เพื่อนร่วมทาง

ภาพบรรยากาศ ✨ เย็นทั่วหล้า มหาสงกรานต์ ✨

ภาพบรรยากาศ ✨ เย็นทั่วหล้า มหาสงกรานต์ ✨ภายใต้คอนเซปท์ 🔹สงกรานต์วิถีใหม่ แต่งไทยเที่ยววัด🔹 ณ วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร และ วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร กรุงเทพมหานคร ทั้ง 2 พระอารามหลวง จัดกิจกรรมสรงน้ำพระพุทธรูปและก่อเจดีย์ทราย ระหว่างวันที่ 9-17 เม.ย. 2565 เวลา 09.00-18.00 น.

ภาพบรรยากาศ ✨ เย็นทั่วหล้า มหาสงกรานต์ ✨ อ่านเพิ่มเติม

เครื่องปั้นดินเผา ดอยดินแดง จังหวัดเชียงราย

วันนี้เอาใจเพื่อน ๆ สายอาร์ต พาไปเสพงานศิลป์ที่ ✨ เครื่องปั้นดินเผา ดอยดินแดง จังหวัดเชียงราย ✨ ใครที่ชอบเครื่องปั้นเซรามิก ไม่ควรพลาด เพราะนอกจากจะได้โอกาสซื้อหาเครื่องปั้นดินเผางานแฮนด์เมดแล้ว ยังสามารถเรียนรู้วิธีการปั้นเครื่องปั้นดินเผาจากที่นี่อีกด้วย 🥣 เครื่องปั้นดินเผา ดอยดินแดง เป็นทั้งสตูดิโอแสดงผลงาน แกลเลอรี่ ร้านจำหน่าย และโรงงานผลิตเครื่องปั้นดินเผา สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2534 โดยอาจารย์สมลักษณ์ ปันติบุญ ศิลปินเซรามิกชาวเชียงราย ที่มีฝีมือเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ อาจารย์สมลักษณ์มีโอกาสไปศึกษาการปั้นเครื่องปั้นดินเผากับ มาสเตอร์นากาซาโตะ ทารุเอมอน ที่เมือง Karatsu เกาะคิวชู ประเทศญี่ปุ่น แหล่งที่มีชื่อเสียงด้านเครื่องปั้นมานานกว่า 400 ปี ก่อนจะกลับมาก่อตั้ง “เครื่องปั้นดินเผา ดอยดินแดง” ชื่อดอยดินแดง มาจากลักษณะดินในพื้นที่ซึ่งมีสีแดง และมีสภาพเหมาะกับการใช้ทำเซรามิก นอกจากนี้ เครื่องปั้นดินเผาดอยดินแดงยังใช้ไม้ แกลบ ใบไม้ ขี้เถ้าฟาง ขี้เถ้าไม้ไผ่มาเป็นวัตถุดิบในการทำน้ำเคลือบผิวให้เกิดสีสันต่าง ๆ ซึ่งวัตถุดิบทั้งหมดนี้ล้วนเป็นวัตถุดิบที่มีอยู่ในชุมชน เครื่องปั้นดินเผาดอยดินแดง เป็นการผสมผสานระหว่างศิลปะดั้งเดิมกับศิลปะแบบวิถีเซนของญี่ปุ่น คอนเซ็ปต์หลัก คือการใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติในท้องถิ่น โดยคำนึงถึงความปลอดภัยและประโยชน์การใช้งาน รวมทั้งยังเน้นลักษณะสีและพื้นผิวที่มีความโดดเด่น เป็นศิลปะร่วมสมัยที่สามารถนำไปใช้งานได้จริงและตกแต่งบ้านได้อย่างกลมกลืน  วิธีการปั้นเป็นแบบขึ้นรูปบนแป้นหมุน แล้วปั้นด้วยมือซึ่งเป็นวิธีแบบดั้งเดิมเพื่อให้ได้แบบที่ต้องการตามความชำนาญของช่างปั้น  จากนั้นจึงวาดลายลงบนเครื่องปั้นแต่ละชิ้น ด้วยสีจากวัสดุธรรมชาติที่หาได้ในท้องถิ่น แล้วเคลือบผิวให้เงางามด้วยน้ำขี้เถ้า หรือที่เรียกกันว่าน้ำเคลือบ โดยไม่ใช้สารเคมีใด ๆ นอกจากห้องสตูดิโอที่ใช้แสดงผลงาน แกลเลอรี่ และร้านจำหน่ายเครื่องปั้นดินเผาแล้ว เรายังสามารถเข้าไปชมการปั้นเครื่องปั้นดินเผาในโรงงานผลิตได้ด้วย โดยช่างปั้นที่นี่ล้วนเป็นช่างในท้องถิ่นทั้งสิ้น  เครื่องปั้นดินเผาดอยดินแดง   49 หมู่ 6 บ้านป่าอ้อ ถนนพหลโยธิน ตำบลนางแล อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย  เปิดวันจันทร์-เสาร์ เวลา 08.00-17.00 น. (ปิดวันอาทิตย์)  053 705 291 https://goo.gl/maps/ZXVCubbku8VBpPTg9 เว็บไซต์ www.dddpottery.com  การเดินทาง : จากตัวเมืองเชียงรายออกไปราว 14 กิโลเมตร เมื่อผ่านสามแยกสนามบิน ตรงไปอีกประมาณ 6 กิโลเมตร ให้เลี้ยวขวาไปตามป้ายบอกทางสู่ดอยดินแดง

เครื่องปั้นดินเผา ดอยดินแดง จังหวัดเชียงราย อ่านเพิ่มเติม

🌊 One full day at Ko Samaesan – a paradise island in Chon Buri 🌊

Ko Samaesan in Chon Buri’s Sattahip district is a great one-day excursion from Bangkok. Beautiful, clean sandy beaches and clear water are guaranteed thanks to the regulations imposed by the Royal Thai Navy, which has jurisdiction over the island…

🌊 One full day at Ko Samaesan – a paradise island in Chon Buri 🌊 อ่านเพิ่มเติม

🌊 เที่ยว 1 วัน ทะเลสวย น้ำใส@เกาะแสมสาร 🌊

ในช่วงวันหยุดสั้น ๆ ถ้าเพื่อน ๆ นึกอยากแวบไปเที่ยวที่สวย ๆ สักแห่ง แอดขอแนะนำที่นี่เลย“เกาะแสมสาร” เกาะสวย น้ำใส เหมาะกับการไปรับ Vitamin Sea สุด ๆ ส่วนรายละเอียดของทริปตามไปดูกันเลย เกาะแสมสาร เป็น 1 ใน 9 เกาะที่อยู่ในโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริสมเด็จพระเทพฯ (รู้จักกันในนามของ อพ.สธ.) ที่เปิดเป็นแหล่งเรียนรู้ และท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ให้นักท่องเที่ยวได้ศึกษาธรรมชาติอย่างใกล้ชิด แถมยังมีกิจกรรมอย่างดำน้ำ ดูปะการัง นั่งเรือท้องกระจก ให้เราได้สัมผัสทะเลสวย น้ำใส หาดทรายขาวละเอียดกันอย่างเต็มที่อีกด้วย ปัจจุบัน การเดินทางไปเกาะแสมสาร เพื่อน ๆ สามารถจองตั๋วล่วงหน้าได้ที่ https://www.samaesarnisland.com/index.php/booking/ โดยไปรับตั๋วที่อาคารต้อนรับพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยาเกาะและทะเลไทย (หากใครไม่สะดวกจองออนไลน์ สามารถมาซื้อได้ที่นี่เช่นกัน) แล้วขึ้นเรือที่ท่าเทียบเรือเขาหมาจอ ซึ่งอยู่ห่างพิพิธภัณฑ์ไม่ถึง 100 เมตร เอาล่ะ มาดูรอบเรือกัน รอบเรือเที่ยวไป 09.00 / 10.00 / 11.00 / 12.00 และ 13.00 น. รอบเรือเที่ยวกลับ 11.30 / 12.30 / 13.30 / 15.30 และ 16.00 น. (เสาร์-อาทิตย์ 16.30 น.) ค่าโดยสาร (ปัจจุบันจำกัดจำนวนผู้โดยสาร รอบละประมาณ 70 คน) ชาวไทย ผู้ใหญ่ 300 บาท เด็ก 220 บาท ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 600 บาท เด็ก 600 บาท *เพื่อน ๆ สามารถใช้ตั๋วเรือไปเกาะแสมสารเข้าชมพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยาเกาะและทะเลไทยได้ด้วย โดยสามารถดูรีวิวของพิพิธภัณฑ์ได้ที่ลิงก์นี้ : https://www.facebook.com/TATContactcenter/posts/4965301590208548 เกาะแสมสารเที่ยวได้ตลอดทั้งปี หาดที่เปิดให้เที่ยวชมมี 2 หาด คือ หาดเทียน และหาดลูกลม (อ่านว่า ลูก-ลม) จากท่าเรือเราใช้เวลานั่งเรือไปเกาะแสมสารราว 10 นาที โดยเรือจะจอดที่หาดเทียน จากนั้นจะมีเจ้าหน้าที่มาแนะนำสถานที่และกิจกรรมต่าง ๆ บนเกาะให้ฟัง ที่นี่หาดทรายขาวละเอียดมาก สามารถเริ่มถ่ายรูปอวดโซเชียลได้ตั้งแต่ตอนนี้เลยล่ะ จากนั้นจะเป็นการนั่งรถรางต่อไปที่หาดลูกลม ใช้เวลาประมาณ 5-10 นาที หรือจะเดินไปก็ได้เหมือนกัน ที่นี่เป็นหาดที่รวมกิจกรรมต่าง ๆ มากมาย จะมีเต็นท์ลงชื่อสำหรับทำกิจกรรมอยู่ ใครสนใจกิจกรรมไหนก็สามารถลงชื่อจองได้เลย นอกจากนี้ ที่หาดลูกลมยังมีร้านขายขนมและเครื่องดื่มให้บริการด้วยนะ ปล.รถรางนั่งฟรีไม่เสียเงินนะเพื่อน ๆ แอดขอเริ่มแนะนำที่กิจกรรมพายเรือคายัค (1 ลำ นั่งได้ 3 คน) ราคาชั่วโมงละ 100 บาท พายชมเกาะชมทะเลก็เพลินไม่น้อย อ้อ มีเรือแคนูใสให้พายด้วยนะ ราคาเท่ากันเลย กิจกรรมดำน้ำ คนละ 50 บาท รวมค่าอุปกรณ์ และวิทยากรที่คอยให้คำแนะนำสำหรับคนที่ไม่เคยดำน้ำมาก่อน โดยจะมีเรือมารับไปยังจุดดำน้ำ ซึ่งอยู่ห่างจากชายฝั่งไปราว ๆ 400 เมตร สำหรับเพื่อน ๆ ที่อยากเห็นโลกใต้น้ำแต่ไม่อยากเปียก แอดแนะนำกิจกรรมนี้เลย นั่นคือ นั่งเรือท้องกระจกศึกษาระบบนิเวศในแนวปะการัง คนละ 20 บาท ใช้เวลาประมาณ 20 นาที นั่งได้ลำละประมาณ 6 คน นอกจากนี้ บนเกาะยังมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติ ระยะทางประมาณ 450 เมตร สามารถเดินขึ้นไปถึงจุดชมวิวได้ ซึ่งจากจุดชมวิวนี้มองลงไปที่หาดลูกลมก็สวยไม่น้อยเลย อ้อ…อย่ามัวแต่ถ่ายรูปเพลินจนลืมเวลากลับล่ะ เพราะเรือรอบสุดท้ายจะออกจากเกาะเวลา 16.00 น. หลังจากสนุกกับกิจกรรมต่าง ๆ แล้ว ถ้าอยากล้างเนื้อล้างตัวก็สามารถใช้บริการได้ที่ห้องน้ำบริเวณหาดลูกลม แต่ถ้าไม่ทัน สามารถกลับไปใช้บริการที่ห้องน้ำบริเวณท่าเรือเขาหมาจอก่อนกลับบ้านก็ได้ ระหว่างรอเรือกลับที่ท่าเรือหาดเทียน ถ้าหิวสามารถสั่งอาหารที่ร้านค้าสวัสดิการได้ กฎระเบียบเกาะแสมสาร 1. ห้ามนำสัตว์เลี้ยงทุกชนิดข้ามไป 2. ห้ามนำเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ทุกชนิดข้ามไปบนเกาะ 3. ห้ามนำกล่องโฟมทุกชนิดข้ามไป 4. ชาวต่างชาติไม่สามารถข้ามเกาะแสมสารได้ หากไม่มีคนไทยไปด้วย ช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์แบบนี้ เกาะแสมสารเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่แอดว่าน่าสนใจมาก ๆ เหมาะที่จะมาพักผ่อนเพื่อเพิ่มความสดชื่นให้ตัวเอง ก่อนเดินทาง อย่าลืมเช็คสภาพอากาศ วางแผนการเดินทาง และเผื่อเวลากันให้ดีด้วย เพราะทางเจ้าหน้าที่แจ้งแอดว่า วันหยุดคนจะเยอะมาก เพราะเป็นเกาะที่สวย มีกิจกรรมเยอะ และเดินทางง่ายนั่นเอง จึงไม่แปลกใจที่ใครไปแล้วก็กลับไปเที่ยวซ้ำอยู่บ่อย ๆ ตำบลแสมสาร อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี  เปิดทุกวันเวลา 09.00-16.00 น. โทร. 0 3843 2475, 0 3843 2473, 0 3843 2475 (ฝ่ายประชาสัมพันธ์เกาะแสมสาร) https://goo.gl/maps/Dag5TjbhVYW38Sx26

🌊 เที่ยว 1 วัน ทะเลสวย น้ำใส@เกาะแสมสาร 🌊 อ่านเพิ่มเติม

🚣‍♀️ไปพาย SUP Board ที่ตราดกัน!!!

หากใครกำลังมีแพลนมาเที่ยวจังหวัด #ตราด อย่าพลาดกิจกรรมพาย SUP Board หรือ Stand Up Paddle Board เพื่อไปชมพระจมน้ำที่อ่างเก็บน้ำเขาระกำ 1 ใน Unseen New Series กันนะคะ ชาวแอดเวนเจอร์สายธรรมชาติที่ไปมาแล้ว เอารูปมาอวดกันหน่อยน้า😎 พระจมน้ำ หรือพระพุทธสิริภูวดลมงคลชัย เป็นพระพุทธรูปขนาดใหญ่ มีขนาดสูงกว่า 5 เมตร ตั้งอยู่กลางอ่างเก็บน้ำเขาระกำ ในอดีตพื้นที่บริเวณนี้เป็นสำนักสงฆ์เขาระกำ ซึ่งได้รับความเลื่อมใสศรัทธาจากชาวบ้านมาก จึงได้ช่วยกันสร้างพระพุทธรูปองค์นี้ขึ้นมา ต่อมา กรมชลประทานเห็นว่ามีความต้องการใช้น้ำในพื้นที่เพิ่มมากขึ้น จึงได้ขยายพื้นที่กักเก็บน้ำออกไป ส่งผลให้พื้นที่บริเวณสำนักสงฆ์เขาระกำถูกน้ำท่วม ทำให้พระพุทธสิริภูวดลมงคลชัยจมอยู่ใต้น้ำตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา  วิวมุมสูงของอ่างเก็บน้ำเขาระกำ  ไฮไลต์สำหรับนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบความแปลกใหม่ ท้าทาย และตื่นตาตื่นใจ คือ การพายซับบอร์ดไปชมพระจมน้ำ หรือพระพุทธสิริภูวดลมงคลชัยในอ่างเก็บน้ำเขาระกำนั่นเอง โดยผู้พายจะต้องทรงตัวไปบนผิวน้ำ ท่ามกลางวิวทิวทัศน์ที่สวยงามระหว่างทาง ระยะทางจากสันเขื่อนมาถึงองค์พระพุทธรูปประมาณ 3 กิโลเมตร ใช้เวลาพายไปกลับประมาณ 2 ชั่วโมง หากไม่สะดวกพายซับบอร์ด นักท่องเที่ยวสามารถพายคายัค หรือนั่งเรือเที่ยวชมได้ และในบางปีถ้าน้ำแห้ง เราสามารถลงเดินไปยังองค์พระได้เลย ช่วงเวลาน้ำขึ้นสูง : กลางเดือนกันยายน-ปลายเดือนมีนาคมช่วงเวลาน้ำลง : ประมาณเดือนมีนาคม-พฤษภาคม ราคาเช่าซับบอร์ด 700 บาทต่อคน คายัค ลำละ 700 บาท พายได้ 2 คน นั่งเรือเที่ยว ลำละ 1,200 บาท นั่งได้ 8 คน สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ททท. สำนักงานตราด โทร.0 3959 7259-60 ชมรมซัพบอร์ดตราด โทร. 095 782 2895 บรรยากาศยามเย็นหลังพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าก็สวยไปอีกแบบ 

🚣‍♀️ไปพาย SUP Board ที่ตราดกัน!!! อ่านเพิ่มเติม

ชมผีเสื้อ ณ อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน🦋

ผีเสื้อมายึดบ้านกร่างแล้วววววว 🦋CF ชุดสวยแล้วมาถ่ายรูปกันได้เลย 📸 ฤดูกาลชมผีเสื้อ 1 ปีมีครั้งเดียวเท่านั้นนนน! ✨ ผีเสื้อตอนนี้ปังมาก ต้องรีบมาแล้ว! เรียกว่าช่วงนี้เป็นเทศกาลชมผีเสื้อเลยทีเดียว เพราะช่วงเดือนมีนาคม – เดือนพฤษภาคมของทุกปีจะมีเจ้าผีเสื้อตัวน้อยมาโบยบินอยู่ในอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน บริเวณบ้านกร่างแคมป์และเขาพะเนินทุ่งนับพันตัว มากกว่า 200 สายพันธุ์เลยนะ มองไปทางไหนก็มีแต่เจ้าผีเสื้อตัวเล็กตัวน้อยเต็มไปหมด เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยมาก ๆ ห้ามพลาดเลยนะทุกคนนน! ช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับการไปชมผีเสื้อคือช่วงเช้า เพราะอากาศไม่ค่อยร้อน ซึ่งบริเวณที่จะพบผีเสื้อได้มาก ก็คือตามมูลสัตว์ ซากผลไม้ ริมลำธาร ดินโป่ง เพราะน้อง ๆ ออกมากินแร่ธาตุ สามารถเข้ามาถ่ายรูปให้ผีเสื้อบินรายล้อมกันได้เลย แต่ต้องระวังเหยียบผีเสื้อ และรีบมากันน้าเพราะน้องจะอยู่แค่ช่วงหน้าร้อนเท่านั้น ค่าเข้าอุทยานแห่งชาติ ชาวไทย : ผู้ใหญ่ 100 บาท เด็ก 40 บาท ชาวต่างชาติ : ผู้ใหญ่ 300 บาท เด็ก 200 บาท พิกัด : อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี Facebook : อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน – Kaeng Krachan National Park โทร. 0 3277 2311

ชมผีเสื้อ ณ อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน🦋 อ่านเพิ่มเติม

✨ทำความรู้จัก “สาคูต้น”✨

คนชอบรับประทานขนมหวานน่าจะรู้จักสาคูเป็นอย่างดี เพราะนำมาใช้ทำของว่างและขนมหวานหลายชนิด แต่ทราบไหมว่า เม็ดสาคูนั้นมี 2 ชนิด คือเม็ดสาคูที่ทำจาก “แป้งมันสำปะหลัง” และเม็ดสาคูที่ทำจาก “แป้งสาคูต้น” วันนี้แอดจะมาแนะนำให้รู้จักสาคูทั้งสองประเภทนี้ว่าแตกต่างกันยังไง เม็ดสาคูที่ทำจากแป้งมันสำปะหลัง หาซื้อได้ง่าย มีวางขายตามตลาดทั่วไป ปกติเรานำมาทำขนมหวาน ไม่ว่าจะเป็น ตะโก้สาคู สาคูไส้หมู สาคูเปียกน้ำกะทิ เม็ดสาคูชนิดนี้เมื่อต้มสุกแล้วจะใส ไร้กลิ่นและรส หากทิ้งให้เย็นจะจับตัวเป็นก้อนเหนียวติดมือ เป็นลักษณะของ ‘แป้งมัน’ ที่เรารู้จักกันดีนั่นเอง เม็ดสาคูที่ทำจากแป้งสาคูต้น เม็ดสาคูแบบนี้เรียกว่า สาคูแท้ เป็นผลผลิตจาก “ต้นปาล์มสาคู” พืชท้องถิ่นของภาคใต้ โดยพื้นที่ที่พบและปลูกมากอยู่ที่อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง ลำต้นมีเปลือกหนา ภายในประกอบด้วยเส้นใยและเเป้งเป็นจำนวนมาก สาคูแท้ถือเป็นของพิเศษ หารับประทานยาก เพราะการผลิตต้องอาศัยความชำนาญ การจะล้มต้นสาคูเพื่อขูดเอาเนื้อปาล์มได้ ต้นสาคูต้องมีอายุราว 8 ปี กรรมวิธีการผลิตคือหลังจากการโค่นต้นสาคูแล้ว จะนำมาเลื่อยให้เป็นท่อนๆ ยาวประมาณ 1 เมตร แล้วจึงผ่าลำต้น ขูดเอาเนื้อภายใน จากนั้นนำมาบดให้ละเอียดด้วยวิธีการต่างๆ แล้วนำไปแช่น้ำจนนิ่ม นำมาคั้นน้ำและกรองเอาเนื้อแป้งมาตาก หรืออบจนแห้งสนิท สาคูแท้นั้นมีกลิ่นหอมเหมือนดอกไม้แห้ง เนื้อนุ่มหนึบหนับ ชาวพัทลุงนิยมนำไปประกอบอาหารทั้งคาวและหวาน ไม่ว่าจะเป็นข้าวยำสาคู ข้าวต้มสาคู โจ๊กสาคู หรือขนมหวาน เช่น สาคูเปียกกะทิ สาคูกวน อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง นอกจากจะเป็นแหล่งปลูกต้นปาล์มสาคูแล้ว ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่งดงามมากมาย เช่น อุทยานนกน้ำทะเลน้อย คลองปากประ สะพานเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา ศูนย์เรียนรู้นาโปแก ถ้าเพื่อนๆมีโอกาส แอดอยากชวนไปชิมสาคูและท่องเที่ยวกันสักครั้งค่ะ

✨ทำความรู้จัก “สาคูต้น”✨ อ่านเพิ่มเติม

✨ วัดธรรมยาน จ.เพชรบูรณ์ ✨

สำหรับเพื่อน ๆ ที่พาครอบครัวมาเที่ยว จ.เพชรบูรณ์ แอดมีจุดหมายใหม่มานำเสนอ เหมาะมากสำหรับผู้มองหาความสงบทางใจแม้เพียงชั่วขณะ นั่นก็คือ “วัดธรรมยาน” วัดธรรมยาน สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์ในการบูชาหลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง สมัยที่เป็นเจ้าคุณพระสุธรรมยานเถระ และเนื่องจากหลวงพ่อฤาษีลิงดำเป็นพระอาจารย์ที่ให้ความรู้ทางธรรมมาตลอดจึงมีการนำคำว่า ธรรมยาน มาตั้งเป็นชื่อวัด ซึ่งมีความหมายว่า สถานที่เปรียบเสมือนยานพาหนะ (เรือ) ในการนำพาให้เข้าถึงธรรมนั่นเอง วัดธรรมยานสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2554 โดยมีสถาปนิกอาวุโสจากบริษัท เอสซีจี จำกัด เป็นผู้ดำเนินการออกแบบและควบคุมการสร้าง บรรยากาศในวัดร่มรื่น รอบด้านมองเห็นวิวสีเขียว สบายตา อุโบสถเป็นสถาปัตยกรรมแบบร่วมสมัยสีขาวสวยงาม ภายในอุโบสถนอกจากจะมีพระพุทธรูปที่ประดิษฐานซ้อนกันอยู่ 2 องค์แล้ว ยังมีรูปเหมือนหลวงพ่อฤาษีลิงดำด้วย ภายในตกแต่งด้วยลายไม้เรียบ ๆ ไม่เน้นภาพจิตรกรรมและการประดับกระจกตกแต่งสีสันสดใสเหมือนหลาย ๆ วัด ใครไปก็ต่างชอบในความงามเรียบ ๆ แบบนี้ บริเวณสระน้ำด้านหน้าอุโบสถ มีประติมากรรมพญานาคขนาดใหญ่ 2 ตนอยู่คู่กัน คือ พญาศรีสุธนและพญาศรีสุนันท์ เป็นอีกจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายรูปและสักการะขอพร เชื่อว่าหากเดินผ่านละอองน้ำจะมีโชคลาภและอยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุข ภายนอกพระอุโบสถมีระเบียงคด ซึ่งประดิษฐานสมเด็จองค์ปฐมและพระพุทธเจ้า 28 พระองค์ ตลอดจนรูปหล่อพระพุทธรูปหน้าตัก 4 ศอกยาวตลอดแนวกำแพง สามารถเดินชมความงามพร้อมสักการะ หรือเดินทำสมาธิได้ บริเวณโดยรอบ มีทั้งรูปเคารพขององค์เทพ และพระพุทธรูป สามารถขอพรได้ตามความศรัทธา หรือเพื่อน ๆ จะเดินเล่นรอบวัดเพื่อชมความงามของสถานที่และสัมผัสความร่มรื่นของต้นไม้ต่าง ๆ ก็ช่วยให้ผ่อนคลายได้ไม่น้อย จากแนวคิดในการสร้างวัดที่สร้างขึ้นเพื่อขัดเกลาจิตใจตนเอง และเพื่อให้ผู้ใฝ่ความสงบหาทางพ้นทุกข์มาพบกัน ที่นี่จึงมีสถานที่สำหรับรองรับผู้ปฏิบัติธรรมที่ตั้งใจมาปฏิบัติ แต่ต้องรอสถานการณ์โควิดดีขึ้นก่อนนะ ถึงจะไปปฏิบัติธรรมแบบค้างคืนได้  : 400 หมู่ 8 บ้านห้วยน้ำบ่อ ตำบลนาเฉลียง อำเภอหนองไผ่ จังหวัดเพชรบูรณ์ 67220  : เปิดให้เข้าชม : 06.30-18.00 น.  : 06 4632 0233

✨ วัดธรรมยาน จ.เพชรบูรณ์ ✨ อ่านเพิ่มเติม

ม่วนซื่น…อุดรธานี

ฮัลโหลลล แฟนเพจทุกคน แอดมีข่าวดีมาบอก ในปี พ.ศ. 2569 นี้ จังหวัดอุดรธานีถูกเลือกเป็นเจ้าภาพจัดงานมหกรรมพืชสวนโลกค่ะ ใครที่ยังไม่ค่อยรู้จักจังหวัดอุดรธานี เริ่มได้เลยจะว่าไปแล้ว อุดรธานีนั้นมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจในทุกมิติ ทั้งประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ธรรมชาติ รวมถึงอาหารอร่อย ๆวันนี้แอดเลยมีเส้นทางท่องเที่ยวมาให้อ่านกันเพลิน ๆ จะมีที่ไหนบ้าง ไปดูกันเลย วันที่ 1 สัมผัสผ้าทอโบราณ ย้อมสีจากดอกบัวธรรมชาติ ณ ชุมชนบ้านโนนกอก ชมเรื่องราวความเป็นมาของอุดรธานี ณ พิพิธภัณฑ์อุดรธานี ชมบรรยากาศยามเย็นที่ หนองประจักษ์ วันที่ 2 ชมก้อนหินรูป เรือสำเภาและสักการะพญานาคสีทองที่ วัดภูตะเภาทอง อร่อยกับอาหารหลากวัฒนธรรมที่ร้าน มาดามพาเท่ห์ ชุมชนบ้านโนนกอก บ้านโนนกอก กลุ่มทอผ้าโบราณที่เรากำลังจะไปเยี่ยมชมในวันนี้ เดิมนั้นก็มีอาชีพทอผ้ากันอยู่แล้ว แต่ได้ต่อยอดด้วยการนำวัตถุดิบธรรมชาติที่มีมากในท้องถิ่นคือดอกบัวมาใช้เป็นสีย้อมจนประสบความสำเร็จและมีชื่อเสียงมาก นอกจากนี้ เรายังจะได้ชมการทอผ้าทอลายขิดที่มีลวดลายสวยงามเป็นเอกลักษณ์และเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นของจังหวัดอุดรธานีอีกด้วย ซึ่งกรรมวิธีการทอก็จะเป็นแบบดั้งเดิมคือการใช้กี่ทอผ้าแบบโบราณ โดยไม่ใช้เครื่องจักร ส่วนกิจกรรมในชุมชนก็น่าสนใจไม่น้อยค่ะ เพราะเราจะได้ทำผ้ามัดย้อม ออกแบบลวดลายกันได้เองเลยนะ โดยจะใช้สีย้อมจากดอกบัวและดาวเรืองนั่นเองค่ะ อย่างที่กล่าวไป เอกลักษณ์ของที่นี่คือการนำดอกบัวแดงที่ขึ้นเยอะในพื้นที่มาใช้เป็นวัตถุดิบย้อมสี ย้อมเส้นฝ้าย และเส้นไหม ซึ่งแต่ละส่วนของดอกบัวก็จะให้สีที่แตกต่างกัน ส่วนดอกบัวตากแห้งจะให้สีน้ำตาลทอง สายบัวให้สีเทาเงิน กลีบบัวให้สีชมพู เพื่อทำให้ได้สีหลากหลาย จึงมีการนำส่วนผสมอื่น ๆ เข้าใช้ร่วม เช่น หากใช้น้ำปูนกับน้ำมะขามเปียกผสมจะได้สีเขียวขี้ม้า เป็นต้น แต่ที่นิยมมากในตอนนี้ก็คือนำมาหมักโคลน นอกจากนำดอกบัวมาเป็นวัตถุดิบย้อมแล้ว ที่นี่ยังใช้ดอกดาวเรืองตากแห้งอีกด้วย ซึ่งสีที่ได้คือสีเหลือง ใครอยากได้ผ้าสวย ๆ ก็สามารถเลือกซื้อติดไม้ติดมือกลับบ้านกันได้  ชุมชนบ้านโนนกอก 63 หมู่ที่ 18 ตำบลหนองนาคำ อำเภอเมืองอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี  เปิดทุกวัน เวลา 08.00 – 17.00 น.  โทร. 06 1942 8808 https://goo.gl/maps/iVM5tbY3rh4g8Lfs5 พิพิธภัณฑ์เมืองอุดรธานี อีกหนึ่งแลนด์มาร์กที่ต้องห้ามพลาดนั่นคือ พิพิธภัณฑ์เมืองอุดรธานี อาคารสีเหลืองสวยงามเห็นมาแต่ไกล สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 6 เดิมใช้เป็นโรงเรียนสตรี ก่อนจะปรับเปลี่ยนไปใช้เป็นสถานที่ทำการของหน่วยงานราชการต่าง ๆ จนปัจจุบันกลายเป็นพิพิธภัณฑ์ ซึ่งในการบูรณะใหญ่ครั้งล่าสุดนั้น ได้มีการเปิดผิวปูนอาคารบางส่วน และทิ้งไว้ให้ประชาชนได้เห็นรายละเอียดภายในเพื่อเป็นประโยชน์ด้านการศึกษา อาคารพิพิธภัณฑ์มี 2 ชั้น จัดแสดงเรื่องราวของอุดรธานี ตั้งแต่การตั้งถิ่นฐานในยุคก่อนประวัติศาสตร์ เรื่อยมาถึงการกำเนิดเมือง และเรื่องราวของพลตรี พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม พ่อเมืองคนแรก จนถึงยุคสงครามเย็นที่สหรัฐฯเคยใช้อุดรธานีเป็นฐานทัพ นอกจากนี้ยังมีห้องที่รวบรวมเรื่องราวของบุคคลสำคัญในจังหวัดอีกด้วย  ถนนโพศรี ตำบลหมากแข้ง อำเภอเมืองอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี  เปิดทุกวัน เวลา 09.00-16.00 น. (ปิดวันจันทร์)  โทร. 0 4224 5976 https://goo.gl/maps/bWzJBZKgqvpjEUuh6 หลังจากเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์เมืองอุดรกันแล้ว ขอแนะนำให้ไปเดินเล่นรับลมชิลล์ ๆ กันที่หนองประจักษ์ ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลกัน ยามเย็นจะเห็นผู้คนมาออกกำลังกาย เดินเล่นชมบรรยากาศกันเยอะเลยล่ะ ที่นี่เป็นสวนสาธารณะใจกลางเมือง มีหลายมุมให้เราได้ถ่ายรูปสวย ๆ รวมถึงไฮไลท์ที่ไม่ว่าใครได้มาหนองประจักษ์ก็ต้องเจอ น้องเป็ดเหลืองริมบึงน้ำนั่นเอง  5-7 ถนนเทศา ตำบลหมากแข้ง อำเภอเมืองอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี https://goo.gl/maps/BL6vNihT28qs2z5M9 วัดภูตะเภาทอง วัดภูตะเภาทองเป็นวัดที่ตั้งอยู่บนเทือกเขาภูพาน พื้นที่โดยรอบของวัดส่วนใหญ่เป็นลานหิน และก้อนหินขนาดใหญ่มากกว่า 30 ลูก แต่ไฮไลท์คือ หินก้อนใหญ่ที่มีรูปร่างคล้ายกับ “เรือสำเภา” ซึ่งเป็นที่มาของชื่อวัด ชาวบ้านเชื่อกันว่า ถ้าหากได้มาลอดใต้ท้องหินจะเป็นสิริมงคล เจริญในหน้าที่การงาน ประสบโชคดี หากสังเกตดี ๆ จะเห็น “รอยฝ่ามือแดง” ปรากฏให้เห็นตรงหินก้อนใหญ่ สำหรับรอยฝ่ามือแดงนี้ ทางกรมศิลปากรได้เข้าไปตรวจสอบและมีผลยืนยันแล้วว่ามีอายุประมาณ 2,500 ปี โดยมีอายุใกล้เคียงกับผาแต้มที่จังหวัดอุบลราชธานีทีเดียว จุดเด่นอีกจุดของที่นี่คือ “พญานาคราชสีทอง” ชื่อมุจลินท์ ซึ่งหลวงพ่อเจ้าอาวาสได้สร้างขึ้นตามนิมิต มีประชาชนไปสักการะเพื่อสิริมงคลกันไม่ขาดสาย แอดบอกเลยว่าสายบุญไม่ควรพลาดค่ะ ตำบลกุดหมากไฟ อำเภอหนองวัวซอ จังหวัดอุดรธานี https://goo.gl/maps/ZgZLBkhoyg9sAHWE9 มาดามพาเท่ห์2515 เติมพลังกันที่ร้านมาดามพาเท่ห์2515 เดิมร้านนี้ชื่อ คอฟฟี่ ปัตเต้ เป็นร้านกาแฟและขายอาหารเช้า ปัจจุบันได้ต่อยอดให้เป็นร้านอาหารเต็มรูปแบบ สำหรับ 2515 ก็ยังมีความหมายอีกด้วย เพราะเป็นช่วงปีที่มีชาวลาว ชาวเวียดนาม รวมถึงชาวจีนทยอยย้ายถิ่นฐานเข้ามามาก จนเกิดวัฒนธรรมอาหารที่หลากหลาย มาดามพาเท่ห์มี 2 สาขา สาขา 1 ถนนตำรวจ โทร. 0 4224 1991 สาขา 2 ถนนประจักษ์ศิลปาคม โทร. 0 4211 9669 เมนูในร้านส่วนใหญ่จึงเป็นเมนูฟิวชั่นที่ผสมผสานกันของอาหารไทย ลาว จีน เวียดนาม ฝรั่งเศส เลือกสั่งเลือกอร่อยกันได้เลยค่ะ

ม่วนซื่น…อุดรธานี อ่านเพิ่มเติม

ภูเก็ต ในย่านเก่าที่เรารัก

“ไม่ได้ชอบทะเล เป็นคนแพ้แดด แล้วก็ไม่อยากเปียกน้ำ ถามว่าจะไปเที่ยว ภูเก็ต ได้มั้ย ?” เราขอใช้ภาพของอาคารบ้านเรือนที่เรียงรายกันทั้งสองฟากฝั่งถนนหนทางในตัวเมืองแห่งนี้ แทนคำตอบ นอกจากมอบความสดชื่นให้กับผู้คนทั่วโลกผ่าน หาดทรายขาว ผืนน้ำสีคราม จังหวัดนี้ ยังจัดเต็มไปด้วยความงามจากสถาปัตยกรรมในสไตล์ “คนละครึ่ง” ซึ่งมีทั้งศิลปะลวดลายการตกแต่งอ่อนช้อยแบบจีนกับโครงสร้างอาคารอันแข็งแรงจากชาติตะวันตก ผสมผสานกันจนออกมามีเอกลักษณ์เฉพาะตัวตามที่เห็นในปัจจุบัน และกลายเป็นเส้นทางสำคัญของนักเดินเล่นแต่จริงจังเป็นอย่างยิ่งกับการถ่ายภาพเพื่ออัพลงโซเชียลอวดเพื่อน ๆ ได้ เหล่าอาคารเก่าแก่ที่บางหลังตอนนี้อาจจะมีสีสันสดใสเพราะมีการทาสีใหม่แต่ยังแฝงไปด้วยความคลาสสิคยืนตั้งตระหง่านอยู่ตลอดสองฝั่งถนน บ้างก็เป็นตึกยาวสูง 2 ถึง 3 ชั้น มีซุ้มประตูโค้งสวย บ้างก็ถูกดัดแปลงกลายเป็นร้านหนังสือสุดแนว ร้านขนมน่ารัก ๆ หรือจะเดินชมภาพจิตรกรรมฝาผนังสมัยใหม่แบบไม่ต้องไปเข้าวัดเข้าวาที่เขาเรียกว่า Graffiti รับรองว่าทั้งหมดนี้จะช่วยเพิ่มสีสันกับจำนวนภาพถ่ายให้กับการเดินเล่นในย่านเมืองเก่าแห่งนี้เป็นอย่างดี และตรงนี้คุณก็จะมีคำตอบ เวลาคนถามว่า “ไม่ได้ชอบทะเล เป็นคนแพ้แดด แล้วก็ไม่อยากเปียกน้ำ ถามว่าจะไปเที่ยว ภูเก็ต ได้มั้ย ?

ภูเก็ต ในย่านเก่าที่เรารัก อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top