เพื่อนร่วมทาง

✨ อดีต…อุดร ✨

📍 อุดรธานี 📍 เมืองที่ซ่อนประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมหลากหลายเอาไว้ในพื้นที่มากมาย เหมือนกับแต่ละสถานที่ในจังหวัดต่อไปนี้ ที่น่าจะช่วยฉายภาพให้เห็นสภาพความเป็นอยู่และตัวตนของคนอุดรฯ ที่กล่าวได้ว่า มีประวัติศาสตร์เป็นเอกลักษณ์ และน่าเดินทางไปเยี่ยมชมมากที่สุดจังหวัดหนึ่งในประเทศไทย TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง ร่วมกับ The Cloud นำเสนอคอลัมน์ Take Me Out เที่ยวบ้านเพื่อน รอบนี้พาทัวร์อุดรธานีผ่านกลิ่นอายความเก่าแก่กับ 10 สถานที่ที่เราขอพาเช็กอินให้ชม เที่ยว ช้อปกันแบบจุใจ ในรูปแบบพิพิธภัณฑ์ที่เคยล้ำสมัยที่สุดในโลก ศาลเจ้าสองวัฒนธรรม ไปจนถึงร้านส้มตำเจ้าเด็ด 📌 ใครพร้อมเที่ยวแล้ว เตรียมปักหมุดได้เลย ✳ ตรวจสอบมาตรการการเดินทางเข้าพื้นที่ได้ที่ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดอุดรธานี : https://www.facebook.com/udpho ข้อมูลจากพิพิธภัณฑ์เมืองอุดรธานีบอกว่า แท้จริง “อุดรธานีไม่เคยมีอยู่” ที่ตั้งของจังหวัดในปัจจุบันนี้ เป็นถิ่นฐานที่เดิมตั้งบนพื้นที่ชายขอบรกร้าง ในฐานะกองบัญชาการ ‘มณฑลลาวพวน’ หรือ ‘มณฑลฝ่ายเหนือ’ ในช่วงราว พ.ศ. 2436 ภายใต้เหตุพิพาทสำคัญกับฝรั่งเศสในยุคอาณานิคมอย่างเหตุการณ์ ร.ศ.112 มณฑลฝ่ายเหนือนี้ภายหลังได้เปลี่ยนชื่อเป็น ‘มณฑลอุดร’ และเริ่มเป็นศูนย์กลางการเดินทางและการค้า จนกระทั่งหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองใน พ.ศ. 2475 มณฑลอุดรจึงถูกยกเลิก แล้วยกฐานะเป็น ‘จังหวัดอุดรธานี’ เรื่อยมาจนหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ถนนมิตรภาพนำความเจริญมาสู่จังหวัดพร้อมสหรัฐอเมริกาและทหาร G.I. ด้วยการเป็นพื้นที่ตั้งฐานทัพโจมตีทางอากาศในสงครามเวียดนาม G.I. ได้เปลี่ยนสภาพสังคมและเศรษฐกิจของจังหวัดไปอย่างมาก จากการทำเกษตรและกิจการขนาดเล็ก ๆ สู่การเกิดขึ้นของโรงแรม โรงภาพยนตร์ สถานบันเทิง อาบอบนวด และตึกแถวสองข้างทางในตัวเมืองก็อัดแน่นไปด้วยร้านค้าหลากหลาย ทั้งร้านสูท เครื่องประดับ ห้องถ่ายภาพ ร้านเสริมสวย และร้านค้าอื่น ๆ มากมาย การเติบโตของเมืองจากเหตุความขัดแย้งภายนอกแต่ละครั้ง ประกอบกับการมีผู้อพยพย้ายถิ่นฐานเข้ามาเป็นจำนวนมาก ทำให้อุดรธานีประกอบด้วยผู้คนหลากหลายเชื้อชาติ ที่ต่างพกพาประวัติศาสตร์และความเชื่อของตัวเอง ประกอบสร้างเป็นเรื่องราวของจังหวัดจนถึงทุกวันนี้ ถ้าพร้อมแล้วเราจะพาไปย้อนดูอุดรในอดีต ตั้งแต่พิพิธภัณฑ์ ศาลเจ้าจีน ค่ายทหารสงครามเย็น จนถึงร้านอาหาร 1 แหล่งโบราณคดีบ้านเชียง หลักฐานแรกตั้งถิ่นฐานในอุดรธานีที่เป็นมรดกโลก “ถ้าคนอุดรฯ ไปอยู่ในดงคนอื่น หรือถ้ามีคนนอกถามว่าพูดถึงจังหวัดอุดรฯ ต้องพูดถึงอะไร คนอุดรฯ จะยังคงนึกถึงบ้านเชียงอยู่” กนกวลี สุริยะธรรม ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติบ้านเชียง ให้ความคิดเห็นถึงแหล่งอารยธรรมโบราณอายุกว่า 5,000 ปี ในฐานะส่วนหนึ่งของตัวตนคนอุดรฯ สถานที่นี้ถูกขุดค้นเจอเมื่อ พ.ศ. 2517 ในอำเภอหนองหาน จังหวัดอุดรธานี ก่อนจะได้รับเลือกเป็นมรดกโลกลำดับที่ 359 ใน พ.ศ. 2535 บ้านเชียงได้ถูกพัฒนาเป็นพิพิธภัณฑ์ให้คนทั่วไปเข้าชมได้ โดยแบ่งเป็น 2 ส่วนหลัก ๆ คือส่วนอาคารพิพิธภัณฑ์ เนื้อหาครอบคลุมเรื่องพัฒนาการทางยุคสมัย วิถีชีวิต การขุดค้น และจัดแสดงโบราณวัตถุ ทั้งเครื่องปั้นดินเผา สำริด เหล็ก รวมถึงโครงกระดูกที่ขุดพบ กับอีกจุดจัดแสดงแหล่งการขุดค้น ณ วัดโพธิ์ศรีที่ตั้งอยู่ห่างไป 900 เมตร ปัจจุบันนอกจากงานให้บริการพิพิธภัณฑ์ ที่นี่ได้ให้บริการในด้านการวิจัยและงานวิชาการ อย่างการเป็นคลังเก็บโบราณวัตถุ งานสำรวจทำบัญชีโบราณวัตถุในพื้นที่ ให้บริการออกใบอนุญาตส่งโบราณวัตถุ ร่วมจัดงานมรดกโลกซึ่งเป็นงานประจำปีที่จะจัดร่วมกับหน่วยงานรัฐและชุมชน รวมถึงสนับสนุนข้อมูลเชิงวิชาการให้การท่องเที่ยวของชุมชน โดยรอบมีโฮมสเตย์ ร้านค้า กลุ่มทอผ้า กลุ่มปั้นหม้อ ซึ่งเป็นกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่ดำเนินสอดคล้องกับเรื่องราวในพื้นที่มาโดยตลอด  หมู่ที่ 13 ถนนสุทธิพงษ์ ตำบลบ้านเชียง อำเภอหนองหาน จังหวัดอุดรธานี 41320 https://goo.gl/maps/xpBzAH9RCyne3vMb9  วัน-เวลาทำการ : พิพิธภัณฑ์ วันพุธ-วันอาทิตย์ เวลา 09.00 – 16.00 น. (ปิดวันจันทร์และวันอังคาร) หลุมขุดค้น วัดโพธิ์ศรีใน ทุกวัน เวลา 09.00 – 16.00 น.  0 4223 5040  Facebook : พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ บ้านเชียง : Banchiang National Museum 2 กลุ่มทอผ้าโบราณบ้านโนนกอก ชุมชนตำหูกที่ย้อมสีผ้าด้วยดอกบัว จากความทรงจำวัยเด็กที่ได้เห็นการทอผ้าใต้ถุนบ้านเป็นภาพชินตา อภิชาติ พลบัวไข ผู้ใหญ่บ้านโนนกอก หลังจากเรียนจบปริญญาโท คณะรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยพิษณุโลก ต้องการกลับบ้านเกิดมาพัฒนาชุมชนด้วยสิ่งที่เขารักและผูกพันมาตั้งแต่วัยเยาว์ เมื่อภาพที่จำได้เหล่านั้นกลับหายไปเมื่อเขาเริ่มเติบโตขึ้น “บ้านโนนกอกเลิกทอผ้ามายี่สิบกว่าปีแล้ว ผมต้องเริ่มจากหาช่างทอลูกหลานที่ยังหลงเหลือ เรามารวมกลุ่มกันทอผ้าแบบโบราณ จากคนเดียวเป็นสอง สาม สี่ ห้า จนปัจจุบันยี่สิบห้าคน รวมถึงเรามีเครือข่ายขยายไปสองร้อยกว่าคนในหมู่บ้านต่าง ๆ” ผู้ใหญ่บ้านยังเล่าว่า การทอผ้าหรือภาษาอีสานเรียก ‘ตำหูก’ เป็นวิถีชีวิตที่มีอยู่ทั่วทุกพื้นที่ในภาคอีสาน โดยเฉพาะจังหวัดอุดรธานีที่มีผ้าทอลายขิดเป็นภูมิปัญญาและมีลวดลายสวยงามเป็นเอกลักษณ์ นอกจากตั้งใจรื้อฟื้นการใช้กี่ทอผ้าแบบโบราณโดยไม่ใช้เครื่องจักร เขายังต้องการสร้างเอกลักษณ์ในด้านสีสันและเรื่องราวของท้องถิ่นให้ฝ้ายและไหมด้วย เอกลักษณ์ของที่นี่คือการนำส่วนต่าง ๆ ของดอกบัวมาเป็นวัตถุดิบย้อม โดยค้นพบว่า ดอกบัวตากแห้งจะได้สีน้ำตาลทอง สายบัวจะได้สีเทาเงิน กลีบได้สีชมพู จนภายหลังก็ได้พัฒนาเช่นพบว่า เมื่อใช้น้ำปูนกับมะขามเปียกผสมจะได้สีเขียวขี้ม้า หรือที่นิยมมากคือการหมักกับโคลน ที่จะทำให้ย้อมดอกบัวได้สีดำ นำมาซึ่งความแตกต่างของเอกลักษณ์สีธรรมชาติที่ทำให้ที่นี่เป็นที่รู้จักไปไกล  ชุมชนบ้านโนนกอก 63 หมู่ที่ 18 ตำบลหนองนาคำ อำเภอเมืองอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี 41000 https://goo.gl/maps/achU8sf5SgrSRWVq5  วัน-เวลาทำการ : ทุกวัน 08.00 – 17.00 น.  06 1942 8808  Facebook : กลุ่มทอผ้าโบราณบ้านโนนกอก จ.อุดร 3 ส้มตำเบญจางค์ ร้านส้มตำเก่าแก่แห่งบ้านโนน อร่อยมาตั้งแต่รุ่นยาย ถ้าถามคนอุดรฯ ว่าร้านส้มตำร้านไหนอร่อยที่สุด ว่ากันตามตรงแต่ละคนก็อาจตอบร้านโปรดของตัวเองที่มีอยู่ทั่วทุกมุมเมือง แต่ถ้าถามว่าร้านไหนเปิดมายาวนานที่สุด

✨ อดีต…อุดร ✨ อ่านเพิ่มเติม

รู้หรือไม่! ทำไมถึงมีการห้ามให้อาหารปลาในทะเล 🐟

“การดำน้ำ” 🤿 เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ได้รับความนิยมอย่างมากเมื่อเราได้ไปทะเล ไม่ว่าจะเป็นการดำน้ำตื้นหรือดำน้ำลึก เราจะสามารถมองเห็นความงดงามทางธรรมชาติ ปะการังต่าง ๆ ปลา และสัตว์ทะเลอีกมากมาย.ในระหว่างดำน้ำอาจมีกิจกรรม “การให้อาหารกับปลาในทะเล” ซึ่งเพื่อน ๆ ส่วนใหญ่อาจจะทราบกันอยู่แล้วว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ ซึ่งวันนี้แอดจะมาบอกเหตุผลว่า ทำไมเราถึงไม่ควรให้อาหารปลาในทะเล 🚫.อาหารส่วนใหญ่ที่มีการนำไปให้ปลาในทะเลกินเป็นจำพวกแป้ง ซึ่งเป็นอาหารโปรดของปลาสลิดหินบั้งเขียวเหลือง ถึงแม้ว่าหน้าตามันออกจะน่ารัก แต่ด้วยนิสัยตามธรรมชาติ ปลาชนิดนี้มีนิสัยดุร้ายและชอบยึดอาณาเขตในพื้นที่ที่มีอาหารโปรดของมันอยู่เยอะ.โดยปกติตามแนวปะการังจะมีปลาและสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่และทำหน้าที่รักษาสมดุลของระบบนิเวศน์ คือ ปลาที่อาศัยอยู่ตามแนวปะการังหาอาหารจากการกินสาหร่ายและสิ่งมีชีวิตที่ปกคลุมปะการัง ซึ่งถือว่าเป็นการทำความสะอาดปะการังด้วยนั่นเอง.หากเจ้าปลาสลิดหินบั้งเขียวเหลืองมากินอาหารที่มนุษย์ให้ตามแนวปะการัง จะเกิดอะไรขึ้น?📍 ปลาชนิดนี้ก็จะเริ่มมีจำนวนเยอะมากขึ้น เริ่มยึดอาณาเขต และขับไล่ปลาตัวอื่นออกจากพื้นที่📍 สิ่งมีชีวิตที่ปกคลุมแนวปะการัง รวมถึงแบคทีเรียที่เกิดจากการขับถ่ายของปลาสลิดหินบั้งเขียวเหลืองเพิ่มมากขึ้น และทำให้ปะการังสกปรก📍 แนวปะการังที่มีระบบนิเวศน์ค่อนข้างซับซ้อนและอ่อนไหวเริ่มเสื่อมโทรม ล้มตายและไม่สามารถเกิดขึ้นใหม่ได้เนื่องจากสภาพแวดล้อมไม่เอื้ออำนวย📍 ปลาบางชนิดกินแต่ขนมปังที่มนุษย์ให้ ไม่สามารถหาอาหารเอง แถมยังทำให้ขาดสารอาหารและป่วยตายได้ง่าย.เพียงแค่ไม่กี่ข้อที่แอดกล่าวมา ก็ทำให้เห็นแล้วว่าเมื่อระบบนิเวศน์เสียสมดุล ความงดงามทางทะเลก็จะค่อย ๆ หายไป แน่นอนว่าเพื่อน ๆ ก็อยากให้ธรรมชาติเหล่านี้คงอยู่ เพื่อให้คนอื่น ๆ หรือแม้แต่ตัวเราเองได้กลับมาดูอีกครั้ง การอนุรักษ์ไว้จึงไม่ใช่แค่เรื่องของใครบางคน แต่เป็นสิ่งที่เราเองมีส่วนช่วยได้ มาช่วยกันนะคะ 😉.อ้างอิงข้อมูลจาก : กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง

รู้หรือไม่! ทำไมถึงมีการห้ามให้อาหารปลาในทะเล 🐟 อ่านเพิ่มเติม

ภูเขาไฟกระโดง จังหวัดบุรีรัมย์ 🌱

จังหวัดบุรีรัมย์แห่งดินแดนอีสาน เป็นจังหวัดที่น่าสนใจและโดดเด่นในหลาย ๆ ด้าน ทั้งประวัติศาสตร์ ธรรมชาติ กีฬา เรียกว่ามีครบเลยค่ะ หนึ่งในจุดหมายที่แอดว่าน่าสนใจมาก และอยากแนะนำให้รู้จักก็คือ “ภูเขาไฟกระโดง” ในบุรีรัมย์มีภูเขาไฟที่ดับแล้วหลายแห่ง “ภูเขาไฟกระโดง” เป็นภูเขาไฟที่อายุน้อยที่สุด คือมีอายุประมาณ 6 แสนถึง 9 แสนปี เดิมชาวบ้านเรียกภูเขาลูกนี้ว่า “พนมกระดอง” คำว่า “พนม” เป็นภาษาเขมร แปลว่า ภูเขา ส่วน “กระดอง” ก็คือ กระดองเต่า เพราะมีลักษณะคล้ายกระดอง ต่อมาได้เพี้ยนเป็นคำว่า กระโดง ในปัจจุบันนั่นเอง ที่ภูเขาไฟกระโดงยังมีร่องรอยปากปล่องภูเขาไฟเก่าให้เห็นอย่างชัดเจน โดยมีสภาพเป็นเหมือนแอ่งน้ำ ปัจจุบันมีการปรับปรุงภูมิทัศน์ให้สวยงาม สร้างสะพานและทางเดินให้ชมธรรมชาติได้สะดวก นักท่องเที่ยวจะเพลิดเพลินมากทีเดียว เพราะจุดนี้ยังเป็นป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์ มีทั้งพันธุ์ไม้หายากและสัตว์ป่า ใครได้แวะมาเที่ยวจังหวัดบุรีรัมย์ ต้องลองไปกันดูนะคะ ไฮไลท์จุดหนึ่งบนภูเขาไฟกระโดงก็คือ “สะพานแขวนลาวา” เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวชื่นชอบมาก เพราะสามารถมองลงไปเห็นปากปล่องภูเขาไฟได้อย่างใกล้ชิด และเป็นจุดถ่ายรูปยอดฮิตที่ใครมาก็ต้องเก็บภาพไปสักรูปหนึ่ง ส่วนบนยอดเขากระโดงเป็นที่ประดิษฐานพระสุภัทรบพิตร พระพุทธรูปใหญ่คู่เมืองบุรีรัมย์ หากมองลงไปด้านล่างจะเห็นสนามไอโมบายสเตเดียมชัดเจนทีเดียว ในทุกวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 5 ของทุกปี จะมีงานประเพณีขึ้นเขากระโดงอีกด้วย  การเดินทางขึ้นเขากระโดง เราสามารถขึ้นได้ 2 แบบ คือเดินขึ้นบันไดจำนวน 297 ขั้น หรือขับรถยนต์ขึ้นไป แต่ต้องระมัดระวังการขับขี่หน่อยนะคะ เนื่องจากเป็นถนนเดินรถทางเดียว วนอุทยานภูเขาไฟกระโดง ตำบลเสม็ด อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่ 06.00-18.00 น. ไม่เสียค่าเข้าชม 0 4463 7349 https://goo.gl/maps/WeKzup9CEDeq51eG6

ภูเขาไฟกระโดง จังหวัดบุรีรัมย์ 🌱 อ่านเพิ่มเติม

ถาม-ตอบ คลายข้อสงสัย Phuket Sandbox 7+7 Extension EP 2

สวัสดีเพื่อน ๆ ทุกคน พบกันอีกครั้งกับ Q&A ในช่วง #PhuketSandBox แอดนำคำถามเกี่ยวกับ Phuket 7+7 Extension มาคลายข้อสงสัยให้เพื่อน ๆ ทราบกันเพิ่มเติม สามารถดูมาตรการการเข้าและออกได้ที่ https://www.facebook.com/145316445540444/posts/5964045437000820/?d=n English Translation You can be found via : https://www.facebook.com/145316445540444/posts/5973201932751837/?d=n —————————————————————————— สำหรับเพื่อน ๆ ที่มีข้อข้องใจนอกเหนือจากที่แอดนำเสนอในบทความนี้ สามารถอ่านเพิ่มเติมได้จากบทความด้านล่างได้เลย ถาม-ตอบ ข้อสงสัยเกี่ยวกับการเดินทางเข้าภูเก็ต ถาม-ตอบ คลายข้อสงสัย Phuket Sandbox ถาม-ตอบ คลายข้อสงสัย ภูเก็ตแซนบอกซ์ : Clarify Your Doubts of Phuket Sandbox ถาม-ตอบ คลายข้อสงสัย ภูเก็ตแซนบอกซ์ : Clarify Your Doubts of Phuket Sandbox EP 2 ถาม-ตอบ คลายข้อสงสัย ภูเก็ตแซนบอกซ์ : Clarify Your Doubts of Phuket Sandbox EP 3 ถาม-ตอบ คลายข้อสงสัย ภูเก็ตแซนบอกซ์ : Clarify Your Doubts of Phuket Sandbox EP 4 ถาม-ตอบ คลายข้อสงสัย ภูเก็ตแซนบอกซ์ : Clarify Your Doubts of Phuket Sandbox EP 5 ถาม-ตอบ คลายข้อสงสัย ภูเก็ตแซนบอกซ์ : Clarify Your Doubts of Phuket Sandbox EP 6 ถาม-ตอบ คลายข้อสงสัย ภูเก็ตแซนบอกซ์ : Clarify Your Doubts of Phuket Sandbox EP 7 ถาม-ตอบ คลายข้อสงสัย ภูเก็ตแซนบอกซ์ : Clarify Your Doubts of Phuket Sandbox EP 8 ถาม-ตอบ คลายข้อสงสัย ภูเก็ตแซนบอกซ์ : Clarify Your Doubts of Phuket Sandbox EP 9 ถาม-ตอบ คลายข้อสงสัย Phuket Sandbox 7+7 Extension ถาม-ตอบ คลายข้อสงสัย Phuket Sandbox 7+7 Extension EP 3

ถาม-ตอบ คลายข้อสงสัย Phuket Sandbox 7+7 Extension EP 2 อ่านเพิ่มเติม

มาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในพื้นที่อำเภอเกาะพะงัน (เผยแพร่ วันที่ 25 ส.ค. 2564)

—————————————————————————— หมายเหตุ : ข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตามสถานการณ์ ข้อมูลล่าสุด วันที่ 24 สิงหาคม 2564 คำสั่งจังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่ 5697/2564 ฉบับที่ 62 —————————————————————————— ศูนย์ปฏิบัติการควบคุมโรคติดต่อตำบลเกาะเต่า (Koh Tao Subdistrict Disease Control Operation Center)ที่ว่าการอำเภอเกาะพะงัน (ส่วนหน้า) ต.เกาะเต่า อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี จุดคัดกรองผู้ที่เดินทางเข้าเกาะเต่า ณ ท่าเรือเกาะเต่า ศาลาวิภาวดีโทร : 065-9715755 —————————————————————————— ขอบคุณข้อมูลจาก สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสุราษฎร์ธานี, ศูนย์ปฎิบัติการควบคุมโรคติดต่อตำบลเกาะเต่า ศปก.ต.เกาะเต่า Link : https://web.facebook.com/informationkohtaocovid19/posts/238075214891653

มาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในพื้นที่อำเภอเกาะพะงัน (เผยแพร่ วันที่ 25 ส.ค. 2564) อ่านเพิ่มเติม

✨ กุ้งเดินขบวน ที่แก่งลำดวน ✨

ว่ากันว่า…ธรรมชาติมีความมหัศจรรย์อยู่เสมอ หลายครั้งที่ออกเดินทาง เราจึงได้พบเห็นสิ่งแปลกตาและน่าค้นหาจากธรรมชาติอยู่บ่อย ๆ วันนี้แอดจะพาเพื่อน ๆ มาชม “ขบวนกุ้ง” ปรากฎการณ์น่ารัก ๆ ทางธรรมชาติที่สามารถพบเห็นได้ในช่วงฤดูฝนเท่านั้น 🌧 ปรากฏการณ์กุ้งเดินขบวนนี้อยู่ที่ “แก่งลำดวน” จังหวัดอุบลราชธานี ในฤดูฝน กระแสน้ำที่แก่งลำดวนจะไหลเชี่ยว จึงเกิดปรากฏการณ์ที่เหล่ากุ้งตัวน้อยพากันเดินขึ้นมาตามแนวโขดหิน เพื่อหลบกระแสน้ำที่เชี่ยวกราก มุ่งหน้าไปยังพื้นที่ต้นน้ำลำโดมใหญ่ ณ เทือกเขาพนมดงรักเพื่อวางไข่ขยายพันธุ์ ปรากฏการณ์นี้ เป็นสิ่งที่หาชมได้ยากและมีความละเอียดอ่อน ต้องชมด้วยความระมัดระวัง ขบวนกุ้งจะมีมากหรือน้อยนั้นขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำและปัจจัยอื่น ๆ ทางธรรมชาติ ที่สำคัญ ต้องช่วยรณรงค์กันไม่ใช้สารเคมีอันตรายหรือทิ้งขยะปนเปื้อนลงในน้ำ เพราะจะส่งผลกระทบกับกุ้งเป็นอย่างมาก 🗓 สามารถชมได้ตลอดเดือนกันยายนของทุกปี (ปีนี้ยังไม่มีกำหนดว่าจะเปิดหรือไม่ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ COVID-19⏰ เวลาที่เปิดให้ชมคือช่วง 19.00-22.00 น. (มีเจ้าหน้าที่นำชมเป็นรอบ ๆ) 📌 ข้อควรปฏิบัติในการชมกุ้งเดินขบวน ไม่ออกนอกเส้นทางที่กำหนดไว้ ชมอย่างระมัดระวัง ไม่เหยียบ หรือสัมผัสกุ้ง พื้นที่ชมขบวนกุ้งบางจุดอาจลื่นและมีกระแสน้ำไหลเชี่ยว แนะนำให้ระมัดระวังเป็นพิเศษ ไม่นำอาหารและเครื่องดื่มไปรับประทานขณะชม ไม่ส่งเสียงดัง ระวังสัตว์มีพิษที่อาจพบในบริเวณนั้น ไม่ใช้ไฟฉายที่มีความสว่างมากเกินไป และไม่ส่องไปที่กุ้งเป็นเวลานาน เพราะจะเป็นการรบกวนกุ้ง ปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัด ⭐ อุปกรณ์การชมกุ้งที่เพื่อน ๆ สามารถเตรียมไปเองได้ ไฟฉายสำหรับส่องชมกุ้ง ร่มหรือเสื้อกันฝน เพราะฝนอาจตกในระหว่างที่ชม ยากันยุง รองเท้า ควรเลือกพื้นยางและหุ้มเท้าอย่างมิดชิด ป้องกันสัตว์มีพิษ และป้องกันการลื่น 📞 ศูนย์ศึกษาธรรมชาติและสัตว์ป่าอุบลราชธานี โทร. 045 410 040, 086 916 9634📍 ตำบลโดมประดิษฐ์ อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี🌐 https://goo.gl/maps/Rp8x6LUVHzL2dh9G9

✨ กุ้งเดินขบวน ที่แก่งลำดวน ✨ อ่านเพิ่มเติม

✨ รวม 10 สถานที่กิน เที่ยว พัก เมืองลำปาง ✨

เมืองผ่านก็แค่ฉายา เพราะลำปางหนามีดีกว่านั้น … TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง ร่วมกับ The Cloud นำเสนอคอลัมน์ Take Me Out เที่ยวบ้านเพื่อน พาทุกท่านไปซอกแซกลำปางในอีกมุมมองหนึ่ง ผ่าน 10 สถานที่กิน เที่ยว พัก ที่อยู่ในบ้านแต๊ ๆ ของเปื้อนปี้น้องจาวเมืองรถม้า ซึ่งสะท้อนความหลากหลายและเปี่ยมชีวิตชีวา ทั้งเชิงประวัติศาสตร์ สุขภาพ วัฒนธรรม และธรรมชาติ ในแบบฉบับอินไซต์ใกล้ชิดเจ้าบ้าน เพื่อพิสูจน์ว่าเมืองผ่านก็แค่ฉายา เพราะแท้จริงลำปางมีดีกว่าที่คิดและไม่ควรปล่อยผ่าน 👉 ตรวจสอบมาตรการการเดินทางเข้าพื้นที่ได้ที่ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดลำปาง : https://www.facebook.com/sasooklampang ลำปาง … จังหวัดเล็ก ๆ ที่มีของดีครบทั้งที่กิน เที่ยว พัก ตั้งแต่ซอกแซกชมประวัติศาสตร์ผ่านอารามริมแม่น้ำวัง นอนแช่น้ำแร่ดูแลสุขภาพ เรียนรู้วัฒนธรรมที่หอศิลปะการแสดงล้านนา ไปจนถึงนอนกลางป่าสัมผัสธรรมชาติอย่างใกล้ชิด ใครอยากชาร์จแบตเตอรี่ฟื้นฟูกายและใจแบบอินไซต์ที่เมืองลำปาง ตามไปแอ่วแบบจาวลำปางแต๊ ๆ ได้เลยเจ้า 1 ถ้ำขุนตาน  อุโมงค์รถไฟกลางไพรที่เคยยาวสุดในแดนสยาม ถึงจะได้ชื่อว่าถ้ำ แต่ความจริงที่นี่เสกสรรขึ้นจากแรงงานมนุษย์ และยังเป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ ซึ่งมีอายุอานามล่วงกว่า 103 ปีมาแล้ว ‘ถ้ำขุนตาน’ เป็นชื่อที่ชาวบ้านใช้เรียกแทน ‘อุโมงค์ขุนตาน’ อุโมงค์รถไฟอันเป็นส่วนหนึ่งของแผนการสร้างทางรถไฟสายเหนือ จากกรุงเทพฯ จรดเชียงใหม่ ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 กระนั้นจากการสำรวจพบว่า เส้นทางสายดังกล่าวจะเป็นไปไม่ได้เลย หากไม่สามารถทอดรางตัดผ่านเทือกเขาที่กั้นขวางระหว่างอำเภอห้างฉัตร จังหวัดลำปาง กับอำเภอแม่ทา จังหวัดลำพูน เหตุนี้ใน พ.ศ. 2450 เอมิล ไอเซนโฮเฟอร์ (Emil Eisenhofer) วิศวกรชาวเยอรมัน จึงเข้ามารับภารกิจควบคุมการก่อสร้าง และเริ่มต้นขุดเจาะอุโมงค์ลอดใต้ดอยขุนตาน ต่อเนื่องมาจนกระทั่งปีที่ 11 อุโมงค์รถไฟความยาว 1.3 กิโลเมตรก็เสร็จสมบูรณ์ ก่อนเปิดประตูสู่ภาคเหนืออย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2464 นับตั้งแต่นั้น ถ้ำขุนตานไม่เพียงนำความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคมมาสู่ลำปาง ลำพูน และเชียงใหม่ แต่ยังกลายเป็นอุโมงค์รถไฟไทยที่เลื่องลือด้านความ ‘สุด’ ทั้งสร้างบนทำเลสูงสุด ใช้เวลาก่อสร้างนานสุด รวมถึงเคยครองตำแหน่งแชมป์อุโมงค์รถไฟที่ยาวสุดในแดนสยาม ไม่นับความสวยคลาสสิกและบรรยากาศ ซึ่งจัดว่าสุดไม่แพ้กัน เพราะตั้งอยู่ในสถานีรถไฟขุนตาน สถานีเล็ก ๆ ที่โอบล้อมด้วยแมกไม้เขียวครึ้ม เงียบสงบ ร่มรื่น เคียงอุทยานแห่งชาติดอยขุนตาลที่มีกิจกรรมนานาให้เพลินกายเพลินใจ อาทิ สำรวจเส้นทางเดินป่าศึกษาธรรมชาติ กางเต็นท์นอนท่ามกลางผืนป่าและหมู่ดาว หรือใครจะค้างบ้านพักของอุทยานสักคืน ตื่นเช้ามาสูดไอหมอกสดชื่น ผ่านอุโมงค์มาแล้วได้พบกับรถไฟสายเหนือ ทักทายเมืองที่ไม่หมุนตามกาลเวลา แบบนี้ก็เข้าท่าดีทีเดียว ที่ตั้ง : อำเภอห้างฉัตร อำเภอเมืองลำปาง จังหวัดลำปาง พิกัด : https://goo.gl/maps/G4xmc25t7gEgyFCS8 เวลาเปิด-ปิด : 07.00 – 20.00 น. โทรศัพท์ : 0 5351 6335 2 บ่อน้ำร้อนบ้านโป่งร้อน  อาบน้ำแร่ แช่น้ำร้อน พักผ่อนสไตล์เกาะคาออนเซ็น ย้อนกลับไปสมัยที่ แม่ระยอง จำปาวัน กรรมการศูนย์นวดแผนไทยบ้านโป่งร้อนยังเป็นเด็ก พื้นที่บริเวณ ‘บ่อน้ำร้อนบ้านโป่งร้อน’ เป็นเพียงทุ่งนาผืนกว้าง พอย่างเข้าเดือนพฤศจิกายน แม่กับเพื่อน ๆ จะพากันมาขุดหลุมตักสายน้ำแร่ธรรมชาติอุ่น ๆ อาบ เช่นเดียวกับลุงป้าน้าอาในหมู่บ้านที่ต่างกลับไปพร้อมแกลลอนปริ่มน้ำ สำหรับให้พ่อแก่แม่เฒ่าอาบยามหนาว  จากต้นทุนท้องถิ่นคู่วิถี ทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยก็ได้เล็งเห็นศักยภาพของพื้นที่ ซึ่งต่อยอดสร้างงานและสร้างรายได้แก่ชุมชนได้ จึงสนับสนุนงบประมาณเพื่อพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวพักผ่อน ก่อนเปิดต้อนรับคนต่างถิ่นให้เข้ามาใช้บริการอาบน้ำแร่ แช่น้ำร้อน เพื่อสุขภาพอย่างเต็มรูปแบบตั้งแต่ พ.ศ. 2546 เป็นต้นมา โดยปัจจุบัน บ่อน้ำร้อนแห่งนี้ถือได้ว่ามีสิ่งอำนวยความสะดวกและบริการครบสมฉายา ‘เกาะคาออนเซ็น’ ไม่ว่าจะเป็นห้องแช่น้ำแร่แบบเดี่ยว ห้องแช่น้ำแร่แบบคู่ ห้องอาบน้ำแร่สำหรับพระสงฆ์ สระน้ำแร่สำหรับเด็ก อ่างน้ำแร่แช่เท้า เรื่อยไปจนถึงอ่างอาบน้ำแร่กลางแจ้ง ให้นอนแช่ตัวฟิน ๆ ในอ่างไม้เคียงทัศนียภาพท้องทุ่งเขียวขจีผ่อนคลายสุดสายตา “น้ำแร่ที่นี่อุณหภูมิคงที่ เหมาะกับการแช่แบบไม่ต้องผสมน้ำเย็นเลย แช่แล้วช่วยให้เลือดลมไหลเวียนดี คลายกล้ามเนื้อ คนแก่บางคนปวดแข้งปวดขา พอมาแช่เขาก็หายนะ” แม่ระยองยิ้มรื่น พลางนำเสนอของดีประจำชุมชนอย่างตั้งอกตั้งใจต่อว่า “น้ำแร่ของเรากลิ่นกำมะถันไม่แรงและสะอาด เคยเอาไปตรวจสอบมา เขาว่าอุดมด้วยแร่ธาตุ เราเลยทำเป็นผลิตภัณฑ์น้ำดื่มจากน้ำแร่โป่งร้อนขาย คู่กับไข่ลวกน้ำแร่ที่ต้องใช้เวลาต้มนานกว่าหนึ่งชั่วโมง เพราะอุณหภูมิน้ำนิ่ง แต่ก็ทำให้ได้ไข่ยางมะตูมสวย เนื้อเนียนนิ่ม ชิมแล้วจะติดใจ” นอกจากนี้ ยังมีบริการนวดแผนไทย นวดฝ่าเท้า นวดประคบ หรืออบสมุนไพรจากพืชสมุนไพรพื้นบ้านที่ปลูกโดยเกษตรกรท้องถิ่น มีร้านขายอาหารการกินเพียบพร้อม รวมถึงโฮมสเตย์ในหมู่บ้านไว้คอยให้บริการ สำหรับใครอยากที่ลองสัมผัสประสบการณ์ท่องเที่ยวแบบลึกซึ้งถึงถิ่น ผ่านวิถีการกิน อยู่ และดูแลสุขภาพตามแบบฉบับของชาวบ้านโป่งร้อน ที่ตั้ง : หมู่ 1 ตำบลใหม่พัฒนา อำเภอเกาะคา จังหวัดลำปาง 52130 พิกัด : https://goo.gl/maps/Potq6D6yUpUPdGWK8 เวลาเปิด – ปิด : 08.00-18.00 น. โทรศัพท์ : 08 2385 1367  3 บ้านบริบูรณ์  เรือนคหบดีอายุร่วมศตวรรษที่ปรับโฉมสู่หอศิลปะการแสดง ชุมชนกาดกองต้า เป็นอีกหนึ่งย่านที่รุ่มรวยด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ของลำปาง โดยเฉพาะในยุคสัมปทานทำกิจการป่าไม้ ที่นี่ได้ชื่อว่าเป็นย่านเศรษฐกิจสำคัญของเมือง ซึ่งร่องรอยความเจริญรุ่งเรืองยังคงฉายให้เห็น ผ่านบรรดาอาคารบ้านเรือนโบราณหลังโตโอ่อ่า ที่ลำพังแค่สองฝากฝั่งถนนสายหลักก็มีให้ได้ชื่นชมกันอยู่มากหลัง อาทิ อาคารหม่องโง่ยซิ่น อาคารฟองหลี อาคารเยียนซีไท้ลีกี อาคารกาญจนวงศ์ บ้านแม่แดง หรือบ้านคมสัน  ส่วน ‘บ้านบริบูรณ์’ นั้น ต้องเดินเลาะเลี้ยวเข้าซอยเล็กน้อย ตำแหน่งแห่งที่อาจเร้นตา

✨ รวม 10 สถานที่กิน เที่ยว พัก เมืองลำปาง ✨ อ่านเพิ่มเติม

✨ เกาะเต่า – เกาะนางยวน สวรรค์ของคนรักทะเล ✨

เกาะเต่า – เกาะนางยวน เป็นอีกเกาะที่มีชื่อเสียงของจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นเกาะเล็ก ๆ กลางอ่าวไทย แต่กลับเป็นจุดมุ่งหมายยิ่งใหญ่ของคนรักทะเล เพราะไม่ว่าจะเป็นหาดทรายขาว ๆ น้ำทะเลใสแจ๋ว หรือแม้กระทั่งโลกใต้ทะเล ที่ถือว่าเป็นสวรรค์ของนักดำน้ำเลยก็ว่าได้ นอกจากความสมบูรณ์ของธรรมชาติแล้ว ที่นี่ยังได้ชื่อว่าเป็นชุมชนที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม และมุ่งหวังให้เกิดการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนบนเกาะ ทั้งการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ดูแลสภาพแวดล้อมในท้องถิ่น ตั้งแต่บนพื้นดินจนไปถึงใต้ท้องทะเล วันนี้แอดเลยอยากพาเพื่อน ๆ มาชมความสวยงามของเกาะเต่า – เกาะนางยวน พร้อมเปิดประสบการณ์การท่องเที่ยวที่เป็นส่วนนึงในการรักษาสิ่งแวดล้อมได้ง่าย ๆ ตามไปดูกันในโพสต์นี้เลย ก่อนเก็บกระเป๋าออกเดินทาง แอดอยากให้ลองเช็คมาตรการเข้าจังหวัดสักนิด โดยคลิกอ่านรายละเอียดตามลิงก์นี้ได้เลย https://www.facebook.com/1494662884151960/posts/3064906403794259 (ข้อมูล ณ วันที่ 4 สิงหาคม 2564) https://www.facebook.com/107117091320800/posts/218051950227313 (ข้อมูล ณ วันที่ 24 กรกฎาคม 2564) สำหรับใครที่ยังไม่พร้อมหรือยังไม่สะดวกเดินทาง สามารถอ่านได้จาก eBook จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ที่ https://www.amazingthailandebook.com/issue/171 หรือสามารถดาวน์โหลดในรูปแบบ Application : Amazing Thailand eBook ได้ทั้งระบบ iOS และ Android ได้ที่ https://mobile.amazingthailandebook.com/redirect ถ้าพูดถึงเกาะเต่า จะไม่พูดถึงเกาะนางยวนก็ไม่ได้ เรามักจะได้ยินชื่อของสองเกาะนี้อยู่ด้วยกันบ่อย ๆ เพราะอยู่ใกล้กันเพียงแค่ 480 เมตรเท่านั้น เกาะนางยวนมีทั้งหมด 3 เกาะเล็ก เชื่อมกันระหว่างเกาะด้วยสันทรายสีขาว คล้าย ๆ ทะเลแหวก โดยจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมมาเที่ยวที่นี่ ก็คือจุดชมวิวเกาะนางยวน เพราะจะเห็นเกาะนางยวนในมุมสูงชัดเจน นอกจากนี้ที่นี่ยังเป็นแหล่งดำน้ำชมปะการังยอดฮิตอีกแห่งนึง จากเกาะเต่ามาเกาะนางยวนก็ง่ายดาย แค่เพื่อน ๆ ขึ้นเรือหางยาวมาจากท่าเรือแม่หาด หรือหาดทรายรี ใช้เวลาเดินทางแค่เพียง 20 นาทีก็จะถึงเกาะนางยวน หาดทรายรี เป็นอีกหาดที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว ด้วยความยาวหาดถึง 2 กิโลเมตร บวกกับความนุ่มละเอียดของเม็ดทราย ที่ทำให้เราเดินชมวิวได้เพลิน ๆ ถึงแม้จะไม่เหมาะกับการลงเล่นน้ำเพราะมีหินเยอะ แต่ที่นี่คือแหล่งรวมความสะดวกบนเกาะเต่า เพราะมีร้านอาหาร ร้านนั่งชิลต่าง ๆ รวมไปถึงที่พักมากมายตลอดริมหาด แต่เพื่อน ๆ รู้ไหมว่า เกาะเต่าไม่มีระบบน้ำประปา น้ำที่ใช้ได้มาจากน้ำฝนหรือน้ำบาดาลเท่านั้น น้ำที่นี่จึงมีค่ามาก หากเข้าพักที่เกาะเต่าก็ควรใช้น้ำเท่าที่จำเป็น แค่ประหยัดน้ำง่าย ๆ แต่เป็นการท่องเที่ยวแบบใส่ใจสิ่งแวดล้อมที่ยิ่งใหญ่อีกทางนึงนะ ส่วนใครที่ต้องการความสงบ เป็นส่วนตัว แอดขอแนะนำให้มาที่ “หาดทรายนวล” ที่นี่ถือเป็นหาดที่เงียบสงบ เพราะการเดินทางมายังหาดที่ยากกว่าหาดอื่น ๆ ที่ต้องเดินเท้าเลียบริมหาดไปเรื่อย ๆ ทำให้อาจจะไม่ได้รับความนิยมเท่าไหร่นัก แต่แอดรับรองเลยว่า ที่นี่เหมาะกับการหลบหนีความวุ่นวายอย่างแท้จริง เพื่อน ๆ สามารถใช้เวลานอนพักผ่อน ฟังเสียงคลื่น หยิบหนังสือสักเล่มมานอนอ่านริมหาดชิล ๆ หรือจะปิกนิกริมหาด เล่นน้ำ ดูปะการัง ก็ทำได้ตั้งแต่เช้าจนเย็น ปิกนิกเสร็จแล้ว อย่าลืมเก็บขยะที่เรานำมากลับไปทิ้งด้วยนะ หรือหากเพื่อน ๆ ลดใช้พลาสติกได้ก็จะดีมาก ๆ จะได้ไม่เป็นการเพิ่มขยะพลาสติก และช่วยกันรักษาธรรมชาติของเกาะเต่าไว้ได้นาน ๆ แอดขอพาเพื่อน ๆ มาชมวิวเกาะเต่ามุมสูงกันบ้างที่ “บลูเฮฟเว่น รีสอร์ท” หนึ่งในจุดชมวิวที่สวยที่สุดของเกาะเต่า ที่นี่เป็นทั้งที่พักและร้านอาหาร ถึงแม้จะไม่ได้เข้าพักที่นี่ ก็สามารถขึ้นมาลิ้มรสอาหารใต้รสชาติอร่อย ๆ พร้อมชมวิวทะเลแบบ 180 องศา ที่แอดขอบอกเลยว่า ใครมาเกาะเต่าแล้วห้ามพลาดมุมนี้เด็ดขาด อิ่มท้องแล้วเรามาทำกิจกรรมทางน้ำกันบ้างที่ “อ่าวโตนด” อ่าวที่ล้อมไปด้วยกองหินและภูเขาเขียวขจี ที่นี่เป็นเหมือนศูนย์กลางของคนที่รักกิจกรรมทางน้ำ เพราะที่นี่มีกิจกรรมให้เลือกทำมากมาย ไม่ว่าจะเป็นพายคายัก ขี่เจ็ทสกี และยังเหมาะกับการดำน้ำตื้น เรียกได้ว่าเป็นอ่าวสวรรค์ของคนรักทะเลอีกอ่าวนึงเลยล่ะ รักทะเลแล้ว ก็อย่าลืม “รักษ์” ทะเลด้วยนะ หากการดำน้ำตื้นที่อ่าวโตนดยังไม่จุใจ แอดขอแนะนำ “อ่าวม่วง” อ่าวขนาดใหญ่ที่มีแนวปะการังสวยงามอยู่ทั้งสองฝั่งของอ่าว เป็นจุดมุ่งหมายยอดฮิตของนักท่องเที่ยวที่ต้องการดำน้ำตื้นชมปะการัง แต่ถ้าหากเพื่อน ๆ ยังอยากเห็นโลกใต้ทะเลมากกว่านี้ ที่นี่ยังเป็นแหล่งเรียนดำน้ำแบบ Scuba หลักสูตรเบื้องต้นอีกด้วย เพราะว่ามีคลื่นลมสงบ น้ำทะเลใส สภาพแวดล้อมที่เหมาะกับการเรียนที่สุด ซึ่งโรงเรียนสอนดำน้ำในเกาะเต่า ยังยึดแนวทางการดำน้ำที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Green Fins) ในการสอน โดยเป็นการดำน้ำแบบที่ไม่รบกวนธรรมชาติ ไม่เกิดผลกระทบกับแนวปะการัง และสัตว์ทะเลอีกด้วย รับรองว่าเพื่อน ๆ จะเที่ยวอย่างปลอดภัย ใส่ใจสิ่งแวดล้อมสุด ๆ เพื่อน ๆ คนไหนที่เรียนดำน้ำลึกกันแล้ว แอดขอพามาที่ “อ่าวหินวง” หนึ่งในจุดดำน้ำยอดนิยมของเกาะเต่า เพราะที่นี่เพื่อน ๆ จะได้ใกล้ชิดกับฝูงปลาข้างเหลืองได้อย่างง่ายดาย แถมยังมองเห็นได้ชัดเจนเพราะที่นี่น้ำใสแจ๋วเลยล่ะ แต่ถ้าหากว่าเพื่อน ๆ คนไหนดำน้ำลึกไม่เป็นล่ะก็ ไม่ต้องเสียใจ เพราะว่าฝูงปลาเหล่านี้ว่ายน้ำไม่ลึก อยู่ที่ประมาณ 3 – 5 เมตรเท่านั้น จึงทำให้สามารถมองเห็นได้ง่าย ๆ จากผิวน้ำ แต่ไม่ว่าจะดำน้ำแบบไหน ก็อย่าไปสร้างความตกใจให้กับฝูงปลานะ ว่ายน้ำกับน้อง ๆ อย่างเป็นมิตรก็พอ หรือหากเพื่อน ๆ คนไหนอยากดำน้ำพร้อมกับช่วยสิ่งแวดล้อมไปด้วย ที่เกาะเต่ายังมีโรงเรียนดำน้ำหลายแห่งที่เปิดสอนดำน้ำเพื่อการอนุรักษ์แนวปะการัง จนไปถึงการดำน้ำเพื่อกำจัดขยะใต้น้ำเลยทีเดียว  มาเที่ยวเกาะเต่าทั้งที จะพลาดการว่ายน้ำกับเต่าที่ “อ่าวฉลาม” ไม่ได้ ที่นี่เป็นทั้งที่อาศัยของเต่าและสถานอนุบาลน้ำตื้นของลูกฉลามครีบดำ ที่นี่ยังมีกิจกรรมปล่อยเต่ากลับคืนสู่ท้องทะเลทุก ๆ ปี เพื่อน ๆ จะมีโอกาสเจอเต่าทะเลได้ โดยที่ไม่จำเป็นต้องว่ายลงไปลึกเลยล่ะ เพราะเพียงแค่ลอยตัวอยู่ เพื่อน ๆ อาจจะเจอเต่าได้ง่าย ๆ ที่ความลึกเพียง 2 – 5 เมตรเท่านั้นเอง นอกจากนี้อ่าวฉลามยังมีความอุดสมบูรณ์ของปะการัง และสัตว์น้ำอื่น

✨ เกาะเต่า – เกาะนางยวน สวรรค์ของคนรักทะเล ✨ อ่านเพิ่มเติม

Take a break from the hustle and bustle of busy beaches on the unspoiled island of Ko Yao Noi

Collectively known by locals as Ko Yao, the twin islands of Ko Yao Noi and Ko Yao Yai are located at the confluence of Phuket, Phang Nga, and Krabi…

Take a break from the hustle and bustle of busy beaches on the unspoiled island of Ko Yao Noi อ่านเพิ่มเติม

✨ ที่นี่…เกาะยาวน้อย จังหวัดพังงา ✨

วันนี้เราจะไปเป็นชาวเกาะกันค่ะ เพื่อน ๆ เคยได้ยินชื่อเกาะยาว จังหวัดพังงากันบ้างไหม เกาะยาวนี้ประกอบด้วย 2 เกาะ คือเกาะยาวน้อย และเกาะยาวใหญ่ อยู่กลาง ๆ ระหว่างจังหวัดภูเก็ต พังงา และกระบี่ เกาะที่แอดปักหมุดไว้จะชวนเพื่อน ๆ ไปเป็นชาวเกาะก็คือ เกาะยาวน้อย ซึ่งเป็นเกาะที่มีธรรมชาติสมบูรณ์และสวยงามมาก นอกจากเราจะได้พักผ่อนแล้ว เรายังจะได้เรียนรู้วิถีชีวิต วัฒนธรรม และการอนุรักษ์ธรรมชาติบนเกาะอีกด้วย แม้ช่วงนี้เราจะต้องชะลอการเดินทางท่องเที่ยวไว้ก่อน ตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 รวมทั้งแหล่งท่องเที่ยวหลายพื้นที่ก็ยังไม่เปิดให้บริการ แต่เพื่อน ๆ เก็บข้อมูลเส้นทางเหล่านี้ไว้ได้นะคะ รอให้สถานที่ท่องเที่ยวเหล่านี้กลับมาเปิดต้อนรับเราอีกครั้ง วันที่ 11.ชุมชนท่องเที่ยวเกาะยาวน้อย2.หนำ นาทอน3.ลานริมเล เกาะยาวน้อย4.ร้านท่าต้นโดซีฟู้ด5.ชมหาดป่าทราย วันที่ 26.กระชังปลา กุ้งมังกร7.เที่ยวชมเกาะลาดิง เกาะผักเบี้ย แหลมหาด8.สันหลังมังกร9.Café Kantary วันที่ 1ชุมชนท่องเที่ยวเกาะยาวน้อย การเดินทางท่องเที่ยวบนเกาะยาวน้อย ถ้าไม่เช่ารถจักรยานยนต์ เราก็สามารถใช้รถสองแถวได้ค่ะ จุดแรกของเราคือ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวเกาะยาวน้อย หากมาเที่ยวเกาะยาวน้อยแต่ยังไม่มีแพลนที่ชัดเจน ก็ไม่ต้องกังวลไปนะคะ เพราะที่นี่เป็นวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ให้บริการทัวร์บนเกาะ รวมทั้งที่พักโฮมสเตย์ ชุมชนท่องเที่ยวเกาะยาวน้อย เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง เคยได้รับรางวัลรางวัลการท่องเที่ยวชุมชนที่คำนึงถึงความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมสังคมและวัฒนธรรมจากหลายหน่วยงานทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมทั้งรางวัล Tourism Awards จาก ททท ด้วย ไม่ธรรมดาเลยนะเนี่ย : ) เพื่อน ๆ สามารถมาเที่ยวเกาะยาวน้อยได้ทั้งแบบ one day trip และแบบค้างคืน ซึ่งทางชมรมก็มีแพคเกจ 2 วัน 1 คืน คนละ 3,500 บาทไว้ให้บริการ แพคเกจนี้จะมีกิจกรรมนั่งรถชมวิถีชีวิตชุมชน ทำผ้าบาติก ชมฟาร์มเลี้ยงกุ้งมังกร นั่งเรือชมเกาะ เล่นน้ำดูปะการัง พักโฮมสเตย์ และอาหารครบทุกมื้อ ชาวบ้านบนเกาะยาวน้อยส่วนใหญ่ นับถือศาสนาอิสลาม ถ้ามาเที่ยวเกาะยาวน้อยช่วงเดือนรอมฎอน เราจะได้กินขนม และอาหารพื้นเมืองต่างๆ ซึ่งปกติไม่มีจำหน่ายด้วยค่ะ โฮมสเตย์ หลังละ 700 บาท พักได้ 2 คน บนเกาะจะมีกิจกรรมทำผ้าบาติก นักท่องเที่ยวจะได้สนุกกับการวาดและระบายสีด้วยตัวเอง แต่ถ้าไม่อยากลงมือทำ ก็สามารถช้อปปิ้งกลับไปเป็นของที่ระลึกได้ ผ้าบาติกฝีมือกลุ่มแม่บ้านมีลวดลายสวยงาม บ่งบอกความเป็นเกาะยาวน้อย เช่น ลายนกเงือก ลายวิวท้องทะเล ฯลฯ. ชมรมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์โดยชุมชนเกาะยาวน้อย ตำบลเกาะยาวน้อย อำเภอเกาะยาว จังหวัดพังงา โทร. 0 7659 7244, 08 1968 0877 (บังหมี ประธานชมรม) https://goo.gl/maps/bdkmY9KE19NNNkS36 ความพิเศษอีกอย่างของที่นี่ก็คือ เราจะสามารถพบเห็นนกเงือกได้อย่างง่ายดาย เหมือนเป็นสมาชิกในชุมชน ทั้งนี้เป็นเพราะที่เกาะยาวน้อยยังมีธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์มาก มีอาหารเพียงพอสำหรับนกเงือก แต่ที่ขาดไปก็คือขาดโพรงรังสำหรับแพร่พันธุ์ ตามธรรมชาติแล้ว นกเงือกเจาะโพรงรังเองไม่เป็น แต่จะอาศัยโพรงต้นไม้ที่มีอยู่ในธรรมชาติวางไข่และเลี้ยงลูก ซึ่งโพรงขนาดใหญ่ที่เหมาะสมกับขนาดตัวของนกเงือกก็มีน้อยลง กลุ่มชุมชนคนรักนกเงือกเกาะยาวน้อย นักวิชาการ และชาวบ้านในพื้นที่จึงช่วยกันสร้างโพรงรังเทียมขึ้น เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการอนุรักษ์นกเงือกในเกาะยาวน้อย โพรงรังเทียมที่ชาวเกาะยาวน้อยร่วมใจกันสร้างขึ้นให้เป็นบ้านที่อบอุ่นของนกเงือก ถัดมาเรานั่งรถสองแถวไป หนำ นาทอน ระหว่างทางเราจะได้เห็นบรรยากาศทุ่งนากว้างใหญ่กว่า 1,000 ไร่ มีวัวควายถึง 400-500 ตัวเลยทีเดียว ไม่น่าเชื่อว่าบนเกาะจะทำนาได้ด้วย โดยจะเป็นการทำนาปี ช่วงทำนาคือเดือนสิงหาคม และเก็บเกี่ยวช่วงปลายปี ซึ่งแต่ละฤดูกาลก็จะมีความสวยงามแตกต่างกันไป หนำ นาทอน เป็นทั้งร้านกาแฟและที่พัก โดยเป็นที่พักที่ใช้พลังงานสะอาด (Solar Cells) เนื่องจากที่หนำ นาทอนล้อมรอบด้วยทุ่งนาและภูเขา ทางร้านจึงไม่อยากให้มีเสาไฟฟ้าพาดผ่านทุ่งนา เรียกได้ว่ารักษ์ธรมชาตินั่นเอง ดีต่อใจมากเลยค่ะ หนำ นาทอน ตำบลเกาะยาวน้อย อำเภอเกาะยาว จังหวัดพังงา โทร. 08 9497 7730 https://goo.gl/maps/msWqrX3Duatx3HDR7 ลานริมเล ณ เกาะยาวน้อย ร้านอาหารติดทะเล วิวดีสุด ๆ บรรยากาศสบายเหมือนอยู่บ้าน นั่งกินข้าวกันบนเสื่อ มีหมอนอิงพิงหลัง นั่ง ๆ นอน ๆ กันตามอัธยาศรัย อาหารอร่อย มีทั้งเมนูง่าย ๆ บ้าน ๆ และเมนูแบบฝรั่ง แต่ที่เด็ดสุดไม่อยากให้พลาดคืออาหารทะเลที่ทั้งสดทั้งอร่อย นอกจากบรรยากาศความชิลล์แล้ว ที่นี่ยังมีไฮไลต์สนุก ๆ อีกกิจกรรมหนึ่งด้วยค่ะ นั่นก็คือ แคะขนมครกริมเล ถ้าหากมากับแก๊งค์เพื่อน ๆ ต้องลองกันนะ ที่นี่จะมีชุดทำขนมครกไว้ให้เราได้หยอดเอง แคะเอง และกินเอง สนุกเหมือนได้เข้าครัวจริง ๆ เลย ลานริมเล ณ เกาะยาวน้อย ตำบลเกาะยาวน้อย อำเภอเกาะยาว จังหวัดพังงา เปิดทุกวัน เวลา 10.30-19.00 น. (ปิดวันพุธ-พฤหัสบดี) โทร. 08 1370 0633 https://goo.gl/maps/L6vYXFYXQErJuQ7G7 ท่าต้นโดซีฟู้ด เกาะยาวน้อยมีร้านอาหารพื้นเมืองหลายร้าน หนึ่งในร้านยอดฮิตก็คือร้านท่าต้นโดซีฟู้ดนี่ล่ะค่ะ เรื่องของรสชาติไม่พูดถึงไม่ได้!! จัดจ้าน กลมกล่อม ต้องไปลองกันเลยนะ การันตีความอร่อยจากรูปภาพของเหล่าคนดังที่ได้มาเยือน เมนูแนะนำ : น้ำพริกมะม่วงกะปิ หมึกต้มน้ำดำ แกงส้มปลาทราย ปลากระบอกทอดน้ำปลา ปลาฉิ้งฉ้างทอดกรอบ. 46/16 หมู่ 7 ตำบลเกาะยาวน้อย อำเภอเกาะยาว จังหวัดพังงา เปิดทุกวัน เวลา 10.00-22.00 น. โทร. 08 0536 4997

✨ ที่นี่…เกาะยาวน้อย จังหวัดพังงา ✨ อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top