ไม่ว่าจะส่วนไหนในประเทศล้วนแต่มีร้านอร่อยให้พูดถึง ในกรุงเทพฯเองก็มีอยู่หลายย่านทีเดียว วันนี้แอดมีย่านหนึ่งมาแนะนำ นั่นคือ ซอยสุกร 1 หรือที่หลายคนคุ้นชินในชื่อ “ตรอกโรงหมู” แม้จะเป็นซอยเล็ก ๆ แต่รวมร้านเก่าแก่เจ้าอร่อยทั้งคาวหวานหลายร้านเลย ใครมากินต่างก็ถูกใจไปตาม ๆ กัน เดินทางง่าย อยู่ใกล้ MRT สถานีหัวลำโพง เอาล่ะ ตามมาดูว่าวันนี้แอดจะมีอะไรมาเสิร์ฟเพื่อน ๆ บ้าง จุดแวะเที่ยวแวะชิมของอร่อย 1. ชิมข้าวหมูแดงเก่าแก่ ร้านสีมรกต 2. ชองกี่หมูสะเต๊ะ ร้านอร่อยราคาประหยัด 3. เรียนรู้จุดกำเนิดชุมชนจีนในไทย ที่ศูนย์ประวัติศาสตร์เยาวราช วัดไตรมิตรวิทยาราม 4. ก๋วยเตี๋ยวตรอกโรงหมู เครื่องแน่น รสชาติจี๊ดจ๊าด 5. Scoopp ร้านไอศกรีมสีสดใส หลากหลายรส 6. แวะซึ้อขนมเปี๊ยะเบ๊ซุ่นหลี ร้านเก่าแก่กว่า 100 ปี  1. ชิมข้าวหมูแดงเก่าแก่ ร้านสีมรกต  จาก MRT สถานีหัวลำโพง แอดใช้ทางออกที่ 3 เดินไปทางวัดไตรมิตร เข้าซอยสุกร 1 ก็จะถึงร้านแรก นั่นคือ ร้านข้าวหมูแดงสีมรกต เปิดมาแล้วกว่า 70 ปี เป็นร้านโปรดของแอดก็ว่าได้ เรียกว่าหากมีคนถามว่าชอบข้าวหมูแดงร้านไหน ร้านนี้จะเป็นร้านต้น ๆ ที่เด้งขึ้นมาในหัวทันที จุดเด่นของร้านนี้คือ ความกรอบ นุ่ม หอม ไม่ว่าจะเป็นหมูแดง หมูกรอบ กุนเชียง อร่อยหมดทุกอย่าง เพราะเป็นการย่างด้วยเตาถ่าน ซึ่งต้องพิถีพิถันกว่าการใช้เตาแก๊สอยู่มากโข แถมน้ำราดยังปรุงได้กลมกล่อม หอมกระเทียม ถั่ว งา ยั่วน้ำลายสุด ๆ นอกจากเมนูข้าวแล้ว ซุปของทางร้านก็ดีงามไม่แพ้กัน แต่ละวันก็จะต่างกัน โดยซุปเป็ดตุ๋นมะนาวดองจะมีทุกวัน มะระซี่โครงหมู มีทุกวันจันทร์ อังคาร พฤหัสบดี ศุกร์ เสาร์ ส่วนกระเพาะหมูเกี่ยมฉ่ายจะมีวันพุธและอาทิตย์ ราคาเริ่มที่ 40 บาท : 80-82 ซอยสุกร 1(ซอยตรงข้ามวัดไตรมิตร) ถนนมิตรภาพไทย-จีน แขวงตลาดน้อย เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ : เปิดทุกวัน 10:00 – 16:00 น. : 08 1567 9006, 08 1816 9774  2. ชองกี่หมูสะเต๊ะ ร้านอร่อยราคาประหยัด  ร้านนี้เป็นร้านเก่าแก่ ตั้งอยู่ติดกับร้านสีมรกต เปิดขายมานานกว่า 80 ปี ภายในร้านกว้างขวาง มีห้องย่างหมูสะเต๊ะด้วยเตาถ่านอยู่ด้านใน มีระบบจัดการควันอย่างดี ไม่รบกวนบริเวณนั่งกินในร้านและบ้านใกล้เรือนเคียงแน่นอน นอกจาก หมูสะเต๊ะ เนื้อนุ่มแน่นเต็มไม้แล้ว ร้านนี้ยังมี ตับสะเต๊ะ ที่ปิ้งมาแบบพอดี นุ่ม ๆ หอม ๆ จะกินกับน้ำจิ้มสะเต๊ะก็ดีงาม กินกับอาจาดก็ลงตัว หรือกินกับขนมปังปิ้งก็เข้ากั๊นเข้ากัน ราคาชุดละ 90 บาท มี 10 ไม้ คละได้ทั้งหมูและตับ : ซอยสุกร 1 ถนนมิตรภาพไทย-จีน แขวงตลาดน้อย เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ : วันจันทร์ เวลา 09.00-14.00 น., วันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 09.00-18.00 น. : 0 2236 1171  3. เรียนรู้จุดเริ่มต้นชุมชนจีนในไทย ที่ศูนย์ประวัติศาสตร์เยาวราช วัดไตรมิตรวิทยาราม  เอาล่ะ ไปเดินเล่นให้อาหารย่อยกันสักนิด จากซอยสุกร 1 เราจะไปที่วัดไตรมิตรวิทยาราม มุ่งตรงไปที่พระมหามณฑป ซึ่งชั้นบนสุดจะเป็นที่ประดิษฐานองค์ พระพุทธมหาสุวรรณปฏิมากร หรือ หลวงพ่อทองคำ ที่ทำจากเนื้อทองคำบริสุทธิ์ทั้งองค์ เป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของผู้คนทั้งในย่านนี้และต่างถิ่น หลังจากกราบหลวงพ่อทองคำแล้ว แอดจะพาไปยังจุดหมายหลักที่ตั้งใจพาเพื่อน ๆ มา นั่นคือการพามาย้อนรอยความเป็นมาของผู้คนในเยาวราช หนึ่งในย่านเศรษฐกิจที่มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน ที่ ศูนย์ประวัติศาสตร์เยาวราช บริเวณชั้น 2 ของพระมหามณฑปนั่นเอง ภายในแสดงถึงการย้ายถิ่นฐานและประวัติศาสตร์ของชาวจีนมาประเทศไทยตั้งแต่อดีต ตามลำดับเวลาและเหตุการณ์ ผ่านการจัดแสดงตามห้องต่าง ๆ โดยมีการใช้เทคนิคการนำเสนอที่สวยงาม ทันสมัยและน่าสนใจ พร้อมมีแผ่นป้ายให้ความรู้ 3 ภาษา คือ ไทย อังกฤษ และจีน สะดวกสำหรับนักท่องเที่ยวมากทีเดียว ข้อแนะนำก่อนเที่ยวศูนย์ประวัติศาสตร์เยาวราช แต่งกายให้สุภาพเรียบร้อย ไม่สวมกระโปรงสั้นเหนือเข่า สำรวมกิริยามารยาทเมื่ออยู่ภายในวัด รวมทั้งช่วยกันรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยภายในวัด วัดไตรมิตรวิทยาราม : 661 วัดไตรมิตรวิทยาราม ถนนเจริญกรุง แขวงตลาดน้อย เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ 10100 : อังคาร-อาทิตย์ (หยุดวันจันทร์) 08.00-17.00 น. : 0 2623 1226, 0 2623 1291, 0 2623 3329 : ไม่เก็บค่าเข้าชมสำหรับคนไทย ชาวต่างชาติ กราบพระทองคำ 40 บาท ชมนิทรรศการหลวงพ่อทองคำและศูนย์ประวัติศาสตร์ 100 บาท (บัตรรวม 140 บาท)  4.

✨ ตรอกสุกร ซอยเล็ก (ร้าน) อร่อยเยอะ ✨ อ่านเพิ่มเติม

✨อิ่มบุญ อิ่มกาย…เทศกาลกินเจ ✨

🌟ถึงช่วง #เทศกาลกินเจ กันแล้ว…เพื่อน ๆ คนไหนกินเจกันบ้างคะ : ) เทศกาลกินเจ เป็นเทศกาลที่มีมายาวนานในกลุ่มคนไทยเชื้อสายจีน ได้รับอิทธิพลจากคนจีนที่อพยพเข้ามาในไทย จนกระทั่งได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายและปฏิบัติกันมาจนถึงปัจจุบัน และถือเป็นโอกาสที่จะได้ละเว้นการกินเนื้อสัตว์ เพราะเชื่อว่าเป็นการทำบุญครั้งใหญ่ของปี🎊 ในช่วงเทศกาลกินเจแบบนี้ บรรยากาศตลาดสดและร้านอาหารก็จะคึกคักกว่าปกติ แอดก็รู้สึกคึกคักเหมือนกัน เลยจะชวนเพื่อน ๆ มาอิ่มบุญ อิ่มท้องด้วยกัน ซึ่งร้านที่แอดจะแนะนำนี้เป็นอาหารเจที่ปรับสูตรให้เป็นอาหารคลีนและเพื่อสุขภาพ 1. Farm To Table Hide Out ร้านอาหารเก๋ ๆ ที่ซ่อนตัวอยู่แถวปากคลองตลาด ความน่าสนใจของที่นี่คือการใช้ผักออร์แกนิคในการปรุงอาหาร ในช่วงกินเจทางร้านก็มีเมนูเจด้วยนะคะ ซอยท่ากลาง แขวงวังบูรพาภิรมย์ เขตพระนคร กรุงเทพฯ เปิดวันจันทร์-อังคาร และวันพฤหัสบดี-วันอาทิตย์ เวลา 10.00-21.00 น. (ปิดวันพุธ) โทร. 0 2004 8771 2. Veganerie 100% vegan ร้านมังสวิรัติที่คนที่กินเจและไม่กินเจสามารถเข้าไปลิ้มลองความอร่อยได้ ร้าน Veganerie 100% vegan มี 8 สาขา สาขาห้าง Mercury Ville ถนนชิดลม เปิดทุกวัน เวลา 11.00-21.00 น. สาขาซอยเมธีนิเวศน์ สุขุมวิท 24 (หลังสวนเบญจสิริ) เปิดวันจันทร์-พุธ และวันศุกร์-วันอาทิตย์ (ปิดวันพฤหัสบดี) เวลา 10.00-22.00 น. สาขาสยามพารากอน เปิดทุกวัน เวลา 11.00-21.30 น. สาขาเอ็มควอเทียร์ เปิดทุกวัน เวลา 11.00-21.30 น. สาขานานา ซอยสุขุมวิท 11 สาขาวงเวียนใหญ่ สี่แยกบ้านแขก สาขาซอยลาซาล 55 สาขาสีลม ชั้น B สีลมคอมเพล็กซ์ สาขาสุวรรณภูมิ ซอยกิ่งแก้ว 40/2 3. หลงโถว เยาวราช ร้านเก๋ สไตล์จีนย่านเยาวราชที่มีเมนูอาหารเช้า ขนมกินเล่น เครื่องดื่ม รวมทั้งอาหารเจ 538 ถ.เยาวราช แขวงสัมพันธวงศ์ เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร เปิดทุกวัน เวลา 08.00 – 22.00 น. โทร. 08 5824 6934

✨อิ่มบุญ อิ่มกาย…เทศกาลกินเจ ✨ อ่านเพิ่มเติม

วงเวียนใหญ่ ตลาดพลู…ชื่อนี้มีแต่ของอร่อย✨

ใครสายกิน…มาทางนี้กันเลย วันนี้แอดชวนไปกันที่ย่านวงเวียนใหญ่ ตลาดพลู แค่ได้ยินชื่อของอร่อยก็เห็นภาพของอร่อยเต็มไปหมด แถมอิ่มแบบจุก ๆ อย่างแน่นอน ย่านนี้ขึ้นชื่อว่ามีแต่ของอร่อย ไม่แพ้ร้านดังที่อื่น ๆ รวมถึงการเดินทางก็สะดวกสบาย ง่ายต่อการตะลุยกิน จริง ๆ แล้วยังมีร้านเด็ดอีกเยอะเลยค่ะ วันนี้แอดนำมาฝากเป็นน้ำจิ้ม ใครมีโอกาสผ่านไปแถววงเวียนใหญ่ ตลาดพลู ก็ตามไปชิมกันเยอะ ๆ นะคะ วงเวียนใหญ่ ตลาดพลู…ชื่อนี้มีแต่ของอร่อย 1. อนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช 2. ขาหมูคาเฟ่ (สูตรฮ่องเต้) 3. ผัดไท นรกแตก 4. สมศักดิ์ปูอบ 5. ขนมหวานตลาดพลู เจ้าเก่า 6. นิอ่าง น้ำแข็งใส ไอติมไข่แข็ง อนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช แอดเดินทางด้วยรถไฟฟ้า BTS มาลงที่สถานีวงเวียนใหญ่ จากรถไฟฟ้าใช้เวลาเดินประมาณ 10 นาที ก็จะถึงร้านต่าง ๆ ในย่านนี้ ซึ่งแต่ละร้านก็ไม่ได้ไกลกันมากนัก แน่นอนว่า เราจะพบกับอนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ตั้งตระหง่านอยู่ใจกลางวงเวียน เพื่อน ๆ แวะไปสักการะเพื่อเป็นสิริมงคลกับชีวิต https://goo.gl/maps/zTjUpXozRDYFnx1C9 ขาหมูคาเฟ่ (สูตรฮ่องเต้) เริ่มที่ร้านขาหมู สูตรฮ่องเต้ ร้านนี้ไม่ได้มีแค่ข้าวขาหมูแบบดั้งเดิมนะ แต่ยังมีเมนูน่าลองอีกหลายอย่างไม่ว่าจะเป็น บะหมี่ก๋วยจั๊บน้ำข้น บะหมี่ขาหมู กะเพราขาหมูพริกแห้ง ฯลฯ บอกเลยว่ารสเด็ด หอมเข้มข้นขาหมูเลย ต้องมาลองค่ะ  440 ตรงข้ามซอยเจริญรัถ 3 ถนนเจริญรัถ แขวงคลองต้นไทร เขตคลองสาน กรุงเทพฯ  เปิดทุกวัน เวลา 10.00-19.00 น. (ปิดวันเสาร์-อาทิตย์)  โทร. 09 3254 6263 https://goo.gl/maps/qd9pzzVtZ2HRXUiTA  ผัดไท นรกแตก ผัดไทยสูตรโบราณ อร่อยจนคนต่อคิวแน่นตั้งแต่ร้านเปิด จนเป็นที่มาของชื่อร้าน “นรกแตก” นั่นเอง กุ้งสดตัวโต เครื่องจัดเต็มอีกด้วย  ถนนลาดหญ้า (ใกล้สหกรณ์กรุงเทพ สาขาลาดหญ้า) แขวงคลองต้นไทร เขตคลองสาน กรุงเทพฯ  เปิดทุกวัน เวลา 17.30-22.00 น. (ปิดวันจันทร์)  โทร. 08 1351 9390 https://goo.gl/maps/KjaKifmuu8FuDCmd8 สมศักดิ์ปูอบ ใครที่ชอบเมนูอบวุ้นเส้นแบบฉ่ำ ๆ ต้องยกให้ร้านนี้เลยล่ะ แต่ไม่ได้มีแค่อบวุ้นเส้นนะ ยังมีอาหารทะเลลวก หอยแมลงภู่และหอยแครงลวกอีกด้วย เด็ดขนาดได้เป็นหนึ่งในลิสต์ของ มิชลินไกด์ บิบกูร์มองด์ เมนูที่ต้องสั่งคือ “ปูอบวุ้นเส้น” วุ้นเส้นฉ่ำ ๆ เนื้อปูแน่น ๆ ต้องมาลองกันนะคะ  234 สาขาลาดหญ้า (ริมถนนลาดหญ้า) แขวงคลองสาน เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร  เปิดวันอังคาร-อาทิตย์ (ปิดวันจันทร์) เวลา 16.00-22.00 น.  โทร. 08 9494 1000 https://goo.gl/maps/KN4kBfy2Mq45gv5p7 ต่อไปคือย่านตลาดพลูที่แม้จะอยู่ไม่ไกลกันนัก แต่ก็อาจจะเหนื่อยเกินกว่าจะเดินชิลล์ แนะนำให้ใช้บริการรถไฟฟ้า BTS จากสถานีวงเวียนใหญ่มาลงที่สถานีตลาดพลู แล้วเดินต่อประมาณ 10 นาที ย่านนี้ก็มีอาหารคาวหวานอร่อยเด็ดให้เลือกมากมายเช่นกัน ขนมหวานตลาดพลู เจ้าเก่า ร้านขนมไทยที่เปิดมานานกว่า 80 ปี เจ้าเดียวคือที่นี่ไม่มีสาขา เรียกได้ว่าเป็นร้านในตำนาน มีขนมไทยหลายอย่างที่เราคุ้นหน้าคุ้นตา ราคาย่อมเยา เรื่องรสชาติต้องลอง!!แอบกระซิบเลยว่า ใครมาช้าอดกินนะคะ เพราะมีลูกค้ามากมายต่างมารอซื้อขนมเจ้านี้  ซอยเทอดไท 25 แขวงตลาดพลู เขตกรุงธนบุรี กรุงเทพฯ  เปิดทุกวัน เวลา 11.00-18.00 น.  โทร. 0 2466 9332 https://goo.gl/maps/2cNsGn7ZgM3ieEr2A  นิอ่าง น้ำแข็งใส ไอติมไข่แข็ง อย่าลืมของหวานเย็น ๆ อย่างไอติมนิอ่าง มีทั้งเครื่องดื่ม น้ำแข็งไส และเมนูขึ้นชื่อของร้านที่พลาดไม่ได้คือ “ไอติมไข่แข็ง” ที่มีซอสไข่แดงราดบนไอศกรีม คลุกเคล้าด้วยกันแล้วทั้งนัวทั้งมันเลยล่ะ ต้องห้ามพลาด!!  แขวงตลาดพลู เขตธนบุรี กรุงเทพฯ  เปิดทุกวัน เวลา 15.00-02.00 น.  โทร. 08 1920 7802 https://goo.gl/maps/2bfU3Q2waLMenizH8

วงเวียนใหญ่ ตลาดพลู…ชื่อนี้มีแต่ของอร่อย✨ อ่านเพิ่มเติม

✨ Box Office Bar Prince Theatre @ Prince Theatre Heritage Stay ✨

หากพูดถึงย่านที่ขึ้นชื่อเรื่องอาหารการกิน บางรักน่าจะเป็นชื่อต้น ๆ ที่หลายคนนึกถึง ย่านนี้มีความโดดเด่นทั้งในเรื่องร้านอาหารเก่าแก่ขึ้นชื่อมากมาย และอาคารเก่าสวย ๆ ที่ถือเป็นเสน่ห์ของย่านนี้ วันนี้แอดจะมาแนะนำคาเฟ่ในโรงหนังเก่า Prince Rama ซึ่งปัจจุบันได้ปรับปรุงให้เป็นที่พัก Prince Theatre Heritage Stay เหมาะมากสำหรับผู้มองหาการพักค้างในบรรยากาศวินเทจ ซึมซับบรรยากาศของประวัติศาสตร์ชุมชน หรือเข้ามานั่งพักเหนื่อยระหว่างเดินชมย่านนี้ ที่นี่เดินทางสะดวก อยู่ใกล้ BTS สถานีสะพานตากสิน (ทางออกที่ 3) เดินได้ไม่ไกล มีทางเข้า 2 ทาง โดยทางแรกจะเป็นซอยเล็ก ๆ อยู่ตรงข้ามโรบินสันบางรัก อีกทางเข้าอยู่เส้นถนนศรีเวียง เดินจากแยกมา 70 เมตร จะเห็นป้ายร้าน Prince Theatre Heritage Stay อยู่ทางขวามือ เมื่อสืบความย้อนหลัง พบว่าที่นี่อยู่คู่กับย่านบางรักมายาวนาน โดยแรกเริ่มเปิดเป็นโรงบ่อนหลวง จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นโรงหนัง Stand Alone แห่งแรก ๆ ของไทย ก่อนจะเสื่อมความนิยมและกลายเป็นโรงหนังวาบหวิว ในที่สุดก็ถูกทิ้งร้าง จนเมื่อปี พ.ศ. 2560 ที่นี่ก็กลับมามีชีวิตอีกครั้ง บริษัท เฮอริเทจ สเตย์ จำกัด ชนะการประมูล ได้สิทธิบริหารพื้นที่จากกรมธนารักษ์ ที่ต้องการให้ภาคเอกชนเข้ามาพัฒนาพื้นที่ท้องถิ่น เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ จึงเกิด Prince Theatre Heritage Stay ขึ้นในปัจจุบัน Prince Theatre Heritage Stay ยังรักษากลิ่นอายของโรงหนังเก่าเอาไว้ เห็นได้ชัดเจนจากการตกแต่งต่าง ๆ ในตัวตึก มีความวินเทจ มีการเก็บกระจกสีในสไตล์ Art Deco ตามความนิยมในสมัยก่อนเอาไว้ สิ่งที่โดดเด่นที่สุดจะเป็นเวทีและจอหนังขนาดใหญ่ พร้อมที่นั่งกว้างขวางให้แขกของคาเฟ่เลือกนั่งได้ตามใจ (จริง ๆ ที่นี่จะมีการฉายหนังเก่าให้ดูฟรีด้วย แต่เนื่องจากสถานการณ์โควิดทำให้มีการงดฉายไป จะฉายเมื่อไหร่รอติดตามชมได้ที่เพจของทางร้าน) Box Office Bar จะอยู่ในพื้นที่เดียวกัน มีเมนูเครื่องดื่มหลากหลาย ทั้งชา กาแฟ น้ำหวาน ค็อกเทล (cocktail) และม็อกเทล (mocktail) อีกหนึ่งจุดที่ไม่พูดถึงไม่ได้ คือที่นี่มีบริการซื้ออาหารจากร้านดังในย่านนี้อย่าง โจ๊กปรินซ์ เป็ดย่างประจักษ์ ข้าวขาหมูเจริญแสง ฯลฯ มาให้บริการสำหรับผู้ที่เข้าพัก ซึ่งหากอยากกินร้านไหนก็แจ้งล่วงหน้าได้เลย 30 นาที ส่วนของห้องพักจะอยู่ที่ชั้น 2 มีทั้งหมด 26 ห้อง มีทั้งแบบห้องพักรวมและห้องพักส่วนตัว มีการตกแต่งด้วยโปสเตอร์หนังเก่าชวนให้คิดถึงบรรยากาศการดูหนังในอดีต และเมื่อมองลงมาจากระเบียงชั้น 2 จะเห็นพื้นที่ส่วนกลางและจอฉายหนังขนาดใหญ่  Prince Theatre Heritage Stay Bangkok   : 441/1 ถนนเจริญกรุง-ศรีเวียง, แขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร 10500  : จอดรถได้ที่ลานจอดรถโรบินสัน บางรัก (ค่าบริการชั่วโมงละ 20 บาท)  : เปิดทุกวัน เวลา 09.00-23.00 น.  : 0 2090 2858, 06 2591 2288

✨ Box Office Bar Prince Theatre @ Prince Theatre Heritage Stay ✨ อ่านเพิ่มเติม

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เรือพระราชพิธี✨

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เรือพระราชพิธี เดิมเป็นอู่เรือหรือเรียกว่าโรงเก็บเรือพระราชพิธี อยู่ในความควบคุมดูแลของสำนักพระราชวังและกองทัพเรือ ในปี พ.ศ. 2490 อู่และเรือพระราชพิธีบางส่วนถูกระเบิดจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้รับความเสียหาย ทางสำนักพระราชวังและกองทัพเรือจึงมอบให้กรมศิลปากรทำการซ่อมแซม ดูแลรักษาเรือพระราชพิธี และเนื่องด้วยกรมศิลปากรเล็งเห็นว่าเรือพระราชพิธีมีประวัติและความสำคัญมายาวนานและยังนำมาใช้ในพระราชพิธีสำคัญต่าง ๆ ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน จึงได้ขึ้นทะเบียนเรือพระที่นั่งต่าง ๆ ไว้เป็นมรดกของชาติ พร้อมทั้งยกฐานะของอู่เก็บเรือขึ้นเป็น “พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เรือพระราชพิธี” ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2517 เป็นต้นมา เรือพระราชพิธี เป็นเรือที่ใช้ในพระราชพิธีชลมารคหรือที่เรียกว่า กระบวนพยุหยาตราชลมารค ถือเป็นพระราชประเพณีดั้งเดิมสืบเนื่องมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา กระบวนพยุหยาตราก็คือการเสด็จพระราชดำเนินทางน้ำของพระมหากษัตริย์ มักจัดขึ้นในโอกาสที่ต้องเสด็จในการทำสงคราม และในโอกาสพระราชพิธี ในปัจจุบันไม่ได้มีการทำสงครามแล้ว แต่ยังคงมีกระบวนพยุหยาตราให้ได้ชมอยู่บ้างในพระราชพิธีสำคัญต่าง ๆ เช่น พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชพิธีเสด็จพระราชดำเนินถวายผ้าพระกฐิน ณ วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร เป็นต้น ปัจจุบันเรือพระราชพิธีทั้ง 52 ลำ ถูกเก็บรักษาไว้ ณ สถานที่ 3 แห่ง 1.พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เรือพระราชพิธี จัดแสดงเรือพระที่นั่ง 4 ลำ ประกอบด้วย เรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ เรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณ รัชกาลที่ 9 เรือพระที่นั่งอนันตนาคราช และเรือพระที่นั่งอเนกชาติภุชงค์ พร้อมทั้งเรือที่มีโขนเรือ 4 ลำ ประกอบด้วย เรือเอกชัยเหินหาว เรือครุฑเหินเห็จ เรือกระบี่ปราบเมืองมาร และเรืออสุรวายุภักษ์ 2.อู่เรือหลวงที่ท่าวาสุกรี ข้างหอสมุดแห่งชาติ มีเรือ 6 ลำ ประกอบด้วย เรือเอกชัยหลาวทอง เรือครุฑเตร็จไตรจักร เรือพาลีรั้งทวีป เรือสุครีพครองเมือง เรือกระบี่ราญรอนราพณ์ และเรืออสุรปักษี 3.แผนกเรือราชพิธี กองเรือเล็ก เป็นอู่เรือของกองทัพเรือ มีเรือเสือทะยานชล เรือเสือคำรณสินธุ์ เรือทองขวานฟ้า เรือทองบ้าบิ่น เรือดั้ง เรือแซง เรือแตงโม เรืออีเหลือง ทุกลำถูกเก็บรักษาไว้ที่นี่ เรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ลำปัจจุบัน สร้างขึ้นใหม่ในปลายรัชสมัยรัชกาลที่ 5 แล้วเสร็จในสมัยรัชกาลที่ 6 เมื่อ พ.ศ. 2454 โดยตั้งชื่อตามเรือพระที่นั่งโบราณของสมเด็จพระมหาจักรพรรดิแห่งกรุงศรีอยุธยา คือ เรือศรีสุพรรณหงส์ หรือเรือพระที่นั่งชัยสุพรรณหงส์ เรือพระที่นั่งอนันตนาคราชลำแรกสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3 แต่เริ่มใช้ในกระบวนพยุหยาตราชลมารคในสมัยรัชกาลที่ 4 ปรากฏชื่อว่า เรือพระที่นั่งบัลลังก์อนันตนาคราช เรือพระที่นั่งอนันตนาคราชลำปัจจุบันสร้างขึ้นใหม่ในสมัยรัชกาลที่ 6 หัวเรือเป็นพญานาค 7 เศียร กลางลำเรือเป็นบุษบกไว้ประดิษฐานพระพุทธรูปสำคัญหรือผ้าพระกฐินในกระบวนพยุหยาตราชลมารค เรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณ รัชกาลที่ 9 หัวเรือพระที่นั่งเป็นพระนารายณ์ประทับยืนบนครุฑยุดนาค เรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณสร้างน้อมเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เนื่องในพระราชพิธีกาญจนาภิเษก เมื่อ พ.ศ. 2539 ดำเนินการโดยกองทัพเรือร่วมกับกรมศิลปากร จึงเติมสร้อยรัชกาลที่ 9 เพื่อสื่อให้ทราบว่าสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 9 เรือพระที่นั่งอเนกชาติภุชงค์ สร้างขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ชื่อมาจากภาษาสันสกฤตว่า อเนกะชาตะภุชงฺคะ แปลว่า งูหลากหลายชนิด ซึ่งสอดคล้องกับรูปโขนเรือที่ลงรักปิดทองมีลายรูปงูตัวเล็กๆ จำนวนมาก เรืออสุรวายุภักษ์ ชื่อเรือมาจากภาษาสันสกฤต มีความหมายว่า “อสูรผู้มีลมเป็นอาหาร” หัวเรือมีลักษณะร่างเป็นนก หน้าเป็นยักษ์ ใส่เสื้อสีม่วง มือและเท้าเป็นสีคราม มีเรืออีกลำที่ลักษณะคล้ายคลึงกันชื่อว่า เรืออสุรปักษี เรือกระบี่ปราบเมืองมาร สร้างขึ้นครั้งแรกในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 หัวเรือกระบี่ปราบเมืองมาร เป็นรูปลิงร่างกายสีขาว ไม่สวมเครื่องประดับหัว ส่วนเครื่องประดับกายและผ้านุ่งลงรักปิดทองประดับกระจก มีเรือลักษณะคล้ายคลึงกันชื่อว่าเรือกระบี่ราญรอนราพณ์ เรือครุฑเหินเห็จ สร้างครั้งแรกในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 แต่ใช้ชื่อเรือว่า เรือครุฑเหินระเห็จ หัวเรือเป็นรูปครุฑยุดนาคลงรักปิดทองประดับกระจก ครุฑมีกายสีแดง มีเรือที่ลักษณะคล้ายคลึงกันชื่อว่า เรือครุฑเตร็จไตรจักร เรือเอกชัยเหินหาว สร้างขึ้นครั้งแรกในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 ชื่อเอกชัยเหินหาว แปลว่า “ชัยชนะสูงสุดทะยานสู่ท้องฟ้า” เรือเอกชัยเหินหาวมีเรืออีกลำคู่กัน ชื่อว่าเรือเอกชัยหลาวทอง ลักษณะหัวเรือเป็นรูปดั้งเชิดสูงงอนขึ้นไป ลงรักปิดทองเขียนลายรดน้ำรูปเหราซึ่งเป็นสัตว์ในตำนาน ลักษณะคล้ายมังกรแต่มีหัวเป็นงูหรือนาค เรือ 2 ลำถือว่าเป็นเรือคู่ชัก หมายความว่าใช้เป็นเรือชักลากเรือพระที่นั่ง เช่น ชักลากเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์เมื่อน้ำเชี่ยวหรือต้องการให้แล่นเร็วขึ้นและเป็นเรือคู่นำหน้าเรือพระที่นั่ง ต่อมาใช้เป็นเรือสำหรับให้ข้าราชการชั้นสูงนั่ง ที่นี่นอกจากจะจัดเก็บจัดแสดงเรือต่าง ๆ แล้วยังมีการดูแลซ่อมแซมเรืออยู่เสมอ รวมทั้งยังมีการจัดแสดงเครื่องประกอบและสิ่งของเครื่องใช้ในพระราชพิธีต่าง ๆ เช่น บัลลังก์บุษบก บัลลังก์กัญญา การแต่งกายของฝีพาย โขนเรือเก่า ๆ แบบจำลองกระบวนพยุหยาตราชลมารค เป็นต้น

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เรือพระราชพิธี✨ อ่านเพิ่มเติม

✨ตามรอย บุพเพสันนิวาส 2 วัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร 💟

เพื่อน ๆ ที่ได้ไปชมภาพยนตร์เรื่องบุพเพสันนิวาส 2 จะเห็นว่าในเรื่องมีการกล่าวถึงวัดประยุรและเป็นจุดสำคัญที่ทำให้มีการย้อนเวลาไปในอดีต แต่วันนี้แอดไม่ได้จะพาเพื่อน ๆ ย้อนอดีตไปหาคุณพี่ภพกับแม่เกสรนะคะ แอดจะพาไปดูวัดประยุรที่สร้างเสร็จแล้วค่ะว่าสวยแค่ไหน 😀 ถ้าเพื่อน ๆ เคยผ่านไปแถวสะพานพุทธฯ น่าจะเคยเห็นเจดีย์สีขาวตั้งตระหง่านอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณนั้นละค่ะคือวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร หรือเรียกสั้น ๆ ว่าวัดประยุร สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2371 ในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 แล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2379 โดยสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยุรวงศ์ (ดิศ บุนนาค) ได้บริจาคที่ดินให้สร้างวัด จุดเด่นที่ต้องพูดถึงก็คือ พระบรมธาตุมหาเจดีย์ที่สูงถึง 60 เมตร ใช้เทคนิคการสร้างแบบอยุธยา โดยมีการสร้างเสาแกนกลางเพื่อเป็นหลักในการก่อสร้างเจดีย์ขนาดใหญ่ ปัจจุบันเป็นเจดีย์แบบมีแกนกลางเพียงหนึ่งเดียวที่เหลืออยู่ และยังเปิดให้เข้าชมด้านในเจดีย์อีกด้วยในปี พ.ศ. 2556 พระบรมธาตุมหาเจดีย์ ได้รับรางวัล Award of Excellence โครงการประกวดรางวัลเพื่อการอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกจากยูเนสโกอีกด้วยนะ  วัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร ถนนประชาธิปก แขวงวัดกัลยาณ์ เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร 02 466 1693https://goo.gl/maps/aWCDNEWF3hnUDHfH6 นอกจากพระบรมธาตุมหาเจดีย์ ยังมีพระอุโบสถที่ประดิษฐานพระพุทธธรรมวิเชษฐศาสดา พระพุทธรูปปางมารวิชัย หล่อด้วยโลหะ พระพุทธรูปองค์นี้สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยุรวงศ์ ให้ช่างชาวไทยเป็นผู้หล่อและว่าจ้างช่างลงรักปิดทองมาจากประเทศญี่ปุ่น ถือได้ว่าเป็นพระพุทธรูปองค์แรกที่ลงรักปิดทองโดยช่างชาวญี่ปุ่น ในปี พ.ศ. 2535 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดพระราชทานนามพระประธานในพระอุโบสถว่า “พระพุทธธรรมวิเชษฐศาสดา” แปลว่า พระพุทธเจ้าผู้ทรงเป็นพระศาสดาประเสริฐสุดโดยธรรม ข้าง ๆ พระอุโบสถมีพระวิหารที่ประดิษฐานพระพุทธนาค พระประธานที่อัญเชิญมาจากสุโขทัย เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย อีกจุดสำคัญของวัดประยุร นี้คือ “เขามอ” เป็นภูเขาจำลองอยู่กลางสระน้ำ ประดิษฐานหลวงพ่อแขกซึ่งเป็นพระพุทธรูปที่มีพุทธลักษณะแบบอินเดีย เสานี้เรียกว่า เสาแกนกลาง หรือ เสาครู เพราะใช้เป็นศูนย์กลางรัศมีวงกลมของเจดีย์ ที่สำคัญพระบรมธาตุมหาเจดีย์แห่งนี้เป็นเจดีย์องค์เดียวในยุครัตนโกสินทร์ที่มีเสาแกนกลางด้วยนะคะ เป็นอย่างไรกันบ้างคะวัดประยุรตอนสร้างเสร็จแล้วสวยงามมาก ๆ เลยใช่ไหมล่ะคะ 

✨ตามรอย บุพเพสันนิวาส 2 วัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร 💟 อ่านเพิ่มเติม

ประกาศผลกิจกรรม POST AND SHARE SFTF 2022

Huawei (ประเทศไทย) ร่วมกับ ททท. และ Asean Foundation จัดพิธีปิดโครงการ Seeds for the Future ณ โรงแรม Grand Fortune Hotel กรุงเทพฯ หนึ่งในกิจกรรมที่ ททท. ให้เยาวชนได้ร่วมสนุกในการโพสท์และแชร์ การร่วมทำกิจกรรมต่าง ๆ ในประเทศไทย โดยใช้ แฮชแท็ก #amazingthailand #AmazingNewChapters #1672ResponsibleTravel #myunseenstory โดยผู้ชนะในกิจกรรมนี้ ททท. ได้มอบบัตรโดยสารเครื่องบินในประเทศ เส้นทางกรุงเทพฯ-ภูเก็ต 3 รางวัล และเส้นทางกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ 2 รางวัล โดย นางรุจิรัศมิ์ ฉัตรเฉลิมกิจ ผอ.ฝ่ายบริการการตลาด เป็นผู้มอบรางวัล

ประกาศผลกิจกรรม POST AND SHARE SFTF 2022 อ่านเพิ่มเติม

การแสดงศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย รำ 4 ภาค ใน closing ceremony SFTF 2022

ททท. ในฐานะหนึ่งในผู้สนับสนุนโครงการ Seed for the future ได้สร้างความประทับใจให้แก่นักศึกษาที่เข้าร่วมโครงการในพิธีปิด ด้วยการจัดการแสดงศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย การรำ 4 ภาค ที่เป็นเอกลักษณ์และโดดเด่นในความเป็นไทย อีกทั้งยังมีการแสดงรำวงในช่วงท้าย โดยให้นักศึกษาจากประเทศต่าง ๆ มีส่วนร่วมซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี สร้างความประทับใจและความสนุกสนานให้ผู้เข้าร่วมโครงการเป็นอย่างมาก

การแสดงศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย รำ 4 ภาค ใน closing ceremony SFTF 2022 อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top