กรุงเทพมหานคร

กรุงเทพมหานคร

One day trip … บึงหนองบอน ⛵️

สวัสดีเพื่อน ๆ แฟนเพจ วันนี้แอดมีสถานที่น่าสนใจเหมาะกับการคลายร้อนของคนกรุงเทพฯมาฝาก นั่นคือ ศูนย์กีฬาทางน้ำบึงหนองบอนที่เพื่อน ๆ สามารถเข้าไปพักผ่อนหย่อนใจและเล่นกีฬาทางน้ำกันได้ โดยที่ไม่ต้องไปไกลถึงทะเล น่าสนใจใช่ไหม สำหรับเพื่อน ๆ ที่ยังไม่เคยไป ตามมาหาข้อมูลเบื้องต้นกันก่อนได้เลย ร้านกาแฟ มีวนา  แต่ก่อนจะไปบึงหนองบอน แอดจะชวนแวะดื่มกาแฟให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่ากันก่อน ร้านนี้ชื่อ มีวนา ที่แปลว่า มีป่า เป็นร้านกาแฟที่ร่มรื่นมาก โอบล้อมไปด้วยต้นไม้ ในร้านตกแต่งโทนสีน้ำตาล โปร่งโล่งเพราะเพดานสูงและติดกระจกรอบร้าน ทำให้สามารถนั่งจิบกาแฟและชื่นชมสีเขียวของต้นไม้และสนามหญ้าด้านนอกได้อย่างสบายตา เมล็ดกาแฟของมีวนาเป็นกาแฟที่ปลูกภายใต้แนวคิดกาแฟออร์แกนิก บนพื้นที่กว่า 7,800 ไร่ในบริเวณป่าต้นน้ำสำคัญของจังหวัดเชียงราย โดยสมาชิกเกษตรกรจากหมู่บ้านต่างๆ ซึ่งทำงานร่วมกันในรูปแบบวิสาหกิจชุมชน เป็นการสร้างรายได้เลี้ยงครอบครัว และรักษาสมดุลของระบบนิเวศน์ไปพร้อมกัน เรียกว่ามาดื่มกาแฟที่นี่ก็ช่วยรักษาป่าต้นน้ำได้เหมือนกันนะ  เลขที่ 1 คอร์เปอเรทปาร์ค อาคารพรีเมียร์ ซอย 2 ถนนศรีนครินทร์ แขวงหนองบอน เขตประเวศ กรุงเทพฯ เปิดทุกวันเวลา 07:30-17:30 น.  065 728 9952 https://goo.gl/maps/ruh3ypzp3r9chmBm8 หลังจากดื่มกาแฟหอม ๆ ปลุกร่างกายให้ตื่นกันแล้ว ตามแอดไปที่ “ศูนย์กีฬาบึงหนองบอน” ที่นี่อยู่ไม่ไกลจากร้านกาแฟมีวนา มีเนื้อที่เกือบ 700 ไร่ เป็นบึงในโครงการแก้มลิงตามแนวพระราชดำริ ที่สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2539 เพื่อเอาไว้รองรับน้ำจากฝั่งตะวันออก แก้ปัญหาน้ำท่วมในกรุงเทพฯ บึงหนองบอนมีกิจกรรมทางน้ำให้เล่นมากมายไม่ว่าจะเป็นซับบอร์ด เรือใบ วินด์เซิร์ฟ เรือแคนู เรือคายัก ฯลฯ โดยต้องลงทะเบียนจองคิวก่อนใช้บริการ ส่วนเพื่อน ๆ ที่อยากเข้าร่วมแต่เล่นไม่เป็น ที่นี่ก็มีบริการสอนให้ โดยจะมีสอนทุกวัน แบ่งเป็น 2 รอบ คือ 13:00 น. และรอบ 16:00 น. โดยต้องลงทะเบียนจองคิววันต่อวัน (สอบถามเพิ่มเติมได้ที่สำนักงาน หรือตรวจสอบข้อมูลที่หน้าเพจ ศูนย์กีฬาบึงหนองบอน เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 จึงอาจมีการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดการเข้าใช้บริการได้) ในการเรียนหรือเล่นกีฬาทางน้ำ เพื่อน ๆ ต้องสมัครสมาชิกกันก่อน วิธีการไม่ยากเลย เตรียมเอกสาร คือ บัตรประชาชน หรือ passport (สำหรับชาวต่างชาติ) และรูปถ่ายหน้าตรง ไม่สวมหมวก ขนาด 1 นิ้วหรือ 2 นิ้ว จำนวน 2 รูป เท่านี้ก็มาสมัครสมาชิกได้แล้ว นอกจากกิจกรรมทางน้ำแล้ว ยังมีกิจกรรมอื่น ๆ อีกมากมายให้เลือกเล่น เช่น วิ่งรอบบึง ปั่นจักรยาน ตะกร้อลอดห่วง บาสเก็ตบอล ฟุตซอล surf skate เป็นต้น สำหรับเพื่อน ๆ ที่ไม่ใช่สายกิจกรรม จะชิลด้วยการนั่งปิกนิก หรือปูเสื่อผูกเปลนอนก็ได้นะ ที่สำคัญที่บึงหนองบอนนี้เป็นหนึ่งในสวนสาธารณะที่อนุญาตให้นำสัตว์เลี้ยงเข้ามาเดินเล่นได้ แต่ต้องมีสายจูงน้อง ๆ และจัดการเก็บอึของน้องไปทิ้งให้เรียบร้อยด้วย ในช่วงสถานการณ์โควิด 19 นี้ อาจมีการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขการพาน้องเข้ามาเที่ยว อย่าลืมสอบถามล่วงหน้ากันนะคะ  การเดินทาง รถยนต์ส่วนตัว  ขับมาทางถนนศรีนครินทร์ จนเจอแยกศรีอุดม เลี้ยวซ้ายเข้าถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 ขับเลยสวนหลวง ร.9 มานิดเดียว สังเกตทางซ้ายมือ จะเจอซอยเฉลิมพระเกียรติ 43 เข้าไปจนสุดซอยจะเจอกับ ศูนย์กีฬาบึงหนองบอน ด้านในมีทั้งที่จอดรถจักรยานยนต์และรถยนต์ ให้บริการฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย รถสาธารณะ  BTS ลงสถานีอุดมสุข ทางออกปากซอยอุดมสุข นั่งรถตู้สายประเวศ ลงปากซอยเฉลิมพระเกียรติ ร.9 ซอย 43 ต่อรถสองแถวสีขาว สายราม 2-สวนหลวง สองแถวจะจอดหน้าศูนย์กีฬาบึงหนองบอน หรือจาก BTS สถานีอุดมสุข นั่งรถสองแถวสีแดง สาย 1014 อุดมสุข-ประเวศ ลงหน้าสวนหลวง ร.9 ต่อรถสองแถวสีขาว สายราม 2-สวนหลวง เข้ามาศูนย์กีฬาบึงหนองบอนได้ รถเมล์สาย 206 จะมาถึงปากซอยเฉลิมพระเกียรติ 43 จากนั้นต่อรถสองแถวสีขาว สายราม 2-สวนหลวง เข้าไปได้ง่ายๆ  ศูนย์กีฬาทางน้ำบึงหนองบอน ซอย 43 ถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 แขวงหนองบอน เขตประเวศ กรุงเทพมหานคร  เปิดให้บริการทุกวัน จันทร์-เสาร์ 08.30 a.m. – 7.30 p.m. / วันอาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ 10.30-19.30 น.  02 328 0236 https://goo.gl/maps/U2TuK2ujG3zigBQdA

One day trip … บึงหนองบอน ⛵️ อ่านเพิ่มเติม

✨ เที่ยวกินไหว้หลากสไตล์ @ ห้วยขวาง ✨

หากใครกำลังเบื่อ ๆ ไม่รู้จะทำอะไร วันนี้แอดมีเส้นทางเดินเล่นกลางกรุงเทพฯ มาแนะนำ เป็นเส้นทางย่านห้วยขวาง เพื่อน ๆ อาจนึกไม่ออกว่ามีอะไรน่าสนใจ แต่ตามแอดมา แอดจะพาไปเปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ ทั้งความรู้ใหม่และอาหารรสชาติแปลกใหม่ พร้อมแล้ว นั่ง MRT สายสีน้ำเงินไปด้วยกันเลย ตารางเที่ยว 1. เรียนรู้เรื่องการลงทุนที่ Investory พิพิธภัณฑ์เรียนรู้การลงทุน 2. เปิดประสบการณ์ลิ้นกับอาหารเชียงตุงที่ ร้านใบบัว 3. ชิลล์ในบรรยากาศสบาย ๆ เคล้ากลิ่นกาแฟที่ Oasis coffee 4. ลิ้มลองรสชาติของอาหารจีนยูนนานที่ ร้านกินเส้นจุ้ยซิน 5. ไหว้ศาลพระพิฆเนศ ขอพร ขอกำลังใจ  Investory พิพิธภัณฑ์เรียนรู้การลงทุน (Investment Discovery Museum)  เชื่อว่าตอนนี้หลาย ๆ คนคงเริ่มมองหาช่องทางการสร้างรายได้อื่น ๆ นอกจากการทำงานประจำกันมากขึ้น การลงทุนก็เป็นสิ่งที่แอดคิดว่าสามารถช่วยสร้างรายได้เสริม ให้เรามีความมั่นคงมากขึ้น แถมยังมีเงินไว้ไปช้อปปิ้งท่องเที่ยวได้อีกด้วย แอดจึงอยากพาเพื่อน ๆ มาเรียนรู้หาข้อมูลที่นี่ INVESTORY เปิดดำเนินการเมื่อวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2559 เพื่อให้เป็นแหล่งเรียนรู้ด้านการวางแผนการเงิน และการลงทุนในรูปแบบ Interactive Self-Discovery ให้ประชาชนทั่วไปที่สนใจการลงทุนเข้ามาศึกษา โดยเล่าเรื่องผ่านตัวละครสมมติ เพื่อน ๆ จะได้รับบัตรประจำตัวที่เรียกว่า Hero card ซึ่งใช้เก็บข้อมูลของเรา ทั้งลักษณะการใช้จ่าย อายุ ฯลฯ รวมถึงข้อมูลการเรียนรู้ของเราตลอดเส้นทางในนิทรรศการ เพื่อเรียนรู้วิธีการต่อสู้กับ Money Monsters ซึ่งเจ้า Money Monsters ก็คือศัตรูทางการเงิน ที่เกิดจากค่าใช้จ่ายต่าง ๆ อย่างค่าบริการโทรศัพท์รายเดือน ค่าเสื้อผ้า ค่าเดินทาง ค่าผ่อนบ้านผ่อนรถ ซึ่งแต่ละคนมีไม่เท่ากันนั่นเอง จุดเด่นของที่นี่ คือจะมี SET Heroes ที่เป็นตัวแทนของผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในหลักทรัพย์แต่ละประเภท คือ Captain S ผู้เชี่ยวชาญเรื่องหุ้น (Stocks) Guardian B ผู้เชี่ยวชาญเรื่องตราสารหนี้ (Bonds) Pro M ผู้เชี่ยวชาญเรื่องกองทุนรวม (Mutual Funds) และ Lady D ผู้เชี่ยวชาญเรื่องอนุพันธ์ (Derivatives) มาช่วยอธิบายว่าการลงทุนแต่ละอย่างมีข้อดีข้อเสียอย่างไร ใครเหมาะกับอะไร ผ่านสื่อการเรียนรู้ที่เข้าใจง่ายและสามารถทดลองปฏิบัติจริง เพื่อช่วยให้เพื่อน ๆ ได้รู้จัก เข้าใจ และตระหนักถึงปัญหาทางการเงินที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตได้ ห้องถัดมา เพื่อน ๆ จะพบกับ SET Ecosystem ที่บอกเล่าโครงสร้างตลาดทุนไทย โดยมีตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนทุนที่มีอยู่ในระบบให้เกิดการหมุนเวียน นอกจากนี้ ยังมีวิดีโอตามรอยประวัติศาสตร์การพัฒนาการ 40 ปี ของตลาดหลักทรัพย์ฯ จากอดีตถึงปัจจุบันอีกด้วย สิ่งที่แอดชอบมากก็คือ การที่ที่นี่มีการจำลองหาสัดส่วนการลงทุนตามผลการประเมินที่เราให้ข้อมูลไว้ ซึ่งที่นี่จะใช้ข้อมูลจริงของตลาดหุ้นในรอบ 5 ปีมาประกอบ โดยเพื่อน ๆ สามารถจำลองพอร์ตการลงทุนได้ตามใจ ที่สำคัญยังสามารถทดลองเทรดหุ้นเสมือนจริง หรือหากไปกันเป็นกลุ่มก็สามารถเทรดแข่งกับเพื่อนได้เลย ซึ่งหลังจากเล่นเสร็จ จะมีการส่งข้อมูลหุ้นนี้ไปทางอีเมล์ เพื่อน ๆ สามารถนำไปเป็นไกด์ในการซื้อขายจริงได้เลยล่ะ  ขอบคุณภาพจาก Investory พิพิธภัณฑ์เรียนรู้การลงทุน  กิจกรรมนี้ใช้เวลาราว ๆ 1.30 ชั่วโมงเท่านั้น แต่ได้ความรู้เกี่ยวกับการลงทุนเพียบ เดินทางง่ายมาก ใช้รถไฟฟ้า MRT ลงที่สถานีศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ทางออก 3 เดินต่อประมาณ 5 นาทีก็จะถึงอาคารตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ตรงไปที่ชั้นใต้ดินได้เลย นอกจากพิพิธภัณฑ์เรียนรู้การลงทุนแล้ว เพื่อน ๆ ยังสามารถหาความรู้เรื่องการเงินการลงทุนเพิ่มเติมได้ที่ห้องสมุดมารวย ที่อยู่ใกล้ ๆ กันได้ด้วย อัตราค่าเข้าชม– ค่าเข้าชม ราคา 100 บาท (ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ)– บุคคลที่ได้รับสิทธิ์ในการเข้าชมฟรี– เด็ก นักเรียน นักศึกษา (ไม่เกินระดับปริญญาตรี) ที่มีอายุไม่เกิน 23 ปี*** แต่งเครื่องแบบ หรือแสดงบัตรนักเรียน นักศึกษา– ผู้สูงอายุ (ชาวไทยที่มีอายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไป) ภิกษุ สามเณร และผู้พิการ*** แสดงบัตรประชาชน– ผู้เข้าชมแบบกลุ่ม (ตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป)*** ต้องยื่นหนังสือขอเข้าชมจากหน่วยงานต้นสังกัด : ชั้นใต้ดิน อาคารตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เลขที่ 93 ถนนรัชดาภิเษก แขวงดินแดง เขตดินแดง กรุงเทพฯ 10400: เปิดทุกวัน 09:30 – 17:00 น. (หยุดวันจันทร์): 0 2009 9000 ต่อ 3566  ร้านใบบัว  จากสถานีศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย แอดจะพาเพื่อน ๆ ไปที่สถานีห้วยขวาง หนึ่งในย่านที่มีร้านอาหารมากมายและหลากหลาย ซึ่งร้านที่แอดจะมาแนะนำก็คือ ร้านใบบัว ร้านใบบัวเป็นร้านอาหารเชียงตุง หากเพื่อน ๆ นึกภาพไม่ออกว่าเป็นยังไง ก็ให้นึกถึงอาหารเหนืออย่างพวกข้าวซอย น้ำเงี้ยว ลาบคั่ว แต่ที่พิเศษก็คือ ที่นี่มีเมนูข้าวแรมฟืนขายด้วย ร้านใบบัวเป็นตึก 2 คูหา แต่มีเมนูให้เลือกเยอะมากถึง 40 เมนูต่อวันเลยทีเดียว ทุกเมนูรสชาติจัดจ้าน ปรุงแบบจัดเต็ม เมนูที่แอดอยากให้เพื่อน ๆ

✨ เที่ยวกินไหว้หลากสไตล์ @ ห้วยขวาง ✨ อ่านเพิ่มเติม

ภาพบรรยากาศ ✨ เย็นทั่วหล้า มหาสงกรานต์ ✨

ภาพบรรยากาศ ✨ เย็นทั่วหล้า มหาสงกรานต์ ✨ภายใต้คอนเซปท์ 🔹สงกรานต์วิถีใหม่ แต่งไทยเที่ยววัด🔹 ณ วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร และ วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร กรุงเทพมหานคร ทั้ง 2 พระอารามหลวง จัดกิจกรรมสรงน้ำพระพุทธรูปและก่อเจดีย์ทราย ระหว่างวันที่ 9-17 เม.ย. 2565 เวลา 09.00-18.00 น.

ภาพบรรยากาศ ✨ เย็นทั่วหล้า มหาสงกรานต์ ✨ อ่านเพิ่มเติม

✨ ข้าวแช่…อาหารคลายร้อน ✨

เข้าหน้าร้อนแบบนี้ มีใครคิดแบบแอดบ้าง ที่นึกอยากจะกินข้าวแช่ขึ้นมาทุกครั้งไป ในฐานะคนชอบกินข้าวแช่ เลยอยากจะนำเกร็ดความรู้เกี่ยวกับข้าวแช่ พร้อมแนะนำพิกัดร้านข้าวแช่แสนอร่อยมาฝากกัน ข้าวแช่แต่เดิมเป็นอาหารของชาวมอญ ในอดีตการหุงข้าวแช่เป็นพิธีกรรมในการบูชาเทวดาอย่างหนึ่ง นิยมทำในวันสงกรานต์ ซึ่งถือเป็นวันขึ้นปีใหม่ชาวมอญ เป็นโอกาสที่ญาติมิตรที่อยู่ห่างไกล ได้กลับมารวมตัวกันที่บ้านเพื่อทำข้าวแช่ไปทำบุญและตั้งศาลของบ้านขึ้นมาเพื่อเซ่นไหว้เทวดา และถือโอกาสนำข้าวแช่ไปให้ญาติผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือและกราบไหว้ขอพร การทำข้าวแช่แบบมอญนั้น มีพิธีและขั้นตอนการทำมากมาย เริ่มตั้งแต่คัดข้าวสารเม็ดสวย มาซาวน้ำ 7 ครั้ง ให้สะอาด หุงโดยตั้งเตาไฟบนลานโล่ง ส่วนน้ำที่จะกินร่วมกับข้าวแช่ ต้องเป็นน้ำสะอาดต้มสุก เทลงหม้อดินเผาใบใหญ่ อบควันเทียนและดอกไม้หอม เช่น มะลิ กุหลาบมอญ กระดังงา ทิ้งไว้หนึ่งคืน เครื่องเคียงข้าวแช่หลัก ๆ มี 5 ชนิด ได้แก่ ปลาแห้งป่น เนื้อเค็มฉีกฝอย หัวไชโป๊เค็มผัดไข่ ไข่เค็ม และกระเทียมดอง ต่อมาข้าวแช่เป็นที่นิยมแพร่หลายในหมู่คนไทย เมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 เสด็จแปรพระราชฐานไปประทับแรม ณ พระนครคีรี ทรงโปรดปรานข้าวแช่สูตรเมืองเพชรเป็นพิเศษ ซึ่งจะมีเครื่องเคียงเพียง 3 อย่างเท่านั้น คือ ลูกกะปิ ปลากระเบนผัดหวาน และผักกาดเค็มผัดหวาน ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ได้มีการจัดทำข้าวแช่ เป็นข้าวแช่เสวยขึ้นถวาย ซึ่งมีการปรับสูตรเครื่องเคียงเป็นลูกกะปิทอด พริกหยวกสอดไส้ เนื้อเค็มฝอยผัดหวาน ผักกาดเค็มผัดหวาน ปลาแห้งผัดหวาน รวมถึงผักสดแกะสลัก ร้อนนี้ ลองแวะไปหาข้าวแช่รับประทานกัน แอดมีพิกัดแนะนำหลายแห่ง เช่น เกาะเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ถือเป็นแหล่งรวมข้าวแช่ขึ้นชื่อหลายร้าน เช่น ร้านข้าวแช่คุณแดง (เปิดขายช่วงสงกรานต์) ร้านข้าวแช่ป้าสุดจิตร สูตรชาววัง ร้านข้าวแช่ลุงแดง เป็นต้น จังหวัดเพชรบุรี มีร้านข้าวแช่ชื่อดังหลายร้าน เช่น ข้าวแช่ป้าเอื้อน ที่เปิดขายมานานกว่า 60 ปี อยู่ตรงข้ามสถานีกาชาดที่ 8 อำเภอเมือง ร้านข้าวแช่แม่เล็ก สะกิดใจ อำเภอท่ายาง ในบริเวนเกาะรัตนโกสินทร์ มีข้าวแช่แม่ศิริ บางลำพู ข้าวแช่บ้านวรรณโกวิท ถนนตะนาวนอกจากนี้ยังมีร้านอาหารไทยอีกหลายร้านในกรุงเทพฯที่มีเมนูข้าวแช่ขายในช่วงหน้าร้อน ดูพิกัดของร้านแล้ว ล้วนเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจทั้งนั้น ไปร้านข้าวแช่อย่างเดียวคงไม่พอ คงต้องเตรียมตัวไปเที่ยวด้วยแล้วล่ะ

✨ ข้าวแช่…อาหารคลายร้อน ✨ อ่านเพิ่มเติม

✨ คืนชีวิต ณ โรงพิมพ์บำรุงนุกูลกิจ ✨

หากเพื่อน ๆ ได้ไปเที่ยวชมงาน Bangkok Design Week เมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา จะเห็นว่าสถานที่ที่จัดงานมีความหลากหลาย โดยเฉพาะโซนเมืองเก่าที่มีความสวยงามอลังการ หนึ่งในนั้นคือ “โรงพิมพ์บำรุงนุกูลกิจ” อดีตโรงพิมพ์แห่งแรกในประเทศไทยที่กลับมามีชีวิตอีกครั้ง โดยเปิดเป็น Craftsman at Bamrungmueng คาเฟ่สุดเก๋ในอาคารเก่าแก่ที่ได้ปรับปรุงภายในให้สามารถเข้าไปนั่งชิลล์ ๆ สั่งเครื่องดื่ม กินของว่างใจกลางกรุงเทพฯ ในอดีต โรงพิมพ์บำรุงนุกูลกิจคือโรงพิมพ์แห่งแรกของไทย โดยมี “หลวงดำรงธรรมสาร” ปลัดกรมอัยการ เป็นผู้ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2438 รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 โดยรับพิมพ์หนังสือแบบเรียน หนังสือธรรมะ หนังสือที่ระลึกงานศพ และหนังสือราชการ รวมถึงราชกิจจานุเบกษาซึ่งเคยตีพิมพ์อยู่จนถึงปี พ.ศ 2504 หลังจากดำเนินกิจการมาจนถึงรุ่นที่ 4 โรงพิมพ์บำรุงนุกูลกิจก็มีการขยับขยายและย้ายโรงพิมพ์ออกไปที่อื่น แม้เวลาจะผ่านไปเนิ่นนาน แต่ตัวอาคารในปัจจุบันก็ยังคงมีความสมบูรณ์มาก Craftsman at Bamrungmueng Pop-Up Café ถือกำเนิดขึ้นภายในโรงพิมพ์แห่งนี้ ด้วยแนวคิดของเจ้าของคาเฟ่ผู้หลงรักอาคารเก่าที่ต้องการรักษาสภาพอาคารเดิมไว้มากที่สุด จึงปรับปรุงพื้นที่อย่างระมัดระวัง บอกได้เลยว่า ทำออกมาได้อย่างประณีต สวยงาม รักษากลิ่นอายความคลาสสิคไว้อย่างดีเยี่ยม นอกจากนี้ ในส่วนของขนมอบ ก็มีการค้นคว้ามาอย่างดี ดึงกลิ่นอายขนมฝรั่งในสมัยรัชกาลที่ 5 และ 6 มาสร้างสรรค์เมนูอย่างน่าสนใจ ส่วนเมนูเครื่องดื่มก็หลากหลาย มีทั้งกาแฟ ค็อกเทล และม็อกเทล แวะเวียนมาจิบกันได้เรื่อย ๆ ไม่มีเบื่อแน่นอน ขอกระซิบถึงเพื่อน ๆ สักนิดว่า คาเฟ่แห่งนี้จะเปิดให้บริการจนถึงเดือนกันยายนนี้เท่านั้น หาเวลาว่างได้แล้วก็ไปกันเลยนะ ถนนบำรุงเมือง แขวงเสาชิงช้า เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร เปิดทุกวันจันทร์-พฤหัสบดี เวลา 07.30 น.-18.00 น. และ วันศุกร์-อาทิตย์ เวลา 07.30-22.00 น. 085 820 4010 https://goo.gl/maps/JguCKKarVTrRvw629 https://www.facebook.com/craftsmanroastery การเดินทาง แนะนำให้ใช้รถไฟฟ้า MRT ไปลงสถานีสามยอด จากนั้นเดินมุ่งหน้าไปยังเสาชิงช้า แล้วเลี้ยวเข้าถนนบำรุงเมือง เดินต่อไปประมาณ 850 เมตร ร้านอยู่ถึงก่อนสี่กั๊กเสาชิงช้า หรือสามารถเรียกมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ค่าโดยสารประมาณ 20 บาท

✨ คืนชีวิต ณ โรงพิมพ์บำรุงนุกูลกิจ ✨ อ่านเพิ่มเติม

✨ วัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร ✨

วันนี้แอดอยากชวนเพื่อน ๆ ไปเที่ยวแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ นั่นคือ วัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร วัดสวยบนเกาะรัตนโกสินทร์ที่นอกจากจะมีศิลปกรรมที่งดงามแล้ว ยังมีประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ และเป็นโอกาสที่เราจะได้ท่องเที่ยวไปพร้อมกับทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาในเวลาเดียวกัน เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรมหาวิหาร 1 ใน 6 ของไทย ที่สร้างขึ้นตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 เมื่อ พ.ศ. 2350 เพื่อให้เป็นวัดใจกลางกรุงรัตนโกสินทร์เปรียบดังเช่นวัดพนัญเชิงวรวิหาร ของกรุงศรีอยุธยา ก่อสร้างแล้วเสร็จในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ใช้เวลาในการก่อสร้างรวม 40 ปี และยังเป็นวัดประจำรัชกาลของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล รัชกาลที่ 8 🌟 พระวิหารหลวง 🌟 สร้างขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 เพื่อประดิษฐาน “พระศรีศากยมุนี (หลวงพ่อโต)” ซึ่งอัญเชิญมาจากพระวิหารหลวง วัดมหาธาตุ จังหวัดสุโขทัย พระศรีศากยมุนี (หลวงพ่อโต) ถือเป็นองค์พระพุทธรูปปางมารวิชัยแบบหล่อสำริดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของไทย และที่ใต้ผ้าทิพย์ด้านหน้าพุทธบัลลังก์ของพระศรีศากยมุนี บรรจุพระบรมราชสรีรังคารของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล รัชกาลที่ 8 ภายในพระวิหารหลวงมีจิตรกรรมฝาผนังต้นแบบสัตว์หิมพานต์ที่งดงาม รวมถึงจิตรกรรมฝาผนัง เปรตวัดสุทัศน์ ที่โด่งดัง ซึ่งเป็นภาพเปรตตนหนึ่งนอนพาดกายอยู่ โดยมี พระสงฆ์กำลังยืนพิจารณาสังขาร ใครอยากเห็นภาพจิตรกรรมที่ขึ้นชื่อนี้ ต้องเดินไปด้านหลังพระประธาน โดยภาพจิตรกรรมดังกล่าวอยู่ที่เสาด้านขวา นอกจากนี้ ด้านหลังขององค์พระศรีศากยมุนี ยังเป็นที่ตั้งของ “แผ่นศิลาจำหลักสมัยทวารวดี” สลักเรื่องพระพุทธเจ้าแสดงยมกปาติหาริย์ 🌟 พระสุนทรีวาณี 🌟 พระสุนทรีวาณี คือรูปเปรียบพระธรรม ที่สมเด็จพระวันรัต (แดง สีลวฑฺฒโน) ดำริสร้างขึ้นด้วยการผูกลักษณาการจากบทปณามคาถาบูชา พระธรรมที่ปรากฎในบานแพนกของคัมภีร์สุโพธาลังการ สัททาวิเสส มีลักษณะเป็นเทพธิดาประทับนั่ง บนดอกบัว ยกพระหัตถ์ขวาแสดงอาการกวัก เทพธิดาเปรียบเหมือนพระธรรม ดอกบัวเปรียบเหมือนพระโอษฐ์ของพระพุทธเจ้า อาการกวักเปรียบเหมือนเชิญน้อมเข้ามาสู่ตน พระสุนทรีวาณี (ลอยองค์) ประดิษฐานภายในพระวิหารหลวง เปิดให้ประชาชนเข้ากราบสักการะได้ ส่วนภาพพระสุนทรีวาณี ประดิษฐานภายในตำหนักสมเด็จพระสังฆราช (แพ) (ไม่เปิดให้เข้ากราบสักการะ)  พระอุโบสถ  ถูกจัดว่าเป็นพระอุโบสถที่ยาวที่สุดในประเทศไทย สร้างขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ภายในเป็นภาพเขียนจิตรกรรมฝาผนังพุทธประวัติฝีมือช่างในรัชสมัยเดียวกัน ด้านในประดิษฐาน พระพุทธตรีโลกเชษฐ์ พระพุทธรูปปางมารวิชัย ซึ่งต่อมา พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 โปรดให้สร้างอสีติมหาสาวก จำนวน 80 องค์ นั่งพนมมือฟัง พระบรมพุทโธวาทเบื้องพระพักตร์พระพุทธเจ้า ด้านหลังพระอุโบสถ เป็นที่ประดิษฐานของพระกริ่งใหญ่ และท้าวเวสสุวรรณ พระกริ่งใหญ่นี้ ใช้ในพิธีปลุกเสกน้ำพระพุทธมนต์ถือเป็นพระกริ่งที่มีชื่อเสียง และได้รับความนิยมมากที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย ส่วนองค์ท้าวเวสสุวรรณ ถือเป็นเทวดาที่มีบารมี มีนักท่องเที่ยวให้ความศรัทธา เดินทางมาขอพรอย่างไม่ขาดสาย  พระพุทธเสรฏฐมุนี หรือ พระกลักฝิ่น  เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย สร้างขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ประดิษฐานเป็นพระประธาน ณ ศาลาการเปรียญ หล่อจากกลักฝิ่นที่ทำจากทองแดง ทองเหลือง ในยุคปราบฝิ่น พ.ศ. 2382 พระบาทสมเด็จ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานนามว่า “พระพุทธเสรฏฐมุณี” แปลว่า พระผู้ประเสริฐสุด มีความหมายว่า ผู้ติดสิ่งเสพติดทั้งหลาย สามารถกลับใจเป็นคนดีได้เสมอ ย่อมสว่างรุ่งเรือง เหมือนพระพุทธรูปที่ทรงสร้าง อันจะเป็นพลัง แข็งแกร่งชนะจิตใจให้เหินห่างสิ่งเสพติด ได้ ถือเป็นพระกลักฝิ่นที่มีเพียงองค์เดียวในโลกปัจจุบันมีผู้ศรัทธามาสักการะเป็นจำนวนมาก ด้วยมีความเชื่อว่า สามารถขอถอนคำอธิษฐาน คำสัญญา คำสาบาน และแก้กรรมได้  สัตตมหาสถาน  คือการจำลองเหตุการณ์พระพุทธเจ้าทรงเสวย วิมุตติสุขหลังตรัสรู้ ในสถานที่สำคัญ 7 แห่ง แห่งละ 7 วัน เป็นเวลา 7 สัปดาห์ ซึ่งเป็นสาเหตุที่วัดสุทัศน์ฯ เป็นวัดที่ไม่มีเจดีย์เหมือนวัดอื่นๆ เพราะมีสัตตมหาสถานเป็นอุเทสิกเจดีย์ นั่นเอง   พระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล รัชกาลที่ 8  ประดิษฐานอยู่ด้านหน้าของพระวิหารหลวง มีเรื่องเล่าว่า ครั้งที่พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล รัชกาลที่ 8 ยังทรงพระเยาว์และได้เสด็จฯมายังวัดสุทัศน์ ฯ นั้น ได้ตรัสว่า เป็นวัดที่เงียบสงบ น่าอยู่ หลังเสด็จสวรรคต พระบาทสมเด็จ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 จึงได้อัญเชิญพระบรมราชสรีรังคาร มาบรรจุที่ใต้ผ้าทิพย์ด้านหน้าพุทธบัลลังก์พระศรีศากยมุนี ในพระวิหารหลวง ซึ่งในวันที่ 9 มิถุนายน ของทุกปี จะมีพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลคล้ายวันสวรรคคต  ประชาชนผู้สนใจสามารถร่วมกิจกรรมทำวัตรที่วัดสุทัศน์ฯได้ทุกวัน  พระอุโบสถ ทำวัตรเช้า 8.30 น. ทำวัตรเย็น 16.00 น.  พระวิหารหลวง ทำวัตรกลางวัน 12.00 น. (เสาร์-อาทิตย์ 13.00 น.) ทำวัตรค่ำ 18.30 น. การเดินทาง : รถประจำทางสาย 10 ,12, 19 ,35 ,42 รถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน ลงที่สถานีสามยอด ทางออกที่ 3 แล้วเดินต่อประมาณ 600 เมตร วัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร  ถนนบำรุงเมือง แขวงวัดราชบพิตร เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร  เปิดทุกวันเวลา 08.30-18.00 น.  02 222 6932, 02 222 9635 https://goo.gl/maps/hJTz7fU7oJm

✨ วัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร ✨ อ่านเพิ่มเติม

✨ ATT 19 ✨ อาร์ตสเปซย่านเจริญกรุง

หากเพื่อน ๆ เป็นคนที่ชื่นชอบและเพลิดเพลินไปกับงานศิลปะ ของสะสมเก่าแก่ นิทรรศการต่าง ๆ ได้อย่างไม่รู้เบื่อแล้วล่ะก็ แอดมีสถานที่หนึ่งในย่านเจริญกรุงมาแนะนำค่ะ ATT 19 เป็นอาร์ตสเปซที่ไม่ได้มีเพียงห้องแสดงผลงาน หรือจัดวางของสะสมไว้ในตู้ในแบบพิพิธภัณฑ์ แต่เป็นการแบ่งสัดส่วนและจัดแสดงงานศิลปะต่าง ๆ ได้อย่างมีชีวิตชีวา น่าชมมาก หลังเดินผ่านประตูซุ้มต้นไม้เข้ามา ก็จะพบกับอาคารเก่าแก่ 2 ชั้น อายุกว่า 120 ปีตรงหน้า เดิมที่นี่เคยเป็นโรงเรียนสอนภาษาจีน ก่อนจะถูกปรับปรุงให้กลายเป็นอาคารจัดแสดงนิทรรศการศิลปะที่สวยงาม มีการใช้สอยพื้นที่อย่างลงตัว ไม่แออัด อาคารแบ่งเป็น 2 โซนคือ โซนนิทรรศการศิลปะ และโซนคาเฟ่ แอดจะพาเพื่อน ๆ ไปชมงานศิลปะก่อนแล้วค่อยพาไปกินของอร่อยนะคะ  ก่อนจะมาเป็น ATT 19 เดิมทีเป็นธุรกิจร้านขายศิลปวัตถุและของสะสมมาก่อน จนกระทั่งย้ายมาตั้งอยู่ที่อาคารโรงเรียนเก่าแห่งนี้ และปรับเปลี่ยนรูปแบบมาเป็นแกลเลอรี่ โดยมีแนวคิดที่อยากให้คนรักงานศิลปะรุ่นใหม่สามารถเสพงานศิลป์ได้อย่างเพลิดเพลินและเข้ากับไลฟ์สไตล์ของคนยุคนี้มากขึ้น เมื่อเข้ามาด้านในอาคาร ชั้นแรกจะเป็นงานดีไซน์สวย ๆ มีทั้งเครื่องใช้ เซรามิก เสื้อผ้า ของตกแต่งบ้าน ฯลฯ ซึ่งข้าวของที่เห็นภายใน ATT 19 แห่งนี้ ถ้าเพื่อน ๆ ชมแล้วถูกใจก็สามารถซื้อกลับไปได้นะ ชั้นที่สอง เป็นพื้นที่จัดแสดงนิทรรศการหมุนเวียน โดยจะจัดแสดงนิทรรศการละ 1-2 เดือน มีทั้งผลงานของศิลปินอาชีพ นิสิตนักศึกษา รวมถึงนิทรรศการของทาง ATT 19 เอง  หลังจากชื่นชมงานศิลปะกันแล้ว อย่าเพิ่งรีบกลับ เพราะร้านกาแฟในแกลเลอรี่แห่งนี้บรรยากาศดีน่านั่งมาก  ATT 19 Café มีทั้งโซน In door ตากแอร์เย็นฉ่ำ และ Out door ใกล้ชิดธรรมชาติ เลือกนั่งได้ตามชอบ บรรยากาศดีไม่แพ้กัน เมนูมีทั้งเครื่องดื่มร้อนเย็น ขนมอบ ของว่าง ไปจนถึงมื้ออิ่ม เลือกได้ตามระดับความหิวเลยค่ะ  หากมีโอกาสหรือผ่านมาแถวนี้ ที่นี่เป็นอีกแห่งหนึ่งเลยที่แอดอยากแนะนำให้เพื่อน ๆ มาชมด้วยตัวเอง  19 เจริญกรุง 30 (ตรอกกัปตันบุช) แขวงบางรัก เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร  เปิดวันอังคาร-อาทิตย์ (ปิดวันจันทร์) เวลา 11.00-19.00 น.  062 887 6161 https://goo.gl/maps/M2PFWR4yy81Feq228 ATT 19  หากไม่ได้ขับรถมา สามารถเดินทางโดย 1. BTS ลงสถานีสะพานตากสิน แล้วต่อแท็กซี่หรือวินมอเตอร์ไซค์มาที่ ATT 19 ระยะทางประมาณ 1.4 กิโลเมตร 2. MRT ลงสถานีหัวลำโพง ใช้ทางออก 4 แล้วต่อแท็กซี่หรือวินมอเตอร์ไซค์มาที่ ATT 19 ระยะทางประมาณ 2.5 กิโลเมตร

✨ ATT 19 ✨ อาร์ตสเปซย่านเจริญกรุง อ่านเพิ่มเติม

✨ เดินลุย 1 วัน ร้านเก่ายังเก๋าอยู่ @เยาวราช ✨

เดือนนี้นอกจากจะมีเทศกาลตรุษจีนแล้ว ยังมีวันแห่งความรักอีกด้วย เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศ แอดเลยจะพาเพื่อน ๆ ไป “เยาวราช” ชุมชนวัฒนธรรมจีนที่มีชื่อเสียงในไทย ใครมีเพื่อนชวนเพื่อน มีคนรักชวนคนรักไปเดินเที่ยวง่าย ๆ ใน 1 วันกับแอดกัน พิกัด 1. เดินชมบรรยากาศตลาดเล่งบ๊วยเอี๊ยะ ไหว้ศาลเจ้าสวยกลางตลาด 2. ลุยกินร้านเก่า รสชาติอร่อย ราคาถูกใจ 3. ซื้อของฝาก จากซุปเปอร์มาร์เก็ตจีน ลิ้มเฮียงฮะช้อป 4. เดินเยาวราชกลางคืน จัดเต็ม Street Food 1.เดินชมบรรยากาศตลาดเล่งบ๊วยเอี๊ยะ ไหว้ศาลเจ้าสวยกลางตลาด แอดจะพาไปเริ่มต้นด้วยการสัมผัสกับบรรยากาศแบบเยาวราชสุด ๆ ที่ตลาดเล่งบ๊วยเอี๊ยะ ไปไม่ยาก แนะนำให้เริ่มต้นจาก MRT สถานีวัดมังกร ทางออกที่ 3 เดินตรงมาทางซอยเจริญกรุง 16 หรือที่เรียกกันว่า ตรอกเล่งบ๊วยเอี๊ยะ แต่ถ้ามาจากถนนเยาวราช ก็สามารถเข้าตรอกเล่งบ๊วยเอี๊ยะได้จากทางซอยเยาวราช 6 ตลาดนี้คึกคักไม่เป็นรองตลาดไหน ภายในซอยมีร้านรวงมากมาย มีทั้งของสด ของแปรรูป เครื่องเทศ อุปกรณ์ชงชาและใบชา ถั่วชนิดต่าง ๆ ผลไม้อบแห้งหลากหลาย ซื้อหาได้ในราคาค่อนข้างน่ารัก หลังจากเดินชมตลาดมาจนประมาณกลางซอย เราก็จะมาถึงตรอกย่อยที่เป็นที่ตั้งของศาลเจ้าเล่งบ๊วยเอี๊ยะ ก่อนเข้าไปไหว้เจ้า แอดมีร้านแนะนำให้แวะ อยู่ตรงหน้าทางเข้าเลย นั่นคือร้านฉั่งแปะ ที่ขายเครื่องดื่ม สมุนไพรจีนโบราณ ที่เด่น ๆ เลยก็คือ นมอัลมอนด์แบบจีนดั้งเดิมที่เมื่อดื่มแล้วจะเย็น ๆ ชุ่มคอ พอเดินเข้ามาในตรอกปุ๊บ แอดต้องร้องว้าวเลยล่ะ เพราะไม่คิดว่าภายในซอยที่คึกคักหนาแน่นไปด้วยร้านค้าจะมีที่กว้าง ๆ และมีศาลเจ้าจีนใหญ่ขนาดนี้ ตามประวัติ ศาลเจ้าเล่งบ๊วยเอี๊ยะ เป็นศาลเจ้าแต้จิ๋วเก่าแก่ซึ่งเป็นที่นับถือศรัทธา และกราบไหว้บูชาเพื่อความเจริญก้าวหน้าในกิจการค้าขาย สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นศาลเจ้าที่มีอายุเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย เห็นได้จากป้ายจารึกของศาลเจ้าที่เขียนเป็นภาษาจีนว่าสร้างขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2201 ภายในศาลเจ้า มีแท่นบูชารูปเทพเล่งบ๊วยเอี๊ยะและภรรยาเป็นประธาน ฝั่งซ้ายมือเป็นแท่นเทพเจ้ากวนอู ส่วนฝั่งขวามือเป็นแท่นประทับราชินีแห่งสวรรค์ ใครที่มีความเชื่อเกี่ยวกับปีชง ก็มาไหว้ฝากดวงกันได้ ที่นี่เปิดทุกวัน เวลา 07.00 – 17.00 น. 2. ลุยกินร้านเก่า รสชาติอร่อย ราคาถูกใจ หลังจากไหว้เจ้าเสร็จก็ถึงเวลาอร่อย วันนี้แอดรวบรวมร้านเก่าแก่หลายร้านมาให้เพื่อน ๆ ได้เป็นไอเดียไปลองเลือกอร่อยกัน ร้านแรกก็คือ “ร้านกาแฟเอี๊ยะแซ” ที่เปิดมานานกว่า 90 ปี และยังคงเสิร์ฟกาแฟโบราณมาจนถึงทุกวันนี้ นอกจากกาแฟโบราณ ก็ยังมีโอเลี้ยง โอวัลติน และน้ำสมุนไพรอย่างเก๊กฮวย กระเจี๊ยบอีกด้วย ร้านนี้เหมือนสภากาแฟย่อม ๆ เพราะจะมีอากงอาม่ามานั่งพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน คุณลุงคนชงกาแฟบอกว่า ที่นี่ก็เหมือนจุดนัดพบของคนสมัยก่อน หลายคนเป็นแฟนกันเพราะเครื่องดื่มร้านนี้แหละ  : 103, 105 ถ. เยาวราช แขวงสัมพันธวงศ์ เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร 10100  : เปิดทุกวัน 04.00 น.-19.00 น.  : 0 2221 0549 ต่อจากกาแฟ เราจะไปต่อที่ร้าน “กู่หลงเปา” ซึ่งเดินจากร้านเอี๊ยะแซ มาทางถนนเจริญกรุงประมาณ 200 เมตร ร้านอยู่ใกล้ ๆ แยกหมอมี ซึ่งซาลาเปาร้านนี้เป็นสูตรโบราณที่คงความดั้งเดิมมากว่า 90 ปีเลยล่ะ จุดเด่นคือ เป็นซาลาเปาที่ปั้นด้วยมือทุกลูก สูตรแป้งที่นี่จะผสมมันเทศเข้าไปด้วย ทำให้มีความเหนียวหนึบ ไม่นุ่มฟู ข้อดีที่แอดชอบคือกินแล้วเศษแป้งไม่ติดฟัน มีไส้หมูสับไข่เค็ม ถั่วหวานงา เผือกกวน, เเละหมั่นโถว ราคาเริ่มต้นที่ 20 บาท/ลูก  : 660, 662 ถ.เจริญกรุง แขวงสัมพันธวงศ์ เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร 10100  : เปิดทุกวัน เวลา 09.00-17.00 น. (หยุดวันอาทิตย์)  : 09 5797 5747 มีซาลาเปาแล้วก็ต้องมีขนมจีบ ร้านต่อไปที่แอดจะแนะนำมีชื่อว่า “ขนมจีบแป๊ะเซี้ย” อยู่แถว ๆ ถนนแปลงนาม เป็นร้านรถเข็นอยู่บริเวณหน้าวัดมงคลสมาคม เปิดมาแล้วกว่า 105 ปี โดยอาแป๊ะเซี้ย เป็นรุ่นที่ 3 แล้ว ขนมจีบราคาลูกละ 3 บาท โดยอาแป๊ะเซี้ยจะทำเองทุกขั้นตอนยันต้มจิ๊กโฉ่วเลย ยิ่งถ้าได้กินตอนร้อน ๆ แอดบอกเลยว่ายิ่งฟิน ไฮไลท์ที่ยิ่งกว่าขนมจีบก็คืออาแป๊ะเซี้ยนี่แหละ น่ารักมาก ชวนคุยอย่างสนุกสนานเป็นกันเอง เหมือนญาติผู้ใหญ่ใจดีคนหนึ่งเลย  : ถนนแปลงนาม แขวงสัมพันธวงศ์ เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร 10100  : เปิดทุกวัน เวลา 11.00 น. (ประมาณบ่าย 2 ของก็หมดแล้ว แนะนำให้เพื่อน ๆ รีบมา ถ้าอยากลองรสชาติขนมจีบสูตร 100 ปี)  : 08 1726 0777 ถ้าเพื่อน ๆ คิดว่าร้านที่แนะนำมาแล้วนี้เป็นแค่ของว่าง ยังไม่อิ่ม ต่อไปแอดจะแนะนำร้านที่เป็นจานหลักละนะ นั่นก็คือ “ร้านข้าวมันไก่ไหหลำไท้เฮง” ที่เปิดมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2463 ร้านนี้อยู่ใน ซอยเยาวราช 8 ตรงข้ามกับวัดบำเพ็ญจีนพรต (วัดย่งฮกยี่) โดยตัวร้านจะมี 2 ฝั่ง คือ ฝั่งสำหรับนั่งกิน กับฝั่งทำอาหาร

✨ เดินลุย 1 วัน ร้านเก่ายังเก๋าอยู่ @เยาวราช ✨ อ่านเพิ่มเติม

✨ JODD FAIRS : จ๊อดแฟร์ ✨

หลังจากทำงานเหนื่อยกันมาตลอดสัปดาห์ เย็นวันศุกร์แบบนี้ เราไปหาที่พักผ่อนหย่อนใจแถมอิ่มพุงกันเถอะ วันนี้แอดมีตลาดฮิป ๆ เก๋ ๆ ที่มีความชิลล์ระดับ 10 มานำเสนอ ชื่อว่า JODD FAIRS (จ๊อดแฟร์) จ๊อดแฟร์ เป็นตลาดนัดที่เพิ่งเปิดเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2564 ที่ผ่านมา ตัวตลาดอยู่ระหว่างตึก G Tower และ Unilever เดินทางง่ายมาก โดยเดินจาก MRT สถานีพระราม 9 (ทางออกที่ 2) ประมาณ 5 นาทีเท่านั้นเอง  นี่เปรียบเสมือนงานแฟร์เล็ก ๆ ที่รวบรวมสินค้าไว้หลากหลาย ตั้งแต่เสื้อผ้า งานแฮนด์เมดเก๋ ๆ เครื่องประดับ และอาหาร ในตลาดแบ่งโซนอย่างชัดเจน เป็นระเบียบ ทางเดินกว้างขวาง บริเวณทางเข้าตลาดมีจุดวัดอุณหภูมิและสแกน QR Code ก่อนเข้าตลาด เพื่อน ๆ อย่าลืมปฏิบัติตามกันด้วยนะ  ทุกล็อกจะมีโต๊ะให้นั่งฟรี (มีแผงพลาสติกใสกั้น) มีเจลแอลกอฮอล์ทำความสะอาดมือหลายจุด มีถังขยะแบบปิดฝา มีพนักงานเดินเก็บขยะและคอยทำความสะอาดตลอดเวลา ทำให้ไม่ค่อยมีเศษขยะให้เห็น ตลาดแบ่งเป็น 3 โซนหลัก คือ โซนลานกิจกรรม เป็นจุดหลักที่ทางตลาดจะตกแต่งบรรยากาศให้เป็นธีมเทศกาลต่าง ๆ เพื่อสร้างสีสันและเป็นจุดถ่ายรูปสนุก ๆ นอกจากนี้ ยังเป็นจุดตั้งเวที บางวันก็มีนักร้องมาร้องเพลงคลอบรรยากาศในช่วงแดดร่มลมตก เพิ่ม VIBE ที่สนุกสนาน มีชีวิตชีวา ยิ่งพอฟ้ามืดและเริ่มเปิดไฟประดับสวย ๆ น่าถ่ายรูปไม่น้อยเลย  โซนถัดมาเป็นโซนร้านค้าแนวแฟชั่น มีทั้งเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า ดีไซน์สวยงาม ราคาเป็นมิตร ใครอยากชอปปิ้งก็เดินดูได้เลย โซนสุดท้ายคืออาหารการกิน ย้ำเลยว่าราคาน่ารัก มีให้เลือกหลายประเภท หลัก ๆ ก็จะเป็น Street Food ซึ่งขนมาให้เลือกทั้งไทยทั้งเทศ ซึ่งมีทั้งร้านแบบกินเล่นเบา ๆ และกินจริงจังเป็นมื้อหลักแบบหนักท้องเลยล่ะ  แต่ละเมนูของที่นี่น่ากินมาก ๆ จนต้องหาโอกาสกลับมาอีกเลยล่ะ เท่าที่แอดสังเกต ที่นี่มีหลายร้านเลยที่สามารถจ่ายเงินด้วยการสแกน QR Code ได้ นอกจากจะลดการสัมผัสกับคนอื่นแล้ว ยังรวดเร็วอีกด้วย ใครอิ่มเมนูคาวแล้วอยากหาของหวานกินต่อ ก็เดินดูได้เลย มีให้เลือกเยอะจริง ๆ ลองมาเดินดูกันได้ เพลินมาก ๆ แม้ว่าที่นี่จะเป็นเหมือนตลาดนัด และมีพนักงานคอยทำความสะอาด แต่ที่แอดขอชื่นชมก็คือ ธรรมเนียมปฏิบัติของตลาดนี้ ที่หลังจากกินเสร็จแล้วจะหยิบขยะไปทิ้งที่ถังขยะ เพราะฉะนั้น หากเพื่อน ๆ แวะเวียนมา กินเสร็จแล้ว ก็ อย่าลืมเอาขยะไปทิ้งที่

✨ JODD FAIRS : จ๊อดแฟร์ ✨ อ่านเพิ่มเติม

✨ ทริปเพิ่มพลัง ลุยไม่ยั่น เดินสามย่าน-บรรทัดทอง ✨

วันหยุดสุดสัปดาห์นี้ แอดมีเส้นทางเดินเที่ยวกรุงเทพฯ อย่าง “สามย่าน-บรรทัดทอง” มาแนะนำ เพื่อน ๆ ที่รู้สึกเบื่อ ๆ ไม่รู้จะไปไหนดี ตามลิสต์ของแอดไปได้เลย นอกจากจะเป็น 1 day trip ที่เดินทางสะดวก อยู่กลางเมืองสุด ๆ แล้ว ยังช่วยเพิ่มพลังให้เราด้วยนะ เพิ่มพลังยังไงบ้าง ลองตามไปอ่านกัน เส้นทางเดินเที่ยว 1. ไหว้พระที่วัดหัวลำโพง 2. เพิ่มความรู้รอบตัวที่สวนงู สถานเสาวภา สภากาชาดไทย 3. เพิ่มลิสต์จุดถ่ายรูปที่ Dragon Town 4. เติมออกซิเจนให้ปอดที่อุทยาน 100 ปี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 5. อิ่มอร่อยสุขภาพดีที่ร้านน้ำเต้าหู้เจ้วรรณ  1. ไหว้พระที่วัดหัวลำโพง  จุดแรกของวันนี้คือ วัดหัวลำโพง เดินทางสะดวกมาก เรียกว่าพอพ้นประตูทางออกที่ 1 ของ MRT สามย่าน เราก็เจอวัดทันที กิจกรรมทำบุญที่คนนิยมมาทำกันมากก็คือ การบริจาคโลงศพให้ศพไร้ญาติที่มูลนิธิร่วมกตัญญูซึ่งอยู่ภายในบริเวณวัดหัวลำโพงนั่นเอง เพื่อน ๆ สามารถเข้ามาบริจาคได้ 24 ชั่วโมงเลย นอกจากนี้ ภายในอาคารยังมีเทพยดาฟ้าดิน (ทีกง) เจ้าแม่กวนอิม เจ้าพ่อเสือ หรือหากใครไม่สบายใจเพราะเป็นปีชง ก็มาไหว้ได้เช่นกัน ในบริเวณวัด เพื่อน ๆ จะเจอเทพมากมาย ทั้งเทพจีน เทพฮินดู รวมทั้งจุดทำบุญสะเดาะเคราะห์ ไถ่ชีวิตโคกระบือ ฯลฯ เรียกว่าถ้าเกิดความไม่สบายใจ อยากไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อปลอบประโลมใจ เลือกทำตามความสบายใจได้ที่นี่ อีกจุดที่แอดอยากแนะนำคือ ขึ้นไปไหว้พระในอุโบสถที่อยู่บนชั้น 2 คนไทยสามารถขึ้นไปได้ฟรี แต่ชาวต่างชาติต้องซื้อตั๋ว ราคา 40 บาท เมื่อเดินขึ้นมา เพื่อน ๆ จะพบกับพระอุโบสถ วิหาร และเจดีย์ ภายในพระอุโบสถ มีพระประธานเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ชื่อ พระพุทธมงคล ตามความเชื่อหากขอพรกับพระพุทธรูปปางมารวิชัย จะช่วยปกป้องภัยจากศัตรู ช่วยให้การงานราบรื่น บนชั้น 2 นี้ เพื่อน ๆ สามารถซึมซับความสงบ และชมวิวเมืองที่อยู่ท่ามกลางตึกสูงของสามย่านได้ แม้การทำบุญจะไม่ได้เห็นผลทันตา แต่ก็ได้ความสบายใจทันทีที่ทำ ต้นปีแบบนี้ เพิ่มพลังใจกันหน่อยก็น่าจะดีนะแอดเลยอยากพาเพื่อน ๆ มาที่นี่ก่อนนั่นเอง หลังทำบุญแล้ว หากใครอยากหาที่นั่งพักสักครู่ แอดแนะนำให้เข้าไปที่ “ซอยหน้าวัดหัวลำโพง” ที่นี่มีสวนสาธารณะเล็ก ๆ ชื่อ สวนวัดหัวลำโพงรุกขนิเวศน์ เปิดบริการ 05.00-20.00 น. ลองมาดูกันได้นะ  : 728 ถนนพระราม 4 แขวงสี่พระยา เขตบางรัก กรุงเทพฯ  : 0 2233 8109 2. เพิ่มความรู้รอบตัวที่สวนงู สถานเสาวภา สภากาชาดไทย จุดต่อไป แอดจะพาไปสภากาชาดไทย ไม่ได้พามาบริจาคเลือด แต่จะพามาดูงู!! ซึ่งจริง ๆ แอดเป็นคนที่กลัวงูมาก ๆ แต่ที่อยากมาก็เพราะอยากมาเรียนรู้ และได้ยินมาว่ากลัวอะไรให้ลองเผชิญหน้าดู ไปดูกันว่าที่นี่มีอะไรให้เราเรียนรู้บ้าง จากวัดหัวลำโพง ใช้ทางลอดใต้ถนน MRT เดินไปทางจามจุรีสแควร์ ระยะทางประมาณ 750 เมตร ใช้เวลาประมาณ 10 นาที ก่อนอื่นแอดขอแนะนำสวนงู สถานเสาวภาสักนิด ที่นี่ทำงานเกี่ยวกับงูหลายด้าน หลักๆที่เรารู้กันดีก็คือผลิตเซรุ่มแก้พิษงู และเป็นแหล่งเพาะเลี้ยงงูพิษเพื่อเอามาทำเซรุ่ม นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งให้ความรู้เรื่องงูที่ถูกต้อง มีการทำวิจัยเรื่องงูและพิษงู รวมทั้งมีการเพาะเลี้ยงเพื่อการอนุรักษ์อีกด้วย หลังจากซื้อตั๋วแล้ว แอดก็แอบหวั่น ๆ แต่พอเข้าไปในสวนงูแล้ว แต่ละส่วนจัดพื้นที่เป็นอย่างดี ทำให้แอดรู้สึกปลอดภัยเบาใจไปได้เยอะเลย โดยในสวนงูจะแบ่งเป็นสองส่วน คือ ส่วน indoor และ ส่วน outdoor โซน outdoor บรรยากาศร่มรื่นมาก ตามทางเดินจะมีป้ายให้ความรู้เป็นระยะ ตั้งแต่แหล่งที่อยู่อาศัยของงู รวมถึงประเภทของงู ส่วนลานข้างหน้าจะเป็นเวทีโชว์งูพร้อมให้ความรู้ ซึ่งบอกเลยว่าพิธีกรเก่งมาก พูดจาลื่นไหล พาให้บรรยากาศสนุกสนาน ใครมีเพื่อนต่างชาติก็พาไปได้ เพราะเขาพูดทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษเลย พิธีกรกำลังสอนว่าเจองูเห่าให้อยู่นิ่ง ๆ อย่าขยับมาก เดี๋ยวมันก็ไปเอง หลังจบโชว์ จะมีน้องงูหลามเผือกที่ทางสวนงูเลี้ยงมาตั้งแต่เด็กมาให้ถ่ายรูปด้วย ไม่เสียเงินเพิ่มแต่อย่างใด แต่ถ้าหากเพื่อน ๆ อยากสนับสนุนกิจกรรมที่นี่ก็สามารถไปหย่อนตู้บริจาคได้เลย ส่วนโซน indoor อยู่ที่อาคารสี่มะเสง จะมีโชว์รีดพิษงูในวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 11.00 น. ส่วนอาคารชั้น 2 จะเป็นส่วนให้ความรู้ มีการจัดแสดงซากงูนานาชนิดในขวดโหล แถมยังจัดแสดงโครงกระดูกงูอีกด้วย แอดเดินชมเพลินจนลืมกลัวไปเลยล่ะ โครงกระดูกงู ที่นี่ได้รับตรา SHA ปลอดภัยหายห่วง แถมยังมีห้องน้ำและทางลาดสำหรับผู้ใช้รถเข็นด้วย สำหรับแอดแล้ว ถือเป็นแหล่งที่ทำให้แอดได้ความรู้รอบตัวหลายเรื่องเลย บางเรื่องที่เคยรู้เคยลืมก็กลับมาจำได้ใหม่ เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ให้ทั้งความรู้ ความตื่นเต้น และยังเหมาะกับนักท่องเที่ยวทุกกลุ่มทุกวัยอีกด้วย  ค่าเข้าชม  คนไทย : ผู้ใหญ่ 40 บาท | นักเรียน-นักศึกษา 20 บาท | เด็ก 10 บาท ต่างชาติ : ผู้ใหญ่ 200 บาท | เด็ก 50 บาท ตารางการแสดง จันทร์ – ศุกร์ 11.00 น.

✨ ทริปเพิ่มพลัง ลุยไม่ยั่น เดินสามย่าน-บรรทัดทอง ✨ อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top