กรุงเทพมหานคร

กรุงเทพมหานคร

✨ กินขนม ชมดอกไม้ มองวิว ย่านพระนคร – คลองสาน ✨

หลายคนอาจกำลังมองหาที่เที่ยวในวันหยุดที่มีทั้งที่เที่ยว ที่กิน จุดถ่ายรูปและการเดินทางที่สะดวก หากใครมีเวลาว่าง 1 วันแล้วรู้สึกเบื่อ ๆ อยากออกมาเดินเที่ยวข้างนอก แต่ไม่รู้จะไปที่ไหน ลองมาอ่านเป็นไอเดียและตามรอยคอนเทนต์นี้ดู อาจเปลี่ยนวันหยุดที่ว่างเป็นวันหยุดที่ว้าว และสร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้เพื่อน ๆ ประทับใจในวันหยุดก็ได้ 1. The Old Siam Plaza เริ่มกันที่ ดิโอลด์สยาม พลาซ่า ศูนย์การค้าใจกลางเกาะรัตนโกสินทร์ โดดเด่นด้วยรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบคลาสสิก แหล่งรวมผ้าไหม ขนม อาหารไทย และมุมถ่ายภาพให้นักเที่ยวสายสะพายกล้องมาเก็บภาพกันได้หลายมุม เนื่องจากในอดีตที่นี่เป็นที่ตั้งของ ตลาดมิ่งเมือง ภายในอาคารแห่งนี้จึงมีการจำลองบรรยากาศร้านค้าของตลาดมิ่งเมืองในอดีตเอาไว้ โดยเฉพาะร้านขายผ้าชิ้น และชุดตัดสำเร็จหลากสีหลายแบบมากกว่า 10 ร้าน แถมยังมีร้านขายเครื่องประดับสวยงามอย่าง เพชร พลอย ทองรูปพรรณ ให้แก่ผู้หลงใหลในความงามของงานฝีมือและอัญมณีนับสิบร้าน นอกจากนี้ ยังมีร้านขายปืน ซุ้มพระเครื่อง ศูนย์ขายอุปกรณ์และศูนย์ซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าอีกด้วย ลานเฟื่องนคร จุดรวมร้านขนมไทยและอาหารไทยหลายร้าน อยากให้ลองแวะมาชิม ทำสด ๆ วันต่อวัน รสชาติอร่อยถูกใจ หลายคนผ่านมาแถวนี้ทีไรต้องแวะเข้าไปซื้อซ้ำอยู่บ่อย ๆ เลยทีเดียว 2. มิวเซียมสยาม (Museum Siam) หลังจากกินและถ่ายรูปที่ ดิโอลด์สยาม พลาซ่า ก็ถึงเวลามุ่งหน้าสู่สถานที่ถัดไป “มิวเซียมสยาม” พิพิธภัณฑ์ที่เหมาะกับคนทุก Gen มีเรื่องราวแบบไทย ๆ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันในหลายแง่มุม ไม่ว่าจะเป็นประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ความเชื่อ วิถีชีวิต ฯลฯ โดยจัดแสดงผ่านเทคโนโลยีสมัยใหม่ จับต้องได้ เข้าใจและเข้าถึงง่าย ซึ่งใช้เวลาเดินเท้าประมาณ 10 นาทีเท่านั้น มิวเซียมสยาม ดูแลโดยสถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ เริ่มเปิดให้บริการเมื่อวันที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2551 เป็นอาคาร 3 ชั้น มีห้องจัดแสดงนิทรรศการถาวร และร้านค้าของที่ระลึก มีทางเข้าออกบริการผู้พิการและผู้สูงอายุ ด้านหน้าอาคารแบ่งพื้นที่บางส่วนเพื่อใช้เป็นทางขึ้น-ลงรถไฟฟ้าสถานีสนามไชย ทางออกที่ 1 เริ่มเปิดบริการในปี พ.ศ. 2562 ที่ผ่านมา ภายในพิพิธภัณฑ์ เพื่อน ๆ สามารถถ่ายรูป ถ่ายวิดีโอเก็บเป็นความรู้ ประสบการณ์ความประทับใจได้ทุกห้อง มีการจัดแสดงนิทรรศการถาวรชุด “ถอดรหัสไทย” (DECODING THAINESS) ที่จะพาทุกคนไปเรียนรู้พัฒนาการของ “อัตลักษณ์ความเป็นไทย” ที่ดูเหมือนจะมีความชัด แต่กลับคลุมเครือจากการหลอมรวมวัฒนธรรมที่หลากหลาย ผ่านเรื่องราวของความเป็นไทยในมิติต่าง ๆ อย่าง ประวัติศาสตร์ของไทย สถาปัตยกรรม วัฒนธรรม ประเพณีต่าง ๆ อาหารการกินและเครื่องแต่งกาย อยากรู้เป็นยังไง ลองมาหาคำตอบให้ตัวเองกันได้ที่นี่เลย : 4 ถนนสนามไชย แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพฯ: เปิดวันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 10.00-18.00 น. (ปิดวันจันทร์): โทร. 0 2225 2777: https://g.page/museumofsiam?share 3. พระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช จุดหมายถัดไปหลังจากเดินชมประวัติศาสตร์ของไทยในมิวเซียมสยามแล้ว คือการมาเดินชม “ปากคลองตลาด” ก่อนถึงปากคลองตลาดเพื่อน ๆ จะเจอกับ “พระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช” ตั้งประดิษฐานอย่างโดดเด่น ณ เชิงสะพานปฐมบรมราชานุสรณ์หรือสะพานพุทธฯ ฝั่งพระนคร  พระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช สร้างขึ้นตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เพื่อให้เป็นอนุสรณ์ของปฐมกษัตริย์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เมื่อครั้งเฉลิมฉลองกรุงรัตนโกสินทร์ครบ 150 ปี ในปี พ.ศ. 2475 โดยมีการสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อเชื่อมฝั่งพระนครกับฝั่งธนบุรีด้วยในคราวเดียวกัน โดยมีศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี เป็นผู้ปั้นแบบและหล่อพระบรมราชานุสาวรีย์ด้วยทองสำริด มีความสูงตั้งแต่ฐานจนถึงยอด 4.60 เมตร (ต่อมาได้เสริมแท่นให้สูงขึ้นอีกประมาณ 1 เมตร) 4. ปากคลองตลาด ห่างจาก “พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช” ประมาณ 200 เมตร ก็ถึง “ปากคลองตลาด” ตลาดดอกไม้ที่มีชื่อเสียงและมีขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ที่ขายดอกไม้กันมานานนับร้อยปีแล้ว มีขายทั้งปลีกและส่ง มีดอกไม้หลากหลายสายพันธุ์ทั้งของไทยและต่างประเทศ ดอกไม้แห้ง ดอกไม้สดก็มีหมด แถมเปิดตลอด 24 ชั่วโมง ใครอยากได้ดอกไม้สวย ๆ ไม่ว่าในโอกาสอะไร ที่นี่ตอบโจทย์สุด ๆ  ดอกไม้มีให้เลือกหลากหลาย เดินดูกันได้เพลินเลยล่ะ  นอกจากดอกไม้แล้ว ที่นี่ก็มีร้านอาหารและคาเฟ่ ให้สามารถฝากท้องและนั่งพักได้หลายร้านเลยล่ะ 5. พระปกเกล้าสกายปาร์ค (สวนลอยฟ้าเจ้าพระยา) ก่อนหมดวัน อีกหนึ่งสถานที่ที่อยากแนะนำก็คือ สวนลอยฟ้าเจ้าพระยา ซึ่งแต่เดิมบริเวณนี้เคยเป็นโครงสร้างของรางรถไฟฟ้าลาวาลินที่ถูกปล่อยทิ้งร้างเอาไว้ไม่ได้ใช้ประโยชน์ ทางกรุงเทพมหานครจึงเข้ามาปรับภูมิทัศน์ให้กลายเป็นสวนสาธารณะลอยฟ้าเหนือผิวน้ำบนสะพานพระปกเกล้า สามารถมองเห็นวิวโดยรอบได้ถึง 360 องศา ทีเดียวเชียว  สวนสาธารณะแห่งนี้ ถูกออกแบบให้มีทั้งทางเดินเท้าและเลนจักรยาน มีการปลูกต้นไม้ให้ร่มเงา มีโต๊ะนั่งพักผ่อน ชมวิว สามารถมาเดินออกกำลังกายเบา ๆ ได้เพลินเลยล่ะ ยิ่งช่วงเย็น ๆ บรรยากาศจะดีเป็นพิเศษ อากาศไม่ร้อนเกินไป มีลมพัดเย็น ๆ พร้อมวิวพระอาทิตย์ตก ถือเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยที่สุดอีกแห่งในกรุงเทพฯ เลยล่ะ

✨ กินขนม ชมดอกไม้ มองวิว ย่านพระนคร – คลองสาน ✨ อ่านเพิ่มเติม

Airport to City ลงเครื่องแล้วจะเข้าเมืองได้อย่างไร?

ช่วงนี้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาพักผ่อนที่ประเทศไทยกันค่อนข้างมาก และเราเชื่อว่าไม่ได้มีแค่นักท่องเที่ยวต่างชาติเท่านั้นที่หาข้อมูลสำหรับการเดินทางเข้าเมือง เมื่อลงเครื่องที่สนามบินในกรุงเทพมหานคร นักท่องเที่ยวชาวไทยที่อาศัยอยู่ต่างจังหวัดอีกหลายท่าน ที่มีแพลนเข้ามาท่องเที่ยวในกรุงเทพฯ แล้วต้องการข้อมูลการเดินทางเข้าเมือง เซฟโพสต์นี้เก็บไว้ได้เลยค่ะ เพราะเพื่อนร่วมทาง อย่างเรา มัดรวมวิธีเดินทางเข้าเมืองไว้ให้คุณแล้ว ทั้งจากสนามบินสุวรรณภูมิเข้าเมือง และจากสนามบินดอนเมืองเข้าเมือง บอกเลยว่าทริปพักผ่อนที่กรุงเทพฯ รอบนี้ สบายใจเรื่องการเดินทางแน่นอนค่ะ จากสนามบินสุวรรณภูมิ สามารถเดินทางเข้าเมืองได้ถึง 4 วิธี1. รถไฟฟ้า Airport Rail Link >> ให้บริการระหว่างสถานีท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (A1) – พญาไท (A8) และสามารถเดินทางต่อได้เพียงเปลี่ยนสายไปยังรถไฟฟ้า BTS หรือรถเมล์ โดยรถไฟฟ้า Airport Rail Link เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 05.30-24.00 น. ของทุกวัน ค่าบริการอยู่ที่ 45 บาท (หากใครต้องเดินทางต่อโดยใช้รถไฟฟ้าใต้ดิน MRT แนะนำให้ลงที่สถานีมักกะสัน (A6) แล้วเปลี่ยนสายไปยังรถไฟฟ้า MRT ได้เลยค่ะ) 2.รถตู้สาธารณะ >> เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเข้าเมืองรอบนอก เช่น มีนบุรี, อ่อนนุช, ปากน้ำ, ดอนเมือง, ฟิวเจอร์พาร์ครังสิต ค่าบริการอยู่ที่ 27-60 บาท549 ทสภ.-มีนบุรี >> ให้บริการตั้งแต่ 05.00-22.00 น.552 ทสภ.-สถานีรถไฟฟ้าอ่อนนุช >> ให้บริการตั้งแต่ 05.00-22.00 น.552A ทสภ.-ปากน้ำ >> ให้บริการตั้งแต่ 05.00-22.00 น.555 ทสภ.-ดอนเมือง >> ให้บริการตั้งแต่ 05.00-22.00 น. และ 06.00-23.00 น.559 ทสภ.-ฟิวเจอร์พาร์ครังสิต >> ให้บริการตั้งแต่ 06.00-23.00 น. 3. รถโดยสารสาธารณะ บขส. >> มีให้บริการทั้งเข้าเมืองในกทม. และเดินทางต่อไปยังต่างจังหวัด>> เข้าเมืองในกทม.สาย S1 สนามหลวง >> ให้บริการตั้งแต่ 06.00-17.00 น.สาย 555 รังสิต (ทางด่วนพระรามเก้า) >> ให้บริการตั้งแต่ 04.30-21.00 น.สาย 554 รังสิต (ถนนรามอินทรา) >> ให้บริการตั้งแต่ 04.30-18.40 น.สาย 558 เซ็นทรัลพระราม 2 >> ให้บริการตั้งแต่ 05.30-19.00 น.>> เดินทางไปยังต่างจังหวัด (บริเวณอาคารผู้โดยสารชั้น 1 ประตู พัทยา (จอมเทียน) >> ให้บริการตั้งแต่เวลา 06.00-22.00 น.หัวหิน >> ให้บริการตั้งแต่เวลา 06.00-19.30 น.เกาะช้าง >> ให้บริการเวลา 07.00 น. และ 11.00 น.เกาะกูด >> ให้บริการเวลา 07.00 น. 4. Taxi บริเวณชั้น 1 ประตู 4 และประตู 7 จากท่าอากาศยานนดอนเมือง สามารถเดินทางเข้าเมืองได้ถึง 3 วิธี 1. รถไฟฟ้าสายสีแดง >> ให้บริการเส้นทางบางซื่อ-รังสิต เดินทางจากสถานีกลางบางซื่อ (RW01/RN01) ไปยังสถานีดอนเมือง (RN08) ค่าบริการอยู่ที่ 33 บาท เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 05.30-24.00 น. ของทุกวัน 2. รถเมล์ปรับอากาศ >> รถเมล์ปรับอากาศเข้าเมือง จากดอนเมืองไปยังจุดต่าง ๆ มีทั้งหมด 4 สาย จอดรับผู้โดยสารที่อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ ชั้น 1 ประตู 6 และอาคารผู้โดยสารภายในประเทศ ชั้น 1 ประตู 12 ค่าบริการอยู่ที่ 30-50 บาท ตลอดสาย สาย A1 สนามบินดอนเมือง – BTS จตุจักร-สถานีขนส่งหมอชิต 2 >> ให้บริการตั้งแต่ 06.50-24.00 น.สาย A2 สนามบินดอนเมือง – BTS จตุจักร-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ >> ให้บริการตั้งแต่ 05.00-23.00 น.สาย A3 สนามบินดอนเมือง-ประตูน้ำ-ราชประสงค์-สวนลุมพินี >> ให้บริการตั้งแต่ 07.00-23.00 น.สาย A4 สนามบินดอนเมือง-อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย-ถนนข้าวสาร-สนามหลวง >> ให้บริการตั้งแต่ 07.00-23.00 น. สำหรับใครที่มีต่อเครื่อง/เปลี่ยนสายการบิน ระหว่างท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ-ท่าอากาศยานดอนเมือง ก็มีบริการ Airport Shuttle Bus รับส่งระหว่างสนามบินฟรีด้วยนะคะ โดยจำเป็นจะต้องมีตั๋วเครื่องบินแสดงให้กับเจ้าหน้าที่ก่อนใช้บริการ ให้บริการตั้งแต่เวลา 06.00-20.00 น. ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ให้บริการบริเวณอาคารผู้โดยสารชั้น 2 ประตู 3ท่าอากาศยานดอนเมือง ให้บริการบริเวณอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ อาคาร 1 ชั้น 1 ประตู 6

Airport to City ลงเครื่องแล้วจะเข้าเมืองได้อย่างไร? อ่านเพิ่มเติม

💕 5 สถานที่เดทในกรุงเทพฯ 💕

กุมภา…กุมมือคนรักไปเที่ยวกัน 🫶💕 💕ใกล้ช่วงวาเลนไทน์แบบนี้ไปไหนดีนะ คนมีแฟนคงกำลังก้มหน้าหาลิสต์ชวนกันไปเดทอยู่แน่ ๆ ส่วนคนโสดก็ไม่ต้องเสียใจไป ชวนแก๊งเพื่อนไปเที่ยวก็ได้ ไปกันหลายคนรับรองไม่เหงาใจแน่นอน 🥰 วันนี้มีไอเดียแหล่งท่องเที่ยวเดทกับหวานใจมาฝากกันค่ะ ไปดูกันเลย สะพานเขียว สวนลุมพินี สถานที่เดทที่ดีต่อใจ ก็ต้องที่นี่เลยค่ะ #สะพานเขียว เป็นสกายวอล์กเชื่อมระหว่างสวนลุมพินีและสวนเบญจกิติ สวนสาธารณะใจกลางเมือง ที่มาที่ไปของสะพานเขียว มาจากสะพานเส้นนี้ทาถนนเป็นสีเขียวตลอดเส้นเลยล่ะ ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ญี่ปุ่นเหมือนกันนะคะ เรียกได้ว่าพาหวานใจมาถ่ายรูป แฮปปี้แน่นอน ถนนสารสิน แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพฯเปิดทุกวัน เวลา 06.00 – 21.00 น.MRT : สถานีลุมพินี ทางออก 3https://goo.gl/maps/4DWiiPmvEDHnpxeA8 ท่ามหาราช คอมมิวนิตีริมแม่น้ำเจ้าพระยา บรรยากาศสุดโรแมนติก ที่มีทั้งร้านอาหาร จุดถ่ายรูปเก๋ ๆ พาหวานใจมาดื่มด่ำกับวิวสวย ๆ ทั้งเช้าจนค่ำ หรือจะพาชอปเพลิน ๆ ก็ได้เช่นกัน ประทับใจแน่นอน  #ท่ามหาราช อยู่ไม่ไกลจากพระบรมมหาราชวัง เพื่อน ๆ สามารถเดินไปไหว้พระกันได้ หรือจะนั่งเรือข้ามฟากไปเที่ยวตลาดวังหลัง วัดระฆังโฆษิตารามวรมหาวิหารได้อีกด้วย  1/11 ตรอกเสถียร แขวงบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพฯเปิดทุกวัน เวลา 10.00 – 21.00 น.MRT : สถานีสนามไชย ทางออก 5https://goo.gl/maps/j7sAE5jBcHqgfcxe8 มหานครสกายวอล์ก จุดชมวิวชั้นดาดฟ้าที่สูงที่สุดในประเทศไทย สามารถเดินเล่นชมวิวบนพื้นกระจกทั้งน่าตื่นเต้นและหวาดเสียวกันเลยทีเดียว แถมยังรอชมแสงพระอาทิตย์ตกสวย ๆ ได้เช่นกัน รวมถึงยังมีรูฟท็อปบาร์ จิบเครื่องดื่มชิล ๆ ท่ามกลางบรรยากาศวิวเมืองในตอนกลางคืนอีกด้วย 114 ถนนนราธิวาสราชนครินทร์ เเขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพฯเปิดทุกวัน เวลา 10.00 – 24.00 น. (เปิดให้เข้าชมรอบสุดท้ายเวลา 23.00 น.)BTS ช่องนนทรี ทางออก 3https://goo.gl/maps/LkMJhgHrFSCBbzhp7 สวนเบญจกิติ สวนเบญจกิติ เป็นสวนสาธารณะใจกลางกรุงเทพฯ ตั้งอยู่ข้างศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ สามารถเดินทางมาได้ง่าย ๆ ทั้ง MRT และ BTS ปัจจุบันเป็นทั้งสถานที่พักผ่อนและออกกำลังกาย หากใครได้ไปเที่ยวในช่วงนี้ #สวนเบญจกิติ ได้เปิดเต็มรูปแบบมีทั้งสวนป่า สวนน้ำ เส้นทางเดิน เส้นทางวิ่ง เส้นทางจักรยาน และเส้นทางสกายวอล์กด้วย ลองชวนคู่เดตไปเดินเล่นถ่ายรูปสวย ๆ บนสกายวอล์กก็โรแมนติก   ถนนรัชดาภิเษก แขวงคลองเตย เขตคลองเตย กรุงเทพฯเปิดทุกวัน เวลา 05.00 – 21.00 น.MRT : สถานีศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์BTS : สถานีอโศกhttps://goo.gl/maps/rRQDNYDSDjtD2rza6 Asiatique The Riverfront (เอเชียทีค เดอะริเวอร์ ฟร้อนท์) อีกหนึ่งจุดเช็กอินที่ต้องห้ามพลาด #เอเชียทีค สถานที่รวมแหล่งชอปปิง ร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยวเด่น ๆ และกิจกรรมต่าง ๆ เอาไว้ อีกหนึ่งไฮไลท์ของที่นี่คือ ชิงช้าสวรรค์ขนาดยักษ์ที่จะทำให้เราสามารถมองเห็นวิวกรุงเทพฯ และแม่น้ำเจ้าพระยาได้แบบ 360 อาศา ยิ่งเป็นช่วงเย็น ๆ ก็จะได้บรรยากาศพระอาทิตย์ตกสวย ๆ ด้วย 2194 ถนนเจริญกรุง แขวงวัดพระยาไกร เขตบางคอแหลม กรุงเทพฯเปิดทุกวัน เวลา 16.00 – 22.00 น.BTS : สถานีสะพานตากสิน ทางออก 2 และไปที่ท่าเรือสาทร ใช้บริการเรือข้ามไปเอเชียทีคhttps://goo.gl/maps/EQC8pREsL8oq1hE79

💕 5 สถานที่เดทในกรุงเทพฯ 💕 อ่านเพิ่มเติม

ปฏิทินท่องเที่ยวเดือนกุมภาพันธ์ 🗓️

💕 เดือนกุมภาพันธ์ อบอวลด้วยความรักและเทศกาลพิเศษที่หลาย ๆ คนมีแผนจะเดินทางท่องเที่ยวเพื่อมอบความพิเศษให้กับคนรัก ไม่ว่าจะเป็นคนรู้ใจ ครอบครัว และเพื่อน ๆ ในเดือนกุมภาพันธ์นี้มีสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งที่เหมาะจะเดินทางอย่างมาก เนื่องจากสภาพอากาศยังมีช่วงที่อากาศเย็นสบาย ทะเลภาคใต้ฝั่งอันดามันปลอดมรสุม และที่สำคัญยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีระยะเวลาจำกัดอีกด้วย  Bangkok Design Week 2023 กรุงเทพฯ เตรียมตัวให้พร้อม เพราะเทศกาลงานออกแบบกรุงเทพฯ หรือ Bangkok Design Week (BKKDW) เทศกาลงานออกแบบที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังจะเริ่มขึ้นอีกครั้ง ซึ่งปีนี้ ก็มีคอนเซ็ปต์ที่น่าสนใจไม่น้อย ในธีม “urban‘NICE’zation เมือง – มิตร – ดี” ที่จะสร้างสรรค์กรุงเทพฯ ในแต่ละย่านให้กลายเป็นเมืองที่น่ารัก เป็นมิตร ด้วยศิลปะและงานกิจกรรมต่าง ๆ ให้แก่ผู้ที่สนใจได้เข้าไปสัมผัสได้อย่างเต็มที่ BKKDW จะจัดขึ้นในวันที่ 4-12 กุมภาพันธ์ 2566 ในย่านหลัก ๆ ได้แก่ โซนพระนคร ปากคลองตลาด เจริญกรุง-ตลาดน้อย เยาวราช สามย่าน-สยามอารีย์-ประดิพัทธ์ วงเวียนใหญ่-ตลาดพลู คลองสาน บางโพ พร้อมพงษ์ และ ม.เกษตรฯ เพื่อน ๆ ที่สนใจเข้าร่วมงาน หรืออยากจะดูว่ามีกิจกรรมที่ไหนบ้าง สามารถเข้ามาดูรายละเอียดได้ที่ https://www.bangkokdesignweek.com/bkkdw2023/program  เบญจมาศบานในม่านหมอก ประจำปี 2566 จ.นครราชสีมา ชวนคนรักไปสูดอากาศบริสุทธิ์กลางทุ่งดอกไม้ใน งานเทศกาลเบญจมาศบานในม่านหมอก 2566  เนรมิตพื้นที่กว้างขวางและบรรยากาศขุนเขาให้กลายเป็นทุ่งดอกเบญจมาศหลากสีหลายสายพันธุ์ และยังมีกิจกรรมการออกร้าน จำหน่ายสินค้า OTOP จำหน่ายผักปลอดสาร และชมนิทรรศการของส่วนต่าง ๆ ในปีนี้ เพื่อน ๆ สามารถชมได้ตั้งแต่ วันที่ 5-25 กุมภาพันธ์ 2566  อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี จ.กระบี่ ถ้าถามว่า ทะเลกระบี่สวยที่สุดช่วงไหน ก็คงตอบได้เลยว่าช่วงต้นปีนี่แหละเป็นช่วงที่อากาศดีสุด ๆ ท้องฟ้าปลอดโปร่ง อากาศเย็นสบาย และมักจะได้รับผลกระทบจากมรสุมน้อยที่สุดเลยก็ว่าได้ หากใครที่มากระบี่ อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี  ก็เป็นจุดหมายทางที่น่าสนใจไม่น้อยเลย ภายในอุทยานฯ มีชายหาดสวยงาม หมู่เกาะน้อยใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น เกาะไม้ไผ่ เกาะพีพีเล เกาะพีพีดอนถ้ำไวกิ้ง อ่าวต่าง ๆ เช่น อ่าวโล๊ะซามะ อ่าวมาหยาอ่าวปิเละ เป็นต้น และยังมีกิจกรรมทางทะเล ได้แก่ ล่องเรือชมเกาะต่าง ๆ ดำน้ำชมโลกใต้ทะเล ปีนผาชมวิวมุมสูงที่อ่าวไร่เลย์ ชมทะเลแหวกอัตราค่าบริการท่องเที่ยว ขึ้นอยู่กับโปรแกรมของแต่ละบริษัท หรือแล้วแต่ตกลงกับทางผู้นำเที่ยวว่าต้องการจะไปที่ไหนบ้าง และหากใครที่อยากนอนพักบนเกาะ สามารถไปพักได้ที่เกาะพีพีดอน ซึ่งมีที่พักเปิดให้บริการหลายแห่ง  79 หมู่ 5 ตำบลอ่าวนาง อำเภอเมืองกระบี่ จังหวัดกระบี่ 0 7566 1145 Facebook อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพีhttps://goo.gl/maps/3s19gU2bBwJ81s6E8  เกาะพยาม จ.ระนอง  เกาะพยาม  เป็นเกาะที่มีชื่อเสียงและมีความงดงามทางธรรมชาติอย่างมากแห่งหนึ่ง ซึ่งในช่วงนี้ก็เหมาะอย่างมากที่จะเดินทางไปเที่ยว บนเกาะมีอ่าวอยู่หลายแห่ง มีหาดทรายขาวละเอียดและน้ำทะเลใสสะอาด ซึ่งแต่ละอ่าวตั้งอยู่ไม่ไกลกันมากนัก ใช้เวลาประมาณ 10 นาทีก็ถึง บนเกาะ มีกิจกรรมให้เพื่อน ๆ ได้สนุกสนานเพลิดเพลินหลายอย่าง เช่น ชมพระอาทิตย์ตกบน “อ่าวใหญ่” ชมพระอาทิตย์ขึ้นบน “อ่าวแม่หม้าย” พายเรือคายักชม “ป่าโกงกาง” กลางเกาะ สัมผัสวิถีชีวิตของคนใน “หมู่บ้านมอแกน” เป็นต้น  การเดินทางมายังเกาะพยาม ต้องนั่งเรือจากท่าเรือเทศบาลตำบลปากน้ำ ซึ่งอยู่ห่างจากอำเภอเมืองระนองประมาณ 15 นาที เรือมี 2 แบบ ได้แก่ เรือธรรมดาและเรือสปีดโบต มีหลายบริษัทและผู้ให้บริการหลายเจ้า ราคาประมาณ 250-400 บาท  ตำบลเกาะพยาม อำเภอเมืองระนอง จังหวัดระนองโทร. 09 3582 4507 (อบต.เกาะพยาม)​https://goo.gl/maps/eqFYfNNiNaS2  อุทยานแห่งชาติดอยภูคา จ.น่าน ทางภาคเหนือ ก็มีสถานที่ท่องเที่ยวไฮไลต์อย่าง อุทยานแห่งชาติดอยภูคา  ที่หากใครมีโอกาส อยากจะลองไปชมสักครั้ง ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์นี้เหมาะมาก ๆ มีจุดที่น่าสนใจหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็น จุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นและตกบนจุดชมทิวทัศน์ 1715 ชมวิวสันเขาและหมอกหนาบนยอดดอยภูแว นอนดูดาว กางเต็นท์พักแรม นอกจากบรรยากาศจะดีมากแล้ว ยังจะได้ชมพืชพรรณต่าง ๆ ของอุทยานฯ อย่างเช่น ก่วมแดง ที่มีในลักษณะคล้ายเมเปิ้ล ชมดอกนางพญาเสือโคร่ง ที่กำลังบานเต็มที่ เตรียมต้อนรับฤดูที่เบ่งบานของดอกชมพูภูคา พันธุ์ไม้หิมาลัยที่ปัจจุบันในไทยพบเพียงที่ดอยภูคาเพียงแห่งเดียวเท่านั้น ในปี พ.ศ. 2566 นี้ ดอกชมพูภูคาจะบานช้ากว่าปกติเล็กน้อย ใครที่วางแผนจะไปชมดอกชมพูภูคา สามารถติดตาม อัปเดตทางหน้าเพจอุทยานฯ ได้โดยตรง สิ่งอำนวยความสะดวกภายในอุทยานฯ ร้านค้าสวัสดิการ เปิดทุกวัน เวลา 07.30-18.30 น. บ้านพักและลานกางเต็นท์ จองได้ที่เว็บไซต์ของอุทยานฯ  ตำบลภูคา อำเภอปัว จังหวัดน่าน อัตราค่าบริการชาวไทย ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท 08 2194 1349 Facebook อุทยานแห่งชาติดอยภูคา – Doi Phu Kha National Parkhttps://goo.gl/maps/aUL4NDdrfu9K3PqS7

ปฏิทินท่องเที่ยวเดือนกุมภาพันธ์ 🗓️ อ่านเพิ่มเติม

✨ แก้ปีชง 2566 ✨

เมื่อก้าวเข้าสู่ช่วงเวลาขึ้นปีใหม่ของชาวจีนกับเทศกาลตรุษจีนที่ถือเป็นการเริ่มต้นปีและงานฉลองรวมญาติครั้งใหญ่ สิ่งหนึ่งที่จะขาดเสียไม่ได้คือธรรมเนียมการแก้ชงเสริมดวงให้ปีนี้เป็นปีที่ดี เพื่อปัดเป่าเรื่องเลวร้ายที่อาจเข้ามาและเกิดขึ้นในชีวิตให้ผ่านพ้นไปได้ หลายคนคงเคยได้ยินคำว่าปีชงและการไหว้แก้ชงมาช้านาน แต่บางคนอาจไม่ทราบว่าปีชงมีที่มาอย่างไร ทำไมดวงชะตาของคนเราจึงไปตกอยู่บนปีชงได้ แล้วมีวิธีแก้ชงอย่างไรจะช่วยเสริมดวง ให้แคล้วคลาด โชคดี ดวงเฮงตลอดปี และจะแก้ชงที่ไหนดี วันนี้เราได้รวบรวม 5 สถานที่แก้ชงในกรุงเทพฯ ให้ใครที่ชงในปีนี้รีบไปไหว้ขอพร สะเดาะเคราะห์แก้ชง เสริมดวงปีนี้ จะมีที่ไหนบ้าง ตามไปดูกันเลย  ปีชงคืออะไร  ปีชง เป็นเรื่องความเชื่อทางโหราศาสตร์จีน ที่เกี่ยวพันกับการดำเนินชีวิตของชาวจีนมานับพันปี คำว่า “ชง” ในภาษาจีนหมายถึง “การปะทะ” หรือ “ชน” ดังนั้นคำว่า “ปีชง” จึงหมายถึงปีที่อาจมีการปะทะเกิดขึ้น มีการเปลี่ยนแปลงเข้ามามากขึ้น อธิบายง่าย ๆ คือ ปีชง ก็เหมือนกับปีที่เราดวงตก หากปีนี้เป็นปีชงของปีนักษัตรไหน ไม่ว่าจะทำอะไรก็จะเกิดอุปสรรค เกิดปัญหาติดขัด ไม่ราบรื่น อาจทำให้เกิดสิ่งไม่ดีกับบุคคลนั้น ดังนั้นจึงมีการเสริมดวงชะตาด้วยการ “แก้ชง” เพื่อปัดเป่าเคราะห์กรรม เสริมดวง ให้ก้าวผ่านอุปสรรคต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น และให้เหตุการณ์อันไม่พึงประสงค์ทั้งหลายนั้นคลี่คลายไปในทางที่ดี ซึ่งความเชื่อเรื่องปีชงนี้ เกี่ยวข้องกับ “องค์เทพไท้ส่วยเอี๊ย” หรือที่รู้จักกันดีในนาม “เทพเจ้าผู้คุ้มครองดวงชะตา” ของมนุษย์ ซึ่งชาวจีนเชื่อว่าเป็นเทพที่ทรงอิทธิฤทธิ์และมีอิทธิพลต่อการดำเนินชีวิตของผู้คนเป็นอย่างมากในแต่ละปี โดยหากในปีนั้น เทพไท้ส่วยเอี๊ยเคลื่อนเข้าทับดวงดาวของปีนักษัตรใด จะทำให้ปีนั้นเป็นปีที่ได้รับผลไม่ดี หรือที่เราเรียกว่า “ปีชง” และจะส่งผลต่อดวงชะตาของผู้ที่เกิดในปีดังกล่าว ดังนั้น จึงมีการบูชาเทพเจ้าไท้ส่วยเอี๊ยเมื่อเริ่มขึ้นปีใหม่ของชาวจีน โดยการไหว้ขอพรเพื่อให้ช่วยปัดเป่าความทุกข์ เคราะห์กรรมของเจ้าชะตาในปีนั้น ๆ และคุ้มครองผู้กราบไหว้ให้มีความสุข แคล้วคลาด ปลอดภัย รอดพ้นจากภัยอันตรายทั้งปวงตลอดทั้งปี ควบคู่กับธรรมเนียมการไปแก้ชงคือการฝากดวงชะตาไว้กับเทพเจ้าไท้ส่วยเอี๊ย เพื่อบรรเทาเคราะห์กรรมหรือผลกระทบต่าง ๆ ให้เบาบางลง เป็นการนำสิ่งเลวร้ายออกไปและเสริมสิริมงคลให้แก่ชีวิต  ปีชง 2566 มีปีไหนชงบ้าง  สำหรับปีชงในปี 2566 ได้แก่ ปีนักษัตรระกา ซึ่งถือเป็นปีชงตรง หรือชง 100% คือ ปีที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด หรือคนที่เกิดตรงกับปี พ.ศ. 2476, 2488, 2500, 2512, 2524, 2536, 2548, 2560 ซึ่งปีระกาจะเจอแรงปะทะจากปีชงไปเต็ม ๆ คือ จะต้องระมัดระวังมากที่สุด อาจมีเรื่องอะไรที่ทำให้มีอุปสรรค หรือเกิดการเปลี่ยนแปลงแบบฉับพลันครั้งใหญ่ในด้านลบ นอกจากนี้ยังมี ปีชงร่วม ซึ่งจะได้รับผลกระทบน้อยกว่า เหมือนเป็นปีที่อยู่ในองศาที่ถือว่า โดนลูกหลง ซึ่งแบ่งเป็น 3 ระดับ ได้แก่ ปีคัก คือ ปีนักษัตรที่ชงกับตัวเอง หมายถึงปีนักษัตรเดียวกับปีนั้น ๆ จะทำอะไรอาจมีเรื่องที่เป็นอุปสรรคต่าง ๆ เข้ามา มีปัญหาติดขัด ไม่ราบรื่น สำหรับปี 2566 นี้ ได้แก่ ปีเถาะ หรือคนที่เกิดตรงกับปี พ.ศ. 2482, 2494, 2506, 2518, 2530, 2542 และ 2554 ปีเฮ้ง คือ ปีนักษัตรที่ได้รับผลกระทบในเรื่องเคราะห์กรรม ปัญหาอุปสรรค คดีความต่าง ๆ สำหรับปี 2566 นี้ ได้แก่ ปีชวด หรือคนที่เกิดตรงกับปี พ.ศ. 2479, 2491, 2503, 2515, 2527, 2539 และ 2551 ปีผั่ว คือ ปีนักษัตรที่ได้รับผลกระทบในเรื่องสุขภาพ การงาน ความรัก ครอบครัว อาจมีเรื่องขัดแย้ง ไม่ราบรื่น สำหรับปี 2566 นี้ ได้แก่ ปีมะเมีย หรือคนที่เกิดตรงกับปี พ.ศ. 2485, 2497, 2509, 2521, 2533, 2545 และ 2557 มาถึงตรงนี้ก็คงทราบกันแล้วว่าปีเกิดของตัวเองนั้นเป็น ปีชง ในปี 2566 หรือไม่ และคงอยากจะไปแก้ปีชงกันแล้ว ซึ่งจังหวะเวลาการแก้ชงจะนิยมกระทำในช่วงหลังตรุษจีนเพราะถือเป็นช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านปี ในวันนี้ จะขอแนะนำสถานที่แก้ปีชงที่ได้รับความนิยมในกรุงเทพฯ ซึ่งมีผู้ศรัทธาเดินทางกันไปเป็นจำนวนมาก จะมีสถานที่ไหนบ้าง เรามีตัวอย่างมาฝากกัน  แก้ปีชงที่ไหนดี 2566  1.วัดมังกรกมลาวาส หรือ วัดเล่งเน่ยยี่เมื่อพูดถึงการ “แก้ชง” สถานที่ที่คนมักจะนึกถึงเป็นอันดับแรก ๆ ก็คือ วัดมังกรกมลาวาส หรือ วัดเล่งเน่ยยี่ ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ชื่อดังอายุกว่าร้อยปี ตั้งอยู่ย่านเยาวราชและเป็นวัดยอดนิยมของคนไทยเชื้อสายจีน คนไทยส่วนใหญ่นิยมมาแก้ชงกันที่วัดแห่งนี้ โดยเฉพาะในช่วงตรุษจีนที่วัดแห่งนี้จะมีความคึกคักเป็นพิเศษ คนส่วนใหญ่จะนิยมมากราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ สะเดาะเคราะห์ ขอพรเสริมดวงชะตา โชคลาภ และแก้ปีชงกันเป็นจำนวนมาก เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งวัดที่ต้องห้ามพลาดกันเลยทีเดียว ภายในวัดมีลักษณะสถาปัตยกรรมเป็นแบบทางจีนตอนใต้ของสกุลช่างแต้จิ๋ว โดยวางแปลนตามแบบวัดหลวง คือ มีวิหารท้าวจตุโลกบาลเป็นวิหารแรก ตรงกลางเป็นพระอุโบสถ เป็นที่ประดิษฐานของพระประธานของวัด คือ พระโคตมพุทธเจ้า พระอมิตาภพุทธะ พระไภษัชยคุรุพุทธะ ทั้งหมด 3 องค์ หรือ “ซำป้อหุกโจ้ว” พร้อมพระอรหันต์อีก 18 องค์ หรือที่เรียกว่า “จับโป๊ยหล่อหั่ง” ส่วนข้างหลังพระอุโบสถเป็นวิหารเทพเจ้า การสร้างใช้ไม้และอิฐเป็นวัสดุสำคัญ นอกจากนี้ ยังเป็นที่ประดิษฐานของพระโพธิสัตว์ ตลอดจนเทพเจ้ารวมทั้งหมด 58 องค์ ไม่ว่าจะเป็น เทพเจ้าคุ้มครองดวงชะตา หรือ ไท้ส่วยเอี๊ย เทพเจ้าแห่งยา หรือหมอเทวดา “หั่วท้อเซียงซือกง” เทพเจ้าแห่งโชคลาภ “ไฉ่ซิ้งเอี๊ยะ” ที่ผู้คนส่วนใหญ่มักจะไปไหว้

✨ แก้ปีชง 2566 ✨ อ่านเพิ่มเติม

1 วันเที่ยวเยาวราช 🥰

เยาวราช เป็นถนนเก่าแก่ย่านการค้าของชาวไทยเชื้อสายจีนที่ไม่เคยเงียบเหงา และอย่างที่ทุกคนรู้ ย่านเยาวราชมีทั้งวัด ศาลเจ้า และศาสนสถานต่าง ๆ รวมถึงของกินอร่อย ๆ มากมายนับไม่ถูก ตระเวนกินได้ตั้งแต่เช้าจนมืดเลยค่ะ สถานที่ท่องเที่ยวและร้านอร่อยที่แนะนำคราวนี้ เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น หากใครเป็นสายกินก็เตรียมท้องให้ว่างกันเอาไว้ เพราะถนนสายนี้ อร่อยและน่ากินไปเสียทุกร้าน อดใจกันยากทีเดียว เส้นทางคราวนี้ แต่ละจุดไม่ไกลกัน สามารถเดินได้สบาย ๆ โดยจะเริ่มจากสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน ลัดเลาะไปตามถนนเยาวราช ถนนเจริญกรุง และจบที่รถไฟฟ้าใต้ดินสถานีวัดมังกร ✨ วัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร เริ่มออกเดินทางจากสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินหัวลำโพง เดินประมาณ 5-10 นาทีก็มาถึง #วัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร ลำดับแรกเดินเข้าไปไหว้พระกันค่ะ นอกจากพระประธานแล้ว ที่นี่ยังมีพระพุทธรูปสำคัญอีกองค์หนึ่งคือ พระพุทธมหาสุวรรณปฏิมากร หรือที่เรียกกันว่า พระสุโขทัยไตรมิตร ซึ่งประดิษฐานอยู่ภายในพระมหามณฑป 4 ชั้น เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ศิลปะสุโขทัย ทำจากทองคำแท้ และมีขนาดองค์ใหญ่ที่สุดในโลก ใช้เวลาอยู่ที่วัดรวมทั้งจะพาไปชมพิพิธภัณฑ์ด้วยประมาณ 1 ชั่วโมง เดินชมกันได้สบาย ๆ เลยค่ะ ไหว้พระแล้ว ยังมีอีกไฮไลต์ที่ขอแนะนำ คือ “ศูนย์ประวัติศาสตร์เยาวราช” หรือ “พิพิธภัณฑ์วัดไตรมิตร” เพื่อน ๆ จะได้รู้จักกับความเป็นมาของย่านการค้าเยาวราช การก่อร่างสร้างตัวของคนจีนในเมืองไทย ฯลฯ ผ่านการจัดแสดงที่ทันสมัยและน่าสนใจ พร้อมแผ่นป้ายให้ความรู้ 3 ภาษา คือ ไทย อังกฤษ และจีน ซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบพระชนมพรรษา (วงเวียนโอเดียน) จากวัดไตรมิตร เดินมาทางหัวถนนเยาวราช ประมาณ 3 นาทีจะเจอซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบพระชนมพรรษา หรือที่รู้จักกันว่า #วงเวียนโอเดียน เดิมเป็นวงเวียนน้ำพุ เรียกชื่อตามโรงภาพยนตร์โอเดียน ที่เคยตั้งอยู่บริเวณนี้ จนเมื่อวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระชนมายุครบ 6 รอบ ในปี พ.ศ. 2542 เหล่าชาวไทยเชื้อสายจีน ห้างร้าน หน่วยงานราชการจึงรื้อวงเวียนเดิมออกและร่วมใจกันสร้างซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรตินี้ขึ้นเพื่อน้อมเกล้าถวาย ปัจจุบันที่นี่ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ที่สวยงามของเยาวราชไปแล้ว แวะถ่ายรูปเช็คอินกันสักหน่อย แล้วไปกันต่อเลย ศาลเจ้าแม่กวนอิม โรงพยาบาลเทียนฟ้ามูลนิธิ จากวงเวียนโอเดียนเดินต่อมาประมาณ 5 นาที จะพาเพื่อน ๆ เข้าไปสักการะเจ้าแม่กวนอิม ที่อยู่ในบริเวณโรงพยาบาลเทียนฟ้ามูลนิธิ #โรงพยาบาลเทียนฟ้ามูลนิธิ ก่อตั้งขึ้นเมื่อ ค.ศ.1903 เป็นมูลนิธิแห่งแรกของประเทศไทย โดยการรวมตัวกันของชาวจีน 5 ภาษา ชักชวนกันบริจาคเงิน จัดซื้อที่ดินและสร้างโรงพยาบาล เพื่อช่วยเหลือผู้เจ็บป่วยและผู้ยากไร้โดยไม่แบ่งเชื้อชาติ หรือศาสนา บริเวณด้านหน้าทางเข้ามูลนิธิ เราจะพบศาลเจ้าที่ประดิษฐานเจ้าแม่กวนอิม โดยเจ้าแม่กวนอิม พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรนี้เป็นปางประทานพร แกะสลักด้วยไม้ สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยราชวงศ์ซ่ง หรือเมื่อประมาณ 800-900 ปีมาแล้ว และได้อัญเชิญจากประเทศจีนมาประดิษฐานยังที่แห่งนี้เมื่อ พ.ศ.2501 หลงโถวคาเฟ่ ทำบุญกันแล้ว ท้องคงเริ่มร้องกันแล้วล่ะสิคะ เดินออกจากโรงพยาบาลเทียนฟ้ามูลนิธิประมาณ 3 นาที มาแวะกันที่นี่เลย #หลงโถวคาเฟ่ ร้านนี้เป็นคาเฟ่เล็ก ๆ ตกแต่งสไตล์จีน ถึงจะขนาดเล็กแต่บอกเลยว่ามีลูกค้าทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติมาอย่างไม่ขาดสาย เพราะนอกจากบรรยากาศภายในร้านจะดีแล้ว อาหารที่นี่ก็ไม่น้อยหน้าที่อื่น ๆ เลย แนะนำว่าควรไปก่อนเที่ยงนะคะ เพราะคนยังไม่เยอะมาก ถ้าไปหลังจากนั้นอาจจะต้องรอคิวนานเลย เมนูที่มาถึงแล้วต้องห้ามพลาดเลย– Chinese Breakfast ชุดข้าวต้มสุดคลาสสิก– Egg Lava Bun ซาลาเปาไส้ไข่ไหลเยิ้มที่จัดว่าเด็ดมาก ๆ– Lhong Tou Shumai เกี๊ยวสอดไส้หมูสับและกุยช่าย กินคู่กับน้ำจิ้มรสเด็ดไม่เหมือนใครและสุดท้าย เกี๊ยวกุ้งทอดไส้แน่นจุใจ มีความกรอบนอก นุ่มใน เราใช้เวลาอยู่ในร้านประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง อย่างที่บอกร้านนี้จะมีนักท่องเที่ยวมาลิ้มลองความอร่อยกันเยอะ แต่ได้กินแน่นอนค่ะ  ลอดช่องสิงคโปร์ ของคาวแล้วต้องต่อด้วยของหวาน เดินย้อนขึ้นมาถนนเจริญกรุงประมาณ 3 นาที แวะกินอะไรให้สดชื่นกันหน่อย “ลอดช่องสิงคโปร์” ที่หากินไม่ได้ในสิงค์โปร์ แต่อยู่ที่ย่านเยาราชอันโด่งดังนี่เอง ที่มาที่ไปของลอดช่องสิงคโปร์นั้น แต่เดิมตั้งร้านอยู่บริเวณทางเข้าโรงภาพยนตร์สิงคโปร์ มีชื่อเสียงเรื่องความอร่อยจนเลื่องลือไปทั่ว จึงเรียกกันมาปากต่อปากว่า “ลอดช่องหน้าโรงหนังสิงคโปร์” และในที่สุดก็กลายมาเป็น “ลอดช่องสิงคโปร์” ซึ่งปัจจุบันโรงหนังที่ชื่อว่า สิงคโปร์ ได้ปิดตัวลงไปแล้ว แม้ว่าจะเป็น ลอดช่อง เหมือนกันแต่ลอดช่องน้ำกะทิของไทยนั้นจะเด่นที่รสชาติกะทิ มีกลิ่นหอมมัน ส่วนลอดช่องสิงคโปร์ ตัวเส้นจะมีความเหนียว ๆ หนึบ ๆ รสชาติกะทิไม่เด่นมากนัก แต่จะได้กลิ่นหอมและรสชาติหวาน ๆ จากน้ำตาลทรายแดงเข้ามาแทน วัดมังกรกมลาวาส เติมพลังกันไปแล้ว เราใช้เวลาเดินประมาณ 10 นาทีไปที่ #วัดมังกรกมลาวาส หรือที่หลายๆ คนรู้จักกันในชื่อว่า #วัดเล่งเน่ยยี่ วัดเล่งเน่ยยี่นับเป็นวัดที่มีสถาปัตยกรรมแบบจีน มีความเชื่อกันว่า การไหว้เทพเจ้าต่าง ๆ เป็นการขอพร และการแก้ปีชง เพื่อเสริมสิริมงคล เป็นวัดจีนสังกัดคณะสงฆ์จีนนิกายแห่งประเทศไทยและได้รับพระราชทานนามวัดจากรัชกาลที่ 5 ว่า “วัดมังกรกมลาวาส”  ด้านในพระอุโบสถประดิษฐานพระพุทธรูปสำคัญ 3 องค์ ได้แก่ พระศากยมุนีพุทธเจ้า พระอมิตาภพุทธเจ้า และพระไภษัชยคุรุพุทธเจ้า นอกจากนี้ภายในวัดยังมีเทพเจ้าองค์อื่น ๆ อีก รวมแล้วกว่า 58 องค์ ศาลเจ้าไต่ฮงกง ถัดมาไม่ไกลจากวัดมังกร เดินประมาณ 5 นาที มากันที่ #ศาลเจ้าไต่ฮงกง ซึ่งเป็นสถานที่ที่ผู้คนนิยมเดินทางมาทำบุญสะเดาะเคราะห์ด้วยการบริจาคโลงศพให้กับศพไร้ญาติ ใครอยากจะทำทาน บริจาคโลงศพให้กับศพไร้ญาติ ที่นี่ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ดีไม่น้อยเลยทีเดียว วัดบำเพ็ญจีนพรต ใกล้ ๆ กันมาต่อที่วันจีนเล็ก ๆ อย่าง #วัดบำเพ็ญจีนพรต เดิมชื่อวัด ยางฮกอำ สันนิษฐานว่าสร้างโดยชาวจีนในสมัยต้นรัตนโกสินทร์ ต่อมาพระอาจารย์สกเห็งได้ปฏิสังขรณ์วิหารพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ พร้อมกับเปลี่ยนชื่อวัดเป็น “ย่งฮกยี่” ในราว พ.ศ.2430 และได้กราบบังคมทูลขอพระราชทานนามวัดจากรัชกาลที่ 5 ซึ่งพระองค์ได้พระราชทานนามวัดให้ใหม่ว่า “วัดบำเพ็ญจีนพรต” 

1 วันเที่ยวเยาวราช 🥰 อ่านเพิ่มเติม

✨ Amazing Thailand Countdown 2023 ✨

เมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา (31 ธ.ค. 2565) ทั้งบริเวณท่าวัดโพธิ์ วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร และศูนย์การค้า ICONSIAM กรุงเทพมหานคร สวัสดีปีใหม่ 2566 นะคะ  งาน Amazing Thailand Countdown 2023 ณ ท่าวัดโพธิ์ และวัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร กรุงเทพมหานคร   งาน Amazing Thailand Countdown 2023 ณ ศูนย์การค้า ICONSIAM กรุงเทพมหานคร   งาน Amazing Thailand Countdown 2023 ณ ท่าวัดโพธิ์ และวัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร กรุงเทพมหานคร   งาน Amazing Thailand Countdown 2023 ณ ท่าวัดโพธิ์ และวัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร กรุงเทพมหานคร   งาน Amazing Thailand Countdown 2023 ณ ท่าวัดโพธิ์ และวัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร กรุงเทพมหานคร   งาน Amazing Thailand Countdown 2023 ณ ท่าวัดโพธิ์ และวัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร กรุงเทพมหานคร   งาน Amazing Thailand Countdown 2023 ณ ท่าวัดโพธิ์ และวัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร กรุงเทพมหานคร   งาน Amazing Thailand Countdown 2023 ณ ศูนย์การค้า ICONSIAM กรุงเทพมหานคร   งาน Amazing Thailand Countdown 2023 ณ ศูนย์การค้า ICONSIAM กรุงเทพมหานคร   งาน Amazing Thailand Countdown 2023 ณ ศูนย์การค้า ICONSIAM กรุงเทพมหานคร 

✨ Amazing Thailand Countdown 2023 ✨ อ่านเพิ่มเติม

✨ ศาลหลักเมืองกรุงเทพมหานคร ✨

ต้อนรับศักราชใหม่ด้วยการพาเพื่อน ๆ ไปสักการะ #ศาลหลักเมืองกรุงเทพฯ เพื่อน ๆ ที่เคยไปวัดพระแก้วอาจจะเคยเห็นศาลหลักเมืองนี้มาบ้างแล้วเพราะตั้งอยู่เยื้อง ๆ กัน ตามความเชื่อว่าหากมาสักการะศาลหลักเมืองจะเจริญรุ่งเรืองในหน้าที่การงาน เคยสงสัยหรือไม่ว่าทำไมมีเสาหลักเมืองถึงสองต้น ภายในศาลหลักเมืองมีอะไรบ้าง จึงถือโอกาสในวาระดิถีขึ้นปีใหม่นี้พาเพื่อน ๆ มาสักการะศาลหลักเมืองและหาคำตอบไปพร้อมกัน เพื่อน ๆ สายมูห้ามพลาดเลยล่ะ การแต่งกาย ควรแต่งกายให้สุภาพไม่สวมกระโปรงสั้นหรือกางเกงขาสั้นและไม่สวมเสื้อแขนกุดเข้าสักการะศาลหลักเมือง ศาลหลักเมืองกรุงเทพมหานคร สร้างขึ้นมาพร้อมการสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์เป็นราชธานี ตามความเชื่อของพิธีพราหมณ์ว่า ก่อนจะสร้างเมืองใหม่จำเป็นจะต้องทำพิธียกเสาหลักเมืองเพื่อเป็นสิริมงคลแก่บ้านเมือง เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2325 รัชกาลที่ 1 จึงโปรดเกล้าฯ ให้มีพิธียกเสาหลักเมืองขึ้นโดยเสานี้เป็นเสาไม้ชัยพฤกษ์มีไม้แก่นจันทร์ประกับนอก ยอดเสาเป็นรูปบัวตูม โดยเลือกที่ตั้งเป็นใจกลางพระนคร (ในขณะนั้น) เนื่องจากเชื่อว่าเป็นที่ที่มีชัยภูมิที่ดี จนมาถึงในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสาหลักเมืองได้ทรุดโทรมไปตามกาลเวลาจึงโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาเสาหลักเมืองต้นใหม่เป็นเสาไม้สักเป็นแกนอยู่ภายในประกับด้วยไม้ชัยพฤกษ์ยอดเสาเป็นยอดเม็ดทรงมัณฑ์ จากนั้นได้อัญเชิญหลักเมืองเดิมและหลักเมืองใหม่มาประดิษฐานคู่กัน ภายในศาลหลักเมืองที่สร้างขึ้นใหม่เป็นอาคารจตุรมุขยอดปรางค์ ซึ่งได้แบบอย่างมาจากศาลพระกาฬ จ.พระนครศรีอยุธยา และในคราวสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี พ.ศ.2525 ได้มีการบูรณะครั้งใหญ่ โดยการสร้างเสาหลักเมืองขึ้นมาใหม่โดยยึดตามรูปแบบเดิมจึงทำให้ศาลหลักเมืองกรุงเทพฯ มีเสาหลักเมือง 2 ต้น นั่นเอง และมีการสร้างศาลเทพารักษ์ รวมทั้งอาคารต่างๆ เพิ่มเติมด้วย เพื่อน ๆ สามารถซื้อชุดสักการะได้ภายในศาลโดยในชุดจะประกอบไปด้วย ผ้าแพร พวงมาลัย น้ำมันตะเกียง ธูป เทียน ทองคำเปลว และดอกบัว โดยขั้นตอนการสักการะมีวิธีการปฏิบัติอย่างไรบ้างนั้นไปดูพร้อมกันเลย  จุดที่ 1 หอพระพุทธรูป จะอยู่ในสุดของศาลหลักเมืองนำดอกบัวมาสักการะพระพุทธรูปที่จุดนี้โดยไม่ต้องจุดธูปและเทียนนะคะ ในจุดที่ 1 ยังมีการยกพระเสี่ยงทายอีกด้วย โดยวิธีการเสี่ยงทาย ยกครั้งที่ 1 ให้อธิษฐานหากเรื่องที่อธิษฐานสำเร็จขอให้ยกพระขึ้น ยกครั้งที่ 2 ให้อธิษฐานเรื่องเดิมและขอให้ยกองค์พระไม่ขึ้น  จุดที่ 2 องค์พระหลักเมืองจำลอง จะอยู่ด้านหน้าของหอพระพุทธรูป จุดธูปและเทียนเพื่อสักการะ ปิดทองคำเปลวพระพุทธรูป เสร็จแล้วนำผ้าแพรสามสีที่ได้มาผูกกับองค์หลักเมืองจำลอง  จุดที่ 3 อาคารศาลหลักเมือง อาคารนี้จะเป็นอาคารจตุรมุขยอดปรางค์ นำพวงมาลัยถวายองค์พระหลักเมือง องค์ที่สูงกว่าจะสร้างในสมัยรัชกาลที่ 1 และอีกองค์คือเสาหลักเมืองปัจจุบันที่สร้างในสมัยรัชกาลที่ 4  จุดที่ 4 ศาลเทพารักษ์ ตั้งอยู่ทางซ้ายของอาคารศาลหลักเมือง เป็นที่ประดิษฐาน องค์เทพารักษ์ทั้ง 5 ได้แก่ องค์ที่ 1 พระเสื้อเมือง ผู้ปกป้องคุ้มครองให้บ้านเมืองร่มเย็นเป็นสุขแคล้วคลาดจากศัตรูผู้รุกราน องค์ที่ 2 พระทรงเมือง ผู้กับกับดูแลปกครองกระทรวง ทบวง กรมต่าง ๆ เพื่อบำบัดทุกข์บำรุงสุขประชาชน องค์ที่ 3 พระกาฬไชยศรี ผู้ยับยั้งการทำความชั่ว โดยจะขี่นกแสกคอยสอดส่องดูแลความสงบของบ้านเมือง องค์ที่ 4 เจ้าเจตคุปต์ ผู้จดบันทึกความชั่วร้ายของมนุษย์ องค์ที่ 5 เจ้าหอกลอง ผู้สอดส่องดูแลเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในแผ่นดิน คอยปกป้องคุ้มครองเมื่อมีเหตุด่วนเหตุร้าย จุดที่ 5 เติมน้ำมันตะเกียงพระประจำวันเกิดและสะเดาะเคราะห์ จุดสุดท้ายนี้ให้เติมน้ำมันตะเกียงที่พระประจำวันเกิดของตัวเองโดยเติมเพียงครึ่งขวดอีกครึ่งขวดให้เติมลงในอ่างสะเดาะเคราะห์  ถือว่าเป็นการเสร็จสิ้นขั้นตอนการสักการะศาลหลักเมือง ขอให้เพื่อน ๆ ทุกคนสุขภาพแข็งแรง คิดสิ่งใดสมปรารถนา ขอให้ปี 2566 นี้เป็นปีที่ดีของทุกคนนะคะ

✨ ศาลหลักเมืองกรุงเทพมหานคร ✨ อ่านเพิ่มเติม

📣 เที่ยวงานศิลป์ Bangkok Art Biennale 2022 📣

ศิลปะในเมืองกรุงกลับมาอีกครั้ง #BangkokArtBiennale2022 (BAB) เทศกาลศิลปะร่วมสมัยนานาชาติครั้งใหญ่ที่รวมผลงานศิลปะระดับโลกมาจัดแสดงให้ชมกันฟรี ๆ โดยมีผลงานศิลปะจาก 73 ศิลปิน จาก 35 สัญชาติทั่วโลก สำหรับธีมของงานปีนี้ คือ “โกลาหล : สงบสุข” (CHAOS: CALM) สองคำที่แตกต่างกันระหว่างความโกลาหลกับความสงบสุข ซึ่งสะท้อนให้เห็นในช่วงเวลาที่ผ่านมาเกิดความโกลาหลต่าง ๆ มนุษย์ได้เผชิญกับปัญหาโรคระบาด การเมือง อาชญากรรม แต่ในขณะเดียวกันท่ามกลางความโกลาหลก็มีความหวังและเหตุการณ์ดี ๆ ระหว่างมนุษย์และธรรมชาติที่สามารถปรับตัวกับการอยู่รอด รวมถึงการค้นพบความสงบสุขท่ามกลางความวุ่นวายนั่นเอง🥰 สำหรับผู้ที่สนใจและประชาชนทั่วไปสามารถชมเทศกาล บางกอก อาร์ต เบียนนาเล่ 2022 ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ สำหรับที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ชั้น B2 ถือว่าเป็นพื้นที่จัดงานแห่งใหม่และเต็มไปด้วยผลงานของเหล่าศิลปิน จุดแรกก็มีผลงานหลากหลายไม่ว่าจะเป็น The Eye of the Storm ของ Chiharu Shiota (ชิฮารุ ชิโอตะ) ศิลปินชาวญี่ปุ่น ได้จัดแสดงกระดาษสีขาวนับพันแผ่น เชื่อมต่อกันด้วยเชือกสีแดง Anything Can Break และ Temporary Insanity พินรี สัณฑ์พิทักษ์ ศิลปินชาวไทย มีผลงานที่ต้องใช้เสียงในการ Activate เมื่อทุกคนปรบมือจนสะท้อนไปทั่ว เจ้าก้อนสีส้ม ๆ ก็จะดุ๊กดิ๊กด้วยตัวมันเอง และ Chaos ของ Marina Abramović (มารินา อบราโมวิช) ศิลปินชาวเซอร์เบีย นอกจากนั้นยังมีผลงานของศิลปินทั้งไทยและต่างชาติอีกหลายคนให้รับชม ไม่ว่าจะเป็น เถกิง พัฒโนภาษ ผู้ถ่ายทอดงานศิลปะจากร่างกายและโรคร้ายที่ต้องเผชิญ และ Alwin Reamillo (อัลวิน รีอามิลโล) ศิลปินชาวฟิลิปปินส์ผู้ถ่ายทอดงานผ่านประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม รวมถึงการล่าอาณานิคม เป็นต้น 👉มิวเซียมสยาม เรามาดูงานศิลป์กันต่อที่มิวเซียมสยาม เดินทางได้ด้วยรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT ลงสถานีสนามไชย ส่วนของงานจัดแสดงเหล่านี้จะอยู่รอบนอกของอาคารการเรียนรู้ เราสามารถเข้ามาเดินดูได้ฟรี ๆ เลยค่ะ ผลงานของ Tazeen Qayyum (ทาซีน ไกยัม) ศิลปินชาวปากีสถาน-แคนาดา ที่ถ่ายทอดผลงานเป็นวอลล์เปเปอร์จัดวางอย่างแมลงสาบสีแดง คลานไปรอบมิวเซียมสยาม และปรากฏบนผนังนอกอาคารสไตล์นีโอคลาสสิก ผลงาน Wall of Change ของ Miyajima Tatsuo (ทัตสึโอะ มิยาจิมะ) ผลงานการเจาะกำแพงให้เป็นรูปตัวเลขดิจิทัลขนาดใหญ่ 5 ตัว และจะเปลี่ยนไปทุกวันตามตัวเลข 0-9 ที่ออกโดยลูกเต๋า 10 หน้า นอกจากนี้ ถัดจากผลงาน Wall of Change ยังมีผลงานของ Jitish Kallat (จิติช กัลลัต) ที่ชื่อว่า Integer Study (Drawing from life) เป็นภาพวาดจำนวน 365 ภาพที่จัดแสดงให้ชมอีกด้วย วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร (วัดโพธิ์) “อโรคยศาลา” ผลงานของ มณเฑียร บุญมา ศิลปินร่วมสมัยของไทยและเป็นหนึ่งในศิลปินไฮไลต์ที่บอกเลยว่าห้ามพลาดชมสำหรับงานนี้ จัดอยู่ในเก๋งจีนของวัดโพธิ์ และอีกหนึ่งผลงานอยู่ภายในวิหารพระพุทธปาลิไลยก์ซึ่งสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 1 และเป็นพระพุทธรูปที่มีความเชื่อเกี่ยวเนื่องกับการรักษาโรค เป็นปฏิมากรรมเศียรพระพุทธรูปอะลูมิเนียมขนาดใหญ่ ผลงาน “Connect” และ “Contain” ของ Anthony Gormlay (แอนโทนี กอร์มลีย์) เป็นงานตั้งแสดงกลางแจ้ง ที่มีความผสมผสานระหว่างศิลปะไทยและจีนโดยเฉพาะ โดย Contain 2022 มีลักษณะเป็นเหล็กตัน และ Connect 2022 มีลักษณะเป็นเหล็กโปร่งจัดวางไว้สองจุดใกล้กัน Bacc หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร สำหรับ #หอศิลป์กรุงเทพฯ จัดงานอยู่ที่ชั้น 7-8 ปีนี้ก็มีผลงานแน่นขนัดและน่าสนใจอย่างมาก มีผลงานเรียงรายตามผนัง ภาพวาด วิดีโอ และศิลปะการจัดวางให้ชมด้วยค่ะ อริญชย์ รุ่งแจ้ง ศิลปินชาวไทยที่สร้างสรรค์ผลงานศิลปะจัดวาง ด้วยการใช้เครื่องมืออย่างปัญญาประดิษฐ์ นอกจากนี้ยังมีผลงานชื่อ Humans ภาพวาดด้วยดินสอถ่าน โดย Cameron Platter (คาเมรอน แพลทเทอร์) ศิลปินชาวแอฟริกาใต้ ที่ดูเหมือนจะไม่มีอะไร แต่กลับน่าสนใจมองได้ไม่เบื่อเลยล่ะ  ระหว่างทางเดินแต่ละชั้นก็จะเห็นผลงานที่เป็นส่วนหนึ่งของเทศกาลเช่นกัน สามย่านมิตรทาวน์ ถัดมาที่ย่านการศึกษาอย่างสามย่านมิตรทาวน์มีผลงานชื่อ Kwai Calm ของ ไมตรี ศิริบูรณ์ ตั้งอยู่ด้านหน้าของห้างโดดเด่นจนต้องเหลียวมอง ประติมากรรมควายเผือกและมีเด็กเลี้ยงควายถือดอกบัว โดยถ่ายทอดเรื่องราวของเด็กชายเลี้ยงควายอีสานในยุคสมัยใหม่ สะท้อนความเป็นอีสาน นำความผูกพันระหว่างควายกับคนมาสะท้อนเรื่องราวต่าง ๆ ในสังคมนั่นเอง

📣 เที่ยวงานศิลป์ Bangkok Art Biennale 2022 📣 อ่านเพิ่มเติม

🌳”ป่าในกรุง” โครงการพัฒนาพื้นที่สีเขียวบนที่ดินของ ปตท. 🌿

ที่นี่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เหมาะกับทุกเพศทุกวัยเลยนะ ได้พักผ่อน เรียนรู้ และยังปลูกจิตสำนึกให้ตระหนักถึงความสำคัญของป่าไม้ด้วย ไปชมภาพบรรยากาศและข้อมูลกันเลยค่ะ 😻 โครงการป่าในกรุง ก่อตั้งโดยสถาบันปลูกป่า ปตท. หรือ “PTT Green in the City” เพื่อส่งเสริมพื้นที่สีเขียวในเขตเมืองและเป็นแหล่งเรียนรู้เกี่ยวกับการปลูกป่าเชิงนิเวศแบบยั่งยืนนั่นเอง มองจากมุมสูงก็จะเห็นต้นไม้เขียว ๆ อย่างหนาแน่นเลยล่ะ ภายในโครงการป่าในกรุง ได้แบ่งสัดส่วนของพื้นที่ออกเป็น พื้นที่ป่า 75% พื้นที่น้ำ 15% และพื้นที่ใช้งาน 10% โดยมีจุดที่เราสามารถเข้าไปชม ไม่ว่าจะเป็นอาคารอเนกประสงค์ ห้องนิทรรศการ ห้องฉายภาพยนตร์ขนาดเล็ก และยังมีทางเดิน sky walk เป็นสะพานไม้ศึกษาธรรมชาติ ระยะทาง 200 เมตร มีมุมถ่ายรูปกันเพลิน ๆ หอชมป่า (Observation Tower) เป็นจุดชมวิวมุมสูง มีความสูง 23 เมตร นับว่าเป็นหนึ่งในไฮไลท์ของที่นี่ เมื่อขึ้นไปแล้วเราก็จะได้เห็นบรรยากาศของกรุงเทพฯ แบบ 360 องศาเลยล่ะ  ระหว่างทางเดินมีอาคารเอนกประสงค์ มีโครงสร้างกำแพงเป็นดินบดอัด มีต้นไม้เลื้อยจากด้านบนของอาคารลงมาตามผนังให้กลมกลืนไปกับธรรมชาติอีกด้วย  โซนนิทรรศการ (Exhibition Hall) ภายในได้จัดแสดงความเป็นมาของโครงการป่าในกรุง ทฤษฎีการพัฒนาฟื้นฟูป่าไม้อันเนื่องมาจากพระราชดำริ และปรากฏการณ์ธรรมชาติให้นักท่องเที่ยวได้อ่านกันเพลิน ๆ

🌳”ป่าในกรุง” โครงการพัฒนาพื้นที่สีเขียวบนที่ดินของ ปตท. 🌿 อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top