เพื่อนร่วมทาง

สรุปสาระสำคัญความแตกต่างระหว่าง “คำสั่งจังหวัดภูเก็ต ที่ 5407/2564 และ 5745/2564”

 สรุปสาระสำคัญความแตกต่าง คำสั่งจังหวัดภูเก็ต ที่ 5407/2564 กับ  คำสั่งจังหวัดภูเก็ต ที่ 5745/2564  คำสั่งจังหวัดภูเก็ต ที่ 5407/2564 มีผลตั้งแต่ 11 กันยายน – 30 กันยายน 2564  สาระสำคัญของคำสั่ง เป็นมาตรการ”ห้ามเข้าจังหวัดภูเก็ตแบบมีเงื่อนไข”  1. มาตรการห้ามเข้าจังหวัด โดยยกเว้น 18 กลุ่มที่สามารถเข้าได้ (ผู้ที่เดินทางเพื่อการท่องเที่ยว ต้องมีหลักฐานการจองที่พักหรือใบยืนยันรายการนำเที่ยว และชำระเงินล่วงหน้าเท่านั้น ถึงสามารถเข้าได้) โดยผู้เดินทางเข้าจังหวัดภูเก็ตจากทุกจังหวัดต้องได้รับวัคซีนครบตามที่จังหวัดกำหนดและต้องมีผลตรวจ RT – PCR หรือ วิธีการ Antigen Testโดยมีระยะเวลาไม่เกิน 72 ชั่วโมง ก่อนเดินทางถึง (ยกเว้นทางบกและทางน้ำจังหวัดภูเก็ตและพังงาผลตรวจใช้ได้ 7 วัน)  2. ผู้ที่หายจากอาการป่วยด้วยโรคโควิด – 19 มาแล้วไม่เกิน 90 วัน  3. กรณี ผู้มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในจังหวัดภูเก็ตและพังงา ที่เดินทางเข้า – ออก เป็นประจำให้สามารถเดินทางเข้าจังหวัดภูเก็ตได้ โดยมีผลการฉีดวัคซีนครบตามเกณฑ์ที่กำหนด และมีผลการตรวจหาเชื้อโควิด – 19 เป็นลบ ด้วยวิธีการ RT – PCR หรือวิธีการ Antigen Test จากสถานพยาบาลหรือห้องปฏิบัติการ หรือผู้เดินทางนำชุดตรวจ ATK (Antigen Test Kit) ที่ได้มาตรฐานการรับรองจาก อย. มาตรวจเองต่อหน้าเจ้าหน้าที่ ณ ด่านตรวจท่าฉัตรไชย และด่านตรวจทางน้ำ (ท่าเรือ) ใช้ยืนยันได้ครั้งละไม่เกิน 7 วัน  4. ผู้เดินทางเข้าจังหวัดภูเก็ต ที่ได้รับการยกเว้นมาตรการ เด็กอายุไม่เกิน 6 ปี ที่เดินทางมากับผู้ปกครองหรือผู้ดูแล  5. เด็กอายุตั้งแต่ 6 ปี จนถึงผู้มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ที่ไม่อยู่ในเกณฑ์การได้รับวัคซีน ต้องตรวจ RT – PCR หรือ วิธีการ Antigen Test โดยมีระยะเวลาไม่เกิน 72 ชั่วโมง ก่อนการเดินทางถึง กรณีผู้เดินทางผ่านด่านตรวจท่าฉัตรไชย และด่านตรวจทางน้ำ สามารถนำชุดตรวจ ATK มาตรวจเองต่อหน้าเจ้าหน้าที่ ใช้ยืนยันผลได้ครั้งละไม่เกิน 72 ชั่วโมง  6. ลงทะเบียนเข้าผ่านเว็บไซต์ www.gophuget.com เพื่อแจ้งข้อมูลในการเดินทางเข้าจังหวัดภูเก็ตล่วงหน้า และแสดงคิวอาร์โค้ด (QR Code) ต่อเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อก่อนเข้าจังหวัดภูเก็ต  7. ปิดด่านตรวจท่าฉัตรไชย ปิดระหว่างเวลา 23.00 – 03.00 น.  คำสั่งจังหวัดภูเก็ต ที่ 5745/2564 มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2564 เป็นต้นไป จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง  สาระสำคัญของคำสั่ง เป็นมาตรการ “เข้าจังหวัดภูเก็ตแบบมีเงื่อนไข”  1. มาตรการเข้าจังหวัดโดยผู้เดินทางเข้าจังหวัดภูเก็ตจากทุกจังหวัดต้องได้รับวัคซีนครบตามที่จังหวัดกำหนด และต้องมีผลตรวจ RT – PCR หรือ วิธีการ Antigen Testโดยมีระยะเวลาไม่เกิน 7 วัน ก่อนเดินทางถึง  2. ผู้ที่หายจากอาการป่วยด้วยโรคโควิด – 19 มาแล้วไม่เกิน 6 เดือน  3. กรณี ผู้มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านจังหวัดภูเก็ต เดินทางผ่านด่านตรวจท่าฉัตรไชย และด่านตรวจทางน้ำ (ท่าเรือ) สามารถนำชุดตรวจ ATK (Antigen Test Kit) ที่ได้มาตรฐานการรับรองจาก อย. ไปตรวจกับสถานพยาบาล หรือห้องปฏิบัติการ หรือ รพ.สต. หรือนำมาตรวจเองต่อหน้าเจ้าหน้าที่ ใช้ยืนยันผลได้ครั้งละไม่เกิน 7 วัน (เพิ่มทางเลือกให้กับผุ้เดินทางเพื่อลดความแออัดในการตรวจที่ด่านตรวจท่าฉัตรไชย)  4. ผู้เดินทางเข้าจังหวัดภูเก็ต ที่ได้รับการยกเว้นมาตรการ เด็กอายุไม่เกิน 6 ปี ที่เดินทางมากับผู้ปกครองหรือผู้ดูแล , ผู้เดินทางมากับรถฉุกเฉินทางการแพทย์ ผู้ป่วยฉุกเฉิน กู้ชีพ กู้ภัย  5. เด็กอายุตั้งแต่ 6 ปี จนถึงผู้มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ที่ไม่อยู่ในเกณฑ์การได้รับวัคซีน ต้องได้รับการตรวจหาเชื้อโควิด – 19 ด้วยวิธีการ RT – PCR หรือวิธีการ Antigen Test โดยมีระยะเวลาไม่เกิน 7 วัน ก่อนเดินทางถึง กรณีผู้เดินทางผ่านด่านตรวจท่าฉัตรไชย และด่านตรวจทางน้ำ (ท่าเรือ) สามารถนำชุดตรวจ ATK (Antigen Test Kit) ที่ได้มาตรฐานการรับรองจาก อย. มาตรวจเองต่อหน้าเจ้าหน้าที่ ใช้ยืนยันผลได้ครั้งละไม่เกิน 7 วัน  6. ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน “หมอชนะ” และเปิดระบบติดตามไว้ตลอดเวลา หรือลงทะเบียนเข้าผ่านเว็บไซต์ www.gophuget.com เพื่อแจ้งข้อมูลในการเดินทางเข้าจังหวัดภูเก็ตล่วงหน้า และแสดงคิวอาร์โค้ด (QR Code) ต่อเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อก่อนเข้าจังหวัดภูเก็ต  7. เปิดด่านตรวจท่าฉัตรไชยตลอด 24 ชั่วโมง —————————————————————————— ขอบคุณข้อมูลจาก ศูนย์ข้อมูลภูเก็ต Link : https://www.facebook.com/phuketinfocenter/photos/a.109486044039914/395512818770567

สรุปสาระสำคัญความแตกต่างระหว่าง “คำสั่งจังหวัดภูเก็ต ที่ 5407/2564 และ 5745/2564” อ่านเพิ่มเติม

✨ วัดป่าวิเวกวัฒนาราม จ.มุกดาหาร ✨

วันนี้แอดจะมาแนะนำวัดแห่งหนึ่งใน จ.มุกดาหาร ให้รู้จัก เป็นพุทธสถานที่สวยงาม และเป็นสถานที่ที่เคยมีพระเกจิอาจารย์ชื่อดังจำนวนมากมาปฎิบัติธรรมและจำพรรษา นั่นก็คือ “วัดป่าวิเวกวัฒนาราม” วัดดังแห่ง อ.คำชะอี จุดเด่นของวัดนี้คือ “เจดีย์บู่ทองกิตติ” เป็นเจดีย์ที่สวยงาม รูปทรงแปลกตา มีลักษณะห้ายอด สร้างตามรูปแบบที่หลวงปู่จาม มหาปุญโญ อดีตเจ้าอาวาส (ปัจจุบันละสังขารแล้ว) ฝันเห็น เจดีย์นี้สร้างแล้วเสร็จใน พ.ศ. 2530 โดยใช้เป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุและพระธาตุของอรหันต์สาวกของพระพุทธองค์ รวมถึงวัตถุโบราณอีกหลายอย่างที่หลวงปู่จามได้รับมา ไม่ไกลจากเจดีย์คือพระอุโบสถสีออกม่วงและสีส้มอ่อน แวดล้อมด้วยต้นไม้ บรรยากาศร่มรื่น ภายในประดิษฐานพระประธานปางมารวิชัย และพระพุทธรูปอื่นอีกหลายองค์ รวมทั้งมีส่วนจัดแสดงชีวประวัติของหลวงปู่จามและหลักธรรมคำสอนของท่านด้วย วัดนี้ไม่เคยขอรับบริจาค ไม่มีการจำหน่ายวัตถุมงคล ดังนั้นภายในวัดป่าวิเวกวัฒนารามจึงไม่มีตู้รับบริจาค ชาวบ้านที่นี่ให้ความเคารพความศรัทธากับหลวงปู่จามมาก จนต่างพากันเรียกชื่อวัดป่าวิเวกวัฒนารามว่า วัดหลวงปู่จาม เนื่องจากที่นี่เป็นสถานปฏิบัติธรรม หลายคนมาเพราะต้องการความสงบและมานั่งสมาธิ หากเพื่อน ๆ สนใจมาเที่ยวที่นี่ แอดแนะนำให้มาด้วยความสำรวม หลีกเลี่ยงการใช้เสียงที่ดังและที่สำคัญ ปฏิบัติตัวตามมาตรการป้องกันโควิด 19 กันด้วยล่ะ วัดป่าวิเวกวัฒนาราม📍 : 3 หมู่ 9 บ้านห้วยทราย ถนนคำชะอี-กุฉินารายณ์ คำชะอี คำชะอี มุกดาหาร 49110🌐 : https://goo.gl/maps/C3eRc2HYM2K2

✨ วัดป่าวิเวกวัฒนาราม จ.มุกดาหาร ✨ อ่านเพิ่มเติม

ยโสธรการเกษตร

คนยโสธรเป็นสายกรีนมาแต่กำเนิด พวกเขายึดถือการทำนาข้าวเป็นอาชีพเลี้ยงตัวมาแต่เก่าก่อน ผูกพันกับชีวิตชนิดแยกกันไม่ขาด ที่สำคัญคือต่อยอดเป็นเมืองเกษตรอินทรีย์มาสักพักใหญ่แล้ว จากความร่วมมือของชาวนาชาวไร่ที่ผันตัวมาใช่วิธีดูแลพืชพรรณให้ปลอดภัยทั้งกับตัวเองและผู้บริโภค ขณะเดียวกันทางจังหวัดก็ส่งเสริมเต็มที่ เกิดเป็นตราบั้งไฟหลากสี แบ่งตามมาตรฐานอินทรีย์แต่ละขั้น เพื่อช่วยรับรองผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรโดยเฉพาะ TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง ร่วมกับ The Cloud นำเสนอคอลัมน์ Take Me Out เที่ยวบ้านเพื่อนทริปนี้ เอาใจคนรักสุขภาพ พาไปเที่ยว 10 พื้นที่สีเขียววิถีเกษตรอินทรีย์ ตั้งแต่ลองดำนาปลูกข้าวหอมมะลิ เช็กอินที่นาบัวหวาน ฟาร์มปศุสัตว์หลากหลายแนว และคาเฟ่ออร์แกนิกสุดชิลล์มองวิวทุ่งนาและกินของดี เมื่อได้พูดคุยกับพี่น้องเกษตรกรชาวยโสฯ พบว่าพวกเขาช่วยกันขับเคลื่อนสังคมเกษตรอินทรีย์กันอย่างคึกคัก สร้างช่องทางส่งขายอย่างเป็นระบบ รวมกลุ่มกันเป็นเครือข่ายมากมายในพื้นที่ ตั้งเป็นศูนย์เรียนรู้ด้านการปลูกพืชและปศุสัตว์ ทั้งยังมีตลาดให้จำหน่ายผลิตผลแทบทุกอำเภอ สับเปลี่ยนสถานที่ เวียนวันกันไปไม่ซ้ำในแต่ละอาทิตย์ คอลัมน์นี้จะพาไปสัมผัสสารพัดพื้นที่สีเขียวปลอดสารพิษของชาวยโสฯ สายกรีน มาดูกันว่ามีที่ไหนให้คนรักสุขภาพได้ปักหมุดท่องเที่ยวอย่างปลอดภัยและรื่นรมย์กันในเที่ยวบ้านเพื่อนรอบนี้ 1 บัวหวานยโสธร นาบัวอินทรีย์ที่รักษาความหวานกรอบเหมือนเพิ่งเก็บจากบึง จากอาชีพทำนาข้าวและแม่ค้ารับบัวมาขายตามตลาด จันทร์-ธนพร จันทร์หอม ผันตัวเริ่มทำนาบัวด้วยตัวเองเพราะความหลงใหลในรสชาติ เลือกแนวทางอินทรีย์ในการปลูก โดยมีเหตุผลเพียงไม่อยากทำร้ายสัตว์ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลายเป็นเม็ดบัวที่มีคุณภาพดีตามไปด้วย เพราะระบบนิเวศสมบูรณ์ ทำให้เหล่าผึ้งและชันโรงที่อยู่กันอย่างสบายใจก็เป็นลูกมือช่วยผสมเกสร จึงได้หน้าบัวที่เต็ม กลมสวยไม่เว้าแหว่ง และขายได้ราคาดี เมื่อผลตอบรับดีจนไม่พอขาย จันทร์จึงเพิ่มบ่อบัวให้มากขึ้น วางแผนปลูกแต่ละบ่อให้บานไล่เลี่ยกันจะได้มีผลผลิตเก็บเกี่ยวทั้งปี นอกจากประคบประหงมด้วยความใส่ใจ บำรุงด้วยน้ำหมักสูตรพิเศษ และดูแลอย่างไร้สารเคมีแล้ว เคล็ดไม่ลับอยู่ในขั้นตอนสุดท้าย คือการแช่น้ำแข็งทันทีตั้งแต่เก็บขึ้นจากบ่อ ทำให้หวานกรอบจนถึงมือลูกค้า และนอกจากเม็ดบัวสดที่คนนิยมกิน จันทร์มีเมนูแนะนำด้วย นั่นคือ ส้มตำเม็ดบัว อีกทางเลือกที่แซ่บหลายใช้ได้ไม่แพ้กัน หากสนใจอยากมาพิสูจน์ความหวาน เข้ามาอุดหนุนได้ทุกเมื่อ หรือถ้าอยากมาเที่ยวถ่ายรูปกับดอกบัวสีขาวเต็มบ่อ ลองติดต่อมาถามจันทร์ล่วงหน้าได้ว่าดอกบัวเริ่มบานแล้วหรือยัง จะได้มาแล้วไม่เสียเที่ยว ที่ตั้ง : ตำบลค้อเหนือ อำเภอเมืองยโสธร จังหวัดยโสธร 35000 พิกัด : https://goo.gl/maps/m5QvKdZaf4s8jLXE8 วัน-เวลาทำการ : ติดต่อนัดหมายล่วงหน้า โทรศัพท์ : 06 2990 1395 Facebook : บัวอินทรีย์ บัวหวานยโสธร 2 บ้านไร่รุ้งตะวัน ฟาร์มเมล่อนญี่ปุ่น นาข้าวอินทรีย์ และคาเฟ่กลางทุ่งนา เอก-ธนิสร จิตตะมา ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านไร่รุ้งตะวัน กลับมาอำเภอเลิงนกทาบ้านเกิดอีกครั้ง หลังจากทำงานในกรุงเทพฯ กว่า 20 ปี เขาเล็งเห็นว่าตำบลที่อาศัยอยู่มีทรัพยากรธรรมชาติสมบูรณ์ สถานที่ท่องเที่ยวก็พอมีอยู่บ้าง น่าจะต่อยอดที่ดิน 20 กว่าไร่ของตนให้มีประโยชน์มากกว่าการปลูกข้าว หลังจากหาข้อมูลอยู่นานว่าจะปลูกพืชอะไร เอกก็พบว่าเมล่อนญี่ปุ่นเป็นพืชที่น่าสนใจ ปลูกได้ง่ายทั่วประเทศ เจริญเติบโตไวเพียง 3 เดือนก็เก็บเกี่ยวผลผลิตได้ รวมถึงมีมูลค่าในท้องตลาดสูง จากคนไม่มีความรู้เรื่องเกษตร เขาทำการบ้านอย่างจริงจัง ลองผิดลองถูก หาความรู้เพิ่มเติมจากอินเทอร์เน็ตและเข้าอบรมตามที่ต่าง ๆ ลองปลูกทั้งสายพันธุ์ราคาแพงและถูกเพื่อเปรียบเทียบ ก่อนพบว่าคุณภาพต่างกันโดยสิ้นเชิง ทั้งรูปร่างของลูกและรสชาติ เขาเลือกพันธุ์ที่ดีที่สุด แม้ราคาสูงแต่ใครได้ลองลิ้มก็ติดใจ บางครั้งต้องรีบจองไว้ก่อนก็มี แถมเอกยังมองการณ์ไกลแชร์พื้นที่นาที่ไม่ได้ใช้ให้กับสมาชิกวิสาหกิจชุมชน โดยเขาช่วยจัดการ ให้คำปรึกษา และควบคุมวิธีการทำให้เป็นอินทรีย์ 100 เปอร์เซ็นต์ ก่อนจะรวบรวมผลผลิตไปจำหน่ายให้ ภายใต้แบรนด์บ้านไร่รุ้งตะวัน ที่มีสารพัดใบรับรองอินทรีย์ทั้งภายในจังหวัดและเกรดส่งออกเป็นเครื่องการันตี หลังจากทำมาพักใหญ่ เพิ่มนู่นเติมนี่ในพื้นที่จนทุกอย่างเปลี่ยนไปแทบไม่เหลือเค้าเดิม เขาแบ่งพื้นที่ส่วนหนึ่งเป็นคาเฟ่เล็กกลางท้องทุ่ง นอกจากจะมีเมล่อนคุณภาพดีรสชาติหวานไว้ชูโรง ยังมีไอศกรีมข้าวเม่าอินทรีย์ที่อยากให้ลอง รวมถึงเครื่องดื่มอื่น ๆ ที่เอกอยากชวนให้นั่งลงมองนาข้าว พักเหนื่อยสักประเดี๋ยว แล้วค่อยออกเดินทางไปเที่ยวต่อ ที่ตั้ง : 203 หมู่ 5 ตำบลบุ่งค้า อำเภอเลิงนกทา จังหวัดยโสธร 35120 พิกัด : https://goo.gl/maps/NhFqJ8bJ3iPN8ejg7 วัน-เวลาทำการ : เปิดบริการทุกวัน เวลา 08.00 – 20.00 น. โทรศัพท์ : 09 8232 8961 Facebook : บ้านไร่รุ้งตะวัน Baan Rai Rung Tawan 3 ดอกกระเจียวหวานอินทรีย์ บ้านโคกนาโก ฟาร์มดอกกระเจียวหวาน อีกสัญลักษณ์ใหม่ของเมืองบั้งไฟ หลายคนรู้จักดอกกระเจียวในฐานะพืชดอกสวยงามที่จะบานเต็มทุ่งในช่วงฤดูฝน แต่สำหรับชาวบ้านโคกนาโก อำเภอป่าติ้ว กลับให้นิยามต่างออกไป เพราะดอกกระเจียวคือพืชเศรษฐกิจที่นำเม็ดเงินเข้าสู่หมู่บ้านตลอดปี “เราผลักดันจนเป็นสัญลักษณ์ของจังหวัด เดี๋ยวนี้พูดถึงยโสธร คนไม่นึกถึงบุญบั้งไฟแล้ว นึกถึงดอกกระเจียว” โบ้-เมืองชัย ทองลา เล่าด้วยน้ำเสียงภูมิใจ ก่อนชวนเราย้อนไปเมื่อหลายปีก่อน ตอนบัณฑิตด้านเกษตรตั้งใจแน่วแน่ว่าจะไม่เดินทางสายงานประจำ แต่อยากมาทำสวนเกษตรตามความถนัดที่บ้านเกิด วันนั้นเขามองเห็นอรรถประโยชน์หลายอย่างของดอกกระเจียว พืชท้องถิ่นคู่วิถีชีวิตลูกอีสานมาตั้งแต่เด็ก จึงลองหยิบเอาพันธุ์จากป่ามาสู่เมือง นำมาปรับเข้ากับวิธีการสมัยใหม่ที่ได้เล่าเรียนมา ปลูกบนโคกควบคู่ไปกับนาข้าว วันนี้เขายังคงดูแลแบบปลอดสารเหมือนเดิม บำรุงด้วยปุ๋ยคอกปุ๋ยหมัก ใช้ฟางข้าวมาคลุมดินเพื่อจัดการวัชพืช ทำให้ไม่ต้องพึ่งยาฆ่าหญ้า ด้วยความตั้งใจอยากควบคุมระบบการปลูกแบบอินทรีย์ จึงได้ผลผลิตออกมาดีและปลอดภัย เป็นที่สนใจของชาวบ้านทั้งในและนอกพื้นที่ ถึงขั้นซื้อพันธุ์และขอคำแนะนำลงใต้ไปปลูกถึงอำเภอเบตงเลยก็มี โบ้ให้ความรู้เพิ่มเติมว่า ดอกกระเจียวมีหลายพันธุ์ รสชาติแตกต่างกันออกไป ทั้งเผ็ดซ่าคล้ายหน่อข่าจนถึงหวานกรอบอร่อยกินง่าย สำหรับฟาร์มของโบ้เลือกปลูกพันธุ์อย่างหลัง หากใครถูกใจรสชาติหรืออยากลองปลูก ไม่ว่าจะแปลงเล็ก ๆ กินในครัวเรือน หรือทำเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ ก็ขอคำแนะนำได้ถึงฟาร์ม หนุ่มบ้านโคกนาโกยินดีต้อนรับ ที่ตั้ง : บ้านโคกนาโก อำเภอโคกนาโก อำเภอป่าติ้ว จังหวัดยโสธร 35150 พิกัด : https://goo.gl/maps/yR1Ls4ZQyXisDPCH7 วัน-เวลาทำการ : ติดต่อนัดหมายล่วงหน้า โทรศัพท์ : 09 5593 9010 Facebook : ดอกกระเจียวหวาน บ้านโคกนาโก 4 นัธรินทร์ฟาร์มปูนา ฟาร์มและศูนย์การเรียนรู้เรื่องปูนาแห่งแรกของยโสธร นัธรินทร์ฟาร์ม ศูนย์เรียนรู้เรื่องการเลี้ยงปูนาที่เกิดจากความชอบกิน ตั้งต้นจากการเลี้ยงไว้แค่พอกินในครอบครัว ก่อนต่อยอดเป็นธุรกิจเสริมเพาะปูขยายพันธุ์จนเกินกิน นัท-นัฐวุฒิ เงาฉาย

ยโสธรการเกษตร อ่านเพิ่มเติม

✨ List อาหารแห้งสำหรับเดินป่า พกพาง่าย สะดวกต่อการเดินทาง ✨

วันนี้แอดมีคำแนะนำสำหรับเพื่อน ๆ ที่กำลังวางแผนไปเดินป่า ตั้งแคมป์ค้างคืน โดยเฉพาะคนที่ไม่เคยเดินป่า จะเตรียมตัวอย่างไรหากจะต้องเตรียมอาหารการกินไปด้วย ทั้งยังต้องให้สะดวกกับการเดินทางด้วย 📍 บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป : เป็นเมนูที่ไม่ยุ่งยาก หาซื้อได้ง่าย ราคาประหยัด📍 ข้าวสาร : เพื่อน ๆ ที่ขาดข้าวไม่ได้จริง ๆ ก็สามารถนำไปหุงระหว่างพักกลางป่าได้ หรือจะเลือกเป็นข้าวสวยสำเร็จรูปก็ได้📍 ขนมปัง : เหมาะจะเป็นอาหารยามเช้า สำหรับเพื่อน ๆ ที่ไม่ชอบกินอาหารที่หนักท้องจนเกินไป📍 น้ำพริกแห้ง : เป็นเมนูคู่ข้าวสวยร้อน ๆ มีน้ำพริกแห้งอย่างเดียวก็อร่อยได้📍 อาหารกระป๋อง/ซองสำเร็จรูป : ปัจจุบันมีให้เลือกหลายเมนู ไม่ว่าจะเป็นแกงเผ็ด ผัดเผ็ด พะโล้ ฯลฯ📍 อาหารปรุงสุกที่สามารถเก็บได้นาน เช่น เนื้อสัตว์ทอด/รวน ไข่เค็มต้ม ถั่ว📍 เนื้อสัตว์อบแห้ง เช่น หมูแผ่น หมูฝอย หมูทุบ ไก่หย็อง📍 ผลไม้ : อาจจะเน้นผลไม้ที่เก็บได้นาน ไม่ต้องล้าง ปลอกเปลือกง่าย เช่น กล้วย ส้ม อาหารเหล่านี้เป็นเพียงตัวอย่างที่แอดยกมา เพื่อน ๆ สามารถนำไปปรับใช้ตามความสะดวกของแต่ละคนได้เลย ที่สำคัญ อย่าลืมรักษาความสะอาด เก็บขยะกลับไปให้เรียบร้อย ไม่ลืมทิ้งไว้ในป่า เพื่อไม่ให้เกิดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม หรือเป็นอันตรายต่อสัตว์ป่าที่อาจมากินโดยเข้าใจว่าเป็นอาหาร 😉

✨ List อาหารแห้งสำหรับเดินป่า พกพาง่าย สะดวกต่อการเดินทาง ✨ อ่านเพิ่มเติม

ถาม-ตอบ คลายข้อสงสัยโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3

สำหรับเพื่อน ๆ ที่มีข้อข้องใจนอกเหนือจากที่แอดนำเสนอในบทความนี้ สามารถอ่านเพิ่มเติมได้จากบทความด้านล่างได้เลย ถาม-ตอบ คลายข้อสงสัยโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3 EP 2

ถาม-ตอบ คลายข้อสงสัยโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3 อ่านเพิ่มเติม

5 ร้านคาเฟ่จากคนพิเศษ 🥰

ปัจจุบันมีคาเฟ่เกิดใหม่ขึ้นมากมาย มากจนแอดคิดว่าคงตามไปชิมได้ไม่ครบแน่ ๆ แต่ละร้านก็มีเอกลักษณ์ มีสไตล์ และเรื่องราวของตัวเองที่ไม่เหมือนใคร วันนี้แอดมี 5 คาเฟ่น่าสนใจมาแนะนำค่ะ เป็นคาเฟ่ที่ให้บริการโดยผู้พิการ แต่บอกเลยว่า รสชาติอาหารและเครื่องดื่มไม่แพ้คาเฟ่ไหน ๆ เป็นการยืนยันให้เห็นว่า แม้จะมีข้อจำกัดทางร่างกาย แต่เหล่าบาริสต้าและนักทำขนมที่เป็นคนพิเศษเหล่านี้ก็มีฝีมือและมีความสามารถไม่แพ้คนทั่วไปเลย ไปดูกันดีกว่าว่า 5 ร้านที่แอดจะมาแนะนำมีที่ไหนบ้าง 1. 60 Plus Bakery & Chocolate Caféคาเฟ่นี้อยู่ในความดูแลของมูลนิธิศูนย์พัฒนาและฝึกอบรมคนพิการแห่งเอเชียและแปซิฟิก หรือ APCD ที่สนับสนุนการสร้างงาน สร้างอาชีพ และให้ผู้พิการได้แสดงศักยภาพของตัวเองได้อย่างเต็มที่ ร้านมีการออกแบบพิเศษเพื่อเพิ่มความสะดวกให้ลูกค้าและพนักงาน เช่น มีทางลาดสำหรับเข็นวีลแชร์เข้าร้าน มีสัญญาณไฟกะพริบพร้อมเสียงแจ้งเตือนสำหรับพนักงานที่พิการทางการได้ยินและการมองเห็น ให้รู้ว่ามีลูกค้าเข้า-ออกร้าน โต๊ะก็ออกแบบมาให้มีความสูงพอดีกับวีลแชร์ ส่วนชั้นขนมก็ถูกปรับให้เตี้ยลง ผู้พิการจะได้หยิบได้สะดวก  ขอบคุณรูปภาพจากร้าน 60 Plus Bakery & Chocolate Café ภายในร้านจำหน่ายขนมปัง เบเกอรี่ กาแฟ และช็อกโกแลต ซึ่งขนมทั้งหมดทำขึ้นจากฝีมือของผู้พิการทั้งหมด โดยได้ผู้เชี่ยวชาญจากบริษัทขนมปังยามาซากิ มาสอนการทำขนมปัง และผู้เชี่ยวชาญจาก MarkRin Chocolate มาสอนการทำช็อกโกแลต  ขอบคุณรูปภาพจากร้าน 60 Plus Bakery & Chocolate Café ขอบอกเลยว่าขนมและเครื่องดื่มน่ากินมาก ๆ เห็นถึงความตั้งใจของคนทำเลยล่ะ ร้านอยู่ย่านราชวิถี สามารถไปอุดหนุนกันได้ หรือถ้าไม่สะดวกเดินทาง สั่งขนมผ่านเพจเฟสบุ๊คของร้านได้เลย https://www.facebook.com/60PlusBakeryandCafe  ถนนราชวิถี แขวงดุสิต เขตดุสิต กรุงเทพมหานครเปิดทุกวัน เวลา 07.00 – 17.00 น. 0 2354 7508https://goo.gl/maps/cWKch3MJhyxiPtKy7  ขอบคุณรูปภาพจากร้าน 60 Plus Bakery & Chocolate Café  2. Dots Coffeeร้านกาแฟแห่งนี้อาจจะเป็นร้านกาแฟทั่วไป แต่เมื่อคุณกาวิน ผู้ร่วมก่อตั้งร้านมีความคิดที่จะนำผู้พิการทางสายตามาเป็นพนักงาน ร้านกาแฟแห่งนี้จึงกลายเป็นร้านกาแฟสุดพิเศษ  ขอบคุณรูปภาพจากร้าน Dots Coffee  พนักงานทุกคนภายในร้านเป็นผู้พิการทางสายตา ทุกคนได้ฝึกวิธีการชงกาแฟนานหลายเดือน จนสามารถชงกาแฟได้คล่องแคล่ว ทีเด็ดคือการทำลาเต้อาร์ท ที่ทำออกมาได้สวยมาก  ขอบคุณรูปภาพจากร้าน Dots Coffee  นอกจากนี้ ทางร้านยังใช้เมล็ดกาแฟพันธุ์อาราบิก้าคุณภาพดีจากจังหวัดเชียงรายอีกด้วย เรียกได้ว่า พิเศษทั้งกาแฟและคนทำเลยล่ะ  อาคาร KX-Knowledge Exchange Center ถนนกรุงธนบุรี เปิดวันจันทร์-เสาร์ เวลา 08.00-16.00 น. 080 339 7869https://g.page/DotsCoffeeKX?share  ขอบคุณรูปภาพจากร้าน Dots Coffee  3. Mute Mute Caféร้าน Mute Mute Café เป็นความคิดริเริ่มของ“น้องเซี้ยง” ซึ่งเป็นผู้พิการทางการได้ยิน เขาอยากให้มีพื้นที่สำหรับผู้พิการได้มาพบปะสังสรรค์กัน จึงทำร้านคาเฟ่เพื่อผู้พิการทางการได้ยินแห่งนี้ขึ้น แต่คนทั่วไปก็สามารถเข้าไปใช้บริการได้นะคะ ภายในร้านตกแต่งสไตล์บูติคผสมผสานกับสไตล์ Loft มีความอบอุ่นและเป็นกันเอง  ขอบคุณรูปภาพจาก ร้าน Mute Mute Café  ร้าน Mute Mute Café มีเมนูให้เลือกหลากหลาย มีทั้งของว่าง ของหวาน ขนมอบ เบเกอรี่ต่าง ๆ รวมทั้งเครื่องดื่ม ซึ่งมีหลาย ๆ เมนูเลยที่น้องเซี้ยง เจ้าของร้านลงมือทำด้วยตัวเอง  ขอบคุณรูปภาพจาก ร้าน Mute Mute Café  ที่นี่นอกจากจะเป็นคาเฟ่แล้ว ยังเป็นสถานที่นัดรวมตัวเล่นบอร์ดเกมอีกด้วย และถึงแม้บรรยากาศในการเล่นจะเป็นไปอย่างเงียบ ๆ แต่เราก็ได้รับรู้ถึงความสนุกสนานที่เกิดขึ้น ผ่านทางรอยยิ้มของพวกเขาทุกคน  ซอยเจริญนคร 4 ถนนเจริญนคร แขวงคลองต้นไทร เขตคลองสาน กรุงเทพฯ เปิดวันพุธ-วันเสาร์ เวลา 10.30-17.00 น. 08 9668 3639, 06 5612 8980https://g.page/MuteMuteCafe?share 4. Yimsoo Farm at Mae Rimหลายคนอาจจะเคยได้ยินชื่อของ ยิ้มสู้ คาเฟ่ ที่ตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ มาบ้างแล้ว ครั้งนี้ ยิ้มสู้ คาเฟ่ได้เปิดสาขาใหม่ที่อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งอยู่ในความดูแลของศูนย์ฝึกอาชีพคนพิการอาเซียน โดยเปิดคาเฟ่แห่งนี้ขึ้นเพื่อฝึกอาชีพให้แก่ผู้พิการ  ขอบคุณรูปภาพจาก Yimsoo Farm at Mae Rim ศูนย์ฝึกอาชีพคนพิการอาเซียน อำเภอแม่ริม Yimsoo Farm at Mae Rim เป็นคาเฟ่สไตล์ Farm & Café บรรยากาศร่มรื่น พนักงานเป็นผู้พิการหลากหลายรูปแบบ ส่วนใหญ่เป็นผู้พิการทางการได้ยิน ซึ่งทำหน้าที่เป็นบาริสต้าและพนักงานเสิร์ฟ ทางร้านจึงมีสโลแกนว่า “ร้านกาแฟจากบาริสต้าที่เงียบที่สุด แต่ส่งมอบความสุขเสียงดังมาก”   ขอบคุณรูปภาพจาก Yimsoo Farm at Mae Rim ศูนย์ฝึกอาชีพคนพิการอาเซียน อำเภอแม่ริม นอกจากกาแฟแล้ว ที่นี่ยังมีก๋วยเตี๋ยวเรือรสชาติเข้มข้น ถือเป็นเมนูเด็ดที่ไปแล้วต้องลองชิม  ขอบคุณรูปภาพจาก Yimsoo Farm at Mae Rim ศูนย์ฝึกอาชีพคนพิการอาเซียน อำเภอแม่ริม บริเวณร้านมีแปลงปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ ซึ่งผลผลิตนำไปส่งขายยังห้างสรรพสินค้า และนำมาทำก๋วยเตี๋ยวเรือในร้าน  ตำบลเหมืองแก้ว อำเภอแม่ริม เชียงใหม่ เปิดทุกวัน เวลา 07.30 -16.00 น. 08 3200 1115https://goo.gl/maps/eyvdxi8M734bjbAR9  ขอบคุณรูปภาพจาก

5 ร้านคาเฟ่จากคนพิเศษ 🥰 อ่านเพิ่มเติม

เทศกาลไหว้พระจันทร์🌙

เทศกาลไหว้พระจันทร์มาถึงแล้ว…วันนี้ แอดมีเกร็ดความรู้เรื่องเทศกาลไหว้พระจันทร์มาให้อ่านกันเพลิน ๆ ด้วยค่ะ 🙂 เทศกาลไหว้พระจันทร์นับเป็นอีกหนึ่งเทศกาลที่ชาวจีนหรือคนไทยเชื้อสายจีนให้ความสำคัญและปฏิบัติสืบต่อกันมานาน ถือเป็นประเพณีการแสดงความขอบคุณต่อเทพเจ้าในช่วงสิ้นสุดการเก็บเกี่ยวในฤดูใบไม้ร่วง และเป็นการเฉลิมฉลองกับครอบครัวและเพื่อน ๆ ที่จะมาร่วมจิบชาและทานขนมไหว้พระจันทร์ด้วยกัน วันไหว้พระจันทร์จะตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 ตามปฏิทินจีน ซึ่งเป็นช่วงที่ดวงจันทร์สว่างที่สุด โต๊ะเครื่องไหว้จะตระเตรียมไว้กลางแจ้ง และเริ่มต้นไหว้หลังพระอาทิตย์ตกดิน เมื่อดวงจันทร์เริ่มปรากฏบนท้องฟ้า ✨ 👉สิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ในเทศกาลไหว้พระจันทร์ก็คือ ขนมไหว้พระจันทร์ โดยขนมไหว้พระจันทร์ในประเทศไทย เป็นรูปแบบกวางตุ้ง ปัจจุบันมีการปรับให้ทันสมัย ทั้งรูปลักษณ์ และรสชาติ แต่โดยทั่วไปแล้ว ตัวขนมจะทำจากแป้งและมีไส้อยู่ภายใน ซึ่งแต่ละไส้มีความหมายต่างกันออกไป 🥮ไส้ไข่เค็ม หมายถึง ความสุกสว่าง เสมือนกับพระจันทร์เต็มดวง 🥮ไส้เม็ดบัว หมายถึง ความบริสุทธิ์ อายุยืน และความสงบสุข 🥮ไส้ธัญพืช หมายถึง โชคลาภ และความอุดมสมบูรณ์ 🥮ไส้ถั่วแดง หมายถึง ความกล้าหาญ และการขจัดความกลัว 🥮ไส้ลูกพลัม หมายถึง ความหวัง เหมือนดอกพลัมบานในฤดูหนาว

เทศกาลไหว้พระจันทร์🌙 อ่านเพิ่มเติม

“ วิ ถี ค น กั บ ช้ า ง “ 🐘

สัมผัสวิถีถิ่นคนกับช้าง ณ เมืองสะเร็น #สุรินทร์ถิ่นช้างใหญ่ คนที่นี่ “ชาวกูย” เลี้ยงช้างเปรียบเสมือนสมาชิกในครอบครัว ที่รอให้ทุกคนมาเปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ ได้สัมผัสการใช้ชีวิตกับช้างอย่างใกล้ชิด นอกจากจะได้สัมผัสเสน่ห์คนเลี้ยงช้างแล้วยังได้ชมกับแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของจังหวัดสุรินทร์ นั่นก็คือ โครงการโลกของช้าง (Elephant World) ประกอบด้วย สนามแสดงช้าง หอชมวิว โรงภาพยนตร์ และพิพิธภัณฑ์ช้าง ด้วยการออกแบบที่แปลกตาของตัวอาคารพิพิธภัณฑ์ช้าง บรรยากาศโดยรอบที่ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ท่ามกลางทะเลทราย ตัวอาคารทำด้วยอิฐแดงมากกว่า 480,000 ก้อน หลายคนให้ชื่อว่าอียิปต์สุรินทร์ด้วยโทนสีของอิฐแดงการมาแต่ละช่วงเวลาของวัน แสงก็จะเปลี่ยนไป ดูแล้วมีมิติ ชักจูงให้เรากลับมาหลายครั้ง จังหวัดสุรินทร์ยังคงรอคอยให้ทุกคนได้มาเปิดประสบการณ์ท่องเที่ยวสัมผัสวิถีคนเลี้ยงช้างที่อยู่คู่กันมาอย่างเนิ่นนาน อีกทั้งยังได้ชมความงดงามยิ่งใหญ่ของสถาปัตยกรรมการออกแบบที่ผสมผสานระหว่างความเป็นวิถีถิ่นและความร่วมสมัยอย่างลงตัว 📍 โครงการโลกของช้าง (Elephant World) ณ ศูนย์คชศึกษา บ้านตากลาง ต.กระโพ อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์🗺 แผนที่การเดินทาง >> https://goo.gl/maps/warohe8qKEuVcoUx7📲 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ทาง Facebook Page : ททท.สำนักงานสุรินทร์ TAT Surin☎️ โทร. 0 4451 4447📧 E-mail : tatsurin@tat.or.th

“ วิ ถี ค น กั บ ช้ า ง “ 🐘 อ่านเพิ่มเติม

✨ ยโสฯ โซไซตี้ ✨

ยโสธรเป็นเมืองน่ารักมีเสน่ห์ ทั้งฟากสิ่งเก่าที่ชวนให้คิดถึงประเพณี วัฒนธรรม งานบุญต่าง ๆ และฝั่งของใหม่ ที่หากได้ผ่านไปช่วงหลังมานี้ จะพบว่ามีหลายสิ่งเปลี่ยนไปจากแต่ก่อน ไม่ว่าจะเป็นการขยายตัวของบ้านเมือง ตึกรามบ้านช่อง ผู้คนหน้าใหม่ที่เข้ามาเปิดกิจการ รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นหลายรูปแบบ แปลงโฉมเมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องงานบุญบั้งไฟนี้ให้ดูร่วมสมัยน่าสนใจ TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง ร่วมกับ The Cloud นำเสนอคอลัมน์ Take Me Out ขอพาเลาะเที่ยวชมประเพณีที่มีแค่ที่นี่ที่เดียว ชอปปิงหมอนขิดเจ้าต้นตำรับที่ดังไกลในระดับโลก คาเฟ่ไซส์มินิที่อยากเปิดเป็นคอมมูนิตี้ให้ชาวชุมชน ไปจนถึงร้านปังปิ้งและสโลว์บาร์ที่อยากชวนมาสัมผัสบรรยากาศท้องถิ่น 😊 ท่ามกลางกระแสการพัฒนา มวลความน่ารักเรียบง่ายของวิถีชีวิตคนรุ่นเก่า กลับไม่ได้รุดหน้ารวดเร็วตามไปด้วย ยังคงอัตลักษณ์ดั้งเดิมแบบค่อยเป็นค่อยไป ขณะที่ชาวยโสธรนิวเจนก็กำลังเริ่มขยับตัวทีละน้อย หลายคนเปิดกิจการร้านรวงเก๋ไก๋ บ้างก็กลับมาสร้างสรรค์กิจกรรมแปลกใหม่ให้บ้านเกิด เป็นความเคลื่อนไหวครั้งใหม่ของคนในพื้นที่ที่ร่วมด้วยช่วยกันแต่งแต้มให้จังหวัดเล็ก ๆ แห่งนี้มีสีสันยิ่งขึ้น  คอลัมน์ Take Me Out ชวนทำความรู้จักยโสฯ โซไซตี้ ให้มากกว่าเดิม ผ่าน 10 สถานที่ทั่วเมืองบั้งไฟโก้ ชิมเมนูเด็ดแบบคนยโสฯ ในเขตเมืองเก่า ชอปปิงหมอนขวานผ้าขิดฝีมือชาวบ้าน ตบท้ายด้วยชีวิตสุดฮิป ทั้งชมโบสถ์คริสต์ เลาะพิพิธภัณฑ์ แล้วตามฮอปปิงนานาคาเฟ่ที่ผสานวัฒนธรรมใหม่เก่าได้เข้ากั๊นเข้ากันอย่างไม่เคอะเขิน ถ้าพร้อมม่วนแท้ม่วนหลาย ก็ตามมาดูกันได้เลย! 1 ร้านหมวยก๋วยจั๊บญวน ✨ กวยจั๊บญวนสูตรต้นตำรับในอาคารสไตล์ชิโนยูโรเปียน จังหวัดเล็ก ๆ รูปพระจันทร์เสี้ยวแห่งนี้ก่อกำเนิดขึ้นจากชุมชนการค้าชื่อ ‘บ้านสิงห์ท่า’ แหล่งรวมผู้คนมากหน้าหลายตาที่เข้ามาค้าขายกันอย่างคึกคักเมื่อกว่าร้อยปีก่อน แม้ปัจจุบันบรรยากาศจอแจนั้นจะแปรสภาพเป็นความสงบเงียบ ที่แฝงตัวอยู่ในทุกอณูของอาคารเก่าแบบชิโน-ยูโรเปียน แต่ร่องรอยความรุ่งเรืองก็ยังทาบทับสตัฟฟ์อยู่บนร้านรวงดั้งเดิมอยู่เช่นวันวาน เจ๊หมวย-สุวรรณ แสนพันธ์ คือผู้กุมสูตรลับกวยจั๊บญวนมาเป็นรุ่นที่ 3 ผ่านเวลากว่า 40 ปี นับตั้งแต่ชาวเวียดนามอพยพมาลงหลักปักฐานที่บ้านสิงห์ท่าแห่งนี้ ด้วยวิธีการทำอันเป็นเอกลักษณ์และแตกต่างจากกวยจั๊บญวนของเจ้าอื่น เคี่ยวน้ำซุปด้วยกระดูกหมูเป็นวัน ๆ ได้รสนัวแบบโบราณ ใส่เพียงแค่หมูยอ หมูสับ และไข่นกกระทาต้ม ไม่ปรุงแต่งสิ่งอื่นจนเกินงาม เป็นสูตรออริจินอลที่อาจไม่ค่อยเห็นกันบ่อยนัก เมื่อ East Meets West อาหารตะวันออกพบกับอาคารแบบตะวันตก ภายใต้ชายคาสถาปัตยกรรมเก่าอายุเกือบร้อยปี มีภาพถ่ายเก่าระบุ พ.ศ. 2474 เป็นเครื่องยืนยันถึงความโบราณและทรงคุณค่าของอาคารห้องนี้ พร้อมกับนั่งสังเกตการณ์วิถีชีวิตชาวเมืองเก่า เป็นบรรยากาศการกินที่ไม่ต้องพูดถึง นั่งซดน้ำซุปเข้มข้นกลมกล่อมของกวยจั๊บญวนหรือที่ในภาษาถิ่นเรียกกันว่า ‘ข้าวเปียก’ กินกับแหนมคลุก อีกเมนูเด็ดมรดกจากชาวเวียตที่ปรับปรุงสูตรให้ถูกปากคนไทย ใส่ใบมะกรูดและมะพร้าวขูด ซึ่งเจ๊หมวยรับรองว่าสูตรนี้มีที่เดียวในยโสธร ที่ตั้ง : 83 ถนนวิทยะธำรงค์ ตำบลในเมือง อำเภอเมืองยโสธร จังหวัดยโสธร 35000 พิกัด : https://goo.gl/maps/cHroMsKN8FNx1zxX7 วัน-เวลา : เปิดบริการทุกวัน เวลา 08.30 – 18.00 น. โทรศัพท์ : 09 3384 8557 2 ข้าวปุ้นน้ำงัวยายนาง ✨ ร้านดั้งเดิมประจำถิ่นมีทั้งคาวและหวานแบบคนยโสธร ลัดเลาะเข้าซอยไปในชุมชนหลังวัดมหาธาตุ วัดสำคัญคู่บ้านใจกลางเมือง มีอีกสถานที่ฝากท้องของชาวยโสธรแท้ ๆ ที่ควรไปลองชิมสักครั้งหากได้มาเยือน นอกจากกวยจั๊บญวนแล้ว อีกหนึ่งของดีอร่อยปากที่ติดสอยตามมากับชาวเวียดนามพลัดถิ่น ผ่านการปรับปรุงผสมผสานกับอาหารอีสานจนลงตัว คือข้าวปุ้นน้ำงัว เมนูที่ปรุงอย่างใส่ใจโดย ยายนาง-ประนอม พรมชาติ ผู้เลื่อนตำแหน่งจากเคยเป็นลูกมือให้คุณแม่มารับช่วงกิจการต่อได้ 10 ปีแล้ว ว่ากันซื่อ ๆ ข้าวปุ้นน้ำงัว คือขนมจีนใส่น้ำซุปเนื้อวัวคล้ายก๋วยเตี๋ยว ตุ๋นเนื้อด้วยเตาถ่านกว่าค่อนวัน จนเนื้อนุ่มและน้ำซุปมีกลิ่นหอม แค่แตะจมูกก็ชวนน้ำลายสอ ใส่กะหล่ำซอยและสะระแหน่เป็นหน้าข้าวปุ้น โรยหอมเจียวปิดท้าย กินเคียงกับผักแพว ผักพื้นบ้านของชาวอีสาน รสชาติติดใจจนเคยมีนักชิมจากเมืองหลวง เอ่ยปากขอสูตรกลับไปทำกินเอง อีกเมนูควรลองคือหมี่กะทิ แนวกินตำรับอีสานให้ชิมร่วมด้วย แม้ชื่อจะเหมือนกัน แต่หน้าตาต่างจากของภาคกลางแบบคนละฝา เพราะทำจากเส้นเล็กราดด้วยน้ำแกงรสชาติออกหวาน เป็นเมนูท้องถิ่นที่แซ่บอีหลีสูสีตีคู่มาพร้อมกัน เมื่อกินอาหารคาวเสร็จสรรพ อย่าลืมต่อด้วยขนมหวานชื่อดังของจังหวัด ลอดช่องจากแป้งข้าวเจ้าที่บีบด้วยมือ ออกมาเป็นเส้นเล็กบ้างยาวบ้าง ให้สัมผัสเหนียวนุ่ม หอมกลิ่นกะทิ ซดหมดถ้วยก็ชื่นใจดับร้อนได้ชะงัด ผู้ใดสนใจอยากลองลิ้มรสชาติฉบับชาวยโสฯ ขอกำชับว่ารีบไปก่อนเที่ยง เพราะพอตะเว็นตรงหัว เพิงเล็ก ๆ ขนาด 4 โต๊ะม้าหินของยายนางจะคลาคล่ำไปด้วยขาประจำ ยังไม่ทันบ่าย 2 โมง อาหารก็ทยอยหมด เตรียมคว่ำหม้อเก็บร้านกลับบ้านแล้ว ที่ตั้ง : ใกล้วัดมหาธาตุ ถนนธาตุพิทักษ์ ตำบลในเมือง อำเภอเมืองยโสธร จังหวัดยโสธร 35000 พิกัด : https://goo.gl/maps/QjHP5P4erU8AxYE99 วัน-เวลา : เปิดบริการวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 09.00 – 14.00 น. ปิดวันเสาร์-อาทิตย์ โทรศัพท์ : 09 9026 0848 3 แม่แย้มหมอนขิด  ร้านของฝากจากหัตถกรรมประจำจังหวัดที่ดังไกลทั่วโลก หากนึกถึงของดีเมืองไทยที่โกอินเตอร์ไปยังต่างประเทศ หนึ่งสิ่งที่แวบเข้ามาในหัวของใครหลายคนคือหมอนขิดลายช้างอย่างไม่ต้องสงสัย แย้ม จันใด เจ้าของกิจการแม่แย้มหมอนขิดบอกว่า ต้นตำรับหมอนขิดที่เป็นเสมือนไอเท็มสามัญประจำบ้านทั่วไทยและดังไกลไปทั่วโลก แท้จริงอยู่ที่บ้านศรีฐาน อำเภอป่าติ้ว จังหวัดยโสธร ตั้งแต่เกิดมาก็เห็นผู้ฒ่าผู้แก่ในหมู่บ้านทำกันจนชินตา ถ่ายทอดภูมิปัญญาจากรุ่นสู่รุ่น เป็นกิจกรรมยามว่างพักระหว่างรอหน้านาของชาวอีสาน จนปัจจุบันกลายเป็นธุรกิจทำเงินเข้าหมู่บ้านเป็นกอบเป็นกำ แต่เดิมหมอนขิดจะใช้ผ้าฝ้ายทอยกดอกที่ทำกันเองภายในหมู่บ้าน เป็นของสูง นิยมนำไปถวายพระ งานมงคล หรือมอบกันเป็นของที่ระลึก เมื่อลูกค้าเพิ่มขึ้น มีออเดอร์เยอะจนผลิตไม่ทัน จึงให้โรงงานรับหน้าที่ทอต่อ แต่ยังคงลวดลายแบบเดิมไว้ คือลายดอกและลายช้าง รวมทั้งเพิ่มสีสันให้หลากหลายโดนใจผู้ซื้อ ส่วนไส้ของหมอนขิดก็ใช้ฟางข้าว ผลพลอยได้จากนาในท้องถิ่น  ความพิเศษอยู่ที่หมอนขวานรูปสามเหลี่ยม แม่แย้มบอกว่าทำได้เฉพาะในหมู่บ้านศรีฐาน แม้จะมีคนมาขอเรียนวิชาแต่ก็ไม่ชำนาญมือเท่าแม่ ๆ ของบ้านนี้ เพราะเป็นสกิลล์เฉพาะตัวที่ต้องสอยและขึ้นรูปด้วยมือ ที่นี่ใช่ว่ามีแต่หมอนขวาน หมอนขิดแบบเดิมที่เคยเห็น เพราะปัจจุบันสินค้าภูมิปัญญาชาวบ้านศรีฐานมีหลายขนาด หลากรูปทรง และมากด้วยฟังก์ชันการใช้งาน ทั้งเบาะรองนั่ง หมอนหนุน หมอนอิงรูปผลไม้ จนถึงหมอนเพื่อสุขภาพ ถ้าอยากได้หน้าตาที่ออกแบบเอง

✨ ยโสฯ โซไซตี้ ✨ อ่านเพิ่มเติม

✨ เที่ยวทิพย์ from home…เปลี่ยนบ้านให้น่าเที่ยว ✨

แอดเชื่อว่าช่วงนี้เพื่อน ๆ หลายคนยังต้อง Work Form Home กันอยู่ เพราะสถานการณ์การแพร่เชื้อโควิด 19 เบื่อกันบ้างไหม แอดนี่คิดถึงบรรยากาศการเดินทางท่องเที่ยว และการพบปะสังสรรค์กับเพื่อนฝูงมากเลย ไปไหนไม่ได้แบบนี้ ก็เที่ยวจากที่บ้านนี่แหละ!! แอดมีไอเดีย “เที่ยวทิพย์ from home” มาฝาก ลองเปลี่ยนบรรยากาศในบ้าน ให้เป็นที่เที่ยวกันดีกว่า ถือเป็นการทำกิจกรรมแก้เบื่อไปในตัว มีไอเดียอะไรบ้าง ตามไปดูกันเลย ทำ Home camping 🏕 ใครที่เป็นสายเดินป่า กางเต็นท์ ได้เวลาเอาอุปกรณ์ออกมาใช้แล้ว เคลียร์พื้นที่ในบ้าน อาจจะเป็นลานหน้าบ้าน สวนหลังบ้าน ห้องนอน หรือห้องนั่งเล่น แล้วเปลี่ยนให้เป็นลานตั้งแคมป์ กางเต็นท์ จัดวางอุปกรณ์ให้เหมือนตอนเราไปตั้งแคมป์จริง อย่าลืมแต่งตัวเป็นชาวแคมป์ให้เข้ากับบรรยากาศ ถ้ามีเครื่องโปรเจ็คเตอร์ก็ยิ่งเหมาะ เอามาฉายภาพดาวหรือท้องฟ้าสวย ๆ ขึ้นผนังห้อง จะยิ่งสร้างบรรยากาศให้ดูสมจริงมากยิ่งขึ้น จัดสวนในบ้าน 🌿 เปลี่ยนบรรยากาศภายในบ้านให้กลายเป็นสวนขนาดย่อม ด้วยการหาต้นไม้มาประดับตามมุมต่าง ๆ ของบ้าน หรือจัดโซนสำหรับวางต้นไม้โดยเฉพาะ เพิ่มบรรยากาศด้วยเก้าอี้ในสวนสำหรับนั่งชมสวน เพื่อน ๆ ที่อยู่ในคอนโดหรืออพาร์ทเมนท์ก็สามารถทำได้ แอดแนะนำว่าตรงระเบียงคอนโดเหมาะมากที่จะจัดสวน ช่วงนี้ต้นไม้เล็ก ๆ อย่างต้นกระบองเพชร หรือต้นไม้ฟอกอากาศกำลังได้รับความนิยม เพราะดูแลง่ายและหาซื้อได้ง่ายอีกด้วย ปลูกผักสวนครัว 🥬🥗 การปลูกผักสวนครัวก็เหมือนกับการจำลองบรรยากาศการท่องเที่ยวเชิงเกษตรมาไว้ที่บ้าน ถึงแม้เราจะมีพื้นที่ภายในบ้านจำกัด แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะเราสามารถปลูกผักในกระถางหรือภาชนะรีไซเคิล อย่างขวดน้ำ กล่องพลาสติก กล่องโฟมได้ นอกจากนี้ยังเป็นการช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายแล้ว ยังจะได้กินผักที่สด สะอาด ปลอดภัยอีกด้วย จัดมุมกาแฟเก๋ ๆ ☕️ ใครที่โหยหาการไปนั่งจิบกาแฟและดื่มด่ำกับบรรยากาศร้านคาเฟ่ ช่วงนี้คงต้องพักไว้ก่อน แล้วยกคาเฟ่มาไว้ที่บ้านให้หายคิดถึง เริ่มจากหาชั้นวางหรือโต๊ะเล็ก ๆ สำหรับวางอุปกรณ์ชงกาแฟ กาต้มน้ำร้อน และแก้วกาแฟ นำไปจัดวางไว้ในมุมใดมุมหนึ่งของบ้าน อาจจะเป็นบริเวณใกล้โต๊ะกินข้าว ในห้องครัว หรือห้องนั่งเล่น เพิ่มลูกเล่นด้วยการประดับต้นไม้เล็ก ๆ หรือแจกันดอกไม้สวย ๆ เพื่อทำให้มุมกาแฟของเราดูน่าสนใจมากยิ่งขึ้น

✨ เที่ยวทิพย์ from home…เปลี่ยนบ้านให้น่าเที่ยว ✨ อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top