เกร็ดความรู้ท่องเที่ยว

✨ ลดขยะด้วยไอเดีย 3Rs ✨

ในช่วงที่ต้องทำงานที่บ้านแบบนี้ หลายคนคงรู้สึกเหมือนแอดว่าในแต่ละวัน เรามีขยะที่ต้องจัดการค่อนข้างเยอะทีเดียว แล้วเราจะเริ่มจากตรงไหนดี แอดเชื่อว่า หลาย ๆ คนคงเคยได้ยินแนวคิด 3Rs ที่เป็นแนวทางการลดปริมาณขยะมาบ้างแล้ว ซึ่ง 3Rs นี้ก็คือ Reduce, Reuse, Recycle นั่นเอง แอดว่าเผลอ ๆ เพื่อน ๆ ก็คงทำกันไปบ้างแล้ว วันนี้ แอดจะทบทวนและเสนอไอเดียเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เราสามารถทำได้จากที่บ้านในช่วงสถานการณ์แบบนี้กันอีกครั้ง ลองมาอ่านกัน แนวคิดของกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม (สส.) ซึ่งเป็นแนวทางในการลดการเกิดขยะตั้งแต่ต้นทาง ด้วยหลักการ 3Rs ได้แก่ ✨ Reduce คือ ลดการใช้แบบไม่จำเป็น เพื่อช่วยลดปริมาณขยะลง โดยมีไอเดียดังนี้ ✨ 1. ลดการสร้างขยะในที่ทำงาน ลดการใช้กระดาษในการจัดเก็บข้อมูล หันมาใช้ไฟล์อิเล็คโทรนิคส์ เปลี่ยนวิธีการส่งเอกสารแบบดั้งเดิม มาเป็นการส่งทางอีเมล นอกจากจะลดขยะ ยังช่วยประหยัดเงิน ประหยัดเวลา แถมลดโอกาสในการเจอผู้คนในสถานการณ์แบบนี้ด้วย หากจำเป็นต้องพิมพ์งาน ลองเปลี่ยนระยะขอบบนเอกสาร Word เช่น เปลี่ยนระยะขอบหน้ากระดาษจาก 1.25 นิ้วเป็น 0.75 นิ้ว จะช่วยลดปริมาณกระดาษที่ใช้ลงได้ ใช้กระดาษ 2 ด้าน 2. ลดการสร้างขยะในชีวิตประจำวัน พกถุงผ้า หรือใช้ตะกร้าเมื่อออกไปซื้อของ เพื่อลดการใช้ถุงพลาสติก ใช้ผ้าเช็ดหน้าแทนการใช้กระดาษทิชชู่ หากสั่งอาหารจาก App กดไม่รับช้อนส้อมพลาสติก เลือกซื้อผลิตภัณฑ์จากร้านรีฟิว (Refill Shop) เพื่อลดขยะจากบรรจุภัณฑ์ ✨ Reuse คือ การใช้ซ้ำ เป็นการใช้ทรัพยากรให้คุ้มค่าสูงสุดและประหยัดค่าใช้จ่าย โดยมีไอเดียดังนี้ ✨ นำขวดแก้ว หรือขวดพลาสติก มาใช้ซ้ำ เลือกใช้ถ่านไฟฉายแบบชาร์จได้ ดัดแปลงของใช้แล้วให้เกิดประโยชน์ เช่น นำขวดพลาสติกไปทำกระถางต้นไม้ นำกล่องอาหารมาใส่ของจุกจิก ฯลฯ นำเสื้อผ้าเก่าไปบริจาค หรือดัดแปลงเป็นผ้าเช็ดโต๊ะ ผ้าถูพื้น หรืออื่น ๆ ✨ Recycle คือ การนำกลับมาใช้ใหม่ ✨ เช่น การนำขยะอินทรีย์มาทำปุ๋ยหมัก น้ำหมักชีวภาพ หรือส่งต่อขยะเข้าสู่กระบวนการ Recycle อย่างเช่น การนำกระดาษที่ใช้แล้วไปผ่านกระบวนการผลิตซ้ำกลับมาเป็นกระดาษใหม่อีกครั้ง หรือนำขยะพลาสติกไปเข้ากระบวนการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์พลาสติกอีกครั้ง จุดสำคัญของกระบวนการนี้คือ การแยกขยะแต่ละประเภทให้ถูกต้อง เพื่อให้ผู้จัดการขยะในขั้นต่อไปสามารถทำงานได้ง่ายขึ้น โดยทั่วไปจะแยกได้ 4 ประเภท คือ ถังขยะมีพิษ (สีเทา ฝาแดง) เช่น กระป๋องสี สีสเปรย์ แบตเตอรี่ ยาฆ่าแมลง ถังขยะย่อยสลาย (สีเขียว) เช่น เศษอาหาร กิ่งไม้ ใบไม้ ผัก ถังขยะรีไซเคิล (สีเหลือง) เช่น กระดาษ ขวดน้ำ แก้วน้ำ เศษเหล็ก ถังขยะมูลฝอยทั่วไป ที่ย่อยสลายไม่ได้ (สีฟ้า) เช่น โฟมเปื้อนเศษอาหาร ถุงขนม พลาสติกใส่อาหาร หากไม่มีถังขยะแยกประเภท เราก็สามารถใช้วิธีแยกถุงแทน นอกจากนี้ แอดมีข้อแนะนำเล็ก ๆ น้อย ๆ ในการทิ้งหน้ากากอนามัยมาฝาก ดังนี้ รวบรวมและแยกหน้ากากอนามัยที่ใช้แล้วลงในถุงพลาสติกหรือถุงซิปล็อค ปิดปากถุงให้สนิทก่อนทิ้งลงถังขยะ หากทิ้งรวมในถุงดำ แปะโน้ตระบุสักนิด ว่าภายในมีหน้ากากอนามัยใช้แล้ว เพื่อช่วยในการคัดแยกให้ถูกวิธีและป้องกันพนักงานเก็บขยะหยิบจับโดยไม่รู้ตัว

✨ ลดขยะด้วยไอเดีย 3Rs ✨ อ่านเพิ่มเติม

🌿 สมุนไพรเสริมภูมิคุ้มกัน 🌿

จากสถานการณ์ในช่วงนี้ ทำให้หลายคนหันมาดูแลสุขภาพตัวเองมากขึ้น โดยเฉพาะการเพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย เพราะภูมิคุ้มกันที่ดี เปรียบเสมือนด่านแรกของการมีสุขภาพดีนั่นเอง วิธีหนึ่งที่นิยมกันในขณะนี้ก็คือการใช้สมุนไพรไทย ทั้งกินเป็นอาหารเสริม และนำมาประกอบอาหาร หากมีการติดเชื้อก็สามารถช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิดอาการรุนแรงได้ 💪 👇 วันนี้แอดมีข้อมูลเล็ก ๆ น้อย ๆ เกี่ยวกับสมุนไพรไทยเสริมภูมิคุ้มกันมาฝากเพื่อน ๆ ค่ะ 🌿สมุนไพรเสริมภูมิคุ้มกัน ✨ขมิ้นชัน มีฤทธิ์ต้านการอักเสบของปอด ✨ชะเอมเทศ มีสารไฟโตเอสโตรเจนและฟลาโวนอยด์ มีคุณสมบัติช่วยต้านอนุมูลอิสระ และเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ✨มะขามป้อม มีวิตามินซีสูง ช่วยต้านอนุมูลอิสระ มีฤทธิ์เพิ่มภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย ✨ขิง เมื่อนำมาต้มน้ำเดือดนาน 30 นาที มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ ทำให้เม็ดเลือดขาวชนิดแมคโครฟาสจับกินไวรัสไข้หวัดใหญ่ได้ดีขึ้น ✨ขลู่ มีฤทธิ์ช่วยต้านอนุมูลอิสระ สรรพคุณของสมุนไพรที่กล่าวไปนั้น มีฤทธิ์เสริมภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย และช่วยต้านอนุมูลอิสระ แต่อย่างไรก็ตาม ในสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 เพื่อน ๆ ควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรงด้วยการกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ กินผักผลไม้ 5 สี พักผ่อนให้เพียงพอ วันละ 6-8 ชั่วโมง และออกกำลังกายเป็นประจำนะคะ 🙂 🙏 ขอบคุณข้อมูลจาก สถาบันการแพทย์แผนไทยอภัยภูเบศร โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร

🌿 สมุนไพรเสริมภูมิคุ้มกัน 🌿 อ่านเพิ่มเติม

รู้หรือไม่! ทำไมถึงมีการห้ามให้อาหารปลาในทะเล 🐟

“การดำน้ำ” 🤿 เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ได้รับความนิยมอย่างมากเมื่อเราได้ไปทะเล ไม่ว่าจะเป็นการดำน้ำตื้นหรือดำน้ำลึก เราจะสามารถมองเห็นความงดงามทางธรรมชาติ ปะการังต่าง ๆ ปลา และสัตว์ทะเลอีกมากมาย.ในระหว่างดำน้ำอาจมีกิจกรรม “การให้อาหารกับปลาในทะเล” ซึ่งเพื่อน ๆ ส่วนใหญ่อาจจะทราบกันอยู่แล้วว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ ซึ่งวันนี้แอดจะมาบอกเหตุผลว่า ทำไมเราถึงไม่ควรให้อาหารปลาในทะเล 🚫.อาหารส่วนใหญ่ที่มีการนำไปให้ปลาในทะเลกินเป็นจำพวกแป้ง ซึ่งเป็นอาหารโปรดของปลาสลิดหินบั้งเขียวเหลือง ถึงแม้ว่าหน้าตามันออกจะน่ารัก แต่ด้วยนิสัยตามธรรมชาติ ปลาชนิดนี้มีนิสัยดุร้ายและชอบยึดอาณาเขตในพื้นที่ที่มีอาหารโปรดของมันอยู่เยอะ.โดยปกติตามแนวปะการังจะมีปลาและสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่และทำหน้าที่รักษาสมดุลของระบบนิเวศน์ คือ ปลาที่อาศัยอยู่ตามแนวปะการังหาอาหารจากการกินสาหร่ายและสิ่งมีชีวิตที่ปกคลุมปะการัง ซึ่งถือว่าเป็นการทำความสะอาดปะการังด้วยนั่นเอง.หากเจ้าปลาสลิดหินบั้งเขียวเหลืองมากินอาหารที่มนุษย์ให้ตามแนวปะการัง จะเกิดอะไรขึ้น?📍 ปลาชนิดนี้ก็จะเริ่มมีจำนวนเยอะมากขึ้น เริ่มยึดอาณาเขต และขับไล่ปลาตัวอื่นออกจากพื้นที่📍 สิ่งมีชีวิตที่ปกคลุมแนวปะการัง รวมถึงแบคทีเรียที่เกิดจากการขับถ่ายของปลาสลิดหินบั้งเขียวเหลืองเพิ่มมากขึ้น และทำให้ปะการังสกปรก📍 แนวปะการังที่มีระบบนิเวศน์ค่อนข้างซับซ้อนและอ่อนไหวเริ่มเสื่อมโทรม ล้มตายและไม่สามารถเกิดขึ้นใหม่ได้เนื่องจากสภาพแวดล้อมไม่เอื้ออำนวย📍 ปลาบางชนิดกินแต่ขนมปังที่มนุษย์ให้ ไม่สามารถหาอาหารเอง แถมยังทำให้ขาดสารอาหารและป่วยตายได้ง่าย.เพียงแค่ไม่กี่ข้อที่แอดกล่าวมา ก็ทำให้เห็นแล้วว่าเมื่อระบบนิเวศน์เสียสมดุล ความงดงามทางทะเลก็จะค่อย ๆ หายไป แน่นอนว่าเพื่อน ๆ ก็อยากให้ธรรมชาติเหล่านี้คงอยู่ เพื่อให้คนอื่น ๆ หรือแม้แต่ตัวเราเองได้กลับมาดูอีกครั้ง การอนุรักษ์ไว้จึงไม่ใช่แค่เรื่องของใครบางคน แต่เป็นสิ่งที่เราเองมีส่วนช่วยได้ มาช่วยกันนะคะ 😉.อ้างอิงข้อมูลจาก : กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง

รู้หรือไม่! ทำไมถึงมีการห้ามให้อาหารปลาในทะเล 🐟 อ่านเพิ่มเติม

🌿 6 ข้อการเที่ยว รักษ์ โลก 🌿

ทุกวันนี้ ใคร ๆ ก็หันมาให้ความสนใจเรื่องภาวะโลกร้อน ปัญหา Climate Change (การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ) หลายภาคส่วนมีความพยายามช่วยกันหาวิธีรับมือเพื่อโลกของเรา การท่องเที่ยวก็เช่นกัน เราเองก็สามารถมีส่วนช่วยโลกได้นะคะ ก่อนอื่น เรามาทำความรู้จักคำว่า Low carbon กับ Zero waste กันก่อนว่าเป็นอย่างไร เพื่อจะได้รู้ว่าเราจะมีส่วนช่วยได้อย่างไร 👉 Low carbon คือ การลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เพื่อช่วยลดปัญหาภาวะโลกร้อนนั่นเอง ในการใช้ชีวิตประจำวัน การทำธุรกิจ กิจกรรมโรงงาน กิจกรรมเกษตร การเดินทาง ฯลฯ ทุกกิจกรรมล้วนก่อให้เกิดก๊าซคาร์บอนทั้งนั้น ฉะนั้น ในแวดวงการท่องเที่ยวจึงเกิดแนวคิด Low carbon tourism คือ เที่ยวแบบคาร์บอนต่ำ ที่พยายามลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน และรบกวนสิ่งแวดล้อมให้น้อยที่สุด ฉะนั้น เมื่อเราออกเดินทางแต่ละครั้งเราก็สามารถเริ่มต้นได้ที่ตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางด้วยพลังงานที่น้อยที่สุด การเลือกที่พักสีเขียว การรับประทานอาหารที่ปรุงจากวัตถุดิบในท้องถิ่น การทำกิจกรรมท่องเที่ยวด้านสิ่งแวดล้อม เช่น กิจกรรมปลูกป่า ปลูกปะการัง การเก็บขยะ เป็นต้น ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้สามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนได้มากกว่าการท่องเที่ยวแบบทั่วไปที่เร่งรีบนั่นเอง 👉 Zero waste คือการทำให้ขยะเหลือศูนย์ ปัจจุบัน ปัญหาขยะเกิดจากการใช้ชีวิตประจำวันที่บริโภคสินค้าแบบใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง ซึ่งส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศเป็นอย่างมาก เราสามารถนำแนวทางของ zero waste มาปรับใช้กับชีวิตประจำวันของเรา เพื่อช่วยกันลดขยะได้ ก็คือ Reduce ลดการใช้สินค้าแบบใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง Reuse การนำกลับมาใช้ซ้ำ และ Recycle การเลือกใช้สินค้าที่สามารถนำกลับไปแปรรูปมาใช้ใหม่ได้ ทุกคนสามารถเป็นนักท่องเที่ยวที่ดีและรักษ์โลกได้ในทุกที่ เริ่มต้นกันได้ง่าย ๆ ตัวอย่างเช่น 1. การเดินทาง ถ้าสถานที่ท่องเที่ยวของเราอยู่ไม่ไกลกันมาก ลองเปลี่ยนจากรถยนต์มาเป็นรถขนส่งสาธารณะ รถจักรยาน หรือสองขาของเราแทน 2. ตระหนักถึงความเป็นอยู่ของธรรมชาติอยู่เสมอ ไม่ทำร้ายหรือทำลาย 3. พกขวดน้ำดื่มส่วนตัว รวมทั้งช้อนส้อม และหลอด เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง 4. ช่วยประหยัดน้ำและไฟเมื่อออกจากที่พัก หรือไม่เปลี่ยนผ้าขนหนูโดยไม่จำเป็น 5. ใช้บริการโรงแรม ที่พัก และทัวร์ ที่ใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม 6. พกอุปกรณ์อาบน้ำแบบรีฟีล เมื่อเข้าใช้บริการโรงแรมที่พัก เพื่อลดการเกิดขยะจากอุปกรณ์อาบน้ำใช้แล้วทิ้งของทางโรงแรมที่พัก

🌿 6 ข้อการเที่ยว รักษ์ โลก 🌿 อ่านเพิ่มเติม

วิธีแก้รสเผ็ดบนโต๊ะอาหาร

ช่วงนี้เพื่อน ๆ คงเห็นว่ามีโครงการ Phuket Sandbox และ Samui Plus ที่มีการเปิดพื้นที่ให้เที่ยวภายใต้มาตรการ เพื่อให้มีการท่องเที่ยวที่ปลอดภัยและปลอดเชื้อมากขึ้นแล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเป็นเสน่ห์ของภาคใต้ก็คือรสชาติของอาหารที่มีรสเผ็ด อร่อยจัดจ้าน อย่างแกงเหลือง แกงไตปลา ขนมจีนน้ำยาปู คั่วกลิ้ง ซึ่งถึงจะเผ็ดยังไง ก็ยังหรอยอย่างแรงอยู่ดี!! แต่ถึงจะ หรอยแรง ยังไง พอกินเยอะ ๆ ก็ทำเอาร้อนปากร้อนคอใช่เล่น วันนี้แอดมีวิธีแก้รสเผ็ดง่าย ๆ บนโต๊ะอาหารมาแนะนำ ลองมาอ่านกันดูได้เลย แต่แอดขอบอกไว้ก่อนว่า ความเผ็ดร้อนของพริก มาจากฤทธิ์ของสารที่ชื่อว่าแคปไซซิน (Capsaicin) เมื่อเราตักพริกเข้าปาก สารชนิดนี้ก็จะเข้าไปกระตุ้นปลายประสาท ทำให้เกิดความรู้สึกแสบร้อน ดังนั้น วิธีแก้รสเผ็ดก็คือการทำให้เจ้าแคปไซซินหายไปจากปากนั่นเอง จะมีวิธีไหนบ้าง ตามมาอ่านกัน นมในน้ำนมมีโปรตีนชื่อ คาเซอิน (Casein) ที่สามารถดึงแคปไซซินออกจากปลายประสาทบนลิ้นได้ ทำให้ความเผ็ดหายไป วิธีการคือให้อมน้ำนมไว้ในปากสักพัก เพื่อให้นมทำปฏิกิริยาภายในช่องปาก นอกจากนี้ นมยังช่วยเคลือบกระเพาะ สามารถลดอาการแสบท้องตอนกินเผ็ดได้อีกด้วย โยเกิร์ตโยเกิร์ตช่วยแก้เผ็ดได้คล้ายกับนม แต่เป็นการแก้เผ็ดเวอร์ชั่นอัพเกรด เพราะโยเกิร์ตจะมีกรดแลคติกและไขมันนม ซึ่งช่วยละลายสารแคปไซซินได้ดีกว่า น้ำมะนาว, น้ำส้มหลายคนอาจสงสัยว่าทำได้จริงเหรอ ความจริงคือรสเปรี้ยวช่วยให้หายเผ็ดได้ดีไม่น้อย เพราะแคปไซซินในพริกเป็นด่าง รสเปรี้ยวมีฤทธิ์เป็นกรด ทำให้ความเผ็ดลดลงได้ น้ำอุ่น, น้ำซุปร้อน ๆหลายคนนิยมดื่มน้ำเย็นเพื่อดับเผ็ด แต่ลองดื่มน้ำอุ่น หรือซุปร้อนดูก่อน แม้จะรู้สึกเผ็ดร้อนขึ้นตอนซุปเข้าปาก แต่พอกลืนน้ำอุ่นหรือซุปร้อนลงไป ความเผ็ดจะลดลงอย่างรวดเร็ว เพราะความอุ่นของน้ำจะช่วยละลายแคปไซซินให้จางลง รสเผ็ดก็จะเบาลง ข้าว, ขนมปังอีกวิธีหนึ่งที่ง่ายและได้ผลก็คือ ข้าวและขนมปัง ให้เคี้ยวข้าวหรือขนมปังจนมีความหวาน ความหวานจากแป้งจะเข้าไปช่วยซับรสเผ็ด ทำให้ความเผ็ดลดลง

วิธีแก้รสเผ็ดบนโต๊ะอาหาร อ่านเพิ่มเติม

เคล็ดลับช่วยประหยัดไฟช่วง WORK FROM HOME

ช่วง Work From Home แบบนี้ เพื่อน ๆ หลายคนต้องกังวลเรื่องค่าไฟเหมือนแอดแน่ ๆ เลย วันนี้แอดมีเคล็ดลับเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่พอจะช่วยประหยัดไฟมาแนะนำ.1. เปิดหน้าต่างรับลมและแสงธรรมชาติแสงสว่างรอบตัวเป็นสิ่งจำเป็นมากในการทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ เพราะมีผลต่อสุขภาพสายตา วิธีง่าย ๆ ที่จะช่วยเพิ่มแสงและประหยัดไฟได้ก็คือ เปิดม่านและหน้าต่างให้แสงเข้ามา ที่สำคัญยังได้ลมธรรมชาติด้วยนะ.2. ปิด Gadget ไร้สาย เมื่อไม่ได้เชื่อมต่อการใช้งานสำหรับอุปกรณ์แก็ดเจ็ดต่างแบบไร้สายอย่าง ลำโพงไร้สาย หูฟังไร้สาย ควรปิดทันทีหลังจากหยุดใช้งาน เพราะอุปกรณ์ไร้สายรวมถึงอุปกรณ์ไฟฟ้าต่าง ๆ แม้ว่าจะไม่มีการเชื่อมต่อ ก็ยังคงมีการทำงานและมีการใช้กระแสไฟฟ้าในการหล่อเลี้ยงระบบอยู่ ดังนั้นอย่าลืมปิดการทำงานของอุปกรณ์เหล่านั้นกันด้วยล่ะ.3. เปิดเครื่องปรับอากาศอุณหภูมิ 25 องศาเซลเซียสหากวันไหนร้อนมาก ๆ การเปิดเครื่องปรับอากาศถือเป็นทางเลือกในการคลายร้อนของหลาย ๆ คน ซึ่งอุณหภูมิที่เหมาะสมในการเปิดเครื่องปรับอากาศคือ 25 องศาเซลเซียส เพราะเป็นอุณหภูมิที่ไม่ร้อนหรือเย็นจนเกินไป การปรับอุณหภูมิให้ต่ำจนเกินไป จะทำให้เครื่องปรับอากาศทำงานหนักมากขึ้น เปลืองค่าไฟมากขึ้นนั่นเอง.4. เปิดพัดลมพร้อมเครื่องปรับอากาศการเปิดพัดลมขณะเปิดเครื่องปรับอากาศ ไม่ว่าจะเป็น พัดลมเพดานหรือพัดลมตั้งพื้น จะช่วยกระจายและถ่ายเทความเย็นในอากาศได้ ช่วยลดการทำงานของเครื่องปรับอากาศทำให้ประหยัดค่าไฟได้มากขึ้น.5. เลี่ยงการใช้อุปกรณ์ที่ให้ความร้อนขณะเปิดเครื่องปรับอากาศระหว่างที่เปิดเครื่องปรับอากาศ ควรหลีกเลี่ยงการใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าที่ให้ความร้อนในห้อง เช่น กระติกน้ำร้อน เตารีด เตาปิ้งย่างไฟฟ้า ฯลฯ เพราะความร้อนจากอุปกรณ์เหล่านี้ทำให้ความร้อนในห้องเพิ่มขึ้น ส่งผลให้เครื่องปรับอากาศทำงานหนักกว่าเดิม แลเมื่ออุณภูมิในห้องเย็นขึ้น เครื่องใช้ไฟฟ้าที่สร้างความร้อนจะต้องใช้พลังงานในการสร้างความร้อนมากขึ้นเช่นกัน ทำให้ต้องใช้ไฟฟ้ามากขึ้นเป็นเท่าตัว.6. ฝึกถอดปลั๊กไฟให้เป็นนิสัยหลังจาก่ปิดสวิตช์เครื่องใช้ไฟฟ้าหลังการใช้งานแล้ว หากยังไม่ถอดปลั๊กจะยังมีกระแสไฟฟ้าไหลเวียนเพื่อให้พร้อมใช้งานตลอดเวลา ดังนั้น เพื่อน ๆ อย่าลืมถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกครั้งหลังหยุดใช้งาน เพราะนอกจากจะประหยัดไฟแล้ว ยังช่วยเพิ่มความปลอดภัยในบ้านได้อีกด้วย.7. เลือกใช้หลอด LED แทนหลอดไฟธรรมดาในกรณีที่ต้องเปิดไฟเพดาน ควรเลือกใช้หลอด LED เพราะสามารถให้ความสว่างได้มาก แสงสว่างคงที่และใช้พลังงานในการสร้างแสงสว่างต่ำ นอกจากนี้หลอด LED ยังปล่อยความร้อนน้อยและไม่มีแสง UV ที่เป็นอันตรายต่อผิวหนังและสายตาอีกด้วย

เคล็ดลับช่วยประหยัดไฟช่วง WORK FROM HOME อ่านเพิ่มเติม

Relax from home ทำสปาเท้าง่าย ๆ ที่บ้าน

Relax from home ทำสปาเท้าง่าย ๆ ที่บ้าน.เพื่อน ๆ หลายคนอาจอยู่ในช่วง Work From Home อาจจะกำลังหาอะไรทำแก้เบื่อกันอยู่หรือเปล่า วันนี้แอดอยากชวนมาทำสปาเท้าง่าย ๆ ด้วยสมุนไพรที่หาได้ไม่ยากในบ้านของเรากัน หรือใครที่ไม่ได้ Work From Home ก็สามารถทำได้นะ เพราะสปาสูตรนี้ช่วยให้เพื่อน ๆ ผ่อนคลายความเหนื่อยล้าจากการเดินทางไปทำงาน โดยเฉพาะเวลาที่เราต้องเดินอยู่เป็นประจำ อาจทำให้เราปวดเมื่อยจากการเดินได้.ส่วนผสมที่ใช้ทำสปาก็ไม่ยากเลย ใช้เกลือ ผงขมิ้นชันและผงไพลพอประมาณ ผลมะกรูดหั่นแว่น ซึ่งแต่ละชนิดนั้นเราสามารถหาได้ในรอบรั้วบ้านของเรา แถมยังมีวางจำหน่ายทั่วไปให้เพื่อน ๆ หาซื้อได้ไม่ยาก .เมื่อเตรียมส่วนผสมเสร็จแล้ว เรามาเริ่มกันเลยยย ให้เพื่อน ๆ นำเกลือ ผงขมิ้น ผงไพล นำมาผสมแล้วตำให้เข้ากัน จากนั้นให้เตรียมภาชนะใส่น้ำสำหรับแช่เท้า เทน้ำอุ่นลงไป แล้วตามด้วยมะกรูดและสมุนไพรที่ตำไว้ แช่เท้าไว้ประมาณ 15-20 นาที หรือจนกว่าน้ำจะเย็นลง เท่านี้ก็เรียบร้อย.การทำสปาเท้าด้วยส่วนผสมดังกล่าวนั้นช่วยอะไรบ้าง – เกลือ เปรียบเหมือนสครับผิวที่จะช่วยชำระล้างสิ่งสกปรก ผลัดเซลล์ผิวใหม่ และยังช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้– ขมิ้นชัน มีสรรพคุณช่วยแก้อาการผื่นคัน หากใช้อย่างต่อเนื่อง จะช่วยปรับสภาพผิวให้เนียนใส– ไพล ช่วยทำให้เท้าของเราผ่อนคลาย บรรเทาอาการปวดเมื่อย ลดการอักเสบของเอ็น กล้ามเนื้อ และข้อต่อได้– มะกรูด ช่วยในการดับกลิ่น แถมยังฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้อีกด้วย.นอกจากนี้ เพื่อน ๆ ยังสามารถเพิ่มความพิเศษโดยใช้วัตถุดิบ “ดอกเกลือ” สำหรับทำสปา เป็นผลิตภัณฑ์ชุมชนที่สามารถซื้อออนไลน์ได้ ที่ “กลุ่มอาชีพเกลือทะเลกังหันทอง” อำเภอบ้านแหลม จังหวัดเพชรบุรี มีการคิดค้นผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับดอกเกลือหลายอย่าง ให้เพื่อน ๆ ได้อุดหนุนกันได้ที่ https://www.kanghuntong.com/.หรือถ้าสถานการณ์โควิด 19 ดีขึ้น แล้วเพื่อน ๆ อยากไปลองทำสปาที่แหล่งเลย แอดก็มีแหล่งที่น่าสนใจเช่นกัน ได้แก่.สปาเกลือกังหันทอง โดย กลุ่มอาชีพเกลือทะเลกังหันทอง อำเภอบ้านแหลม จังหวัดเพชรบุรีโทร. 086 544 4473, 032 440 55100เปิดเวลา 09.00-17.00 น. (ปิดวันอังคาร)พิกัด https://goo.gl/maps/1XtMoPv8rhbbbNnq7.กิจกรรมตนย่ำเกลือ (สปาเท้าด้วยเกลือ) หนึ่งในโปรแกรมท่องเที่ยวของบ้านริมคลองโฮมสเตย์ อำเภอเมืองสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสงครามโทร. 089 170 2904เปิดทุกวัน เวลา 06.30-21.00 น.พิกัด https://goo.gl/maps/fe2MaPZTsynF8JqD8.สปาดอกเกลือสินเธาว์ โดย กุญณภัทรสปา อำเภอบ้านดุง จังหวัดอุดรธานีโทร. 081 975 6494เปิดทุกวัน เวลา 08.00-17.00 น.พิกัด https://goo.gl/maps/PYqPF2ZR1QXsYL4U9

Relax from home ทำสปาเท้าง่าย ๆ ที่บ้าน อ่านเพิ่มเติม

เมนูสมุนไพร อร่อย มีประโยชน์

น้ำพริกปลาสลิด.เริ่มกันที่เมนูเพื่อสุขภาพสุดแซ่บ ที่กินอร่อยได้ทั้งกับข้าวสวย ข้าวเหนียวและเก็บได้นานสุด ๆ แถมยังมีประโยชน์ต่อร่างกายจากส่วนประกอบดังนี้.พริก มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอวัย ช่วยเสริมภูมิต้านทานให้แข็งแรงมากยิ่งขึ้น ช่วยกระตุ้นให้เจริญอาหารและสารแคปไซซินในพริกที่ทำให้มีรสเผ็ด ช่วยให้เกิดอาการตื่นตัวของร่างกาย มีฤทธิ์ทำให้ร่างกายสร้างสาร Endorphin (สารแห่งความสุข).มะขามเปียก ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานโรคให้แก่ร่างกายด้วยสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยให้ถ่ายท้องได้ง่าย ช่วยบำรุงผิวพรรณให้สดใสด้วยวิตามินซี นอกจากนี้มะขามมีธาตุเหล็ก ซึ่งมีส่วนช่วยในการสร้างเม็ดเลือดและลดอาการเลือดออกตามไรฟันได้.ที่สำคัญเมนูนี้มีแคลเซียมที่ช่วยเรื่องกระดูกและฟัน มีจุลินทรีย์ที่จะเข้าไปกำจัดแบคทีเรียในกระเพาะ ช่วยป้องกันโรคลำไส้อักเสบจากกะปิด้วยนะ ลาบหมูคั่ว.เป็นเมนูที่แอดชอบมาก ซึ่งลาบ เป็นอาหารท้องถิ่นของทั้งทางภาคอีสานและภาคเหนือ โดยนำเนื้อหมูมาสับให้ละเอียดแล้วคลุกกับเครื่องปรุง ซึ่งนอกจากจะได้โปรตีนจากเนื้อหมูแล้ว พวกสมุนไพรที่ใส่เข้าไปนี่แหละ ช่วยชูรสชาติและเพิ่มประโยชน์ให้อาหารจานนี้ได้สุด ๆ ทั้งหอมแดง ที่มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ แก้หวัดและเลือดกำเดาออก บำรุงผมให้งอกงามและมีฤทธิ์ขับเสมหะ.ผักชีฝรั่ง ช่วยบำรุงหัวใจและบำรุงกระดูก มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระสูง ซึ่งช่วยชะลอการเสื่อมของเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกาย.ใบสะระแหน่ ไม่ได้มีดีแค่กลิ่นหอม ๆ นะ เพราะกลิ่นจากใบสะระแหน่ช่วยให้คลายเครียดได้ ที่สำคัญขับเหงื่อ แก้หืด แก้ปวดท้อง ขับลมในกระเพาะลำไส้ แก้จุกเสียดแน่นเฟ้อ แก้อาการเกร็งของกระเพาะอาหารและลำไส้ได้ดี หากนำใบสะระแหน่ไปขยี้แล้วพอกหรือทา สามารถช่วยแก้ผื่นคันได้ด้วย.นอกจากนี้ ถ้าเป็นลาบของภาคเหนือจะมีมะแขว่น ที่ช่วยรักษาโรคในระบบทางเดินอาหาร แก้โรคทางเดินระบบปัสสาวะ ช่วยขับลมและระดูได้ ปลาทอดขมิ้น.เมนูทอดที่เต็มไปด้วยประโยชน์ ก่อนจะนำปลาไปทอดต้องหมักด้วย กระเทียม พริกไทย และขมิ้น ซึ่งพืชทั้ง 3 อย่างนี้มีประโยชน์ทั้งนั้น.กระเทียม มีสารอัลซิลินและซัลเฟอร์สูง ซึ่งช่วยลดอาการผมร่วง มีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดการอักเสบต่าง ๆ และช่วยป้องกันอาการหวัด ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลและระดับไขมันในเลือดได้อีกด้วย.พริกไทยเป็นสมุนไพรรสร้อน มีสรรพคุณ ช่วยย่อยอาหาร รักษาอาการท้องอืดท้องเฟ้อ แก้อาการไอ หอบหืด.ขมิ้น อุดมไปด้วยแร่ธาตุและวิตามินหลายชนิด เช่น วิตามินเอ บี ซี อี รวมถึงมีธาตุเหล็ก และแคลเซียม ซึ่งสามารถช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานให้กับร่างกายได้ นอกจากนี้ยังช่วยบรรเทาอาการของโรคเกาต์ โรคความดันโลหิตสูง และช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในร่างกาย ใบเหลียงผัดไข่.ใบเหลียงผัดไข่ เมนูที่หากินได้ง่ายเวลาไปเที่ยวทางใต้ เห็นเป็นเมนูธรรมดา ๆ แบบนี้ แต่ใบเหลียงนั้นมีประโยชน์มากมาย.ใบเหลียงถือเป็นราชินีผักพื้นบ้านของภาคใต้ เพราะมีสารอาหารหลายชนิด ทั้ง วิตามินเอ บี1 บี2 แคลเซียม ธาตุเหล็ก และสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยบำรุงสายตา บำรุงผิวพรรณ และบำรุงกระดูกและฟันได้ดี ขนมจีนน้ำยากะทิ.เมนูที่รวมสมุนไพรหลากชนิด ได้แก่ ตะไคร้ กระชาย ข่า นำมาโขลกรวมกับเนื้อปลาต้มสุกเป็นพริกแกงก่อนจะนำไปปรุงเป็นน้ำยากะทิ ซึ่งสมุนไพรทั้ง 3 ชนิดนี้ ก็อุดมไปด้วยคุณประโยชน์หลายอย่าง ดังนี้.ตะไคร้ ช่วยในการขับเหงื่อแก้และบรรเทาอาการหวัด อาการไอ แก้อาการปวดศีรษะ รักษาอาการท้องอืดท้องเฟ้อ ช่วยขับปัสสาวะ น้ำมันหอมระเหยของใบตะไคร้ สามารถบรรเทาอาการปวดและมีฤทธิ์ช่วยให้ผ่อนคลายได้.กระชาย ช่วยบำรุงกระดูก ช่วยปรับสมดุลความดันโลหิตและฮอร์โมนต่าง ๆ ในร่างกาย ลดน้ำตาลในเลือดและเพิ่มพลังให้ร่างกาย ทำให้รู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า ช่วยเพิ่มความเร็วในการเผาผลาญไขมัน แก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ จุกเสียด ปวดมวนในท้อง.ข่า ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด แก้เสมหะและอาการแน่นหน้าอก มีฤทธิ์ช่วยขับลม ลดการบีบตัวของลำไส้และลดอาการท้องผูกท้องร่วงได้เป็นอย่างดี  แกงส้มชะอมไข่.นอกจากรสชาติที่อร่อยจากน้ำแกงแล้ว ประโยชน์ยังเยอะอีกด้วย เพราะตัวพริกแกงประกอบไปด้วยกระชาย พริก หอมแดง กระเทียม กะปิ ที่แอดได้บอกถึงประโยชน์ไปเมื่อข้างต้นแล้ว ในเมนูนี้ยังมีชะอม ซึ่งชะอมมีสารต้านอนุมูลอิสระ มีวิตามินเอสูง ช่วยลดความร้อนในร่างกาย ช่วยในการขับถ่าย ป้องกันโรคท้องผูก ท้องอืด ท้องเฟ้อ ปวดท้อง และช่วยขับลมในลำไส้ได้ด้วย

เมนูสมุนไพร อร่อย มีประโยชน์ อ่านเพิ่มเติม

ไอเดียสร้างประโยชน์จากขวดพลาสติก

ขยะพลาสติกถือเป็นอีกหนึ่งปัญหาใหญ่ที่หลายคนกำลังกังวลว่าจะจัดการอย่างไร โดยเฉพาะขยะจากขวดน้ำที่ใช้ดื่มกันทุกวัน.ไหน ๆ ช่วงนี้หลายคนก็ Work From Home แอดเลยมีไอเดียที่ทำได้ง่าย ๆ จากการนำขวดพลาสติกมารีไซเคิลใหม่มานำเสนอ แถมใช้ประโยชน์ได้จริงด้วยนะ จะเป็นอย่างไรได้บ้าง ตามมาดูกัน.1. กระถางปลูกต้นไม้ .การปลูกต้นไม้ นอกจากจะเป็นการช่วยเพิ่มพื้นที่สีเขียวภายในบ้านแล้ว ยังเป็นเทรนด์ฮิตในช่วงที่ผ่านมาอีกด้วย หลายคนถึงกับปลูกผักไว้ทานเองเลยก็มีนะ วิธีการทำกระถางปลูกต้นไม้จากขวดพลาสติกก็ง่ายแสนง่าย จะตัดเป็นแบบไหนก็แล้วแต่เพื่อน ๆ ชอบได้เลย จะตัดขวดแบ่งครึ่งตามแนวตั้ง หรือจะวางขวดเป็นแนวนอนกับพื้นแล้วตัดแค่ส่วนบนแล้วนำเชือกมาแขวน หรือจะระบายสีเพื่อเพิ่มสีสันก็ยังได้ ที่สำคัญ อย่าลืมเจาะรูที่ก้นขวดเพื่อทำเป็นช่องระบายน้ำกันด้วยล่ะ.2. ที่เก็บของอเนกประสงค์ .แอดเชื่อว่าเพื่อน ๆ หลายคนเป็นเหมือนแอด นั่นก็คือเวลาอยู่บ้าน จะเจอของกระจุกกระจิกที่เคยซื้อไว้เต็มไปหมด ซึ่งขวดพลาสติกนี่แหละ ที่จะช่วยแก้ปัญหาในการจัดเก็บได้เป็นอย่างดี แค่เพื่อน ๆ ตัดขวดแล้วนำของที่เรามีไปใส่ แล้วแบ่งเป็นหมวดหมู่ อย่างขวดหนึ่งเป็นปากกา-ดินสอ อีกขวดเป็นที่เย็บกระดาษ อีกขวดเป็นพวกเข็มกลัด หรือจะเอาไปใส่พวกเครื่องประดับก็ได้ ชีวิตสะดวกและห้องเป็นระเบียบขึ้นเยอะเลย หรือจะลองหากระดาษสีมาห่อ เอาสีมาทาหรือพ่น กลายเป็นของแต่งห้องเก๋ ๆ ได้เลย.3. กระปุกออมสิน  .สำหรับใครที่ชอบเอาเศษเหรียญวางไว้บนโต๊ะทำงาน หลังตู้เย็น หรือที่ไหน ๆ ก็แล้วแต่ แอดว่าการนำขวดพลาสติกมาดัดแปลงเป็นกระปุกออมสินก็เป็นไอเดียที่ดีนะ โดยเพื่อน ๆ จะตัดขวดแบ่งครึ่งหรือจะนำขวดมาเจาะตรงกลางขวดตามแนวยาวก็ได้ ยิ่งบ้านใครมีเด็ก ๆ อยู่ด้วย แอดยิ่งแนะนำเลย เพราะเป็นการเสริมสร้างนิสัยในการออมเงินนั่นเอง.4. นำไปบริจาค  .สำหรับเพื่อน ๆ ที่ไม่มีเวลาหรือไม่สะดวกในการนำขวดพลาสติกมาใช้ใหม่ แอดแนะนำให้รวมได้ประมาณนึง ก่อนแยกขวดพลาสติกกับฝา ทำความสะอาดให้ดี และนำไปตากให้แห้งและส่งบริจาคเพื่อให้โครงการต่าง ๆ ซึ่งแอดรวบรวมมาให้แล้วดังนี้.  Precious Plastic Bangkok (นำไปทำเป็นกระถาง แจกัน เสื้อ ผ้าห่ม และอื่น ๆ): ถ.นครสวรรค์ แขวง วัดโสมนัส เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร 10100: 06 6034 0481: https://www.facebook.com/PreciousPlasticBKK/.  วัดทองนพคุณ จ.เพชรบุรี (เพื่อเปลี่ยนเป็นแพ และ สะพานกลางน้ำ): ม.4 ต.บางจาก อ.เมือง จ.เพชรบุรี 76000: 08 9837 8285.  วัดจากแดง จ.สมุทรปราการ  (ทำจีวรพระ): ซ.วัดจากแดง ต.ทรงคนอง อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ 10131: 0 2464 1122, 06 6159 9558 : https://watchakdaeng.com/

ไอเดียสร้างประโยชน์จากขวดพลาสติก อ่านเพิ่มเติม

เคล็ด(ไม่)ลับ กับเทคนิคการจัดกระเป๋าก่อนไปเที่ยว

วันนี้ แอดมีเทคนิคดี ๆ เกี่ยวกับการจัดกระเป๋าไปเที่ยวมาฝากเพื่อน ๆ ค่ะ ช่วยประหยัดเวลา ข้าวของครบ ไม่ตกหล่น จะมีอะไรบ้าง มาดูกัน.1 เขียน Checklist ของใช้จำเป็นที่จะจัดลงกระเป๋า เทคนิคนี้ช่วยให้เราไม่พลาด หรือลืมโน่นลืมนี่ให้หงุดหงิดใจ 2 เลือกขนาดกระเป๋าให้พอดีกับสัมภาระ ช่วยให้คล่องตัวในการเดินทาง และสะดวกในการจัดของเข้าออก 3 ม้วนเสื้อผ้าแทนการพับ ช่วยประหยัดเนื้อที่และยับน้อยกว่า 4 หาขวดเล็ก ๆ เพื่อแบ่งของใช้ที่เป็นของเหลว แทนการเอาไปทั้งขวด ช่วยลดน้ำหนักกระเป๋าได้ แนะนำให้ใส่ถุงซิปล็อคอีกชั้นเพื่อป้องกันการหกเลอะเทอะ 5 จัดวางของในกระเป๋าให้เป็นหมวด หรืออยู่ฝั่งเดียวกัน ช่วยให้หยิบง่ายขึ้น 6 เตรียมถุงพลาสติกสำหรับแยกเสื้อผ้าที่ใส่แล้ว ไม่ให้ปนกับเสื้อผ้าที่ยังไม่ได้ใส่ กันกลิ่นอับโชยในกระเป๋า 7 เลือกรองเท้าที่ใส่ได้ทุกโอกาส เพื่อลดจำนวนรองเท้าที่ต้องเตรียมไป 8 แยกของจำเป็นที่ต้องหยิบใช้บ่อย ๆ ไว้ในเป้ หรือกระเป๋าสะพาย เพราะบางทีเราอาจต้องเก็บกระเป๋าเดินทางไว้ท้ายรถ ทำให้หยิบใช้ลำบาก.เพียง 8 ขั้นตอนง่าย ๆ ลองปรับใช้ดูนะคะ . อย่าลืมสวมหน้ากากอนามัย และพกเจลล้างมือทุกครั้งที่ออกเดินทาง.สอบถามข้อมูลท่องเที่ยวเพิ่มเติมCall Center 1672IG : 1672travelbuddyTwitter : tat1672Line : @tatcontactcenterWeChat : VisitThailand

เคล็ด(ไม่)ลับ กับเทคนิคการจัดกระเป๋าก่อนไปเที่ยว อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top