ที่เที่ยวภาคเหนือ

เมืองคอง ในม่านหมอกฝน

🌿 เมืองคอง ตำบลหนึ่งในอำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ มีพื้นที่ติดต่อกับอุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง ดอยแม่ตะมาน และอำเภอเวียงแหง 🌿 เมืองคองในปัจจุบัน บรรยากาศคล้าย ๆ อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน เมื่อสมัยแรกเริ่ม เพราะตั้งอยู่บนพื้นที่ราบเล็ก ๆ กลางหุบเขา มีสายน้ำไหลผ่านหลายสาย เช่น แม่น้ำคอง แม่น้ำแม่แตง ชาวบ้านในพื้นที่ส่วนใหญ่ทำเกษตรกรรม และบางส่วนหันมาเปิดที่พักแบบโฮมสเตย์และรีสอร์ตให้บริการนักท่องเที่ยว 📌 พิกัด : https://maps.app.goo.gl/coQsvFwFYCnQ2hUb8 ช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวแนะนำ: สามารถไปเที่ยวได้ตลอดทั้งปี 🌧️ ระหว่างเดือนมิถุนายน-กันยายน (ฤดูฝน) ภูเขา ท้องทุ่งนาสีเขียว สดชื่น สบายตา❄️ ระหว่างเดือนตุลาคม-มกราคม (ฤดูหนาว) อากาศหนาวเย็น มีทะเลหมอก ฟ้าใส เห็นดาวยามค่ำคืนชัดเจน กิจกรรมที่ต้องห้ามพลาดเมื่อไปเที่ยวเมืองคอง✅ ถ่ายภาพบรรยากาศลำธาร ทุ่งนา และภูเขา✅ ชมทะเลหมอกและพระอาทิตย์ขึ้นในยามเช้า ณ จุดชมวิวเด่นทีวี✅ ล่องแพไม้ไผ่หรือล่องห่วงยางไปตามแม่น้ำแม่แตง การเดินทางไปเมืองคอง สามารถไปได้ทั้งรถยนต์ส่วนตัวและรถโดยสารประจำทาง แต่รถบัสใหญ่ไม่แนะนำ ลักษณะเส้นทางเป็นถนนลาดยางสวนกันสองเลนตลอดสาย เป็นทางขึ้นลงเขา บางช่วงเป็นทางโค้งและค่อนข้างชัน 🚗🚌 การเดินทางไปเมืองคองด้วยรถยนต์ 🚗จากตัวเมืองเชียงใหม่ ใช้ทางหลวงหมายเลข 107 ผ่าน อ.แม่ริม อ.แม่แตง จนถึงห้าแยกในตัว อ.เชียงดาว ให้เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงชนบท ชม. 3024 (ทางไปวัดถ้ำเชียงดาว) เส้นทางจากนี้จะเริ่มเป็นทางขึ้นลงเขา ลัดเลาะเชิงดอยหลวงเชียงดาว ผ่านบ้านนาเลาใหม่ จนถึงตำบลเมืองคอง ระยะทางห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ประมาณ 114 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทาง 3 ชั่วโมงกว่า ถ้านับจากตัวอำเภอเชียงดาว ระยะทางประมาณ 44 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.5-2 ชั่วโมง การเดินทางไปเมืองคองด้วยรถโดยสารประจำทาง 🚌(เชียงใหม่-ตัว อ.เชียงดาว) เริ่มต้นที่สถานีขนส่งช้างเผือก ให้ขึ้นรถเมล์สีส้ม สายเชียงใหม่-ท่าตอน สามารถซื้อตั๋วที่ช่องจำหน่ายในสถานีขนส่งช้างเผือก บอกเจ้าหน้าที่ว่าขอลง “โลตัส เชียงดาว” ค่าโดยสารที่นั่งละ 44 บ. รถเมล์สายนี้มีให้บริการตลอดทั้งวัน 06.00-18.00 น. รถออกทุก 30 นาที ใช้เวลาเดินทางจากตัวเมืองเชียงใหม่ 1-1.30 ชั่วโมง ถึงตัว อ.เชียงดาว เพราะต้องแวะรับ-ส่งผู้โดยสารตลอดทาง (ตัว อ.เชียงดาว-เมืองคอง) เมื่อลงรถเมล์สีส้มหน้าโลตัสเอ็กเพรส ในตัว อ.เชียงดาว ให้เดินตรงมาที่สี่แยกที่ใกล้ที่สุด แล้วเลี้ยวขวาตามป้ายที่เขียนว่าไปวัดอินทราราม พอเลี้ยวขวามาจะพบคิวรถสองแถวเชียงดาว-เมืองคอง จอดอยู่ริมถนนทางขวามือ รถสองแถวมีขึ้น-ลงวันละ 1 รอบเท่านั้น(ขาขึ้น) เชียงดาว-เมืองคอง ปกติรถออกเวลา 12.00 น.(ขาลง) เมืองคอง-เชียงดาว) รถออกเวลา 08.00 น.💸 ค่าโดยสารที่นั่งละ 150 บ. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2-2.5 ชั่วโมง เพราะอาจต้องแวะรับ-ส่งผู้โดยสารตลอดทาง ซึ่งรถสองแถวจะไปส่งและไปรับนักท่องเที่ยวถึงที่พักในเขต ต.เมืองคอง แนะนำควรมาถึงท่ารถสองแถวก่อนเวลา สัก 11.00-11.30 น. เผื่อรถออกจากท่าขึ้นดอยเร็ว ถ้าพลาดรถโดยสารก็ต้องหารถเหมาขึ้นดอยไปเอง ☎️ เบอร์โทรรถสองแถวเชียงดาว-เมืองคอง โทร. 09 8783 7217 (ป้าสมบุญ) สะพานมิตรภาพเมืองคอง เป็นจุดเช็กอินแรก ที่ทำให้รู้ว่าได้เดินทางมาถึงเมืองคองแล้ว ถนนเส้นหลักของเมืองคอง ช่วงฤดูฝนสองข้างทางจะมีนาข้าวและภูเขาเขียวขจีให้ได้ชม ที่พักสำหรับนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักจะตั้งอยู่ริมน้ำ หรือไม่ก็กลางทุ่งนา บรรยากาศใกล้ชิดนาข้าว ความเป็นธรรมชาติ และวิถีชีวิตที่เรียบง่าย ยังมีให้ได้เห็นที่เมืองคอง กิจกรรมล่องแพไม้ไผ่ในแม่น้ำแม่แตง ค่าล่องแพไม้ไผ่ แพละ 700 บาท 💸 เป็นราคามาตรฐานที่ทางชุมชนกำหนดไว้ นั่งได้ไม่เกิน 5 คน/แพ บนแพจะมีเก้าอี้ไม้เล็ก ๆ จัดให้นั่งบนแพไม้ไผ่อีกที แนะนำว่าควรล่องแพช่วงเวลา 3-4 โมงเย็น แสงกำลังสวย แดดร่มลมตก การล่องแพใช้เวลาประมาณ 1.30 ชั่วโมง กว่าจะล่องเสร็จก็ราว 5-6 โมงเย็น จะได้กลับถึงที่พักก่อนค่ำ แสงยามเย็นที่เมืองคองก่อนพระอาทิตย์ตกสวยมาก ในช่วงฤดูฝนมักเห็นมีหมอกขาวลอยปกคลุมทิวเขาตลอดเวลา จุดชมวิวเด่นทีวี เป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นและทะเลหมอกของเมืองคอง และยังมองเห็นดอยหลวงเชียงดาวได้อีกด้วย ที่มาของชื่อ “เด่นทีวี” มาจากเพราะสมัยก่อนเมืองคองไม่มีสัญญาณโทรคมนาคมต่าง ๆ การจะดูทีวีรายการสำคัญ ๆ เช่น ชกมวยชิงแชมป์โลก ชาวบ้านที่นี่จึงต้องหาจุดซึ่งสามารถรับสัญญาณทีวีได้ จนมาพบที่นี่ และได้ขนทีวีขึ้นมานั่งชมนั่งเชียร์รวมกันทั้งบ้าน จึงเป็นที่มาของชื่อจุดชมวิวนี้ การเดินทางขึ้นไปยังจุดชมวิวเด่นทีวี ซึ่งอยู่บนภูเขาห่างจากเขตชุมชนของเมืองคองประมาณ 8 กิโลเมตร ต้องใช้รถโฟร์วีลหรือจักรยานยนต์ เพราะเส้นทางวิบากขรุขระมาก สามารถติดต่อที่พักต่าง ๆ ในเมืองคองเพื่อช่วยจองรถโฟร์วีลรับ-ส่งไปยังจุดชมวิวได้ ราคามาตรฐานคนละ 150 บ. รถโฟร์วีลจะเริ่มรับนักท่องเที่ยวตามที่พักต่าง ๆ ระหว่างเวลา 05.00-05.30 น. บรรทุกได้ 7-10 คน/คัน และขับขึ้นไปบนเขาอีกประมาณ 30 นาที ถึงจุดชมวิว ใครที่อยากพักผ่อน ท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงบ เห็นวิวสวย ๆ ของภูเขา ทุ่งนา และลำธาร ลองมาเที่ยว “เมืองคอง” ในฤดูฝนดูสักครั้ง รับรองจะติดใจ

เมืองคอง ในม่านหมอกฝน อ่านเพิ่มเติม

แหล่งท่องเที่ยวประวัติศาสตร์สำคัญใน ‘เพชรบูรณ์’

ขอแนะนำ 2 แหล่งท่องเที่ยวประวัติศาสตร์สำคัญในเพชรบูรณ์ เริ่มที่ หอโบราณคดีเพ็ชรบูรณ์อินทราชัย ซึ่งให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับประวัติศาสตร์และโบราณคดีของจังหวัด เพื่อปูพื้นฐานความเข้าใจก่อนเดินทางต่อไปยัง อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ หอโบราณคดีเพ็ชรบูรณ์อินทราชัย ตั้งอยู่ในตัวเมืองเพชรบูรณ์ จัดแสดงเรื่องราวประวัติศาสตร์และโบราณคดีของจังหวัด ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ช่วยให้เข้าใจภาพรวมการตั้งถิ่นฐาน วิวัฒนาการสังคม และความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของพื้นที่ ก่อนจะไปศรีเทพ หอฯ นี้ยังได้รับรางวัล Hall of Fame จาก ททท. สำหรับแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับรางวัลยอดเยี่ยม (Gold Awards) 3 ครั้งติดต่อกัน แสดงถึงมาตรฐานการท่องเที่ยวที่ยอดเยี่ยม ⏰ เวลาทำการ: จันทร์ – ศุกร์: 08:30 – 16:30 น.เสาร์ – อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์: 09:30 – 15:30 น.☎️ โทร: 0 5672 1523💸 ค่าเข้าชม: ฟรี📌 พิกัด: https://maps.app.goo.gl/Fz97TMgK9kZDiEes6 อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ ห่างจากหอโบราณคดีฯ ประมาณ 128 กม. (เส้นทางกลับกรุงเทพฯ) ศรีเทพคือเมืองโบราณกว่า 1,500 ปี และได้รับการประกาศเป็น มรดกโลกแห่งใหม่ของไทยโดย UNESCO ในปี 2566 ไฮไลต์:✨ เขาคลังนอก: ศาสนสถานทวารวดีขนาดใหญ่พร้อมปูนปั้นงดงาม✨ เขาคลังใน: โบราณสถานสำคัญกลางเมือง คาดว่าเป็นศาสนสถานประจำเมือง✨ ปรางค์ศรีเทพและปรางค์สองพี่น้อง: ศาสนสถานศิลปะขอมที่แสดงอิทธิพลทางวัฒนธรรม การเยี่ยมชมศรีเทพจะทำให้ได้สัมผัสความยิ่งใหญ่ของอารยธรรมโบราณ ทั้งสถาปัตยกรรม ศิลปกรรม และความเชื่อ สะท้อนความรุ่งเรืองในอดีต มีบริการรถรางภายในอุทยานฯ ⏰ เวลาทำการ: เปิดทุกวัน เวลา 08:00 – 16:30 น.💸 ค่าเข้าชม: ชาวไทย 20 บาท, ชาวต่างชาติ 120 บาท | รถยนต์ 50 บาท☎️ โทร: 0 5692 1322, 0 5692 1354📌 พิกัด: https://maps.app.goo.gl/hmUeowxUEHQcMFkU9

แหล่งท่องเที่ยวประวัติศาสตร์สำคัญใน ‘เพชรบูรณ์’ อ่านเพิ่มเติม

สะปัน-ห้วยโทน-ห้วยหมี Nan in Green Season

เมื่อก้าวเข้าสู่ฤดูฝน เชื่อได้ว่าหนึ่งในจุดหมายปลายทางอันดับต้น ๆ ของนักท่องเที่ยว คือ จังหวัดน่าน ด้วยภาพจำอันโดดเด่นของภูเขาสูงชัน ทุ่งนาสีเขียว และสายน้ำชุ่มฉ่ำ ทำให้หลายต่อหลายคนหลงเสน่ห์เมืองน่านในช่วง Green Season บัดดี้ชวนเพื่อน ๆ ไปเที่ยวน่านในเส้นทางบ้านสะปัน-บ้านห้วยโทน-บ้านห้วยหมี เป็นเส้นทางท่องเที่ยวแบบวงกลมตามเข็มนาฬิกา อาจจัดทริป 3 วัน 2 คืนก็ได้ เช่น นอนบ้านสะปัน 1 คืน จากนั้นไปนอนที่บ้านห้วยโทนหรือบ้านห้วยหมีอีก 1 คืน ในรีวิวยังมีข้อมูลการเดินทางทั้งรถยนต์ รถโดยสารประจำทาง และรถขับเคลื่อนสี่ล้อ หากต้องการเที่ยวเป็นวงกลม แนะนำให้เริ่มจากตัวเมืองน่าน-อ.ปัว-ทางหลวงหมายเลข 1256-จุดชมวิวดอยภูคา 1715-อ.บ่อเกลือ-บ้านสะปัน-บ้านห้วยโทน-บ้านห้วยหมี-ทางหลวงหมายเลข 1081-โค้งพับผ้า-ถนนเลข 3-ตัวเมืองน่าน การไปเที่ยวให้ครบทั้ง 3 หมู่บ้าน ได้แก่ บ้านสะปัน บ้านห้วยโทน และบ้านห้วยหมี ในทริปเดียว แนะนำให้เริ่มที่บ้านสะปันก่อน โดยอาจจัดทริปแบบนอนค้างที่บ้านสะปันสัก 1 คืน จากนั้นวันถัดมาค่อยขึ้นเขาไปเที่ยวและพักที่บ้านห้วยโทนหรือบ้านห้วยหมี รถยนต์ สามารถไปได้ 2 เส้นทาง คือ เส้นทางที่ 1 จากตัวเมืองน่าน ใช้ทางหลวงหมายเลข 101 ผ่าน อ.ท่าวังผา จนถึง อ.ปัว และจากสามแยก อ.ปัว ให้แยกไปทางขวาใช้ทางหลวงหมายเลข 1256 ข้ามดอยภูคา ผ่านอุทยานแห่งชาติดอยภูคา จนถึงสามแยก อ.บ่อเกลือ จากนั้นเลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 1081 ตรงไปอีก 8 กิโลเมตร จะพบแยกขวามือเลี้ยวเข้าบ้านสะปัน ระยะทางรวมประมาณ 115 กิโลเมตร และตรงขึ้นเข้าในหมู่บ้านสะปันไปอีกประมาณ 5-10 กิโลเมตร จะถึงบ้านห้วยหมีและบ้านห้วยโทน เส้นทางที่ 2 จากตัวเมืองน่าน ใช้ทางหลวงหมายเลข 1169 ผ่าน อ. สันติสุข ต่อด้วยทางหลวงหมายเลข 1081 (ผ่านจุดชมวิวถนนหมายเลข 3) จนถึง อ. บ่อเกลือ (จุดนี้จะมาบรรจบกับเส้นทางที่ 1 ที่มาจากดอยภูคา) และเลยตัว อ.บ่อเกลือไปอีก 8 กิโลเมตร จะพบแยกขวามือเลี้ยวเข้าหมู่บ้านสะปัน ระยะทางรวมประมาณ 95 กิโลเมตร และตรงขึ้นเข้าในหมู่บ้านสะปันไปอีกประมาณ 5-10 กิโลเมตร จะถึงบ้านห้วยหมีและบ้านห้วยโทน พิกัดบ้านสะปัน : https://maps.app.goo.gl/7LXbnuemGnkQjsSq5พิกัดบ้านห้วยโทน : https://maps.app.goo.gl/GD1CrA9WT8uuKPHt9พิกัดบ้านห้วยหมี : https://maps.app.goo.gl/STwDhrevnrbf88zY7 การเดินทางจากตัวเมืองน่าน-บ้านสะปัน โดยรถโดยสารประจำทาง (ต่อที่ 1 ตัวเมืองน่าน-อ.ปัว)จากสถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดน่าน มีรถสองแถว (สีฟ้า) สายน่าน-ท่าวังผา-ปัว ให้บริการตั้งแต่เช้า 07.00 น. เป็นต้นไปจนถึงช่วงเย็น รถออกจาสถานีขนส่งฯ ทุก 30 นาที ค่าโดยสาร คนละ 50 บ. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1-1.30 ชั่วโมง เพราะรถจะวิ่งจอดรับ-ส่งผู้โดยสารไปตลอดทาง ปลายทางรถสองแถวจะไปสุดสายที่ท่ารถซึ่งตั้งอยู่ริมทางหลวงหมายเลข 1081 หลังตลาดเทศบาลปัวและข้างสนามกีฬา หากนั่งรถทัวร์มาจากกรุงเทพฯ แนะนำให้ซื้อตั๋วเลือกลงที่สถานีขนส่งผู้โดยสารอำเภอปัว (เช่น สมบัติทัวร์, บขส.) จากนั้นนั่งจักรยานยนต์รับจ้าง หรือสองแถวจากตัวเมืองน่านที่จะแวะเข้าไปรับผู้โดยสารในสถานีขนส่งฯ มาลงยังท่ารถสองแถว (สีกรมท่า) สายปัว-บ่อเกลือ (ต่อที่ 2 อ. ปัว – อ.บ่อเกลือ)รถสองแถว (สีกรมท่า) สายปัว-บ่อเกลือ ท่ารถจอดอยู่ข้างกันกับท่ารถสองแถว (สีฟ้า) สายปัว-ท่าวังผา-น่าน ริมทางหลวงหมายเลข 1081 ด้านหลังตลาดเทศบาลปัว ส่วนท่ารถที่ตัว อ.บ่อเกลือ ตั้งอยู่ริมทางหลวงหมายเลข 1081 เลยจากสามแยกตัว อ.บ่อเกลือ ไปทาง อ.เฉลิมพระเกียรติ ประมาณ 100 เมตร รอบเวลารถ ดังนี้ ปัว – บ่อเกลือเวลา 07.30 น./09.30 น./11.30 น.(รอบสุดท้ายอาจงดวิ่ง หากไม่มีผู้โดยสาร) บ่อเกลือ – ปัวเวลา 09.00 น./10.30 น./12.30 น.(รอบสุดท้ายอาจงดวิ่ง หากไม่มีผู้โดยสาร) ค่าโดยสาร ที่นั่งละ 80 บ.การเดินทางด้วยรถสองแถวจาก อ.ปัว – อ.บ่อเกลือ – บ้านสะปัน ใช้เวลาประมาณ 1.30 ชั่วโมงเบอร์โทรรถสองแถว (สีกรมท่า) ปัว-บ่อเกลือ โทร. 08 0794 4893, 08 0913 3554, 08 9835 6884 ทางหลวงหมายเลข 1256 (ปัว-บ่อเกลือ) ช่วงที่เป็น “ถนนลอยฟ้า” คือเป็นช่วงที่ถนนตัดผ่านบนสันเขา สองข้างทาง มองเห็นทิวทัศน์สวยงาม มุมโดรนจะยิ่งเห็น ถนนลอยฟ้าได้ชัดเจน จุดนี้ (รูปกลาง) ถ้ามาจาก อ.ปัว จะอยู่ประมาณช่วงหลักกิโลเมตรที่ 22 ของทางหลวงหมายเลข 1256 ช่วงที่ถ่ายนี้ คือ กลางเดือนมิถุนายน ที่ผ่านมา เพิ่งเข้าสู่ฤดูฝนได้ไม่นาน ภูเขาและต้นไม้ใบหญ้าจึงยังไม่เขียวเต็มพื้นที่ จุดชมวิว 1715 ดอยภูคา ตั้งอยู่ริมทางหลวงหมายเลข 1256 เป็นจุดพักรถระหว่างทางจากปัว-บ่อเกลือ มีห้องน้ำให้บริการด้วย และบริเวณถนนอีกฝั่งของจุดชมวิวดอยภูคา

สะปัน-ห้วยโทน-ห้วยหมี Nan in Green Season อ่านเพิ่มเติม

ชวนไปไหว้พระ 9 วัด ในเขตตัวเมืองน่าน

✨ ชวนไปไหว้พระ 9 วัด ในเขตตัวเมืองน่าน ที่สามารถเดินทางไปให้ครบได้ภายในวันเดียว บางวัดตั้งอยู่ใกล้กัน สามารถเดินถึงกันได้ บางวัดอาจต้องขับรถออกไปสักเล็กน้อย แต่ไม่เกิน 5 กิโลเมตรจากตัวเมือง 📌 วัดภูมินทร์ เดิมวัดนี้ชื่อว่า “วัดพรหมมินทร์” ตามพงศาวดารของเมืองน่าน พระเจ้าเจตบุตรพรหมมินทร์ เจ้าผู้ครองนครน่าน ได้สร้างวัดภูมินทร์ขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2139 หลังจากที่ครองนครน่านได้ 6 ปี ต่อมาได้รับการบูรณะครั้งใหญ่เมื่อปี พ.ศ. 2410 โดยพระเจ้าอนันตวรฤทธิเดช สันนิษฐานว่าภาพจิตรกรรมฝาผนังในวิหารหลวงคงจะวาดขึ้นในสมัยที่มีการซ่อมแซมครั้งนี้ วัดภูมินทร์เป็นวัดที่สร้างทรงจัตุรมุขหนึ่งเดียวในประเทศไทย มีประติมากรรมนาคสะดุ้งตัวใหญ่ 2 ตัวเทินพระอุโบสถไว้ ตัวอาคารเป็นทั้งพระอุโบสถ พระวิหาร และพระเจดีย์ประธาน โดยใช้อาคารในแนวตะวันออก-ตะวันตกเป็นพระวิหาร และอาคารแนวเหนือ-ใต้เป็นพระอุโบสถ รัฐบาลไทยเคยพิมพ์รูปวัดภูมินทร์ในธนบัตรใบละ 1 บาท ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ภายในพระอุโบสถประดิษฐานพระประธานจตุรทิศ เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย 4 องค์ หันพระพักตร์ออกสู่ประตูทั้งสี่ทิศ ผนังด้านในพระอุโบสถมีภาพจิตรกรรม (ฮูปแต้ม) เป็นภาพแสดงเรื่องชาดก ภาพวิถีชีวิตความเป็นอยู่ และภาพตำนานพื้นบ้านของชาวเมืองน่าน ภาพปู่ม่าน ย่าม่าน นับเป็นจิตรกรรมฝาผนังที่มีความสมบูรณ์ หาดูได้ยาก และเป็นภาพที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของวัดภูมินทร์ ตั้งอยู่ถนนผากอง ตำบลในเวียง อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่านพิกัด : https://maps.app.goo.gl/VumLFJYN6ijxoZaZ7 📌 วัดศรีพันต้น สร้างโดยพญาพันต้น เจ้าผู้ครองนครน่านแห่งราชวงศ์ภูคา (ครองนครน่านระหว่างปี พ.ศ. 1960-1969) บางสมัยเรียกว่า “วัดสลีพันต้น” คำว่า “สลี” หมายถึง ต้นโพธิ์ ซึ่งในอดีตมีต้นโพธิ์ใหญ่อยู่ด้านทิศเหนือและทิศใต้ของวัด ภายในวัดมีพระวิหารสีทองตั้งเด่นเป็นสง่า มีสถาปัตยกรรมปูนปั้นที่สวยงาม โดยเฉพาะพญานาคเจ็ดเศียรเฝ้าบันไดหน้าพระวิหาร สีทองเหลืองอร่ามสวยงามตระการตา เป็นฝีมือช่างเมืองน่าน ชื่อนายอนุรักษ์ สมศักดิ์ หรือ “สล่ารง” ภายในพระวิหารมีการเขียนภาพลายเส้นพุทธประวัติของพระพุทธเจ้าและประวัติการกำเนิดเมืองน่าน เป็นผลงานจิตรกรรมของช่างเมืองน่านเช่นกัน ตั้งอยู่ริมถนนเจ้าฟ้า ตำบลในเวียง อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่านพิกัด : https://maps.app.goo.gl/TZA1cgroBUUFq1wT9 📌 วัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร เดิมเรียก “วัดหลวง” หรือ “วัดหลวงกลางเวียง” สร้างขึ้นในสมัยเจ้าปู่แข็ง ราวปี พ.ศ. 1949 เป็นวัดหลวงในเขตนครน่าน สำหรับเจ้าผู้ครองนครใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีสำคัญทางพุทธศาสนาและพิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยา ตามศิลาจารึกหลักที่ 74 ซึ่งถูกค้นพบภายในวัดกล่าวว่า พญาพลเทพฤๅชัย เจ้าเมืองน่าน ได้ปฏิสังขรณ์บูรณะวิหารหลวงเมื่อปั พ.ศ. 2091 ลักษณะสถาปัตยกรรมของวัดพระธาตุช้างค้ำนี้สะท้อนให้เห็นอิทธิพลของศิลปะสุโขทัย เช่น เจดีย์ทรงลังกา (ทรงระฆัง) รอบฐานองค์พระเจดีย์ก่ออิฐถือปูนและปั้นเป็นรูปช้างครึ่งตัว ด้านละ 5 เชือก และที่มุมทั้งสี่อีก 4 เชือก ดูคล้ายจะเอาหลังหนุน หรือ “ค้ำ” องค์พระเจดีย์ไว้ ลักษณะคล้ายวัดช้างล้อม จังหวัดสุโขทัย ภายในวิหารประดิษฐานพระประธานเป็นปูนปั้นขนาดใหญ่ ศิลปะเชียงแสน ฝีมือสกุลช่างเมืองน่านที่มีพุทธลักษณะงดงามยิ่ง และใกล้กันยังมีอีกพระวิหารหนึ่ง ภายในประดิษฐาน พระพุทธนันทบุรีศรีศากยมุนี พระพุทธรูปสัมฤทธิ์ปางประทานอภัย สูง 1.45 เมตร อายุราวครึ่งหลังพุทธศตวรรษที่ 19 ตรงกับสมัยสุโขทัยตอนปลาย ส่วนผสมของทองคำร้อยละ 65 พุทธลักษณะงดงามเช่นกัน ตั้งอยู่ถนนสุริยพงษ์ ตำบลในเวียง อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่านพิกัด : https://maps.app.goo.gl/dfLuu2aq94sDQgh77 📌 วัดมิ่งเมือง ภายในวัดเป็นที่ประดิษฐานเสาหลักเมืองของจังหวัดน่าน อยู่ในศาลาจัตุรมุขด้านหน้าพระอุโบสถ เสาหลักเมืองมีความสูง 3 เมตร ฐานประดับด้วยไม้แกะลวดลายลงรักปิดทอง ยอดเสาแกะสลักเป็นรูปพรหมพักตร์ มีชื่อว่า เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา เดิมวัดแห่งนี้เป็นวัดร้าง สันนิษฐานว่าสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2400 มีการพบเสาหลักเมืองที่เป็นท่อนซุงขนาดใหญ่สองคนโอบ ต่อมาเจ้าอนันตวรฤทธิเดช เจ้าผู้ครองนครน่านได้สถาปนาวัดขึ้นมาใหม่ และตั้งชื่อว่า “วัดมิ่งเมือง” ตามชื่อที่เรียกเสาหลักเมืองว่า “เสามิ่งเมือง” ต่อมาในปี พ.ศ. 2527 มีการรื้อถอนและสร้างพระอุโบสถหลังใหม่เป็นแบบล้านนาร่วมสมัยดังที่ปรากฎในปัจจุบัน ลักษณะเด่นคือลายปูนปั้นที่ผนังด้านนอกของพระอุโบสถ เป็นฝีมือตระกูลช่างเชียงแสน มีความวิจิตรงดงามมาก ภายในมีภาพจิตรกรรมฝาผนังแสดงให้เห็นวิถีชีวิตของชาวเมืองน่าน ฝีมือช่างท้องถิ่นยุคปัจจุบัน ตั้งอยู่ริมถนนสุริยพงษ์ ตำบลในเวียง อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่านพิกัด : https://maps.app.goo.gl/1Jr4cF8uxvv3FMMu9 📌 วัดหัวข่วง วัดนี้ไม่ปรากฏว่าสร้างมาตั้งแต่สมัยใด มีเพียงหลักฐานว่าได้รับการบูรณะราวปี พ.ศ. 2425 โดยเจ้าอนันตวรฤทธิเดช เจ้าผู้ครองนครน่าน และมีการบูรณะอีกครั้งราวปี พ.ศ. 2472 ในสมัยเจ้ามหาพรหมสุรธาดา เจ้าผู้ครองน่านองค์สุดท้าย จากนั้นในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2533 กรมศิลปากรได้ส่งเจ้าหน้าที่มาบูรณะเจดีย์วัดหัวข่วง และประกาศเป็นโบราณสถานของชาติ สิ่งที่น่าสนใจภายในวัด ได้แก่ หอธรรมหรือหอไตร เป็นอาคารที่มีลักษณะทรงสี่เหลี่ยมจตุรมุขใต้ถุนก่อทึบทรงสี่เหลี่ยมยอดเป็นรูปเต้าสลักลายลงรักปิดทองประดับกระจก ใช้เป็นสถานที่เก็บคัมภีร์โบราณและพระไตรปิฏก พระเจดีย์วัดหัวข่วง ลักษณะของเจดีย์เป็นทรงเรือนธาตุแบบศิลปะล้านนา มีการดัดแปลงของช่างฝีมือของชาวน่าน จากลักษณะสถาปัตยกรรมพออนุมานได้ว่าน่าจะสร้างขึ้นในประมาณปี พ.ศ. 2200 พระวิหารของวัด เป็นอาคารทรงจั่วมีหน้าบันประดับลวดลายไม้จำหลักรูปพรรณพฤกษา ประตูหน้าต่างประดับลายปูนปั้นคล้ายกับใบผักกาด มีการเรียนแบบศิลปะตะวันตก แสดงให้เห็นว่าอดีตนครน่านก็มีการติดกับกลุ่มชาวตะวันตกทำให้วิหารที่นี่ค่อนข้างแตกต่างกับที่อื่น ๆ นอกจากนี้ภายในวิหารยังประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัย ลักษณะพุทธศิลป์แบบล้านนา และยังเป็นพระประธานเบี่ยงซ้ายแห่งเดียวในประเทศไทยด้วย ตั้งอยู่ริมถนนมหาพรหม ตำบลในเวียง อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่านพิกัด : https://maps.app.goo.gl/om6Ezqn7qUosXDrR9 📌 วัดสวนตาล วัดนี้สร้างขึ้นโดยพระนางปทุมวดี เมื่อปี พ.ศ. 1770 ภายในพระวิหารประดิษฐานพระพุทธรูปที่สำคัญคือ พระเจ้าทองทิพย์ ซึ่งพระเจ้าติโลกราชแห่งนครเชียงใหม่ โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นใน พ.ศ. 1992 เป็นพระพุทธรูปทองสัมฤทธิ์องค์ใหญ่ปางมารวิชัย มีงานนมัสการและสรงน้ำองค์พระเป็นประจำทุกปีในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ด้านหลังพระวิหารมีองค์พระเจดีย์ มีสัณฐานงดงาม ชั้นล่างมีซุ้มประตูทั้งสี่ทิศ จากภาพถ่ายในหอจดหมายเหตุแห่งชาติ รูปเจดีย์วัดสวนตาลก่อนการบูรณะในสมัยพระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดชฯ (ตรงกับรัชกาลที่

ชวนไปไหว้พระ 9 วัด ในเขตตัวเมืองน่าน อ่านเพิ่มเติม

ชวนไปไหว้พระ 9 วัด เมืองน่าน

ชวนไปไหว้พระ 9 วัด ในเขตตัวเมืองน่าน ที่สามารถเดินทางไปให้ครบได้ภายในวันเดียว บางวัดตั้งอยู่ใกล้กัน สามารถเดินถึงกันได้ บางวัดอาจต้องขับรถออกไปสักเล็กน้อย แต่ไม่เกิน 5 กิโลเมตรจากตัวเมือง ใครที่กำลังจะไปเที่ยวจังหวัดน่าน และวางแผนแวะเที่ยวในตัวเมืองน่าน อย่าลืมหาโอกาสตามรอยนะคะ 📌 วัดภูมินทร์ เดิมวัดนี้ชื่อว่า “วัดพรหมมินทร์” ตามพงศาวดารของเมืองน่าน พระเจ้าเจตบุตรพรหมมินทร์ เจ้าผู้ครองนครน่าน ได้สร้างวัดภูมินทร์ขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2139 หลังจากที่ครองนครน่านได้ 6 ปี ต่อมาได้รับการบูรณะครั้งใหญ่เมื่อปี พ.ศ. 2410 โดยพระเจ้าอนันตวรฤทธิเดช สันนิษฐานว่าภาพจิตรกรรมฝาผนังในวิหารหลวงคงจะวาดขึ้นในสมัยที่มีการซ่อมแซมครั้งนี้ วัดภูมินทร์เป็นวัดที่สร้างทรงจัตุรมุขหนึ่งเดียวในประเทศไทย มีประติมากรรมนาคสะดุ้งตัวใหญ่ 2 ตัวเทินพระอุโบสถไว้ ตัวอาคารเป็นทั้งพระอุโบสถ พระวิหาร และพระเจดีย์ประธาน โดยใช้อาคารในแนวตะวันออก-ตะวันตกเป็นพระวิหาร และอาคารแนวเหนือ-ใต้เป็นพระอุโบสถ รัฐบาลไทยเคยพิมพ์รูปวัดภูมินทร์ในธนบัตรใบละ 1 บาท ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ภายในพระอุโบสถประดิษฐานพระประธานจตุรทิศ เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย 4 องค์ หันพระพักตร์ออกสู่ประตูทั้งสี่ทิศ ผนังด้านในพระอุโบสถมีภาพจิตรกรรม (ฮูปแต้ม) เป็นภาพแสดงเรื่องชาดก ภาพวิถีชีวิตความเป็นอยู่ และภาพตำนานพื้นบ้านของชาวเมืองน่าน ภาพปู่ม่าน ย่าม่าน นับเป็นจิตรกรรมฝาผนังที่มีความสมบูรณ์ หาดูได้ยาก และเป็นภาพที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของวัดภูมินทร์ 📌 ถนนผากอง ตำบลในเวียง อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่านhttps://maps.app.goo.gl/VumLFJYN6ijxoZaZ7 📌 วัดศรีพันต้น สร้างโดยพญาพันต้น เจ้าผู้ครองนครน่านแห่งราชวงศ์ภูคา (ครองนครน่านระหว่างปี พ.ศ. 1960-1969) บางสมัยเรียกว่า “วัดสลีพันต้น” คำว่า “สลี” หมายถึง ต้นโพธิ์ ซึ่งในอดีตมีต้นโพธิ์ใหญ่อยู่ด้านทิศเหนือและทิศใต้ของวัด ภายในวัดมีพระวิหารสีทองตั้งเด่นเป็นสง่า มีสถาปัตยกรรมปูนปั้นที่สวยงาม โดยเฉพาะพญานาคเจ็ดเศียรเฝ้าบันไดหน้าพระวิหาร สีทองเหลืองอร่ามสวยงามตระการตา เป็นฝีมือช่างเมืองน่าน ชื่อนายอนุรักษ์ สมศักดิ์ หรือ “สล่ารง” ภายในพระวิหารมีการเขียนภาพลายเส้นพุทธประวัติของพระพุทธเจ้าและประวัติการกำเนิดเมืองน่าน เป็นผลงานจิตรกรรมของช่างเมืองน่านเช่นกัน 📌 ริมถนนเจ้าฟ้า ตำบลในเวียง อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่านhttps://maps.app.goo.gl/TZA1cgroBUUFq1wT9 📌 วัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร เดิมเรียก “วัดหลวง” หรือ “วัดหลวงกลางเวียง” สร้างขึ้นในสมัยเจ้าปู่แข็ง ราวปี พ.ศ. 1949 เป็นวัดหลวงในเขตนครน่าน สำหรับเจ้าผู้ครองนครใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีสำคัญทางพุทธศาสนาและพิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยา ตามศิลาจารึกหลักที่ 74 ซึ่งถูกค้นพบภายในวัดกล่าวว่า พญาพลเทพฤๅชัย เจ้าเมืองน่าน ได้ปฏิสังขรณ์บูรณะวิหารหลวงเมื่อปั พ.ศ. 2091 ลักษณะสถาปัตยกรรมของวัดพระธาตุช้างค้ำนี้สะท้อนให้เห็นอิทธิพลของศิลปะสุโขทัย เช่น เจดีย์ทรงลังกา (ทรงระฆัง) รอบฐานองค์พระเจดีย์ก่ออิฐถือปูนและปั้นเป็นรูปช้างครึ่งตัว ด้านละ 5 เชือก และที่มุมทั้งสี่อีก 4 เชือก ดูคล้ายจะเอาหลังหนุน หรือ “ค้ำ” องค์พระเจดีย์ไว้ ลักษณะคล้ายวัดช้างล้อม จังหวัดสุโขทัย ภายในวิหารประดิษฐานพระประธานเป็นปูนปั้นขนาดใหญ่ ศิลปะเชียงแสน ฝีมือสกุลช่างเมืองน่านที่มีพุทธลักษณะงดงามยิ่ง และใกล้กันยังมีอีกพระวิหารหนึ่ง ภายในประดิษฐาน พระพุทธนันทบุรีศรีศากยมุนี พระพุทธรูปสัมฤทธิ์ปางประทานอภัย สูง 1.45 เมตร อายุราวครึ่งหลังพุทธศตวรรษที่ 19 ตรงกับสมัยสุโขทัยตอนปลาย ส่วนผสมของทองคำร้อยละ 65 พุทธลักษณะงดงามเช่นกัน 📌 ถนนสุริยพงษ์ ตำบลในเวียง อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่านhttps://maps.app.goo.gl/dfLuu2aq94sDQgh77 📌 วัดมิ่งเมือง ภายในวัดเป็นที่ประดิษฐานเสาหลักเมืองของจังหวัดน่าน อยู่ในศาลาจัตุรมุขด้านหน้าพระอุโบสถ เสาหลักเมืองมีความสูง 3 เมตร ฐานประดับด้วยไม้แกะลวดลายลงรักปิดทอง ยอดเสาแกะสลักเป็นรูปพรหมพักตร์ มีชื่อว่า เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา เดิมวัดแห่งนี้เป็นวัดร้าง สันนิษฐานว่าสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2400 มีการพบเสาหลักเมืองที่เป็นท่อนซุงขนาดใหญ่สองคนโอบ ต่อมาเจ้าอนันตวรฤทธิเดช เจ้าผู้ครองนครน่านได้สถาปนาวัดขึ้นมาใหม่ และตั้งชื่อว่า “วัดมิ่งเมือง” ตามชื่อที่เรียกเสาหลักเมืองว่า “เสามิ่งเมือง” ต่อมาในปี พ.ศ. 2527 มีการรื้อถอนและสร้างพระอุโบสถหลังใหม่เป็นแบบล้านนาร่วมสมัยดังที่ปรากฎในปัจจุบัน ลักษณะเด่นคือลายปูนปั้นที่ผนังด้านนอกของพระอุโบสถ เป็นฝีมือตระกูลช่างเชียงแสน มีความวิจิตรงดงามมาก ภายในมีภาพจิตรกรรมฝาผนังแสดงให้เห็นวิถีชีวิตของชาวเมืองน่าน ฝีมือช่างท้องถิ่นยุคปัจจุบัน 📌 ริมถนนสุริยพงษ์ ตำบลในเวียง อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่านhttps://maps.app.goo.gl/1Jr4cF8uxvv3FMMu9 📌 วัดหัวข่วง วัดนี้ไม่ปรากฏว่าสร้างมาตั้งแต่สมัยใด มีเพียงหลักฐานว่าได้รับการบูรณะราวปี พ.ศ. 2425 โดยเจ้าอนันตวรฤทธิเดช เจ้าผู้ครองนครน่าน และมีการบูรณะอีกครั้งราวปี พ.ศ. 2472 ในสมัยเจ้ามหาพรหมสุรธาดา เจ้าผู้ครองน่านองค์สุดท้าย จากนั้นในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2533 กรมศิลปากรได้ส่งเจ้าหน้าที่มาบูรณะเจดีย์วัดหัวข่วง และประกาศเป็นโบราณสถานของชาติ สิ่งที่น่าสนใจภายในวัด ได้แก่ หอธรรมหรือหอไตร เป็นอาคารที่มีลักษณะทรงสี่เหลี่ยมจตุรมุขใต้ถุนก่อทึบทรงสี่เหลี่ยมยอดเป็นรูปเต้าสลักลายลงรักปิดทองประดับกระจก ใช้เป็นสถานที่เก็บคัมภีร์โบราณและพระไตรปิฏก พระเจดีย์วัดหัวข่วง ลักษณะของเจดีย์เป็นทรงเรือนธาตุแบบศิลปะล้านนา มีการดัดแปลงของช่างฝีมือของชาวน่าน จากลักษณะสถาปัตยกรรมพออนุมานได้ว่าน่าจะสร้างขึ้นในประมาณปี พ.ศ. 2200 พระวิหารของวัด เป็นอาคารทรงจั่วมีหน้าบันประดับลวดลายไม้จำหลักรูปพรรณพฤกษา ประตูหน้าต่างประดับลายปูนปั้นคล้ายกับใบผักกาด มีการเรียนแบบศิลปะตะวันตก แสดงให้เห็นว่าอดีตนครน่านก็มีการติดกับกลุ่มชาวตะวันตกทำให้วิหารที่นี่ค่อนข้างแตกต่างกับที่อื่น ๆ นอกจากนี้ภายในวิหารยังประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัย ลักษณะพุทธศิลป์แบบล้านนา และยังเป็นพระประธานเบี่ยงซ้ายแห่งเดียวในประเทศไทยด้วย 📌 ริมถนนมหาพรหม ตำบลในเวียง อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่านhttps://maps.app.goo.gl/om6Ezqn7qUosXDrR9 📌 วัดสวนตาล วัดนี้สร้างขึ้นโดยพระนางปทุมวดี เมื่อปี พ.ศ. 1770 ภายในพระวิหารประดิษฐานพระพุทธรูปที่สำคัญคือ พระเจ้าทองทิพย์ ซึ่งพระเจ้าติโลกราชแห่งนครเชียงใหม่ โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นใน พ.ศ. 1992 เป็นพระพุทธรูปทองสัมฤทธิ์องค์ใหญ่ปางมารวิชัย มีงานนมัสการและสรงน้ำองค์พระเป็นประจำทุกปีในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ด้านหลังพระวิหารมีองค์พระเจดีย์ มีสัณฐานงดงาม ชั้นล่างมีซุ้มประตูทั้งสี่ทิศ จากภาพถ่ายในหอจดหมายเหตุแห่งชาติ

ชวนไปไหว้พระ 9 วัด เมืองน่าน อ่านเพิ่มเติม

7 พิกัด แอ่วเมืองอุตรดิตถ์

ถ้านึกถึงอุตรดิตถ์…เชื่อว่าหลาย ๆ คน จะต้องนึกถึง “ลับแล” เมืองที่มีประวัติความเป็นมาอย่างยาวนาน มีตำนานเล่าขานกันมาว่าเป็นเมืองที่ห้ามพูดโกหก และยังเป็นบ้านเกิดของพระยาพิชัยดาบหัก วีรบุรุษผู้กล้าหาญในสมัยกรุงธนบุรี ✨ อุตรดิตถ์…จังหวัดเล็ก ๆ ทางภาคเหนือที่ใครหลายคนอาจยังไม่เคยไปเยือนและหลายคนอาจจะยังไม่รู้จักว่าเมืองแห่งนี้…แท้ที่จริงแล้วมีเสน่ห์ มีแหล่งท่องเที่ยวและเรื่องราวที่น่าสนใจอยู่มากมาย ที่รอให้เพื่อน ๆ ลองไปเที่ยว ไปชิมเมนูอาหารถิ่นอย่างข้าวแคบ ข้าวพันผัก และไปเปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ ที่ยังไม่เคยลองทำกัน 💚 📌 สะพานปรมินทร์ ตั้งอยู่บ้านดารา อำเภอพิชัย ก่อสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 เมื่อปี พ.ศ. 2449 เป็นสะพานรถไฟที่ใหญ่ที่สุดของทางรถไฟสายเหนือ สร้างข้ามแม่น้ำน่านก่อนถึงสถานีรถไฟชุมทางบ้านดารา พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ได้ทรงประกอบพระราชพิธีเปิด เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2452 และพระราชทานนามว่า “สะพานปรมินทร์” ต่อมาระหว่างปี พ.ศ. 2485-2488 ประเทศไทยเข้าสู่ภาวะสงครามโลกครั้งที่ 2 (สงครามมหาเอเชียบูรพา) จากการทิ้งระเบิด ทำให้สะพานปรมินทร์พังเสียหาย ภายหลังสงครามสิ้นสุดจึงได้บูรณะให้เป็นสะพานเหล็ก แล้วเสร็จเมื่อปี พ.ศ. 2496 และมีการปรับปรุงภูมิทัศน์บริเวณใต้สะพานเป็นสวนสาธารณะริมน้ำน่าน เพื่อให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวได้มาพักผ่อนหย่อนใจ ☎️ 0 5545 2241https://maps.app.goo.gl/LV9X1xmaKErYfbUK8 📌 วัดพระบรมธาตุทุ่งยั้ง ตั้งอยู่บ้านทุ่งยั้ง ตำบลทุ่งยั้ง อำเภอลับแล เป็นวัดเก่าแก่และมีตำนานเล่าขานเกี่ยวกับการเสด็จมาของพระพุทธเจ้า มีวิหารแบบล้านนา หลังคาซ้อนกัน 3 ชั้น ภายในประดิษฐาน “หลวงพ่อประธานเฒ่า” พระประธาน ซึ่งเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยศิลปะเชียงแสน และมีจิตรกรรมฝาผนังเก่าแก่บอกเล่าเรื่องราวของพระสังข์ทอง ด้านหลังวิหารมีองค์เจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า เป็นแบบลังกาทรงกลม ฐานเป็นรูปสี่เหลี่ยม 3 ชั้น ฐานล่างมีเจดีย์องค์เล็ก ๆ เป็นบริวารอยู่ 4 มุม ฐานชั้นที่ 3 มีซุ้มคูหา 4 ด้าน เพื่อให้สักการะขอพร ☎️ 09 4716 3194https://maps.app.goo.gl/Fg5DWpxA82VP93oa7 📌 อุทยานแห่งชาติลำน้ำน่าน ตั้งอยู่ตำบลผาเลือด มีพื้นที่ครอบคลุม 2 จังหวัด คือ จังหวัดแพร่และอุตรดิตถ์ เป็นทิวเขาสลับซับซ้อน ประกอบด้วยป่านานาชนิดที่ยังคงความสมบูรณ์ และเป็นแหล่งต้นน้ำลำธารของอ่างเก็บน้ำเหนือเขื่อนสิริกิติ์ โดยจุดที่สูงที่สุดของอุทยานฯ คือ ยอดเขาภูพญาพ่อ สูง 1,350 เมตรจากระดับทะเลปานกลาง เป็นจุดแบ่งเขตจังหวัดแพร่กับจังหวัดอุตรดิตถ์ อุทยานแห่งชาติฯ มีอากาศหนาวเย็นตลอดปี ฝนตกชุกในเดือนพฤษภาคม-เดือนกันยายน และในฤดูหนาวอากาศจะหนาวเย็น สถานที่น่าสนใจภายในอุทยานฯ ได้แก่👉 อ่างเก็บน้ำเขื่อนสิริกิติ์ เป็นอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ ภายในเขื่อนมีเกาะแก่งมากมายเหมาะสำหรับการล่องแพชมวิวทิวทัศน์👉 แก่งนางพญา เป็นแก่งหินน้อยใหญ่ลดหลั่นกันอยู่กลางลำน้ำนางพญา ซึ่งมีน้ำไหลตลอดทั้งปีและเป็นบริเวณที่สวยงามมาก นอกจากนี้ ยังมีน้ำตกอีกหลายแห่ง เช่น น้ำตกเชิงทอง น้ำตกห้วยมุ่น และน้ำตกดอยผาหมอก ซึ่งเป็นน้ำตกขนาดเล็ก มีน้ำไหลตลอดปีเพราะมีสภาพป่าต้นน้ำที่อุดมสมบูรณ์👉 เกาะนมสาว เป็นเกาะที่มีรูปร่างคล้ายเต้านมสาว สามารถนั่งเรือชมความสวยงามของลำน้ำน่านท่ามกลางธรรมชาติ และเป็นจุดชมทะเลสาบสุริยันจันทรา ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถชมพระอาทิตย์ขึ้นในยามเช้าและชมพระจันทร์ช่วงคืนวันเพ็ญ 💸 อัตราค่าบริการเข้าอุทยานฯ ชาวไทย ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท | ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 100 บาท เด็ก 50 บาท🏠 ที่พักและสิ่งอำนวยความสะดวก อุทยานฯ มีบ้านพักและสถานที่กางเต็นท์ไว้บริการ☎️ สอบถามข้อมูล อุทยานแห่งชาติลำน้ำน่าน โทร. 09 0604 7793 ☎️ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 11 โทร. 0 5462 6770☎️ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช โทร. 0 2562 0760www.dnp.go.thhttps://maps.app.goo.gl/rTe4mTW6iFTwY8V48 📌 วัดพลอยสังวรนิรันดร์ ตั้งอยู่บ้านนาลับแลง ตำบลป่าค่าย อำเภอทองแสนขัน เป็นวัดสาขาหนึ่งของวัดนาหลวง (อภิญญาเทสิตธรรม) และเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมะที่มีศิลปะสวยงามแห่งหนึ่งในจังหวัดอุตรดิตถ์ ภายในวัดประดิษฐาน องค์พระสาระสุทธีมุนีนาถ พระพุทธรูปปางนาคปรกองค์ใหญ่ ขนาดหน้าตักกว้าง 10 เมตร สูง 19 เมตร ล้อมรอบด้วยพญานาคราช ได้แก่ ปู่ทะนะมูลนาคราชและแม่ย่าเกตุปทุมนคินี หลวงปู่มุจรินทร์ ซึ่งถือเป็นพญานาคราชคุ้มครองพระพุทธเจ้า และพญาดำแสนศิริจันทรานาคราช บริเวณประตูทางเข้ามีรูปปั้นพญามังกรคู่หันหน้าเข้าหากัน เพื่อเป็นการเสริมสิริมงคลและความศักดิ์สิทธิ์แก่พุทธศาสนิกชนและนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าไปสักการะขอพร ☎️ สอบถามข้อมูล เจ้าอาวาส โทร. 09 2392 2104☎️ ผู้ช่วยเจ้าอาวาส 08 8522 4842https://maps.app.goo.gl/tvELfSqyiztxVE5FA 📌 สกายวอล์กห้วยน้ำรี ตั้งอยู่บ้านกิ่วเคียน ตำบลจริม อำเภอท่าปลา ภายใต้โครงการอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำรีอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เป็นสะพานคอนกรีตเสริมเหล็ก ยาว 720 เมตร สามารถชมวิวทิวทัศน์ของอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำรีในมุมสูง และชมความงดงามของทะเลหมอกในช่วงฤดูหนาว นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของชาวอุตรดิตถ์ ☎️ เทศบาลตำบลจริม โทร. 0 5581 8044https://maps.app.goo.gl/nn7M1sVFKUn7ig7q6 📌 วัดท่าถนน ตั้งอยู่บริเวณริมแม่น้ำน่าน ถนนเกษมราษฎร์ ตำบลท่าอิฐ อำเภอเมืองอุตรดิตถ์ อยู่ตรงข้ามสถานีรถไฟอุตรดิตถ์ สถานที่ประดิษฐาน “หลวงพ่อเพชร” พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของชาวอุตรดิตถ์ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปสัมฤทธิ์สมัยเชียงแสน นั่งขัดสมาธิเพชร มีพุทธลักษณะงดงาม https://maps.app.goo.gl/d2Y9mjcGRajz8ZNb7 📌 วัดบ้านแก่งใต้ ตั้งอยู่ตำบลบ้านแก่ง อำเภอตรอน เป็นวัดเก่าแก่อายุประมาณ

7 พิกัด แอ่วเมืองอุตรดิตถ์ อ่านเพิ่มเติม

สัมผัสเสน่ห์นครลำปางแบบเต็มอิ่ม 3 วัน 2 คืน

บัดดี้เสิร์ฟโปรแกรมท่องเที่ยวที่เพื่อน ๆ สามารถเที่ยวเองและเที่ยวตามได้ สัมผัสเสน่ห์นครลำปางแบบเต็มอิ่ม 3 วัน 2 คืน เปิดประสบการณ์สุดประทับใจ ตั้งแต่แหล่งท่องเที่ยวที่การันตีด้วยรางวัลกินรี ไปจนถึงอาหารรสเลิศ และดื่มด่ำกับธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ รวมถึงกิจกรรมสุดคลาสสิกอย่างการนั่งรถม้า ✨ Day 1📌 วัดพระธาตุลำปางหลวง📌 พิพิธภัณฑ์ซากดึกดำบรรพ์ ธรณีวิทยา และธรรมชาติวิทยา📌 ข้าวซอย น้ำเงี้ยว📌 ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย📌 ร้านอาหารบ้านพระยาสุเรนทร์ บาย มาดาม มูเซอ Day 2 📌 วัดพุทธบาทสุทธาวาส📌 อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน📌 นั่งรถม้ารอบเวียง📌 บ้านม้าท่าน้ำ📌 ร้านออลไรซ์ Day 3📌 วัดพระธาตุดอยพระฌาน📌 พิพิธภัณฑ์เซรามิคธนบดี📌 ครัวเนื้อหอม📌 บ้านป่องนัก📌 มิวเซียมลำปาง📌 ร้านแสร้งว่า *หมายเหตุ สามารถเพิ่มโปรแกรมเดินช้อปปิ้งสินค้า ของกิน ของที่ระลึก ชมบ้านเรือนโบราณทรงปั้นหยา 100 กว่าปีที่กาดกองต้าได้ ในวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 16.00-21.00 น.

สัมผัสเสน่ห์นครลำปางแบบเต็มอิ่ม 3 วัน 2 คืน อ่านเพิ่มเติม

น้ำตกชาติตระการ…อัญมณีแห่งธรรมชาติ จังหวัดพิษณุโลก

บัดดี้ชวนมาสัมผัสความงดงามของ ‘น้ำตกชาติตระการ’ น้ำตกขนาดใหญ่กลางผืนป่าอันอุดมสมบูรณ์ ในอุทยานแห่งชาติน้ำตกชาติตระการ จังหวัดพิษณุโลก ความสวยงามโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ด้วยน้ำตกทั้งหมด 7 ชั้น แต่ละชั้นมีชื่อเรียกแตกต่างกันไป นอกจากความงดงามของสายน้ำที่ไหลลดหลั่นลงมาตามชั้นหินแล้ว นักท่องเที่ยวจะได้พบกับความหลากหลายของพืชพรรณไม้ ซึ่งยังคงรักษาความสมบูรณ์ไว้ได้เป็นอย่างดี 💚 น้ำตกชาติตระการจึงเป็นจุดหมายปลายทางของผู้รักธรรมชาติที่ต้องการหลีกหนีความวุ่นวาย เพื่อสัมผัสกับความบริสุทธิ์ของผืนป่าและสายน้ำ เพื่อน ๆ คงอยากเห็นความงดงามของน้ำตกแต่ละชั้นกันแล้ว ตามมาดูภาพที่บัดดี้เก็บมาฝากกันเลย 📌 อุทยานแห่งชาติน้ำตกชาติตระการ ตำบลชาติตระการ อำเภอชาติตระการ จังหวัดพิษณุโลก: https://maps.app.goo.gl/YAkFBZcuLRuzGdKQ6💸 อัตราค่าบริการเข้าอุทยานฯ ชาวไทย ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท | ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาท☎️ สอบถามข้อมูล โทร. 0 5590 6522 น้ำตกชาติตระการ อยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติน้ำตกชาติตระการ ครอบคลุมพื้นที่ตั้งแต่อำเภอชาติตระการไปจนถึงอำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก มีสภาพป่าเขาอุดมสมบูรณ์ เป็นน้ำตกขนาดใหญ่มีทั้งหมด 7 ชั้น แต่ละชั้นมีความสวยงามของธรรมชาติที่แตกต่างกันออกไป เริ่มจากชั้นที่ 1 มะลิวัลย์ เป็นน้ำตกที่ไหลลงมาจากผาสูงประมาณ 30 เมตร สู่แอ่งน้ำกว้างใหญ่ที่มีหาดทรายเล็ก ๆ อยู่รอบ ๆ สวยงามมาก บัดดี้ชอบน้ำตกชั้นนี้มากเพราะบรรยากาศร่มรื่นเหมาะแก่การมาพักผ่อน ชั้นที่ 2 กรรณิการ์ เป็นน้ำตกที่ไหลมาจากผาสูงใหญ่ ค่อนข้างอันตรายจึงไม่เหมาะกับการลงเล่นน้ำ และชั้นที่ 3 การะเกด เป็นน้ำตกสูงประมาณ 10 เมตร สามารถนั่งเล่นได้แต่ไม่เหมาะกับการลงเล่นน้ำเช่นกัน ชั้นที่ 4 ยี่สุ่นเทศ มีลักษณะเป็นม่านน้ำ ตกลงมาบนแอ่งน้ำกว้างใหญ่ ล้อมรอบด้วยหาดทรายที่สวยงามเหมาะแก่การเล่นน้ำ ชั้นที่ 5 เกศเมือง ชั้นที่ 6 เรืองยศ และ ชั้นที่ 7 รจนา เป็นน้ำตกเล็ก ๆ ไหลรินทอดตัวยาวเป็นสายน้ำ บรรยากาศร่มรื่น เหมาะสำหรับเดินเล่นเที่ยวชมธรรมชาติ

น้ำตกชาติตระการ…อัญมณีแห่งธรรมชาติ จังหวัดพิษณุโลก อ่านเพิ่มเติม

Green season ลำปาง…หน้าฝน

หน้าฝนปีนี้ บัดดี้อยากชวนเพื่อน ๆ มาแอ่ว ‘ลำปาง’ มาสูดอากาศบริสุทธิ์ให้เต็มปอดท่ามกลางธรรมชาติอันเขียวขจี มาเติมพลังงานบวก ปล่อยใจปล่อยกายไปกับธรรมชาติ เรียนรู้วิถีชีวิตชาวบ้าน เดินเล่นดื่มด่ำไปกับบรรยากาศสบาย ๆ เติมความสดชื่นท่ามกลางทิวทัศน์อันสวยงามของแหล่งท่องเที่ยวที่หลายคนอาจยังไม่เคยไปเยือน วันนี้! บัดดี้ขอพาเพื่อน ๆ มาปักหมุดและออกเดินทางท่องเที่ยวไปพร้อมกันเลย พิกัดเที่ยว Green Season✅ บ้านป่าเหมี้ยง อ.เมืองปาน✅ น้ำตกแจ้ซ้อน อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน✅น้ำตกแม่วะ อุทยาแห่งชาติแม่วะ 📌 บ้านป่าเหมี้ยง อ.เมืองปาน ชุมชนเล็ก ๆ ของอำเภอเมืองปาน ตั้งอยู่ท่ามกลางหุบเขาที่มีอากาศเย็นสบายตลอดปีและค่อนข้างหนาวเย็นในช่วงฤดูหนาว ที่นี่เป็นแหล่งปลูกกาแฟอะราบีกา และมีชื่อเรื่องการเก็บใบชาป่าที่ชาวเหนือเรียกว่า “เหมี้ยง” หรือ “เมี่ยง” ซึ่งกลายมาเป็นที่มาของชื่อ “บ้านป่าเหมี้ยง” แห่งนี้ โดยกิจกรรมที่น่าสนใจของชุมชน ได้แก่ การเดินป่าเก็บใบเมี่ยง การชมวิธีการทำเหมี้ยง การคั่วกาแฟ รวมไปถึงการทำอาหารซึ่งเป็นพืชผักออร์แกนิกโดยเฉพาะอาหารขึ้นชื่ออย่างยำใบเมี่ยง ข้าวซอยอูด้งใบเมี่ยง และยังมีสะพานรักดอกเสี้ยวและลานดอกเสี้ยว ซึ่งเป็นจุดชมดอกเสี้ยวออกดอกบานสะพรั่งช่วงระหว่างเดือนกุมภาพันธ์-เดือนมีนาคมของทุกปี และเพื่อน ๆ สามารถเลือกมาพักโฮมสเตย์ที่นี่ เพื่อสัมผัสกับธรรมชาติแบบใกล้ชิดได้อีกด้วย ☎️ สอบถามข้อมูล คุณชาญชัย ผู้ใหญ่บ้านป่าเหมี้ยง โทร. 0 8489 49122 📌 น้ำตกแจ้ซ้อน อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน อ.เมืองปาน ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน อำเภอเมืองปาน หนึ่งในอุทยานแห่งชาติที่มีชื่อเสียงของจังหวัดลำปาง และได้รับรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ครั้งที่ 14 ประจำปี 2566 (Thailand Tourism Awards) รางวัล Hall of Frame ประเภทแหล่งท่องเที่ยว สาขาแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ ปี 2566 จากการท่องเที่ยวประเทศไทย เป็นน้ำตกที่เกิดจากลำน้ำแม่มอญ มีน้ำไหลตลอดทั้งปีและมีแอ่งน้ำรองรับเป็นชั้น ๆ อยู่ 6 ชั้น มีทางเดินจากบ่อน้ำพุร้อนไปถึงน้ำตก ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ 1 กิโลเมตร ที่นี่ยังเป็นแหล่งน้ำพุร้อนทางธรณีวิทยาที่มีอุณหภูมิเฉลี่ย 73 องศาเซลเซียส มีกลิ่นกำมะถันอ่อน ๆ และมีไอน้ำลอยปกคลุมรอบบริเวณ ซึ่งเป็นที่นิยมนำไข่ไก่และไข่นกกระทามาแช่เพื่อรับประทาน และมีบริการ ห้องอาบน้ำแร่ เพื่อผ่อนคลายความเมื่อยล้าจากการทำงาน ซึ่งจะช่วยให้ระบบไหลเวียนของโลหิตดีขึ้น 💸 อัตราค่าบริการเข้าอุทยานฯ ชาวไทย ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท | ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาท☎️ สอบถามข้อมูล อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน โทร. 08 9851 3355☎️ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช โทร. 0 2562 0760✨ เว็บไซต์ www.dnp.go.th📌 https://maps.app.goo.gl/S4SuLgAUew9QUGz99 📌 น้ำตกแม่วะ อุทยาแห่งชาติแม่วะ ตั้งอยู่บ้านน้ำดิบ ตำบลแม่วะ อำเภอเถิน ภายในเขตอุทยานแห่งชาติแม่วะ เป็นน้ำตก 7 ชั้น แต่ละชั้นมีความสวยงามแตกต่างกัน มีทางเดินขึ้นไปถึงแค่ชั้นที่ 3 ชื่อว่า “ตาดห้วยส้มป่อย” ระยะทาง 700 เมตร โดยชั้นที่สูงที่สุดคือน้ำตกชั้นที่ 6 มีชื่อว่า “ตาดหลวง” มีความสูงประมาณ 100 เมตร จากนั้นทางเริ่มสูงชันขึ้นไปจนถึงชั้นที่ 7 รวมระยะทาง 2.2 กิโลเมตร ซึ่งต้องมีเจ้าหน้าที่นำทาง 💸 อัตราค่าบริการเข้าอุทยานฯ ชาวไทย ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท | ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 100 บาท เด็ก 50 บาท☎️ สอบถามข้อมูล อุทยานแห่งชาติแม่วะ โทร. 08 1112 2855 ☎️ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช โทร. 0 2562 0760✨ เว็บไซต์ www.dnp.go.th📌 https://maps.app.goo.gl/JTQtXVp5xcaf3XmMA

Green season ลำปาง…หน้าฝน อ่านเพิ่มเติม

บัดดี้ชวนชิม “ทุเรียนหลง-หลิน” เมืองลับแล

ฤดูแห่งสายฝน นับเป็นช่วงเวลาของเทศกาลผลไม้ที่หลาย ๆ คนรอคอย วันนี้…บัดดี้ชวนชิม! ขอเอาใจสายทุเรียน Lover ชวนเพื่อน ๆ มาชิมผลไม้ขึ้นชื่อ ราชาแห่งผลไม้ ของดีเมืองอุตรดิตถ์อย่าง ‘ทุเรียนหลง-หลินลับแล’ สายพันธุ์ทุเรียนที่คนรักทุเรียนต้องมาลองชิมกัน! 😋 ทุเรียนหลงลับแลและทุเรียนหลินลับแล เป็นทุเรียนที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ GI ของจังหวัดอุตรดิตถ์ ซึ่งปลูกใน 3 อำเภอเท่านั้น ได้แก่ อำเภอลับแล อำเภอเมืองอุตรดิตถ์ และอำเภอท่าปลา ด้วยรสชาติและกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ที่หวานมันกำลังดี กลิ่นไม่แรง มีสีเหลืองนวล จึงเป็นหนึ่งในสายพันธุ์ทุเรียนที่คนรักทุเรียนต้องลองทานสักครั้ง ✨ ความแตกต่างของทุเรียนหลง-หลินลับแล👉 ทุเรียนหลงลับแล: ลักษณะผลกลมหรือกลมรี มีกลิ่นอ่อน เนื้อมีสีเหลืองเข้ม เนื้อเหนียวละเอียด ไม่เละ รสชาติหวานมัน หอมอ่อน ๆ👉 ทุเรียนพันธุ์หลินลับแล: ลักษณะผลทรงกระบอก เนื้อจะมีสีเหลืองอ่อน เนื้อแห้งไม่เละ รสหวานมันครีมมี่ กลิ่นหอมไม่แรง และที่สำคัญเมล็ดลีบ ✅ สวนป้าเรียน บ้านไม้ยกพื้นสูงท่ามกลางสวนผลไม้อย่างทุเรียนในลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ ดัดแปลงพื้นที่บริเวณใต้ถุนบ้านมาเป็นสถานที่จำหน่ายทุเรียนสายพันธุ์หลง-หลินลับแล และผลไม้ตามฤดูกาล เช่น มะยงชิต มังคุด ท่ามกลางบรรยากาศร่มรื่นของผลไม้ที่ปลูกโดยรอบ เพื่อน ๆ สามารถเดินเล่นชมสวนและถ่ายรูปสวย ๆ กับผลไม้ จุดเช็กอินยอดฮิตของสวนป้าเรียน ก็คือ คาเฟน่ารักกลางสวนทุเรียนอย่าง “Summer Green Cafe” ซึ่งอยู่บริเวณด้านข้างตัวบาน ที่นี่มีเมนูพิเศษที่รังสรรค์มาจากผลไม้ตามฤดูกาลที่ปลูกไว้รอให้เพื่อน ๆ มาลิ้มลอง โดยเฉพาะชาวทุเรียน Lover ทั้งเมนูเครื่องดื่มและไอศกรีมผลไม้โฮมเมด เช่น ทุเรียน มะยงชิด ลองกอง เมนูของหวานอย่างชีสเค้กทุเรียน เฉาก๊วยทุเรียนนมสด วาฟเฟิลโบลไอศกรีมทุเรียนมะพร้าว ทุเรียนคาราเมลมิลค์เชค เฉาก๊วยทุเรียนนมสด ทุเรียนคาราเมลมิลค์เชค ซึ่งจัดตกแต่งแต่ละเมนูออกมาได้ดูสวย ดูดี และเหมาะกับการถ่ายรูปมาก ๆ ถ้าเพื่อน ๆ มีโอกาสมาเที่ยวอุตรดิตถ์ ก็อย่าลืมแวะมาเที่ยว แวะมาชิม และก็แวะมาลิ้มรสความอร่อยของเมนูต่าง ๆ กันที่นี่นะ บัดดี้บอกเลยว่า…ของเขาดีจริง ๆ ⏰ เปิดทุกวัน เวลา 09.00-18.00 น.☎️ 06 1796 4992📌 https://goo.gl/maps/kEN2cT8FCjMuAJQT9 ✅ สวนใจใหญ่ สวนใจใหญ่หรือร้านประนอมตามที่คนท้องที่รู้จักกัน เป็นอีกหนึ่งสวนทุเรียนที่บัดดี้อยากจะมาแนะนำเพื่อน ๆ ที่นี่เป็นเจ้าเก่าตลาดทุเรียนหัวดง เป็นล้งรับซื้อ-จำหน่ายทุเรียนหลายสายพันธุ์ทั้งหลงลับแล หลินลับแล หมอนทองลับแล และพันธุ์อื่น ๆ อีกเพียบ มีทุเรียนวางจำหน่ายบริเวณหน้าร้านและให้บริการการสั่งซื้อออนไลน์ มีคาเฟเล็ก ๆ สไตล์มินิมอลให้บริการเมนูเครื่องดื่ม ชา กาแฟ และยังมีทุเรียนพร้อมทานที่สามารถเลือกซื้อมาทานกันได้อย่างจุใจ ^^ นอกจากนี้ ที่นี่ยังมีสวนทุเรียนอยู่ลึกเข้าไปด้านหลังล้งทุเรียน ซึ่งเพื่อน ๆ สามารถเข้าไปเดินชมและถ่ายรูปเช็กอินกับทุเรียนแบบเก๋ ๆ ได้ด้วย ⏰ เปิดทุกวัน เวลา 08.00-18.00 น.☎️ 08 1042 1410, 09 3171 2540📌 https://maps.app.goo.gl/X4vEc4MqdzSkfASV7 ✅ หลงสวน ณ ลับแล อีกหนึ่งสวนที่อยากจะแนะนำก็คือที่นี่เลย “หลงสวน ณ ลับแล” สวนทุเรียนซึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่มีทั้งคาเฟ ร้านจำหน่ายทุเรียน และยังมีที่พักแบบโฮมสเตย์ที่ให้บรรยากาศแบบผ่อนคลายสบาย ๆ และที่สำคัญที่นี่ก็มีทุเรียนหลิน-หลงลับแลให้เลือกซื้อเลือกรับประทานกันเหมือนกัน คาเฟต้องเดินขึ้นเนินไปนิดหน่อย บรรยากาศระหว่างทางก็ร่มรื่น มีมุมให้แวะถ่ายรูปสวน ๆ กับต้นทุเรียน มีบริการทั้งเมนูอาหารคาวและของหวาน ทั้งส้มตำ พิซซ่า และเมนูพิเศษที่มีแค่เพียงช่วงหน้าทุเรียนอย่าง “ดอกทุเรียนทอดจิ้มน้ำพริกกะปิ ดอกทุเรียนและเกสรทุเรียนทอดกรอบ” หรือแม้แต่อาหารถิ่นของชาวลับแลอย่าง “ข้าวพันผัก” ก็มีให้เลือกรับประทานกัน ที่นี่ยังมีเมนูเครื่องดื่มที่รังสรรค์จากผลไม้ที่ปลูกภายในสวน เช่น มะยงชิดปั่น อเมริกาโน่มะยงชิด มะยงชิดปั่นครีมชีส ชีสพายมะยงชิด ชีสเค้กมะยงชิด หากเพื่อน ๆ อยากลองมาพักกายพักใจท่ามกลางธรรมชาติ หลงสวน ณ ลับแล ก็ยังมีที่พักแบบโฮมสเตย์ให้บริการด้วยนะ มีอยู่แค่ 3 หลังเท่านั้น ถ้าจะมาพัก บัดดี้ก็ขอแนะนำให้จองล่วงหน้ากันสักนิด โดยเฉพาะช่วงหน้า High Season ⏰เปิดทุกวันเวลา 09.30-18.30 น.☎️08 1346 6304

บัดดี้ชวนชิม “ทุเรียนหลง-หลิน” เมืองลับแล อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top