เพื่อนร่วมทาง

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เรือพระราชพิธี✨

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เรือพระราชพิธี เดิมเป็นอู่เรือหรือเรียกว่าโรงเก็บเรือพระราชพิธี อยู่ในความควบคุมดูแลของสำนักพระราชวังและกองทัพเรือ ในปี พ.ศ. 2490 อู่และเรือพระราชพิธีบางส่วนถูกระเบิดจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้รับความเสียหาย ทางสำนักพระราชวังและกองทัพเรือจึงมอบให้กรมศิลปากรทำการซ่อมแซม ดูแลรักษาเรือพระราชพิธี และเนื่องด้วยกรมศิลปากรเล็งเห็นว่าเรือพระราชพิธีมีประวัติและความสำคัญมายาวนานและยังนำมาใช้ในพระราชพิธีสำคัญต่าง ๆ ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน จึงได้ขึ้นทะเบียนเรือพระที่นั่งต่าง ๆ ไว้เป็นมรดกของชาติ พร้อมทั้งยกฐานะของอู่เก็บเรือขึ้นเป็น “พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เรือพระราชพิธี” ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2517 เป็นต้นมา เรือพระราชพิธี เป็นเรือที่ใช้ในพระราชพิธีชลมารคหรือที่เรียกว่า กระบวนพยุหยาตราชลมารค ถือเป็นพระราชประเพณีดั้งเดิมสืบเนื่องมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา กระบวนพยุหยาตราก็คือการเสด็จพระราชดำเนินทางน้ำของพระมหากษัตริย์ มักจัดขึ้นในโอกาสที่ต้องเสด็จในการทำสงคราม และในโอกาสพระราชพิธี ในปัจจุบันไม่ได้มีการทำสงครามแล้ว แต่ยังคงมีกระบวนพยุหยาตราให้ได้ชมอยู่บ้างในพระราชพิธีสำคัญต่าง ๆ เช่น พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชพิธีเสด็จพระราชดำเนินถวายผ้าพระกฐิน ณ วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร เป็นต้น ปัจจุบันเรือพระราชพิธีทั้ง 52 ลำ ถูกเก็บรักษาไว้ ณ สถานที่ 3 แห่ง 1.พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เรือพระราชพิธี จัดแสดงเรือพระที่นั่ง 4 ลำ ประกอบด้วย เรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ เรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณ รัชกาลที่ 9 เรือพระที่นั่งอนันตนาคราช และเรือพระที่นั่งอเนกชาติภุชงค์ พร้อมทั้งเรือที่มีโขนเรือ 4 ลำ ประกอบด้วย เรือเอกชัยเหินหาว เรือครุฑเหินเห็จ เรือกระบี่ปราบเมืองมาร และเรืออสุรวายุภักษ์ 2.อู่เรือหลวงที่ท่าวาสุกรี ข้างหอสมุดแห่งชาติ มีเรือ 6 ลำ ประกอบด้วย เรือเอกชัยหลาวทอง เรือครุฑเตร็จไตรจักร เรือพาลีรั้งทวีป เรือสุครีพครองเมือง เรือกระบี่ราญรอนราพณ์ และเรืออสุรปักษี 3.แผนกเรือราชพิธี กองเรือเล็ก เป็นอู่เรือของกองทัพเรือ มีเรือเสือทะยานชล เรือเสือคำรณสินธุ์ เรือทองขวานฟ้า เรือทองบ้าบิ่น เรือดั้ง เรือแซง เรือแตงโม เรืออีเหลือง ทุกลำถูกเก็บรักษาไว้ที่นี่ เรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ลำปัจจุบัน สร้างขึ้นใหม่ในปลายรัชสมัยรัชกาลที่ 5 แล้วเสร็จในสมัยรัชกาลที่ 6 เมื่อ พ.ศ. 2454 โดยตั้งชื่อตามเรือพระที่นั่งโบราณของสมเด็จพระมหาจักรพรรดิแห่งกรุงศรีอยุธยา คือ เรือศรีสุพรรณหงส์ หรือเรือพระที่นั่งชัยสุพรรณหงส์ เรือพระที่นั่งอนันตนาคราชลำแรกสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3 แต่เริ่มใช้ในกระบวนพยุหยาตราชลมารคในสมัยรัชกาลที่ 4 ปรากฏชื่อว่า เรือพระที่นั่งบัลลังก์อนันตนาคราช เรือพระที่นั่งอนันตนาคราชลำปัจจุบันสร้างขึ้นใหม่ในสมัยรัชกาลที่ 6 หัวเรือเป็นพญานาค 7 เศียร กลางลำเรือเป็นบุษบกไว้ประดิษฐานพระพุทธรูปสำคัญหรือผ้าพระกฐินในกระบวนพยุหยาตราชลมารค เรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณ รัชกาลที่ 9 หัวเรือพระที่นั่งเป็นพระนารายณ์ประทับยืนบนครุฑยุดนาค เรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณสร้างน้อมเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เนื่องในพระราชพิธีกาญจนาภิเษก เมื่อ พ.ศ. 2539 ดำเนินการโดยกองทัพเรือร่วมกับกรมศิลปากร จึงเติมสร้อยรัชกาลที่ 9 เพื่อสื่อให้ทราบว่าสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 9 เรือพระที่นั่งอเนกชาติภุชงค์ สร้างขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ชื่อมาจากภาษาสันสกฤตว่า อเนกะชาตะภุชงฺคะ แปลว่า งูหลากหลายชนิด ซึ่งสอดคล้องกับรูปโขนเรือที่ลงรักปิดทองมีลายรูปงูตัวเล็กๆ จำนวนมาก เรืออสุรวายุภักษ์ ชื่อเรือมาจากภาษาสันสกฤต มีความหมายว่า “อสูรผู้มีลมเป็นอาหาร” หัวเรือมีลักษณะร่างเป็นนก หน้าเป็นยักษ์ ใส่เสื้อสีม่วง มือและเท้าเป็นสีคราม มีเรืออีกลำที่ลักษณะคล้ายคลึงกันชื่อว่า เรืออสุรปักษี เรือกระบี่ปราบเมืองมาร สร้างขึ้นครั้งแรกในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 หัวเรือกระบี่ปราบเมืองมาร เป็นรูปลิงร่างกายสีขาว ไม่สวมเครื่องประดับหัว ส่วนเครื่องประดับกายและผ้านุ่งลงรักปิดทองประดับกระจก มีเรือลักษณะคล้ายคลึงกันชื่อว่าเรือกระบี่ราญรอนราพณ์ เรือครุฑเหินเห็จ สร้างครั้งแรกในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 แต่ใช้ชื่อเรือว่า เรือครุฑเหินระเห็จ หัวเรือเป็นรูปครุฑยุดนาคลงรักปิดทองประดับกระจก ครุฑมีกายสีแดง มีเรือที่ลักษณะคล้ายคลึงกันชื่อว่า เรือครุฑเตร็จไตรจักร เรือเอกชัยเหินหาว สร้างขึ้นครั้งแรกในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 ชื่อเอกชัยเหินหาว แปลว่า “ชัยชนะสูงสุดทะยานสู่ท้องฟ้า” เรือเอกชัยเหินหาวมีเรืออีกลำคู่กัน ชื่อว่าเรือเอกชัยหลาวทอง ลักษณะหัวเรือเป็นรูปดั้งเชิดสูงงอนขึ้นไป ลงรักปิดทองเขียนลายรดน้ำรูปเหราซึ่งเป็นสัตว์ในตำนาน ลักษณะคล้ายมังกรแต่มีหัวเป็นงูหรือนาค เรือ 2 ลำถือว่าเป็นเรือคู่ชัก หมายความว่าใช้เป็นเรือชักลากเรือพระที่นั่ง เช่น ชักลากเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์เมื่อน้ำเชี่ยวหรือต้องการให้แล่นเร็วขึ้นและเป็นเรือคู่นำหน้าเรือพระที่นั่ง ต่อมาใช้เป็นเรือสำหรับให้ข้าราชการชั้นสูงนั่ง ที่นี่นอกจากจะจัดเก็บจัดแสดงเรือต่าง ๆ แล้วยังมีการดูแลซ่อมแซมเรืออยู่เสมอ รวมทั้งยังมีการจัดแสดงเครื่องประกอบและสิ่งของเครื่องใช้ในพระราชพิธีต่าง ๆ เช่น บัลลังก์บุษบก บัลลังก์กัญญา การแต่งกายของฝีพาย โขนเรือเก่า ๆ แบบจำลองกระบวนพยุหยาตราชลมารค เป็นต้น

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เรือพระราชพิธี✨ อ่านเพิ่มเติม

สัมผัสหมอก โอบกอดภูเขา บน “ห้วยกุ๊บกั๊บ”

ว่ากันว่า การเดินทางท่องเที่ยวแต่ละครั้งสามารถสร้างประสบการณ์และความทรงจำดี ๆ ได้เสมอ บางคนชอบความสนุกสนาน ออกไปเช็คอิน ถ่ายรูป บางคนขอแค่ออกไปพักผ่อนหย่อนใจในที่เงียบสงบ ก็ถือว่าสุขใจแล้ว #เชียงใหม่ มีสถานที่พักผ่อนพักใจมากมาย ในช่วง Green Season แบบนี้ ขอแนะนำ #ห้วยกุ๊บกั๊บ หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวของเชียงใหม่ที่เราควรหาโอกาสไปสักครั้ง ว่ากันว่า การเดินทางท่องเที่ยวแต่ละครั้งสามารถสร้างประสบการณ์และความทรงจำดี ๆ ได้เสมอ บางคนชอบความสนุกสนาน ออกไปเช็คอิน ถ่ายรูป บางคนขอแค่ออกไปพักผ่อนหย่อนใจในที่เงียบสงบ ก็ถือว่าสุขใจแล้ว #เชียงใหม่ มีสถานที่พักผ่อนพักใจมากมาย ในช่วง Green Season แบบนี้ ขอแนะนำ #ห้วยกุ๊บกั๊บ หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวของเชียงใหม่ที่เราควรหาโอกาสไปสักครั้ง ปัจจุบัน ห้วยกุ๊บกั๊บเปิดให้บริการโฮมสเตย์หลายแห่ง หลายราคา ทั้งแบบห้องพัก และกางเต็นท์ แนะนำให้จองล่วงหน้าเท่านั้น เนื่องจากส่วนใหญ่เปิดรับท่องเที่ยวได้ค่อนข้างจำกัด ที่พักส่วนใหญ่ทำจากไม้ไผ่ และไม่ได้มีพื้นที่ส่วนตัวมากนัก มาที่นี่เราจะได้ทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่ ๆ พูดคุยแลกเปลี่ยนกับนักท่องเที่ยวที่มาเข้าพัก และผู้คนในชุมชน   นั่งจิบชาร้อน ๆ ชมหุบเขาที่ปกคลุมไปด้วยหมอก บอกเลยว่าบรรยากาศดีมาก ๆ ที่ห้วยกุ๊บกั๊บ นักท่องเที่ยวสามารถไปเที่ยวได้ตลอดทั้งปีอากาศเย็นตลอดเวลา หากอยากมาชมทะเลหมอก แนะนำให้มาช่วงปลายฝนไปจนถึงฤดูหนาว ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศในแต่ละปีด้วย หากมาในช่วงฤดูฝน ถนนอาจจะลื่น แนะนำให้ระมัดระวังเรื่องการเดินทางและเตรียมชุดกันฝนมาด้วยนะ  นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวยังสามารถไปเที่ยวจุดอื่นนอกหมู่บ้านได้อีก เช่น ไปถ่ายรูปชมวิวที่จุดชมวิวบ้านห้วยกุ๊บกั๊บ และหากมีเวลามากหน่อย สามารถไปเดินป่าเที่ยวที่ “ดอยผาสามเหลี่ยม” ไม่ไกลจากบ้านห้วยกุ๊บกั๊บ ใช้เวลาเดินป่าโดยรวม 4-6 ชั่วโมง แนะนำให้ติดต่อไกด์สำหรับนำทางไว้ล่วงหน้าจากที่พักที่บ้านห้วยกุ๊บกั๊บได้ ในช่วงกลางคืน ที่นี่จะเห็นดาวชัดมาก ๆ เพื่อน ๆ สามารถออกมานั่งเล่นที่ระเบียง พร้อมผิงไฟให้อบอุ่น แค่คิดก็ฟินแล้ว การเดินทางไปห้วยกุ๊บกั๊บ  เพื่อน ๆ ที่ใช้รถยนต์ส่วนตัว สามารถนำรถไปจอดที่จุดทางขึ้นดอย มีจุดรับฝากรถหลายจุด (บางแห่งมีค่าบริการ) จากนั้นขึ้นรถของที่พักที่จองไว้ได้เลย ที่พักแต่ละแห่งจะมีรถรับ-ส่งของตนเองให้บริการ หากเดินทางโดยรถประจำทาง  สามารถนั่งรถจากตัวเมืองเชียงใหม่ โดยขึ้นรถที่สถานีขนส่งช้างเผือก (อาเขต 1) มาลงที่อำเภอแม่แตง จากนั้นให้ทางโฮมสเตย์มารับที่จุดลงรถได้ ราคาขึ้นอยู่กับการตกลงกัน สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมกับทางที่พักได้โดยตรง เนื่องจากห้วยกุ๊บกั๊บ เป็นหมู่บ้างกลางหุบเขา เพื่อน ๆ ที่ต้องการไปพักผ่อนที่นี่จะต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง?  มีสัญญาณโทรศัพท์เป็นบางค่าย  ที่นี่ใช้ไฟฟ้าจากแผงโซลาร์เซลล์ จึงทำให้มีไฟฟ้าใช้ตั้งแต่ช่วงเช้าจนถึง 4 ทุ่ม  ที่นี่ไม่มีน้ำประปา จะใช้น้ำที่รองเก็บไว้ในถังเก็บน้ำขนาดใหญ่ และที่ทางโฮมสเตย์มีสำรองใส่ถังไว้ แนะนำให้ใช้อย่างประหยัด  มีร้านค้าขนาดเล็กภายในชุมชนให้บริการ  แนะนำให้สอบถามเรื่องของสิ่งอำนวยความสะดวกของที่พัก เพื่อจะได้เตรียมของใช้ได้ไม่ขาด

สัมผัสหมอก โอบกอดภูเขา บน “ห้วยกุ๊บกั๊บ” อ่านเพิ่มเติม

✨ตะลุยตราด✨

ตราด เป็นอีกจังหวัดหนึ่งที่มักถูกเลือกให้เป็นจุดหมายปลายทางของเหล่านักเดินทาง เพราะที่นี่ไม่ได้มีดีแค่ทะเล แต่ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอื่น ๆ กิจกรรมดี ๆ รวมทั้งร้านอาหารอร่อย ๆ ทริปนี้แอดจะพาเพื่อน ๆ ไปรู้จักตราดให้มากขึ้น วันที่ 1 ทดลองทำผ้ามัดย้อม 3 ป่า Eco-print สปาทรายแดง แช่เท้าในน้ำสมุนไพร ที่บ้านธรรมชาติล่าง ชมพระอาทิตย์ตกดินที่สุดแผ่นดินตะวันออกแหลมงอบ วันที่ 2 นั่งเรือไปชมลานตะบูน Unseen จังหวัดตราด ชิมบะหมี่เกี๊ยวหนองบัวที่เปิดกิจการมากว่า 50 ปี เรียนรู้ประวัติศาสตร์ตราดผ่านพิพิธภัณฑสถานเมืองตราด วันที่ 1 เริ่มกันที่บ้านธรรมชาติล่าง ชุมชนติดทะเลอ่าวไทย เพื่อน ๆ อาจจะเคยได้ยินชื่อมาบ้าง เพราะที่นี่มีท่าเรือเฟอรี่อ่าวธรรมชาติเพื่อข้ามไปเกาะช้าง ชาวบ้านเห็นพ้องกันว่าไม่อยากให้ชุมชนเป็นเพียงทางผ่านไปยังเกาะช้างเท่านั้น จึงร่วมใจกันก่อตั้งเป็นวิสาหกิจชุมชนบ้านธรรมชาติล่าง กิจกรรมของชุมชนที่แอดได้ไปลองทำมาคือ ผ้ามัดย้อม 3 ป่า คือการนำทรัพยากรจากป่า 3 ป่า ได้แก่ ป่าชุมชน ป่าชายเลน และป่าสมุนไพร มาสกัดเป็นสีย้อมผ้า และใช้น้ำทะเลล้างผ้ามัดย้อมแทนน้ำเกลือ นอกจากผ้ามัดย้อม 3 ป่าแล้ว ที่นี่ยังมี Eco-print ผ้าพิมพ์ลายธรรมชาติ เพื่อน ๆ สามารถออกแบบลายผ้าของตัวเองได้เช่นเดียวกับผ้ามัดย้อม ลวดลายก็จะแตกต่างกันไปตามใบไม้ ดอกไม้ ที่เราเลือกเอง หลังทำผ้ามัดย้อมแล้ว ไปผ่อนคลายกันสักหน่อยด้วยการทำสปาทรายแดง หรือหมกทรายแดงนั่นเองค่ะ วิธีการคือขุดทรายให้เป็นร่องพอให้ลงไปนอนได้ จากนั้นนำทรายกลบตัวเราจนเหลือแต่ศีรษะ ใช้เวลาประมาณ 20-30 นาที การหมกทรายแดงนี้จะช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อย ช่วยเรื่องมือชา เท้าชา ได้อีกด้วย ถ้าเพื่อน ๆ ไม่อยากทำสปาทรายแดงก็สามารถทำสปาเท้าสมุนไพรได้ ใช้เวลาประมาณ 20 นาที โดยแช่เท้าในน้ำที่ผสมผสานสมุนไพรหลายขนาน เช่น ไพล บรรเทาการปวดเมื่อย ใบมะขาม ลดอาการคัน ดับกลิ่นเท้า ใบบัวบก ลดอาการบวม โดยมีเกลือ ช่วยให้สมุนไพรเข้าสู่ร่างกาย เป็นต้น วิสาหกิจชุมชนบ้านธรรมชาติล่าง ตำบลคลองใหญ่ อำเภอแหลมงอบ จังหวัดตราด 087 835 6723 https://goo.gl/maps/CDPK3iVBtYuUyxcq6 ช่วงเย็น ออกไปชมพระอาทิตย์ตกดินกันที่จุดชมวิวสุดแผ่นดินตะวันออกแหลมงอบที่มีประภาคารสูงเป็นเอกลักษณ์ ถ้ามาถึงตราดแล้วแนะนำว่าห้ามพลาดชมพระอาทิตย์ตกดินที่นี่เลยนะคะ https://goo.gl/maps/zgjyUgiEuXc7FAgNA วันที่ 2 เริ่มวันใหม่กันที่ ลานตะบูน บ้านท่าระแนะ ที่นี่มีป่าชายเลนอุดมสมบูรณ์กว่าพันไร่ และได้รับรางวัลในฐานะชุมชนต้นแบบที่มีการดูแลทรัพยากรป่าชายเลนดีเป็นอันดับหนึ่งของประเทศเมื่อปี 2556 อีกด้วย ก่อนจะไปถึงลานตะบูน เราต้องนั่งเรือผ่านป่าถึง 3 ป่า นั่นคือ ป่าโกงกาง ป่าจาก และป่าตะบูน บางจุดที่เรือผ่านเราจะเห็นต้นไม้โค้งหากันลักษณะเหมือนอุโมงค์ต้นไม้ บรรยากาศดีมาก ๆ เลยค่ะ ลานตะบูนที่ว่านี่คือพื้นที่ที่เป็นดงต้นตะบูน รากของต้นตะบูนเกาะกันเป็นวงกว้างคล้ายกับว่าทุกต้นเกี่ยวกันไว้ด้วยรากไม้ถักทอต่อกันจนเป็นลานกว้างแบบในภาพนี้เลยค่ะ ชุมชนท่องเที่ยวบ้านท่าระแนะ ตำบลหนองคันทรง อำเภอเมืองตราด จังหวัดตราด ค่าเรือท่านละ 100 บาท  081 161 6694 https://www.facebook.com/bantharanae/ https://goo.gl/maps/mgp6ejTxtpVHRtzT7 แวะมาชิมอาหารของเมืองตราดกันบ้าง ชื่อว่าร้าน เกี๊ยวหนองบัว เปิดกิจการมาตั้งแต่ปี 2514 เริ่มต้นจากบะหมี่เกี๊ยวรถเข็น ก่อนจะเปิดร้านครั้งแรกที่บ้านหนองบัว จึงเป็นที่มาของชื่อร้าน ที่นี่ไม่ได้มีแค่เกี๊ยวนะคะ ยังมีเมนูอื่น ๆ ที่อร่อยไม่แพ้เมนูหลักของทางร้านเลย  เกี๊ยวหนองบัว 121-123 ถนนสุขุมวิท ตำบลวังกระแจะ อำเภอเมือง จังหวัดตราด เปิดวันจันทร์ – เสาร์ เวลา 06.00น.– 22.00 น. 092 988 8597 https://goo.gl/maps/fSPp11i7eV7MYfsz6 เรียนรู้ประวัติศาสตร์ตราดผ่านพิพิธภัณฑสถานเมืองตราด อีกแห่งที่พลาดไม่ได้ นั่นคือ “พิพิธภัณฑสถานเมืองตราด” แหล่งรวบรวมเรื่องราวของเมืองตราดที่น่าสนใจ ภายในมีห้องนิทรรศการต่าง ๆ เช่น ห้องเหตุการณ์ยุทธนาวีเกาะช้างที่จำลองห้องจัดแสดงป็นเรือรบ ห้องเหตุการณ์สำคัญในสมัยรัชกาลที่ 5 จัดแสดงเรื่องการส่งมอบเมืองตราดคืนจากฝรั่งเศส การพระราชทานพระแสงราชศาสตราประจำเมือง และการเสด็จประพาสเมืองตราด รวมทั้งมีห้องที่เล่าเรื่องราวความเป็นมาของจังหวัดตราดอีกด้วย พิพิธภัณฑสถานเมืองตราด ถนนสันติสุข ตำบลบางพระ อำเภอเมืองตราด จังหวัดตราด เปิดวันอังคาร – วันศุกร์ เวลา 09.00-16.00 น. วันเสาร์ – วันอาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 09.30-16.30 น.  086 450 5263, 065 663 3808 ค่าเข้าชม เด็ก 5 บาท ผู้ใหญ่ 10 บาท ชาวต่างชาติ 30 บาท

✨ตะลุยตราด✨ อ่านเพิ่มเติม

✨ตามรอย บุพเพสันนิวาส 2 วัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร 💟

เพื่อน ๆ ที่ได้ไปชมภาพยนตร์เรื่องบุพเพสันนิวาส 2 จะเห็นว่าในเรื่องมีการกล่าวถึงวัดประยุรและเป็นจุดสำคัญที่ทำให้มีการย้อนเวลาไปในอดีต แต่วันนี้แอดไม่ได้จะพาเพื่อน ๆ ย้อนอดีตไปหาคุณพี่ภพกับแม่เกสรนะคะ แอดจะพาไปดูวัดประยุรที่สร้างเสร็จแล้วค่ะว่าสวยแค่ไหน 😀 ถ้าเพื่อน ๆ เคยผ่านไปแถวสะพานพุทธฯ น่าจะเคยเห็นเจดีย์สีขาวตั้งตระหง่านอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณนั้นละค่ะคือวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร หรือเรียกสั้น ๆ ว่าวัดประยุร สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2371 ในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 แล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2379 โดยสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยุรวงศ์ (ดิศ บุนนาค) ได้บริจาคที่ดินให้สร้างวัด จุดเด่นที่ต้องพูดถึงก็คือ พระบรมธาตุมหาเจดีย์ที่สูงถึง 60 เมตร ใช้เทคนิคการสร้างแบบอยุธยา โดยมีการสร้างเสาแกนกลางเพื่อเป็นหลักในการก่อสร้างเจดีย์ขนาดใหญ่ ปัจจุบันเป็นเจดีย์แบบมีแกนกลางเพียงหนึ่งเดียวที่เหลืออยู่ และยังเปิดให้เข้าชมด้านในเจดีย์อีกด้วยในปี พ.ศ. 2556 พระบรมธาตุมหาเจดีย์ ได้รับรางวัล Award of Excellence โครงการประกวดรางวัลเพื่อการอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกจากยูเนสโกอีกด้วยนะ  วัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร ถนนประชาธิปก แขวงวัดกัลยาณ์ เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร 02 466 1693https://goo.gl/maps/aWCDNEWF3hnUDHfH6 นอกจากพระบรมธาตุมหาเจดีย์ ยังมีพระอุโบสถที่ประดิษฐานพระพุทธธรรมวิเชษฐศาสดา พระพุทธรูปปางมารวิชัย หล่อด้วยโลหะ พระพุทธรูปองค์นี้สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยุรวงศ์ ให้ช่างชาวไทยเป็นผู้หล่อและว่าจ้างช่างลงรักปิดทองมาจากประเทศญี่ปุ่น ถือได้ว่าเป็นพระพุทธรูปองค์แรกที่ลงรักปิดทองโดยช่างชาวญี่ปุ่น ในปี พ.ศ. 2535 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดพระราชทานนามพระประธานในพระอุโบสถว่า “พระพุทธธรรมวิเชษฐศาสดา” แปลว่า พระพุทธเจ้าผู้ทรงเป็นพระศาสดาประเสริฐสุดโดยธรรม ข้าง ๆ พระอุโบสถมีพระวิหารที่ประดิษฐานพระพุทธนาค พระประธานที่อัญเชิญมาจากสุโขทัย เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย อีกจุดสำคัญของวัดประยุร นี้คือ “เขามอ” เป็นภูเขาจำลองอยู่กลางสระน้ำ ประดิษฐานหลวงพ่อแขกซึ่งเป็นพระพุทธรูปที่มีพุทธลักษณะแบบอินเดีย เสานี้เรียกว่า เสาแกนกลาง หรือ เสาครู เพราะใช้เป็นศูนย์กลางรัศมีวงกลมของเจดีย์ ที่สำคัญพระบรมธาตุมหาเจดีย์แห่งนี้เป็นเจดีย์องค์เดียวในยุครัตนโกสินทร์ที่มีเสาแกนกลางด้วยนะคะ เป็นอย่างไรกันบ้างคะวัดประยุรตอนสร้างเสร็จแล้วสวยงามมาก ๆ เลยใช่ไหมล่ะคะ 

✨ตามรอย บุพเพสันนิวาส 2 วัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร 💟 อ่านเพิ่มเติม

รวม 8 พิกัดเที่ยว มุกดาหาร ดินแดนริมโขง

#มุกดาหาร เหมาะกับการมาใช้ชีวิตสโลว์ไลฟ์ริมแม่น้ำโขง สัมผัสวิถีชีวิตแสนเรียบง่าย วัฒนธรรม ความเชื่อ วัดวาอาราม ธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ และสำหรับใครที่กำลังหาที่เที่ยวช่วงหน้าฝนก็เหมาะมาก ๆ เพราะได้ทั้งเช็กอินธรรมชาติ อุทยานแห่งชาติภูภาเทิบ ปักหมุดถ่ายรูปสวยตามแลนมาร์คสำคัญต่าง ๆ ได้ด้วย ซึ่งถ้าใครยังไม่เคยเที่ยวมุกดาหารมาก่อน ลองใช้วันหยุดสุดสัปดาห์สั้น ๆ แพลนมาเที่ยวเมืองมุกกัน แล้วจะรู้ว่าเมืองนี้ก็น่าเที่ยว และทำให้หลงรักได้ไม่รู้ตัว เก็บให้ครบตามนี้ได้เลย มีเวลาแค่ 2 วัน 1 คืนก็เที่ยวได้แล้ว  แก่งกะเบา พญาศรีภุชงค์มุกดานาคราช  ศาลพ่อปู่พญานาค อนันตนาคราช  สะพานมิตรภาพไทย – ลาว แห่งที่ 2  Muk Street Art  หอเจ้าแม่สองนางพี่น้อง  หอแก้วมุกดาหาร  วัดรอยพระพุทธบาทภูมโนรมย์  อุทยานแห่งชาติภูผาเทิบ   แก่งกะเบา นอกจากวิวธรรมชาติที่สวยงาม เกาะแก่งกลางน้ำที่ถูกสายน้ำโขงกัดเซาะมีรูปร่างแปลกตา ยังโดดเด่นด้วย พญาศรีภุชงค์มุกดานาคราช ประติมากรรมพญานาคประดับหินอ่อนที่โดดเด่นด้วยรูปร่างสีขาวหมอกสง่างาม สูง 11 เมตร ยาว 51 เมตร นับเป็นแหล่งท่องเที่ยวชื่อดัง และเชื่อว่าเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นสิริมงคล นำความรุ่งโรจน์มาสู่จังหวัดมุกดาหารนั่นเอง พิกัด : https://goo.gl/maps/nmJBZ1emGTGnfoKx6  อุทยานแห่งชาติภูผาเทิบ ไฮไลท์คือประติมากรรมกลุ่มหินขนาดยักษ์ที่สร้างสรรค์ขึ้นโดยธรรมชาติ ผ่านกาลเวลามายาวนานถึง 95-120 ล้านปี มีลม น้ำฝนกัดเซาะจนเกิดเป็นรูปร่างต่าง ๆ เช่น หินรูปหัวจระเข้ ไอพ่น จานบิน ดอกเห็ด.ฯลฯ นอกจากนี้ภายในอุทยานยังมีจุดเช็กอิน สถานที่เที่ยวทางธรรมชาติอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ลานมุจลินท์ ลานหินทอดยาวที่มักจะอวดโฉมเหล่าดอกไม้แสนสวยทั้ง สร้อยสุวรรณา หยาดน้ำค้าง หนาวเดือนห้า ดาวรวมดวง สร้อยสุวรรณา และดุสิตา หรือจะเป็น น้ำตกภูถ้ำพระ สายน้ำไหลลงลงมาจากหน้าผาสูงชัน 20-30 เมตร สวยงามมาก อีกทั้งด้านบนน้ำตกจะมีเพิงหินขนาดใหญ่อันเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปปั้นและ พระไม้แกะสลักอายุนับร้อยปีอีกด้วย พิกัด : https://goo.gl/maps/n1KQjX5tm3LVhiSy7  ศาลพ่อปู่พญานาค อนันตนาคราช ตั้งอยู่บริเวณใต้สะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 2 เป็นจุดชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงามริมแม่น้ำโขง โดยชาวบ้านเชื่อกันว่าใครที่มาสักการะขอพรพญาอนันตนาคราช หน้าศาลพญานาค ไม่ว่าจะเป็นเรื่องโชคลาภ การงานและความเป็นสิริมงคล มักจะได้สมความปรารถนา พิกัด : https://goo.gl/maps/khLtKhc2JcMiNbKw7  สะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 2 สะพานคอนกรีตข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 2 เชื่อมจังหวัดมุกดาหาร ประเทศไทย กับแขวงสะหวันนะเขต สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์แห่งสายสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องสองแผ่นดินไทย – ลาวที่ผูกพันแนบแน่นนับแต่อดีต มีระยะทางยาวกว่า 2,702 เมตร สวยงามมาก ๆ พิกัด : https://goo.gl/maps/DBzNzUsUk2rqgoy57  นอกจากพิกัดไหว้องค์พญานาค เที่ยวธรรมชาติเมืองมุกดาหารแล้ว ที่จะพลาดไม่ได้เลยก็คือการได้มาเดินชมเมืองบริเวณ Muk Street Art ถ่ายภาพกับผนังที่เต็มไปด้วยภาพวาดเท่ ๆ ไว้ลงอวดโซเชียลกัน ซึ่งบริเวณนี้ก็มีภาพอาร์ต ๆ เยอะมาก ๆ เดินชิลได้ทั้งวันไม่มีเบื่อเลย หรือใครเบื่อระหว่างทางก็มีร้านอร่อย ๆ ให้แวะกันด้วยนะ พิกัด :https://goo.gl/maps/fHWMG2hadZiuBn8e9  หอเจ้าแม่สองนางพี่น้อง ประวัติเล่ากันว่ามีธิดาสองพี่น้องของเจ้าเมืองฝั่งลาวนั่งเรือข้ามฝั่งมามุกดาหารแล้วเรือเกิดล่มเสียชีวิตทั้งคู่ จึงมีการตั้งศาลขึ้น ชาวเมืองเชื่อกันว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์โดยในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ของทุกปี ชาวจังหวัดมุกดาหารจะมีการจัดพิธีบวงสรวงขึ้นพร้อมกันกับศาลเจ้าพ่อเจ้าฟ้ามุงเมืองเพื่อความเป็นสิริมงคล พิกัด : https://goo.gl/maps/3z4TCKzZxS25WqNf6  หอแก้วมุกดาหาร หรือ หอแก้วมุกดาหารเฉลิมพระเกียรติกาญจนาภิเษก สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชครองราชย์ ครบ 50 ปี ซึ่งเป็นหอคอสูง 7 ชั้น สามารถชมวิวเมืองมุกดาหารได้แบบกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา วิวแม่น้ำโขงและมองเห็นถึงแขวงสะหวันนะเขต สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวเลยทีเดียว พิกัด : https://goo.gl/maps/LrashYeaEgyaJmeS7  วัดรอยพระพุทธบาทภูมโนรมย์ สวยงามอลังการองค์พญานาคบนเขา พญาศรีมุกดามหามุนีนิลปาลนาคราช รูปปั้นพญานาคขนาดใหญ่สูงถึง 20 เมตร และโดดเด่นด้วย พระเจ้าใหญ่แก้วมุกดาศรีไตรรัตน์ พระพุทธรูปปางมารวิชัยองค์โตสีขาว สูงกว่า 84 เมตร นอกจากนี้ภายในบริเวณวัดยังมีรอยพระพุทธบาทจำลองให้สักการะและจุดชมวิวที่สามารมองเห็นทิวทัศน์ของจังหวัดมุกดาหาร แม่น้ำโขง แขวงสะหวันนะเขต สปป.ลาว อีกด้วย อันซีนมาก ๆ พิกัด : https://goo.gl/maps/3wECEysFJ5sxHuD57

รวม 8 พิกัดเที่ยว มุกดาหาร ดินแดนริมโขง อ่านเพิ่มเติม

📌 จุดชมวิวเขาฝาชี : ระนอง☀️

‘เขาฝาชี’ ภูเขาที่มีลักษณะรูปทรงสัณฐานคล้ายฝาชี มีความสูง 259 เมตร จากระดับน้ำทะเล ในอดีตพื้นที่บริเวณเขาฝาชีเคยเป็นที่ตั้งค่ายทหารญี่ปุ่นในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 มาก่อน ปัจจุบันบนยอดเขาเป็นจุดชมทัศนียภาพแม่น้ำกระบุรี เส้นแบ่งเขตแดนตามธรรมชาติระหว่างไทยกับเมียนมา ที่ไหลมาบรรจบกับคลองละอุ่นบริเวณเบื้องล่างของจุดชมวิว นอกจากนี้หากโชคดีอาจได้ชมทะเลหมอกในยามเช้าและในช่วงหลังฝนตก ที่นี่ยังถือเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกยามเย็นที่สวยงามมากอีกแห่งของระนอง 🚙 การเดินทาง : จากตัวเมืองระนอง ใช้ทางหลวงหมายเลข 4 (ถนนเพชรเกษม) เส้นทางไปจังหวัดชุมพร เมื่อเข้าเขตอำเภอละอุ่นและข้ามสะพานคลองละอุ่นมาแล้ว ให้ตรงต่อไปอีกราว 2 กิโลเมตร จะพบทางขึ้นเขาฝาชีอยู่ซ้ายมือ จากปากทางถนนเพชรเกษมตรงขึ้นสู่จุดชมวิวบนเขา มีระยะทาง 3 กิโลเมตร เป็นถนนลาดยางรถสวนกันสองเลน มีความคดโค้ง ไหล่ทางค่อนข้างแคบ แต่ไม่ชันมาก ระยะทางรวมจากตัวเมืองระนองประมาณ 33 กิโลเมตร

📌 จุดชมวิวเขาฝาชี : ระนอง☀️ อ่านเพิ่มเติม

#พระพุทธรูปหินลาวา เป็น 1 ใน 25 Unseen New Series

พระพุทธรูปหินลาวา เป็น 1 ใน 25 Unseen New Series ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ตั้งอยู่ที่วัดถ้ำกระบอก สระบุรี ใกล้ ๆ กรุงเทพฯ นี่เอง เพื่อน ๆ ที่ยังไม่เคยไป ลองมาเก็บข้อมูลเบื้องต้นกันค่ะ👇 🗿✨ที่ผ่านมา วัดถ้ำกระบอกเป็นที่รู้จักกันในฐานะสถานบำบัดผู้ติดยาเสพติด แต่ปัจจุบัน มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าตื่นตาตื่นใจขึ้นมาอีกด้วย นั่นคือ พระพุทธรูปหินลาวาขนาดใหญ่นับสิบองค์ ตั้งรายล้อมเป็นวงกลมบริเวณลานกลางแจ้ง องค์พระทั้งหมดเป็นสีเทาเข้ม ๆ ไปจนสีดำ สร้างจากหินแร่ต่าง ๆ จากภูเขาในบริเวณนี้ นำไปหลอมด้วยความร้อนเปรียบเสมือนกับลาวา ถือได้ว่าเป็นแห่งเดียวในเมืองไทยเลยก็ว่าได้ที่มีพระพุทธรูปหินลาวาแบบนี้ ช่วงกลางวัน อากาศอาจจะร้อนสักหน่อย แนะนำให้มาช่วงเช้าถึงสาย ๆ หรือช่วงเย็น บรรยากาศกำลังดีเลยค่ะ 🌤 📍 วัดถ้ำกระบอก ตำบลขุนโขลน อำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี 🌐 https://goo.gl/maps/WgVRLEXeKESzPRWd8

#พระพุทธรูปหินลาวา เป็น 1 ใน 25 Unseen New Series อ่านเพิ่มเติม

ประกาศผลกิจกรรม POST AND SHARE SFTF 2022

Huawei (ประเทศไทย) ร่วมกับ ททท. และ Asean Foundation จัดพิธีปิดโครงการ Seeds for the Future ณ โรงแรม Grand Fortune Hotel กรุงเทพฯ หนึ่งในกิจกรรมที่ ททท. ให้เยาวชนได้ร่วมสนุกในการโพสท์และแชร์ การร่วมทำกิจกรรมต่าง ๆ ในประเทศไทย โดยใช้ แฮชแท็ก #amazingthailand #AmazingNewChapters #1672ResponsibleTravel #myunseenstory โดยผู้ชนะในกิจกรรมนี้ ททท. ได้มอบบัตรโดยสารเครื่องบินในประเทศ เส้นทางกรุงเทพฯ-ภูเก็ต 3 รางวัล และเส้นทางกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ 2 รางวัล โดย นางรุจิรัศมิ์ ฉัตรเฉลิมกิจ ผอ.ฝ่ายบริการการตลาด เป็นผู้มอบรางวัล

ประกาศผลกิจกรรม POST AND SHARE SFTF 2022 อ่านเพิ่มเติม

การแสดงศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย รำ 4 ภาค ใน closing ceremony SFTF 2022

ททท. ในฐานะหนึ่งในผู้สนับสนุนโครงการ Seed for the future ได้สร้างความประทับใจให้แก่นักศึกษาที่เข้าร่วมโครงการในพิธีปิด ด้วยการจัดการแสดงศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย การรำ 4 ภาค ที่เป็นเอกลักษณ์และโดดเด่นในความเป็นไทย อีกทั้งยังมีการแสดงรำวงในช่วงท้าย โดยให้นักศึกษาจากประเทศต่าง ๆ มีส่วนร่วมซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี สร้างความประทับใจและความสนุกสนานให้ผู้เข้าร่วมโครงการเป็นอย่างมาก

การแสดงศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย รำ 4 ภาค ใน closing ceremony SFTF 2022 อ่านเพิ่มเติม

✨ พระอจนะ วัดศรีชุม ✨

เพื่อน ๆ เคยได้ยินตำนานพระพุทธรูปพูดได้ไหมคะ ตำนานนี้เกิดขึ้นใน #วัดศรีชุม หนึ่งในโบราณสถานของอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย จังหวัดสุโขทัยนั่นเองค่ะ วัดศรีชุม เป็นวัดในอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย เป็นที่ประดิษฐาน “พระอจนะ” พระพุทธรูปปางมารวิชัยขนาดใหญ่ ลักษณะของวิหารสร้างเป็นรูปสี่เหลี่ยม ไม่มีหน้าต่าง ผนังทั้งสี่ด้านยังคงดูแข็งแรงและแน่นหนาอยู่ ผนังทางด้านใต้มีช่องให้คนสามารถเข้าไปภายในและเดินขึ้นไปตามทางบันไดแคบ ๆ ถึงผนังด้านข้างขององค์พระอจนะนอกจากนี้ บนเพดานช่องบันไดยังมีแผ่นหินชนวนขนาดใหญ่แกะสลักลวดลายเรื่องชาดกต่าง ๆ จำนวนทั้งหมด 50 ภาพ เมื่อเดินตามช่องทางบันไดขึ้นไปจะโผล่บนหลังคาวิหารมองเห็นทิวทัศน์โดยรอบ (ปัจจุบันบริเวณนี้ไม่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชม) ที่มาของ พระอจนะ พระพูดได้ เล่ากันว่าในสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราชยกทัพไปตีเมืองสวรรคโลกได้ตั้งพลับพลาข้างวัดศรีชุม พระองค์ได้สั่งให้ทหารนายหนึ่งปีนบันไดขึ้นไปและพูดสร้างขวัญกำลังใจแก่ทหาร จึงเป็นที่มาของตำนานพระพูดได้ อีกทั้งวัดนี้ยังเป็นวัดที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชได้ทำพิธีถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยาอีกด้วย   อัตราค่าเข้าชม ชาวไทย 20 บาท ชาวต่างชาติ 100 บาท วัดศรีชุม  อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ตำบลเมืองเก่า อำเภอเมือง จังหวัดสุโขทัย  เปิดทุกวัน ตั้งแต่ 06.30-19.30 น. 055 697 527 https://goo.gl/maps/zUHC1mKjAKcJDToe6

✨ พระอจนะ วัดศรีชุม ✨ อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top