เพื่อนร่วมทาง

#สามพันโบก แกรนด์แคนยอนลำน้ำโขง 🌅

สามพันโบก แกรนด์แคนยอนลำน้ำโขง 🌅 มหัศจรรย์ธรรมชาติ จ.อุบลราชธานี 🌊 อันซีนแก่งหินขนาดใหญ่ ถ่ายรูปปัง 100% 📷✨ สามพันโบก อ.โพธิ์ไทร จ.อุบลราชธานี #แกรนด์แคนยอนเมืองอีสาน ความสวยงามของแก่งหินขนาดใหญ่กลางลำน้ำโขงที่ถูกกัดเซาะกลายเป็นแอ่งและหลุมขนาดต่าง ๆ มากมาย ตั้งแต่ขนาดเล็กจิ๋วไปจนถึงขนาดใหญ่ มองดูแล้วอัศจรรย์มาก ๆ ซึ่งคำว่า “โบก” หมายถึง “แอ่ง” หรือ “บ่อน้ำลึก” และบริเวณนี้มีมากกว่าสามพันแอ่งจึงเรียกกันว่าสามพันโบกนั่นเอง 🌀 จากจำนวนแอ่งหินมากมายทั้งแบบเว้า โค้ง หม้อกลม โพรงถ้ำ หรือเส้นเชื่อมกัน บางแอ่งได้กลายเป็นจุดถ่ายรูปยอดฮิต มุมสุดชิคไว้อัพอวดโซเชียล เช่น หลุมรูปมิกกี้เม้าส์ รูปหัวใจ โขดหินรูปหัวสุนัข ฯลฯ ซึ่งสามารถเข้าชมได้ช่วงฤดูแล้งของปีเท่านั้น คือประมาณเดือนธันวาคม – เดือนพฤษภาคม เพราะในฤดูน้ำหลาก น้ำจะท่วมแก่งหินตรงนี้ จึงไม่สามารถเข้าชมได้นั่นเอง 🍂💦 🗺 พิกัด : สามพันโบก อ.โพธิ์ไทร จ.อุบลราชธานี 34340🌤 แนะนำให้มาช่วงเช้าหรือช่วงเย็น เพราะบริเวณสามพันโบกไม่มีที่หลบแดด จึงทำให้ช่วงเที่ยงร้อนมาก!

#สามพันโบก แกรนด์แคนยอนลำน้ำโขง 🌅 อ่านเพิ่มเติม

✨ ข้อควรระวังก่อนนวดแผนไทย ✨

การนวด ถือเป็นทางเลือกหนึ่งของคนที่รู้สึกปวดเมื่อยเนื้อตัวเพื่อช่วยให้ผ่อนคลาย ซึ่งส่วนใหญ่มักจะรู้สึกดีขึ้นจนทำให้หลาย ๆ คนติดใจและบอกต่อ ๆ กัน แต่ในข้อดีก็มีข้อควรระวังอยู่ด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนวดแผนไทย หลายคนอาจนึกไม่ถึง วันนี้แอดเลยจะมาแนะนำข้อควรระวังก่อนการนวด เพื่อให้คนที่กำลังจะไปนวดได้รีเช็คอาการกันก่อน 1. บาดเจ็บจากเล่นกีฬา หากมีอาการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬาหรือออกกำลังกาย เช่น แผลฟกช้ำ กล้ามเนื้ออักเสบ เอ็นอักเสบ ฯลฯ ควรรอให้หายดีก่อนประมาณ 1-2 อาทิตย์จึงค่อยไปนวด เพราะการนวดในขณะที่ยังไม่พร้อมอาจเพิ่มอาการบาดเจ็บใหม่ได้ 2. ผู้ป่วยกระดูกหัก หากเคยประสบอุบัติเหตุ มีประวัติกระดูกแตกหัก ร้าว เคลื่อน ฯลฯ ไม่ควรนวดแผนไทย เพราะเมื่อประสบอุบัติเหตุ ร่างกายจะสร้างลิ่มเลือดขึ้นเพื่อห้ามเลือดในเนื้อเยื่อที่ฉีกขาดหรือได้รับบาดเจ็บ ซึ่งการนวดแผนไทยอาจจะทำให้ลิ่มเลือดหลุดออกมาในกระแสเลือด และเกิดอาการลิ่มเลือดอุดตันที่เส้นเลือดในสมอง อาจเป็นอัมพฤกษ์อัมพาตได้ รวมถึงผู้ป่วยโรคกระดูกพรุน กระดูกบาง หรือมีสภาวะข้อต่อหลวม ควรหลีกเลี่ยงการนวดแผนไทยเช่นกัน 3. ผู้มีโรคประจำตัวที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ ผู้ที่มีโรคประจำตัวอย่างโรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน ไม่ควรไปนวด เพราะอาจเกิดอันตรายถึงชีวิตจากการกดจุดหรือนวดตามเส้นเลือดได้ นอกจากนี้ ผู้ป่วยโรคติดต่อที่แพร่เชื้อได้ เช่น โรคงูสวัด อีสุกอีใส วัณโรค ก็ไม่ควรไปนวดแผนไทย เพราะอาจเกิดการแพร่เชื้อหรืออาการหนักกว่าเดิม รวมถึงผู้ที่เพิ่งผ่าตัดมา และแผลยังปิดไม่สนิท เพราะการนวดอาจทำให้แผลปริแตก หรือเกิดการอักเสบขึ้น 4. สตรีมีครรภ์ สตรีมีประจำเดือน สุภาพสตรีที่ตั้งครรภ์หรือช่วงมีประจำเดือน มักมีอาการปวดเมื่อย ทำให้หลายคนอยากไปนวด แต่การนวดแผนไทยที่ต้องใช้แรงหรือมีการกดจุด อาจกระทบกระเทือนต่อการตั้งครรภ์ได้ และการนวดที่ทำให้เลือดลมไหลเวียนดีขึ้น ในช่วงมีประจำเดือนอาจทำให้มีเลือดออกผิดปกติ หรืออาจทำให้เป็นไข้ทับระดูได้ 5. ผู้ที่มีปัญหากระดูกสันหลัง สำหรับผู้มีปัญหาเกี่ยวกับกระดูกสันหลัง ไขสันหลัง หรือเป็นโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท ไม่ควรไปนวดแผนไทย เพราะมีการกดจุดและดัดตัว อาจทำให้กระดูกสันหลังมีการเคลื่อนตัว เกิดความเจ็บปวดและอันตรายต่อกระดูกสันหลัง หากต้องการนวด แนะนำให้ไปพบแพทย์เฉพาะด้านจะดีกว่า ทั้งนี้ส่วนสำคัญของการนวดคือ ผู้เข้ารับบริการไม่ควรปกปิดประวัติความเจ็บป่วยต่อผู้ให้บริการ เพื่อความปลอดภัยของทั้งผู้รับบริการและผู้ให้บริการนั่นเอง

✨ ข้อควรระวังก่อนนวดแผนไทย ✨ อ่านเพิ่มเติม

มาตรการเข้าประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. 2565 ✈️

มาตรการเข้าประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. 2565 ✈️ 📌 ยกเลิกการแสดงผลตรวจ RT-PCR ที่ตรวจภายใน 72 ชั่วโมง ก่อนเดินทาง สำหรับการเข้าประเทศทุกมาตรการ 📌 ลดระยะเวลาพำนักในพื้นที่ Sandbox เหลือ 5 วัน (สำหรับมาตรการ Sandbox) 📌 ลดระยะเวลากักตัวของมาตรการ AQ เหลือ 5 วัน สำหรับทั้งผู้ที่ได้รับวัคซีนครบ และได้รับวัคซีนไม่ครบ / ไม่ได้รับวัคซีน 📌 มาตรการ Test and Go ตามเดิม ………………………………………………… ข้อมูล ณ วันที่ 1 เมษายน 2565 ขอบคุณข้อมูลจาก : กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ Source : https://www.facebook.com/ThaiConsular/posts/322529129973944

มาตรการเข้าประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. 2565 ✈️ อ่านเพิ่มเติม

เกาะขายหัวเราะ : ตราด🌊🌞

เกาะขายหัวเราะ…เพื่อน ๆ เคยได้ยินชื่อนี้กันไหมคะ หากใครเคยอ่านการ์ตูนขายหัวเราะ ต้องเคยเห็นแก๊กตลกที่มีฉากเป็นเกาะเล็ก ๆ กลางทะเล มีต้นมะพร้าวยืนต้นเด่นอยู่หนึ่งต้นกันมาบ้าง แต่ใครเลยจะคิดว่าเกาะลักษณะที่ว่านี้มีให้เห็นจริง ๆ กลางท้องทะเลตราด ไปดูกันเลย เกาะขายหัวเราะ ตั้งอยู่บริเวณด้านหลังของเกาะกระดาดแห่งท้องทะเลตราด เดิมเกาะนี้ไม่มีชื่อ แต่ด้วยลักษณะของเกาะ ทำให้มีนักท่องเที่ยวตั้งฉายาให้ว่าเกาะขายหัวเราะ ต่อมาการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสำนักงานตราด ร่วมกับขายหัวเราะ โปรโมทเกาะไร้ชื่อแห่งนี้ให้กลายเป็น “เกาะขายหัวเราะ” อย่างเป็นทางการ ทำให้หลาย ๆ คนอยากมาติดเกาะกันเป็นแถวเลยล่ะ โดยปกติแล้วเกาะขายหัวเราะมักจะถูกรวมเป็นส่วนหนึ่งของการไปเที่ยวเกาะหมากและเกาะกระดาด สามารถเดินทางแบบวันเดย์ทริปได้ โดยเริ่มต้นที่เกาะหมาก แล้วซื้อทริปเที่ยวเกาะขายหัวเราะจากที่พักบนเกาะหมากได้เลย ราคาประมาณ 700 บาทต่อคน (สอบถามราคาและช่วงเวลาโดยตรงกับที่พักได้เลย) ทริปจะเริ่มจาก นั่งเรือไปยังเกาะกระดาด ใช้เวลาประมาณ 10 นาที แล้วต่อรถแทรกเตอร์เที่ยวดูกวางและสวนมะพร้าวบนเกาะเรื่อย ๆ ไปจนถึงท้ายเกาะ หากเป็นช่วงน้ำลง จะมีสันทรายปรากฏ นักท่องเที่ยวสามารถเดินข้ามทะเลผ่านเกาะนกในและนกนอกไปถึงเกาะขายหัวเราะได้เลย แต่หากเป็นช่วงน้ำขึ้นจะใช้เรือไปส่ง ช่วงเวลาที่เหมาะกับการท่องเที่ยวหมู่เกาะในท้องทะเลตราด จะอยู่ในช่วงเดือนพฤศจิกายน-พฤษภาคมสำหรับคนที่จะไป อย่าลืมเช็คระดับน้ำขึ้นน้ำลงกันให้ดี เกาะขายหัวเราะจะสวยสุดตอนระดับน้ำทะเลอยู่ที่ระดับ 1.7-2.1 เมตร ของระดับน้ำทะเลที่แหลมงอบ และอย่าลืมสวมใส่รองเท้าที่กระชับพร้อมลุยน้ำ โขดหิน และพื้นทรายมากันนะ เช็คระดับน้ำได้ที่นี่ https://bit.ly/3NaW6kF*** ข้อมูลอาจเปลี่ยนแปลงได้ตามสภาพอากาศในแต่ละวัน *** สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ททท. สำนักงานตราด โทร. 0 3959 7259

เกาะขายหัวเราะ : ตราด🌊🌞 อ่านเพิ่มเติม

✨ สวยสด หาด เขา ถ้ำ ณ ประจวบคีรีขันธ์ ✨

จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่มีชื่อเสียงในเรื่องสถานที่ท่องเที่ยว นอกจากหัวหินถิ่นดังที่เราคุ้นหูกันอยู่แล้ว ก็ยังมีที่เที่ยวอีกมากมายกระจายอยู่ทั่วทุกอำเภอ ทั้งทะเล ป่าเขา วนอุทยานฯ หากเพื่อน ๆ ยังไม่เคยสำรวจที่อื่น ๆ นอกจากหัวหิน วันนี้แอดมีสถานที่ท่องเที่ยวในระยะเวลาสั้น ๆ 2 วัน 1 คืน มาฝากค่ะ  วันที่ 1 1. ชมทัศนียภาพประจวบฯ ที่ “จุดชมวิวเขาแดง” 2. ส่องสัตว์ป่า ณ “อุทยานแห่งชาติกุยบุรี” 3. ชมพระอาทิตย์ตกดิน ที่ “อ่างเก็บน้ำยางชุม”  วันที่ 2 4. รับแสงแรกของวัน ที่ “หาดปากน้ำปราณ” พร้อมถ่ายรูปชิค ๆ กับ “ต้นตาลสามต้น” 5. ชมป่าชายเลนและพันธุ์ไม้ต่าง ๆ ณ “วนอุทยานปราณบุรี” 6. อิ่มอร่อย ที่ Eureka Beach Cafe  วันที่ 1 จุดชมวิวเขาแดง  จุดชมวิวเขาแดง ถือเป็นจุดชมวิวที่ดีที่สุดจุดหนึ่งของประจวบฯ อยู่ในเขตอุทยานสามร้อยยอด ขับรถจากกรุงเทพฯ ใช้เวลาประมาณ 4-5 ชั่วโมง ที่ “จุดชมวิวเขาแดง” นี้สามารถมองเห็นได้ทั้งวิวเขาสามร้อยยอด ชายหาดสามพระยา และบ้านเรือนต่าง ๆ ที่บริเวณทางขึ้นจะมีจุดบริการนักท่องเที่ยว สามารถสอบถามข้อมูลได้ จุดชมวิวเขาแดง เป็นภูเขาหินปูนที่มีความสูงชัน แนะนำให้เพื่อน ๆ ใส่รองเท้าที่กระชับและเดินสบาย ระยะทางเดินโดยรวมประมาณ 500 เมตร โดยจะมีป้ายบอกทางเป็นระยะ เมื่อเดินมาถึงด้านบนสุด เราจะได้เห็นวิวสวย ๆ แบบพานอรามากันเลย หามุมเหมาะ ๆ แล้วถ่ายรูปมาอวดกันได้เลยจ้า แต่ต้องระมัดระวังกันด้วย ที่นี่ยังเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นอีกด้วย  หากใครมีโอกาสมาที่นี้ในตอนเช้าตรู่ สามารถมารอชมได้ แต่จะต้องติดต่อเจ้าหน้าที่ล่วงหน้าก่อน เนื่องจากในเวลาปกติจะเปิด 08.00 น. เป็นต้นไป  ตำบลเขาแดง อำเภอกุยบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์  เปิดทุกวัน เวลา 08.00 – 15.30 น.  032 821 568 (อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด) https://goo.gl/maps/HPB8RisMsBkPBPJ76 อุทยานแห่งชาติกุยบุรี  ก่อนจะไปเที่ยวกันต่อที่ “อุทยานแห่งชาติกุยบุรี” แอดจะพาไปแวะรับประทานอาหารกลางวันระหว่างทางกันก่อน แถว ๆ สถานีรถไฟกุยบุรี หรือตลาดสดกุยบุรี มีร้านอาหารให้เลือกเยอะเลย อิ่มแล้วก็ไปชมธรรมชาติในป่าใหญ่กัน อุทยานแห่งชาติกุยบุรีมีพื้นที่ครอบคลุมถึง 4 อำเภอด้วยกัน สภาพแวดล้อมโดยรอบเป็นเทือกเขาสลับซับซ้อนและเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาตะนาวศรี ที่นี่เป็นถิ่นอาศัยของสัตว์ป่ามากมาย สื่อให้เห็นถึงความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่าและระบบนิเวศน์  ไฮไลต์ของที่นี่คือการมาส่องสัตว์ ช่วงเวลาที่แนะนำคือช่วงเวลา 15.00 น. เนื่องจากเป็นช่วงที่สัตว์ป่าเริ่มออกมาหากิน แนะนำให้มาถึงที่นี่ไม่เกิน 14.00 น. เพื่อให้มีเวลาเตรียมตัวเข้าพื้นที่ และใช้เวลาเดินทางไปยังจุดชมประมาณ 30 นาที  สัตว์ป่าที่มีมากของที่นี่ได้แก่ ช้างป่า กระทิง แต่หากจังหวะดี เพื่อน ๆ อาจจะได้ชมสัตว์ป่าอื่น ๆ อีก เช่น วัวแดง นกเงือก และสุนัขจิ้งจอก  ในการเที่ยวชม สามารถใช้บริการรถนำชมของชมรมท่องเที่ยวอนุรักษ์สัตว์ป่ากุยบุรี ซึ่งเป็นชาวบ้านที่ผ่านการอบรมและทำหน้าที่ร่วมกับอุทยานฯ พานักท่องเที่ยวเข้าไปชมสัตว์ตามจุดต่าง ๆ  โดยกิจกรรมชมสัตว์ป่า จะอยู่ภายใต้การควบคุมความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่อุทยานฯ นักท่องเที่ยวต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด ไม่สามารถนำรถยนต์ส่วนตัวเข้าไปเอง เนื่องจากสัตว์ป่าภายในอุทยานฯ มีจำนวนมาก และกระจายออกหากินทั่วพื้นที่ อาจทำให้เกิดอันตรายได้นอกจากนี้ ยังมีข้อปฏิบัติอื่น ๆ อีก เช่น หากเจอสัตว์ป่าระหว่างทางจะต้องอยู่บนรถ ไม่ควรเข้าไปใกล้ช้างป่าหรือสัตว์ป่าทุกชนิด ไม่ส่งเสียงดัง ห้ามเปิดแฟลช ไม่ควรให้อาหารสัตว์ป่า  ค่าเข้าชมอุทยานฯ ผู้ใหญ่ 40 บาท / เด็ก 20 บาท (ชาวต่างชาติ เด็ก 100 บาท ผู้ใหญ่ 200 บาท)  ค่าบริการรถโฟร์วีลรวมไกด์นำชม 850 บาท/คัน นั่งได้ 7-8 คน  บ้านย่านซื่อ ตำบลหาดขาม อำเภอกุยบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์  081 776 2410, 032 510 453 https://goo.gl/maps/e6V5B3n6zgrJiHuy7 อ่างเก็บน้ำยางชุม  ไม่ไกลจากอุทยานแห่งชาติกุยบุรี มีจุดชมพระอาทิตย์ตกดินที่สวยงามมาก นั่นคือ “อ่างเก็บน้ำยางชุม” โครงการในพระราชดำริ ที่สร้างขึ้นเป็นแหล่งน้ำช่วยเหลือพื้นที่ชลประทาน เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับป่ากุยบุรี ตลอดจนส่งน้ำให้แก่พื้นที่เพาะปลูกที่ประสบปัญหาขาดแคลนน้ำ แอดมาถึงช่วงเย็น ๆ ต้องบอกเลยว่าบรรยากาศกำลังดี ลมพัดเย็นสบาย ไม่เพียงแค่ชมพระอาทิตย์ตกดิน แต่สำหรับนักดูดาวก็สามารถมารอเก็บภาพดาวบนท้องฟ้ายามราตรีกันได้นะ  ตำบลหาดขาม อำเภอกุยบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ https://goo.gl/maps/briq7qHqeSgkEU1c8  วันที่ 2 หาดปากน้ำปราณ – ต้นตาล 3 ต้น  เช้าวันที่ 2 แอดจะพาไปชมแสงแรกของวันกันที่ริมหาดปากน้ำปราณ ชายหาดแห่งนี้มีทั้งพื้นที่พักผ่อนหย่อนใจ ออกกำลังกาย รวมทั้งเป็นเส้นทางปั่นจักรยานของชาวปากน้ำปราณอีกด้วย หากมาในช่วงเย็น อีกฝั่งถนนจะมีสตรีทฟู้ดตั้งร้านเรียงราย มีอาหารอร่อยมากมายให้เราเลือกซื้อ ไฮไลต์ที่ใครมาก็จะต้องมาเช็คอิน และถ่ายรูปคู่กับ “ต้นตาล 3 ต้น” ที่เอียงตัวโน้มเข้าหาทะเล   ตำบลปากน้ำปราณ อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ https://goo.gl/maps/2JWAawzyfiV1xbFd7 วนอุทยานปราณบุรี  จุดต่อไป เราจะไปที่ “วนอุทยานปราณบุรี” พื้นที่ป่าโกงกางขนาดใหญ่

✨ สวยสด หาด เขา ถ้ำ ณ ประจวบคีรีขันธ์ ✨ อ่านเพิ่มเติม

✨ ข้าวแช่…อาหารคลายร้อน ✨

เข้าหน้าร้อนแบบนี้ มีใครคิดแบบแอดบ้าง ที่นึกอยากจะกินข้าวแช่ขึ้นมาทุกครั้งไป ในฐานะคนชอบกินข้าวแช่ เลยอยากจะนำเกร็ดความรู้เกี่ยวกับข้าวแช่ พร้อมแนะนำพิกัดร้านข้าวแช่แสนอร่อยมาฝากกัน ข้าวแช่แต่เดิมเป็นอาหารของชาวมอญ ในอดีตการหุงข้าวแช่เป็นพิธีกรรมในการบูชาเทวดาอย่างหนึ่ง นิยมทำในวันสงกรานต์ ซึ่งถือเป็นวันขึ้นปีใหม่ชาวมอญ เป็นโอกาสที่ญาติมิตรที่อยู่ห่างไกล ได้กลับมารวมตัวกันที่บ้านเพื่อทำข้าวแช่ไปทำบุญและตั้งศาลของบ้านขึ้นมาเพื่อเซ่นไหว้เทวดา และถือโอกาสนำข้าวแช่ไปให้ญาติผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือและกราบไหว้ขอพร การทำข้าวแช่แบบมอญนั้น มีพิธีและขั้นตอนการทำมากมาย เริ่มตั้งแต่คัดข้าวสารเม็ดสวย มาซาวน้ำ 7 ครั้ง ให้สะอาด หุงโดยตั้งเตาไฟบนลานโล่ง ส่วนน้ำที่จะกินร่วมกับข้าวแช่ ต้องเป็นน้ำสะอาดต้มสุก เทลงหม้อดินเผาใบใหญ่ อบควันเทียนและดอกไม้หอม เช่น มะลิ กุหลาบมอญ กระดังงา ทิ้งไว้หนึ่งคืน เครื่องเคียงข้าวแช่หลัก ๆ มี 5 ชนิด ได้แก่ ปลาแห้งป่น เนื้อเค็มฉีกฝอย หัวไชโป๊เค็มผัดไข่ ไข่เค็ม และกระเทียมดอง ต่อมาข้าวแช่เป็นที่นิยมแพร่หลายในหมู่คนไทย เมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 เสด็จแปรพระราชฐานไปประทับแรม ณ พระนครคีรี ทรงโปรดปรานข้าวแช่สูตรเมืองเพชรเป็นพิเศษ ซึ่งจะมีเครื่องเคียงเพียง 3 อย่างเท่านั้น คือ ลูกกะปิ ปลากระเบนผัดหวาน และผักกาดเค็มผัดหวาน ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ได้มีการจัดทำข้าวแช่ เป็นข้าวแช่เสวยขึ้นถวาย ซึ่งมีการปรับสูตรเครื่องเคียงเป็นลูกกะปิทอด พริกหยวกสอดไส้ เนื้อเค็มฝอยผัดหวาน ผักกาดเค็มผัดหวาน ปลาแห้งผัดหวาน รวมถึงผักสดแกะสลัก ร้อนนี้ ลองแวะไปหาข้าวแช่รับประทานกัน แอดมีพิกัดแนะนำหลายแห่ง เช่น เกาะเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ถือเป็นแหล่งรวมข้าวแช่ขึ้นชื่อหลายร้าน เช่น ร้านข้าวแช่คุณแดง (เปิดขายช่วงสงกรานต์) ร้านข้าวแช่ป้าสุดจิตร สูตรชาววัง ร้านข้าวแช่ลุงแดง เป็นต้น จังหวัดเพชรบุรี มีร้านข้าวแช่ชื่อดังหลายร้าน เช่น ข้าวแช่ป้าเอื้อน ที่เปิดขายมานานกว่า 60 ปี อยู่ตรงข้ามสถานีกาชาดที่ 8 อำเภอเมือง ร้านข้าวแช่แม่เล็ก สะกิดใจ อำเภอท่ายาง ในบริเวนเกาะรัตนโกสินทร์ มีข้าวแช่แม่ศิริ บางลำพู ข้าวแช่บ้านวรรณโกวิท ถนนตะนาวนอกจากนี้ยังมีร้านอาหารไทยอีกหลายร้านในกรุงเทพฯที่มีเมนูข้าวแช่ขายในช่วงหน้าร้อน ดูพิกัดของร้านแล้ว ล้วนเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจทั้งนั้น ไปร้านข้าวแช่อย่างเดียวคงไม่พอ คงต้องเตรียมตัวไปเที่ยวด้วยแล้วล่ะ

✨ ข้าวแช่…อาหารคลายร้อน ✨ อ่านเพิ่มเติม

✨ เกาะพระทอง อ.คุระบุรี จ.พังงา 🏝

อันซีนทุ่งหญ้าสะวันนากลางทะเลอันดามัน 🌾 ไฮไลท์พายคายัคชิลล์ ๆ ชมวิวคลองสีคราม 🚣‍♂ สายเที่ยวเน้นธรรมชาติ อยากสูดอากาศดี ๆ ให้เต็มปอด สัมผัสความเขียวขจีแบบใกล้ชิด มาปักหมุด #เกาะพระทอง เกาะขนาดใหญ่ที่สุดในจังหวัดพังงา ที่นี่มีไฮไลท์เป็นทุ่งหญ้าสีทองหรือที่หลาย ๆ คนเรียกว่าทุ่งหญ้าสะวันนาเมืองไทย โดยบริเวณทุ่งหญ้าหรือบริเวณป่าเสม็ดผืนใหญ่จะขึ้นอยู่ใจกลางเกาะเลย ซึ่งช่วงน่าเที่ยวจะเป็นช่วงเดือนธันวาคม-เมษายน เพราะทุ่งหญ้าจะเปลี่ยนจากสีเขียวมาเป็นสีน้ำตาล ยิ่งถ้ามาตอนพระอาทิตย์ขึ้นหรือพระอาทิตย์ตกดิน ทุ่งหญ้าจะมีสีน้ำตาลทอง สวยมาก ๆ 💚 และอีกหนึ่งไฮไลท์ห้ามพลาดหลังจากชมทุ่งหญ้าก็คือ การได้มาพายเรือคายัคชมวิวคลองน้ำใสเชื่อมทะเลสีคราม ช่วงเวลาที่น้ำขึ้นพื้นด้านล่างจะเป็นทราย พายเรือมองเห็นน้ำใสแจ๋ว ทั้งสนุกและน่าตื่นเต้นไปกับมุมคดโค้งต่าง ๆ แถมยังไม่ต้องกลัวร้อนด้วย เพราะเงาต้นไม้มีมาบดบังแสงแดดเรื่อย ๆ ตลอดเส้นทางเลยล่ะ ✨🌤 การเดินทาง : ขึ้นเรือที่ท่าคุระบุรี สามารถเหมาเรือของชาวบ้าน ค่าบริการไป-กลับ 3,000 บาทที่ตั้ง : เกาะพระทอง ต.เกาะพระทอง อ.คุระบุรี จ.พังงาhttps://goo.gl/maps/Bi7geZcpJnjMgdek7

✨ เกาะพระทอง อ.คุระบุรี จ.พังงา 🏝 อ่านเพิ่มเติม

วัดวังก์วิเวการาม กาญจนบุรี✨

วันหยุดนี้ แอดจะชวนเพื่อน ๆ ไปเที่ยวชมวัดวังก์วิเวการาม หรือ วัดจมน้ำ อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวห้ามพลาด เรียกได้ว่าเป็น Unseen Thailand เลยทีเดียวล่ะ วัดใต้น้ำหรือวัดจมน้ำ Unseen Thailand แห่งจังหวัดกาญจนบุรี เป็นวัดที่จมน้ำ 2 วัด และไม่จมน้ำ 1 วัด โดย 2 วัดที่จมอยู่ใต้น้ำก็คือ วัดวังก์วิเวการามเก่าหรือวัดหลวงพ่ออุตตมะ และวัดศรีสุวรรณ ส่วนอีกวัดหนึ่งนั้นคือวัดสมเด็จเก่า ตั้งอยู่บนเนินเขา ว่ากันว่าทั้ง 3 วัดได้กลายเป็นความมหัศจรรย์แห่งอำเภอสังขละบุรีที่ทุกคนต้องหาโอกาสมาชมสักครั้งในชีวิต ระหว่างเดือนมีนาคม-เมษายนของทุกปี เป็นช่วงที่เหมาะแก่การท่องเที่ยว เพราะช่วงเวลานี้ระดับน้ำจะลดลงมากที่สุด เราสามารถเดินเข้าไปชมภายในโบสถ์ได้ การเที่ยวชมวัดใต้น้ำ สามารถเช่าเรือได้บริเวณสะพานมอญ ราคาประมาณ 600 บาท ใช้เวลาไป – กลับ ประมาณ 45 นาที ช่วงเวลาแนะนำ คือช่วงเวลาเช้าหรือบ่ายแก่ ๆ เพราะแดดไม่ร้อนเกินไป บรรยากาศยามเย็นท่ามกลางทุ่งหญ้าเขียวขจี

วัดวังก์วิเวการาม กาญจนบุรี✨ อ่านเพิ่มเติม

นั่งรถกบ ชมเมืองตรัง

จังหวัดตรัง นอกจากจะมีทะเลสวยจับใจแล้ว ในตัวเมืองก็มีวัดวาอาราม ตึกเก่าสวยคลาสสิคน่าไปถ่ายรูปไม่น้อย ซึ่งวิธีการเที่ยวรอบเมืองตรังที่สะดวกและน่าประทับใจที่สุดก็คือ นั่งรถตุ๊กตุ๊กหัวกบชมเมือง กิจกรรมนี้เป็นโปรแกรมยอดฮิตที่นักท่องเที่ยวแทบทุกคนปักไว้ว่าต้องลองสักครั้ง เพราะรถตุ๊กตุ๊กหัวกบดีไซน์คลาสสิคนี้ถือเป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดตรังก็ว่าได้ ปัจจุบันแทบจะไม่มีที่ไหนใช้รถรุ่นนี้แล้ว ยังเหลือก็ที่นี่เท่านั้น การเดินทางโดยรถตุ๊กตุ๊กหัวกบ  เพื่อน ๆ สามารถนั่งรถรอบเมืองด้วยค่าบริการคนละ 20 บาท/เที่ยว หรือจะใช้บริการนำเที่ยวในราคาเริ่มต้น 250 บาท/ชั่วโมง หรือแล้วแต่ตกลงกับคนขับได้เลยว่าจะใช้เวลาเที่ยวนานเท่าไหร่โดยจุดจอดรถตุ๊กตุ๊กหัวกบจะอยู่บริเวณหน้าสถานีรถไฟตรัง บอกก่อนเลยว่า เพื่อน ๆ ที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ชื่นชอบตึกเก่า จะคุ้มมาก ๆ ถ้าได้มาเที่ยวตรัง เพราะจะได้เห็นวัฒนธรรมที่ผสมผสานทั้งไทย ยุโรป และจีนไปด้วยกัน  เมนูเด็ดของตรัง  มาถึงถิ่นภาคใต้ก็ต้องมากินติ่มซำกัน กระซิบบอกก่อนว่าควรมากินมื้อเช้า เพราะร้านส่วนใหญ่จะเปิดเช้ามาก ๆ และของอาจจะหมดไวด้วย มีหลายร้านให้เลือกเลย เช่น ร้านพงษ์โอชา (มี 2 สาขา) ร้านเลตรัง ติ่มซํา ร้านเตอรัง ติ่มซำ ฯลฯ เมนูเด็ดที่ไม่ควรพลาดอีกเมนูก็คือ “หมูย่างเมืองตรัง” ถ้าเพื่อน ๆ ไปกินติ่มซำที่ร้านพงษ์โอชา ก็สามารถสั่งมาชิมได้ นอกจากนี้ยังมีร้านอื่น ๆ เช่น หมูย่างเมืองตรังโกเภาโกสุยหมู่ย่าง หมูย่างโกอึ้ง ฯลฯ ไม่ไกลจากย่านร้านอาหาร มีจุดเช็คอินถ่ายรูปชิค ๆ กับภาพเขียนบนกำแพงสวยงาม เป็น Street Art ภาพวาด 3 มิติซึ่งแต่ละภาพ บ่งบอกความเป็นตรังได้อย่างชัดเจน  ที่ปากซอย ราชดำเนิน 1 มี ภาพเขียน “ต้นศรีตรัง” ต้นไม้มงคลประจำจังหวัดตรังที่มีดอกสีม่วงสดใส ยามเมื่อออกดอก ทั้งต้นจะเห็นเป็นสีม่วงอย่างในภาพเขียนที่เราเห็น จากปากซอย เดินเข้ามาเพียงแค่ 100 เมตร จะเจอกับภาพเขียน “ต้นยางพารา” ตามประวัติการปลูกต้นยางพาราในไทยนั้น พบว่าปลูกครั้งแรกที่จังหวัดตรัง โดยเป็นการนำเมล็ดเข้ามาปลูก ปัจจุบัน ต้นยางรุ่นแรกของไทยเหลือเพียงต้นเดียวที่บริเวณถนนตรังคภูมิ อำเภอกันตัง  ห่างออกไป 500 เมตร มีภาพ “ถ้ำมรกต” หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวสุดอันซีนบนเกาะมุก จังหวัดตรัง จากนั้นเลี้ยวขวาไปราว ๆ 550 เมตร จะพบวิหารคริสต์เก่าแก่ “คริสตจักรตรัง” หนึ่งในสถานที่ต้องห้ามพลาดเมื่อมาเที่ยวตรัง  วิหารแห่งนี้สร้างขึ้นตั้งแต่ พ.ศ.2458 มีความโดดเด่นแปลกตา เพราะมีหอระฆังอยู่ด้านข้าง อาคารเป็นสีเหลืองมัสตาร์ดทั้งหลัง นับจากเมื่อแรกสร้างจนปัจจุบัน อาคารมีการบูรณะหลายครั้ง แต่ยังคงรักษาสถาปัตยกรรมที่งดงามคลาสสิกเอาไว้อย่างดี จนได้รับรางวัลอนุรักษ์ศิลปสถาปัตยกรรมดีเด่น เมื่อปี พ.ศ. 2552  24 ถนนเพชรเกษม ตำบลนาตาล่วง อำเภอเมือง จังหวัดตรัง ในเมืองตรัง เพื่อน ๆ จะได้เห็นตึกเก่า อาคารเก่าสไตล์ชิโน-โปรตุกีสสวย ๆ หลายหลัง ถือเป็นเสน่ห์ที่โดดเด่นมาก เพื่อน ๆ ที่อยากมีรูปเก๋ ๆ สามารถแวะถ่ายรูปกับตึกสวยๆ กันได้นะ  “วัดตันตยาภิรม พระอารามหลวง” เป็นวัดเก่าแก่ สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 ถือเป็นวัดสำคัญ และเคยใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยาของข้าราชการในจังหวัดตรังเมื่อปี พ.ศ. 2461 จุดเด่นก็คือเจดีย์ทรงบาตรคว่ำสีขาว เรียงซ้อนกัน 5 ชั้น ด้านในมีจิตรกรรมฝาผนังพุทธประวัติ ซึ่งจะเปิดให้เข้าชมเฉพาะวันพระเท่านั้น  ตำบลบางรัก อำเภอเมืองตรัง จังหวัดตรังhttps://goo.gl/maps/tH87ppy8JkA2 “วงเวียนพะยูน” แลนด์มาร์คอีกแห่งที่นักท่องเที่ยวมักมาแวะถ่ายรูป พะยูนถือเป็นสัตว์อนุรักษ์ที่อยู่คู่ทะเลตรัง พบมากบริเวณเกาะลิบง เพราะเป็นพื้นที่อุดมไปด้วยหญ้าทะเล ซึ่งเป็นอาหารของพะยูนนั่นเอง  อนุสาวรีย์พระยารัษฎานุประดิษฐ์มหิศรภักดี หรือนายคอซิมบี้ ณ ระนอง บุคคลที่ชาวตรังรักและระลึกถึงอยู่เสมอ ในฐานะผู้สร้างคุณูปการให้แก่เมืองตรังมากมายหลายด้าน อาทิ การคมนาคม เกษตรกรรม กสิกรรม การศึกษา การปกครอง และยังเป็นผู้ที่นำยางพารามาปลูกที่จังหวัดตรัง  อนุสาวรีย์พระยารัษฎานุประดิษฐ์มหิศรภักดีhttps://goo.gl/maps/pFayNfhCEgL2

นั่งรถกบ ชมเมืองตรัง อ่านเพิ่มเติม

เที่ยวเชียงราย…ให้คลายร้อน

หยุดยาวคราวนี้ คนที่วางแผนไว้ว่าจะไปเล่นน้ำสงกรานต์ในภาคเหนือ แต่ยังนึกไม่ออกว่าหลังจากเล่นน้ำแล้วจะไปเที่ยวไหนต่อ วันนี้แอดจะมาแนะนำที่เที่ยวคลายร้อนในจังหวัดเชียงราย เผื่อเป็นไอเดียให้คนที่กำลังวางแผนการเดินทางอยู่ ไปดูกันว่า ที่ไหนบ้างที่ยังคงมีบรรยากาศเย็นสบาย แม้ในช่วงหน้าร้อน 1. วนอุทยานถ้ำหลวง – ขุนน้ำนางนอน – สถานที่ประวัติศาสตร์ใน“ปฏิบัติการค้นหาและกู้ภัยเยาวชนและโค้ชทีมฟุตบอลหมูป่าอคาเดมี่” ที่โลกต้องจารึก 2. อุทยานศิลปะวัฒนธรรมแม่ฟ้าหลวง (ไร่แม่ฟ้าหลวง) – แหล่งรวบรวมสถาปัตยกรรม งานพุทธศิลป์ ศิลปวัตถุของล้านนา 3. น้ำตกขุนกรณ์ – เล่นน้ำตก ชมธรรมชาติที่ร่มรื่นเย็นสบายแม้ในฤดูร้อน  วนอุทยานถ้ำหลวง – ขุนน้ำนางนอน  ย้อนกลับไปเมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2561 คงแทบไม่มีใครไม่รู้จักถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน กับปฏิบัติการค้นหาและกู้ภัยเยาวชนและโค้ชทีมฟุตบอลหมูป่าอคาเดมี่ 13 ชีวิต ปฏิบัติการนี้ไม่เพียงได้รับความสนใจจากคนทั่วโลก แต่ยังทำให้ถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน เป็นที่รู้จักไปทั่วโลกด้วยเช่นกัน วันนี้แอดจะพาไปเที่ยวชม วนอุทยานถ้ำหลวง – ขุนน้ำนางนอน ที่ขณะนี้ได้รับการปรับปรุงภูมิทัศน์เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก วนอุทยานถ้ำหลวง – ขุนน้ำนางนอน ตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าดอยนางนอน ตำบลโป่งผา อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ลักษณะภูมิประเทศเป็นภูเขาหินปูนขนาดใหญ่หลายลูกทอดตัวต่อกันในแนวเหนือ-ใต้ โดยลาดชันมาทางทิศตะวันออก มีลักษณะคล้ายกับผู้หญิงนอน จึงเรียกกันโดยทั่วไปว่า “ดอยนางนอน” ในส่วนของถ้ำหลวงมีความยาวถึง 10.3 กิโลเมตร ก่อนหน้าปฏิบัติการค้นหาและกู้ภัย ฯ นี้ ถ้ำหลวงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่คนท้องถิ่นนิยมเดินทางไปท่องเที่ยวพักผ่อนกันอยู่แล้ว เพราะภายในถ้ำมีหินงอกหินย้อยที่งดงาม บริเวณด้านหน้าถ้ำหลวง เป็นที่ตั้งของอนุสาวรีย์ นาวาตรี สมาน กุนัน หรือจ่าแซม อดีตทหารประจำหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ กองเรือยุทธการ หนึ่งในทีมค้นหา- กู้ภัย นักฟุตบอลเยาวชนทีมหมูป่าอคาเดมี่ ที่เสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ บริเวณปากถ้ำ มีการจัดแสดงสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ ที่ใช้ในการปฏิบัติการจริงช่วงสถานการณ์ช่วยเหลือทีมหมูป่า รวมไปจนถึงของใช้ เช่น เสื้อผ้า รองเท้า รถจักรยาน ที่ทีมหมูป่าทิ้งไว้หน้าถ้ำก่อนเข้าไปในถ้ำ เดินเข้าถ้ำไปประมาณ 50 เมตร จะเป็นโถงที่ 1 ซึ่งเป็นเพียงส่วนเดียวที่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้ มีความยาว เกือบ 200 เมตร ใช้เป็นศูนย์บัญชาการของ นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร อดีตผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย ในการค้นหา-กู้ภัยทีมหมูป่าอคาเดมี่ มีการติดตั้งไฟนำทางเดินตั้งแต่ปากโถง ไปจนถึงส่วนท้ายของโถง ภายในโถงที่ 1 นักท่องเที่ยวสามารถชื่นชมความงามของหินงอกหินย้อย ที่ปรากฏอยู่ทั่วโถง มีการจัดไฟส่องให้เห็นความงามกันชัด ๆ หินงอกหินย้อยภายในถ้ำหลวงเป็นหินปูนที่จะมีน้ำไหลหยดตลอดเวลาในช่วงฤดูฝน ทางเดินตั้งแต่ปากโถงที่ 1 ไปจนถึงส่วนปลายโถง บางจุดจะแคบและชัน จึงมีการสร้างราวจับ รวมถึงจัดไฟส่องนำทางให้ เนื่องจากแนวโถงถ้ำมีเส้นทางคดเคี้ยว บางช่วงเข้าถึงง่าย บางช่วงมีเพดานต่ำ โดยเฉพาะในส่วนโถงถ้ำที่ลึกเข้าไป จะยิ่งเข้าถึงได้ยากมากขึ้นเรื่อยๆ ส่วนท้ายสุดของโถงที่ 1 จัดแสดงโต๊ะเก้าอี้ของทีมแพทย์และทีมบัญชาการกู้ภัย จุดนี้มีการจัดแสดงแผนที่ส่วนต่างๆภายในถ้ำหลวงพร้อมภาพประกอบ ตั้งแต่โถง 1 ไปจนถึงเนินนมสาว จุดที่พบตัวทีมหมูป่าทั้ง 13 คน ซึ่งอยู่ห่างจากปากถ้ำราว 2.3 กิโลเมตร ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการท่องเที่ยวถ้ำหลวงคือระหว่าง เดือนพฤศจิกายน ถึง เมษายน ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมถ้ำหลวงได้ถึงบริเวณโถงที่ 1 โดยจะปิดถ้ำห้ามเข้าชมในช่วงเดือนกรกฎาคมถึงกันยายนของทุกปี เนื่องจากมักมีน้ำหลากเข้าไปในตัวถ้ำ ซึ่งอาจทำให้เกิดอันตรายได้  ไม่เก็บค่าเข้าชม เพราะอยู่ระหว่างการเตรียมการ ประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติ  ตำบลโป่งผา อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย เปิดทุกวันเวลา 8.30 – 16.30 น. 09 4603 3511 https://goo.gl/maps/i1k12N1Wx8hnkxfE6 อุทยานศิลปะวัฒนธรรมแม่ฟ้าหลวง (ไร่แม่ฟ้าหลวง) ตั้งอยู่บนเนื้อที่กว่า 150 ไร่ จุดประสงค์เมื่อแรกก่อตั้งไร่แม่ฟ้าหลวง คือ เพื่อเป็นที่พักสำหรับเยาวชนชาวเขาในพื้นที่ห่างไกลที่ได้รับทุนพระราชทานจากสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีให้มาศึกษาต่อในเมือง ต่อมาได้รับการพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงศิลปวัฒนธรรม เป็นสถานที่ที่รวบรวมสถาปัตยกรรม งานพุทธศิลป์ และศิลปวัตถุของล้านนาหลากหลายสมัย มีพรรณไม้พื้นถิ่นปลูกไว้หลายชนิด ทั้งยังได้รับรางวัล Thailand Tourism Award 2006 ประเภท รางวัลดีเด่นด้านแหล่งท่องเที่ยวทางศิลปวัฒนธรรม ที่นี่มีอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี เพราะมีต้นไม้ใหญ่ร่มรื่นปลูกไว้ทั่วทั้งบริเวณ ภายในอุทยานฯประดิษฐาน พระรูปปั้นสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี สร้างจากสัมฤทธิ์ ขนาดเท่าครึ่งของพระองค์ ผลงานของคุณมีเซียม ยิปอินซอย  หอคำ  สร้างด้วยไม้สักทั้งหลัง รูปทรงอาคารสอบเข้าตามลักษณะเรือนล้านนาโบราณ สไตล์การก่อสร้างได้รับแรงบันดาลใจจากวัดปงสนุก จังหวัดลำปาง ไม้นานาชนิดที่ใช้ก่อสร้างมาจากองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ รวมกับไม้จากบ้านเก่าจำนวน 32 หลัง ชาวเชียงรายร่วมใจสร้างหอคำนี้เป็นเครื่องไหว้สาแม่ฟ้าหลวง ในโอกาสที่สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีทรงเจริญพระชนมายุ 84 พรรษาเมื่อปี พ.ศ. 2527 ภายในหอคำเป็นที่ประดิษฐานพระพร้าโต้ พระไม้โบราณของล้านนา รวมไปถึงจัดแสดงสัตภัณฑ์หรือเชิงเทียนบูชาไม้แกะสลักโบราณ ศิลปวัตถุและงานพุทธศิลป์ เช่น พระพุทธรูปแบบล้านนา พม่า ตุงกระด้าง และขันดอก  หอแก้ว  เป็นอาคารจัดแสดงนิทรรศการถาวรเกี่ยวกับไม้สัก และนิทรรศการหมุนเวียนอื่น ๆ ศิลปวัตถุไม้สัก ที่นำมาจัดแสดง ได้แก่ งานไม้ในสถาปัตยกรรมไทยต่างๆ เช่น ไม้แกะสลัก ไปจนถึงเครื่องใช้ในชีวิตประจำวันของชาวล้านนา อันแสดงให้เห็นถึงความผูกพันที่แนบแน่นของชาวเหนือที่มีต่อไม้สักในหลายมิติ บางชิ้นเป็นศิลปกรรมของสะสมที่มีผู้มอบให้ไว้เพื่อเก็บรักษา  ศาลาแก้ว  เป็นศาลาริมน้ำทรงล้านนาที่มีเอกลักษณ์งดงาม ใช้เป็นอาคารเอนกประสงค์สำหรับกิจกรรมต่างๆ ปัจจุบันอุทยานศิลปะวัฒนธรรมแม่ฟ้าหลวง อยู่ภายใต้การบริหารงานของมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์  ชาวไทย 100 บ. ชาวต่างชาติ 200 บ.  133 หมู่ 7 บ้านป่างิ้ว ตำบลรอบเวียง อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย เปิดให้เข้าชม วันอังคาร-วันอาทิตย์ และวันนักขัตฤกษ์ เวลา 08.00-17.00 น. (หยุดทุกวันจันทร์)  0 5371 6605-7 www.maefahluang.org https://goo.gl/maps/tMxzYidsvZ72Xcwd8

เที่ยวเชียงราย…ให้คลายร้อน อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top