ปราจีนบุรี

ปราจีนบุรี

สัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษที่ โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร จังหวัดปราจีนบุรี

สัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษที่ โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร จังหวัดปราจีนบุรี ที่นี่ไม่ใช่แค่โรงพยาบาล แต่เป็นศูนย์รวมแห่งภูมิปัญญาไทยด้านสุขภาพแบบองค์รวม ที่จะทำให้คุณได้ทั้งพักผ่อน เรียนรู้ และดูแลตัวเองไปพร้อมๆ กัน เริ่มต้นด้วยการเข้าชม พิพิธภัณฑ์การแพทย์แผนไทยอภัยภูเบศร ที่ตั้งอยู่ในอาคารสถาปัตยกรรมสไตล์โคโลเนียลอันงดงาม ตื่นตาตื่นใจกับเรื่องราวประวัติศาสตร์การแพทย์แผนไทยอันยาวนาน ชมสมุนไพรหายาก ตำรับยาโบราณ และเรียนรู้วิถีชีวิตของผู้คนในอดีตที่ผูกพันกับการใช้ธรรมชาติบำบัด หลังจากเดินชมพิพิธภัณฑ์จนเพลิน ลองมาปรนนิบัติร่างกายด้วยศาสตร์แห่งการนวดและสปาแผนไทยต้นตำรับที่ อภัยภูเบศร เดย์ สปา ที่นี่มีบริการหลากหลาย ตั้งแต่การนวดผ่อนคลาย นวดบำบัด ไปจนถึงทรีทเม้นท์บำรุงผิวพรรณด้วยสมุนไพรธรรมชาติแท้ ๆ สัมผัสความผ่อนคลายอย่างลึกซึ้ง และคืนความสดชื่นให้กับร่างกาย ที่นี่ยังได้รับรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย (Thailand Tourism Awards) หรือรางวัลกินรี ครั้งที่ 14 ประจำปี 2566 อีกด้วย เติมพลังด้วยเมนูอาหารสุขภาพเลิศรสที่รังสรรค์จากพืชผักสมุนไพรปลอดสารพิษจากไร่ของอภัยภูเบศรเอง ร้านอาหารอภัยภูเบศร มีเมนูให้เลือกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นยำสมุนไพร แกงเลียง หรือเครื่องดื่มสมุนไพรสดชื่น รับรองว่าอร่อย ได้ประโยชน์ และดีต่อสุขภาพอย่างแน่นอน นอกจากกิจกรรมต่างๆ แล้ว โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศรยังมีคลินิกและศูนย์บริการด้านสุขภาพที่หลากหลาย ทั้งคลินิกแพทย์แผนไทย คลินิกฝังเข็ม และบริการตรวจสุขภาพต่าง ๆ หากต้องการปรึกษาหรือดูแลสุขภาพอย่างจริงจัง ที่นี่ก็พร้อมให้คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร จึงเป็นมากกว่าสถานที่ท่องเที่ยว แต่เป็นจุดหมายปลายทางสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพกายและใจให้สมบูรณ์แข็งแรงในแบบองค์รวม ลองมาสัมผัสประสบการณ์ดีๆ ด้วยตัวคุณเอง แล้วคุณจะหลงรัก

สัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษที่ โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร จังหวัดปราจีนบุรี อ่านเพิ่มเติม

นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว 3 วัน 2 คืน สัมผัสวิถีชีวิต ชื่นชมธรรมชาติ ศึกษาอารยธรรม

วันนี้บัดดี้มีเส้นทางท่องเที่ยวที่เพื่อน ๆ สามารถเดินทางตามรอยเพื่อออกเดินทางสู่ภาคตะวันออกของประเทศไทย สัมผัสเสน่ห์ของ นครนายก ปราจีนบุรี และสระแก้ว ในเส้นทาง 3 วัน 2 คืน ที่จะพาคุณดำดิ่งสู่แก่นแท้ของวิถีชีวิตไทย ชมความงามของธรรมชาติที่ยังคงความบริสุทธิ์ และย้อนรอยอารยธรรมโบราณอันยิ่งใหญ่ เตรียมตัวให้พร้อม แล้วออกไปค้นพบมนต์เสน่ห์ที่รอคุณอยู่ในดินแดนแห่งนี้ ✨ Day 1 นครนายก-ปราจีนบุรี📌 ศูนย์หัตถกรรมผ้าทอไทยพวน📌 อภัยภูเบศร เดย์ สปา📌 พิพิธภัณฑ์การแพทย์แผนไทยอภัยภูเบศร Day 2 ปราจีนบุรี-สระแก้ว📌 ต้นโพธิ์ศรีมหาโพธิ📌 ปราสาทสด๊กก๊อกธม📌 ละลุ Day 3 สระแก้ว📌 อุทยานแห่งชาติปางสีดา– ชมผีเสื้อ– เดินป่าศึกษาธรรมชาติ– แวะน้ำตกปางสีดา ✨ หมายเหตุ: หากต้องการเยี่ยมชมในส่วนอื่น ๆ แบบ 1 day tirp เช่น มิวเซียมปะพวนที่ปากพลี หรือลองรับประทานอาหารแบบไทยพวน สามารถติดต่อ ชมรมส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยชุมชนไทยพวน สามารถติดต่อ ว่าที่ร้อยตรี ชาติชาย ยอดมิ่ง โทร. 09 2757 9377

นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว 3 วัน 2 คืน สัมผัสวิถีชีวิต ชื่นชมธรรมชาติ ศึกษาอารยธรรม อ่านเพิ่มเติม

Low Season ชวนเที่ยว แก่งหินเพิง จ.ปราจีนบุรี

ในช่วงฤดูฝนที่หลายคนอาจมองว่าเป็นช่วง Low Season เที่ยวยากและเปียก แต่บัดดี้ขอบอกว่า มีสถานที่เที่ยวประเภทหนึ่งที่สามารถเที่ยวได้ในช่วงฤดูฝนแบบนี้เท่านั้น นั่นก็คือการล่องแก่งนั่นเอง โดยวันนี้บัดดี้ขอนำเสนอ “แก่งหินเพิง” สถานที่ล่องแก่งที่แม้ใครจะไม่เคยล่องแก่งมาก่อนก็สามารถไปเที่ยวได้ 🚣‍♀️☔ แก่งหินเพิง ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เหมาะมาก ๆ สำหรับผู้อยากเริ่มต้นล่องแก่งและเดินป่า เพราะทุก ๆ คนต้องเดินเท้าเข้าป่าจากหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ที่ 9 เป็นระยะทางประมาณ 2.5 กิโลเมตร (ใช้เวลาประมาณ 45 นาที) โดยจะมีเจ้าหน้าที่คอยนำทางไปด้วยตลอดทาง โดยเส้นทางในการเดินแทบจะเป็นทางเรียบตลอดทาง เดินง่ายมาก ๆ เพียงแต่ต้องใช้แรงฮึดและความอึดในการเดินเท่านั้น บริเวณจุดปล่อยตัว จะมีเรือยางจอดคอยอยู่แล้ว เจ้าหน้าที่จะแนะนำวิธีการนั่งและวิธีพายเรือให้ ตลอดเส้นทางจะใช้เวลาประมาณ 30 นาที มีลักษณะเป็นแก่งสลับกับวังน้ำนิ่ง น้ำใสมาก ๆ กระโดดลงลอยคอไหลไปกับเรือยางได้เลย 🚣‍♀️ แก่งหินเพิง จะล่องแก่งได้ในช่วงเดือนกรกฎาคม-ตุลาคม บัดดี้แนะนำให้จองล่วงหน้าเพราะบางช่วงคิวเยอะมาก ๆ หากใครสนใจสามารถจองคิวในการล่องแก่งได้จากที่พักในบริเวณใกล้เคียง ที่จะมีบริการรับส่ง ห้องอาบน้ำ อาหารและการอบรมให้ความรู้สั้น ๆ ก่อนการล่องแก่ง หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ททท.สำนักงานนครนายก (รับผิดชอบพื้นที่จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว) ก็ได้เช่นกัน ✨ 📌 หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ที่ 9 ตำบลนาดี อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี⏰ เปิดทุกวัน เวลา 08.30-17.00 น.☎️ 037 312 284 ททท. สำนักงานนครนายกhttps://maps.app.goo.gl/sddffmCFZ2ye5ARQ6

Low Season ชวนเที่ยว แก่งหินเพิง จ.ปราจีนบุรี อ่านเพิ่มเติม

เที่ยวเขาใหญ่ 2 วัน 1 คืน สัมผัสความสมบูรณ์ของธรรมชาติ

เพื่อน ๆ รู้หรือไม่ว่า เขาใหญ่คือ อุทยานแห่งชาติแห่งแรกของประเทศไทย ซึ่งอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่มีพื้นที่ครอบคลุมทั้งหมด 4 จังหวัด ได้แก่ นครราชสีมา สระบุรี ปราจีนบุรี และนครนายก มีเนื้อที่ประมาณ 2,168.75 ตารางกิโลเมตร และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี 2548 จาก UNESCO ภายใต้ชื่อ “พื้นที่กลุ่มป่าดงพญาเย็น – เขาใหญ่” และยังได้รับรางวัลยอดเยี่ยม Thailand Tourism Gold Awards ครั้งที่ 14 ประจำปี 2566 สาขาแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ จากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยอีกด้วย มากไปกว่านั้นที่นี่ยังเป็นถิ่นที่อยู่อาศัยของชนิดสัตว์ พันธุ์พืชที่หายากหรือที่ตกอยู่ในสภาวะอันตรายใกล้สูญพันธุ์ แต่ยังคงสามารถดํารงชีวิตอยู่ได้รวมถึงระบบนิเวศอันเป็นแหล่งรวมความอุดมสมบูรณ์ของพืช และสัตว์ที่ทั่วโลกให้ความสนใจอีกด้วย วันนี้บัดดี้จะพามาทัวร์จุดท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาดที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่กัน บัดดี้เริ่มต้นจุดแรกกันที่น้ำตกเหวนรก ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เขตจังหวัดนครนายก มีความสูงอยู่ที่ 150 เมตร ใช้ระยะเวลาการเดินไป-กลับประมาณ 1 ชั่วโมง ระหว่างทางบัดดี้แนะนำให้พกน้ำ และยาดมไปด้วย น้ำตกเหวนรกจะสวยมากในช่วงฤดูฝน เพราะมีน้ำเยอะ แต่อย่างไรก็ตาม ความสวยงามของน้ำตกแห่งนี้ก็แฝงไปด้วยความอันตราย เพราะกระแสน้ำที่แรงจึงทำให้ช้างป่าหลายตัวพลัดตกลงไปขณะที่กำลังข้ามลำธารในชั้นบนของน้ำตก จึงทำให้ที่นี่ได้ชื่อว่าเป็น “สุสานของช้างป่า” เพื่อความปลอดภัยบัดดี้ไม่แนะนำให้นำอาหารเข้าไปรับประทาน เพราะระหว่างทางเพื่อน ๆ อาจจะเจอลิงเข้ามาแย่งอาหารได้ และบริเวณน้ำตกเหวนรกไม่มีจุดทิ้งขยะ ทางอุทยานจึงขอความร่วมมือนักท่องเที่ยวนำขยะกลับบ้าน หรือนำลงไปทิ้งข้างล่าง เมื่อชมบรรยากาศของน้ำตกเหวนรกเสร็จแล้ว บัดดี้จะพาเพื่อน ๆ ไปต่อกันที่ ผาเดียวดาย ซึ่งเป็นจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นทัศนียภาพของธรรมชาติได้อย่างกว้างขวาง ใช้เวลาเดินจากที่จอดรถไปยังหน้าผา ประมาณ 5 นาที หากโชคดี เราก็จะได้เจอนกต่าง ๆ อย่างเช่นวันที่บัดดี้ไป บัดดี้ได้เจอกับ ไก่ฟ้าหลังขาวมาเดินอวดโฉมให้ได้ชมอีกด้วย มาต่อกันที่ ผาตรอมใจ ห่างจากผาเดียวดายประมาณ 600 เมตร ผาตรอมใจเป็นจุดสูงสุดของภาคกลาง บัดดี้แนะนำ หากเพื่อน ๆ มีเวลา อย่าลืมอุดหนุนข้าวไข่เจียวจากทางพี่ ๆ เจ้าหน้าที่อุทยาน สามารถนั่งรับประทานพร้อมชมวิวที่น่าหลงใหลกับสายลมที่อ่อนโยนได้ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ภายในตัวอาคารเป็นศูนย์การเรียนรู้ เช่น ความเป็นมาของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ สัตว์ป่า พืชพันธุ์นานาชนิดที่สามารถเจอได้ภายในอุทยาน จะมีร้านกาแฟอยู่ทางด้านหลัง ติดกับลำธาร บรรยากาศร่มรื่นและสงบ ช่วงบ่าย บัดดี้ได้ตัดสินใจเดินสำรวจเส้นทางธรรมชาติเส้นทางที่ 3 (กม.ที่ 33 – จุดส่องสัตว์หนองผักชี) ซึ่งเส้นทางศึกษาธรรมชาติอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่มีทั้งหมด 7 เส้นทาง ได้แก่📌 เส้นทางที่ 1: ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว-น้ำตกกรองแก้ว📌 เส้นทางที่ 2: น้ำตกผากล้วยไม้ – น้ำตกเหวสุวัต (160 ปี ความสัมพันธ์ ไทย-เยอรมัน)📌 เส้นทางที่ 3: กม. 33 – หนองผักชี (90 ปี ความสัมพันธ์ ไทย-สวิตเซอร์แลนด์)📌 เส้นทางที่ 4: ดงติ้ว – อ่างเก็บน้ำสายศร📌 เส้นทางที่ 5: ดงติ้ว – หนองผักชี📌 เส้นทางที่: 6 ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว – น้ำตกเหวสุวัต ( ใช้เวลาเดิน 6 ชั่วโมง ต้องเริ่มเดินก่อน 10.00 น.)📌 เส้นทางที่ 7: 200 ปี ความสัมพันธ์ไทย-สหรัฐอเมริกา หากเพื่อน ๆ สนใจที่จะเดินป่าศึกษาธรรมชาติเส้นทางที่ 3-4-5-6 ซึ่งเป็นเส้นทางที่จำเป็นต้องมีเจ้าหน้าที่อุทยานนำทาง สามารถ walk in ติดต่อเจ้าหน้าที่ ได้ที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ มีค่าใช้จ่าย 500 บาท/กลุ่ม หมายเหตุ: เส้นทางที่ 1-5 และ 7 สามารถเริ่มเดินได้ตั้งแต่ 08.00-14.00 น.เส้นทางที่ 6 จำเป็นต้องเริ่มเดินก่อน 10.00 น. และต้องเตรียมอาหารไปเผื่อด้วย เพราะใช้เวลาเดินถึง 6 ชั่วโมง ระหว่างการเดินสำรวจป่าเส้นทางที่ 3 เจ้าหน้าที่อุทยานแนะนำสิ่งต่าง ๆ ดีมาก ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลเบื้องต้นของเส้นทางนี้และข้อควรปฏิบัติในขณะเดินป่า แม้กระทั่งการสังเกตที่อยู่อาศัยของสัตว์ เช่น หากเราเจอโพรงไม้ หรือรู อาจจะเป็นที่อยู่ของสัคว์มีพิษ เช่น แมงป่อง งู ได้ และเส้นทางนี้เป็นเส้นทางการหากินของช้างและกระทิง ในระหว่างเดิน จะมีแนวเขตกั้น ไม่ให้เราเดินออกนอกเส้นทาง เพราะหากเราเดินออกจากเส้นทาง เราจะรบกวนสัตว์ป่าที่อยู่บริเวณรอบ ๆ เช่น นกเงือก ที่อาศัยอยู่บริเวณนั้น และนี่เป็นอีก 1 จุดที่ยอดฮิต เพราะนักท่องเที่ยวชอบมาถ่ายรูปกับต้นไทรอายุมาก ที่มีรากไม้ที่สวยงามตามธรรมชาติ โดยไม่ผ่านการตกแต่งใด ๆ จากมนุษย์ ซึ่งทางด้านเจ้าหน้าที่ได้ให้ข้อมูลมาว่า ต้นไทรต้นนี้มีความใหญ่อยู่ที่ประมาณ 40 คนโอบเลยทีเดียว วันที่บัดดี้ไป บัดดี้ได้เจอรอยเท้าของสัตว์ป่าด้วย เพื่อน ๆ ทายกันได้ไหมเอ่ย ว่านี่คือรอยของสัตว์ชนิดใด เฉลย รอยเท้าของกระทิง นั่นเอง และนี่เป็นหลักฐานว่าเส้นทางนี้มีกระทิงผ่านมาจริง ๆ และเมื่อเดินไปเรื่อย ๆ เราจะเจอกับโป่ง ซึ่งเป็นแหล่งอาหารของสัตว์ ตรงจุดหนองผักชี มีต้นไม้ขนาดใหญ่ให้ร่มเงาตลอดเส้นทาง เช่น ไทร หว้า ที่ดึงดูดนกและสัตว์ป่านานาชนิดเข้ามากินลูกไม้ จนได้รับสมญานามว่า “ภัตตาคารของสัตว์ป่า” และมีต้นกะเพรายักษ์เป็นไม้ที่มีเฉพาะป่าดงพญาเย็นเท่านั้น

เที่ยวเขาใหญ่ 2 วัน 1 คืน สัมผัสความสมบูรณ์ของธรรมชาติ อ่านเพิ่มเติม

เที่ยว FEEL GOOD @ นครนายก-ปราจีนบุรี

วันนี้บัดดี้จะพาเพื่อน ๆ มาเที่ยว 2 จังหวัดใกล้กรุงเทพ ที่เดินทางง่าย มีธรรมชาติที่สวยและมีแหล่งรวมโบราณวัตถุที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ ลองตามมาดูกันว่าจะมีที่ไหนบ้าง วัดป่ากระทุ่ม จังหวัดนครนายกวัดเก่าที่มีโบสถ์อายุราว 200 ปี ตั้งอยู่กลางบ่อน้ำและทุ่งนา ดูสวยงามและมีมนต์ขลัง ถือเป็นโบราณสถานที่น่าสนใจอีกแห่งของนครนายก ตัวโบสถ์จะถูกโอบล้อมด้วยต้นโพธิ์เก่าต้นใหญ่ มีรากของต้นโพธ์เลื้อยไปรอบ ๆ และยึดเกาะตัวโบสถ์เอา ไว้ไม่ให้พังทลายไปตามกาลเวลา ดูสวยงามและเข้มขลัง มีสะพานไม้ที่สามารถเดินชมได้โดยรอบ ภายในโบสถ์มีพระพุทธรูป สามารถเข้ามากราบไหว้ได้ สันนิษฐานว่าวัดแห่งนี้สร้างขึ้นในสมัยอยุธยาตอนปลายและสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น เนื่องจากมีเจดีย์แบบย่อมุมไม้สิบสอง ลักษณะบัวกลุ่ม ซึ่งเป็นรูปแบบที่นิยมสร้างในสมัยนั้น ต.พรหมณี อ.เมืองนครนายก จ.นครนายก เปิดทุกวัน เวลา 08.00-18.00 น. 08 6835 8667https://maps.app.goo.gl/AtcBZWk9YRGDzxXH8 วัดเลขธรรมกิตติ์ (วัด-เล-ขะ-ธัม-มะ-กิด) จังหวัดนครนายกอีกวัดเก่าแก่ปลายสมัยกรุงศรีอยุธยา มีชื่อเดิมว่า “วัดบางอ้อนอก” สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม (พ.ศ. 2170-2199) ก่อนหน้านี้วัดถูกปล่อยให้ชำรุดทรุดโทรมไปตามกาล และได้รับการบูรณะปฏิสังขรโบสถ์วิหารจนได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา ในปี พ.ศ. 2413 ที่นี่มีโบสถ์เก่าอายุกว่าร้อยปี ปัจจุบันเหลือเพียงผนังบางส่วนและซุ้มประตูวัดที่ถูกปกคลุมด้วยรากโพธิ์กลายเป็นสถาปัตยกรรมที่ธรรมชาติช่วยเติมแต่งอย่างสวยงาม จนมีชื่อว่า “ประตูปรกโพธิ์” เชื่อกันว่าเป็นประตูกาลเวลาที่หากใครได้ลอดประตูไปจะพบแต่อะไรดี ๆ มีโชค ประสบความสำเร็จในอนาคต จนกลายมาเป็นแหล่งห้ามพลาดลับ ๆ อีกแห่งหนึ่งของนครนายก กลางโบสถ์ มีศาลาขนาดเล็กเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปของโบสถ์เก่า ใกล้ ๆ กันมีผนังที่เป็นจุดถ่ายภาพยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยว ม.14 ต.บางอ้อ อ.บ้านนา จ.นครนายก เปิดทุกวัน เวลา 08.00-17.00 น. 08 0201 0107https://maps.app.goo.gl/RQRKVMXnBtE22bXYA ร้านอาหารแดงแกงป่า จังหวัดนครนายกร้านอาหารบ้าน ๆ ในซอยแคบริมน้ำของตลาดที่เปิดมานานกว่า 50 ปี ที่หลายคนบอกบัดดี้ว่า หากมานครนายกอย่าลืมมาฝากท้องที่ร้านนี้สักมื้อ ภายในมีหลายโต๊ะให้นั่ง อากาศถ่ายเทบวกกับทั้งเจ้าของและพนักงานในร้านน่ารักและใจดี แนะนำอาหารหลายอย่างให้บัดดี้ ซึ่งบัดดี้ก็สั่งแบบจัดเต็มเลยทีเดียว อาหารแต่ละเมนูดูธรรมดา แต่รสชาติถึงใจมาก ยิ่งหากใครไม่กินหวานและชอบรสจัดรับรองเลยว่าต้องถูกใจ แต่สามารถขอแบบเผ็ดน้อยได้นะสำหรับคนไม่กินเผ็ด ที่แนะนำเลยว่าต้องสั่งคือแกงป่าปลากราย หอม อร่อยน้ำซดได้คล่องคอ เมนูต่อมาก็คือ เห่าดง ที่มีให้เลือกทั้งหมู ไก่ เนื้อ หอมและได้รสชาติของสมุนไพรชัดมาก คลุกข้าวอร่อยมาก อีกเมนูเด็ดก็คือ ปลาทับทิมทอด ที่ทอดมาได้แห้งและกรอบ น้ำจิ้มรสจัดอร่อยมาก ๆ ตลาดเก่า ซอย 3 อ.เมืองนครนายก จ.นครนายก เปิดทุกวัน เวลา 08.00-16.00 น. 08 9073 4516https://maps.app.goo.gl/au5kXz5VGtUenJo58 ไอติมป้าปุ๊ จังหวัดนครนายกร้านไอศกรีมที่อยู่ไม่ไกลจากร้านแดงแกงป่า ที่คุณป้าทำเองทุกขั้นตอน เปิดมานานกว่า 40 ปี ซึ่งมีไอศกรีมให้เลือก 2 แบบด้วยกันคือแบบทรงเครื่องและกะทิสด สำหรับเครื่องก็มีให้เลือกหลากหลาย เช่น ข้าวโพด เผือกกวน ข้าวเหนียว ลูกชิด ราคาจะเริ่มที่ 10 บาท ซอยพาณิชย์เจริญ 3 อ.เมืองนครนายก จ.นครนายก เปิดทุกวัน เวลา 11.00 – 17.00 น. 0 3731 2881https://maps.app.goo.gl/eCmx4fvXc2kDuRh96 วัดมณีวงศ์ จังหวัดนครนายกวัดเก่าแก่สมัยอยุธยา ที่สายมูหลายคนต่างมากราบไหว้ขอพรที่ วังรัตนมณีมหานครบาดาลนาคราช (วังพญานาค) วังบาดาลที่มีพญานาค 4 ตระกูล ได้แก่ ตระกูลวิรูปักข์ (สีทอง) ตระกูลเอราปถะ (สีเขียว) ตระกูลฉัพพยาปุตะ (สีรุ้ง) และตระกูลกันหาโคตะมะ (สีดำ) อยู่ภายใน ใกล้ ๆ ประตูทางเข้าจะมีงูเจ้าที่สีขาวและดำ ภายในถ้ำประดับตกแต่งด้วยแสงไฟหลากสี มีองค์พญานาคจำลองหลากหลาย มีพระพุทธรูปองค์ใหญ่สีทอง มีหุ่นขี้ผึ้งจำลองของพระเกจิอาจารย์ เช่น พระพุฒจารย์ (โต พรหมรังสี) ท่านพุทธทาสภิกขุ หลวงปู่มั่น ครูบาศรีวิชัย มีคลังมหาสมบัติที่เต็มไปด้วย ทอง เพชร พลอยและมุก ตามความเชื่อแล้ว หากใครได้ไหว้ขอพรจากองค์พญานาคจะประสบความสำเร็จและมีโชคลาภ นอกจากนี้ ภายในบริเวณวัดยังมี รูปเคารพของสมเด็จพระนเรศวรฯ และรัชกาลที่ 5 บริเวณโถงอาคารด้านนอกถ้ำ พระพุทธรูป เทวรูปเทพต่าง ๆ ให้ได้สักการะขอพร เพื่อน ๆ ยังสามารถถวายสังฆทานแก่พระภิกษุสงฆ์ได้อีกด้วย หากใครหิว ก็สามารถแวะมาซื้ออาหาร ผลไม้และของฝากได้ที่ตลาดนัดภายในวัดที่พ่อค้าแม่ค้านำมาขายด้วย สามารถซื้อได้ทั้งของฝากและของกินได้อย่างจุใจเลยล่ะ 75 ม.2 ต.ดงละคร อ.เมือง จ.นครนายก เปิดทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 07.00-17.00 น. วันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 7.00-18.00 น. 09 7164 8453https://maps.app.goo.gl/gsMMQJKow2ej4T9YA พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติปราจีนบุรี จังหวัดปราจีนบุรีเป็นพิพิธภัณฑสถานประเภทประวัติศาสตร์โบราณคดีประจำภูมิภาคตะวันออก ที่จัดตั้งขึ้นเพื่อจัดแสดงและรวบรวมโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ ที่ได้จากแหล่งโบราณคดีต่าง ๆ ของภูมิภาคตะวันออกและพื้นที่ใกล้เคียง รวมไปถึงการจัดแสดงเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ในพื้นที่ ตั้งแต่มีการเข้าตั้งรกรากถิ่นฐานตั้งแต่หมื่นกว่าปีก่อนจนถึงปัจจุบัน ภายในมีการจัดแสดงออกเป็นหลายส่วนดังนี้1. ห้องประวัติศาสตร์และโบราณคดีภาคตะวันออก นำเสนอหลักฐานทางโบราณคดีตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์จนถึงสมัยประวัติศาสตร์ พร้อมชมวีดิโอ “ร่องรอยวัฒนธรรมลุ่มน้ำบางปะกงและภูมิภาคตะวันออก” 2. ห้องชุมชนโบราณในภาคตะวันออก จัดแสดงเนื้อหาเกี่ยวกับชุมชนโบราณสมัยก่อนประวัติศาสตร์ในภูมิภาคตะวันออก เช่น ชุมชนโคกพนมดี อายุ 3,500–4,000 ปี และชุมชนหนองโน มีอายุ 2,700–4,500 ปี มีการจัดแสดงหลุมศพจำลองเจ้าแม่โคกพนมดีและโบราณวัตถุที่ค้นพบในสมัยนั้นด้วย 3. ห้องพัฒนาการของชุมชนและเมืองโบราณในภาคตะวันออก นำเสนอพัฒนาการของชุมชนและเมืองโบราณ รวมไปถึงความสัมพันธ์กับดินแดนโพ้นทะเล ไปจนถึงช่วงรับวัฒนธรรมทวารวดีและวัฒนธรรมเขมรโบราณในภาคตะวันออก

เที่ยว FEEL GOOD @ นครนายก-ปราจีนบุรี อ่านเพิ่มเติม

โบราณสถานเมืองศรีมโหสถ จังหวัดปราจีนบุรี

วันนี้บัดดี้จะมานำเสนอสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่มีความสวยงามและยิ่งใหญ่ ที่หลายคนอาจไม่เคยรู้และไม่เคยไปมาก่อน อย่าง “เมืองโบราณศรีมโหสถ” เป็นเมืองโบราณสมัยทวารวดีขนาดใหญ่ มีลักษณะเป็นรูปไข่หรือสี่เหลี่ยมผืนผ้ามุมมน มีคูเมืองและคันดินกำแพงเมืองล้อมรอบคูน้ำ ภายในเมืองมีโบราณสถาน เนินดิน สระน้ำ บ่อน้ำ กระจายอยู่ทั่วเมืองกว่า 100 แห่ง มีเนื้อที่ประมาณ 742 ไร่ เชื่อว่าเป็นพื้นที่ที่มีคนอยู่อาศัยมาตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ และเริ่มมีพัฒนาการเป็นบ้านเมืองในช่วงพุทธศตวรรษที่ 11-12  หรือราว 1,500 ปีมาแล้ว สิ่งที่พบภายในเมืองโบราณแห่งนี้ส่วนมาก จะมีความเกี่ยวข้องกับศาสนาพราหมณ์หรือฮินดู ทั้ง เทวาลัย ศิวลึงค์ ภาพสลัก ไปจนถึงเครื่องปั้นดินเผาและของใช้ในชีวิตประจำวัน ในวันนี้ บัดดี้จะพาเพื่อน ๆ มาดูโบราณสถานในเมืองโบราณศรีมโหสถ ที่บัดดี้ได้มีโอกาสไปมาดังนี้ 1. โบราณสถานหมายเลข 22 (เทวสถานพระคเณศ) เป็นที่ประดิษฐานรูปเคารพพระคเณศองค์ใหญ่ ขนาด 170 เมตร มีแท่นฐานขนาดใหญ่ถึง 200 ตารางเมตร พบหลักฐานว่า ที่นี่เป็นศาสนสถานที่มีอายุไม่น้อยกว่า 800 ปี 2. โบราณสถานสระมรกต ภายในมีรอยพระพุทธบาทคู่สมัยทวารวดี สลักบนพื้นศิลาแลงธรรมชาติลักษณะเหมือนจริง ถือเป็นรอยพระพุทธบาทคู่ที่เก่าแก่ที่สุดในเมืองไทย มีการค้นพบผังอโรคยศาลาในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ทางด้านทิศตะวันออกมีบารายขนาดใหญ่ ปัจจุบันเป็นสระบัวที่มีความสวยงาม 3. โบราณสถานสระแก้ว ตั้งอยู่นอกเมืองศรีมโหสถไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ มีสระน้ำศักดิ์สิทธิ์โบราณขนาดใหญ่ขุดลงไปในชั้นของศิลาแลงธรรมชาติ มีจุดขึ้นลง 2 จุด ผนังขอบสระทุกด้านมีการแกะสลักภาพนูนต่ำเป็นรูปสัตว์ต่าง ๆ  เช่น ช้าง สิงห์ หมู กินรี งูพันเสา มกร (มะกะระ หมายถึง มังกร) สันนิษฐานว่าเป็นสระน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่ใช้ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาของกษัตริย์เมืองศรีมโหสถอายุราวพุทธศตวรรษ ที่ 10-11 ต่อมาน้ำในบ่อใช้ในพิธีพระบรมราชาภิเษกของพระมหากษัตริย์ ค่าบริการ เข้าชมฟรี บ้านโคกวัด ต.โคกปีบ อ.ศรีมโหสถ จ.ปราจีนบุรี เปิดทุกวันเวลา 08.00-18.00 น.

โบราณสถานเมืองศรีมโหสถ จังหวัดปราจีนบุรี อ่านเพิ่มเติม

เที่ยวหน้าฝน สัมผัสธรรมชาติ ให้ชื่นฉ่ำหัวใจ

หน้าฝนปีนี้ เพื่อน ๆ เตรียมตัวออกไปเที่ยวที่ไหนบ้างคะ หลายคนอาจจะคิดว่าฝนตกแบบนี้เที่ยวไหนไม่ได้ แต่รู้หรือไม่ว่า หน้าฝนบ้านเรา มีเสน่ห์ไม่แพ้หน้าร้อนเลยนะ ธรรมชาติจะเขียวขจี อากาศเย็นสบาย น้ำตกไหลแรง ดอกไม้ป่าบานสะพรั่ง เหมาะแก่การไปพักผ่อนหย่อนใจ ชมวิว ถ่ายรูป และสัมผัสประสบการณ์ใหม่ ๆ วันนี้บัดดี้มีภาพสวย ๆ จากแหล่งท่องเที่ยวทั่วประเทศ เพื่อเป็นไอเดียวางแผนการเดินทางไปยังสถานที่ต่าง ๆ ออกไปเที่ยวธรรมชาติ สัมผัสความสดชื่นกันค่ะ 1. ชมนาขั้นบันไดป่าบงเปียง จังหวัดเชียงใหม่ 2. ชมไร่ชาบนดอยแม่สลอง จังหวัดเชียงราย 3. นอนฟังเสียงฝน ตื่นมาชมผาช้างน้อย จังหวัดพะเยา 4. ถ่ายรูปกับถนนลอยฟ้า จังหวัดน่าน 5. ล่องแก่งลำน้ำเข็ก ที่ จังหวัดพิษณุโลก 6. เที่ยวป่าเขาใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา 7. ชมทุ่งดอกกระเจียว จังหวัดชัยภูมิ 8. ค้นหาหินโลมา ที่ ถ้ำนาคา จังหวัดบึงกาฬ 9. ชมวิวภูป่าเปาะ จังหวัดเลย 10. เล่นน้ำตกแสงจันทร์ จังหวัดอุบลราชธานี 11. เดินป่าระยะทางสั้น ๆ ที่ เขาช่องลม จังหวัดนครนายก 12. ล่องแก่งหินเพิง จังหวัดปราจีนบุรี 13. แช่น้ำเย็น ที่ น้ำตกพลิ้ว จังหวัดจันทบุรี 14. สวนพฤกษศาสตร์ จังหวัดระยอง 15. เที่ยวใกล้กรุง ที่ บางกะเจ้า จังหวัดสมุทรปราการ  16. ชมวาฬบรูดา ได้ที่ 3 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสงคราม และจังหวัดเพชรบุรี 17. เที่ยวหมู่บ้านอีต่อง จังหวัดกาญจนบุรี 18. เช็กอินชมวิวสวย ที่ ดงตาลสามโคก จังหวัดปทุมธานี 19. ชมวิวอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี 20. พายซัพบอร์ด ที่ อ่างเก็บน้ำท่าเคย จังหวัดราชบุรี 21. แช่น้ำร้อน ผ่อนคลาย ที่ จังหวัดระนอง 22. สัมผัสวิถีชุมชนบ้านน้ำราบ จังหวัดตรัง 23. ชมวิวเสม็ดนางชี จังหวัดพังงา 24. หลีกหนีความวุ่นวาย ไปเขื่อนเชี่ยวหลาน จังหวัดสุราษฎร์ธานี 25. ล่องแก่งหนานมดแดง ที่ จังหวัดพัทลุง ข้อแนะนำเพิ่มเติม*ตรวจสอบสภาพอากาศก่อนเดินทาง*เตรียมเสื้อผ้า ร่ม รองเท้า ให้เหมาะสมกับการเที่ยวหน้าฝน*พกยาประจำตัว ยากันยุง*เลือกที่พักที่ปลอดภัย สะดวกสบาย*เที่ยวอย่างมีสติ ปฏิบัติตามกฎระเบียบ

เที่ยวหน้าฝน สัมผัสธรรมชาติ ให้ชื่นฉ่ำหัวใจ อ่านเพิ่มเติม

เขาใหญ่ ปราจีนบุรี เส้นทางนี้ธรรมชาติดี๊ดี 🌿

จังหวัดนครราชสีมาและจังหวัดปราจีนบุรี นับว่าเป็นจังหวัดที่มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย ทั้งป่าเขา น้ำตกที่เป็นธรรมชาติค่อนข้างอุดมสมบูรณ์ และมีสถานที่ทางประวัติศาสตร์น่าชมอีกด้วย เส้นทางวันนี้หากเพื่อน ๆ มีเวลา 2-3 วัน บัดดี้ว่ากำลังดีที่เราจะได้หาวันพักผ่อนชิล ๆ จะมีที่ไหนบ้าง ไปชมกันเลย ใครเคยไปเที่ยวกันมาแล้ว อย่าลืมเอารูปภาพสวย ๆ มาอวดบัดดี้บ้างนะคะ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่  หนึ่งในพื้นที่มรดกโลกทางธรรมชาติ (World Heritage Site) ครอบคลุมพื้นที่ 4 จังหวัด เป็นพื้นที่อนุรักษ์ที่มีสัตว์ป่าชุกชุมมากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย แถมยังมีอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปีและในช่วงฤดูฝนที่ใกล้จะมาถึงนี้ เพื่อน ๆ จะได้สัมผัสความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่าเขาใหญ่และได้สูดอากาศบริสุทธิ์เต็มปอดเลยล่ะ  อุทยานฯ มีกิจกรรมให้ทำมากมาย อย่างภาพนี้เป็นกิจกรรมขึ้นหอดูสัตว์หนองผักชี หอดูสัตว์จะสร้างใกล้ ๆ โป่ง เนื่องจากสัตว์จะลงมากินดินโป่ง ส่วนใหญ่จะได้เห็นกวาง ช้างป่า หากโชคดีจะได้เห็นกระทิงลงมากินดินโป่งด้วยนะ ซึ่งหาชมได้ยากมาก อุทยานฯ มีบริการที่พักสำหรับนักท่องเที่ยว สามารถจองที่พักได้ด้วยตนเองที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว (กรณีห้องพักไม่เต็มจำนวนการจอง) หรือ ลงทะเบียนจองบ้านพักล่วงหน้าผ่านระบบออนไลน์ได้ที่ https://nps.dnp.go.th//reservation.php?option=home/ หากใครเป็นสายลุย อุทยานฯ มีเส้นทางเดินป่าศึกษาธรรมชาติทั้งระยะใกล้-ไกล หรือประเภทค้างแรมในป่าก็มี ผู้สนใจสามารถติดต่อเดินป่าได้ที่หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติใกล้เคียงและที่ทำการอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่โดยตรงค่ะ นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมส่องนก ซึ่งมีนกหลากหลายชนิด สามารถถ่ายรูปเป็นที่ระลึกสำหรับนักดูนก เพียงมีกล้องส่องทางไกลหรือเลนส์กล้องระยะซูมไกล ๆ นอกจากความเพลิดเพลินแล้วยังได้มีโอกาสชมนกสวย ๆ และหาดูได้ยากในปัจจุบัน สำหรับใครที่เข้าไปเที่ยว อย่าลืมปฏิบัติตามระเบียบของอุทยานฯ อย่างเคร่งครัดและช่วยกันรักษาไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมนะคะ  ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ตู้ปณ. 9 ตำบลหมูสี อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา เปิดทุกวัน เวลา 06.00-18.00 น. โทร. 08 6092 6527, 08 6092 6529 เว็บไซต์ https://www.khaoyainationalpark.com/contact-ushttps://goo.gl/maps/dcTRLwZSHneUtm2S6 ไร่องุ่น PB Valley  ที่นี่มีพื้นที่ปลูกองุ่นกว่า 500 ไร่ ถือเป็นโรงงานผลิตไวน์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เรียกว่าเป็นสวรรค์ของคนรักไวน์เลยก็ว่าได้ ภายในมีกิจกรรมต่าง ๆ ให้ทำมากมายอีกด้วยกิจกรรมไวน์ทัวร์ ราคาคนละ 350 บาทนั่งรถรางชมไร่ รับฟังการบรรยายเรื่องการปลูกองุ่น กระบวนการผลิตไวน์จากผู้เชี่ยวชาญ พร้อมชิมไวน์แบบสด ๆกิจกรรมตัดองุ่น ราคาคนละ 400 บาทนั่งรถรางชมไร่ พร้อมกิจกรรมตัดองุ่น ซึ่งเราจะได้องุ่นกลับบ้านไปได้เลย นอกจากนี้ ที่นี่ยังมีร้านอาหาร ที่พัก จักรยานให้เช่า และร้านขายของที่ระลึก จำหน่ายผลิตภัณฑ์จากองุ่นหลายอย่าง เช่น ไวน์ องุ่นสด แยม และขนมต่าง ๆ เป็นต้น  เปิดทุกวัน เวลา 07.30-16.30 น. โทร. 081 733 8783, 085 481 1741https://goo.gl/maps/fR1bLxNGqfcDCyQL8  พิพิธภัณฑ์การแพทย์แผนไทยอภัยภูเบศร  ตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศร อาคารสีเหลืองสดใสสไตล์บาร็อกริมแม่น้ำปราจีนบุรีแห่งนี้ ตั้งอยู่ภายในโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร เป็นตึกที่เจ้าพระยาอภัยภูเบศรสร้างขึ้นด้วยทรัพย์สินส่วนตัว เคยใช้เป็นที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อครั้งเสด็จฯ เยือนมณฑลปราจีน และเคยใช้เป็นตึกอำนวยการรักษาผู้ป่วย หลังจากตึกอำนวยการหลังใหม่สร้างเสร็จ กรมศิลปากรก็ได้ขึ้นทะเบียนตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศรเป็นโบราณสถาน พ.ศ. 2539 ภายในตึกได้เปิดเป็นพิพิธภัณฑ์การแพทย์แผนไทยอภัยภูเบศร จัดแสดงประวัติความเป็นมาของตึก รวบรวมและอนุรักษ์ตำรายาไทย การแพทย์แผนไทย และการแพทย์พื้นบ้านของจังหวัดปราจีนบุรี นอกจากนี้ยังมีสินค้าสมุนไพรของอภัยภูเบศรจำหน่ายด้วย ใครชอบผลิตภัณฑ์จากสมุนไพร อย่าลืมแวะซื้อกันได้นะคะ อภัยภูเบศร เดย์ สปา นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมสปา สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการนวดผ่อนคลาย หรือมีปัญหาปวดเมื่อยเนื้อตัว ที่นี่มีการนวดหลากหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นการกดจุด นวดด้วยสารสกัดจากสมุนไพรเข้มข้นหลากหลายชนิด ให้รู้สึกผ่อนคลาย สบายตัวจากอภัยภูเบศร เดย์ สปา ต้องลองมากันค่ะ 32/7 หมู่ที่ 12 ตำบลท่างาม อำเภอเมืองปราจีนบุรี จังหวัดปราจีนบุรี เปิดทุกวัน เวลา 08.30 – 16.30 น. 0 3721 7127, 0 3721 1088 ต่อ 3123, 2149, 2133https://goo.gl/maps/f741531vS9v3pTQH9

เขาใหญ่ ปราจีนบุรี เส้นทางนี้ธรรมชาติดี๊ดี 🌿 อ่านเพิ่มเติม

“บ้านเล่าเรื่อง เมืองสมุนไพร”

บ้านเล่าเรื่อง เมืองสมุนไพร.บ้านที่เต็มไปด้วยเรื่องราวของสมุนไพรหลังนี้ เดิมเป็นของครอบครัวเปี่ยมสมบูรณ์ ซึ่งเป็นตระกูลขุนนางและพ่อค้าเก่าแก่ของปราจีนบุรี ดร.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ ได้มอบบ้านหลังนี้ให้แก่โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศรเพื่อใช้ประโยชน์ จึงเกิดเป็นบ้านเล่าเรื่อง ที่เป็นทั้งร้านอาหารเพื่อสุขภาพและพิพิธภัณฑ์ขนาดย่อม ที่นำเสนอเรื่องราวของสมุนไพรผ่านนิทรรศการที่จัดแสดงภายในร้านด้วย เมื่อเดินเข้าไปในร้าน ห้องแรกที่เราจะได้พบก็คือห้องรับแขก ซึ่งมีหนังสือเกี่ยวกับสมุนไพร ประวัติความเป็นมาของบ้านหลังนี้ รวมทั้งเมนูอาหารของร้าน ซึ่งล้วนเป็นเมนูที่ทำจากสมุนไพร วางเรียงรายเอาไว้ให้ชมด้วย ระหว่างทางเดินไปยังห้องอาหาร จะผ่านโถงที่จัดแสดงนิทรรศการบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์ ที่เคยเสด็จฯ มาเยือนจังหวัดปราจีนบุรี ได้แก่ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช และพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นต้น และแล้วเราก็เข้ามาถึงภายในห้องอาหาร ซึ่งตกแต่งอย่างสวยงาม พร้อมทั้งยังแทรกเรื่องราวของสมุนไพรเอาไว้ตามส่วนต่างๆ ของห้อง ทำให้รู้สึกว่าสมุนไพรนั้นน่าสนใจและไม่ได้อยู่ไกลตัวเราเลย มาดูเมนูอาหารกันบ้าง เริ่มที่ “ปลากะพงผัดขึ้นฉ่าย” รสชาติกลมกล่อม เหมาะสำหรับคนไม่ทานเผ็ด แค่จานแรกก็บอกเลยว่าดีค่ะ เสิร์ฟตามมาติดๆ กับ “แกงเลียง” เมนูสุขภาพ รสชาติเข้มข้น “ไก่ทอดขมิ้น” ทอดมาร้อนๆ กรอบๆ ทานคู่กับสลัด ยกนิ้วให้เลยค่ะ ชุดน้ำพริกกะปิ” พร้อมผักต้มหลากหลายชนิด กะปิรสนัวมากขอบอก ยิ่งทานกับผักต้มและข้าวไรซ์เบอร์รีเพื่อสุขภาพ ยิ่งแซ่บมากจ้า มาถึงเครื่องดื่มที่พลาดไม่ได้เมื่อมาถึงที่นี่ก็คือ “อัญชันโซดา” เสิร์ฟมาเป็นชุดให้ปรุงเองเลย ใครชอบหวานมากหวานน้อย ก็เติมได้ตามใจชอบเลยค่า ดื่มแล้วชื่นใจหายเหนื่อย ด้านหน้าร้านปลูกสมุนไพรหลากหลายชนิด และยังมีป้ายให้ความรู้เกี่ยวกับสรรพคุณของสมุนไพรแต่ละอย่างด้วย ถ้าใครมาเที่ยวปราจีนบุรี แอดแนะนำเลยว่าต้องมาที่นี่ บรรยากาศดี อาหารอร่อย แถมได้ความรู้เรื่องสมุนไพรด้วย ครบเลยค่ะ.บ้านเล่าเรื่อง เมืองสมุนไพร ปราจีนบุรีที่ตั้ง 51 ต.หน้าเมือง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรีเปิดทุกวัน เวลา 10.00-20.00 น.โทร. 097 021 1037  เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 17 กรกฎาคม 2562

“บ้านเล่าเรื่อง เมืองสมุนไพร” อ่านเพิ่มเติม

เรือนหมอพลอย @ ภูมิภูเบศร

“เรือนหมอพลอย” เป็นเรือนไม้หลังใหญ่ที่นายแพทย์ไพโรจน์ นิงสานนท์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงหมื่นชำนาญแพทยา (พลอย แพทยานนท์) หมอหลวงในสมัยรัชกาลที่ 5 – รัชกาลที่ 6 ซึ่งเป็นคุณตาของท่าน และต่อมาท่านได้มอบเรือนหลังนี้ให้แก่โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร เพื่อใช้เป็นพิพิธภัณฑ์การแพทย์แผนไทยค่ะ เรือนหมอพลอยเป็นเรือนไม้ใต้ถุนสูง ภายในจัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับการแพทย์แผนไทย โดยชั้นล่างจัดเป็น “โซนยาย้อนยุค” มีโถสมุนไพรต่างๆ วางเรียงรายอยู่ ซึ่งเราสามารถเลือกสมุนไพรกลิ่นที่ชอบมาผสมเป็นยาดมได้เองเลย แก้วิงเวียนได้ดีมากๆ นอกจากนี้ยังมีร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์สมุนไพรและของฝากเก๋ๆ ให้เลือกซื้อกลับไปฝากคนที่บ้านได้ด้วยนะคะ ทุกวันเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ บริเวณชั้นล่างนี้จะมีกิจกรรม Workshop สาธิตการทำยา และกิจกรรมสุขภาพต่างๆ เช่น การทำแป้งร่ำ การทำธูปหอมด้วยสมุนไพร ฯลฯ ซึ่งกิจกรรมจะแตกต่างกันไปในแต่ละเดือน ผู้สนใจสามารถร่วมกิจกรรมได้โดยไม่จำกัดจำนวนคนและไม่เสียค่าใช้จ่ายค่ะ โดยกิจกรรมจะมีวันละ 2 รอบ เวลา 10.00 น. และ 14.00 น. หลังจากทดลองทำยากันไปแล้ว เราก็ขึ้นมาชมนิทรรศการที่ชั้นบนกันบ้าง ซึ่งข้างบนนี้แบ่งการจัดแสดงออกเป็น 3 ห้องด้วยกัน.ห้องแรกคือ “ย้อนรอยหมอหลวง ชื่อหมอพลอย” เป็นห้องที่บอกเล่าถึงชีวประวัติของหมอพลอย และความเป็นมาของเรือนหลังนี้ มีข้าวของเครื่องใช้ของหมอพลอย และเครื่องมือเครื่องใช้ทางการแพทย์ในอดีตไว้ให้ชมมากมายเลย ห้องถัดมา “หมอไทยนั้นเป็นฉันใด” ในห้องนี้เราจะได้เรียนรู้เรื่องราวของการแพทย์ในแบบต่างๆ ทั้งการแพทย์เชิงระบบ การแพทย์เหนือธรรมชาติ และการแพทย์พื้นบ้าน ซึ่งได้นำมาประยุกต์ใช้ในการแพทย์แผนปัจจุบัน ส่วนห้องสุดท้ายคือ “หั่น สับ จับมาเป็นยา” ภายในห้องนี้เราสามารถหยิบจับเครื่องไม้เครื่องมือ และลองทำยาด้วยตัวเองได้ด้วย เห็นแล้วนึกถึงละครเรื่อง ทองเอก หมอยาท่าโฉลง เลยค่ะ  นับว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย เที่ยวได้ทั้งครอบครัวจริงๆ ถ้าเพื่อนๆ มีเวลาว่างก็อย่าลืมมาเที่ยวกันนะคะ ภูมิภูเบศร ศูนย์การเรียนรู้สมุนไพรและภูมิปัญญาสุขภาพ บางเดชะ (เรือนหมอพลอย)ที่ตั้ง ตําบลบางเดชะ อําเภอเมือง จังหวัดปราจีนบุรีโทร 097 098 3582Facebook : ภูมิภูเบศร ศูนย์การเรียนรู้สมุนไพรและภูมิปัญญาสุขภาพ บางเดชะเปิดทุกวัน เวลา 08.30-16.30 น. เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 9 มิถุนายน 2562

เรือนหมอพลอย @ ภูมิภูเบศร อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top