เพื่อนร่วมทาง

พิธีอัญเชิญพระพุทธสิหิงค์ ออกจากวิหารลายคำขึ้นประดิษฐานบนรถบุษบก

✨ ช่วงเช้า พิธีอัญเชิญพระพุทธสิหิงค์ ออกจากวิหารลายคำขึ้นประดิษฐานบนรถบุษบก เพื่อเตรียมเข้าร่วมขบวนแห่สรงน้ำพระในช่วงบ่ายของวัน ✨ จากนั้นในเวลา 14.09 น. เคลื่อนขบวนแห่พระพุทธสิหิงค์ ร่วมกับพระพุทธรูปสำคัญของวัดต่าง ๆ ให้ประชาชนได้สรงน้ำพระ ✨ ช่วงเย็น อัญเชิญพระพุทธสิหิงค์ ขึ้นประดิษฐานบนแท่นกลางวงเวียนด้านหน้าวิหารหลวง ณ วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร หลังจากเสร็จสิ้นขบวนแห่ เพื่อให้ประชาชนได้สักการะและสรงน้ำตลอดช่วงเทศกาลสงกรานต์ บรรยากาศเต็มไปด้วยความคึกคัก สนุกสนาน เล่นน้ำคลายร้อนกันตลอดสาย ตั้งแต่บริเวณสี่แยกสันป่าข่อย ประตูท่าแพ จนถึงวัดพระสิงห์วรมหาวิหาร 💦🎉

พิธีอัญเชิญพระพุทธสิหิงค์ ออกจากวิหารลายคำขึ้นประดิษฐานบนรถบุษบก อ่านเพิ่มเติม

ขบวนแห่อัญเชิญน้ำทิพย์นมัสการพระพุทธสิหิงค์ “ไหว้สาจุมสะหรีน้ำทิพย์ปี๋ใหม่เมือง ปี 2566”

ชวนชมภาพบรรยากาศขบวนแห่อัญเชิญน้ำทิพย์นมัสการพระพุทธสิหิงค์ “ไหว้สาจุมสะหรีน้ำทิพย์ปี๋ใหม่เมือง” จัดขึ้นในวันที่ 12 เมษายน 2566 เวลา 16.00 น. ที่ผ่านมา 💦✨ นับว่าเป็นกิจกรรมสุดพิเศษที่ในปีนี้มีการแห่อัญเชิญน้ำทิพย์ที่ผ่านการประกอบพิธีหุงน้ำทิพย์ปีใหม่เมือง ซึ่งเป็นน้ำจากแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 9 แห่ง ในจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อความเป็นสิริมงคลในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี๋ใหม่เมือง 2566 และแจกจ่ายให้ประชาชนที่เดินทางมาท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงใหม่ วันที่ 12-16 เมษายน 2566 (หรือจนกว่าจะหมด) 🎉 สำหรับเพื่อน ๆ ที่อยู่ในพื้นที่เมืองเชียงใหม่ หรือใครที่กำลังเดินทางมาเที่ยวเชียงใหม่ในวันที่ 13 เมษายน 2566 นี้ ยังมีกิจกรรมตลอดทั้งวัน ได้แก่⏰ เวลา 08.00 น. สรงน้ำและทำพิธีอาราธนาพระพุทธสิหิงค์ ณ วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร จังหวัดเชียงใหม่ ลงจากบุษบกเพื่อเตรียมสำหรับพิธีการแห่ในช่วงบ่าย⏰ เวลา 14.09 น. เคลื่อนขบวนแห่ ณ บริเวณสี่แยกสันป่าข่อย สิ้นสุดที่วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร

ขบวนแห่อัญเชิญน้ำทิพย์นมัสการพระพุทธสิหิงค์ “ไหว้สาจุมสะหรีน้ำทิพย์ปี๋ใหม่เมือง ปี 2566” อ่านเพิ่มเติม

✨ Van Gogh Alive Bangkok @ ICON SIAM ✨

วันนี้จะเป็นการนำเสนอนิทรรศการศิลปะจากศิลปินชื่อดังระดับโลก “ฟินเซนต์ วิลเลิม ฟัน โคค” หรือที่พวกเราเรียกกันติดปากว่า “วินเซนต์ แวนโกะห์” ศิลปินชาวดัตช์ผู้ยิ่งใหญ่ที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดคนหนึ่งในวงการศิลปะ พร้อมกับสไตล์งานที่โดดเด่นในยุคนั้น ทั้งการใช้สีสันและฝีแปรงที่ถ่ายทอดอารมณ์ของคนวาดลงไปอย่างเต็มที่ จนหลายคนมองว่าเขาเป็นคนสติเฟื่อนและมีภาพจำว่าเขาเป็นเพียงศิลปินที่มีปัญหาทางอารมณ์ที่เกินควบคุมจนถึงขนาดกล้าตัดหูตัวเอง คอนเทนต์ในวันนี้ จะเป็นการนำเสนอประวัติของ แวนโกะห์ ผ่านนิทรรศการภาพวาดของตัวเขาเอง ที่ไม่อยากให้ใครหลายคนพลาด ตามมาดูเรื่องราวของความมหัศจรรย์บนผืนผ้าใบยุคก่อนบนจอสกรีนขนาดใหญ่ในยุคนี้ไปพร้อมกัน ว่าจะพาเราให้รู้จักเรื่องราวของศิลปินคนนี้ได้อย่างไรบ้าง เอาล่ะ มาเริ่มเดินทางเข้าสู่นิทรรศการนี้ไปพร้อมกัน เพื่อน ๆ สามารถซื้อบัตรเข้างานออนไลน์ได้ที่ https://www.thaiticketmajor.com/van-gogh-alive/…หรือหากใครไม่สะดวก ก็เดินไปซื้อที่งานได้เลย งานจัดอยู่ที่ Attraction Hall ชั้น 6 ณ ศูนย์การค้าไอคอนสยาม (นิทรรศการจัดใกล้ ๆ โรงหนัง SF) เมื่อเข้ามาแล้ว ในโซนแรกจะเป็นห้องที่บอกเล่าประวัติของ แวนโกะห์ คร่าว ๆ เผื่อใครเพิ่งเริ่มติดตามจะได้ทราบประวัติของเขาแบบย่อ ๆ ซึ่งการได้รู้ประวัติของตัวศิลปินก่อนเข้าชมนิทรรศการ สามารถเพิ่มอรรถรสในการชมห้องต่อไปได้มากทีเดียว โดย แวนโกะห์ มีประวัติย่อ ๆ ดังนี้ แวนโกะห์ เกิดวันที่ 30 มีนาคม ค.ศ. 1853 ที่เมืองซึนเดิร์ต (Zundert) ในประเทศเนเธอร์แลนด์ มีพ่อเป็นนักบวชหลวงนิกายโปรแตสแตนท์ แม่และครอบครัวฝั่งแม่ทำงานด้านศิลปะ มีพี่น้องด้วยกันทั้งหมด 6 คน โดยมีน้องชายที่เขาสนิทชื่อ ธีโอ ตลอดชีวิตในวัยเด็ก เขาคลุกคลีและได้เรียนรู้ถึงความเป็นอยู่ระหว่างชนชั้นกลางของทางบ้านเขาและเหล่าเกษตรกร กรรมกร ว่าต่างกันขนาดไหน ซึ่งประสบการณ์ในช่วงนี้จะเป็น 1 ในอิทธิพลที่ส่งผลต่อผลงานการวาดภาพช่วงแรก ๆ ของเขา หลังจากเรียนจบ เขาได้ทำงานที่ Goupil & Cie ห้องภาพแห่งหนึ่งที่ญาติเขาเป็นหุ้นส่วนตั้งแต่อายุ 16 ปี และเมื่อเขามีอายุได้ 18 ปี เขาถูกส่งตัวไปยังห้องภาพสาขาปารีส ด้วยความที่เขาเป็นคนซื่อและพูดตรง เขาจะบอกลูกค้าไม่ให้ซื้อภาพนั้นหากเป็นภาพที่ไม่คุ้มค่ากับราคา จนสร้างความไม่พอใจให้ทางร้านและไล่เขาออกในที่สุด ในช่วงอายุ 20 เป็นช่วงที่เขาทั้งผิดหวังจากความรักและมีภาวะซึมเศร้า เขาจึงเริ่มมองหาเส้นทางใหม่ ๆ ให้กับตัวเอง อย่างการลองศึกษาศาสนาและเป็นผู้เผยแพร่ แต่ก็ไปไม่รอดเพราะเขาเป็นคนที่พูดจูงใจคนไม่เก่ง แถมยังอุทิศเงินส่วนตัวให้กับคนทุกข์ยากจนตัวเองลำบาก ต้องกินแค่เศษขนมปัง ทำให้ร่างกายผอมลงและเป็นพิษไข้ สุดท้ายเขาก็ถูกไล่ออกจากการเป็นผู้เผยแพร่ศาสนา จนกระทั่งเขาอายุได้ 27 ปี เป็นช่วงที่เขาได้พบกับเส้นทางที่เขาตามหา เขาเริ่มหันมาสนใจในศิลปะอีกครั้ง จากการพบเห็นผลงานศิลปะแบบ Impression ในยุคนั้น เขาเริ่มเรียนรู้ที่จะวาดและถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกของเขาลงไปในภาพวาด โดยมีน้องชายของเขา ธีโอ เป็นนายหน้าขายภาพให้ หากเทียบกับศิลปินคนอื่น ถือว่าเขาเริ่มต้นวาดภาพช้าและมีเวลาในการวาดรูปเพียง 10 ปีเท่านั้น เพราะในช่วงวัย 37 ปี เขาได้เสียชีวิตลงจากสาเหตุยิงตัวเองเข้าที่กลางลำตัว หลายคนก็ตั้งข้อสันนิษฐานว่าเขาน่าจะเสียชีวิตจากอุบัติเหตุเพราะมีปากเสียงกับเด็กหนุ่มวัยคึกคะนองในละแวกนั้นมากกว่า แต่ใน 10 ปีนี้ เขามีผลงานศิลปะราว 2,100 ชิ้น เป็นภาพวาดสีน้ำมันกว่า 900 ชิ้น และภาพวาดลายเส้นอีกประมาณ 1,100 ชิ้น ซึ่งส่วนใหญ่เขาวาดในช่วงเวลาสองปีสุดท้ายก่อนเสียชีวิต หลังจากเขาเสียชีวิตไปแล้ว 6 เดือนต่อมา ธีโอ น้องชายผู้สนับสนุนและคอยผลักดันเส้นทางการเป็นศิลปินของแวนโกะห์ ก็เสียชีวิตจากโรคทางสมอง โจฮันนา ภรรยาหม้ายของธีโอ ที่ยังเชื่อมั่นในตัวของแวนโกะห์ ก็ต่อสู้ผลักดันผลงานของเขาต่อไป จนผลงานของเขาเป็นที่นิยมขึ้นมา และกลายเป็นของล้ำค่าราคาสูงจนถึงปัจจุบัน ในห้องเดียวกันมีประวัติของภาพวาดอย่าง The Starry Night, Café Terrace At Night, Sunflowers, Almod Blossom, Portrait Of Dr.Garchet, Wheat Field With Crow ให้อ่านด้วยนะ นอกจากนี้ ภายในโซนแรก เพื่อน ๆ จะพบกับห้องนอนจำลอง ที่มีต้นแบบมาจากภาพวาด Bedroom in Arles ภาพห้องนอนของ แวนโกะห์ ในบ้านหลังสีเหลือง ที่เขาอาศัยร่วมอยู่กับเพื่อนศิลปิน พอล โกแกง (Paul Gauguin) ที่ทำให้ต่อมามีรูปที่มีชื่อเสียงมาก ๆ อีกรูปก็คือ “ดอกทานตะวัน” นั่นเอง จากนั้นจะเป็นการเดินทางเข้าสู่โซนที่ 2 ไฮไลท์ของนิทรรศการนี้ ซึ่งจะมีป้ายแจ้งข้อมูลก่อนเดินเข้าไป ว่าทางนิทรรศการแนะนำให้ผู้เข้าชมใช้เวลาอย่างน้อย 40 นาทีในการชมโซนที่ 2 นี้ การเล่าเรื่องของโซนนี้ จะเป็นการนำเสนอประวัติของ แวนโกะห์ ที่เราอ่านกันในโซนที่ 1 ผ่านภาพวาดของเขาตามช่วงอายุ ด้วย Immersive Multi-Sensory Experience ที่จะเริ่มฉายภาพไปทั่วกำแพงและพื้น มีตั้งแต่ภาพที่เขาเริ่มวาดด้วยสีทึมทะมึน อย่างภาพ The potato eaters ที่บอกเล่าเรื่องราวที่เขาพบเจอมาในช่วงเด็ก ที่นำเสนอภาพชีวิตของครอบครัวชาวนาล้อมวงกินอาหารมื้อค่ำอย่างสมถะ ซึ่งภาพนี้เป็นอีกภาพที่ทำให้คนเริ่มหันมามองเขาในฐานะศิลปิน ไปจนถึงภาพที่เขาหัดวาดดอกไม้ และวาดภาพเหมือนของตัวเอง บรรยากาศรอบตัวจะเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ จากภาพวาดของเขาที่มีอยู่หลายพันภาพ ให้ความรู้สึกเหมือนตัวเราเป็นส่วนหนึ่งของภาพวาด ที่สำคัญในบางช่วงจะมี “กลิ่น” ที่ทางงานปล่อยออกมา เพื่อให้ผู้เข้าชมได้รับประสบการณ์ในการชมที่มากขึ้นอีกด้วย ภาพที่ฉายออกมา หากไปดูใกล้ ๆ จะเห็นรายละเอียดของฝีแปรงจากตัวศิลปินได้อย่างชัดเจน อย่างภาพ Starry Night Over the Rhône ก็เห็นรายละเอียดนี้ชัดมาก ต้องชมความเก่งและความทันสมัยของเทคโนโลยีและผู้จัดงานนี้จริง ๆ ที่ถ่ายทอดประสบการณ์ดี ๆ มาให้ผู้ชมงานได้มากขนาดนี้ โซนต่อมา เป็น Installation Art ที่จะจำลองภาพวาดของเขาออกมาเป็นพื้นที่จริง ให้ผู้เข้าชมได้ไปถ่ายรูปอย่างใกล้ชิด ซึ่งเมื่อก้าวเข้าสู่ห้องนี้ เพื่อน ๆ จะเจอกับภาพ Noon, Rest

✨ Van Gogh Alive Bangkok @ ICON SIAM ✨ อ่านเพิ่มเติม

✨ ประเพณีปอยส่างลอง หรือ บวชลูกแก้ว ✨

การบรรพชาสามเณรตามแบบฉบับของชาวไทยใหญ่ ซึ่งเชื่อกันว่าได้กุศลแรงกว่าการบวชพระ โดยเด็กที่เข้าพิธีบรรพชาจะเรียกว่า “ส่างลอง” เมื่อถึงกำหนดจัดงานจะมีการโกนผมส่างลอง แต่จะไม่โกนคิ้ว (เพราะพระภิกษุพม่าไม่โกนคิ้ว) แล้วแต่งกายอย่างสวยงามด้วยเครื่องประดับอันมีค่า เช่น สวมสายสร้อย กำไล แหวน และใช้ผ้าโพกศีรษะแบบพม่า สวมถุงเท้ายาว นุ่งโสร่ง ทาแป้งขาว เขียนคิ้ว ทาปาก จากนั้นพาไปขึ้นขี่บนหลังม้า ถ้าไม่มีม้าก็จะขี่คอคน ซึ่งเรียกว่า “พี่เลี้ยง” หรือ “ตะแปส่างลอง” แล้วแห่ไปตามถนนสายต่าง ๆ มีกลดทองหรือ “ทีคำ” แบบพม่า กางเพื่อกันแดด ปัจจุบันประเพณีได้มีการกำหนดรูปแบบให้เป็นการบรรพชาสามเณรแบบสามัคคี คือ จัดให้มีการบรรพชาส่างลองจำนวนมากในคราวเดียวกัน โดยมักจัดเป็นประจำทุกปีในช่วงปลายเดือนมีนาคม-ต้นเดือนเมษายน หรือช่วงระหว่างปิดภาคการศึกษาของเด็ก ๆ นั่นเอง ทำให้ประเพณีปอยส่างลองของจังหวัดแม่ฮ่องสอนมีความยิ่งใหญ่และงดงามเป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยว ภาพชุดนี้เป็นบรรยากาศส่วนหนึ่งของประเพณีปอยส่างลอง ที่จัดขึ้น ณ วัดปางล้อ อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน จังหวัดแม่ฮ่องสอน เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2566 ที่ผ่านมา เป็นประเพณีที่แสดงให้เห็นถึงศรัทธาอันแรงกล้าในพระพุทธศาสนาของชุมชนท้องถิ่น ตลอดจนการสืบทอดประเพณีจากรุ่นสู่รุ่น ซึ่งควรค่าแก่การอนุรักษ์สานต่อให้คงอยู่สืบไป สำหรับนักท่องเที่ยวและผู้สนใจจะมาชมประเพณีปอยส่างลองที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน ยังมีอีกหลายวัดที่กำลังจะจัดขึ้นในเดือนเมษายน 2566 นี้ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ททท. สำนักงานแม่ฮ่องสอน โทร. 0 5361 2982

✨ ประเพณีปอยส่างลอง หรือ บวชลูกแก้ว ✨ อ่านเพิ่มเติม

✨ บ้านมุง เนินมะปราง จ.พิษณุโลก ✨

ถ้าพูดถึงเพลงดังในช่วงนี้ หลายคนคงนึกถึงเพลงฮิตติดหูอย่างเพลง “นะหน้าทอง” ของ “โจอี้ – ภูวศิษฐ์” ที่สร้างปรากฏการณ์ความนิยม จนยอดชมในยูทูปทะลุถึง 175 ล้านวิวไปแล้ว (ณ วันที่ 31 มีนาคม 2566) ซึ่งสถานที่ถ่ายทำสุดสวยและบรรยากาศที่เต็มไปด้วยธรรมชาติของทุ่งกว้างและภูเขาสูงที่เห็นในเพลงนั้น เป็นสถานที่ท่องเที่ยวมีชื่อ ของ จ.พิษณุโลก นั่นก็คือ ต.บ้านมุง อ.เนินมะปราง ตามมาอ่านรายละเอียดกันได้เลย ต.บ้านมุง ห่างจากตัวเมืองพิษณุโลก 80 กิโลเมตรนิด ๆ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง ที่นี่เป็นชุมชนที่โอบล้อมด้วยภูเขาหินปูนขนาดใหญ่ มีหลักฐานด้านธรณีวิทยาบอกว่ามีอายุมากกว่า 300 ล้านปี ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง พื้นที่รอบหมู่บ้านเป็นทุ่งนา ไร่ข้าวโพด แปลงดอกไม้ มีเส้นทางเดินเขาและชมถ้ำ ที่เป็นบ้านของค้างคาวนับล้าน ที่จะออกหากินในช่วงเย็น หนึ่งกิจกรรมเด่นของคนมาเยือนหมู่บ้านแห่งนี้ เมื่อมาถึงหมู่บ้าน เพื่อน ๆ จะพบกับ “แลนด์มาร์คบ้านมุง” ซึ่งเป็นจุดนัดพบของกิจกรรมแรกที่จะมานำเสนอ นั่นก็คือ การนั่งรถอีแต๊กเที่ยวรอบหมู่บ้าน โดยคุณตุ่น แอดมินกลุ่มคนรักเนินมะปรางจะเป็นไกด์นำเที่ยว ซึ่งกิจกรรมนี้จะใช้เวลาราว ๆ หนึ่งชั่วโมงครึ่ง แต่หากใครไม่อยากนั่งรถอีแต๊ก ก็สามารถหาเช่ารถจักรยานได้เช่นกัน รถอีแต๊กนำเที่ยว ที่ปรับมาจากรถที่ใช้ในการเกษตร ในช่วงแรกของการนั่งรถชมหมู่บ้าน จะเป็นการพาชมถ้ำหินต่าง ๆ ที่กระจายตัวอยู่ทั่วชุมชน ทั้งถ้ำหลวงพ่อบุญมี ถ้ำนางสิบสอง รวมไปถึงถ้ำที่เหล่าค้างคาวอาศัยอยู่ ใครอยากตามรอย MV เพลงนะหน้าทอง ตามมาถ่ายได้เลย จากนั้นจะเป็นการนั่งรถชมบรรยากาศรอบหมู่บ้าน บอกเลยว่าอากาศดีมาก รอบข้างก็มีแต่ธรรมชาติ มองไปทางไหนก็สบายตาไปหมด จุดต่อมา คุณตุ่นพาไปชมจุดตั้งแคมป์ เช่น บ้านมุงแคมป์และแคมป์หมาบ้าใจดี ที่พักแนวตั้งแคมป์กางเต็นท์ ที่นำรายได้ไปช่วยเหลือสุนัขจรจัด แต่สำหรับใครที่อยากทำกิจกรรมเเนวเเอดเวนเจอร์มากกว่าแค่นอนเต็นท์ สามารถสอบถามข้อมูลพิชิตยอดเขาหินปูนและจองล่วงหน้าที่คุณตุ่นได้เลย ในตอนนั่งรถกลับ จะเป็นการชมเส้นทางภูเขาหินรอบเนินมะปรางในอีกเส้นทาง ซึ่งคุณตุ่นเล่าให้ฟังว่า ภูเขาหินที่เรียงกันเนี่ย ยาวถึง 13.5 กิโลเมตรเลยนะ แต่หากใครมาช่วงเย็นอาจต้องทำเวลาหน่อย เพราะในเวลาประมาณ 18.00 น. เป็นช่วงเวลาหากินของค้างคาว ซึ่งจุดชมค้างคาวก็ไม่ใช่ที่ไหน ตรงจุดแลนมาร์คที่ขึ้นรถกันนี่แหละ ในช่วง 15-20 นาทีแรกจะเห็นค้างคาวบินออกมาเยอะมากและค่อย ๆ ดูบางตาลงในช่วงเวลา 19.00 น. การเดินทางไปบ้านมุงที่อยากแนะนำคือ การเช่ารถ หรือถ้าเพื่อน ๆ เป็นสายลุย ก็สามารถนั่งรถโดยสารสายพิษณุโลก – เนินมะปราง จากสถานี บขส.เก่ามาได้ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง ค่ารถ 70 บาท

✨ บ้านมุง เนินมะปราง จ.พิษณุโลก ✨ อ่านเพิ่มเติม

ชวนใช้รถสาธารณะ นั่งรถไฟเที่ยวไทย ไปที่ไหนได้บ้าง? 🚞

ชวนเพื่อน ๆ นักเดินทาง #ลดมลพิษ หันมาใช้รถสาธารณะเดินทางไปท่องเที่ยวทั่วไทย ซึมซับบรรยากาศ และความสวยงามของประเทศไทย ด้วยการนั่ง #รถไฟ ไปเที่ยวด้วยกัน แต่เชื่อว่าหลาย ๆ คนน่าจะยังรู้สึกงงกันอยู่ หากเราต้องการนั่งรถไฟไปเที่ยวนั้น สรุปแล้วต้องไปขึ้นที่ไหน? หัวลำโพงยังเปิดอยู่ไหม? หรือย้ายไปที่สถานีกรุงเทพอภิวัฒน์หมดแล้ว? แชร์ไว้เลยโพสต์นี้มีคำตอบให้ค่ะ ตอนนี้หากเราต้องการจะนั่งรถไฟไปต่างจังหวัด สามารถขึ้นได้ทั้งที่ #สถานีหัวลำโพง และ #สถานีกรุงเทพอภิวัฒน์​ (สถานีกลางบางซื่อ) เลยค่ะ แต่ต้องดูว่าเราจะไปภาคไหน เพราะตอนนี้สายเหนือ สายใต้ และสายตะวันออกเฉียงเหนือ ย้ายไปอยู่ที่สถานีกรุงเทพอภิวัฒน์แล้วนั่นเองค่ะ นอกจากนี้ใครที่ต้องการเดินทางท่องเที่ยวในทริปสั้น ๆ เช่น ไปนครปฐม ไปกาญจนบุรี ไปชุมพร ก็สามารถขึ้นรถไฟที่ #สถานีธนบุรี ได้อีกด้วยค่ะ 😊 สถานีรถไฟหัวลำโพงยังไม่ปิด ยังคงให้บริการขบวนรถไฟชานเมือง ขบวนรถธรรมดา ขบวนรถท่องเที่ยว และขบวนรถไฟสายตะวันออก สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ หรือสถานีกลางบางซื่อ ให้บริการสำหรับขบวนรถไฟทางไกล กลุ่มขบวนรถด่วนพิเศษ และรถด่วนรถเร็ว สายเหนือ ใต้ และอีสาน สถานีธนบุรี ให้บริการสำหรับขบวนรถพิเศษชานเมือง และรถธรรมดา เหมาะสำหรับทริปท่องเที่ยวไม่ไกลกรุงฯ

ชวนใช้รถสาธารณะ นั่งรถไฟเที่ยวไทย ไปที่ไหนได้บ้าง? 🚞 อ่านเพิ่มเติม

🌿 กาลิเลโอเอซิส : GalileOasis 🌿

หากวันหยุดเพียงระยะเวลาสั้น ๆ อาจไม่เป็นใจให้ใครหลาย ๆ คนออกเดินทางไปพักผ่อนในต่างจังหวัด…อยากลองเปลี่ยนบรรยากาศมาพักผ่อนในเมืองกรุงฯ กันดูไหม เพราะในกรุงเทพฯ เมืองที่เต็มไปด้วยอาคารมากมายกระจายตัวอยู่ทั่วเมือง ยังมีมุมลับสีเขียวที่หลบซ่อนอยู่ในซอยเล็ก ๆ ย่านบรรทัดทอง กาลิเลโอเอซิส เป็นอาร์ตสเปซขนาดย่อม ตั้งอยู่ในซอยเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยความแออัดและทรุดโทรมอย่างมากก่อนจะทำการรีโนเวทใหม่ให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ปัจจุบันได้กลายเป็นแหล่งรวมร้านอาหาร คาเฟ่ ที่พัก ร้านเสื้อผ้าแฟชั่น แต่งแต้มสีสันภายในโครงการฯ ด้วยศิลปะจากอาร์ตแกลเลอรี่ นิทรรศการหมุนเวียน และโรงละคร หากพร้อมแล้ว จะพาไปชมบรรยากาศภายในโครงการกัน กาลิเลโอเอซิส ตั้งอยู่ในซอยโรงเรียนกิ่งเพชร ที่นี่ไม่มีที่จอดรถ  แนะนำการเดินทางโดยรถไฟฟ้า BTS ลงสถานีราชเทวี ทางออก 1 ปักหมุดกาลิเลโอเอซิส เดินเข้าซอยพญานาคไปเรื่อย ๆ จนถึงแยกซอยโรงเรียนกิ่งเพชร เดินเข้าซอยไปเพียงนิดเดียวก็จะเห็นป้ายโครงการฯ ระยะทางรวม 800 เมตร  ซอยโรงเรียนกิ่งเพชร ถนนบรรทัดทอง แขวงถนนเพชรบุรี เขตราชเทวี กรุงเทพมหานครhttps://goo.gl/maps/3dBgDVdzoLoYzjXZ7 เมื่อเดินมาถึง มองเห็น  Piccolo Vicolo Café (พิคโคโล่ วิโคโล่ คาเฟ่) ตั้งเด่นอยู่หน้าโครงการฯ จนต้องเดินเข้าไปทันที ภายในร้านตกแต่งสไตล์วินเทจ ติดกระจกรอบด้าน ทำให้รู้สึกโปร่งสบาย ไม่อึดอัด  เช้า ๆ แบบนี้ ไม่ว่าจะวันไหน ๆ แค่ได้กลิ่นกาแฟก็หอมชื่นใจ ไม่รีรอที่จะสั่งเครื่องดื่มสักแก้ว  หลาย ๆ คนที่มา มักจะแนะนำเมนู “กาแฟมะพร้าว” เพราะเป็นกาแฟที่ใช้ความหวานจากน้ำมะพร้าวแท้ ทำให้กาแฟมีรสหวาน กลิ่นหอมสดชื่น  นอกจากนี้ยังมีเครื่องดื่มอีกหลายชนิดให้ลอง สั่งกาแฟแล้วก็ไม่พลาดที่จะสั่งขนมหวานมาลองชิมคู่กัน  เมนูนี้คือ Flourless Chocolate Cake หรือเค้กช็อกโกแลตไร้แป้ง สายคนรักสุขภาพไม่พลาดแน่นอน รสชาติเข้มข้น หวานน้อย ราดซอสราสป์เบอร์รีฉ่ำ ๆ  บรรยากาศภายร้านแต่ละมุมก็น่านั่งไปหมด เหมาะแก่การมานั่งชิล ๆ ในช่วงวันหยุดสั้น ๆ จิบกาแฟเพลิน ๆ แค่คิดก็ฟินน่าดู  Piccolo Vicolo Café บอกก่อนว่าที่นี่ยังมีมุมลับ ๆ อยู่อีก เดี๋ยวจะพาขึ้นไปชมที่ชั้น 2 กัน บริเวณชั้นที่ 2 ของร้าน Piccolo Vicolo Cafe’ เป็นอาร์ตแกลเลอรี่แบบหมุนเวียน แถมยังได้รับความนิยมไม่น้อย ในภาพนี้คือนิทรรศการ “ดิน นํ้า ลม ไฟ กับใจสองดวง” ที่รวบรวมผลงาน ของ คุณอรพินท์ กุศลรุ่งรัตน์ และ คุณอรพรรณ ลีทเกนฮอสท์ งานเซรามิกที่โดดเด่นด้วยลวดลายจากธรรมชาติ สู่กระบวนการปั้นและเผาจนเกิดเป็นเซรามิกที่สวยงาม แม้ว่างานจะจบลงไปแล้ว แต่เพื่อน ๆ ยังสามารถติดตามงานต่อ ๆ ไปรวมถึงอัปเดตกิจกรรมกันได้ที่https://www.facebook.com/GalileOasis-106387081866312/ ภายในโครงการกาลิเลโอเอซิส มีที่นั่งด้านนอกให้เพื่อน ๆ ได้นั่งพักผ่อนชิล ๆ กันด้วย ไม่ต้องกลัวว่าจะร้อน เพราะที่นี่มีบรรยากาศร่มรื่นมาก ๆ เลยล่ะ

🌿 กาลิเลโอเอซิส : GalileOasis 🌿 อ่านเพิ่มเติม

☀️ หาดเสาเอียง @ เพชรบุรี ☀️

🌴 ที่นี่ตั้งอยู่ระหว่างหาดเจ้าสำราญและหาดชะอำ เป็นชายหาดที่มีเสาหลายต้นตั้งเรียงกันจากหาดลงสู่ทะเล นัยว่าแต่ก่อนคงมีการพยายามจะสร้างสะพานหรือจุดชมวิวยื่นไปในทะเลบริเวณนี้ แต่สุดท้ายก็สร้างไม่เสร็จ พื้นที่บริเวณนี้จึงรกร้างไปตามกาลเวลา รวมทั้งสภาพของเสาแต่ละต้นที่เริ่มเอนเอียงไปตามกระแสลมและคลื่น จนกลายเป็นที่มาของชื่อ “หาดเสาเอียง” ⏱️ ช่วงเวลาที่แนะนำให้มาเที่ยว คือ ช่วงเช้าเพื่อมาชมพระอาทิตย์ขึ้น และช่วงเวลาเย็นยามแดดร่มลมตก บรรยากาศดูสวยงามไปอีกแบบ 🚙 การเดินทาง : จากตัวเมืองเพชรบุรี ใช้ทางหลวงหมายเลข 3177 ผ่านหน้ามหาวิทยาลัยราชภัฎเพชรบุรี ตรงไปจนถึงสี่แยกวงเวียนปลาหาดเจ้าสำราญ จากนั้นเลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 4028 (ทางไปหาดชะอำ) ตรงไปประมาณ 5.5 กิโลเมตร จะพบทางเลี้ยวเข้าหาดเสาเอียงทางซ้ายมือ จุดสังเกตคือมีหอถังประปาสูงเด่นอยู่บริเวณทางเลี้ยวเข้าหาด เมื่อเลี้ยวเข้ามาในซอยทางซ้ายมือจะเป็นตึกแถวร้าง ตรงไปราว 300 เมตร จนสุดทางถนนคือหาดเสาเอียง รวมระยะทางจากตัวเมืองเพชรบุรีประมาณ 24 กิโลเมตร

☀️ หาดเสาเอียง @ เพชรบุรี ☀️ อ่านเพิ่มเติม

ชุมชนแหลมมะขาม จ. ตราด 🧺💚

ชวนแพลนทริปเที่ยวภาคตะวันออก ที่ ‘ชุมชนแหลมมะขาม’ จังหวัดตราด เรียนรู้หัตถกรรมจักรสาน ชมหุ่นไม้กระดาน สัมผัสวิถีชุมชน บอกเลยว่าภาคตะวันออกไม่ได้มีดีแค่ทะเล เพราะมีสถานที่ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ที่น่าสนใจด้วยนั่นเอง ชุมชนแหลมมะขาม ตั้งอยู่ที่ อ. แหลมงอบ ห่างจากตัวเมืองตราดประมาณ 10 กิโลเมตร เป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่มีพื้นที่ติดกับทะเล และป่าชายเลน ถึงจะเป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ แต่ก็มีกิจกรรมให้เราเรียนรู้ไม่น้อยเลยค่ะ เช่น การเรียนรู้หัตถกรรมจักสาน การชมหุ่นไม้กระดาน การเรียนรู้การทำขนมพื้นบ้าน เรียนรู้ระบบนิเวศป่าโกงกาง นั่งเรือชมเกาะ เป็นต้น กิจกรรมไฮไลต์ของ ‘ชุมชนแหลมมะขาม’ ที่ห้ามพลาด1. หัตถกรรมจักสานจากต้นคลุ้ม – เรียนรู้ภูมิปัญญาพื้นถิ่น ทดลองทำจักสานจากต้นคลุ้ม ต้นไม้ที่นิยมปลูกในภาคตะวันออก2. พิพิภัณฑ์บ้านหุ่นไม้กระดาน – ชมเพื่อเรียนรู้และอนุรักษ์เครื่องมือช่างไม้โบราณ โดย คุณปู่ สงกรานต์ ไรนุชพงศ์ ชมหุ่นไม้กระดาน ที่ พิพิธภัณฑ์หุ่นไม้กระดาน ชุมชนแหลมมะขาม ที่นี่เป็นการสร้างสรรค์งานศิลปะจากภูมิปัญญาชาวบ้าน เพื่อนำมาเล่าเรื่องราวความเป็นชุมชนแหลมมะขามผ่านแผ่นไม้กระดาน รวมถึงการอนุรักษ์ไว้เพื่อให้คนรุ่นหลังได้มาเรียนรู้ ศึกษา เครื่องมือช่างโบราณ โดยมีการถ่ายทอดเรื่องราวผ่านหุ่นไม้กระดานด้วยนั่นเองค่ะ อีกหนึ่งกิจกรรมไฮไลต์ คือ เรียนรู้ภูมิปัญญาหัตถกรรมจักสานงอบใบจากและสานคลุ้ม ซึ่งถือว่าเป็นอาชีพที่สร้างรายได้ให้กับคนในชุมชนเลยก็ว่าได้ค่ะ โดยเฉพาะหมวกใบจาก หรือ เหละ ผลิตภัณฑ์จักสานที่สร้างชื่อเสียงให้กับชาวบ้าน เป็นศิลปหัตถกรรมพื้นบ้านที่สืบต่อกันมากว่าร้อยปี เหมาะสำหรับใช้กันแดด กันฝน สำหรับชาวสวน ชาวนา คนทั่วไปก็อุดหนุนมาใส่ได้เหมือนกันนะคะ นอกจากนี้ก็ยังมีสานข้าวของเครื่องใช้อีกหลาย ๆ รูปแบบ เช่น พัด พวงกุญแจ เป็นต้น ได้มาเรียนรู้ พูดคุย การทำหัตถกรรมจักสานกับชาวบ้าน สนุก เพลิน ๆ แถมยังได้ของติดไม้ติดมือกลับบ้านด้วยนะคะ นอกจากสานคลุ้มแล้ว ยังมีการเย็บงอบใบจาก ทำเสวียนงอบด้วยค่ะ ซึ่งการเย็บงอบนี่ก็ทำเพื่อนำไปสร้างเป็นที่กันแดด กันฝน หรือเย็บเป็นหมวกได้ด้วยนั่นเองค่ะ ส่วนตัวเสวียนงอบ ก็จะเป็นอุปกรณ์ส่วนหนึ่งในการประกอบทำหมวกงอบค่ะ ใครสนใจหมวกงอบ ที่สานโดยฝีมือของชาวบ้านแหลมมะขาม ก็อุดหนุนสินค้าชุมชน สินค้าชาวบ้านได้นะคะ มาชมวิถีชีวิตผ่านหุ่นไม้กระดาน ที่ พิพิธภัณฑ์หุ่นไม้กระดาน ได้เลยค่ะ นอกจากวิถีชีวิตชาวบ้าน ก็ยังได้เห็นว่าในอดีตเขามีเครื่องมือ เครื่องใช้อะไรบ้าง และสิ่งที่ห้ามพลาดที่สุด คือ การชิมอาหารพื้นบ้าน อาหารพื้นถิ่นนั่นเองค่ะ เพราะอาหารไทยเรามีเสน่ห์ มีเอกลักษณ์ในแต่ละพื้นที่ ใครที่มองหาสถานที่ท่องเที่ยวเพื่อพักผ่อน ที่ ‘ชุมชนแหลมมะขาม’ ตอบโจทย์มาก ๆ เลยค่ะ เงียบ สงบ ได้สัมผัสวิถีชีวิตชาวบ้าน ครบมาก ๆ หรือครอบครัวที่มีเด็กที่อยู่ในวัยเรียนรู้ ที่นี่เป็นแหล่งเรียนรู้นอกสถานที่ดีมาก ๆ อีกที่หนึ่งเลยค่ะ 💚 📌 ชุมชนแหลมมะขาม อ. แหลมงอบ จ. ตราด : https://goo.gl/maps/9mR43L431b5SiMLx6☎ โทร: 098-860-2914Facebook: https://www.facebook.com/baanlaemmakham

ชุมชนแหลมมะขาม จ. ตราด 🧺💚 อ่านเพิ่มเติม

✨ วัดหลวงขุนวิน จังหวัดเชียงใหม่ ✨

หนึ่งในวัดที่มีสถาปัตยกรรมแบบล้านนาสุดสวยใจกลางหุบเขาที่มีอายุกว่า 700 ปี หนึ่งในสถานที่ UNSEEN New Series ที่มีประวัติการสร้างไม่ชัดเจน เนื่องจากผ่านมาหลายยุคสมัยทั้งช่วงรุ่งเรืองและถูกปล่อยให้ทิ้งร้าง แต่จากการเล่าต่อกันมาจากผู้เฒ่าผู้แก่ วัดนี้ถูกสร้างโดย ขุนสาบและขุนสระเมิง ชาวลัวะผู้มีจิตเลื่อมใสในพุทธศาสนา ด้วยความที่ วัดหลวงขุนวิน เป็นวัดที่อยู่ไกลจากชุมชน ไฟฟ้าเข้าไม่ถึง ทางวัดจะใช้แค่พลังงานจากแสงอาทิตย์เท่านั้น ถนนหนทางคดเคี้ยว ขรุขระและต้องขึ้นเขา เข้าถึงตัววัดได้ยาก น้อยคนที่จะมา ทำให้ที่นี่มีบรรยากาศเงียบสงบ เหมาะสำหรับคนที่สนใจการทำสมาธิ ฝึกปฏิบัติกรรมฐาน ภาวนา ปัจจุบันนอกจากคนไทยแล้ว วัดแห่งนี้มักจะมีชาวต่างชาติแวะเข้ามาชมสิ่งปลูกสร้างในวัดอยู่เสมอ ซึ่งภายในวัดมีสิ่งปลูกสร้างดังนี้ ⭐ อุโบสถพระยืน ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปไม้ปางจงกรมแก้ว ความสูง 9 เมตร แกะสลักมาจากต้นไม้ใหญ่เพียงต้นเดียว ⭐ อุโบสถพระนอน ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปไม้แกะสลักปางปรินิพพาน รอบข้างมีงานแกะสลักไม้หลายชิ้น ⭐ บันไดพญานาค ขั้นบันไดมีลักษณะคล้ายเกล็ดของพญานาค มีมอสส์ขึ้นเกาะอยู่ตามขั้นบันได บ่งบอกถึงสภาพอากาศแวดล้อมที่มีความชื้นอยู่ตลอดเวลา สร้างความสดชื่น ร่มเย็นได้อย่างน่าประหลาดใจ ⭐ พระธาตุม่อนเปี้ยะ พระธาตุห้ายอด ภายในบรรจุพระเกศาธาตุของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า 🚗 การเดินทางใช้เส้นทางเชียงใหม่-ฮอด มุ่งหน้าไปที่อำเภอแม่วาง ขับไปตามทางจนถึงกิโลเมตรที่ 26 จะเห็นป้ายทางเข้าหมู่บ้านหัตถกรรมเพื่อการท่องเที่ยวบ้านสบวินทางขวามือ เป็นเส้นทางขึ้นไปวัดหลวงขุนวิน ขับรถต่อไปอีกประมาณ 10 กิโลเมตรจะถึงตัววัด เพื่อน ๆ สามารถจอดรถไว้ที่บ้านชาวปกาเกอะญอห้วยหยวกและใช้บริการรถกระบะของชาวบ้านต่อใน 5 กิโลเมตรสุดท้าย เนื่องจากถนนจะเป็นคอนกรีตสลับกับดินลูกรังและดินแดงในบางช่วง มีความลาดชันและขรุขระ ต้องใช้รถขับเคลื่อน 4 ล้อ ในการเดินทางเท่านั้น เนื่องจากผู้ขับต้องมีความชำนาญในเส้นทางและถือเป็นการช่วยเหลือชาวบ้านในชุมชนอีกทางหนึ่ง

✨ วัดหลวงขุนวิน จังหวัดเชียงใหม่ ✨ อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top